พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1896 แต่ละคนยังมียางอายอยู่มั้ย?

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1896 แต่ละคนยังมียางอายอยู่มั้ย? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทว่าทั้งสามเห็นการกระทำของเฉินเชียนชิวแล้วปวดประสาทนิดหน่อย แต่ช่วยไม่ได้ที่คำสั่งทหารหนักแน่นดุจขุนเขา จึงไม่สะดวกจะพูดอะไร

เห็นได้ชัดว่าเฉินเชียนชิวไม่คุ้นเคยกับตลาดสวรรค์ เขาเอาแต่เหลียวซ้ายแลขวาตลอดทาง แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เขาแน่ใจได้ นั่นก็คือสาเหตุที่จุดหมายปลายทางอยู่กลางตลาดสวรรค์ เป็นเพราะจุดหมายปลายทางนี้มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาแน่นอน ปกติล้วนเป็นแปลงที่ดินที่ค่อนข้างดีของตลาดสวรรค์

เขาสันนิษฐานไม่ผิด ในที่สุดก็คือสถานที่เป้าหมายตรงบริเวณศูนย์กลางตลาดสวรรค์แล้ว เป็นภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารทที่ตระกูลเซี่ยโห้วดำเนินกิจการ

หลังจากเจอสถานที่เป้าหมายแล้ว สิ่งแรกที่เฉินเชียนชิวทำก็คือ มองซ้ายมองขวาตรงประตูภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารท พอเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนกอดอกกางขาเหลียวซ้ายแลขวา ก็เดินเข้าไปทันที แล้วกุมหมัดคารวะพร้อมถ่ายทอดเสียงถาม “ขออนุญาตถามว่าที่นี่มีที่พักหรือไม่?”

ชายหนุ่มที่ยืนกอดอกวางแขนลง มองประเมินเฉินเชียนชิวศีรษะจดเท้าแวบหนึ่ง แล้วก็มองสามคนข้างหลังเขา ถ่ายทอดเสียงตอบว่ “ได้ พวกท่านมีกี่คน?”

“ไม่แน่ใจ ท่านชื่อแซ่อะไร?” เฉินเชียนชิวถาม

“ข้าแซ่เซี่ย ท่านแซ่อะไร?” ชายหนุ่มถาม

“โยว!” เฉินเชียนชิวตอบ

เมื่อสัญญาณสอดคล้องกันแล้ว ชายหนุ่มก็มองไปรอบๆ แวบหนึ่ง แล้วพยักหน้าเบาๆ “ตามข้ามาเถอะ”

เฉินเชียนชิวหันมากวักมือเรียกสามคนข้างหลัง แล้วตามชายหนุ่มเข้าไปที่ภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารทด้วยกัน

สามคนที่เดินตามมองหน้ากันเลิกลั่ก ไม่ค่อยเข้าใจว่าหมายความว่าอะไร

พอเข้ามาในภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารท ก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศเฉลิมฉลองอันรื่นรมย์ รอบข้างมีเสียงเสาะหาความสำราญดังแว่วมา เฉินเชียนชิวเดินตามผู้นำทางเข้าไปยังลานบ้านที่ลับตาคนแห่งหนึ่ง ไม่เห็นคนอื่นอยู่ที่นี่

“ทุกท่านรอสักครู่ ผู้จัดการกำลังจะมาเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มที่นำทางพูดจบแล้วเดินออกไป ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านี้ ทิ้งให้สี่คนนี้มองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง

ผ่านไปครู่เดียว ก็มีชายชราผมขาวคนหนึ่งเดินเข้ามาลำพัง “เซี่ยมาช้าแล้ว คนไหนคือท่านบุรุษโยว?”

เฉินเชียนชิวก้าวขึ้นมาถาม “ของล่ะ?”

นี่ก็เป็นสัญญาณลับเช่นกัน และเป็นการทวงของจริงๆ ผู้จัดการเซี่ยพลิกมือมอบแหวนเก็บสมบัติให้วงหนึ่ง “เชิญตรวจสอบสินค้า!”

เฉินเชียนชิวรับแหวนเก็บสมบัติมาตรวจดู ข้างในมีแผ่นหยกที่ใช้วิชาลับผนึกไว้จนเหมือนลูกแก้วผลึก ถ้าร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดูผ่านลูกแก้วน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือถือวิสาสะนำออกมาเอง ลูกแก้วน้ำก็จะแตกทันที เมื่อลูกแก้วน้ำหายไปแล้ว ก็แสดงว่าอีกฝ่ายไม่เคยเห็นเนื้อหาข้างใน

คำสั่งที่ได้รับมาก็คือ ถ้ายังไม่ได้รับคำสั่งขั้นถัดไป ก็ห้ามถือวิสาสะตรวจดูของสิ่งนี้ เดี๋ยวต่อไปต้องนำของส่งให้คนของตัวเองตรวจพิสูจน์ด้วย เมื่อเก็บแหวนเก็บสมบัติแล้ว เฉินเชียนชิวก็พยักหน้าสื่อว่าไม่มีปัญหา

ตอนนี้ผู้จัดการเซี่ยถึงได้ทำสีหน้าจริงจัง “ที่นี่จะไม่มีใครมารบกวน ของกินของใช้จะมีคนนำมาส่งให้ ทุกคนอยู่ที่นี่ก่อนชั่วคราว ถ้ามีเรื่องอะไรข้าจะมาหา”

เฉินเชียนชิวกุมหมัดขอบคุณ ผู้จัดการเซี่ยกุมหมัดคารวะแล้วรีบหันตัวออกไป

“อย่ามองข้า อย่าถามข้า ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอะไร” เฉินเชียนชิวหันตัวมาเห็นอีกสามคนกำลังมองตนด้วยสีหน้าสงสัย จึงพูดห้ามพวกเขาเสียก่อน จากนั้นชี้ไปรอบๆ “ตรวจสอบดูสักหน่อย”

ลูกน้องทั้งสามแยกย้ายกันตรวจสอบในลานบ้านทันที ส่วนเฉินเชียนชิวก็หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อผู้บังคับบัญชาตัวเอง

ที่จริงแล้วอย่าว่าแต่เฉินเชียนชิวเลย แม้แต่ผู้จัดการเซี่ยท่านนั้นก็เหมือนกัน จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้ชัดเจนว่าเบื้องบนต้องการจะทำอะไรกันแน่ คนเบื้องล่างไม่มีใครรู้เป้าหมายสุดท้ายของเบื้องบนสักคน และไม่รู้ถึงตัวตนของคนที่มาติดต่อด้วย เอาเป็นว่าเบื้องบนแต่ต้องการให้พวกเขาปฏิบัติตามคำสั่ง

แทบจะเป็นเวลาเดียวกัน ตลาดสวรรค์แต่ละแห่งในใต้หล้า ไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน ไม่ว่าจะเป็นเช้าตรู่หรือตอนเย็น ทุกที่ล้วนแสดงฉากเดียวกัน ล้วนมีคนแซ่โยวไปเจอกับคนแซ่เซี่ยที่ภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารท

วังสวรรค์ ตำหนักดาราจักร ศพที่วางอยู่บนพื้นถูกเปิดผ้าขาวออกแล้ว เป็นภาพที่อนาถเกินกว่าจะทนมอง

ประมุขชิงยืนเอามือไขว้หลังอยู่ข้างๆ ขณะจ้องศพก็ถามเสียงเรียบว่า “หนิวโหย่วเต๋อทำเหรอ?”

“ตระกูลก่วงไม่ได้บอกว่าใครทำ เพียงบอกว่านำกลับมาจากจวนแม่ทัพภาคตลาดผี ทัพตะวันตกไม่มีอำนาจควบคุมที่ตลาดผี ดังนั้นจึงขอให้ฝ่าบาทตรวจสอบอย่างเข้มงวด” ซ่างกวนชิงตอบ

“บอกว่าเกาเหยียนไม่มีตำแหน่งติดตัวแล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่ใช่ขุนนางตำหนักสวรรค์ด้วย จำเป็นต้องส่งมาให้ข้าที่นี่ด้วยหรือ? ให้พวกเขาไปตรวจสอบเองสิ อย่าเอามาขวางหูขวางตาข้า…ไม่ว่าของอะไรก็กล้าส่งมาที่นี่ ปัญหาเยอะนัก เอาศพไปโยนให้หมาป่ากิน!” ประมุขชิงเหยียดหยาม

“แล้วต่อไปจะชี้แจงกับตระกูลก่วงยังไงขอรับ?” ซ่างกวนชิงลองถาม

“แค่บอกว่าข้ามีน้ำใจช่วยเผาให้พวกเขาแล้ว…แน่นอน ต้องแอบปล่อยข่าวให้พวกเขารู้ด้วยว่าศพถูกหมากิน ให้พวกแซ่เกาไปร้องไห้กับก่วงลิ่งกงเอง”

“ขอรับ!” ซ่างกวนชิงเอ่ยรับ แล้วก็หันไปเรียกคนเข้ามา ชี้ที่ศพพลางกำชับว่า “หาที่เหมาะๆ เอาไปโยนให้หมากิน…”

หลังจากย้ายศพออกไปแล้ว พอหันกลับมาอีกทีก็พบว่าประมุขชิงกำลังนั่งเงียบอยู่หลังโต๊ะยาว ซ่างกวนชิงจึงเดินมายืนเก็บมืออยู่ข้างกายเขา

ผ่านไปไม่นาน ซ่างกวนชิงก็หยิบระฆังดาราออกมาตั้งใจฟังพักหนึ่ง แล้วโค้งตัวรายงานประมุขชิง “ฝ่าบาท เพิ่งจะได้ข่าวมาขอรับ ข่าวที่เกาเหยียนโดนหนิวโหย่วเต๋อแล่เนื้อทั้งเป็นแพร่ไปทั้งใต้หล้าแล้ว สิ่งที่ลือขึ้นมาพร้อมกันยังมีเรื่องที่หนิวโหย่วเต๋อเคยแล่เนื้อเถือหนังฉู่จื่อซาน อดีตหัวหน้าภาคน่านฟ้าระกาติงด้วย”

ประมุขชิงที่เงียบไปพักหนึ่งแสยะยิ้ม “เรื่องแปลกมีให้เห็นทุกปี แต่ปีนี้มีเยอะไปหน่อย ในแผนการของหนิวโหย่วเต๋อเหมือนจะไม่ได้ยั่วโมโหก่วงลิ่งกง นะเวลาแบบนี้หนิวโหย่วเต๋อจะสร้างปัญหาแทรกขึ้นมาทำไม? ที่แล่เนื้อเกาเหยียนทั้งเป็น ก็ชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอว่าต้องการยั่วโมโหก่วงลิ่งกง? ก่วงลิ่งกงคนนี้ก็น่าสนใจเหมือนกันนะ เรื่องนี้มีค่าพอให้เขาปล่อยข่าวไปทั่วด้วยเหรอ? แต่ละคนยังมียางอายอยู่มั้ย? พวกเขาคิดจะทำอะไรกัน?”

ซ่างกวนชิงพยักหน้าเบาๆ “ฝ่าบาท จะให้องค์ชายถามหนิวโหย่วเต๋อมั้ยว่าเรื่องเป็นยังไงกันแน่?”

ประมุขชิงพยักหน้าเงียบๆ

ทว่ายังไม่ทันรอให้ซ่างกวนชิงหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อชิงหยวนจุน ก็มีอีกข่าวส่งมาถึงมือเขาแล้ว หลังจากได้รู้สถานการณ์ก็รายงานประมุขชิงทันที “ฝ่าบาท จากที่จับตาดูแผนการของหนิวโหย่วเต๋อ เบื้องล่างพบว่าคนของหนิวโหย่วเต๋อกับคนของตระกูลเซี่ยโห้วเริ่มติดต่อกันแล้วขอรับ”

“เด็กดี ช่างกล้าไปวุ่นวายกับเซี่ยโห้วลิ่งจริงๆ!” ขณะที่ตบฝ่ามือบนโต๊ะเบาๆ ประมุขชิงก็สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง “ถ่ายทอดคำสั่งลงไปที่โพ่จวิน โพ่จวิน ระดมทัพองครักษ์สามกองเพื่อรอฟังคำสั่ง! สั่งให้แต่ละช่องทางจับตาดูความเคลื่อนไหวของทัพตะวันออก!”

“รับทราบ!” ซ่างกวนชิงเอ่ยรับคำสั่งแล้วรีบไปปฏิบัติตาม

จวนอ๋องสวรรค์อิ๋ง อิ๋งจิ่วกวงหัวเราะลั่น “ก่วงลิ่งกงกำลังทำอะไร? นี่สู้กับหนิวโหย่วเต๋อแล้วเหรอ?” เขาสุขใจที่ได้เห็นเรื่องนี้ ที่ปล่อยชีอู๋ไปก็ไม่ใช่เพราะอยากเห็นสถานการณ์อย่างนี้หรอกหรือ

จวนอ๋องสวรรค์โค่ว โค่วหลิงซวีกำลังเดินเล่นอยู่ในป่าไผ่ พอได้ข่าวแล้วก็ส่ายหน้าถอนหายใจเล็กน้อย “มีศัตรูอยู่ทั่วทิศ ทั้งยังเป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง เจ้าเด็กนั่นเบื่อหน่ายที่จะมีชีวิตอยู่แล้วรึไง!”

อ๋องสวรรค์ฮ่าว ตรงทางเดินระหว่างตึกศาลา ซูอวิ้นเดินตามอยู่ข้างหลังฮ่าวเต๋อฟาง ถามอย่างแปลกใจว่า “หนิวโหย่วเต๋อกับก่วงลิ่งกงกำลังเล่นอะไรกันแน่?”

“ไม่รู้หรอกว่ากำลังเล่นอะไร แต่ก่วงลิ่งกงปฎิบัติต่อหนิวโหย่วเต๋ออย่างเอาจริงเอาจังนั้นเป็นเรื่องจริง ไม่เลอะเลือนจนเสียเปรียบเหมือนอิ๋งจิ่วกวง” ฮ่าวเต๋อฟางกล่าวเสียงเรียบ

แดนอเวจี ดาวอู๋เลี่ยง ในตึกศาลามีเสียงดัง “ปั้ง” หยางชิ่งโมโหจนตบโต๊ะยืนขึ้น แล้วเอามือไขว้หลังเดินไปเดินมา

ข่าวนี้แพร่ไปทั้งใต้หล้าแล้ว ฝั่งนี้จะไม่รู้ได้อย่างไร เขายังกังวลว่าเหมียวอี้จะสร้างปัญหาเข้ามาแทรก นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแล้วจริงๆ เห็นได้ชัดว่าก่วงลิ่งกงเป็นคนลงมือเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นตระกูลก่วงจะมีใครกล้าก่อความเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนี้ได้? ตอนหลังยังไม่รู้ว่าก่วงลิ่งกงยังมีแผนสำรองอะไรอีกหรือเปล่า! เขาคิดไม่ตกแล้ว เจ้าอยากจะฆ่าคนก็ฆ่าเฉยๆ สิเหมียวอี้ จำเป็นต้องลงมือโหดเหี้ยมเพื่อยั่วโมโหก่วงลิ่งกงด้วยเหรอ ไม่ดูเสียบ้างว่าตอนนี้เป็นเวลาอะไร!

จนใจที่เขาทำได้เพียงอัดอั้นความโกรธ ไม่สะดวกจะถามอะไรเหมียวอี้

จวนท่านปู่สวรรค์ ใต้ต้นไม้ใหญ่สูงระฟ้า เว่ยซูเดินมาข้างเก้าอี้นอน แล้วโน้มตัวถ่ายทอดเสียงบอกว่า “นายท่าน คนของหนิวโหย่วเต๋อติดต่อกับคนของพวกเราแล้วขอรับ ทั้งหมดเข้าประจำที่แล้ว”

เซี่ยโห้วลิ่งที่กำลังจ้องหน้าหนังสือตอบกลับเบาๆ “ให้เบื้องล่างปฏิบัติตามแผนทีละขั้นเถอะ”

“ขอรับ!” เว่ยซูเอ่ยรับคำสั่ง แล้วบอกอีกว่า “ยังมีอีกเรื่องหนึ่งขอรับ ทางก่วงลิ่งกงกับหนิวโหย่วเต๋อมีเรื่องกันแล้ว ไม่รู้ว่าทั้งสองกำลังเล่นลูกไม้อะไร มองไม่ออกเลยขอรับ…” เขาเล่าข่าวลือข้างนอกให้ฟังคร่าวๆ

ในที่สุดหนังสือที่บังอยู่ตรงหน้าก็ย้ายออกแล้ว เซี่ยโห้วลิ่งขมวดคิ้วลุกขึ้นยืน “หนิวโหย่วเต๋อกำลังเล่นลูกไม้อะไร ที่มันเวลาไหนแล้ว ยังจะก่อเรื่องอีกเหรอ? เจ้าถามเขาหน่อยว่าหมายความว่าอะไร สมองมีปัญหาหรือเปล่า?”

สำหรับเขา เรื่องในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ถูกเหมียวอี้โน้มน้าว ครั้งนี้ตระกูลเซี่ยโห้วทำเรื่องใหญ่ จะยอมให้เกิดความผิดพลาดง่ายๆ ไม่ได้ แต่ช่องโหว่เล็กน้อยจากฝั่งเหมียวอี้กลับทำให้เขากังวลใจ

ดาวไร้ลักษณ์ ตลาดสวรรค์ ในภัตตาคาร อวี้หลิง อวี้ซวี อวี้เลี่ยน แล้วก็เป่าเหลียนที่ปลอมตัวแล้วนั่งล้อมโต๊ะกัน กำลังรับประทานอย่างเอื่อยเฉื่อย ขณะเดียวกันก็ตั้งใจฟังคำจารณ์ของคนในภัตตาคาร

“หนิวโหย่วเต๋อนี่โหดเหี้ยมทารุณจนเคยตัวแล้วจริงๆ นึกถึงปีนั้นที่ฆ่าจนหัวคนเกลื่อนตลาดสวรรค์สิ”

“จุจุ ตัดลิ้น ควักลูกตา ตอนอวัยวะเพศ กรีดหนัง ท่านย่าเขาเถอะ ทั้งยังกรีดหนังทั้งเป็น ต้องเป็นความแค้นที่ใหญ่โตขนาดไหนกัน!”

“เฮ้อ เจ้าหนุ่มนั่นน่ะ เพื่อผู้หญิงแล้วทำตัวเหมือนหมาบ้าตลอด ฉู่จื่อซานที่น่านฟ้าระกาติงนั่นก็ถูกสับเป็นพันชิ้นหมื่นชิ้นไม่ใช่เหรอ ขนาดกับหัวหน้าภาคยังกล้าลงมือโหดขนาดนั้น นับประสาอะไรกับเกาเหยียนนั่น”

“นั่นไม่เหมือนกันนะ ฉู่จื่อซานมีภูมิหลังยังไงล่ะ? แล้วเกาเหยียนมีภูมิหลังยังไง? ลุงเขยของเกาเหยียนคืออ๋องสวรรค์ก่วงเชียวนะ!”

“อ๋องสวรรค์ก่วงเหรอ? ขนาดอ๋องสวรรค์อิ๋งยังกล้าสู้เลย ยังจะกลัวอะไรกับอ๋องสวรรค์ก่วง?”

“แต่จะว่าไปแล้ว เรื่องที่เจ้าหมอนั่นทำมาตลอดทาง ก็ไม่มีใครทำได้อีกแล้วจริงๆ จับใครได้ก็กัดคนนั้น เรียกว่าหมาบ้าก็ไม่ผิดเลยสักนิด”

“หลานชายข้าคนหนึ่งนับถือหนิวโหย่วเต๋อมาก ยังคิดอยู่เลยว่าจะหาโอกาสเข้าไปทำงานในจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลได้หรือเปล่า ตอนนี้หนิวโหย่วเต๋อโรคจิตไปหน่อย ไม่แปลกใจที่เอะอะก็เอาชีวิตลูกน้องไปปะทะ สงสัยจะไม่เห็นว่าชีวิตของลูกน้องนั้นสำคัญ เดี๋ยวกลับไปข้าต้องให้หลานชายข้าล้มเลิกความคิดนี้!”

พวกอวี้หลิงทำสายตาจริงจัง ต่างก็อยู่เงียบๆ โดยไม่พูดอะไร นึกไม่ถึงว่าเกาเหยียนถูกหนิวโหย่วเต๋อใช้วิธีการทารุณแบบนั้นเล่นงานถึงตาย เหมือนจะไม่มีความแค้นอะไรกัน แค่ด่าหนิวโหย่วเต๋อประโยคเดียวเอง พวกเขาไม่รู้ว่าในนระหว่างนั้นมีเรื่องอื่นปิดบังอยู่หรือเปล่า เป่าเหลียนกัดริมฝีปากเล็กน้อย

ที่พวกเขามาอยู่ที่ตลาดสวรรค์ของดาวเทียนหยวน ก็เป็นเพราะความคิดของเหมียวอี้ เพียงแต่พวกเขาไม่รู้ว่าเหมียวอี้ก็ซ่อนตัวอยู่ที่นี่เช่นเดียวกัน

แดนรัตติกาล ยังมีกำลังพลอีกสองหมื่นที่ยังไม่ย้ายออกไป หลงซิ่นรับหน้าที่เฝ้ารักษาการณ์จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล

ในตึกบนกำแพงจวนหัวหน้าภาค พลทหารคนหนึ่งที่มาจากตลาดผีเข้ามากระซิบข้างๆ หลงซิ่น “ตลาดสวรรค์ ข้างนอกลือกันคึกโครม ขนาดทางตลาดผียังเริ่มลือแล้ว เดี๋ยวต่อไปผู้ตรวจการใหญ่จะไม่มาเอาเรื่องหรือขอรับ?” ขณะที่พูดก็มองไปทางเรือนด้านในของจวนหัวหน้าภาค เขาไม่รู้ว่าเหมียวอี้ไม่อยู่ทางนี้แล้ว

หลงซิ่นนั่งนิ่งไม่ขยับไปไหน สีหน้ามืดครึ้ม ไม่ผิดหรอก เรื่องที่ทรมานเกาเหยียนจนตายเป็นฝีมือเขาเอง ทั้งยังลงมือด้วยตัวเองด้วย เพียงแต่เขานึกไม่ถึงว่าจะสร้างความเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ แล้วเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าเบื้องหลังมีปฏิบัติการใหญ่ของเหมียวอี้อยู่

คนทั่วไปคิดว่าเป็นแค่เรื่องคึกครื้น แต่เขาที่เคยอยู่ตำแหน่งโหวของตำหนักสวรรค์ย่อมตระหนักได้ถึงความผิดปกติของเรื่องนี้ สังเกตได้อย่างชัดเจนว่าตอนหลังยังมีอีกมือมาตีกวนเรื่องนี้อีก เขาไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เหมียวอี้จะทำในครั้งนี้หรือเปล่า เขาเริ่มกังวลแล้วว่าจะทำให้งานเหมียวอี้พังหรือไม่

………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1896 แต่ละคนยังมียางอายอยู่มั้ย?

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1896 แต่ละคนยังมียางอายอยู่มั้ย? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทว่าทั้งสามเห็นการกระทำของเฉินเชียนชิวแล้วปวดประสาทนิดหน่อย แต่ช่วยไม่ได้ที่คำสั่งทหารหนักแน่นดุจขุนเขา จึงไม่สะดวกจะพูดอะไร

เห็นได้ชัดว่าเฉินเชียนชิวไม่คุ้นเคยกับตลาดสวรรค์ เขาเอาแต่เหลียวซ้ายแลขวาตลอดทาง แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เขาแน่ใจได้ นั่นก็คือสาเหตุที่จุดหมายปลายทางอยู่กลางตลาดสวรรค์ เป็นเพราะจุดหมายปลายทางนี้มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาแน่นอน ปกติล้วนเป็นแปลงที่ดินที่ค่อนข้างดีของตลาดสวรรค์

เขาสันนิษฐานไม่ผิด ในที่สุดก็คือสถานที่เป้าหมายตรงบริเวณศูนย์กลางตลาดสวรรค์แล้ว เป็นภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารทที่ตระกูลเซี่ยโห้วดำเนินกิจการ

หลังจากเจอสถานที่เป้าหมายแล้ว สิ่งแรกที่เฉินเชียนชิวทำก็คือ มองซ้ายมองขวาตรงประตูภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารท พอเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนกอดอกกางขาเหลียวซ้ายแลขวา ก็เดินเข้าไปทันที แล้วกุมหมัดคารวะพร้อมถ่ายทอดเสียงถาม “ขออนุญาตถามว่าที่นี่มีที่พักหรือไม่?”

ชายหนุ่มที่ยืนกอดอกวางแขนลง มองประเมินเฉินเชียนชิวศีรษะจดเท้าแวบหนึ่ง แล้วก็มองสามคนข้างหลังเขา ถ่ายทอดเสียงตอบว่ “ได้ พวกท่านมีกี่คน?”

“ไม่แน่ใจ ท่านชื่อแซ่อะไร?” เฉินเชียนชิวถาม

“ข้าแซ่เซี่ย ท่านแซ่อะไร?” ชายหนุ่มถาม

“โยว!” เฉินเชียนชิวตอบ

เมื่อสัญญาณสอดคล้องกันแล้ว ชายหนุ่มก็มองไปรอบๆ แวบหนึ่ง แล้วพยักหน้าเบาๆ “ตามข้ามาเถอะ”

เฉินเชียนชิวหันมากวักมือเรียกสามคนข้างหลัง แล้วตามชายหนุ่มเข้าไปที่ภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารทด้วยกัน

สามคนที่เดินตามมองหน้ากันเลิกลั่ก ไม่ค่อยเข้าใจว่าหมายความว่าอะไร

พอเข้ามาในภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารท ก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศเฉลิมฉลองอันรื่นรมย์ รอบข้างมีเสียงเสาะหาความสำราญดังแว่วมา เฉินเชียนชิวเดินตามผู้นำทางเข้าไปยังลานบ้านที่ลับตาคนแห่งหนึ่ง ไม่เห็นคนอื่นอยู่ที่นี่

“ทุกท่านรอสักครู่ ผู้จัดการกำลังจะมาเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มที่นำทางพูดจบแล้วเดินออกไป ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านี้ ทิ้งให้สี่คนนี้มองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง

ผ่านไปครู่เดียว ก็มีชายชราผมขาวคนหนึ่งเดินเข้ามาลำพัง “เซี่ยมาช้าแล้ว คนไหนคือท่านบุรุษโยว?”

เฉินเชียนชิวก้าวขึ้นมาถาม “ของล่ะ?”

นี่ก็เป็นสัญญาณลับเช่นกัน และเป็นการทวงของจริงๆ ผู้จัดการเซี่ยพลิกมือมอบแหวนเก็บสมบัติให้วงหนึ่ง “เชิญตรวจสอบสินค้า!”

เฉินเชียนชิวรับแหวนเก็บสมบัติมาตรวจดู ข้างในมีแผ่นหยกที่ใช้วิชาลับผนึกไว้จนเหมือนลูกแก้วผลึก ถ้าร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดูผ่านลูกแก้วน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือถือวิสาสะนำออกมาเอง ลูกแก้วน้ำก็จะแตกทันที เมื่อลูกแก้วน้ำหายไปแล้ว ก็แสดงว่าอีกฝ่ายไม่เคยเห็นเนื้อหาข้างใน

คำสั่งที่ได้รับมาก็คือ ถ้ายังไม่ได้รับคำสั่งขั้นถัดไป ก็ห้ามถือวิสาสะตรวจดูของสิ่งนี้ เดี๋ยวต่อไปต้องนำของส่งให้คนของตัวเองตรวจพิสูจน์ด้วย เมื่อเก็บแหวนเก็บสมบัติแล้ว เฉินเชียนชิวก็พยักหน้าสื่อว่าไม่มีปัญหา

ตอนนี้ผู้จัดการเซี่ยถึงได้ทำสีหน้าจริงจัง “ที่นี่จะไม่มีใครมารบกวน ของกินของใช้จะมีคนนำมาส่งให้ ทุกคนอยู่ที่นี่ก่อนชั่วคราว ถ้ามีเรื่องอะไรข้าจะมาหา”

เฉินเชียนชิวกุมหมัดขอบคุณ ผู้จัดการเซี่ยกุมหมัดคารวะแล้วรีบหันตัวออกไป

“อย่ามองข้า อย่าถามข้า ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอะไร” เฉินเชียนชิวหันตัวมาเห็นอีกสามคนกำลังมองตนด้วยสีหน้าสงสัย จึงพูดห้ามพวกเขาเสียก่อน จากนั้นชี้ไปรอบๆ “ตรวจสอบดูสักหน่อย”

ลูกน้องทั้งสามแยกย้ายกันตรวจสอบในลานบ้านทันที ส่วนเฉินเชียนชิวก็หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อผู้บังคับบัญชาตัวเอง

ที่จริงแล้วอย่าว่าแต่เฉินเชียนชิวเลย แม้แต่ผู้จัดการเซี่ยท่านนั้นก็เหมือนกัน จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้ชัดเจนว่าเบื้องบนต้องการจะทำอะไรกันแน่ คนเบื้องล่างไม่มีใครรู้เป้าหมายสุดท้ายของเบื้องบนสักคน และไม่รู้ถึงตัวตนของคนที่มาติดต่อด้วย เอาเป็นว่าเบื้องบนแต่ต้องการให้พวกเขาปฏิบัติตามคำสั่ง

แทบจะเป็นเวลาเดียวกัน ตลาดสวรรค์แต่ละแห่งในใต้หล้า ไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน ไม่ว่าจะเป็นเช้าตรู่หรือตอนเย็น ทุกที่ล้วนแสดงฉากเดียวกัน ล้วนมีคนแซ่โยวไปเจอกับคนแซ่เซี่ยที่ภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารท

วังสวรรค์ ตำหนักดาราจักร ศพที่วางอยู่บนพื้นถูกเปิดผ้าขาวออกแล้ว เป็นภาพที่อนาถเกินกว่าจะทนมอง

ประมุขชิงยืนเอามือไขว้หลังอยู่ข้างๆ ขณะจ้องศพก็ถามเสียงเรียบว่า “หนิวโหย่วเต๋อทำเหรอ?”

“ตระกูลก่วงไม่ได้บอกว่าใครทำ เพียงบอกว่านำกลับมาจากจวนแม่ทัพภาคตลาดผี ทัพตะวันตกไม่มีอำนาจควบคุมที่ตลาดผี ดังนั้นจึงขอให้ฝ่าบาทตรวจสอบอย่างเข้มงวด” ซ่างกวนชิงตอบ

“บอกว่าเกาเหยียนไม่มีตำแหน่งติดตัวแล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่ใช่ขุนนางตำหนักสวรรค์ด้วย จำเป็นต้องส่งมาให้ข้าที่นี่ด้วยหรือ? ให้พวกเขาไปตรวจสอบเองสิ อย่าเอามาขวางหูขวางตาข้า…ไม่ว่าของอะไรก็กล้าส่งมาที่นี่ ปัญหาเยอะนัก เอาศพไปโยนให้หมาป่ากิน!” ประมุขชิงเหยียดหยาม

“แล้วต่อไปจะชี้แจงกับตระกูลก่วงยังไงขอรับ?” ซ่างกวนชิงลองถาม

“แค่บอกว่าข้ามีน้ำใจช่วยเผาให้พวกเขาแล้ว…แน่นอน ต้องแอบปล่อยข่าวให้พวกเขารู้ด้วยว่าศพถูกหมากิน ให้พวกแซ่เกาไปร้องไห้กับก่วงลิ่งกงเอง”

“ขอรับ!” ซ่างกวนชิงเอ่ยรับ แล้วก็หันไปเรียกคนเข้ามา ชี้ที่ศพพลางกำชับว่า “หาที่เหมาะๆ เอาไปโยนให้หมากิน…”

หลังจากย้ายศพออกไปแล้ว พอหันกลับมาอีกทีก็พบว่าประมุขชิงกำลังนั่งเงียบอยู่หลังโต๊ะยาว ซ่างกวนชิงจึงเดินมายืนเก็บมืออยู่ข้างกายเขา

ผ่านไปไม่นาน ซ่างกวนชิงก็หยิบระฆังดาราออกมาตั้งใจฟังพักหนึ่ง แล้วโค้งตัวรายงานประมุขชิง “ฝ่าบาท เพิ่งจะได้ข่าวมาขอรับ ข่าวที่เกาเหยียนโดนหนิวโหย่วเต๋อแล่เนื้อทั้งเป็นแพร่ไปทั้งใต้หล้าแล้ว สิ่งที่ลือขึ้นมาพร้อมกันยังมีเรื่องที่หนิวโหย่วเต๋อเคยแล่เนื้อเถือหนังฉู่จื่อซาน อดีตหัวหน้าภาคน่านฟ้าระกาติงด้วย”

ประมุขชิงที่เงียบไปพักหนึ่งแสยะยิ้ม “เรื่องแปลกมีให้เห็นทุกปี แต่ปีนี้มีเยอะไปหน่อย ในแผนการของหนิวโหย่วเต๋อเหมือนจะไม่ได้ยั่วโมโหก่วงลิ่งกง นะเวลาแบบนี้หนิวโหย่วเต๋อจะสร้างปัญหาแทรกขึ้นมาทำไม? ที่แล่เนื้อเกาเหยียนทั้งเป็น ก็ชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอว่าต้องการยั่วโมโหก่วงลิ่งกง? ก่วงลิ่งกงคนนี้ก็น่าสนใจเหมือนกันนะ เรื่องนี้มีค่าพอให้เขาปล่อยข่าวไปทั่วด้วยเหรอ? แต่ละคนยังมียางอายอยู่มั้ย? พวกเขาคิดจะทำอะไรกัน?”

ซ่างกวนชิงพยักหน้าเบาๆ “ฝ่าบาท จะให้องค์ชายถามหนิวโหย่วเต๋อมั้ยว่าเรื่องเป็นยังไงกันแน่?”

ประมุขชิงพยักหน้าเงียบๆ

ทว่ายังไม่ทันรอให้ซ่างกวนชิงหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อชิงหยวนจุน ก็มีอีกข่าวส่งมาถึงมือเขาแล้ว หลังจากได้รู้สถานการณ์ก็รายงานประมุขชิงทันที “ฝ่าบาท จากที่จับตาดูแผนการของหนิวโหย่วเต๋อ เบื้องล่างพบว่าคนของหนิวโหย่วเต๋อกับคนของตระกูลเซี่ยโห้วเริ่มติดต่อกันแล้วขอรับ”

“เด็กดี ช่างกล้าไปวุ่นวายกับเซี่ยโห้วลิ่งจริงๆ!” ขณะที่ตบฝ่ามือบนโต๊ะเบาๆ ประมุขชิงก็สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง “ถ่ายทอดคำสั่งลงไปที่โพ่จวิน โพ่จวิน ระดมทัพองครักษ์สามกองเพื่อรอฟังคำสั่ง! สั่งให้แต่ละช่องทางจับตาดูความเคลื่อนไหวของทัพตะวันออก!”

“รับทราบ!” ซ่างกวนชิงเอ่ยรับคำสั่งแล้วรีบไปปฏิบัติตาม

จวนอ๋องสวรรค์อิ๋ง อิ๋งจิ่วกวงหัวเราะลั่น “ก่วงลิ่งกงกำลังทำอะไร? นี่สู้กับหนิวโหย่วเต๋อแล้วเหรอ?” เขาสุขใจที่ได้เห็นเรื่องนี้ ที่ปล่อยชีอู๋ไปก็ไม่ใช่เพราะอยากเห็นสถานการณ์อย่างนี้หรอกหรือ

จวนอ๋องสวรรค์โค่ว โค่วหลิงซวีกำลังเดินเล่นอยู่ในป่าไผ่ พอได้ข่าวแล้วก็ส่ายหน้าถอนหายใจเล็กน้อย “มีศัตรูอยู่ทั่วทิศ ทั้งยังเป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง เจ้าเด็กนั่นเบื่อหน่ายที่จะมีชีวิตอยู่แล้วรึไง!”

อ๋องสวรรค์ฮ่าว ตรงทางเดินระหว่างตึกศาลา ซูอวิ้นเดินตามอยู่ข้างหลังฮ่าวเต๋อฟาง ถามอย่างแปลกใจว่า “หนิวโหย่วเต๋อกับก่วงลิ่งกงกำลังเล่นอะไรกันแน่?”

“ไม่รู้หรอกว่ากำลังเล่นอะไร แต่ก่วงลิ่งกงปฎิบัติต่อหนิวโหย่วเต๋ออย่างเอาจริงเอาจังนั้นเป็นเรื่องจริง ไม่เลอะเลือนจนเสียเปรียบเหมือนอิ๋งจิ่วกวง” ฮ่าวเต๋อฟางกล่าวเสียงเรียบ

แดนอเวจี ดาวอู๋เลี่ยง ในตึกศาลามีเสียงดัง “ปั้ง” หยางชิ่งโมโหจนตบโต๊ะยืนขึ้น แล้วเอามือไขว้หลังเดินไปเดินมา

ข่าวนี้แพร่ไปทั้งใต้หล้าแล้ว ฝั่งนี้จะไม่รู้ได้อย่างไร เขายังกังวลว่าเหมียวอี้จะสร้างปัญหาเข้ามาแทรก นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแล้วจริงๆ เห็นได้ชัดว่าก่วงลิ่งกงเป็นคนลงมือเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นตระกูลก่วงจะมีใครกล้าก่อความเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนี้ได้? ตอนหลังยังไม่รู้ว่าก่วงลิ่งกงยังมีแผนสำรองอะไรอีกหรือเปล่า! เขาคิดไม่ตกแล้ว เจ้าอยากจะฆ่าคนก็ฆ่าเฉยๆ สิเหมียวอี้ จำเป็นต้องลงมือโหดเหี้ยมเพื่อยั่วโมโหก่วงลิ่งกงด้วยเหรอ ไม่ดูเสียบ้างว่าตอนนี้เป็นเวลาอะไร!

จนใจที่เขาทำได้เพียงอัดอั้นความโกรธ ไม่สะดวกจะถามอะไรเหมียวอี้

จวนท่านปู่สวรรค์ ใต้ต้นไม้ใหญ่สูงระฟ้า เว่ยซูเดินมาข้างเก้าอี้นอน แล้วโน้มตัวถ่ายทอดเสียงบอกว่า “นายท่าน คนของหนิวโหย่วเต๋อติดต่อกับคนของพวกเราแล้วขอรับ ทั้งหมดเข้าประจำที่แล้ว”

เซี่ยโห้วลิ่งที่กำลังจ้องหน้าหนังสือตอบกลับเบาๆ “ให้เบื้องล่างปฏิบัติตามแผนทีละขั้นเถอะ”

“ขอรับ!” เว่ยซูเอ่ยรับคำสั่ง แล้วบอกอีกว่า “ยังมีอีกเรื่องหนึ่งขอรับ ทางก่วงลิ่งกงกับหนิวโหย่วเต๋อมีเรื่องกันแล้ว ไม่รู้ว่าทั้งสองกำลังเล่นลูกไม้อะไร มองไม่ออกเลยขอรับ…” เขาเล่าข่าวลือข้างนอกให้ฟังคร่าวๆ

ในที่สุดหนังสือที่บังอยู่ตรงหน้าก็ย้ายออกแล้ว เซี่ยโห้วลิ่งขมวดคิ้วลุกขึ้นยืน “หนิวโหย่วเต๋อกำลังเล่นลูกไม้อะไร ที่มันเวลาไหนแล้ว ยังจะก่อเรื่องอีกเหรอ? เจ้าถามเขาหน่อยว่าหมายความว่าอะไร สมองมีปัญหาหรือเปล่า?”

สำหรับเขา เรื่องในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ถูกเหมียวอี้โน้มน้าว ครั้งนี้ตระกูลเซี่ยโห้วทำเรื่องใหญ่ จะยอมให้เกิดความผิดพลาดง่ายๆ ไม่ได้ แต่ช่องโหว่เล็กน้อยจากฝั่งเหมียวอี้กลับทำให้เขากังวลใจ

ดาวไร้ลักษณ์ ตลาดสวรรค์ ในภัตตาคาร อวี้หลิง อวี้ซวี อวี้เลี่ยน แล้วก็เป่าเหลียนที่ปลอมตัวแล้วนั่งล้อมโต๊ะกัน กำลังรับประทานอย่างเอื่อยเฉื่อย ขณะเดียวกันก็ตั้งใจฟังคำจารณ์ของคนในภัตตาคาร

“หนิวโหย่วเต๋อนี่โหดเหี้ยมทารุณจนเคยตัวแล้วจริงๆ นึกถึงปีนั้นที่ฆ่าจนหัวคนเกลื่อนตลาดสวรรค์สิ”

“จุจุ ตัดลิ้น ควักลูกตา ตอนอวัยวะเพศ กรีดหนัง ท่านย่าเขาเถอะ ทั้งยังกรีดหนังทั้งเป็น ต้องเป็นความแค้นที่ใหญ่โตขนาดไหนกัน!”

“เฮ้อ เจ้าหนุ่มนั่นน่ะ เพื่อผู้หญิงแล้วทำตัวเหมือนหมาบ้าตลอด ฉู่จื่อซานที่น่านฟ้าระกาติงนั่นก็ถูกสับเป็นพันชิ้นหมื่นชิ้นไม่ใช่เหรอ ขนาดกับหัวหน้าภาคยังกล้าลงมือโหดขนาดนั้น นับประสาอะไรกับเกาเหยียนนั่น”

“นั่นไม่เหมือนกันนะ ฉู่จื่อซานมีภูมิหลังยังไงล่ะ? แล้วเกาเหยียนมีภูมิหลังยังไง? ลุงเขยของเกาเหยียนคืออ๋องสวรรค์ก่วงเชียวนะ!”

“อ๋องสวรรค์ก่วงเหรอ? ขนาดอ๋องสวรรค์อิ๋งยังกล้าสู้เลย ยังจะกลัวอะไรกับอ๋องสวรรค์ก่วง?”

“แต่จะว่าไปแล้ว เรื่องที่เจ้าหมอนั่นทำมาตลอดทาง ก็ไม่มีใครทำได้อีกแล้วจริงๆ จับใครได้ก็กัดคนนั้น เรียกว่าหมาบ้าก็ไม่ผิดเลยสักนิด”

“หลานชายข้าคนหนึ่งนับถือหนิวโหย่วเต๋อมาก ยังคิดอยู่เลยว่าจะหาโอกาสเข้าไปทำงานในจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลได้หรือเปล่า ตอนนี้หนิวโหย่วเต๋อโรคจิตไปหน่อย ไม่แปลกใจที่เอะอะก็เอาชีวิตลูกน้องไปปะทะ สงสัยจะไม่เห็นว่าชีวิตของลูกน้องนั้นสำคัญ เดี๋ยวกลับไปข้าต้องให้หลานชายข้าล้มเลิกความคิดนี้!”

พวกอวี้หลิงทำสายตาจริงจัง ต่างก็อยู่เงียบๆ โดยไม่พูดอะไร นึกไม่ถึงว่าเกาเหยียนถูกหนิวโหย่วเต๋อใช้วิธีการทารุณแบบนั้นเล่นงานถึงตาย เหมือนจะไม่มีความแค้นอะไรกัน แค่ด่าหนิวโหย่วเต๋อประโยคเดียวเอง พวกเขาไม่รู้ว่าในนระหว่างนั้นมีเรื่องอื่นปิดบังอยู่หรือเปล่า เป่าเหลียนกัดริมฝีปากเล็กน้อย

ที่พวกเขามาอยู่ที่ตลาดสวรรค์ของดาวเทียนหยวน ก็เป็นเพราะความคิดของเหมียวอี้ เพียงแต่พวกเขาไม่รู้ว่าเหมียวอี้ก็ซ่อนตัวอยู่ที่นี่เช่นเดียวกัน

แดนรัตติกาล ยังมีกำลังพลอีกสองหมื่นที่ยังไม่ย้ายออกไป หลงซิ่นรับหน้าที่เฝ้ารักษาการณ์จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล

ในตึกบนกำแพงจวนหัวหน้าภาค พลทหารคนหนึ่งที่มาจากตลาดผีเข้ามากระซิบข้างๆ หลงซิ่น “ตลาดสวรรค์ ข้างนอกลือกันคึกโครม ขนาดทางตลาดผียังเริ่มลือแล้ว เดี๋ยวต่อไปผู้ตรวจการใหญ่จะไม่มาเอาเรื่องหรือขอรับ?” ขณะที่พูดก็มองไปทางเรือนด้านในของจวนหัวหน้าภาค เขาไม่รู้ว่าเหมียวอี้ไม่อยู่ทางนี้แล้ว

หลงซิ่นนั่งนิ่งไม่ขยับไปไหน สีหน้ามืดครึ้ม ไม่ผิดหรอก เรื่องที่ทรมานเกาเหยียนจนตายเป็นฝีมือเขาเอง ทั้งยังลงมือด้วยตัวเองด้วย เพียงแต่เขานึกไม่ถึงว่าจะสร้างความเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ แล้วเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าเบื้องหลังมีปฏิบัติการใหญ่ของเหมียวอี้อยู่

คนทั่วไปคิดว่าเป็นแค่เรื่องคึกครื้น แต่เขาที่เคยอยู่ตำแหน่งโหวของตำหนักสวรรค์ย่อมตระหนักได้ถึงความผิดปกติของเรื่องนี้ สังเกตได้อย่างชัดเจนว่าตอนหลังยังมีอีกมือมาตีกวนเรื่องนี้อีก เขาไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เหมียวอี้จะทำในครั้งนี้หรือเปล่า เขาเริ่มกังวลแล้วว่าจะทำให้งานเหมียวอี้พังหรือไม่

………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+