พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1869 ลูกน้องเก่ากองทัพองครักษ์

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1869 ลูกน้องเก่ากองทัพองครักษ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ค้นหา” โหมวฮ่าวหรานเอียงหน้ากำชับ หลังจากจ้องเหมียวอี้ครู่หนึ่ง ก็พูดเสริมอีกว่า “เอาตัวกำลังพลแดนรัตติกาลไปถามสถานการณ์”

ลูกน้องยังไม่ทันมีปฏิกิริยาอะไร เหมียวก็แย่งพูดแล้วว่า “ผู้ตรวจการใหญ่ คนของจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลไม่ใช่คนร้าย” นี่คือการขัดขืนไม่ให้สอบสวนคนของเขา

“บังอาจ!” แม่ทัพคนหนึ่งของกองทัพองครักษ์ตะคอก

เหมียวอี้กุมหมัดคารวะพร้อมกล่าวอย่างสุภาพ “เหมือนคนของจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลจะไม่ถูกควบคุมโดยกองทัพองครักษ์ กองทัพองครักษ์ไม่มีอำนาจสอบสวนคนของข้า”

โหมวฮ่าวหรานกล่าวช้าๆ ว่า “ข้าได้รับบัญชาจากฝ่าบาท จะทำไม่ได้เชียวหรือ?”

เหมียวอี้รีบบอกว่า “ในเมื่อฝ่าบาทมีบัญชา ข้าน้อยก็ย่อมไม่ขัดขืน แต่ผู้ตรวจการใหญ่ได้โปรดแสดงราชโองการของฝ่าบาทสักหน่อย ไม่อย่างนั้นจะไม่สอดคล้องกับกฎระเบียบ”

ชิงเยว่กับหลงซิ่นยังดีหน่อย แต่หยางเจาชิงกลับแอบปลงอนิจจัง ตอนนี้นายท่านไม่เหมือนในอดีตแล้วจริงๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนมีหรือที่จะกล้าเถียงกับผู้ตรวจการใหญ่ของกองทัพองครักษ์ ถ้าอีกฝ่ายโมโหขึ้นมาแล้วใส่ร้ายเพื่อซ้อมเจ้าสักยก เจ้าก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว แต่ตอนนี้ต่อให้ผู้ตรวจการใหญ่กองทัพองครักษ์จะอยากลงโทษแต่ก็ต้องชั่งน้ำหนักผลที่ตามมาสักหน่อย ตอนนี้นายท่านไม่ใช่ผู้ที่คนบางกลุ่มนึกจะแตะต้องก็แตะต้องได้ เพราะเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก ถ้าจะแตะต้องก็ต้องมีเหตุผลที่ฟังขึ้น

ก็เหมือนความแตกต่างระหว่างพลทหารกับผู้ช่วยผู้บัญชาการของตลาดสวรรค์ ถ้าเป็นพลทหารตลาดสวรรค์ เกรงว่าแม้แต่คนงานในร้านค้าก็คงไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ แต่ถ้าอยู่ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการแล้ว แม้แต่พวกผู้จัดการร้านก็ไม่กล้ามามีเรื่องด้วยส่งเดช ไม่ใช่ว่าอำนาจที่อยู่เบื้องหลังผู้จัดการร้านพวกนั้นหวาดกลัว และไม่ใช่ว่าจะจัดการไม่ได้ แต่ผู้ช่วยผู้บัญชาการจะต้องเป็นคนที่ผู้บัญชาการดึงขึ้นตำแหน่งแน่นอน ต่อให้จัดการได้ แต่ราคาที่ต้องจ่ายก็จะมากขึ้น

“ข้าได้รับคำสั่งปากเปล่า ตอนนี้จะเอาจากไหนมาแสดงให้เจ้า?” โหมวฮ่าวหรานถาม

เหมียวอี้ตอบอย่างสุภาพว่า “แจ้งให้ตำหนักนารีสวรรค์รู้สักหน่อยได้มั้ย ขอเพียงราชินีสวรรค์มีคำสั่ง ข้าน้อยก็จะปฏิบัติตามทันที ไม่อย่างนั้นข้าน้อยจะชี้แจ้งต่อเหนียงเหนียงไม่สะดวก!”

สายตาของโหมวฮ่าวหรานเปลี่ยนเป็นล้ำลึกขึ้นทันที “ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมมากขนาดนั้น ข้าได้รับบัญชาสวรรค์ให้มาปราบโจร หรือว่าแค่จะถามเรื่องโจรจากปากคนของเจ้าก็ทำไม่ได้? อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดจะปิดบังให้โจร? หนิวโหย่วเต๋อ…อย่าลืมนะว่าเจ้าก็มีพื้นเพมาจากกองทัพองครักษ์!” ประโยคสุดท้ายเหมือนจะบอกเหมียวอี้ว่าอย่าลืมกำพืดตัวเอง แต่จากน้ำเสียงที่ฟังเหมือนกำลังบอกว่า ข้าเห็นเจ้ามีพื้นเพจากกองทัพองครักษ์ก็เลยไว้หน้าเจ้า ถ้ายังพูดมากก็อย่าหาว่าข้าไม่ไว้หน้า

เหมียวอี้ตอบกลั้วหัวเราะว่า “ในเมื่อจะถามเรื่องโจร คนของจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลก็ย่อมให้ความร่วมมือ” ขณะที่พูดก็ยื่นมือเชิญตามสะดวก

ที่เขาต้องการก็คือสิ่งนี้ แม้เขาจะกำชับเบื้องล่างไว้แล้วว่าควรพูดอย่างไร แต่ถ้าอีกฝ่ายใช้วิธีการทรมาน เขาเองก็ไม่กล้ารับประกันว่าจะมีช่องโหว่หรือไม่

โหมวฮ่าวหรานไม่สนใจเขา เหมือนจะรู้ว่าถามอะไรจากเหมียวอี้ไม่ได้ จึงนำคนกลุ่มหนึ่งเดินก้าวยาวบุกเข้าไปในถ้ำศูนย์บัญชาการของเหมียวอี้ เหมียวอี้อยู่ด้วยข้างๆ กัน

เข็มทิศยังวางอยู่ในโถงถ้ำ โหมวฮ่าวหรานเอามือไขว้หลังเดินวนรอบหนึ่ง แล้วก็ยื่นมือลูบเข็มทิศพร้อมถามเสียงเรียบ “หัวหน้าภาคหนิว ข่าวลือด้านนอกบอกว่าโจรก็คือทัพตะวันออกห้าล้านปลอมตัวมา ไม่ทราบว่ามีเรื่องนี้หรือเปล่า?”

เหมียวอี้กล่าวอย่างลังเล “ข้าน้อยก็สงสัยอย่างนี้เช่นกัน แต่ก็ไม่กล้าฟันธง! ลองถามผู้ตรวจการใหญ่ ถ้าทัพตะวันออกปลอมตัวเป็นโจร ก็ย่อมไม่ให้ข้าน้อยจำได้ ล้วนเป็นใบหน้าที่แปลกตาทั้งนั้น ข้าน้อยเลยไม่กล้าฟันธง” เริ่มเสแสร้งแกล้งโง่แล้ว แต่ก็ไม่พูดให้ชัดเจนไปทางใดทางหนึ่ง จะได้เหลือทางหนีทีไล่ไว้ให้ตัวเองได้

“งั้นเหรอ?” โหมวฮ่าวหรานเหล่ตามอง น้ำเสียงเหมือนไม่ได้แสดงออกว่าเห็นด้วยหรือปฏิเสธ

เหมียวอี้ไม่สนใจ อีกฝ่ายจะคิดอย่างไรก็ตามใจ ขอเพียงอีกฝ่ายกล้าขุดให้ถึงใต้เตียงของอิ๋งจิ่วกวงจริงๆ เขาก็ยินดีจะให้ความร่วมมือ ถ้าโค่นล้มอิ๋งจิ่วกวงได้ ของชดเชยพวกนั้นเขายอมที่จะไม่เอาก็ได้ แต่เป็นเพราะเขากังวลว่าท่านนั้นที่อยู่วังสวรรค์จะไม่ยอมแตกคอกับอิ๋งจิ่วกวงจนถึงที่สุด เขาถึงไม่จำเป็นต้องทำอย่างไร ไม่สู้ตักตวงผลประโยชน์ก่อนสักหน่อยแล้วค่อยว่ากัน

เรื่องบางเรื่องเมื่อเกิดขึ้นกับคนบางระดับ ทุกคนก็ล้วนรู้อยู่แก่ใจ เขาไม่เชื่อว่าท่านนี้จะไม่รู้อยู่แก่ใจ ทุกคนล้วนเสแสร้งแกล้งโง่ทั้งนั้น

ดังนั้นเหมียวอี้ก็กำลังดำเนินเรื่องโดยสังเกตท่าทีของโหมวฮ่าวหรานเช่นกัน ถ้าจะพูดให้ถูกต้องก็คือ กำลังดูว่าประมุขชิงคิดจะเล่นงานอิ๋งจิ่วกวงจริงหรือไม่

ดังนั้นเหมียวอี้จึงถูกไล่ตะเพิดออกมา โถงถ้ำถูกโหมวฮ่าวหรานยึดใช้ชั่วคราว ครอบครองโดยพลการ เรื่องนี้เหมียวอี้โวยวายไม่ได้จริงๆ

หลังจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วยาม แม่ทัพคนหนึ่งก็เข้ามาในโถงถ้ำ แล้วรายงานโหมวฮ่าวหรานว่า “ผู้ตรวจการใหญ่ ค้นหาข้างนอกหลายที่แล้ว แต่ก็ไม่เจอเงาคนเผ่าเทพอสรพิษดำเลย ไม่รู้ว่าไปหลบอยู่ที่ไหน นอกจาก เห็นได้ชัดว่ากำลังพลทัพใหญ่แดนรัตติกาลไม่ได้พูดความจริงเลย  แต่ละคนพูดเป็นเสียงเดียวก่อน คาดว่าก่อนหน้านี้คงสมคบคิดกันไว้แล้ว จะง้างปากพวกเขาสักหน่อยมั้ยขอรับ?”

“ง้างปากอะไรกัน? ลองใช้สมองคิดให้ดี การที่เบื้องบนไม่ได้บอกรายละเอียดภารกิจให้ชัดเจนมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว” โหมวฮ่าวหรานกล่าวอย่างรู้สึกขำ เขาวางเก้าอี้ตัวหนึ่งข้างเข็มทิศ แล้วใช้สองเท้าพาดบนเข็มทิศเข็มทิศด้วยสีหน้าจนใจ ขณะกำลังใช้มีดเล็กเล่มหนึ่งตัดแต่งเล็บ ก็กล่าวอย่างสบายๆ ว่า “เผ่าเทพอสรพิษดำซ่อนตัวเหรอ? ถ้าอยากจะหาตัวพวกเขาจริงๆ คนมากขนาดนั้นจะไปซ่อนที่ไหนได้? เจ้าคิดว่าสายลับในมือฝ่าบาทอ่อนด้อยหรือไง? ทางเผ่าเทพอสรพิษดำจะต้องมีสายลับของเบื้องบนแน่นอน ถึงขั้นเป็นสายลับของอำนาจใหญ่ฝ่ายต่างๆ ด้วย เผ่าเทพอสรพิษดำมีประชากรเยอะขนาดนั้น จะไม่มีพวกกินบนเรือนขี้รดบนหลังคาบ้างเหรอ? ก่อนหน้านี้ที่ไม่รู้สถานการณ์รบ ก็เพราะตอนสู้กันเผ่าเทพอสรพิษดำถูกระงับใช้ระฆังดารา แต่ตอนนี้ศึกจบแล้ว เกรงว่าอำนาจฝ่ายต่างๆ คงรู้สถานการณ์ชัดเจนตั้งนานแล้ว ยังต้องให้เจ้ากับข้ามาตรวจสอบอีกเหรอ? แล้วอีกอย่าง เรื่องตรวจสอบพวกเราก็ยุ่งไม่ได้เช่นกัน นั่นคืองานของเกาก้วน เจ้าจะกังวลไปเรื่อยทำไม”

“เอ่อ…” แม่ทัพคนนั้นงงไปชั่วขณะ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มเจื่อน  “สงสัยพวกเราตั้งกระบวนทัพใหญ่ขนาดนี้ก็แค่มาแสร้งทำพอเป็นพิธีสินะขอรับ”

“จะบอกว่าทำพอเป็นพิธีก็ไม่ได้หรอก ถ้าพวกเราไม่มา เจ้าคิดว่าศึกนี้จะจบเร็วขนาดนี้เหรอ? ถ้าพวกเราไม่มา เจ้าคิดว่าหนิวโหย่วเต๋อจะชนะเหรอ? ถ้าพวกเราไม่มา เจ้าคิดว่ากำลังพลของฮ่าวเต๋อฟางจะไม่กล้าเข้าไปสังหารหนิวโหย่วเต๋อเหรอ?” โหมวฮ่าวหรานส่ายหน้าขณะถาม แล้วชี้มีดเล็กในมือเฉียงเล็กน้อย “เบื้องบนบอกมาแล้ว เจ้าไปเตรียมการสักหน่อย ให้องค์ชายพบกับหนิวโหย่วเต๋อสักครั้ง”

“ขอรับ!” แม่ทัพกุมหมัดเอ่ยรับคำสั่งแล้วรีบเดินออกไป

ในโถงถ้ำไม่มีคนอื่นแล้ว โหมวฮ่าวหรานใช้นิ้วหัวแม่มือลูบคมมีด ครุ่นคิดพลางพึมพำว่า “หรือว่าเลี้ยงกำลังพลให้องค์ชายแล้ว? แต่ลดตำแหน่งให้อยู่ต่ำสุดหมายความว่ายังไง…”

ตอนชิงหยวนจุนอยู่กองทัพองครักษ์ก็ไม่ใช่ชื่อว่าชิงหยวนจุน แต่ชื่อว่าหูยง ไปเป็นพลทหารต่ำต้อยคนหนึ่งจริงๆ แม่ทัพภาคทุกคนไม่มีใครรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของหูยงเลย นี่คือสิ่งที่กองทัพองครักษ์ตั้งใจจัดรูปแบบไว้ แม้คนในใต้หล้าต่างก็รู้ว่าโอรสสวรรค์ถูกลดตำแหน่งให้มาอยู่กองทัพองครักษ์ แต่กองทัพองครักษ์ใหญ่ขนาดนี้ มีคนมากมายกระจายกันอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ตำหนักสวรรค์มีความสามารถที่จะสับหลีกเวลาเพื่อเลี่ยงไม่คนอื่นสงสัยแล้วยัดคนเข้าไป

อำนาจนอกกองทัพองครักษ์สอดมือเข้ามาได้ยาก คาดว่าอำนาจฝ่ายอื่นที่อยากจะหาว่าชิงหยวนจุนอยู่ที่ไหนก็คงทำไม่ได้ง่ายๆ เหมือนกัน แม้แต่เหมียวอี้เอง ตอนแรกก็ไม่รู้ชิงหยวนจุนถูกจัดให้ไปอยู่ที่ไหน ถ้าไม่ใช่เพราะชิงหยวนจุนติดต่อกับราชินีสวรรค์ แล้วราชินีสวรรค์บอกให้เขารู้ เขาก็อยากที่จะหาให้เจอได้

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่มีคำสั่งแล้ว ต่อให้โหมวฮ่าวหรานไม่จัดเตรียมให้ แต่เหมียวอี้ก็ต้องไปเจอกับชิงหยวนจุนสักหน่อย

ตอนนี้ชิงหยวนจุนกำลังติดตามคนอื่นไปเฝ้าที่ช่องเขาแห่งหนึ่ง บังเอิญว่าเหมียวอี้ก็มีกำลังพลกลุ่มหนึ่งอยู่ทางนั้นพอดี อาศัยโอกาสตอนลาดตระเวนมาที่นี่ พบกับเหลียวอิงถงแม่ทัพภาคที่เฝ้าอยู่ที่นี่

เป็นการพบกันอย่างสง่าผ่าเผย ดูจากภายนอกแล้ว เหลียวอิงถงกำลังกุมหมัดคารวะเหมียวอี้ตามปกติ แต่ความจริงแล้วพูดว่า “เหลียวอิงถงคารวะนายท่าน”

เหมียวอี้เองก็ไม่รู้ว่าประมุขชิงตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ในปีนั้นเหลียวอิงถงคือลูกน้องของเขาตอนอยู่กองทัพองครักษ์ และเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากศึกน่านฟ้าระกาติงด้วย ตอนหลังกองมังกรดำถูกจับให้แยกย้ายมาอยู่ที่นี่ แล้วชิงหยวนจุนก็บังเอิญเป็นลูกน้องของเหลียวอิงถงพอดี

เหมียวอี้กวาดสายตามองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าข้างๆ ไม่มีใคร ถึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เลวนี่ ได้กลายเป็นแม่ทัพภาคแล้ว”

ผู้ใต้บังคับบัญชาของธงพยัคฆ์ที่รอดชีวิตในปีนั้น ตอนนี้อยู่ที่กองทัพองครักษ์หลายปี บ้างก็ไต่เต้าเป็นผู้บัญชาการใหญ่ ที่นั่งตำแหน่งแม่ทัพภาคก็มีไม่น้อย ยกตัวอย่างเช่นเหลียวอิงถงที่อยู่ตรงหน้า ส่วนคนที่ความสามารถพื้นไม่ก้าวหน้าก็มีเหมือนกัน แต่โดยรวมแล้วก็ไม่ได้แย่เกินไป ถึงอย่างไรเบื้องหลังก็มีทรัพยากรฝึกตนสนับสนุนเพียงพอ ช่วยเรื่องเพิ่มวรยุทธ์ได้มาก และการเพิ่มวรยุทธ์ก็คือสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการเลื่อนตำแหน่ง

“ให้นายท่านเห็นเรื่องน่าขำแล้ว เพิ่งจะเลื่อนตำแหน่งได้ไม่นาน เป็นเรื่องเมื่อห้าปีก่อน” เหลียวอิงถงตอบพร้อมรอยยิ้ม

เหมียวอี้กวาดสายตามองไปรอบๆ “เจ้ามาเจอข้าโจ่งแจ้งแบบนี้ ไม่กลัวว่าคนอื่นจะสงสัยเหรอ?”

เหลียวอิงถงตอบว่า “นายท่านอย่ากลัวไปเลย บังเอิญมาก เบื้องบนเพิ่งบอกใบ้มา ว่าให้ข้าหาทางรำลึกไมตรีเก่ากับนายท่านสักหน่อย จะได้ถือโอกาสจัดเตรียมให้นายท่านพบกับองค์ชายสักครั้ง”

ตอนแรกเขาไม่รู้ว่าชิงหยวนจุนอยู่ใต้บังคับบัญชาเขา เนื่องจากช่วงนั้นคนที่ถูกย้ายเข้าย้ายออกไม่ได้มีแค่ชิงหยวนจุนคนเดียว ตอนหลังเป็นเพราะเหมียวอี้บอกเขา ให้เขาระวังไว้หน่อย ตอนนั้นเขาตกใจมาก นึกไม่ถึงว่าโอรสสวรรค์จะมาอยู่ใต้บังคับบัญชาเขา

“อ้อ!” เหมียวอี้หัวเราะเบาๆ ช่างบังเอิญจริงๆ เขามาเพื่อสิ่งนี้พอดี จึงถามทันทีว่า “องค์ชายอยู่ที่ไหน?”

“บนช่องเขาทางด้านขวา คนที่เฝ้าอยู่ข้างโขดหิน”

เหมียวอี้เอียงหน้ามองทันที เป็นชิงหยวนจุนจริงๆ สวมเกราะทองทั้งตัว ในมือถือทวนยืนเงียบๆ ปะปนอยู่กับเพื่อนทหาร ไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไป เพียงแต่เค้าโครงใบหน้าและสีหน้าดูเป็นผู้ใหญ่กว่าในปีนั้นอย่างชัดเจน อยู่ภายใต้แรงกระทบจากความแตกต่างแบบนั้น ทั้งยังอยู่ตำแหน่งต่ำมาหลายปี ถ้าไม่คิดจะโตเป็นผู้ใหญ่ก็คงยาก

เห็นได้ชัดว่าชิงหยวนจุนเห็นเขาแล้ว ตอนนี้กำลังสบตากับเขา แววตาดูสับสน

เหลียวอิงถงแอบสังเกตปฏิกิริยาของเหมียวอี้ ในใจแล้วรู้สึกอัศจรรย์ ไม่รู้ว่าเป็นสถานการณ์แบบไหนกันแน่ นึกไม่ถึงว่าเบื้องบนของกองทัพองครักษ์จะจัดเตรียมสิ่งนี้ให้ เขาพบว่าเจ้านายเก่าคนนี้ช่างล้ำลึกยากคาดเดา ส่วนเรื่องระหว่างเหมียวอี้กับทัพตะวันออกห้าล้านเขาก็ได้ยินข่าวมาแล้ว เพิ่งจะได้ยินข่าวลือมา ได้ยินว่าทัพตะวันออกห้าล้านแพ้ด้วยน้ำมือของเจ้านายเก่าคนนี้

“นายท่าน ได้ยินว่าทัพตะวันออกห้าล้านจะลอบโจมตีนายท่านที่สระน้ำมังกรดำเหรอ?” เหลียวอิงถงลองถาม

“อืม มีเรื่องแบบนี้จริงๆ เพิ่งจะถูกข้ากำจัดไปสองล้านกว่า กำลังพลที่เหลือหนีไปหมดแล้ว แต่เรื่องนี้เจ้าแค่รู้ไว้ก็พอ ตอนนี้อย่าเพิ่งประกาศต่อภายนอก ข้ายังต้องสู้กับอ๋องสวรรค์อิ๋งนั่นอีก” เหมียวอี้ที่ดึงสติกลับมาพยักหน้า ไม่ได้ปิดบังเรื่องนี้กับเขา และจงใจจะแสดงออกให้เห็นว่าตัวเองสบายๆ ไม่เห็นอิ๋งจิ่วกวงอยู่ในสายตา จากนั้นก็มองเขาแล้วบอกว่า “เจ้าไปเตรียมการสักหน่อยสิ ให้ข้าพบองค์ชายสักครั้ง พยายามอย่าให้คนอื่นมองออก ยังต้องรักษาความลับเรื่องฐานะขององค์ชาย”

…………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1869 ลูกน้องเก่ากองทัพองครักษ์

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1869 ลูกน้องเก่ากองทัพองครักษ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ค้นหา” โหมวฮ่าวหรานเอียงหน้ากำชับ หลังจากจ้องเหมียวอี้ครู่หนึ่ง ก็พูดเสริมอีกว่า “เอาตัวกำลังพลแดนรัตติกาลไปถามสถานการณ์”

ลูกน้องยังไม่ทันมีปฏิกิริยาอะไร เหมียวก็แย่งพูดแล้วว่า “ผู้ตรวจการใหญ่ คนของจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลไม่ใช่คนร้าย” นี่คือการขัดขืนไม่ให้สอบสวนคนของเขา

“บังอาจ!” แม่ทัพคนหนึ่งของกองทัพองครักษ์ตะคอก

เหมียวอี้กุมหมัดคารวะพร้อมกล่าวอย่างสุภาพ “เหมือนคนของจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลจะไม่ถูกควบคุมโดยกองทัพองครักษ์ กองทัพองครักษ์ไม่มีอำนาจสอบสวนคนของข้า”

โหมวฮ่าวหรานกล่าวช้าๆ ว่า “ข้าได้รับบัญชาจากฝ่าบาท จะทำไม่ได้เชียวหรือ?”

เหมียวอี้รีบบอกว่า “ในเมื่อฝ่าบาทมีบัญชา ข้าน้อยก็ย่อมไม่ขัดขืน แต่ผู้ตรวจการใหญ่ได้โปรดแสดงราชโองการของฝ่าบาทสักหน่อย ไม่อย่างนั้นจะไม่สอดคล้องกับกฎระเบียบ”

ชิงเยว่กับหลงซิ่นยังดีหน่อย แต่หยางเจาชิงกลับแอบปลงอนิจจัง ตอนนี้นายท่านไม่เหมือนในอดีตแล้วจริงๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนมีหรือที่จะกล้าเถียงกับผู้ตรวจการใหญ่ของกองทัพองครักษ์ ถ้าอีกฝ่ายโมโหขึ้นมาแล้วใส่ร้ายเพื่อซ้อมเจ้าสักยก เจ้าก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว แต่ตอนนี้ต่อให้ผู้ตรวจการใหญ่กองทัพองครักษ์จะอยากลงโทษแต่ก็ต้องชั่งน้ำหนักผลที่ตามมาสักหน่อย ตอนนี้นายท่านไม่ใช่ผู้ที่คนบางกลุ่มนึกจะแตะต้องก็แตะต้องได้ เพราะเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก ถ้าจะแตะต้องก็ต้องมีเหตุผลที่ฟังขึ้น

ก็เหมือนความแตกต่างระหว่างพลทหารกับผู้ช่วยผู้บัญชาการของตลาดสวรรค์ ถ้าเป็นพลทหารตลาดสวรรค์ เกรงว่าแม้แต่คนงานในร้านค้าก็คงไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ แต่ถ้าอยู่ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการแล้ว แม้แต่พวกผู้จัดการร้านก็ไม่กล้ามามีเรื่องด้วยส่งเดช ไม่ใช่ว่าอำนาจที่อยู่เบื้องหลังผู้จัดการร้านพวกนั้นหวาดกลัว และไม่ใช่ว่าจะจัดการไม่ได้ แต่ผู้ช่วยผู้บัญชาการจะต้องเป็นคนที่ผู้บัญชาการดึงขึ้นตำแหน่งแน่นอน ต่อให้จัดการได้ แต่ราคาที่ต้องจ่ายก็จะมากขึ้น

“ข้าได้รับคำสั่งปากเปล่า ตอนนี้จะเอาจากไหนมาแสดงให้เจ้า?” โหมวฮ่าวหรานถาม

เหมียวอี้ตอบอย่างสุภาพว่า “แจ้งให้ตำหนักนารีสวรรค์รู้สักหน่อยได้มั้ย ขอเพียงราชินีสวรรค์มีคำสั่ง ข้าน้อยก็จะปฏิบัติตามทันที ไม่อย่างนั้นข้าน้อยจะชี้แจ้งต่อเหนียงเหนียงไม่สะดวก!”

สายตาของโหมวฮ่าวหรานเปลี่ยนเป็นล้ำลึกขึ้นทันที “ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมมากขนาดนั้น ข้าได้รับบัญชาสวรรค์ให้มาปราบโจร หรือว่าแค่จะถามเรื่องโจรจากปากคนของเจ้าก็ทำไม่ได้? อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดจะปิดบังให้โจร? หนิวโหย่วเต๋อ…อย่าลืมนะว่าเจ้าก็มีพื้นเพมาจากกองทัพองครักษ์!” ประโยคสุดท้ายเหมือนจะบอกเหมียวอี้ว่าอย่าลืมกำพืดตัวเอง แต่จากน้ำเสียงที่ฟังเหมือนกำลังบอกว่า ข้าเห็นเจ้ามีพื้นเพจากกองทัพองครักษ์ก็เลยไว้หน้าเจ้า ถ้ายังพูดมากก็อย่าหาว่าข้าไม่ไว้หน้า

เหมียวอี้ตอบกลั้วหัวเราะว่า “ในเมื่อจะถามเรื่องโจร คนของจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลก็ย่อมให้ความร่วมมือ” ขณะที่พูดก็ยื่นมือเชิญตามสะดวก

ที่เขาต้องการก็คือสิ่งนี้ แม้เขาจะกำชับเบื้องล่างไว้แล้วว่าควรพูดอย่างไร แต่ถ้าอีกฝ่ายใช้วิธีการทรมาน เขาเองก็ไม่กล้ารับประกันว่าจะมีช่องโหว่หรือไม่

โหมวฮ่าวหรานไม่สนใจเขา เหมือนจะรู้ว่าถามอะไรจากเหมียวอี้ไม่ได้ จึงนำคนกลุ่มหนึ่งเดินก้าวยาวบุกเข้าไปในถ้ำศูนย์บัญชาการของเหมียวอี้ เหมียวอี้อยู่ด้วยข้างๆ กัน

เข็มทิศยังวางอยู่ในโถงถ้ำ โหมวฮ่าวหรานเอามือไขว้หลังเดินวนรอบหนึ่ง แล้วก็ยื่นมือลูบเข็มทิศพร้อมถามเสียงเรียบ “หัวหน้าภาคหนิว ข่าวลือด้านนอกบอกว่าโจรก็คือทัพตะวันออกห้าล้านปลอมตัวมา ไม่ทราบว่ามีเรื่องนี้หรือเปล่า?”

เหมียวอี้กล่าวอย่างลังเล “ข้าน้อยก็สงสัยอย่างนี้เช่นกัน แต่ก็ไม่กล้าฟันธง! ลองถามผู้ตรวจการใหญ่ ถ้าทัพตะวันออกปลอมตัวเป็นโจร ก็ย่อมไม่ให้ข้าน้อยจำได้ ล้วนเป็นใบหน้าที่แปลกตาทั้งนั้น ข้าน้อยเลยไม่กล้าฟันธง” เริ่มเสแสร้งแกล้งโง่แล้ว แต่ก็ไม่พูดให้ชัดเจนไปทางใดทางหนึ่ง จะได้เหลือทางหนีทีไล่ไว้ให้ตัวเองได้

“งั้นเหรอ?” โหมวฮ่าวหรานเหล่ตามอง น้ำเสียงเหมือนไม่ได้แสดงออกว่าเห็นด้วยหรือปฏิเสธ

เหมียวอี้ไม่สนใจ อีกฝ่ายจะคิดอย่างไรก็ตามใจ ขอเพียงอีกฝ่ายกล้าขุดให้ถึงใต้เตียงของอิ๋งจิ่วกวงจริงๆ เขาก็ยินดีจะให้ความร่วมมือ ถ้าโค่นล้มอิ๋งจิ่วกวงได้ ของชดเชยพวกนั้นเขายอมที่จะไม่เอาก็ได้ แต่เป็นเพราะเขากังวลว่าท่านนั้นที่อยู่วังสวรรค์จะไม่ยอมแตกคอกับอิ๋งจิ่วกวงจนถึงที่สุด เขาถึงไม่จำเป็นต้องทำอย่างไร ไม่สู้ตักตวงผลประโยชน์ก่อนสักหน่อยแล้วค่อยว่ากัน

เรื่องบางเรื่องเมื่อเกิดขึ้นกับคนบางระดับ ทุกคนก็ล้วนรู้อยู่แก่ใจ เขาไม่เชื่อว่าท่านนี้จะไม่รู้อยู่แก่ใจ ทุกคนล้วนเสแสร้งแกล้งโง่ทั้งนั้น

ดังนั้นเหมียวอี้ก็กำลังดำเนินเรื่องโดยสังเกตท่าทีของโหมวฮ่าวหรานเช่นกัน ถ้าจะพูดให้ถูกต้องก็คือ กำลังดูว่าประมุขชิงคิดจะเล่นงานอิ๋งจิ่วกวงจริงหรือไม่

ดังนั้นเหมียวอี้จึงถูกไล่ตะเพิดออกมา โถงถ้ำถูกโหมวฮ่าวหรานยึดใช้ชั่วคราว ครอบครองโดยพลการ เรื่องนี้เหมียวอี้โวยวายไม่ได้จริงๆ

หลังจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วยาม แม่ทัพคนหนึ่งก็เข้ามาในโถงถ้ำ แล้วรายงานโหมวฮ่าวหรานว่า “ผู้ตรวจการใหญ่ ค้นหาข้างนอกหลายที่แล้ว แต่ก็ไม่เจอเงาคนเผ่าเทพอสรพิษดำเลย ไม่รู้ว่าไปหลบอยู่ที่ไหน นอกจาก เห็นได้ชัดว่ากำลังพลทัพใหญ่แดนรัตติกาลไม่ได้พูดความจริงเลย  แต่ละคนพูดเป็นเสียงเดียวก่อน คาดว่าก่อนหน้านี้คงสมคบคิดกันไว้แล้ว จะง้างปากพวกเขาสักหน่อยมั้ยขอรับ?”

“ง้างปากอะไรกัน? ลองใช้สมองคิดให้ดี การที่เบื้องบนไม่ได้บอกรายละเอียดภารกิจให้ชัดเจนมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว” โหมวฮ่าวหรานกล่าวอย่างรู้สึกขำ เขาวางเก้าอี้ตัวหนึ่งข้างเข็มทิศ แล้วใช้สองเท้าพาดบนเข็มทิศเข็มทิศด้วยสีหน้าจนใจ ขณะกำลังใช้มีดเล็กเล่มหนึ่งตัดแต่งเล็บ ก็กล่าวอย่างสบายๆ ว่า “เผ่าเทพอสรพิษดำซ่อนตัวเหรอ? ถ้าอยากจะหาตัวพวกเขาจริงๆ คนมากขนาดนั้นจะไปซ่อนที่ไหนได้? เจ้าคิดว่าสายลับในมือฝ่าบาทอ่อนด้อยหรือไง? ทางเผ่าเทพอสรพิษดำจะต้องมีสายลับของเบื้องบนแน่นอน ถึงขั้นเป็นสายลับของอำนาจใหญ่ฝ่ายต่างๆ ด้วย เผ่าเทพอสรพิษดำมีประชากรเยอะขนาดนั้น จะไม่มีพวกกินบนเรือนขี้รดบนหลังคาบ้างเหรอ? ก่อนหน้านี้ที่ไม่รู้สถานการณ์รบ ก็เพราะตอนสู้กันเผ่าเทพอสรพิษดำถูกระงับใช้ระฆังดารา แต่ตอนนี้ศึกจบแล้ว เกรงว่าอำนาจฝ่ายต่างๆ คงรู้สถานการณ์ชัดเจนตั้งนานแล้ว ยังต้องให้เจ้ากับข้ามาตรวจสอบอีกเหรอ? แล้วอีกอย่าง เรื่องตรวจสอบพวกเราก็ยุ่งไม่ได้เช่นกัน นั่นคืองานของเกาก้วน เจ้าจะกังวลไปเรื่อยทำไม”

“เอ่อ…” แม่ทัพคนนั้นงงไปชั่วขณะ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มเจื่อน  “สงสัยพวกเราตั้งกระบวนทัพใหญ่ขนาดนี้ก็แค่มาแสร้งทำพอเป็นพิธีสินะขอรับ”

“จะบอกว่าทำพอเป็นพิธีก็ไม่ได้หรอก ถ้าพวกเราไม่มา เจ้าคิดว่าศึกนี้จะจบเร็วขนาดนี้เหรอ? ถ้าพวกเราไม่มา เจ้าคิดว่าหนิวโหย่วเต๋อจะชนะเหรอ? ถ้าพวกเราไม่มา เจ้าคิดว่ากำลังพลของฮ่าวเต๋อฟางจะไม่กล้าเข้าไปสังหารหนิวโหย่วเต๋อเหรอ?” โหมวฮ่าวหรานส่ายหน้าขณะถาม แล้วชี้มีดเล็กในมือเฉียงเล็กน้อย “เบื้องบนบอกมาแล้ว เจ้าไปเตรียมการสักหน่อย ให้องค์ชายพบกับหนิวโหย่วเต๋อสักครั้ง”

“ขอรับ!” แม่ทัพกุมหมัดเอ่ยรับคำสั่งแล้วรีบเดินออกไป

ในโถงถ้ำไม่มีคนอื่นแล้ว โหมวฮ่าวหรานใช้นิ้วหัวแม่มือลูบคมมีด ครุ่นคิดพลางพึมพำว่า “หรือว่าเลี้ยงกำลังพลให้องค์ชายแล้ว? แต่ลดตำแหน่งให้อยู่ต่ำสุดหมายความว่ายังไง…”

ตอนชิงหยวนจุนอยู่กองทัพองครักษ์ก็ไม่ใช่ชื่อว่าชิงหยวนจุน แต่ชื่อว่าหูยง ไปเป็นพลทหารต่ำต้อยคนหนึ่งจริงๆ แม่ทัพภาคทุกคนไม่มีใครรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของหูยงเลย นี่คือสิ่งที่กองทัพองครักษ์ตั้งใจจัดรูปแบบไว้ แม้คนในใต้หล้าต่างก็รู้ว่าโอรสสวรรค์ถูกลดตำแหน่งให้มาอยู่กองทัพองครักษ์ แต่กองทัพองครักษ์ใหญ่ขนาดนี้ มีคนมากมายกระจายกันอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ตำหนักสวรรค์มีความสามารถที่จะสับหลีกเวลาเพื่อเลี่ยงไม่คนอื่นสงสัยแล้วยัดคนเข้าไป

อำนาจนอกกองทัพองครักษ์สอดมือเข้ามาได้ยาก คาดว่าอำนาจฝ่ายอื่นที่อยากจะหาว่าชิงหยวนจุนอยู่ที่ไหนก็คงทำไม่ได้ง่ายๆ เหมือนกัน แม้แต่เหมียวอี้เอง ตอนแรกก็ไม่รู้ชิงหยวนจุนถูกจัดให้ไปอยู่ที่ไหน ถ้าไม่ใช่เพราะชิงหยวนจุนติดต่อกับราชินีสวรรค์ แล้วราชินีสวรรค์บอกให้เขารู้ เขาก็อยากที่จะหาให้เจอได้

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่มีคำสั่งแล้ว ต่อให้โหมวฮ่าวหรานไม่จัดเตรียมให้ แต่เหมียวอี้ก็ต้องไปเจอกับชิงหยวนจุนสักหน่อย

ตอนนี้ชิงหยวนจุนกำลังติดตามคนอื่นไปเฝ้าที่ช่องเขาแห่งหนึ่ง บังเอิญว่าเหมียวอี้ก็มีกำลังพลกลุ่มหนึ่งอยู่ทางนั้นพอดี อาศัยโอกาสตอนลาดตระเวนมาที่นี่ พบกับเหลียวอิงถงแม่ทัพภาคที่เฝ้าอยู่ที่นี่

เป็นการพบกันอย่างสง่าผ่าเผย ดูจากภายนอกแล้ว เหลียวอิงถงกำลังกุมหมัดคารวะเหมียวอี้ตามปกติ แต่ความจริงแล้วพูดว่า “เหลียวอิงถงคารวะนายท่าน”

เหมียวอี้เองก็ไม่รู้ว่าประมุขชิงตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ในปีนั้นเหลียวอิงถงคือลูกน้องของเขาตอนอยู่กองทัพองครักษ์ และเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากศึกน่านฟ้าระกาติงด้วย ตอนหลังกองมังกรดำถูกจับให้แยกย้ายมาอยู่ที่นี่ แล้วชิงหยวนจุนก็บังเอิญเป็นลูกน้องของเหลียวอิงถงพอดี

เหมียวอี้กวาดสายตามองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าข้างๆ ไม่มีใคร ถึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เลวนี่ ได้กลายเป็นแม่ทัพภาคแล้ว”

ผู้ใต้บังคับบัญชาของธงพยัคฆ์ที่รอดชีวิตในปีนั้น ตอนนี้อยู่ที่กองทัพองครักษ์หลายปี บ้างก็ไต่เต้าเป็นผู้บัญชาการใหญ่ ที่นั่งตำแหน่งแม่ทัพภาคก็มีไม่น้อย ยกตัวอย่างเช่นเหลียวอิงถงที่อยู่ตรงหน้า ส่วนคนที่ความสามารถพื้นไม่ก้าวหน้าก็มีเหมือนกัน แต่โดยรวมแล้วก็ไม่ได้แย่เกินไป ถึงอย่างไรเบื้องหลังก็มีทรัพยากรฝึกตนสนับสนุนเพียงพอ ช่วยเรื่องเพิ่มวรยุทธ์ได้มาก และการเพิ่มวรยุทธ์ก็คือสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการเลื่อนตำแหน่ง

“ให้นายท่านเห็นเรื่องน่าขำแล้ว เพิ่งจะเลื่อนตำแหน่งได้ไม่นาน เป็นเรื่องเมื่อห้าปีก่อน” เหลียวอิงถงตอบพร้อมรอยยิ้ม

เหมียวอี้กวาดสายตามองไปรอบๆ “เจ้ามาเจอข้าโจ่งแจ้งแบบนี้ ไม่กลัวว่าคนอื่นจะสงสัยเหรอ?”

เหลียวอิงถงตอบว่า “นายท่านอย่ากลัวไปเลย บังเอิญมาก เบื้องบนเพิ่งบอกใบ้มา ว่าให้ข้าหาทางรำลึกไมตรีเก่ากับนายท่านสักหน่อย จะได้ถือโอกาสจัดเตรียมให้นายท่านพบกับองค์ชายสักครั้ง”

ตอนแรกเขาไม่รู้ว่าชิงหยวนจุนอยู่ใต้บังคับบัญชาเขา เนื่องจากช่วงนั้นคนที่ถูกย้ายเข้าย้ายออกไม่ได้มีแค่ชิงหยวนจุนคนเดียว ตอนหลังเป็นเพราะเหมียวอี้บอกเขา ให้เขาระวังไว้หน่อย ตอนนั้นเขาตกใจมาก นึกไม่ถึงว่าโอรสสวรรค์จะมาอยู่ใต้บังคับบัญชาเขา

“อ้อ!” เหมียวอี้หัวเราะเบาๆ ช่างบังเอิญจริงๆ เขามาเพื่อสิ่งนี้พอดี จึงถามทันทีว่า “องค์ชายอยู่ที่ไหน?”

“บนช่องเขาทางด้านขวา คนที่เฝ้าอยู่ข้างโขดหิน”

เหมียวอี้เอียงหน้ามองทันที เป็นชิงหยวนจุนจริงๆ สวมเกราะทองทั้งตัว ในมือถือทวนยืนเงียบๆ ปะปนอยู่กับเพื่อนทหาร ไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไป เพียงแต่เค้าโครงใบหน้าและสีหน้าดูเป็นผู้ใหญ่กว่าในปีนั้นอย่างชัดเจน อยู่ภายใต้แรงกระทบจากความแตกต่างแบบนั้น ทั้งยังอยู่ตำแหน่งต่ำมาหลายปี ถ้าไม่คิดจะโตเป็นผู้ใหญ่ก็คงยาก

เห็นได้ชัดว่าชิงหยวนจุนเห็นเขาแล้ว ตอนนี้กำลังสบตากับเขา แววตาดูสับสน

เหลียวอิงถงแอบสังเกตปฏิกิริยาของเหมียวอี้ ในใจแล้วรู้สึกอัศจรรย์ ไม่รู้ว่าเป็นสถานการณ์แบบไหนกันแน่ นึกไม่ถึงว่าเบื้องบนของกองทัพองครักษ์จะจัดเตรียมสิ่งนี้ให้ เขาพบว่าเจ้านายเก่าคนนี้ช่างล้ำลึกยากคาดเดา ส่วนเรื่องระหว่างเหมียวอี้กับทัพตะวันออกห้าล้านเขาก็ได้ยินข่าวมาแล้ว เพิ่งจะได้ยินข่าวลือมา ได้ยินว่าทัพตะวันออกห้าล้านแพ้ด้วยน้ำมือของเจ้านายเก่าคนนี้

“นายท่าน ได้ยินว่าทัพตะวันออกห้าล้านจะลอบโจมตีนายท่านที่สระน้ำมังกรดำเหรอ?” เหลียวอิงถงลองถาม

“อืม มีเรื่องแบบนี้จริงๆ เพิ่งจะถูกข้ากำจัดไปสองล้านกว่า กำลังพลที่เหลือหนีไปหมดแล้ว แต่เรื่องนี้เจ้าแค่รู้ไว้ก็พอ ตอนนี้อย่าเพิ่งประกาศต่อภายนอก ข้ายังต้องสู้กับอ๋องสวรรค์อิ๋งนั่นอีก” เหมียวอี้ที่ดึงสติกลับมาพยักหน้า ไม่ได้ปิดบังเรื่องนี้กับเขา และจงใจจะแสดงออกให้เห็นว่าตัวเองสบายๆ ไม่เห็นอิ๋งจิ่วกวงอยู่ในสายตา จากนั้นก็มองเขาแล้วบอกว่า “เจ้าไปเตรียมการสักหน่อยสิ ให้ข้าพบองค์ชายสักครั้ง พยายามอย่าให้คนอื่นมองออก ยังต้องรักษาความลับเรื่องฐานะขององค์ชาย”

…………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+