พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1831 โหยวโยวกลัวแล้ว

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1831 โหยวโยวกลัวแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในครั้งนี้ไม่ว่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะอนุญาตหรือไม่ ที่จริงเขาก็จะทำอยู่ดี คำพูดของหยางชิ่งก็มีเหตุผลเหมือนกัน แต่เหมียวอี้ก็ยังตัดสินใจแล้ว

ทว่าเมื่อเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ได้ยินว่าจะล้างเลือดสระน้ำมังกรดำ ก็เรียกได้ว่าตกใจมาก รีบโน้มน้าวว่า : ท่านเหมียวต้องใจเย็นๆ นะ แม้สัตว์เลื้อยคลานพวกนั้นจะน่ารังเกียจ แต่ศักยภาพก็ไม่ได้อ่อนแอเลยจริงๆ ทั้งยังเจริญพันธุ์ได้ดี ยอดฝีมือก็มีไม่น้อย กำลังพลใต้บังคับบัญชาของเจ้าปะทะด้วยไม่ไหว อีกทั้งสระน้ำมังกรดำก็เกี่ยวข้องกับอำนาจหลายฝาย เจ้าอย่าทำซี้ซั้วเชียวนะ!

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ๆ ครั้งนี้นางก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่เหมียวอี้เคยทำในอดีต นั่นยิ่งทำให้นางใจสั่นหวาดหวั่นมากขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกชัดเจนว่าเหมียวอี้ไม่ได้พูดเล่น แต่ต้องการจะล้างเลือดสระน้ำมังกรดำจริงๆ

เหมียวอี้ : เหนียงเหนียง เผ่าเทพอสรพิษดำจะไม่รู้เชียวหรือว่าจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลอยู่ใต้สังกัดตำหนักนารีสวรรค์? เผ่าเทพอสรพิษดำจะไม่รู้เชียวหรือว่าสวีถังหรานคือคนของเหนียงเหนียง? แค่รังงูที่อยู่ในซอกหลืบ ทั้งที่รู้ชัดว่าเป็นคนของราชินีสวรรค์ แต่ก็ยังกล้าลงมือ ช่างองไม่เห็นเหนียงเหนียงอยู่ในสายตาจริงๆ ผู้ที่อีกฝ่ายหยามเกียรติไม่ใช่จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล แต่หยามเกียรติตำหนักนารีสวรรค์! ที่เผ่าเทพอสรพิษดำกล้าทำอย่างนี้ บางทีอาจะเป็นเพราะรู้ว่าเหนียงเหนียงจะอดทนอย่างนี้ไงขอรับ!

เมื่อพูดแบบนี้ ก็เรียกได้ว่าทำให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เกิดความทุกข์เต็มอก รู้สึกแล้วว่าเผ่าเทพอสรพิษดำหยามเกียรตินาง เรื่องจริงก็เป็นอย่างที่หนิวโหย่วเต๋อบอก เผ่าเทพอสรพิษดำรู้ว่าเป็นคนของตำหนักนารีสวรรค์แต่ยังกล้าแตะต้อง ไม่ใช่ว่าไม่เห็นนางอยู่ในสายตาหรอกหรือ? นางเกลียดพวกที่ไม่เห็นราชินีสวรรค์อย่างนางอยู่ในสายตาที่สุด!

เหมียวอี้พูดต่อว่า : มือมืดที่อยู่หลังม่านก็คือตระกูลอิ๋ง จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลเล็กๆ ไม่อยู่ในสายตาตระกูลอิ๋ง ดังนั้นนอกจากพุ่งเป้าไปหาเหนียงเหนียงก็ไม่มีใครอื่นแล้ว ส่วนเหตุผลว่าทำไมจึงพุ่งเป้าไปที่เหนียงเหนียง? ทุกคนต่างรู้ถึงความตั้งใจของตระกูลอิ๋ง เพราะคิดจะให้สนมสวรรค์มาแทนที่เหนียงเหนียง ที่พุ่งเป้าลงมือกับจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล ก็เพราะเดาได้แล้วว่าการหายตัวไปของสนมฉินเกี่ยวข้องกับเหนียงเหนียง มีเจตนาตัดปีกที่กำลังเติบโตของเหนียงเหนียงไงล่ะ เหนียงเหนียง องค์ชายเพิ่งจะถูกพวกเขาขับไล่ออกจากวังสวรรค์ แผนสำรองก็ทยอยอออกมาเรื่อยๆ เหนียงเหนียงอดทนแล้วมีประโยชน์เหรอ? เหนียงเหนียงอดทนแล้วพวกเขาจะเลิกเล่นงานเหนียงเหนียงเหรอ?

บางทีเหนียงเหนียงอาจจะยอมไกล่เกลี่ยเพื่อยุติความขัดแย้ง แต่เหนียงเหนียงเคยคิดบ้างหรือไม่ แม้ตอนนี้ฝ่าบาทจะตั้งใจขัดเกลาองค์ชาย แต่หากสนมสวรรค์เข้ามาอยู่ที่ตำหนักนารีสวรรค์เมื่อไร ตระกูลอิ๋งก็จะคิดหาทางกำจัดปัญหาค้างคาอย่างองค์ชายทันที เป็นไปไม่ได้ที่จะให้โอกาสองค์ชายขึ้นตำแหน่งใหญ่มาเป็นภัยคุกคามของพวกเขา มีสนมสวรรค์คอยพูดใส่ร้ายข้างหูฝ่าบาท ความสัมพันธ์พ่อลูกระหว่างองค์ชายและฝ่าบาทจะคงอยู่ได้นานแค่ไหนกัน? เกรงว่าชีวิตองค์ชายจะตกอยู่ในวิกฤติแล้ว! หากเหนียงเหนียงฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ตระกูลเซี่ยโห้ว นั่นก็เป็นความผิดพลาดใหญ่หลวง เหตุใดตอนนี้จึงเกิดเรื่องมากมายขนาดนั้นล่ะ? เพราะท่านปู่สวรรค์สิ้นอายุขัยไปแล้ว หัวหน้าตระกูลคนปัจจุบันไม่ได้มีอิทธิพลเท่าท่านปู่สวรรค์ ความสามารถในการควบคุมตระกูลเซี่ยโห้วอ่อนแอลงมาก

ตระกูลอิ๋งถึงได้กล้าวางอุบายต่อเนื่องกัน ตอนนี้ทุกคนต่างก็กำลังดูอยู่ หากแน่ใจเมื่อไรว่าเหนียงเหนียงรังแกง่าย เกรงว่าถึงตอนนั้นคงไม่ได้มีเพียงตระกูลอิ๋งแล้ว แต่จะเป็นการโจมตีหมู่ แล้วเหนียงเหนียงจะถอยไปไหนได้อีก? เหนียงเหนียง พึ่งใครก็ไม่สู้พึ่งตัวเอง ถ้าแม้แต่ตัวเองยังใช้ไม้แข็งไม่ไหว การฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่คนอื่นก็ไม่ใช่วิธีการที่ดีในระยะยาว!

คำพูดแต่ละประโยคแทงใจดำเซี่ยโห้วเฉิงอวี่โดยตรง ทำให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่คิดถึงสถานการณ์ของตัวเองแล้วใจสั่น ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถามว่า : ท่านหนิวมีความมั่นใจว่าจะรับมือกับสระน้ำมังกรดำไหวเหรอ?

เหมียวอี้ : ข้าน้อยล่วงเกินคนมาเยอะแล้ว ไม่มีทางหนีทีไล่ที่ตำหนักสวรรค์ มีเพียงการจงรักภักดีต่อเหนียงเหนียงอย่างถึงที่สุดเท่านั้นที่เป็นหนทางปกป้องตัวเอง ข้าน้อยกับเหนียงเหนียงรุ่งโรจน์ด้วยกัน ตกต่ำด้วยกัน ครั้งนี้หากยอมถอย ในภายภาคหน้าก็จะมีภัยตามมาไม่จบไม่สิ้น! ครั้งนี้ไม่ว่าจะมีความมั่นใจหรือไม่ ไม่ว่าจะทำสำเร็จหรือไม่ ข้าน้อยก็จะทำศึกเลือดให้ถึงที่สุด ไม่ประนีประนอมเด็ดขาด ยินดีนำทัพใหญ่แดนรัตติกาลอุทิศชีวิตรับใช้เพื่อปกป้องความน่าเกรงขามของตำหนักนารีสวรรค์และบารมีของเหนียงเหนียง ต่อให้ไม่สำเร็จแต่ก็ได้ทำสิ่งที่มีคุณธรรม!

นี่ต้องการจะไปสู้ตายชัดๆ! เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตื้นตันใจ พูดจาถึงขั้นนี้แล้ว นางยังมีอะไรจะพูดอีก ถูกทำให้ซาบซึ้งใจแทบบ้าแล้วเช่นกัน

เมื่อได้รับอนุญาตจากเซี่ยโห้วเฉิงอวี่แล้ว เหมียวอี้ก็เดินก้าวยาวลงบันได มายืนอยู่หน้าประตูตำหนักประชุม หยางเจาชิงรีบก้าวมาข้างหน้า

เหมียวอี้กวาดสายตาเย็นเยียบมองปราดเดียว แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “เลี้ยงดูทหารหนึ่งพันวันเพื่อใช้งานทหารชั่วครั้งคราว ถ่ายทอดคำสั่งข้าลงไป รวมทัพใหญ่…ปราบโจร!”

หยางเจาชิงตกใจ จากนั้นกุมหมัดเอ่ยรับคำสั่งทันที “ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง!”

ตำหนักนารีสวรรค์ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ที่เดินออกจากประตูมายืนบนบันไดมีสีหน้าตึงเครียด วิตกกังวล!

ซือหม่าเวิ่นเทียนรีบร้อนมาถึงวังสวรรค์ สาวเท้าเดินเข้าตำหนักดาราจักรโดยตรง เมื่อเห็นประมุขชิงกำลังจัดการราชกิจ กุมหมัดคารวะทันที “ฝ่าบาท สายลับรายงานมา บอกว่าหนิวโหย่วเต๋อกำลังระดมทัพใหญ่แดนรัตติกาล ต้องการจะยกทัพไปปราบสระน้ำมังกรดำ!”

ประมุขชิงที่กำลังก้มหน้าอ่านแผ่นหยกตะลังงัน พลันเงยหน้าถามว่า “ยกทัพไปปราบสระน้ำมังกรดำ? สองฝ่ายห่างไกลไม่เกี่ยวข้องกัน ไปพัวกันกันได้ยังไง?”

ซ่างกวนชิงที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะก็งงงวยสับสนเช่นกัน

ซือหม่าเวิ่นเทียนตอบว่า “ตามที่สายลับรายงานมา สวีถังหราน รองหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลที่รับผิดชอบโถงชุมนุมอัจฉริยะถูกโหยวโยวซึ่งเป็นผู้อาวุโสเผ่าเทพอสรพิษดำกักตัวไว้ ต้องการให้หนิวโหย่วเต๋อไปขอโทษด้วยตัวเองถึงจะยอม ส่วนหนิวโหย่วเต๋อก็มีเหตุผลที่ทำให้เชื่อว่าผู้บงการเบื้องหลังคือตระกูลอิ๋ง”

ประมุขชิงวางงานที่อยู่ในมือ หัวเราะหึหึแล้วบอกว่า “ดูท่าครั้งนี้อิ๋งจิ่วกวงคงโมโหแล้วจริงๆ ต้องการเล่นงานหนิวโหย่วเต๋อให้ถึงตาย ชัดเจนว่าไม่สะดวกจะลงมือกับหนิวโหย่วเต๋อที่หลบอยู่ในปราสาทดำเนินจันทร์ ต้องคิดหาทางล่อหนิวโหย่วเต๋อออกไป! ในเมื่อหนิวโหย่วเต๋อรู้ว่าตระกูลอิ๋งบงการเบื้องหลัง คาดว่าคงรู้เจตนาของตระกูลอิ๋ง เขาต้องการจะระดมกำลังพลไปที่สระน้ำมังกรดำจริงเหรอ?”

“ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันก็เป็นอย่างนั้นขอรับ ตอนหลังจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ไม่อาจทราบได้” ซือหม่าเวิ่นเทียนตอบ

“เรื่องนี้ชักน่าสนุกแล้ว” ประมุขชิงเอียงหน้ามองซ่างกวนชิงที่อยู่ข้างกันพลางกล่าวกลั้วหัวเราะ ส่วนซ่างกวนชิงก็พยักหน้าหัวเราะแห้ง ประมุขชิงลุกขึ้นเดินออกจากโต๊กยาว เอามือลูบเคราพลางเดาะลิ้น “หนิวโหย่วเต๋อกับตระกูลอิ๋งมีความแค้นต่อกันมาหลายปี ครั้งนี้ต้องการจะสู้กันซึ่งๆ หน้าเหรอ? เจ้าลูกลิงนี่ทำอะไรเกินตัวไปหน่อยรึเปล่า!”

ซ่างกวนชิงเดินตามหลัง กล่าวอย่างลังเลว่า “หนิวโหย่วเต๋อไม่ใช่คนโง่ ตระกูลอิ๋งไม่ใช่สิ่งที่กำลังเล็กน้อยของเขาจะปะทะด้วยตรงๆ ไหว ตามความเห็นของบ่าว คาดว่าน่าจะวางมาดใหญ่โตตบตาผู้คน รู้ว่าช่วยชีวิตคนกลับมาไม่ได้แล้ว กำลังแสร้งวางมาดเฉยๆ จะได้ชี้แจงกับพวกลูกน้องสะดวกขอรับ”

ประมุขชิงลองคิดตามแล้วพยักหน้าเบาๆ เห็นด้วยความคิดนี้ และไม่ได้มองเป็นเรื่องสำคัญอะไร หลังจากคุยเรื่อยเปื่อยกับซือหม่าเวิ่นเทียนอีกสองสามประโยค ก็กลับเข้ามาทำงานต่อในตำหนักดาราจักร

จวนท่านปู่สวรรค์ เซี่ยโห้วลิ่งได้รับข่าวจากหยวนกงนานแล้ว รู้เรื่องของสวีถังหรานที่สระน้ำมังกรดำแล้ว ทางฝั่งนี้ก็เดาเจตนาของตระกูลอิ๋งออกแล้วเช่นกัน กำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวของทั้งสองฝ่ายอย่างเข้มงวด

ดวงดาวเดียรดาษเต็มท้องฟ้า ใต้ต้นไม้ใหญ่สูงระฟ้า ข้างบนแขวนโคมไฟไว้หนึ่งดวง เซี่ยโห้วลิ่งที่นั่งอยู่ใต้โคมไฟมือหนึ่งถือม้วนหนังสืออ่าน อีกมือหนึ่งถือจอกสุราจิบเบาๆ

เว่ยซูรีบร้อนเข้ามา หลังจากทำความเคารพแล้วก็รายงานว่า “นายท่าน หนิวโหย่วเต๋อกำลังระดมทัพใหญ่ กำลังถอนกำลังทั้งหมดกลับมาจากน้ำพุวังเวง ปล่อยให้คนที่ล่าสัตว์เข้าออกได้อย่างอิสระ ดูท่าแล้วเหมือนจะรวบรวมกำลังพลทั้งหมดของทัพใหญ่แดนรัตติกาล ส่วนจวนแม่ทัพภาคตลาดผีก็กำลังซื้อยุทโธปกรณ์ที่ตลาดผีกันอย่างโจ่งแจ้ง ให้ความรู้สึกเหมือนเตรียมสั่งสมกำลังก่อนทำศึก”

“เคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนั้นเชียวเหรอ?” เซี่ยโห้วลิ่งเงยหน้าถามอย่างประหลาดใจ  “เจ้าสามไม่ได้ถ่ายทอดคำพูดข้าให้หนิวโหย่วเต๋อเหรอ?”

“คุณชายสามไปที่จวนหัวหน้าภาคด้วยตัวเอง ได้พบหนิวโหย่วเต๋อแล้วด้วย เปิดเผยแล้วว่าอาจจะเป็นอุบายของตระกูลอิ๋ง แต่หนิวโหย่วเต๋อกลับบอกว่าเขาเดาได้ตั้งแต่แรกแล้ว กลับถามคุณชายสามว่าเหตุใดจึงไม่ให้ตระกูลเซี่ยโห้วกดดันตระกูลอิ๋งให้ปล่อยคน” เว่ยซูตอบ

“แล้วเจ้าสามตอบว่ายังไง?” เซี่ยโห้วลิ่งถาม

เว่ยซูตอบว่า “ในเมื่อนายท่านส่งข่าวให้คุณชายสามแล้ว คุณชายสามก็ย่อมรู้ว่าควรทำยังไง มิหนำซ้ำตอนที่นายท่านใหญ่ยังอยู่ เดิมทีก็มีเจตนานี้อยู่แล้ว ต้องการจะดูว่ามือมืดเบื้องหลังหนิวโหย่วเต๋อจะปรากฏตัวเมื่อไร คุณชายสามย่อมไม่ตอบตกลงอะไร”

เซี่ยโห้วลิ่งวางจอกสุราและม้วนหนังสือ แล้วพึมพำว่า “รู้อยู่แจ่มแจ้งว่าตระกูลอิ๋งอาจจะวางกับดักรอเขา แต่ก็ยังทำอย่างนี้ หมายความว่าอะไร? หรือเขาคิดจริงๆ ว่าแค่ทัพเกรียงไกรหนึ่งแสนจะทำให้ทั้งทัพตะวันออกสะเทือนได้?” เขาลุกขึ้นยืนแล้วเอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาสองก้าว แล้วก็เข้าใจกระจ่างในฉับพลัน “ดูท่าเขาจะรู้ชัดอยู่แก่ใจแล้ว ว่าตระกูลอิ๋งไม่มีทางปล่อยสวีถังหรานแน่นอน ถ้าไม่ไปช่วยเหลือ ก็อาจจะทำให้พวกลูกน้องผิดหวังท้อใจ เขากำลังแสร้งสร้างสถานการณ์ขู่ขวัญ!”

เว่ยซูลังเลนิดหน่อน ยังคงเตือนว่า “นายท่าน คนอย่างหนิวโหย่วเต๋อ เกรงว่าคงใช้หลักการเหตุผลปกติมาวัดไม่ได้ เรื่องที่ใช้วิธีการแข็งกร้าวก็ทำมาไม่น้อย”

เซี่ยโห้วลิ่งไตร่ตรองเงียบๆ…

จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลเคลื่อนไหวใหญ่โตเกินไป กำลังพลรวมตัวกัน ซื้ออาวุธจำนวนมากที่ตลาดผีอย่างเปิดเผย ดึงดูดความสนใจจากอำนาจฝ่ายต่างๆ ทันที

จวนอ๋องสวรรค์โค่ว โค่วหลิงซวีที่ยืนให้อาหารปลาอยู่บนสะพานเล็กชะงักไปชั่วครู่ หันกลับมาถามว่า “เรื่องเป็นยังไง หนิวโหย่วเต๋อกำลังจะเล่นลูกไม้อะไรอีก?”

ถังเฮ่อเหนียนส่ายหน้า “ไม่เข้าใจขอรับ บ่าวติดต่อไปถามแล้ว แต่หนิวโหย่วเต๋อพูดจาคลุมเครือไม่ยอมตอบ”

“หึ!” โค่วหลิงซวีพ่นเสียงทางจมูก แล้วโปรยอาหารปลาในมือต่อไป

จวนอ๋องสวรรค์ฮ่าว ฮ่าวเต๋อฟางที่อยู่ในห้องหนังสือเอนหลังบนเก้าอี้ช้าๆ สั่งคำเดียวว่า “สืบ!”

จวนอ๋องสวรรค์ก่วง ก่วงลิ่งกงที่เดินเนิบนาบอยู่ในสวนป่าพึมพำว่า “เจ้าหนุ่มนั่นคิดจะทำอะไร? อยู่อย่างสงบเสงี่ยมมาหลายปี แค่ไม่ออกมาเท่านั้นเอง ทำไมพอออกมาก็มีเรื่องต่อเนื่อง? ไปสืบมาอีก ดูว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่”

สำหรับคนที่ไม่รู้ว่าเผ่าเทพอสรพิษดำกักตัวสวีถังหรานไว้ ก็ไม่มีทางนึกเชื่อมโยงไปถึงเรื่องระหว่างหนิวโหย่วเต๋อกับตระกูลอิ๋งเลย มึนงงเหมือนหมอกลงสมอง ไม่เข้าใจว่าหนิวโหย่วเต๋อต้องการจะทำอะไร

ส่วนคนที่รู้เรื่องราวเบื้องลึกกลับตั้งตารอ รวมทั้งตระกูลอิ๋งด้วย

คำวิจารณ์จากอิ๋งจิ่วกวงกลับเป็นเสียงหัวเราะเยาะ “ชักช้าลีลา กลัวก็แต่เขาจะสร้างสถานการณ์ตบตาเฉยๆ ไม่กลัวเขาไม่มา กลัวก็แต่เขาจะไม่มา!”

หลังจากนั้นสองวัน ทัพใหญ่หนึ่งแสนแดนรัตติกาลเคลื่อนพลผ่านอาณาเขตทัพใต้ ทำให้กำลังพลทัพใต้ต้องรวมตัวกันตลอดทาง เรียกได้ว่าเฝ้าระวังอย่างสูง กลัวว่าหนิวโหย่วเต๋อจะทำซี้ซั้ว

ทัพใหญ่เร่งบุกไปทางสระน้ำมังกรดำตลอดทาง ไม่มีการแวะพักใดๆ ส่วนใหญ่ถอดเครื่องแบบเกราะรบแล้ว เปลี่ยนเป็นสวมใส่เกราะรบขั้นสูงที่เตรียมมาเอง

เมื่อทราบว่าทัพใหญ่แดนรัตติกาลกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ด้วยเจตนาสังหารจริงๆ โหยวโยวผู้อาวุโสเผ่าเทพอสรพิษดำถึงได้เริ่มหวาดกลัว ตลาดผีเกิดความเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่เผ่าเทพอสรพิษดำจะไม่มีช่องทางจับตาดูความเคลื่อนไหวข้างนอกเลย เดิมทีนางคิดว่าหนิวโหย่วเต๋อไม่กล้าใช้กำลังปะทะ แต่ใครจะคิดว่าหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลท่านนี้จะเป็นตามคำร่ำลือ ใช้วิธีการแข็งกร้าวแล้วจริงๆ นำกำลังพลบุกเข้ามาอย่างดุร้ายหมายสังหารแล้ว

นางไม่กลัวว่าเผ่าเทพอสรพิษดำจะเอาชนะทัพใหญ่แดนรัตติกาลไม่ได้ แต่การสู้กับทัพใหญ่ของตำหนักสวรรค์อย่างโจ่งแจ้ง นางก็รับผิดชอบผลที่ตามาไม่ไหว ต่อไปนางจะอธิบายกับท่านอ๋องอสรพิษดำอย่างไรล่ะ?

หลังจากรู้สถานการณ์แล้ว โหยวโยวก็ไปหาเจ๋อชุนชิวที่เรือนรับแขกทันที

เจ๋อชุนชิวกลับไม่คิดอย่างนั้น “ทางอ๋องอสรพิษดำ เจ้าไม่ต้องห่วง หลังจากจบเรื่องท่านอ๋องจะช่วยเจ้าจัดการปัญหา ข้ากำลังจะปรึกษาผู้อาวุโสโหยวพอดี ข้าเพิ่งได้ข่าวมา ท่านอ๋องแอบเคลื่อนทัพใหญ่ห้าล้านมาถึงก่อนล่วงหน้าแล้ว ท่านโหวอิ๋งนำทัพมาด้วยตัวเอง หนิวโหย่วเต๋อไม่มาก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามาจริงๆ ทัพใหญ่หนึ่งแสนของเขาก็เลิกคิดได้เลยว่าจะรอดกลับไป! ทางเราจะจัดการเรื่องนี้เอง ไม่ต้องให้ผู้อาวุโสใช้กำลังพลตัวเองแม้แต่น้อย คนอยู่ในมือพวกเรา ให้หนิวโหย่วเต๋อมาหาพวกเราก็พอ สิ่งที่ผู้อาวุโสต้องทำตอนนี้ก็คือหาที่อยู่เหมาะๆ ให้ทัพใหญ่ห้าล้านของท่านโหวอิ๋ง!”

……………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1831 โหยวโยวกลัวแล้ว

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1831 โหยวโยวกลัวแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในครั้งนี้ไม่ว่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะอนุญาตหรือไม่ ที่จริงเขาก็จะทำอยู่ดี คำพูดของหยางชิ่งก็มีเหตุผลเหมือนกัน แต่เหมียวอี้ก็ยังตัดสินใจแล้ว

ทว่าเมื่อเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ได้ยินว่าจะล้างเลือดสระน้ำมังกรดำ ก็เรียกได้ว่าตกใจมาก รีบโน้มน้าวว่า : ท่านเหมียวต้องใจเย็นๆ นะ แม้สัตว์เลื้อยคลานพวกนั้นจะน่ารังเกียจ แต่ศักยภาพก็ไม่ได้อ่อนแอเลยจริงๆ ทั้งยังเจริญพันธุ์ได้ดี ยอดฝีมือก็มีไม่น้อย กำลังพลใต้บังคับบัญชาของเจ้าปะทะด้วยไม่ไหว อีกทั้งสระน้ำมังกรดำก็เกี่ยวข้องกับอำนาจหลายฝาย เจ้าอย่าทำซี้ซั้วเชียวนะ!

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ๆ ครั้งนี้นางก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่เหมียวอี้เคยทำในอดีต นั่นยิ่งทำให้นางใจสั่นหวาดหวั่นมากขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกชัดเจนว่าเหมียวอี้ไม่ได้พูดเล่น แต่ต้องการจะล้างเลือดสระน้ำมังกรดำจริงๆ

เหมียวอี้ : เหนียงเหนียง เผ่าเทพอสรพิษดำจะไม่รู้เชียวหรือว่าจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลอยู่ใต้สังกัดตำหนักนารีสวรรค์? เผ่าเทพอสรพิษดำจะไม่รู้เชียวหรือว่าสวีถังหรานคือคนของเหนียงเหนียง? แค่รังงูที่อยู่ในซอกหลืบ ทั้งที่รู้ชัดว่าเป็นคนของราชินีสวรรค์ แต่ก็ยังกล้าลงมือ ช่างองไม่เห็นเหนียงเหนียงอยู่ในสายตาจริงๆ ผู้ที่อีกฝ่ายหยามเกียรติไม่ใช่จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล แต่หยามเกียรติตำหนักนารีสวรรค์! ที่เผ่าเทพอสรพิษดำกล้าทำอย่างนี้ บางทีอาจะเป็นเพราะรู้ว่าเหนียงเหนียงจะอดทนอย่างนี้ไงขอรับ!

เมื่อพูดแบบนี้ ก็เรียกได้ว่าทำให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เกิดความทุกข์เต็มอก รู้สึกแล้วว่าเผ่าเทพอสรพิษดำหยามเกียรตินาง เรื่องจริงก็เป็นอย่างที่หนิวโหย่วเต๋อบอก เผ่าเทพอสรพิษดำรู้ว่าเป็นคนของตำหนักนารีสวรรค์แต่ยังกล้าแตะต้อง ไม่ใช่ว่าไม่เห็นนางอยู่ในสายตาหรอกหรือ? นางเกลียดพวกที่ไม่เห็นราชินีสวรรค์อย่างนางอยู่ในสายตาที่สุด!

เหมียวอี้พูดต่อว่า : มือมืดที่อยู่หลังม่านก็คือตระกูลอิ๋ง จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลเล็กๆ ไม่อยู่ในสายตาตระกูลอิ๋ง ดังนั้นนอกจากพุ่งเป้าไปหาเหนียงเหนียงก็ไม่มีใครอื่นแล้ว ส่วนเหตุผลว่าทำไมจึงพุ่งเป้าไปที่เหนียงเหนียง? ทุกคนต่างรู้ถึงความตั้งใจของตระกูลอิ๋ง เพราะคิดจะให้สนมสวรรค์มาแทนที่เหนียงเหนียง ที่พุ่งเป้าลงมือกับจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล ก็เพราะเดาได้แล้วว่าการหายตัวไปของสนมฉินเกี่ยวข้องกับเหนียงเหนียง มีเจตนาตัดปีกที่กำลังเติบโตของเหนียงเหนียงไงล่ะ เหนียงเหนียง องค์ชายเพิ่งจะถูกพวกเขาขับไล่ออกจากวังสวรรค์ แผนสำรองก็ทยอยอออกมาเรื่อยๆ เหนียงเหนียงอดทนแล้วมีประโยชน์เหรอ? เหนียงเหนียงอดทนแล้วพวกเขาจะเลิกเล่นงานเหนียงเหนียงเหรอ?

บางทีเหนียงเหนียงอาจจะยอมไกล่เกลี่ยเพื่อยุติความขัดแย้ง แต่เหนียงเหนียงเคยคิดบ้างหรือไม่ แม้ตอนนี้ฝ่าบาทจะตั้งใจขัดเกลาองค์ชาย แต่หากสนมสวรรค์เข้ามาอยู่ที่ตำหนักนารีสวรรค์เมื่อไร ตระกูลอิ๋งก็จะคิดหาทางกำจัดปัญหาค้างคาอย่างองค์ชายทันที เป็นไปไม่ได้ที่จะให้โอกาสองค์ชายขึ้นตำแหน่งใหญ่มาเป็นภัยคุกคามของพวกเขา มีสนมสวรรค์คอยพูดใส่ร้ายข้างหูฝ่าบาท ความสัมพันธ์พ่อลูกระหว่างองค์ชายและฝ่าบาทจะคงอยู่ได้นานแค่ไหนกัน? เกรงว่าชีวิตองค์ชายจะตกอยู่ในวิกฤติแล้ว! หากเหนียงเหนียงฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ตระกูลเซี่ยโห้ว นั่นก็เป็นความผิดพลาดใหญ่หลวง เหตุใดตอนนี้จึงเกิดเรื่องมากมายขนาดนั้นล่ะ? เพราะท่านปู่สวรรค์สิ้นอายุขัยไปแล้ว หัวหน้าตระกูลคนปัจจุบันไม่ได้มีอิทธิพลเท่าท่านปู่สวรรค์ ความสามารถในการควบคุมตระกูลเซี่ยโห้วอ่อนแอลงมาก

ตระกูลอิ๋งถึงได้กล้าวางอุบายต่อเนื่องกัน ตอนนี้ทุกคนต่างก็กำลังดูอยู่ หากแน่ใจเมื่อไรว่าเหนียงเหนียงรังแกง่าย เกรงว่าถึงตอนนั้นคงไม่ได้มีเพียงตระกูลอิ๋งแล้ว แต่จะเป็นการโจมตีหมู่ แล้วเหนียงเหนียงจะถอยไปไหนได้อีก? เหนียงเหนียง พึ่งใครก็ไม่สู้พึ่งตัวเอง ถ้าแม้แต่ตัวเองยังใช้ไม้แข็งไม่ไหว การฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่คนอื่นก็ไม่ใช่วิธีการที่ดีในระยะยาว!

คำพูดแต่ละประโยคแทงใจดำเซี่ยโห้วเฉิงอวี่โดยตรง ทำให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่คิดถึงสถานการณ์ของตัวเองแล้วใจสั่น ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถามว่า : ท่านหนิวมีความมั่นใจว่าจะรับมือกับสระน้ำมังกรดำไหวเหรอ?

เหมียวอี้ : ข้าน้อยล่วงเกินคนมาเยอะแล้ว ไม่มีทางหนีทีไล่ที่ตำหนักสวรรค์ มีเพียงการจงรักภักดีต่อเหนียงเหนียงอย่างถึงที่สุดเท่านั้นที่เป็นหนทางปกป้องตัวเอง ข้าน้อยกับเหนียงเหนียงรุ่งโรจน์ด้วยกัน ตกต่ำด้วยกัน ครั้งนี้หากยอมถอย ในภายภาคหน้าก็จะมีภัยตามมาไม่จบไม่สิ้น! ครั้งนี้ไม่ว่าจะมีความมั่นใจหรือไม่ ไม่ว่าจะทำสำเร็จหรือไม่ ข้าน้อยก็จะทำศึกเลือดให้ถึงที่สุด ไม่ประนีประนอมเด็ดขาด ยินดีนำทัพใหญ่แดนรัตติกาลอุทิศชีวิตรับใช้เพื่อปกป้องความน่าเกรงขามของตำหนักนารีสวรรค์และบารมีของเหนียงเหนียง ต่อให้ไม่สำเร็จแต่ก็ได้ทำสิ่งที่มีคุณธรรม!

นี่ต้องการจะไปสู้ตายชัดๆ! เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตื้นตันใจ พูดจาถึงขั้นนี้แล้ว นางยังมีอะไรจะพูดอีก ถูกทำให้ซาบซึ้งใจแทบบ้าแล้วเช่นกัน

เมื่อได้รับอนุญาตจากเซี่ยโห้วเฉิงอวี่แล้ว เหมียวอี้ก็เดินก้าวยาวลงบันได มายืนอยู่หน้าประตูตำหนักประชุม หยางเจาชิงรีบก้าวมาข้างหน้า

เหมียวอี้กวาดสายตาเย็นเยียบมองปราดเดียว แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “เลี้ยงดูทหารหนึ่งพันวันเพื่อใช้งานทหารชั่วครั้งคราว ถ่ายทอดคำสั่งข้าลงไป รวมทัพใหญ่…ปราบโจร!”

หยางเจาชิงตกใจ จากนั้นกุมหมัดเอ่ยรับคำสั่งทันที “ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง!”

ตำหนักนารีสวรรค์ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ที่เดินออกจากประตูมายืนบนบันไดมีสีหน้าตึงเครียด วิตกกังวล!

ซือหม่าเวิ่นเทียนรีบร้อนมาถึงวังสวรรค์ สาวเท้าเดินเข้าตำหนักดาราจักรโดยตรง เมื่อเห็นประมุขชิงกำลังจัดการราชกิจ กุมหมัดคารวะทันที “ฝ่าบาท สายลับรายงานมา บอกว่าหนิวโหย่วเต๋อกำลังระดมทัพใหญ่แดนรัตติกาล ต้องการจะยกทัพไปปราบสระน้ำมังกรดำ!”

ประมุขชิงที่กำลังก้มหน้าอ่านแผ่นหยกตะลังงัน พลันเงยหน้าถามว่า “ยกทัพไปปราบสระน้ำมังกรดำ? สองฝ่ายห่างไกลไม่เกี่ยวข้องกัน ไปพัวกันกันได้ยังไง?”

ซ่างกวนชิงที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะก็งงงวยสับสนเช่นกัน

ซือหม่าเวิ่นเทียนตอบว่า “ตามที่สายลับรายงานมา สวีถังหราน รองหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลที่รับผิดชอบโถงชุมนุมอัจฉริยะถูกโหยวโยวซึ่งเป็นผู้อาวุโสเผ่าเทพอสรพิษดำกักตัวไว้ ต้องการให้หนิวโหย่วเต๋อไปขอโทษด้วยตัวเองถึงจะยอม ส่วนหนิวโหย่วเต๋อก็มีเหตุผลที่ทำให้เชื่อว่าผู้บงการเบื้องหลังคือตระกูลอิ๋ง”

ประมุขชิงวางงานที่อยู่ในมือ หัวเราะหึหึแล้วบอกว่า “ดูท่าครั้งนี้อิ๋งจิ่วกวงคงโมโหแล้วจริงๆ ต้องการเล่นงานหนิวโหย่วเต๋อให้ถึงตาย ชัดเจนว่าไม่สะดวกจะลงมือกับหนิวโหย่วเต๋อที่หลบอยู่ในปราสาทดำเนินจันทร์ ต้องคิดหาทางล่อหนิวโหย่วเต๋อออกไป! ในเมื่อหนิวโหย่วเต๋อรู้ว่าตระกูลอิ๋งบงการเบื้องหลัง คาดว่าคงรู้เจตนาของตระกูลอิ๋ง เขาต้องการจะระดมกำลังพลไปที่สระน้ำมังกรดำจริงเหรอ?”

“ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันก็เป็นอย่างนั้นขอรับ ตอนหลังจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ไม่อาจทราบได้” ซือหม่าเวิ่นเทียนตอบ

“เรื่องนี้ชักน่าสนุกแล้ว” ประมุขชิงเอียงหน้ามองซ่างกวนชิงที่อยู่ข้างกันพลางกล่าวกลั้วหัวเราะ ส่วนซ่างกวนชิงก็พยักหน้าหัวเราะแห้ง ประมุขชิงลุกขึ้นเดินออกจากโต๊กยาว เอามือลูบเคราพลางเดาะลิ้น “หนิวโหย่วเต๋อกับตระกูลอิ๋งมีความแค้นต่อกันมาหลายปี ครั้งนี้ต้องการจะสู้กันซึ่งๆ หน้าเหรอ? เจ้าลูกลิงนี่ทำอะไรเกินตัวไปหน่อยรึเปล่า!”

ซ่างกวนชิงเดินตามหลัง กล่าวอย่างลังเลว่า “หนิวโหย่วเต๋อไม่ใช่คนโง่ ตระกูลอิ๋งไม่ใช่สิ่งที่กำลังเล็กน้อยของเขาจะปะทะด้วยตรงๆ ไหว ตามความเห็นของบ่าว คาดว่าน่าจะวางมาดใหญ่โตตบตาผู้คน รู้ว่าช่วยชีวิตคนกลับมาไม่ได้แล้ว กำลังแสร้งวางมาดเฉยๆ จะได้ชี้แจงกับพวกลูกน้องสะดวกขอรับ”

ประมุขชิงลองคิดตามแล้วพยักหน้าเบาๆ เห็นด้วยความคิดนี้ และไม่ได้มองเป็นเรื่องสำคัญอะไร หลังจากคุยเรื่อยเปื่อยกับซือหม่าเวิ่นเทียนอีกสองสามประโยค ก็กลับเข้ามาทำงานต่อในตำหนักดาราจักร

จวนท่านปู่สวรรค์ เซี่ยโห้วลิ่งได้รับข่าวจากหยวนกงนานแล้ว รู้เรื่องของสวีถังหรานที่สระน้ำมังกรดำแล้ว ทางฝั่งนี้ก็เดาเจตนาของตระกูลอิ๋งออกแล้วเช่นกัน กำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวของทั้งสองฝ่ายอย่างเข้มงวด

ดวงดาวเดียรดาษเต็มท้องฟ้า ใต้ต้นไม้ใหญ่สูงระฟ้า ข้างบนแขวนโคมไฟไว้หนึ่งดวง เซี่ยโห้วลิ่งที่นั่งอยู่ใต้โคมไฟมือหนึ่งถือม้วนหนังสืออ่าน อีกมือหนึ่งถือจอกสุราจิบเบาๆ

เว่ยซูรีบร้อนเข้ามา หลังจากทำความเคารพแล้วก็รายงานว่า “นายท่าน หนิวโหย่วเต๋อกำลังระดมทัพใหญ่ กำลังถอนกำลังทั้งหมดกลับมาจากน้ำพุวังเวง ปล่อยให้คนที่ล่าสัตว์เข้าออกได้อย่างอิสระ ดูท่าแล้วเหมือนจะรวบรวมกำลังพลทั้งหมดของทัพใหญ่แดนรัตติกาล ส่วนจวนแม่ทัพภาคตลาดผีก็กำลังซื้อยุทโธปกรณ์ที่ตลาดผีกันอย่างโจ่งแจ้ง ให้ความรู้สึกเหมือนเตรียมสั่งสมกำลังก่อนทำศึก”

“เคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนั้นเชียวเหรอ?” เซี่ยโห้วลิ่งเงยหน้าถามอย่างประหลาดใจ  “เจ้าสามไม่ได้ถ่ายทอดคำพูดข้าให้หนิวโหย่วเต๋อเหรอ?”

“คุณชายสามไปที่จวนหัวหน้าภาคด้วยตัวเอง ได้พบหนิวโหย่วเต๋อแล้วด้วย เปิดเผยแล้วว่าอาจจะเป็นอุบายของตระกูลอิ๋ง แต่หนิวโหย่วเต๋อกลับบอกว่าเขาเดาได้ตั้งแต่แรกแล้ว กลับถามคุณชายสามว่าเหตุใดจึงไม่ให้ตระกูลเซี่ยโห้วกดดันตระกูลอิ๋งให้ปล่อยคน” เว่ยซูตอบ

“แล้วเจ้าสามตอบว่ายังไง?” เซี่ยโห้วลิ่งถาม

เว่ยซูตอบว่า “ในเมื่อนายท่านส่งข่าวให้คุณชายสามแล้ว คุณชายสามก็ย่อมรู้ว่าควรทำยังไง มิหนำซ้ำตอนที่นายท่านใหญ่ยังอยู่ เดิมทีก็มีเจตนานี้อยู่แล้ว ต้องการจะดูว่ามือมืดเบื้องหลังหนิวโหย่วเต๋อจะปรากฏตัวเมื่อไร คุณชายสามย่อมไม่ตอบตกลงอะไร”

เซี่ยโห้วลิ่งวางจอกสุราและม้วนหนังสือ แล้วพึมพำว่า “รู้อยู่แจ่มแจ้งว่าตระกูลอิ๋งอาจจะวางกับดักรอเขา แต่ก็ยังทำอย่างนี้ หมายความว่าอะไร? หรือเขาคิดจริงๆ ว่าแค่ทัพเกรียงไกรหนึ่งแสนจะทำให้ทั้งทัพตะวันออกสะเทือนได้?” เขาลุกขึ้นยืนแล้วเอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาสองก้าว แล้วก็เข้าใจกระจ่างในฉับพลัน “ดูท่าเขาจะรู้ชัดอยู่แก่ใจแล้ว ว่าตระกูลอิ๋งไม่มีทางปล่อยสวีถังหรานแน่นอน ถ้าไม่ไปช่วยเหลือ ก็อาจจะทำให้พวกลูกน้องผิดหวังท้อใจ เขากำลังแสร้งสร้างสถานการณ์ขู่ขวัญ!”

เว่ยซูลังเลนิดหน่อน ยังคงเตือนว่า “นายท่าน คนอย่างหนิวโหย่วเต๋อ เกรงว่าคงใช้หลักการเหตุผลปกติมาวัดไม่ได้ เรื่องที่ใช้วิธีการแข็งกร้าวก็ทำมาไม่น้อย”

เซี่ยโห้วลิ่งไตร่ตรองเงียบๆ…

จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลเคลื่อนไหวใหญ่โตเกินไป กำลังพลรวมตัวกัน ซื้ออาวุธจำนวนมากที่ตลาดผีอย่างเปิดเผย ดึงดูดความสนใจจากอำนาจฝ่ายต่างๆ ทันที

จวนอ๋องสวรรค์โค่ว โค่วหลิงซวีที่ยืนให้อาหารปลาอยู่บนสะพานเล็กชะงักไปชั่วครู่ หันกลับมาถามว่า “เรื่องเป็นยังไง หนิวโหย่วเต๋อกำลังจะเล่นลูกไม้อะไรอีก?”

ถังเฮ่อเหนียนส่ายหน้า “ไม่เข้าใจขอรับ บ่าวติดต่อไปถามแล้ว แต่หนิวโหย่วเต๋อพูดจาคลุมเครือไม่ยอมตอบ”

“หึ!” โค่วหลิงซวีพ่นเสียงทางจมูก แล้วโปรยอาหารปลาในมือต่อไป

จวนอ๋องสวรรค์ฮ่าว ฮ่าวเต๋อฟางที่อยู่ในห้องหนังสือเอนหลังบนเก้าอี้ช้าๆ สั่งคำเดียวว่า “สืบ!”

จวนอ๋องสวรรค์ก่วง ก่วงลิ่งกงที่เดินเนิบนาบอยู่ในสวนป่าพึมพำว่า “เจ้าหนุ่มนั่นคิดจะทำอะไร? อยู่อย่างสงบเสงี่ยมมาหลายปี แค่ไม่ออกมาเท่านั้นเอง ทำไมพอออกมาก็มีเรื่องต่อเนื่อง? ไปสืบมาอีก ดูว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่”

สำหรับคนที่ไม่รู้ว่าเผ่าเทพอสรพิษดำกักตัวสวีถังหรานไว้ ก็ไม่มีทางนึกเชื่อมโยงไปถึงเรื่องระหว่างหนิวโหย่วเต๋อกับตระกูลอิ๋งเลย มึนงงเหมือนหมอกลงสมอง ไม่เข้าใจว่าหนิวโหย่วเต๋อต้องการจะทำอะไร

ส่วนคนที่รู้เรื่องราวเบื้องลึกกลับตั้งตารอ รวมทั้งตระกูลอิ๋งด้วย

คำวิจารณ์จากอิ๋งจิ่วกวงกลับเป็นเสียงหัวเราะเยาะ “ชักช้าลีลา กลัวก็แต่เขาจะสร้างสถานการณ์ตบตาเฉยๆ ไม่กลัวเขาไม่มา กลัวก็แต่เขาจะไม่มา!”

หลังจากนั้นสองวัน ทัพใหญ่หนึ่งแสนแดนรัตติกาลเคลื่อนพลผ่านอาณาเขตทัพใต้ ทำให้กำลังพลทัพใต้ต้องรวมตัวกันตลอดทาง เรียกได้ว่าเฝ้าระวังอย่างสูง กลัวว่าหนิวโหย่วเต๋อจะทำซี้ซั้ว

ทัพใหญ่เร่งบุกไปทางสระน้ำมังกรดำตลอดทาง ไม่มีการแวะพักใดๆ ส่วนใหญ่ถอดเครื่องแบบเกราะรบแล้ว เปลี่ยนเป็นสวมใส่เกราะรบขั้นสูงที่เตรียมมาเอง

เมื่อทราบว่าทัพใหญ่แดนรัตติกาลกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ด้วยเจตนาสังหารจริงๆ โหยวโยวผู้อาวุโสเผ่าเทพอสรพิษดำถึงได้เริ่มหวาดกลัว ตลาดผีเกิดความเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่เผ่าเทพอสรพิษดำจะไม่มีช่องทางจับตาดูความเคลื่อนไหวข้างนอกเลย เดิมทีนางคิดว่าหนิวโหย่วเต๋อไม่กล้าใช้กำลังปะทะ แต่ใครจะคิดว่าหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลท่านนี้จะเป็นตามคำร่ำลือ ใช้วิธีการแข็งกร้าวแล้วจริงๆ นำกำลังพลบุกเข้ามาอย่างดุร้ายหมายสังหารแล้ว

นางไม่กลัวว่าเผ่าเทพอสรพิษดำจะเอาชนะทัพใหญ่แดนรัตติกาลไม่ได้ แต่การสู้กับทัพใหญ่ของตำหนักสวรรค์อย่างโจ่งแจ้ง นางก็รับผิดชอบผลที่ตามาไม่ไหว ต่อไปนางจะอธิบายกับท่านอ๋องอสรพิษดำอย่างไรล่ะ?

หลังจากรู้สถานการณ์แล้ว โหยวโยวก็ไปหาเจ๋อชุนชิวที่เรือนรับแขกทันที

เจ๋อชุนชิวกลับไม่คิดอย่างนั้น “ทางอ๋องอสรพิษดำ เจ้าไม่ต้องห่วง หลังจากจบเรื่องท่านอ๋องจะช่วยเจ้าจัดการปัญหา ข้ากำลังจะปรึกษาผู้อาวุโสโหยวพอดี ข้าเพิ่งได้ข่าวมา ท่านอ๋องแอบเคลื่อนทัพใหญ่ห้าล้านมาถึงก่อนล่วงหน้าแล้ว ท่านโหวอิ๋งนำทัพมาด้วยตัวเอง หนิวโหย่วเต๋อไม่มาก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามาจริงๆ ทัพใหญ่หนึ่งแสนของเขาก็เลิกคิดได้เลยว่าจะรอดกลับไป! ทางเราจะจัดการเรื่องนี้เอง ไม่ต้องให้ผู้อาวุโสใช้กำลังพลตัวเองแม้แต่น้อย คนอยู่ในมือพวกเรา ให้หนิวโหย่วเต๋อมาหาพวกเราก็พอ สิ่งที่ผู้อาวุโสต้องทำตอนนี้ก็คือหาที่อยู่เหมาะๆ ให้ทัพใหญ่ห้าล้านของท่านโหวอิ๋ง!”

……………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+