พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1856 ไอ้จัญไรนั่นรังแกข้าเกินไปแล้ว

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1856 ไอ้จัญไรนั่นรังแกข้าเกินไปแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ต่อให้ฝ่ายนี้ไม่ได้ทำตาย แต่ดูจากท่าทางของฝ่ายตรงข้ามแล้ว ขอเพียงฝั่งนี้กล้าลงมือ ฝั่งนั้นก็จะฆ่าท่านโหวอิ๋ง

คำพูดของแม่ทัพแถวหน้าทำให้ทัพใหญ่ที่อยู่ข้างหลังเกิดความวุ่นวายอยู่พักหนึ่ง

“อย่ากลัว!” เจียงเชียนหลี่ตะคอกอย่างเดือดดาล รีบหยิบระฆังดาราออกมาติดต่ออ๋าวเฟย รีบถามว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่

เมื่อเจอกับสถานการณ์อย่างนี้ เขาก็รู้ว่าไม่มีทางสู้ต่อได้แล้ว เขาอยากจะออกคำสั่งถอนกำลังมาก แต่ก็กังวลว่าพอฝั่งนี้ไปแล้วจะทำให้อิ๋งอู๋หม่านเป็นอันตรายถึงตาย ถึงตอนนั้นเขาเองก็รับผิดชอบไม่ไหว! อีกเรื่องหนึ่งที่กังวลมากก็คือ ถ้าหนีไปแล้วอาจจะเป็นการทำลายแผนการโจมตีของทัพใหญ่ จะสู้หรือจะหนี เขาไม่มีทางตัดสินใจเองได้

มิหนำซ้ำตอนนี้ก็ถอนกำลังไม่ทันแล้วเช่นกัน ถ้าหนีแล้วทัพใหญ่เสียระเบียบ ก็เท่ากับเกิดความวุ่นวายภายใน จะต้องเสียหายยับเยินแน่นอน

สรุปก็คือในใจเจียงเชียนหลี่ด่าแม่แล้ว ทัพฝ่ายศัตรูใช้วิธีการที่บาปกรรมชั่วร้ายเกินไป จะนำตัวอิ๋งอู๋หม่านออกมาตอนไหนก็ไม่ทำ ดันนำตัวออกมาอย่างกะทันหันตอนที่พุ่งมาตรงหน้าเจ้าแล้ว เป็นการวางกับดักให้คนตายจริงๆ

พอเห็นว่าฝั่งนี้มีความเคลื่อนไหว หลงซิ่นกับอ๋าวเถี่ยก็สบตากันแวบหนึ่ง อ๋าวเถี่ยพลันร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนว่า “อิ๋งอู๋หม่าน ท่านโหวอิ๋งมีคำสั่ง ให้พวกเจ้ายอมให้จับแต่โดยดี ใครขัดคำสั่ง ประหาร!”

“ท่านโหวอิ๋งมีคำสั่ง ให้พวกเจ้ายอมให้จับแต่โดยดี!” หลงซิ่นตะโกนเสียงดังพลางโบกมือ

“ท่านโหวอิ๋งมีคำสั่ง ให้พวกเจ้ายอมให้จับแต่โดยดี!”

กำลังพลเบื้องล่างร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนตามทันที ขวัญกำลังใจทหารเพิ่มสูงขึ้นในชั่วพริบตาเดียว จะไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นคงไม่ได้ เพราะว่าจับลูกชายของอ๋องสวรรค์อิ๋งได้แล้ว!

ตอนนี้จะมีเวลาให้เจียงเชียนหลี่ชักช้าอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร กำลังพลห้าสายพุ่งเข้ามาถึงในชั่วพริบตาเดียว

ทัพใหญ่ที่เที่ยวตระเวนเสียขวัญกำลังใจทันที กลุ่มคนถืออาวุธมองไปทั่ว พวกเขาล้วนมีสีหน้ากังวล ชั่วพริบตาเดียวก็ถูกกำลังพลห้าสายล้อมไว้แล้ว

อ๋าวเถี่ยที่พุ่งนำเข้ามา ตอนนี้ถึงตรงหน้าเจียงเชียนหลี่แล้ว มาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาในระยะใกล้ คมดาบที่จ่ออยู่บนคออิ๋งอู๋หม่านมีรอยเลือดแล้ว “วางอาวุธแล้วจะไม่ฆ่า!”

ขณะจ้องอิ๋งอู๋หม่านที่น้ำตาไหลราวกับหมดอาลัยตายอยาก เจียงเชียนหลี่ก็ทำสีหน้าไม่ถูก ไม่เคยทำศึกที่ไร้ความเป็นธรรมขนาดนี้มาก่อนเลย เขาไม่ได้สนใจความเป็นความตายของอิ๋งอู๋หม่านและอยากจะดิ้นรนต่อต้าน แต่สุดท้ายก็วางทวนยาวที่อยู่ในมือลงช้าๆ เขารู้ว่าถ้าผ่านเรื่องนี้ไป อิ๋งอู๋หม่านคงอยู่ในตำแหน่งโหวต่อไปไม่ได้แล้ว อนาคตที่จะได้สืบทอดตำแหน่งอ๋องสวรรค์ก็พังทลายแล้วเช่นกัน แต่ท่ามกลางสายตาฝูงชนแบบนี้ เขาแบกรับข้อหาที่ทำให้ลูกชายอ๋องสวรรค์ตายไม่ไหว

เขาเกรงว่าเมื่อถึงตอนนั้น คนที่ตายคงไม่ได้มีเขาแค่คนเดียว แต่คนในครอบครัวของเขามากมายขนาดนั้นจะทำอย่างไร? อย่างน้อยถ้าวางอาวุธเพื่ออิ๋งอู๋หม่าน ก็พิสูจน์ความจงรักภักดีที่เขามีต่อตระกูลอิ๋งได้แล้ว ต่อให้พ่ายแพ้ แต่ตระกูลอิ๋งก็จะดูแลคนในครอบครัวเขาอย่างดี ไม่ถึงขั้นทำให้ครอบครัวของเขาได้รับความอัปยศเมื่อเขาไม่อยู่แล้ว

“ไว้ชีวิต จับตัวไป!” หลงซิ่นตะโกนสั่ง

ทัพใหญ่หลายแสนกรูเข้ามา หลงซิ่นควบคุมเจียงเชียนหลี่ไว้คนแรก ทัพใหญ่ที่เที่ยวตระเวนเดิมทียังมีคนอยากจะต่อต้าน แต่พอได้ยินว่า ‘ไว้ชีวิต’ ก็โล่งใจแล้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาจะฆ่า คนอื่นๆ ก็ยอมแล้ว

สุดท้ายเจียงเชียนหลี่ก็มองไปที่อิ๋งอู๋หม่านด้วยแววตาที่ไม่มีทางบรรยายได้จริงๆ ในใจเรียกได้ว่าทอดถอนใจยาว ท่านโหวอิ๋งทำร้ายข้า!

ในขณะที่ลนลานทำอะไรไม่ถูก ใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ทัพใหญ่หนึ่งแสนที่เที่ยวตระเวนทั้งหมดกลายเป็นเชลยศึกแล้ว ทั้งสองฝ่ายยังไม่ประมือกัน ยังไม่มีใครบาดเจ็บ แค่ชั่วพบหน้ากันก็จบลงเร็วมาก

“ปลดอาวุธ เปลี่ยนเครื่องแบบ เร็วๆๆ!” หลงซิ่นบัญชาการเสียงดัง

กำลังพลฝ่ายนี้ก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะชนะศึกนี้ได้สบายๆ ขนาดนี้ เพราะก่อนหน้านี้ไม่รู้ข่าวนี้สักนิดเลย มีคนไม่น้อยแทบจะหัวเราะออกมา บางคนก็กำลังแอบพึมพำแสดงความเห็น

“นายท่านจับลูกชายอ๋องสวรรค์อิ๋งมาได้ยังไง?”

“นี่คือท่านโหวที่ได้เข้าประชุมในราชสำนักเชียวนะ จับตัวมาโจ่งแจ้งขนาดนี้ คงจะไม่เกิดเรื่องหรอกใช่มั้ย?”

ขวัญกำลังใจทหารของเผ่าเทพอสรพิษดำก็ยิ่งเพิ่มขึ้นแล้ว

ในโถงถ้ำตรงจุดที่มีดาวหกดวงล้อมรอบ อ๋าวเฟยที่ได้รับข่าวด่วนจากเจียงเชียนหลี่กำลังกำระฆังดาราอย่างเหม่องง จากนั้นก็เขย่าระฆังดาราตอบเจียงเชียนหลี่ราวกับเสียสติ : เร็ว! ถอนกำลัง! ถอนกำลัง…

เขาเองก็ไม่กล้าสั่งให้เจียงเชียนหลี่ดันทุรังโจมตีเช่นกัน ถ้าทำให้อิ๋งอู๋หม่านตาย เจียงเชียนหลี่รับผิดชอบไม่ไหว เขาเองก็รับผิดชอบไม่ไหวเหมือนกัน ตอนนี้เขาอยากจะติดต่อท่านอ๋อง แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้จะยังส่งข่าวทันได้อย่างไร ปฏิกิริยาแรกก็คือสั่งให้เจียงเชียนหลี่ถอนทัพ หนีไป!

ทว่าทางฝั่งเจียงเชียนหลี่ไม่ตอบอะไรแล้ว อ๋าวเฟยหน้าซีดทันที โซเซถอยหลังหลายก้าว พึมพำด้วยสีหน้าอนาถใจ “หมดกัน! จบแล้ว…”

หวังหย่วนเฉียวกับคงฮั่นยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พอเห็นสภาพเขาเป็นแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ อ๋าวเฟยที่ช่ำชองสนามรบมานานกลายเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร แพ้ชนะเป็นเรื่องปกติของทหาร ต่อให้สู้แพ้ก็คงไม่ตกใจถึงขั้นนี้หรอกมั้ง! ทั้งสองพอจะรู้จักนิสัยของอ๋าวเฟย การแพ้ชนะของกำลังพลหนึ่งแสนไม่ทำให้เขาสะเทือนใจขนาดนี้แน่นอน จะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วแน่ๆ

ทั้งสองเขามาประคองแขนซ้ายแขนขวาของเขา หวังหย่วนเฉียวถามอย่างตกใจว่า “ทำไมแม่ทัพใหญ่เป็นแบบนี้?”

“เฮ้อ!” อ๋าวเฟยย่ำเท้าผลักทั้งสองออกไป แล้วส่ายหน้าอย่างแรงๆ ถอนหายใจยาวด้วยหน้าสีขื่นขมจนปัญญา “ท่านโหวอิ๋งทำงานใหญ่ของข้าพัง!”

“ท่านโหวอิ๋ง?” หวังหย่วนเฉียวตกใจ ไม่รู้ว่าทำไมโยงไปถึงท่านโหวอิ๋งได้อีก

“ท่านโหวอิ๋งทำไมเหรอ?” คงฮั่นรีบถาม

ในขณะนี้เอง ในถ้ำก็มีทหารคนหนึ่งรีบเข้ามารายงาน “แม่ทัพใหญ่ ทัพใหญ่ที่นำโดยแม่ทัพเจียงรบแพ้ สายลับมองเห็นจากที่ไกลๆ ทัพใหญ่ทั้งหมดเหมือนจะถูกจับเป็นเชลยโดยไม่ต่อต้านใดๆ!”

หวังหย่วนเฉียวกับคงฮั่นตกใจมาก ถามเป็นเสียงเดียวกันว่า “ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้?”

ทหารที่เข้ามารายงานส่ายหน้า เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร สายลับไม่ได้เอาตัวเองไปอยู่ในทัพใหญ่ด้วย เพียงหลบมองอยู่ไกลๆ เท่านั้น มองไม่เห็นสถานการณ์ชัดเจน

อ๋าวเฟยหลับตาก้มหน้า “ท่านโหวอิ๋งอยู่ในมือหนิวโหย่วเต๋อแล้ว ตอนใกล้จะทำศึก จู่ๆ อีกฝ่ายก็เอาท่านโหวอิ๋งมาเป็นโล่กำบัง ทัพฝ่ายเรากลัวลูบหน้าปะจมูก!”

“หา!” หวังหย่วนเฉียวกับคงฮั่นตกใจค้าง อิ๋งอู๋หม่านไปตกอยู่ในมือหนิวโหย่วเต๋อได้ยังไง?

“ตกหลุมพรางชั่วของคนต่ำช้าแล้ว! มีความเป็นไปได้สูงว่าอู๋เซียนฉีจะโดนหนิวโหย่วเต๋อซื้อตัวแล้ว แล้วที่หนีไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ก็เป็นกลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม จงใจทำให้พวกเราสับสน!” อ๋าวเฟยส่ายหน้าฝืนยิ้มด้วยความเจ็บปวด “ใช้กลยุทธ์ชั้นสูงของทหาร ไอ้จัญไรหนิวช่างสมคำร่ำลือ นึกไม่ถึงว่าจะใช้กลยุทธ์นี้!”

หวังหย่วนเฉียวบอกว่า “แม่ทัพใหญ่ เชออู่นำกำลังพลมุ่งหน้าไปแล้ว ถ้าโดนอีกฝ่ายเอาท่านโหวอิ๋งมาขู่อีก จะไม่ผิดพลาดซ้ำรอยเดิมหรอกเหรอ รีบสั่งให้เขาถอยเถอะ!”

“ไม่รีบหรอก! ดูท่านอ๋องก่อนว่าจะตัดสินยังไง!” อ๋าวเฟยสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ไม่ได้ลนลานอีกแล้ว หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อจั่วเอ๋อร์ทันที

บึ้ม! ใต้ร่มไม้ริมแม่น้ำ ต้นไม้ใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางสิบกว่าจั้งกลายเป็นผุยผงในชั่วพริบตาเดียว

จั่วเอ๋อร์ยกมือขึ้นป้องใบหน้า นางกำลังมองอิ๋งจิ่วกวงที่เดือดดาลสุดขีดจนเสื้อผ้าปลิวสะบัดราวกับอยู่บนยานพาหนะ

“ไอ้จัญไรนั่นรังแกข้าเกินไปแล้ว!” อิ๋งจิ่วกวงคำรามอย่างเดือดดาลสุดขีด แล้วหันขวับกลับมาด้วยสายตาราวกับจะกินคน “บอกอ๋าวเฟย! ไม่ต้องสนใจความเป็นความตายของไอ้ลูกทรพีนั่น ถ้าฝ่ายตรงข้ามผลักไอ้ลูกทรพีมาเป็นโล่กำบังอีก ก็ให้สังหารนำไปก่อน เด็ดหัวไอ้ลูกทรพีมาให้ข้า อ๋องผู้นี้จะตบรางวัลอย่างงาม!”

“รับทราบ!” จั่วเอ๋อร์รีบเอ่ยรับ ไม่กล้าพูดอะไรมากอีก สาเหตุแรกเป็นเพราะรู้ว่าอิ๋งจิ่วกวงเดือดดาลจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว สาเหตุรองเป็นเพราะรู้ว่าถ้าถ่วงเวลาในสนามรบต่อไปจะไม่ทันแล้ว

ในโถงถ้ำ ไม่ว่าจะเป็นพวกเหมียวอี้ที่ภายนอกดูสงบใจเย็น หรือจะเป็นพวกโม่โหยวที่สีหน้ากระวนกระวาย ที่จริงแล้วพวกเขาต่างก็กำลังรอฟังรายงานการรบอย่างร้อนใจ

ผ่านไปม่นาน กุยอู๋ที่อยู่ฝั่งเหมียวอี้ ชางไห่ที่อยู่ฝั่งโม่โหยวต่างก็หยิบระฆังดาราออกมา

“ข่าวดี!” กุยอู๋วางระฆังดาราลงแล้วรายงานข่าวดีก่อน แล้วค่อยเล่ารายละเอียด “ข่าวชัยชนะศึกแรก ทัพฝ่ายเราไม่มีใครบาดเจ็บสักคน จัดการกองทัพลาดตระเวนฝ่ายตรงข้ามได้หนึ่งแสน ยังไม่มีใครหนีไปสักคน ทัพฝ่ายเราชนะโดยสมบูรณ์! ตอนนี้ทัพใหญ่ฝ่ายเรากำลังรีบเตรียมพร้อม”

เหลิ่งจัวฉุนฟังแล้วกะพริบตาปริบๆ เห็นได้ชัดว่าตกตะลึง เขาไม่เข้าใจว่าศึกนี้สู้กันอย่างไร จัดการทัพลาดตระเวนหนึ่งแสนได้โดยไม่มีใครบาดเจ็บสักคน? จริงหรือโกหก?

“ดี!” เหมียวอี้ที่หายเครียดแล้วตบบนเข็มทิศติดต่อกันสามที จากนั้นก็ควบคุมอารมณ์ตื่นเต้น แล้วถ่ายทอดคำสั่งทันทีว่า “ถ่ายทอดคำสั่งข้าลงไป รายงานข่าวชัยชนะให้กำลังพลแต่ละสายของข้า รวมทั้งสายลับที่กระจายตัวอยู่ด้วย เพิ่มขวัญกำลังใจทหารให้ข้า ทุกคนจะได้รู้ว่าทัพตะวันออกห้าล้านมันก็แค่นี้เอง ทุกคนไม่จำเป็นต้องกลัว!”

จากนั้นก็ชี้บนเข็มทิศ “กองหนุนทางตะวันตกของฝ่ายศัตรูกำลังเร่งตามมา บอกหลงซิ่นว่าให้ทำตามแผนเดิม รับการโจมตีจากทัพข้าศึกซึ่งๆ หน้า อย่าชักช้าอืดอาด!”

“รับทราบ!” ทางนี้แจ้งคำสั่งลงไปทันที

จากนั้นเหลิ่งจัวฉุนก็ถ่ายทอดเสียงถามกุยอู๋ว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่

เห็นได้ชัดว่าโม่โหยวที่อยู่ตรงข้ามมีสีหน้าตื่นเต้นประหลาดใจ นางกำลังฟังชางไห่ถ่ายทอดเสียงรายงาน ดวงตางามเปล่งประกายลุกวาว มองเหมียวอี้ที่กำลังจ้องเข็มทิศครุ่นคิดเป็นระยะ โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าฝ่ายนี้จับตัวอิ๋งอู๋หม่านได้ ก็ทำให้นางตกใจไม่เบาจริงๆ จับอิ๋งอู๋หม่านที่เป็นผู้บัญชาการสูงสุดของทัพฝ่ายศัตรูได้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?

สรุปก็คือไม่ว่าจะอย่างไร สิ่งที่ทำให้นางดีใจที่สุดก็คือศึกนี้ไม่ทำให้พี่น้องเผ่าเทพอสรพิษดำบาดเจ็บล้มตายสักคน จะเห็นได้ว่าหนิวโหย่วเต๋อไม่ได้เอาพี่น้องเผ่าเทพอสรพิษดำของนางมาทำซี้ซั้ว โดยเฉพาะการที่เขาปฏิบัติกับทัพใหญ่แดนรัตติกาลอย่างเท่าเทียมกัน สิ่งนี้ทำให้นางค่อนข้างชื่นชม

ชางไห่ที่แอบถ่ายทอดเสียงเสร็จแล้วมองไปที่เหมียวอี้ด้วยสายตาสับสนนิดหน่อย ก่อนหน้านี้เขาใช้อารมณ์เถียงกับเหมียวอี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งนี้นับว่ายอมแพ้จากใจแล้ว

“ยินดีกับหัวหน้าภาคหนิวที่ชนะตั้งแต่ยกแรก” โม่โหยวพยักหน้าแสดงความยินดีให้เหมียวอี้เบาๆ

เหมียวอี้เหลือบตาขึ้น แล้วยิ้มบางๆ “ยินดีเช่นกันๆ”

โม่โหยวกล่าวชื่นชมว่า “ได้ยินมานานว่าหัวหน้าภาคหนิวช่ำชองการศึก เคยนำกำลังพลครึ่งกองธงพยัคฆ์ไปตีทัพใหญ่หนึ่งล้าน ยังนึกว่าเยินยอเกินจริงเสียอีก วันนี้ถึงได้เห็นหัวหน้าภาคใช้งานทหารราวกับเป็นเทพ สมคำร่ำลือจริงๆ ด้วย”

“ผู้อาวุโสโม่ชมเกินไปแล้ว ชนะศึกแรกเพราะโชคดีเท่านั้น เป็นการฉวยโอกาสโดยแท้ ตอนหลังอาจจะไม่ราบรื่นแบบนี้ก็ได้!” เหมียวอี้ชี้เข็มทิศ “ตอนนี้ไม่มีทางที่ฝ่ายศัตรูจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่ากองหนุนทางตะวันตกรุดหน้ามาโดยไม่เสียระเบียบแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าอิ๋งอู๋หม่านถูกฝ่ายศัตรูทอดทิ้งแล้ว หมดประโยชน์แล้ว ต่อจากนี้จะเริ่มใช้กำลังต่อสู้อย่างแท้จริง หวังว่าอีกประเดี๋ยวหากเกิดเหตุการณ์ที่พี่น้องเผ่าเทพอสรพิษดำบาดเจ็บล้มตาย ผู้อาวุโสโม่จะควบคุมอารมณ์ไหว!” ขณะที่พูดก็ชำเลืองชางไห่แวบหนึ่ง

ชางไห่เข้าใจ ได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น ไม่ได้พูดอะไรอีก

“ในเมื่อหัวหน้าภาคหนิวกล้าสู้ คาดว่าต้องมีความมั่นใจแน่” โม่โหยวยิ้มบางๆ เมื่อมีชัยในศึกแรกแล้ว น้ำเสียงก็ผ่อนคลายขึ้นไม่น้อย นี่ก็คือที่มาของขวัญกำลังใจทหาร

เหมียวอี้ยิ้มโดยไม่ตอบอะไร “สถานการณ์ศึกอาจเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ ตั้งตารอดูเถอะ”

“มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้าไม่เข้าใจ อิ๋งอู๋หม่าน ผู้บัญชาการทัพสูงสุดฝ่ายศัตรูมาตกอยู่ในมือเจ้าได้ยังไง?” โม่โหยวถาม

“อิ๋งอู๋หม่านถูกอ๋องสวรรค์อิ๋งถอดจากตำแหน่งนานแล้ว ตอนนี้ผู้บัญชาการทัพสูงสุดฝ่ายศัตรูก็คืออ๋าวเฟย ดูถูกคนนี้ไม่ได้เลย เป็นแม่ทัพที่ช่ำชองการรบของทัพตะวันออก เป็นตัวละครที่มีน้อยจนนับได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเข้าสังคมไม่เป็นจนไปล่วงเกินคนอื่นเข้า ตอนนี้เกรงว่าคงได้ขึ้นตำแหน่งเทพประจำดาวแล้ว” เหมียวอี้ไม่ได้บอกละเอียดว่าอิ๋งอู๋หม่านถูกจับมาได้อย่างไร ฐานะท่านโหวของของอิ๋งอู๋หม่านก็เห็นๆ กันอยู่ ถ้าเปิดโปงว่าหยางเจาชิงจับตัวขุนนางของราชสำนักมา ก็ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับหยางเจาชิง ส่วนสถานการณ์ของอ๋าวเฟย เขารู้มาจากหวงฝู่จวินโหรว จึงเตือนให้ทุกคนระวังตัวไว้ อาศัยเรื่องนี้มาเปลี่ยนประเด็นสนทนา

เมื่อเห็นเหมียวอี้ไม่ยอมบอก โม่โหยวก็พยักหน้า ไม่ถามอะไรอีกแล้วเช่นกัน

……………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1856 ไอ้จัญไรนั่นรังแกข้าเกินไปแล้ว

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1856 ไอ้จัญไรนั่นรังแกข้าเกินไปแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ต่อให้ฝ่ายนี้ไม่ได้ทำตาย แต่ดูจากท่าทางของฝ่ายตรงข้ามแล้ว ขอเพียงฝั่งนี้กล้าลงมือ ฝั่งนั้นก็จะฆ่าท่านโหวอิ๋ง

คำพูดของแม่ทัพแถวหน้าทำให้ทัพใหญ่ที่อยู่ข้างหลังเกิดความวุ่นวายอยู่พักหนึ่ง

“อย่ากลัว!” เจียงเชียนหลี่ตะคอกอย่างเดือดดาล รีบหยิบระฆังดาราออกมาติดต่ออ๋าวเฟย รีบถามว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่

เมื่อเจอกับสถานการณ์อย่างนี้ เขาก็รู้ว่าไม่มีทางสู้ต่อได้แล้ว เขาอยากจะออกคำสั่งถอนกำลังมาก แต่ก็กังวลว่าพอฝั่งนี้ไปแล้วจะทำให้อิ๋งอู๋หม่านเป็นอันตรายถึงตาย ถึงตอนนั้นเขาเองก็รับผิดชอบไม่ไหว! อีกเรื่องหนึ่งที่กังวลมากก็คือ ถ้าหนีไปแล้วอาจจะเป็นการทำลายแผนการโจมตีของทัพใหญ่ จะสู้หรือจะหนี เขาไม่มีทางตัดสินใจเองได้

มิหนำซ้ำตอนนี้ก็ถอนกำลังไม่ทันแล้วเช่นกัน ถ้าหนีแล้วทัพใหญ่เสียระเบียบ ก็เท่ากับเกิดความวุ่นวายภายใน จะต้องเสียหายยับเยินแน่นอน

สรุปก็คือในใจเจียงเชียนหลี่ด่าแม่แล้ว ทัพฝ่ายศัตรูใช้วิธีการที่บาปกรรมชั่วร้ายเกินไป จะนำตัวอิ๋งอู๋หม่านออกมาตอนไหนก็ไม่ทำ ดันนำตัวออกมาอย่างกะทันหันตอนที่พุ่งมาตรงหน้าเจ้าแล้ว เป็นการวางกับดักให้คนตายจริงๆ

พอเห็นว่าฝั่งนี้มีความเคลื่อนไหว หลงซิ่นกับอ๋าวเถี่ยก็สบตากันแวบหนึ่ง อ๋าวเถี่ยพลันร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนว่า “อิ๋งอู๋หม่าน ท่านโหวอิ๋งมีคำสั่ง ให้พวกเจ้ายอมให้จับแต่โดยดี ใครขัดคำสั่ง ประหาร!”

“ท่านโหวอิ๋งมีคำสั่ง ให้พวกเจ้ายอมให้จับแต่โดยดี!” หลงซิ่นตะโกนเสียงดังพลางโบกมือ

“ท่านโหวอิ๋งมีคำสั่ง ให้พวกเจ้ายอมให้จับแต่โดยดี!”

กำลังพลเบื้องล่างร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนตามทันที ขวัญกำลังใจทหารเพิ่มสูงขึ้นในชั่วพริบตาเดียว จะไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นคงไม่ได้ เพราะว่าจับลูกชายของอ๋องสวรรค์อิ๋งได้แล้ว!

ตอนนี้จะมีเวลาให้เจียงเชียนหลี่ชักช้าอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร กำลังพลห้าสายพุ่งเข้ามาถึงในชั่วพริบตาเดียว

ทัพใหญ่ที่เที่ยวตระเวนเสียขวัญกำลังใจทันที กลุ่มคนถืออาวุธมองไปทั่ว พวกเขาล้วนมีสีหน้ากังวล ชั่วพริบตาเดียวก็ถูกกำลังพลห้าสายล้อมไว้แล้ว

อ๋าวเถี่ยที่พุ่งนำเข้ามา ตอนนี้ถึงตรงหน้าเจียงเชียนหลี่แล้ว มาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาในระยะใกล้ คมดาบที่จ่ออยู่บนคออิ๋งอู๋หม่านมีรอยเลือดแล้ว “วางอาวุธแล้วจะไม่ฆ่า!”

ขณะจ้องอิ๋งอู๋หม่านที่น้ำตาไหลราวกับหมดอาลัยตายอยาก เจียงเชียนหลี่ก็ทำสีหน้าไม่ถูก ไม่เคยทำศึกที่ไร้ความเป็นธรรมขนาดนี้มาก่อนเลย เขาไม่ได้สนใจความเป็นความตายของอิ๋งอู๋หม่านและอยากจะดิ้นรนต่อต้าน แต่สุดท้ายก็วางทวนยาวที่อยู่ในมือลงช้าๆ เขารู้ว่าถ้าผ่านเรื่องนี้ไป อิ๋งอู๋หม่านคงอยู่ในตำแหน่งโหวต่อไปไม่ได้แล้ว อนาคตที่จะได้สืบทอดตำแหน่งอ๋องสวรรค์ก็พังทลายแล้วเช่นกัน แต่ท่ามกลางสายตาฝูงชนแบบนี้ เขาแบกรับข้อหาที่ทำให้ลูกชายอ๋องสวรรค์ตายไม่ไหว

เขาเกรงว่าเมื่อถึงตอนนั้น คนที่ตายคงไม่ได้มีเขาแค่คนเดียว แต่คนในครอบครัวของเขามากมายขนาดนั้นจะทำอย่างไร? อย่างน้อยถ้าวางอาวุธเพื่ออิ๋งอู๋หม่าน ก็พิสูจน์ความจงรักภักดีที่เขามีต่อตระกูลอิ๋งได้แล้ว ต่อให้พ่ายแพ้ แต่ตระกูลอิ๋งก็จะดูแลคนในครอบครัวเขาอย่างดี ไม่ถึงขั้นทำให้ครอบครัวของเขาได้รับความอัปยศเมื่อเขาไม่อยู่แล้ว

“ไว้ชีวิต จับตัวไป!” หลงซิ่นตะโกนสั่ง

ทัพใหญ่หลายแสนกรูเข้ามา หลงซิ่นควบคุมเจียงเชียนหลี่ไว้คนแรก ทัพใหญ่ที่เที่ยวตระเวนเดิมทียังมีคนอยากจะต่อต้าน แต่พอได้ยินว่า ‘ไว้ชีวิต’ ก็โล่งใจแล้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาจะฆ่า คนอื่นๆ ก็ยอมแล้ว

สุดท้ายเจียงเชียนหลี่ก็มองไปที่อิ๋งอู๋หม่านด้วยแววตาที่ไม่มีทางบรรยายได้จริงๆ ในใจเรียกได้ว่าทอดถอนใจยาว ท่านโหวอิ๋งทำร้ายข้า!

ในขณะที่ลนลานทำอะไรไม่ถูก ใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ทัพใหญ่หนึ่งแสนที่เที่ยวตระเวนทั้งหมดกลายเป็นเชลยศึกแล้ว ทั้งสองฝ่ายยังไม่ประมือกัน ยังไม่มีใครบาดเจ็บ แค่ชั่วพบหน้ากันก็จบลงเร็วมาก

“ปลดอาวุธ เปลี่ยนเครื่องแบบ เร็วๆๆ!” หลงซิ่นบัญชาการเสียงดัง

กำลังพลฝ่ายนี้ก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะชนะศึกนี้ได้สบายๆ ขนาดนี้ เพราะก่อนหน้านี้ไม่รู้ข่าวนี้สักนิดเลย มีคนไม่น้อยแทบจะหัวเราะออกมา บางคนก็กำลังแอบพึมพำแสดงความเห็น

“นายท่านจับลูกชายอ๋องสวรรค์อิ๋งมาได้ยังไง?”

“นี่คือท่านโหวที่ได้เข้าประชุมในราชสำนักเชียวนะ จับตัวมาโจ่งแจ้งขนาดนี้ คงจะไม่เกิดเรื่องหรอกใช่มั้ย?”

ขวัญกำลังใจทหารของเผ่าเทพอสรพิษดำก็ยิ่งเพิ่มขึ้นแล้ว

ในโถงถ้ำตรงจุดที่มีดาวหกดวงล้อมรอบ อ๋าวเฟยที่ได้รับข่าวด่วนจากเจียงเชียนหลี่กำลังกำระฆังดาราอย่างเหม่องง จากนั้นก็เขย่าระฆังดาราตอบเจียงเชียนหลี่ราวกับเสียสติ : เร็ว! ถอนกำลัง! ถอนกำลัง…

เขาเองก็ไม่กล้าสั่งให้เจียงเชียนหลี่ดันทุรังโจมตีเช่นกัน ถ้าทำให้อิ๋งอู๋หม่านตาย เจียงเชียนหลี่รับผิดชอบไม่ไหว เขาเองก็รับผิดชอบไม่ไหวเหมือนกัน ตอนนี้เขาอยากจะติดต่อท่านอ๋อง แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้จะยังส่งข่าวทันได้อย่างไร ปฏิกิริยาแรกก็คือสั่งให้เจียงเชียนหลี่ถอนทัพ หนีไป!

ทว่าทางฝั่งเจียงเชียนหลี่ไม่ตอบอะไรแล้ว อ๋าวเฟยหน้าซีดทันที โซเซถอยหลังหลายก้าว พึมพำด้วยสีหน้าอนาถใจ “หมดกัน! จบแล้ว…”

หวังหย่วนเฉียวกับคงฮั่นยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พอเห็นสภาพเขาเป็นแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ อ๋าวเฟยที่ช่ำชองสนามรบมานานกลายเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร แพ้ชนะเป็นเรื่องปกติของทหาร ต่อให้สู้แพ้ก็คงไม่ตกใจถึงขั้นนี้หรอกมั้ง! ทั้งสองพอจะรู้จักนิสัยของอ๋าวเฟย การแพ้ชนะของกำลังพลหนึ่งแสนไม่ทำให้เขาสะเทือนใจขนาดนี้แน่นอน จะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วแน่ๆ

ทั้งสองเขามาประคองแขนซ้ายแขนขวาของเขา หวังหย่วนเฉียวถามอย่างตกใจว่า “ทำไมแม่ทัพใหญ่เป็นแบบนี้?”

“เฮ้อ!” อ๋าวเฟยย่ำเท้าผลักทั้งสองออกไป แล้วส่ายหน้าอย่างแรงๆ ถอนหายใจยาวด้วยหน้าสีขื่นขมจนปัญญา “ท่านโหวอิ๋งทำงานใหญ่ของข้าพัง!”

“ท่านโหวอิ๋ง?” หวังหย่วนเฉียวตกใจ ไม่รู้ว่าทำไมโยงไปถึงท่านโหวอิ๋งได้อีก

“ท่านโหวอิ๋งทำไมเหรอ?” คงฮั่นรีบถาม

ในขณะนี้เอง ในถ้ำก็มีทหารคนหนึ่งรีบเข้ามารายงาน “แม่ทัพใหญ่ ทัพใหญ่ที่นำโดยแม่ทัพเจียงรบแพ้ สายลับมองเห็นจากที่ไกลๆ ทัพใหญ่ทั้งหมดเหมือนจะถูกจับเป็นเชลยโดยไม่ต่อต้านใดๆ!”

หวังหย่วนเฉียวกับคงฮั่นตกใจมาก ถามเป็นเสียงเดียวกันว่า “ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้?”

ทหารที่เข้ามารายงานส่ายหน้า เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร สายลับไม่ได้เอาตัวเองไปอยู่ในทัพใหญ่ด้วย เพียงหลบมองอยู่ไกลๆ เท่านั้น มองไม่เห็นสถานการณ์ชัดเจน

อ๋าวเฟยหลับตาก้มหน้า “ท่านโหวอิ๋งอยู่ในมือหนิวโหย่วเต๋อแล้ว ตอนใกล้จะทำศึก จู่ๆ อีกฝ่ายก็เอาท่านโหวอิ๋งมาเป็นโล่กำบัง ทัพฝ่ายเรากลัวลูบหน้าปะจมูก!”

“หา!” หวังหย่วนเฉียวกับคงฮั่นตกใจค้าง อิ๋งอู๋หม่านไปตกอยู่ในมือหนิวโหย่วเต๋อได้ยังไง?

“ตกหลุมพรางชั่วของคนต่ำช้าแล้ว! มีความเป็นไปได้สูงว่าอู๋เซียนฉีจะโดนหนิวโหย่วเต๋อซื้อตัวแล้ว แล้วที่หนีไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ก็เป็นกลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม จงใจทำให้พวกเราสับสน!” อ๋าวเฟยส่ายหน้าฝืนยิ้มด้วยความเจ็บปวด “ใช้กลยุทธ์ชั้นสูงของทหาร ไอ้จัญไรหนิวช่างสมคำร่ำลือ นึกไม่ถึงว่าจะใช้กลยุทธ์นี้!”

หวังหย่วนเฉียวบอกว่า “แม่ทัพใหญ่ เชออู่นำกำลังพลมุ่งหน้าไปแล้ว ถ้าโดนอีกฝ่ายเอาท่านโหวอิ๋งมาขู่อีก จะไม่ผิดพลาดซ้ำรอยเดิมหรอกเหรอ รีบสั่งให้เขาถอยเถอะ!”

“ไม่รีบหรอก! ดูท่านอ๋องก่อนว่าจะตัดสินยังไง!” อ๋าวเฟยสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ไม่ได้ลนลานอีกแล้ว หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อจั่วเอ๋อร์ทันที

บึ้ม! ใต้ร่มไม้ริมแม่น้ำ ต้นไม้ใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางสิบกว่าจั้งกลายเป็นผุยผงในชั่วพริบตาเดียว

จั่วเอ๋อร์ยกมือขึ้นป้องใบหน้า นางกำลังมองอิ๋งจิ่วกวงที่เดือดดาลสุดขีดจนเสื้อผ้าปลิวสะบัดราวกับอยู่บนยานพาหนะ

“ไอ้จัญไรนั่นรังแกข้าเกินไปแล้ว!” อิ๋งจิ่วกวงคำรามอย่างเดือดดาลสุดขีด แล้วหันขวับกลับมาด้วยสายตาราวกับจะกินคน “บอกอ๋าวเฟย! ไม่ต้องสนใจความเป็นความตายของไอ้ลูกทรพีนั่น ถ้าฝ่ายตรงข้ามผลักไอ้ลูกทรพีมาเป็นโล่กำบังอีก ก็ให้สังหารนำไปก่อน เด็ดหัวไอ้ลูกทรพีมาให้ข้า อ๋องผู้นี้จะตบรางวัลอย่างงาม!”

“รับทราบ!” จั่วเอ๋อร์รีบเอ่ยรับ ไม่กล้าพูดอะไรมากอีก สาเหตุแรกเป็นเพราะรู้ว่าอิ๋งจิ่วกวงเดือดดาลจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว สาเหตุรองเป็นเพราะรู้ว่าถ้าถ่วงเวลาในสนามรบต่อไปจะไม่ทันแล้ว

ในโถงถ้ำ ไม่ว่าจะเป็นพวกเหมียวอี้ที่ภายนอกดูสงบใจเย็น หรือจะเป็นพวกโม่โหยวที่สีหน้ากระวนกระวาย ที่จริงแล้วพวกเขาต่างก็กำลังรอฟังรายงานการรบอย่างร้อนใจ

ผ่านไปม่นาน กุยอู๋ที่อยู่ฝั่งเหมียวอี้ ชางไห่ที่อยู่ฝั่งโม่โหยวต่างก็หยิบระฆังดาราออกมา

“ข่าวดี!” กุยอู๋วางระฆังดาราลงแล้วรายงานข่าวดีก่อน แล้วค่อยเล่ารายละเอียด “ข่าวชัยชนะศึกแรก ทัพฝ่ายเราไม่มีใครบาดเจ็บสักคน จัดการกองทัพลาดตระเวนฝ่ายตรงข้ามได้หนึ่งแสน ยังไม่มีใครหนีไปสักคน ทัพฝ่ายเราชนะโดยสมบูรณ์! ตอนนี้ทัพใหญ่ฝ่ายเรากำลังรีบเตรียมพร้อม”

เหลิ่งจัวฉุนฟังแล้วกะพริบตาปริบๆ เห็นได้ชัดว่าตกตะลึง เขาไม่เข้าใจว่าศึกนี้สู้กันอย่างไร จัดการทัพลาดตระเวนหนึ่งแสนได้โดยไม่มีใครบาดเจ็บสักคน? จริงหรือโกหก?

“ดี!” เหมียวอี้ที่หายเครียดแล้วตบบนเข็มทิศติดต่อกันสามที จากนั้นก็ควบคุมอารมณ์ตื่นเต้น แล้วถ่ายทอดคำสั่งทันทีว่า “ถ่ายทอดคำสั่งข้าลงไป รายงานข่าวชัยชนะให้กำลังพลแต่ละสายของข้า รวมทั้งสายลับที่กระจายตัวอยู่ด้วย เพิ่มขวัญกำลังใจทหารให้ข้า ทุกคนจะได้รู้ว่าทัพตะวันออกห้าล้านมันก็แค่นี้เอง ทุกคนไม่จำเป็นต้องกลัว!”

จากนั้นก็ชี้บนเข็มทิศ “กองหนุนทางตะวันตกของฝ่ายศัตรูกำลังเร่งตามมา บอกหลงซิ่นว่าให้ทำตามแผนเดิม รับการโจมตีจากทัพข้าศึกซึ่งๆ หน้า อย่าชักช้าอืดอาด!”

“รับทราบ!” ทางนี้แจ้งคำสั่งลงไปทันที

จากนั้นเหลิ่งจัวฉุนก็ถ่ายทอดเสียงถามกุยอู๋ว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่

เห็นได้ชัดว่าโม่โหยวที่อยู่ตรงข้ามมีสีหน้าตื่นเต้นประหลาดใจ นางกำลังฟังชางไห่ถ่ายทอดเสียงรายงาน ดวงตางามเปล่งประกายลุกวาว มองเหมียวอี้ที่กำลังจ้องเข็มทิศครุ่นคิดเป็นระยะ โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าฝ่ายนี้จับตัวอิ๋งอู๋หม่านได้ ก็ทำให้นางตกใจไม่เบาจริงๆ จับอิ๋งอู๋หม่านที่เป็นผู้บัญชาการสูงสุดของทัพฝ่ายศัตรูได้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?

สรุปก็คือไม่ว่าจะอย่างไร สิ่งที่ทำให้นางดีใจที่สุดก็คือศึกนี้ไม่ทำให้พี่น้องเผ่าเทพอสรพิษดำบาดเจ็บล้มตายสักคน จะเห็นได้ว่าหนิวโหย่วเต๋อไม่ได้เอาพี่น้องเผ่าเทพอสรพิษดำของนางมาทำซี้ซั้ว โดยเฉพาะการที่เขาปฏิบัติกับทัพใหญ่แดนรัตติกาลอย่างเท่าเทียมกัน สิ่งนี้ทำให้นางค่อนข้างชื่นชม

ชางไห่ที่แอบถ่ายทอดเสียงเสร็จแล้วมองไปที่เหมียวอี้ด้วยสายตาสับสนนิดหน่อย ก่อนหน้านี้เขาใช้อารมณ์เถียงกับเหมียวอี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งนี้นับว่ายอมแพ้จากใจแล้ว

“ยินดีกับหัวหน้าภาคหนิวที่ชนะตั้งแต่ยกแรก” โม่โหยวพยักหน้าแสดงความยินดีให้เหมียวอี้เบาๆ

เหมียวอี้เหลือบตาขึ้น แล้วยิ้มบางๆ “ยินดีเช่นกันๆ”

โม่โหยวกล่าวชื่นชมว่า “ได้ยินมานานว่าหัวหน้าภาคหนิวช่ำชองการศึก เคยนำกำลังพลครึ่งกองธงพยัคฆ์ไปตีทัพใหญ่หนึ่งล้าน ยังนึกว่าเยินยอเกินจริงเสียอีก วันนี้ถึงได้เห็นหัวหน้าภาคใช้งานทหารราวกับเป็นเทพ สมคำร่ำลือจริงๆ ด้วย”

“ผู้อาวุโสโม่ชมเกินไปแล้ว ชนะศึกแรกเพราะโชคดีเท่านั้น เป็นการฉวยโอกาสโดยแท้ ตอนหลังอาจจะไม่ราบรื่นแบบนี้ก็ได้!” เหมียวอี้ชี้เข็มทิศ “ตอนนี้ไม่มีทางที่ฝ่ายศัตรูจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่ากองหนุนทางตะวันตกรุดหน้ามาโดยไม่เสียระเบียบแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าอิ๋งอู๋หม่านถูกฝ่ายศัตรูทอดทิ้งแล้ว หมดประโยชน์แล้ว ต่อจากนี้จะเริ่มใช้กำลังต่อสู้อย่างแท้จริง หวังว่าอีกประเดี๋ยวหากเกิดเหตุการณ์ที่พี่น้องเผ่าเทพอสรพิษดำบาดเจ็บล้มตาย ผู้อาวุโสโม่จะควบคุมอารมณ์ไหว!” ขณะที่พูดก็ชำเลืองชางไห่แวบหนึ่ง

ชางไห่เข้าใจ ได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น ไม่ได้พูดอะไรอีก

“ในเมื่อหัวหน้าภาคหนิวกล้าสู้ คาดว่าต้องมีความมั่นใจแน่” โม่โหยวยิ้มบางๆ เมื่อมีชัยในศึกแรกแล้ว น้ำเสียงก็ผ่อนคลายขึ้นไม่น้อย นี่ก็คือที่มาของขวัญกำลังใจทหาร

เหมียวอี้ยิ้มโดยไม่ตอบอะไร “สถานการณ์ศึกอาจเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ ตั้งตารอดูเถอะ”

“มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้าไม่เข้าใจ อิ๋งอู๋หม่าน ผู้บัญชาการทัพสูงสุดฝ่ายศัตรูมาตกอยู่ในมือเจ้าได้ยังไง?” โม่โหยวถาม

“อิ๋งอู๋หม่านถูกอ๋องสวรรค์อิ๋งถอดจากตำแหน่งนานแล้ว ตอนนี้ผู้บัญชาการทัพสูงสุดฝ่ายศัตรูก็คืออ๋าวเฟย ดูถูกคนนี้ไม่ได้เลย เป็นแม่ทัพที่ช่ำชองการรบของทัพตะวันออก เป็นตัวละครที่มีน้อยจนนับได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเข้าสังคมไม่เป็นจนไปล่วงเกินคนอื่นเข้า ตอนนี้เกรงว่าคงได้ขึ้นตำแหน่งเทพประจำดาวแล้ว” เหมียวอี้ไม่ได้บอกละเอียดว่าอิ๋งอู๋หม่านถูกจับมาได้อย่างไร ฐานะท่านโหวของของอิ๋งอู๋หม่านก็เห็นๆ กันอยู่ ถ้าเปิดโปงว่าหยางเจาชิงจับตัวขุนนางของราชสำนักมา ก็ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับหยางเจาชิง ส่วนสถานการณ์ของอ๋าวเฟย เขารู้มาจากหวงฝู่จวินโหรว จึงเตือนให้ทุกคนระวังตัวไว้ อาศัยเรื่องนี้มาเปลี่ยนประเด็นสนทนา

เมื่อเห็นเหมียวอี้ไม่ยอมบอก โม่โหยวก็พยักหน้า ไม่ถามอะไรอีกแล้วเช่นกัน

……………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+