พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1888 ข้าว่าเขาน่ารังเกียจกว่าโจรเสียอีก

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1888 ข้าว่าเขาน่ารังเกียจกว่าโจรเสียอีก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เรื่องในครอบครัวถูกโยนทิ้งไว้ชั่วคราว ก่วงลิ่งกงแสยะยิ้ม “เรื่องที่ตลาดผีไม่ปกติเอาเสียเลย มีหลายฐานถูกถล่มพร้อมกัน ถ้าหนิวโหย่วเต๋อรู้สถานการณ์ชัดเจนตั้งแต่แรกจริงๆ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้จักร้านของพวกเราตระกูลเดี๋ยว ตระกูลอิ๋งหาเรื่องเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กลับไม่เห็นเขาลงมือกับฐานของตระกูลอิ๋ง เจ้าไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีปัญหาเหรอ?”

“บ่าวก็สงสัยแบบนี้เหมือนกัน แต่จนป่านนี้แล้ว หนิวโหย่วเต๋อเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนั้นที่ตลาดผี แต่ไม่เห็นตึกศาลาสัตยพรตมีปฏิกิริยาอะไร ขัดแย้งกับพฤติกรรมการควบคุมตลาดผีของตึกศาลาสัตยพรต หรือพูดได้อีกอย่างว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าตึกศาลาสัตยพรตจะรู้เรื่องนี้ล่วงหน้าก่อนแล้ว ถึงขั้นมีเหตุผลที่ชวนให้สงสัยว่าตึกศาลาสัตยพรตเผยข้อมูลให้หนิวโหย่วเต๋อรู้ เรื่องนี้ไม่พ้นเกี่ยวข้องกับตระกูลเซี่ยโห้ว” โกวเยว่กล่าว

ก่วงลิ่งกงเริ่มเผยสีหน้าจริงจังหนักแน่น เรื่องภายในครอบครัวไม่มีอะไรน่าห่วง เพราะอำนาจชี้เป็นชี้ตายอยู่ในมือเขาหมดแล้ว ในสายตาของเขา คนที่อยู่ในบ้านก็เหมือนแมวน้อยหมาน้อยเท่านั้น ต่อให้ก่อคลื่นใหญ่กว่านี้ เขาก็สามารถตบให้สงบได้ด้วยฝ่ามือเดียว การที่ตระกูลเซี่ยโห้วจงใจพุ่งเป้ามาที่ตระกูลก่วงต่างหากที่ทำให้เขามิอาจละเลยได้

โกวเยว่กล่าวอีกว่า “ยังมีอีกขอรับ พอเกิดเรื่องขึ้น บ่าวก็สืบให้ละเอียดทันที พบว่าทางฝั่งตระกูลอิ๋งก็มีจุดที่น่าสงสัยเหมือนกัน คนของพวกเราบอกมาว่า เดิมทีตระกูลอิ๋งกักบริเวณชีอู๋เจ้าสำนักลมปราณคนก่อนไว้ที่ทัพตะวันออก แต่เมื่อวานอยู่ดีๆ ก็ปล่อยตัว จั่วเอ๋อร์เป็นคนสั่งเอง แล้วชีอู๋นั่นก็ได้รับคำสั่งย้ายจากจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล ตอนนี้กลายเป็นคนของจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลแล้วขอรับ”

ก่วงลิ่งกงขมวดคิ้ว “หรือว่าพอพวกเราส่งสำนักลมปราณให้แล้ว แต่ตระกูลอิ๋งกลับคำ?”

โกวเยว่ตอบว่า “ต่อให้กลับคำ แต่ก็คงไม่จงใจส่งคนให้หนิวโหย่วเต๋อ แล้วเรื่องกลับคำก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ถ้าทำอย่างนั้นจริง ก็ไม่มีความซื่อสัตย์น่าเชื่อถือแม้แต่น้อย ในภายหลังใครจะกล้าทำข้อตกลงกับตระกูลอิ๋งอีก”

ก่วงลิ่งกงขี้เกียจเดาแล้ว หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อถามอิ๋งจิ่วกวงเสียเลย หลังจากจบการติดต่อแล้ว ก็เก็บระฆังดาราแล้วแสยะยิ้ม “เขาบอกว่าหนิวโหย่วเต๋อกักตัวประกันของทัพตะวันออกไว้ บีบให้ฝั่งนั้นปล่อยตัวชีอู๋ คำสัญญาเรื่องที่จะให้พวกเราควบคุมสำนักลมปราณนั้นยังมีผล หนิวโหย่วเต๋อติดต่อไปฝั่งนั้นก่อนแล้ว ทางฝั่งนั้นคงเดาออกแล้วว่าหนิวโหย่วเต๋อจะก่อเรื่อง อิ๋งจิ่วกวงคงคิดจะลากพวกเราให้ไปสู้กับหนิวโหย่วเต๋อด้วยกัน”

โกวเยว่พยักหน้า ถามว่า “แล้วทางตระกูลเซี่ยโห้วล่ะขอรับ?” เขาจะสื่อว่าควรถามด้วยหรือไม่

“เรื่องแบบนี้ต่อให้ทุกคนรู้อยู่แก่ใจ แต่เมื่อเจ้าไปถาม อีกฝ่ายก็ไม่ยอมรับอยู่ดี ตอนนี้ต้องเรียบเรียงเรื่องราว ส่งคนไปสืบข่าวที่สำนักลมปราณให้ชัดเจน ที่หนิวโหย่วเต๋อลงมือที่ตลาดผีจะต้องมีเหตุผลสิ? ต้องสืบว่าตระกูลเซี่ยโห้วเข้ามาร่วมด้วยหมายความว่าอะไรกันแน่” ก่วงลิ่งกงกล่าว

“ขอรับ!” โกวเยว่พยักหน้าเอ่ยรับ เขาเองก็เข้าใจเช่นกัน ว่าการรู้จุดประสงค์ของตระกูลเซี่ยโห้วต่างหากที่สำคัญที่สุด

แทบจะเป็นเวลาเดียวกันที่ตระกูลก่วงได้รับข่าว บนยอดเขาแห่งหนึ่งที่มีทหารหนาแน่น แม่ทัพกลุ่มหนึ่งเดินตามหลังอิ๋งจิ่วกวงออกมาจากประตูใหญ่ อิ๋งจิ่วกวงที่กำลังเดินก้าวยาวไม่หันกลับไปมองข้างหลัง เพียงยกมือห้ามไม่ให้คนที่อยู่ข้างหลังไปส่ง

กลุ่มแม่ทัพกุมหมัดคารวะทันที “น้อมส่งท่านอ๋อง!”

จากนั้นผู้ติดตามของอิ๋งจิ่วกวงก็เหาะขึ้นฟ้าตามอิ๋งจิ่วกวงไป

จนกระทั่งเงาคนหายไปในท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ กลุ่มแม่ทัพที่กุมหมัดคารวะถึงได้วางมือลง ทุกคนต่างทำสีหน้าโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก

ก่อนหน้านี้พวกเขาค่อนข้างวิตกกังวล เมื่อรู้ว่าท่านอ๋องเริ่มลาดตระเวนกำลังพลแต่ละสายของทัพตะวันออกแล้ว ทุกคนก็เดาออกว่าเกี่ยวข้องกับการเสียผลประโยชน์ที่ศึกสระน้ำมังกรดำ เห็นได้ชัดว่าท่านอ๋องกลัวคนจะจิตใจไม่มั่นคง ในเวลานี้ถ้ามีใครทำให้ท่านอ๋องรู้สึกว่ามีเจตนาไม่ซื่อ คาดว่าท่านอ๋องคงลงมืออย่างไม่ปรานี ความกังวลที่เกี่ยวข้องกับชีวิต จะไม่ให้เครียดได้อย่างไร

ในดาราจักร เมื่อเห็นอิ๋งจิ่วกวงมีเวลาว่างแล้ว จั่วเอ๋อร์ก็เริ่มรายงานความลับ “ท่านอ๋อง การแลกเปลี่ยนกับหนิวโหย่วเต๋อเสร็จสิ้นแล้วค่ะ”

อิ๋งจิ่วกวงเหล่ตามอง “หนิวโหย่วเต๋อไม่ได้เล่นตุกติกอะไรใช่มั้ย?”

จั่วเอ๋อร์ตอบว่า “น่าจะไม่ได้เล่นตุกติกอะไร จำนวนคนใกล้เคียงกับที่พวกเราคาดไว้ เพียงแต่ทั้งหมดกลับมามือเปล่า ไม่เหลือทรัพย์สินบนตัวแม้แต่น้อย ถูกเจ้าเวรนั่นฮุบไว้หมดแล้ว เรียกได้ว่าไม่ใช่จำนวนน้อยเลย”

อิ๋งจิ่วกวงกัดฟันกรอดทันที อาวุธของคนจำนวนมากขนาดนั้น ทัพตะวันออกจะต้องจ่ายเงินอีกไม่น้อย “ถ่ายทอดลงไปว่าให้พวกเขาปิดปากให้สนิท ส่วนเรื่องเงินทองก็รอให้คนของทัพตะวันออกมีจิตใจมั่นคงก่อนแล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้ ชอบฉกฉวยผลประโยชน์นักใช่มั้ย ช้าเร็วข้าจะให้เขาคายออกมาทั้งต้นทั้งดอก”

“รับทราบ! ยังมีอีกเรื่องค่ะ ทางตลาดผีเกิดปัญหาแล้ว…” จั่วเอ๋อร์เล่าสถานการณ์ให้ฟังคร่าวๆ

“ล้างเลือดร้านค้าห้าร้านในตลาดผี?” อิ๋งจิ่วกวงค่อนข้างแปลกใจ “กำลังพลแดนรัตติกาลจะล้างเลือดร้านค้าห้าร้านนี้ทำไม?”

“ไม่ทราบค่ะ สืบหาเบาะแสของร้านค้าห้าร้านนี้แล้ว แต่ไม่พบอะไร เป็นเพราะสืบไม่เจอจึงน่าสงสัย ท่านอ๋อง จู่ๆ หนิวโหย่วเต๋อมาทำแบบนี้ที่ตลาดผีในเวลานี้ ร้านค้าห้าร้านเกี่ยวข้องกับตระกูลก่วงหรือเปล่า?” จั่วเอ๋อร์แสดงความสงสัย

อิ๋งจิ่วกวงที่เหาะด้วยความเร็วเอียงหน้ามองมา “เจ้ากำลังจะบอกว่าร้านค้าห้าร้านนี้คือฐานลับของตระกูลก่วงเหรอ?”

จั่วเอ๋อร์ตอบว่า “เวลาที่เกิดเหตุบังเอิญเกินไป ตามที่สืบมา เป้าหมายที่กำลังพลแดนรัตติกาลลงมือนั้นชัดเจนมาก มุ่งตรงไปที่ห้าร้านนั้น พอล้างเลือดเสร็จแล้วก็ถอนกำลังทันที ที่แปลกที่สุดก็คือ กำลังพลแดนรัตติกาลเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ที่ตลาดผี แต่ตึกศาลาสัตยพรตกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยสักนิด ยิ่งไปกว่านั้น เกาจื่อหู น้องชายของเกาจื่อเซวียนก็มาสืบข่าวเรื่องเกาเหยียนจากพวกเราด้วย เรื่องของลูกตัวเองแท้ๆ แต่ดันมาสืบข่าวจากพวกเรา บ่าวก็เลยลงมือจากคนข้างกายเขาทันที สืบข่าวมานิดหน่อย เหมือนว่าเกาเหยียนจะหายตัวไปหลังจากออกมาจากสำนักลมปราณ ติดต่อเขาไม่ได้อีกเลย เกาจื่อหูก็เลยสืบข่าวไปทั่ว”

“หึหึ! สงสัยหนิวโหย่วเต๋อจะลงมือกับตระกูลก่วงแล้วจริงๆ ช่างเป็นหมาบ้าที่กัดไม่เลือกหน้าจริงๆ ข้าว่า…” รอยยิ้มบนใบหน้าอิ๋งจิ่วกวงชะงักไป แล้วจ้องจั่วเอ๋อร์พร้อมถามว่า “เจ้าบอกว่าตึกศาลาสัตยพรตไม่มีปฏิกิริยาอะไรสักนิดเลยเหรอ?”

จั่วเอ๋อร์รู้ว่าเขาสังเกตเห็นบางอย่างแล้ว จึงพยักหน้าบอกว่า “คงจะเป็นตระกูลเซี่ยโห้วที่เข้ามาแทรกแซง”

จวนอ๋องสวรรค์โค่ว โค่วหลิงซวีที่กำลังเดินเล่นในป่าไผ่หยุดเดินแล้วหันตัวมา หลังจากแววตาวูบไหวอยู่พักหนึ่ง ก็หรี่ตาถามว่า “เซี่ยโห้วลิ่งสอดมือเข้ามาแทรกในเวลานี้ หมายความว่ายังไง?”

ถังเฮ่อเหนียนที่ติดตามอยู่ข้างกายส่ายหน้า “มองไม่ออกจริงๆ ขอรับ แต่ก็มีความเป็นไปได้อย่างอื่นเหมือนกัน หรือไม่เซี่ยโห้วลิ่งก็ไม่ได้เข้ามาแทรกแซงเลย บางทีอาจเป็นการเคลื่อนไหวจากอำนาจฝ่ายอื่นของตระกูลเซี่ยโห้ว ยกตัวอย่างเช่นเฉาหม่านที่ไม่ยอมอยู่อย่างเงียบเหงา ไม่ใช่ความคิดของเซี่ยโห้วลิ่ง แต่เป็นเพราะเฉาหม่านอยากสร้างผลงาน”

โค่วหลิงซวีเอามือขยี้เคราพลางหรี่ตา

วังสวรรค์ ตำหนักดาราจักร ประมุขชิงที่นั่งหลังโต๊ะยาวลุกขึ้นยืนช้าๆ จ้องซ่างกวนชิงพร้อมถามเสียงต่ำว่า “เซี่ยโห้วลิ่งกับหนิวโหย่วเต๋อสมคบกันเหรอ? ตัดสินได้ยังไงว่าร้านค้าห้าร้านนั้นเป็นของก่วงลิ่งกง?”

ซ่างกวนชิงตอบว่า “ก่อนหน้านี้ไม่แน่ใจ แต่เพิ่งได้ข่าวจากทูตซ้ายซือหม่า สายลับที่ส่งไปไว้ที่ตระกูลก่วงส่งข่าวกลับมาแล้ว…” สิ่งที่รายงานก็ไม่ใช่เรื่องอื่นใด เป็นเรื่องแต่งงานของเกาเหยียน หลังจากเล่าสถานการณ์คร่าวๆ แล้ว ก็เน้นว่า “ตอนนี้เกาเหยียนออกจากสำนักลมปราณแล้ว แต่ก็ขาดการติดต่อกับตระกูลก่วง สองเรื่องนี้ประจวบเหมาะกันพอดี เป็นไปได้สูงว่าเกาเหยียนนั่นจะเกี่ยวข้องกับหนิวโหย่วเต๋อ อาจจะถูกหนิวโหย่วเต๋อสังหารไปแล้วก็ได้ขอรับ”

ประมุขชิงไม่สนใจเรื่องแต่งงานบ้าบออะไรทั้งนั้น เลิกคิ้วแสยะยิ้ม “เจ้าลูกลิงนี่ใจกล้าไม่เบา เพิ่งจะมีเรื่องกับตระกูลอิ๋งเสร็จ ก็ลามไปมีเรื่องกับตระกูลก่วงอีกแล้ว แต่ตระกูลเซี่ยโห้วเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้หมายความว่ายังไง?”

ซ่างกวนชิงตอบว่า “ตอนนี้ยังไม่ทราบขอรับ แต่ถึงยังไงเรื่องที่ตลาดผีก็เป็นฝีมือหนิวโหย่วเต๋อ ถ้าไปถามราชินีสวรรค์สักหน่อยก็อาจจะได้เบาะแสบ้าง”

“ไป! เจ้าไปถามที่ตำหนักนารีสวรรค์เดี๋ยวนี้เลย” ประมุขชิงสั่งทันที

“ขอรับ!” เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ซ่างกวนชิงก็รีบออกไป ถ้าประมุขชิงไม่ได้สั่ง เขาก็ไม่สะดวกจะบุ่มบ่ามไปซักถามราชินีสวรรค์ ไม่ใช่ว่าเขากลัวเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ แต่ไม่ใช่เรื่องดีที่จะล้ำเส้นกฎเกณฑ์ระหว่างนายบ่าว

ไปเร็วมาเร็ว ตอนที่ซ่างกวนชิงกลับมาถึงตำหนักดาราจักร ประมุขชิงก็กำลังขมวดคิ้วเอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาอยู่ในตำหนัก

“ฝ่าบาท เหนียงเหนียงบอกว่าได้รับรายงานจากหนิวโหย่วเต๋อ เดิมทีเตรียมจะมารายงานฝ่าบาทอยู่แล้ว เหนียงเหนียงบอกว่าเรื่องที่ตลาดผีเกิดขึ้นเพราะจวนแม่ทัพภาคตลาดผีได้รับแจ้ง ได้ยินว่ามีโจรจี้เอาตัวเกาเหยียนไป เขาคือหลานชายของเกาจื่อเซวียนซึ่งเป็นอนุภรรยาอ๋องสวรรค์ก่วง หนิวโหยว่เต๋อถึงได้ส่งคนไปช่วย ทว่ารอให้จนกำลังพลไปถึง ก็พบว่าสายไปเสียแล้ว เกาเหยียนถูกโจรสังหารแล้ว ตอนที่ไปเจอก็เหลือเพียงศพเท่านั้น ผู้ติดตามของเกาเหยียนก็ตายหมด” ซ่างกวนชิงรายงานข่าวที่สืบมาได้

ประมุขชิงแสยะหัวเราะ “โจร? หนิวโหย่วเต๋อนี่อะไรดีๆ กลับไม่เรียนรู้ ดันไปเรียนรู้การใช้ศัพท์ผิดความหมายมาซะแล้ว เอะอะก็โจร ใต้หล้าสงบสุขมาหลายปี จะมีโจรมาจากไหนมากมายขนาดนั้น? ล้างเลือดจนสะอาดขนาดนั้น ไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว แล้วก็ยัดข้อหาให้โจรที่ไม่มีตัวตนเสียเลย ใช้ได้จริงๆ ข้าว่าเขาน่ารังเกียจกว่าโจรเสียอีก ในปากมีแต่คำพูดเหลวไหลทั้งนั้น ไม่มีความจริงเลย คงหวังให้เฉิงอวี้ตอบอย่างซื่อสัตย์ไม่ได้แล้ว เจ้าติดต่อหยวนจุนหน่อย ถามเขาว่ารู้เรื่องบ้างหรือเปล่า ถ้าไม่รู้ก็ให้เขาถามหนิวโหย่วเต๋อ ข้าอยากจะเห็นว่าหนิวโหย่วเต๋อจะพูดความจริงกับเขาหรือเปล่า!”

“ขอรับ!” ซ่างกวนชิงเอ่ยรับ แล้วหยิบระฆังดาราขึ้นมาติดต่อชิงหยวนจุนต่อหน้าประมุขชิง

จวนอ๋องสวรรค์ก่วง ตึกศาลาตั้งตระหง่านบนยอดเขาลูกหนึ่ง เป็นตึกชายคาโค้ง รอบข้างมีลมพัดมา ช้าบ้างเร็วบ้าง เมฆขาวลอยล่องเป็นกลุ่มก้อน ทิวทัศน์ภูเขาแม่น้ำอยู่ในสายตาทั้งหมด เป็นทำเลดีสำหรับการมองทิวทัศน์จากที่สูงอย่างแท้จริง ในตึกศาลามีคนอยู่สองคน

บนตึกกว้างโล่ง มองไม่เห็นโต๊ะเก้าอี้และของจิปาถะ ก่วงลิ่งกงนั่งขัดสมาธิบนฟูกกลม หลับตาทำสีหน้าดื่มดำ มือข้างหนึ่งตบเข่าเบาๆ ตามจังหวะเสียงฉิน

หวังเฟยเม่ยเหนียงก็นั่งบนฟูกกลมเช่นกัน กำลังดีดกู่ฉินอยู่ตรงหน้า สิบนิ้วดีดบรรเลงท่วงทำนองอย่างสง่างาม เพียงแต่เสียงฉินวันนี้เหมือนจะไม่ค่อยมั่นคงนัก เป็นเพราะเกี่ยวข้องกับอารมณ์ของนาง

นางรู้แล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แน่ใจด้วยว่าก่วงลิ่งกงจะต้องรู้แล้วแน่นอน แต่ก่วงลิ่งกงกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าจะมานั่งฟังฉินที่นี่ ตอนนี้ไม่มีคนนอกแล้ว มีเพียงนางคนเดียว ทำให้นางแอบกินปูนร้อนท้องนิดหน่อย จึงส่งผลกระทบต่อทักษะการเล่นฉิน

โกวเยว่ที่เดินขึ้นมาบนตึกมองนางแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้รบกวนนาง เดินย่องไปนั่งคุกเข่าข้างหน้าก่วงลิ่งกง แล้วถ่ายทอดเสียงบอกว่า “ท่านอ๋อง สืบมาแล้วขอรับ เมื่อวานนี้คุณหนูถูกหวังเฟยกักบริเวณแล้ว เมื่อเทียบเวลาที่กักบริเวณ ก็พบว่าเป็นหลังจากตอนที่เกาเหยียนไปถึงสำนักลมปราณได้ไม่นาน คนที่ไปสำนักลมปราณก็สืบเรื่องมาชัดเจนแล้ว ว่าเกาเหยียนพอไปถึงก็ยัดเยียดสินสอดให้เป่าเหลียนทันที ตอนแรกสำนักลมปราณอ้างชื่อหนิวโหย่วเต๋อเพื่อขอให้ไว้หน้า แต่เกาเหยียนไม่เพียงแต่ไม่สนใจ ทั้งยังด่าหนิวโหย่วเต๋อด้วยว่านับเป็นตัวอะไร ตอนหลังสำนักลมปราณยอมประนีประนอมแล้ว รับปากว่าจะมาพึ่งพาท่านอ๋อง แต่เกาเหยียนไม่ยอม ดึงดันจะแต่งงานกับเป่าเหลียนนั่นให้ได้ ทั้งยังเอาเรื่องที่ชีอู๋ถูกทัพตะวันออกกักบริเวณมาขู่ด้วย จนกระทั่งชีอู๋ถูกทัพตะวันออกปล่อยตัว เกาเหยียนก็อาจได้รับข่าวว่าหนิวโหย่วเต๋อลงมือแล้ว ตระหนักได้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี เลยลนลานหนีออกจากสำนักลมปราณกลางดึก แม้แต่สินสอดก็ยังไม่ทันได้เอาคืน สำนักลมปราณนำสินสอดของเกาเหยียนคืนให้คนของพวกเราแล้ว แต่พอเกาเหยียนออกไปก็ขาดการติดต่อไปเลย ไม่มีข่าวอะไรอีก ท่านอ๋อง สถานการณ์คร่าวๆ เป็นอย่างนี้ขอรับ”

……………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1888 ข้าว่าเขาน่ารังเกียจกว่าโจรเสียอีก

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1888 ข้าว่าเขาน่ารังเกียจกว่าโจรเสียอีก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เรื่องในครอบครัวถูกโยนทิ้งไว้ชั่วคราว ก่วงลิ่งกงแสยะยิ้ม “เรื่องที่ตลาดผีไม่ปกติเอาเสียเลย มีหลายฐานถูกถล่มพร้อมกัน ถ้าหนิวโหย่วเต๋อรู้สถานการณ์ชัดเจนตั้งแต่แรกจริงๆ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้จักร้านของพวกเราตระกูลเดี๋ยว ตระกูลอิ๋งหาเรื่องเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กลับไม่เห็นเขาลงมือกับฐานของตระกูลอิ๋ง เจ้าไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีปัญหาเหรอ?”

“บ่าวก็สงสัยแบบนี้เหมือนกัน แต่จนป่านนี้แล้ว หนิวโหย่วเต๋อเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนั้นที่ตลาดผี แต่ไม่เห็นตึกศาลาสัตยพรตมีปฏิกิริยาอะไร ขัดแย้งกับพฤติกรรมการควบคุมตลาดผีของตึกศาลาสัตยพรต หรือพูดได้อีกอย่างว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าตึกศาลาสัตยพรตจะรู้เรื่องนี้ล่วงหน้าก่อนแล้ว ถึงขั้นมีเหตุผลที่ชวนให้สงสัยว่าตึกศาลาสัตยพรตเผยข้อมูลให้หนิวโหย่วเต๋อรู้ เรื่องนี้ไม่พ้นเกี่ยวข้องกับตระกูลเซี่ยโห้ว” โกวเยว่กล่าว

ก่วงลิ่งกงเริ่มเผยสีหน้าจริงจังหนักแน่น เรื่องภายในครอบครัวไม่มีอะไรน่าห่วง เพราะอำนาจชี้เป็นชี้ตายอยู่ในมือเขาหมดแล้ว ในสายตาของเขา คนที่อยู่ในบ้านก็เหมือนแมวน้อยหมาน้อยเท่านั้น ต่อให้ก่อคลื่นใหญ่กว่านี้ เขาก็สามารถตบให้สงบได้ด้วยฝ่ามือเดียว การที่ตระกูลเซี่ยโห้วจงใจพุ่งเป้ามาที่ตระกูลก่วงต่างหากที่ทำให้เขามิอาจละเลยได้

โกวเยว่กล่าวอีกว่า “ยังมีอีกขอรับ พอเกิดเรื่องขึ้น บ่าวก็สืบให้ละเอียดทันที พบว่าทางฝั่งตระกูลอิ๋งก็มีจุดที่น่าสงสัยเหมือนกัน คนของพวกเราบอกมาว่า เดิมทีตระกูลอิ๋งกักบริเวณชีอู๋เจ้าสำนักลมปราณคนก่อนไว้ที่ทัพตะวันออก แต่เมื่อวานอยู่ดีๆ ก็ปล่อยตัว จั่วเอ๋อร์เป็นคนสั่งเอง แล้วชีอู๋นั่นก็ได้รับคำสั่งย้ายจากจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล ตอนนี้กลายเป็นคนของจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลแล้วขอรับ”

ก่วงลิ่งกงขมวดคิ้ว “หรือว่าพอพวกเราส่งสำนักลมปราณให้แล้ว แต่ตระกูลอิ๋งกลับคำ?”

โกวเยว่ตอบว่า “ต่อให้กลับคำ แต่ก็คงไม่จงใจส่งคนให้หนิวโหย่วเต๋อ แล้วเรื่องกลับคำก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ถ้าทำอย่างนั้นจริง ก็ไม่มีความซื่อสัตย์น่าเชื่อถือแม้แต่น้อย ในภายหลังใครจะกล้าทำข้อตกลงกับตระกูลอิ๋งอีก”

ก่วงลิ่งกงขี้เกียจเดาแล้ว หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อถามอิ๋งจิ่วกวงเสียเลย หลังจากจบการติดต่อแล้ว ก็เก็บระฆังดาราแล้วแสยะยิ้ม “เขาบอกว่าหนิวโหย่วเต๋อกักตัวประกันของทัพตะวันออกไว้ บีบให้ฝั่งนั้นปล่อยตัวชีอู๋ คำสัญญาเรื่องที่จะให้พวกเราควบคุมสำนักลมปราณนั้นยังมีผล หนิวโหย่วเต๋อติดต่อไปฝั่งนั้นก่อนแล้ว ทางฝั่งนั้นคงเดาออกแล้วว่าหนิวโหย่วเต๋อจะก่อเรื่อง อิ๋งจิ่วกวงคงคิดจะลากพวกเราให้ไปสู้กับหนิวโหย่วเต๋อด้วยกัน”

โกวเยว่พยักหน้า ถามว่า “แล้วทางตระกูลเซี่ยโห้วล่ะขอรับ?” เขาจะสื่อว่าควรถามด้วยหรือไม่

“เรื่องแบบนี้ต่อให้ทุกคนรู้อยู่แก่ใจ แต่เมื่อเจ้าไปถาม อีกฝ่ายก็ไม่ยอมรับอยู่ดี ตอนนี้ต้องเรียบเรียงเรื่องราว ส่งคนไปสืบข่าวที่สำนักลมปราณให้ชัดเจน ที่หนิวโหย่วเต๋อลงมือที่ตลาดผีจะต้องมีเหตุผลสิ? ต้องสืบว่าตระกูลเซี่ยโห้วเข้ามาร่วมด้วยหมายความว่าอะไรกันแน่” ก่วงลิ่งกงกล่าว

“ขอรับ!” โกวเยว่พยักหน้าเอ่ยรับ เขาเองก็เข้าใจเช่นกัน ว่าการรู้จุดประสงค์ของตระกูลเซี่ยโห้วต่างหากที่สำคัญที่สุด

แทบจะเป็นเวลาเดียวกันที่ตระกูลก่วงได้รับข่าว บนยอดเขาแห่งหนึ่งที่มีทหารหนาแน่น แม่ทัพกลุ่มหนึ่งเดินตามหลังอิ๋งจิ่วกวงออกมาจากประตูใหญ่ อิ๋งจิ่วกวงที่กำลังเดินก้าวยาวไม่หันกลับไปมองข้างหลัง เพียงยกมือห้ามไม่ให้คนที่อยู่ข้างหลังไปส่ง

กลุ่มแม่ทัพกุมหมัดคารวะทันที “น้อมส่งท่านอ๋อง!”

จากนั้นผู้ติดตามของอิ๋งจิ่วกวงก็เหาะขึ้นฟ้าตามอิ๋งจิ่วกวงไป

จนกระทั่งเงาคนหายไปในท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ กลุ่มแม่ทัพที่กุมหมัดคารวะถึงได้วางมือลง ทุกคนต่างทำสีหน้าโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก

ก่อนหน้านี้พวกเขาค่อนข้างวิตกกังวล เมื่อรู้ว่าท่านอ๋องเริ่มลาดตระเวนกำลังพลแต่ละสายของทัพตะวันออกแล้ว ทุกคนก็เดาออกว่าเกี่ยวข้องกับการเสียผลประโยชน์ที่ศึกสระน้ำมังกรดำ เห็นได้ชัดว่าท่านอ๋องกลัวคนจะจิตใจไม่มั่นคง ในเวลานี้ถ้ามีใครทำให้ท่านอ๋องรู้สึกว่ามีเจตนาไม่ซื่อ คาดว่าท่านอ๋องคงลงมืออย่างไม่ปรานี ความกังวลที่เกี่ยวข้องกับชีวิต จะไม่ให้เครียดได้อย่างไร

ในดาราจักร เมื่อเห็นอิ๋งจิ่วกวงมีเวลาว่างแล้ว จั่วเอ๋อร์ก็เริ่มรายงานความลับ “ท่านอ๋อง การแลกเปลี่ยนกับหนิวโหย่วเต๋อเสร็จสิ้นแล้วค่ะ”

อิ๋งจิ่วกวงเหล่ตามอง “หนิวโหย่วเต๋อไม่ได้เล่นตุกติกอะไรใช่มั้ย?”

จั่วเอ๋อร์ตอบว่า “น่าจะไม่ได้เล่นตุกติกอะไร จำนวนคนใกล้เคียงกับที่พวกเราคาดไว้ เพียงแต่ทั้งหมดกลับมามือเปล่า ไม่เหลือทรัพย์สินบนตัวแม้แต่น้อย ถูกเจ้าเวรนั่นฮุบไว้หมดแล้ว เรียกได้ว่าไม่ใช่จำนวนน้อยเลย”

อิ๋งจิ่วกวงกัดฟันกรอดทันที อาวุธของคนจำนวนมากขนาดนั้น ทัพตะวันออกจะต้องจ่ายเงินอีกไม่น้อย “ถ่ายทอดลงไปว่าให้พวกเขาปิดปากให้สนิท ส่วนเรื่องเงินทองก็รอให้คนของทัพตะวันออกมีจิตใจมั่นคงก่อนแล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้ ชอบฉกฉวยผลประโยชน์นักใช่มั้ย ช้าเร็วข้าจะให้เขาคายออกมาทั้งต้นทั้งดอก”

“รับทราบ! ยังมีอีกเรื่องค่ะ ทางตลาดผีเกิดปัญหาแล้ว…” จั่วเอ๋อร์เล่าสถานการณ์ให้ฟังคร่าวๆ

“ล้างเลือดร้านค้าห้าร้านในตลาดผี?” อิ๋งจิ่วกวงค่อนข้างแปลกใจ “กำลังพลแดนรัตติกาลจะล้างเลือดร้านค้าห้าร้านนี้ทำไม?”

“ไม่ทราบค่ะ สืบหาเบาะแสของร้านค้าห้าร้านนี้แล้ว แต่ไม่พบอะไร เป็นเพราะสืบไม่เจอจึงน่าสงสัย ท่านอ๋อง จู่ๆ หนิวโหย่วเต๋อมาทำแบบนี้ที่ตลาดผีในเวลานี้ ร้านค้าห้าร้านเกี่ยวข้องกับตระกูลก่วงหรือเปล่า?” จั่วเอ๋อร์แสดงความสงสัย

อิ๋งจิ่วกวงที่เหาะด้วยความเร็วเอียงหน้ามองมา “เจ้ากำลังจะบอกว่าร้านค้าห้าร้านนี้คือฐานลับของตระกูลก่วงเหรอ?”

จั่วเอ๋อร์ตอบว่า “เวลาที่เกิดเหตุบังเอิญเกินไป ตามที่สืบมา เป้าหมายที่กำลังพลแดนรัตติกาลลงมือนั้นชัดเจนมาก มุ่งตรงไปที่ห้าร้านนั้น พอล้างเลือดเสร็จแล้วก็ถอนกำลังทันที ที่แปลกที่สุดก็คือ กำลังพลแดนรัตติกาลเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ที่ตลาดผี แต่ตึกศาลาสัตยพรตกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยสักนิด ยิ่งไปกว่านั้น เกาจื่อหู น้องชายของเกาจื่อเซวียนก็มาสืบข่าวเรื่องเกาเหยียนจากพวกเราด้วย เรื่องของลูกตัวเองแท้ๆ แต่ดันมาสืบข่าวจากพวกเรา บ่าวก็เลยลงมือจากคนข้างกายเขาทันที สืบข่าวมานิดหน่อย เหมือนว่าเกาเหยียนจะหายตัวไปหลังจากออกมาจากสำนักลมปราณ ติดต่อเขาไม่ได้อีกเลย เกาจื่อหูก็เลยสืบข่าวไปทั่ว”

“หึหึ! สงสัยหนิวโหย่วเต๋อจะลงมือกับตระกูลก่วงแล้วจริงๆ ช่างเป็นหมาบ้าที่กัดไม่เลือกหน้าจริงๆ ข้าว่า…” รอยยิ้มบนใบหน้าอิ๋งจิ่วกวงชะงักไป แล้วจ้องจั่วเอ๋อร์พร้อมถามว่า “เจ้าบอกว่าตึกศาลาสัตยพรตไม่มีปฏิกิริยาอะไรสักนิดเลยเหรอ?”

จั่วเอ๋อร์รู้ว่าเขาสังเกตเห็นบางอย่างแล้ว จึงพยักหน้าบอกว่า “คงจะเป็นตระกูลเซี่ยโห้วที่เข้ามาแทรกแซง”

จวนอ๋องสวรรค์โค่ว โค่วหลิงซวีที่กำลังเดินเล่นในป่าไผ่หยุดเดินแล้วหันตัวมา หลังจากแววตาวูบไหวอยู่พักหนึ่ง ก็หรี่ตาถามว่า “เซี่ยโห้วลิ่งสอดมือเข้ามาแทรกในเวลานี้ หมายความว่ายังไง?”

ถังเฮ่อเหนียนที่ติดตามอยู่ข้างกายส่ายหน้า “มองไม่ออกจริงๆ ขอรับ แต่ก็มีความเป็นไปได้อย่างอื่นเหมือนกัน หรือไม่เซี่ยโห้วลิ่งก็ไม่ได้เข้ามาแทรกแซงเลย บางทีอาจเป็นการเคลื่อนไหวจากอำนาจฝ่ายอื่นของตระกูลเซี่ยโห้ว ยกตัวอย่างเช่นเฉาหม่านที่ไม่ยอมอยู่อย่างเงียบเหงา ไม่ใช่ความคิดของเซี่ยโห้วลิ่ง แต่เป็นเพราะเฉาหม่านอยากสร้างผลงาน”

โค่วหลิงซวีเอามือขยี้เคราพลางหรี่ตา

วังสวรรค์ ตำหนักดาราจักร ประมุขชิงที่นั่งหลังโต๊ะยาวลุกขึ้นยืนช้าๆ จ้องซ่างกวนชิงพร้อมถามเสียงต่ำว่า “เซี่ยโห้วลิ่งกับหนิวโหย่วเต๋อสมคบกันเหรอ? ตัดสินได้ยังไงว่าร้านค้าห้าร้านนั้นเป็นของก่วงลิ่งกง?”

ซ่างกวนชิงตอบว่า “ก่อนหน้านี้ไม่แน่ใจ แต่เพิ่งได้ข่าวจากทูตซ้ายซือหม่า สายลับที่ส่งไปไว้ที่ตระกูลก่วงส่งข่าวกลับมาแล้ว…” สิ่งที่รายงานก็ไม่ใช่เรื่องอื่นใด เป็นเรื่องแต่งงานของเกาเหยียน หลังจากเล่าสถานการณ์คร่าวๆ แล้ว ก็เน้นว่า “ตอนนี้เกาเหยียนออกจากสำนักลมปราณแล้ว แต่ก็ขาดการติดต่อกับตระกูลก่วง สองเรื่องนี้ประจวบเหมาะกันพอดี เป็นไปได้สูงว่าเกาเหยียนนั่นจะเกี่ยวข้องกับหนิวโหย่วเต๋อ อาจจะถูกหนิวโหย่วเต๋อสังหารไปแล้วก็ได้ขอรับ”

ประมุขชิงไม่สนใจเรื่องแต่งงานบ้าบออะไรทั้งนั้น เลิกคิ้วแสยะยิ้ม “เจ้าลูกลิงนี่ใจกล้าไม่เบา เพิ่งจะมีเรื่องกับตระกูลอิ๋งเสร็จ ก็ลามไปมีเรื่องกับตระกูลก่วงอีกแล้ว แต่ตระกูลเซี่ยโห้วเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้หมายความว่ายังไง?”

ซ่างกวนชิงตอบว่า “ตอนนี้ยังไม่ทราบขอรับ แต่ถึงยังไงเรื่องที่ตลาดผีก็เป็นฝีมือหนิวโหย่วเต๋อ ถ้าไปถามราชินีสวรรค์สักหน่อยก็อาจจะได้เบาะแสบ้าง”

“ไป! เจ้าไปถามที่ตำหนักนารีสวรรค์เดี๋ยวนี้เลย” ประมุขชิงสั่งทันที

“ขอรับ!” เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ซ่างกวนชิงก็รีบออกไป ถ้าประมุขชิงไม่ได้สั่ง เขาก็ไม่สะดวกจะบุ่มบ่ามไปซักถามราชินีสวรรค์ ไม่ใช่ว่าเขากลัวเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ แต่ไม่ใช่เรื่องดีที่จะล้ำเส้นกฎเกณฑ์ระหว่างนายบ่าว

ไปเร็วมาเร็ว ตอนที่ซ่างกวนชิงกลับมาถึงตำหนักดาราจักร ประมุขชิงก็กำลังขมวดคิ้วเอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาอยู่ในตำหนัก

“ฝ่าบาท เหนียงเหนียงบอกว่าได้รับรายงานจากหนิวโหย่วเต๋อ เดิมทีเตรียมจะมารายงานฝ่าบาทอยู่แล้ว เหนียงเหนียงบอกว่าเรื่องที่ตลาดผีเกิดขึ้นเพราะจวนแม่ทัพภาคตลาดผีได้รับแจ้ง ได้ยินว่ามีโจรจี้เอาตัวเกาเหยียนไป เขาคือหลานชายของเกาจื่อเซวียนซึ่งเป็นอนุภรรยาอ๋องสวรรค์ก่วง หนิวโหยว่เต๋อถึงได้ส่งคนไปช่วย ทว่ารอให้จนกำลังพลไปถึง ก็พบว่าสายไปเสียแล้ว เกาเหยียนถูกโจรสังหารแล้ว ตอนที่ไปเจอก็เหลือเพียงศพเท่านั้น ผู้ติดตามของเกาเหยียนก็ตายหมด” ซ่างกวนชิงรายงานข่าวที่สืบมาได้

ประมุขชิงแสยะหัวเราะ “โจร? หนิวโหย่วเต๋อนี่อะไรดีๆ กลับไม่เรียนรู้ ดันไปเรียนรู้การใช้ศัพท์ผิดความหมายมาซะแล้ว เอะอะก็โจร ใต้หล้าสงบสุขมาหลายปี จะมีโจรมาจากไหนมากมายขนาดนั้น? ล้างเลือดจนสะอาดขนาดนั้น ไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว แล้วก็ยัดข้อหาให้โจรที่ไม่มีตัวตนเสียเลย ใช้ได้จริงๆ ข้าว่าเขาน่ารังเกียจกว่าโจรเสียอีก ในปากมีแต่คำพูดเหลวไหลทั้งนั้น ไม่มีความจริงเลย คงหวังให้เฉิงอวี้ตอบอย่างซื่อสัตย์ไม่ได้แล้ว เจ้าติดต่อหยวนจุนหน่อย ถามเขาว่ารู้เรื่องบ้างหรือเปล่า ถ้าไม่รู้ก็ให้เขาถามหนิวโหย่วเต๋อ ข้าอยากจะเห็นว่าหนิวโหย่วเต๋อจะพูดความจริงกับเขาหรือเปล่า!”

“ขอรับ!” ซ่างกวนชิงเอ่ยรับ แล้วหยิบระฆังดาราขึ้นมาติดต่อชิงหยวนจุนต่อหน้าประมุขชิง

จวนอ๋องสวรรค์ก่วง ตึกศาลาตั้งตระหง่านบนยอดเขาลูกหนึ่ง เป็นตึกชายคาโค้ง รอบข้างมีลมพัดมา ช้าบ้างเร็วบ้าง เมฆขาวลอยล่องเป็นกลุ่มก้อน ทิวทัศน์ภูเขาแม่น้ำอยู่ในสายตาทั้งหมด เป็นทำเลดีสำหรับการมองทิวทัศน์จากที่สูงอย่างแท้จริง ในตึกศาลามีคนอยู่สองคน

บนตึกกว้างโล่ง มองไม่เห็นโต๊ะเก้าอี้และของจิปาถะ ก่วงลิ่งกงนั่งขัดสมาธิบนฟูกกลม หลับตาทำสีหน้าดื่มดำ มือข้างหนึ่งตบเข่าเบาๆ ตามจังหวะเสียงฉิน

หวังเฟยเม่ยเหนียงก็นั่งบนฟูกกลมเช่นกัน กำลังดีดกู่ฉินอยู่ตรงหน้า สิบนิ้วดีดบรรเลงท่วงทำนองอย่างสง่างาม เพียงแต่เสียงฉินวันนี้เหมือนจะไม่ค่อยมั่นคงนัก เป็นเพราะเกี่ยวข้องกับอารมณ์ของนาง

นางรู้แล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แน่ใจด้วยว่าก่วงลิ่งกงจะต้องรู้แล้วแน่นอน แต่ก่วงลิ่งกงกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าจะมานั่งฟังฉินที่นี่ ตอนนี้ไม่มีคนนอกแล้ว มีเพียงนางคนเดียว ทำให้นางแอบกินปูนร้อนท้องนิดหน่อย จึงส่งผลกระทบต่อทักษะการเล่นฉิน

โกวเยว่ที่เดินขึ้นมาบนตึกมองนางแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้รบกวนนาง เดินย่องไปนั่งคุกเข่าข้างหน้าก่วงลิ่งกง แล้วถ่ายทอดเสียงบอกว่า “ท่านอ๋อง สืบมาแล้วขอรับ เมื่อวานนี้คุณหนูถูกหวังเฟยกักบริเวณแล้ว เมื่อเทียบเวลาที่กักบริเวณ ก็พบว่าเป็นหลังจากตอนที่เกาเหยียนไปถึงสำนักลมปราณได้ไม่นาน คนที่ไปสำนักลมปราณก็สืบเรื่องมาชัดเจนแล้ว ว่าเกาเหยียนพอไปถึงก็ยัดเยียดสินสอดให้เป่าเหลียนทันที ตอนแรกสำนักลมปราณอ้างชื่อหนิวโหย่วเต๋อเพื่อขอให้ไว้หน้า แต่เกาเหยียนไม่เพียงแต่ไม่สนใจ ทั้งยังด่าหนิวโหย่วเต๋อด้วยว่านับเป็นตัวอะไร ตอนหลังสำนักลมปราณยอมประนีประนอมแล้ว รับปากว่าจะมาพึ่งพาท่านอ๋อง แต่เกาเหยียนไม่ยอม ดึงดันจะแต่งงานกับเป่าเหลียนนั่นให้ได้ ทั้งยังเอาเรื่องที่ชีอู๋ถูกทัพตะวันออกกักบริเวณมาขู่ด้วย จนกระทั่งชีอู๋ถูกทัพตะวันออกปล่อยตัว เกาเหยียนก็อาจได้รับข่าวว่าหนิวโหย่วเต๋อลงมือแล้ว ตระหนักได้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี เลยลนลานหนีออกจากสำนักลมปราณกลางดึก แม้แต่สินสอดก็ยังไม่ทันได้เอาคืน สำนักลมปราณนำสินสอดของเกาเหยียนคืนให้คนของพวกเราแล้ว แต่พอเกาเหยียนออกไปก็ขาดการติดต่อไปเลย ไม่มีข่าวอะไรอีก ท่านอ๋อง สถานการณ์คร่าวๆ เป็นอย่างนี้ขอรับ”

……………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+