พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1917 องครักษ์เงา

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1917 องครักษ์เงา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ความทรงพลังที่แผ่ซ่านออกมาจากลูกธนูสามดอกทำให้ใจคนสั่นสะท้าน แม่ทัพที่อยู่ข้างๆ อุทานในใจว่า ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขั้นเจ็ด!

ในมือสี่อ๋องสวรรค์มีก็มีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขั้นเจ็ดคนละหนึ่งคันเช่นกัน เพียงแต่ใช้กับลูกธนูดาวตกได้เพียงดอกเดียว ไม่ใช่ว่าอ๋องสวรรค์ไม่มีปัญญาใช้ แต่วิธีการหลอมสร้างอยู่ในมือประมุขชิงคนเดียว อาวุธที่อยู่ในมืออ๋องสวรรค์ก็ได้รับรางวัลมาจากประมุขชิงเช่นกัน ในมืออิ๋งจิ่วกวงย่อมมีอยู่แล้ว แต่เรือล่มในคลองแคบ ไม่ระวังจนทำตกอยู่ในมือเหมียวอี้แล้ว

ของวิเศษประเภทนี้ เวลาจะใช้งานสักครั้ง พลังงานที่เสียไปก็ไม่อาจใช้เงินเล็กน้อยซื้อเติมได้ พอยิงธนูหนึ่งดอก เกรงว่านักพรตทั่วไปคงหาเงินมาซื้อไม่ได้เลยทั้งชีวิต แต่อู๋ฉวี่กลับมีสามดอก

อู๋ฉวี่สายตาเย็นเยียบ คมธนูเล็งไปยังอิ๋งจิ่วกวงที่สังหารฝ่ามาตลอดทาง ง้างไว้แต่ไม่ยิง รอให้อิ๋งจิ่วกวงเข้ามาใกล้จนหลบไม่พ้น!

“ท่านอ๋อง ระวัง!”

อิ๋งจิ่วกวงบุกสังหารตลอดทาง มองไม่เห็นการเคลื่อนไหวของอู๋ฉวี่ แต่คนที่ตามเขาอยู่ข้างบนกลับเห็นแล้ว จึงร้องเตือนอย่างตกใจ

อิ๋งจิ่วกวงถล่มคนที่ขวางตรงหน้า แล้วเงยหน้ามองแวบหนึ่ง

บึ้มๆๆ! เสียงระเบิดดังสามครั่ง ขณะที่อิ๋งจิ่วกวงมองไปทางอู๋ฉวี่ อู๋ฉวี่ก็ปล่อยสายธนูจากนิ้วแล้วเช่นกัน ลำแสงเรืองรองสามสายวาดผ่านดาราจักรเข้ามา มีเสียงดังราวกับฟ้าผ่าเก้าครั้ง คลื่นที่มองไม่เห็นกระเพื่อมออกไปโดยมีอู๋ฉวี่เป็นจุดศูนย์กลาง สาดซัดออกไปจนแม่ทัพที่อยู่รอบกายร่างสั่นไหวราวกับอยู่กลางคลื่น

ภายใต้อานุภาพของลูกธนูสามดอกที่ยิงพร้อมกัน จุดที่ลำแสงยิงไปถึง คนที่วรยุทธ์แย่หน่อยก็ปลิวว่อนราวกับพายุหมุน

เกิดความเคลื่อนไหวจากของที่มีอานุภาพมหาศาลขนาดนี้กะทันหัน แทบจะดึงดูดให้ทุกคนมองตาม สะเทือนจิตใจของคนทั้งสนามรบ

อยู่ใกล้กับอู๋ฉวี่ไม่ไกลแล้ว ลูกธนูสามดอกที่อู๋ฉวี่ยิงออกมาในเวลานี้ต้องการคร่าชีวิตคนแล้วจริงๆ

“หลีกไป!”

ลูกน้องที่อยู่ข้างหลังคว้าโล่ขึ้นมากำบังอย่างฉุกละหุก ใครจะคิดว่าอิ๋งจิ่วกวงจะตะคอกแบบนี้ ไม่หลบหลีกใดๆ ตบฝ่ามือใส่ลูกธนูสามดอกที่ยิงเข้ามากลางอากาศ ป้ายคำสั่งที่ทำจากผลึกแดงบริสุทธิ์พลันยิงออกมา รับมือกับลำแสงสามสายที่ยิงเข้ามา

อิ๋งจิ่วกวงไม่มีแนวโน้มว่าจะลดความเร็ว ไล่ตามป้ายคำสั่งที่ยิงออกไป คนที่อยู่ข้างหลังเห็นแล้วเหงื่อแตก

ชั่วพริบตาที่ป้ายคำสั่งกับลำแสงสัมผัสกัน อิ๋งจิ่วกวงเปลี่ยนจากแบมือเป็นกำมือ ข้อนิ้วทั้งห้าเกิดเสียงกระดูก ป้ายคำสั่งผลึกแดงสามอันสั่นไหวและระเบิดออก ท่ามกลางฝุ่นโลหะ เงาสัตว์ประหลาดสามตัวปรากฏตัว งูเหลือมยักษ์ วานรยักษ์ วัวยักษ์ เงาที่ระเบิดออกมาทำให้ทหารรอบข้างปลิวกระเด็น

คนที่กำลังดูการต่อสู้ตกใจทันที ยันต์สะกดร่าง! นี่มันยันต์สะกดร่างขั้นที่เท่าไรกัน? หรือจะเป็นยันต์สะกดร่างขั้นเจ็ด?

ต้องทราบไว้ว่าภายใต้สถานการณ์ทั่วไป ยันต์สะกดร่างใช้ได้กับพลังงานระดับต่ำเท่านั้น สาเหตุก็ไม่ได้ซับซ้อน เพราะหนังสัตว์ไม่สามารถแบกรับการเก็บพลังงานที่แข็งแกร่งเดินไปได้ กอปรกับเป็นของที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง สิ้นเปลืองเกินไป ดังนั้นนักพรตระดับสูงจะไม่ใช่ของสิ่งนี้เลย แต่ดูจากยันต์สะกดร่างที่อิ๋งจิ่วกวงใช้ ก็ไม่เหมือนเอาหนังสัตว์มาทำเป็นตัวพาหะ แต่ใช้เครื่องมือผลึกแดงมาทำเป็นตัวพาหะ หมายความว่าอิ๋งจิ่วกวงมีวิธีการนำเครื่องมือโลหะมาหลอมสร้างให้มีความพิเศษเหมือนหนังสัตว์

ยันต์สะกดร่างขั้นเจ็ดเหรอ? อู๋ฉวี่หรี่ตาสองข้าง แค่มองปราดเดียวก็รู้จักแล้ว เขาพบว่าอิ๋งจิ่วกวงมีมือลับ ไม่เสียดายที่จะนำยาเจี๋ยตันขั้นเจ็ดมาหลอมสร้างของที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง

เงาสัตว์ประหลาดสามตัวที่ปรากฏในดาราจักรสยบลูกธนูดาวตกสามดอกไว้แล้ว แต่กลับผนึกอานุภาพการโจมตีที่พิเศษของลูกธนูดาวตกไม่ได้ อานุภาพการโจมตีจากลูกธนูดาวตกขั้นเจ็ดไม่ใช่สิ่งที่ยันต์สะกดร่างขั้นเจ็ดจะระงับไหว

บึ้มๆๆ! แทบจะชั่วอึดใจเดียว เงาสัตว์ประหลาดสามตัวระเบิดกลายเป็นลมสลายไป

ทว่าอานุภาพการโจมตีของลูกธนูดาวตกสามดอกก็ลดลงมากจริงๆ อิ๋งจิ่วกวงที่ถลันเข้ามาลงมือสองข้างพร้อมกัน มือซ้ายมือขวาคว้าจับอย่างต่อเนื่อง แย่งลูกธนูดาวตกสามดอกมาไว้ในมือ แล้วพลิกมือเก็บไว้แล้ว

ฝั่งทัพตะวันออกยังไม่ทันได้ร้องดีใจ ก็มีเสียงฟ้าผ่าเก้าครั้งดังจากมืออู๋ฉวี่แล้ว ลำแสงสามสายที่เหมือนคลื่นโหมสาดซัดถูกยิงออกมาอีกครั้ง

“ท่านอ๋อง!”

ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไรตกใจจนร้องเสียงหลง ทั้งสองฝ่ายอยู่ใกล้กันมาก ไม่มีทางหลบได้เลยจริงๆ

ทว่าชั่วพริบตาที่ลำแสงเข้ามาใกล้อิ๋งจิ่วกวง อิ๋งจิ่วกวงกลับหายไปในอากาศ ทำให้คนตกใจไม่หยุด

ลำแสงสามสายเฉียดผ่านอิ๋งจิ่วกวงที่หายตัวไป เสียงฟ้าร้องที่ดังมาตลอดทางทำให้กำลังพลข้างหลังอิ๋งจิ่วกวงแหว่งเป็นสามทาง ถล่มสังหารไปตลอดทาง ทะลุเกราะแดงบนตัวคนสิบคนต่อเนื่องกัน สังหารจนกระบวนทัพของอิ๋งจิ่วกวงปั่นป่วน

ไม่มีอานุภาพของการโจมตีกลุ่มแล้ว ตกอยู่ในสภาพการต่อสู้ด้วยความยากลำบากท่ามกลางทัพที่วุ่นวายทันที

อู๋ฉวี่กลับพลิกมือเก็บธนู เผยดาบใหญ่ที่คล้ายดาบพิฆาตอาชาออกมาแทน หรี่ตามองแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งที่ยิงเข้ามาตรงหน้าราวกับเป็นดาวตก

แหวนเก็บสมบัติที่พุ่งเข้ามาระเบิดเสียงดังปั้ง ท่ามกลางฝุ่นโลหะ อิ๋งจิ่วกวงพลันปรากฏตัว ทั้งตัวสวมเกราะรบองอาจ แต่กลับมีสามหัวหกแขน ถือทวนยาวหกด้ามกระโจนเข้ามาสังหารอู๋ฉวี่

คนที่สายตาแย่เพิ่งจะเข้าใจ เมื่อครู่นี้ที่อิ๋งจิ่วกวงหายไป ที่แท้ก็เข้าไปซ่อนตัวในแหวนเก็บสมบัตินี่เอง อาศัยความเล็กหลบอันตราย ไม่น่าเชื่อว่าขนาดอยู่ในจุดอันตรายแบบนั้นยังจะหลบการโจมตีจากลูกธนูดาวตกขั้นเจ็ดสามดอกได้ รับมือสถานการณ์ฉุกเฉินได้เหมือนเทพแบบนี้ ทำให้คนต้องอุทานด้วยความทึ่ง สมกับเป็นอ๋องสวรรค์อิ๋งที่ชื่อเสียงกระฉ่อนทั้งใต้หล้า

“ฆ่า!” ฝั่งอู๋ฉวี่ แม่ทัพใหญ่เกราะแดงกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้าไปสังหาร

อิ๋งจิ่วกวงที่มีสามหัวหกแขนเผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีจากสี่ด้านแปดทิศด้วยตัวคนเดียว ยังคงไม่ลดความเร็ว แม่ทัพใหญ่เกราะแดงถูกปาดพลิกด้วยทวนของเขาคนแล้วคนเล่า ชั่วพริบตาเดียวยอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์สิบกว่าคน ยอดฝีมือระดับบงกชกลายหลายสิบคนก็ตายด้วยทวนของเขา ทรงพลานุภาพ ห้าวหาญไร้ที่เปรียบ เข้าไปอยู่ในทัพที่วุ่นวายราวกับในนั้นไม่มีใคร บุกสังหารจนเกิดทางเลือดด้วยตัวคนเดียว พร้อมตะคอกว่า “โจรเฒ่าอู๋ฉวี่ รับความตายซะ!”

ยอดฝีมือมากมายขนาดนี้ยังต้านเขาไม่ไหว ถึงขั้นไม่อาจทำให้เขาหยุดก้าวไปข้างหน้าได้แม้แต่ก้าวเดียว!

กองทัพองครักษ์ที่เห็นฉากการต่อสู้กับตาตัวเองรู้สึกหนาวสั่นหวาดกลัว!

“ฆ่า!” สงฉีที่ดูฉากนี้จนเลือดเดือดคำรามอย่างเกรี้ยวกราด

ท่านอ๋องห้าวหาญขนาดนี้ ฝั่งทัพตะวันออกก็เลือดเดือดปุดๆ เช่นกัน ขวัญกำลังใจทหารโหมซัดสาด ร้องคำรามอยู่ท่ามกลางเสียงเข่นฆ่า ทุกคนล้วนห้าวหาญไม่กลัวตาย แสดงพลังแบบใช้หนึ่งคนต้านสิบคน!

“หลีกไป!” อู๋ฉวี่ตะโกน ถือดาบเฉียงไว้ในมือ ถลันตัวผ่านกลุ่มคนที่หลีกทางให้ทางหนึ่ง แล้วฟันปราณดาบที่สว่างเหมือนหิมะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

อิ๋งจิ่วกวงโบกทวนกระแทกเข้าไป ทำลายปราณดาบนั่นแล้ว ส่วนทวนอีกสองด้ามก็ไขว้กันต้านไว้ ค้ำดาบที่แหลมคม แล้วแทงทวนออกไปทางฝั่งซ้ายและขวาอย่างรวดเร็ว

อู๋ฉวี่ชักดาบออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วฟันไปทางซ้ายและขวาด้วยความเร็วที่ทำให้คนเห็นตาลาย เงาร่างของทั้งสองที่ต่อสู้กันรวดเร็วจนทำให้คนมองไม่ทัน เงาคนแวบไปแวบมาตัดสลับกัน การเข่นฆ่าอันดุเดือดส่งเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นไม่หยุด เหมือนสู้กันจนตัดสินแพ้ชนะไม่ได้สักที

แต่คนที่สายตาดีกลับมองออก ดาบใหญ่ของอู๋ฉวี่กำลังสู้กับหกร่างของอิ๋งจิ่วกวง ประกอบกับทวนยาวไร้เทียมทาน อู๋ฉวี่เสียเปรียบเกินไปแล้ว เหลือเพียงแรงต้าน

“ไสหัวไป!”

มีคนต้องการจะพุ่งเข้ามาช่วย แต่ถูกอู๋ฉวี่ตวาดให้ถอยกลับไป

แต่ในขณะนี้เอง โพ่จวินตามมาจากจุดลึกในดาราจักรอย่างรวดเร็ว เขาหยุดอยู่กลางอากาศ หลังจากมองเห็นสถานการณ์รบชัดเจนแล้ว กำลังพลจำนวนมากก็ปรากฏตัวอยู่ข้างหลัง รวมตัวตั้งขบวน แล้วสังหารฝ่าเข้าไปในขบวนรบโดยมีโพ่จวินเป็นผู้นำ ไม่พัวพันสู้กับทัพที่วุ่นวาย รวมตัวกันพุ่งไปหาอิ๋งจิ่วกวงกับอู๋ฉวี่ที่กำลังประมือกัน ผลักความยุ่งเหญิงออกไปตลอดทาง

เมื่อเห็นกำลังพลกลุ่มใหญ่ประชิดเข้าไปหาอิ๋งจิ่วกวง สงฉีก็บัญชาการกำลังพลที่อยู่ในทัพอันวุ่นวายให้มารวมตัวกัน แล้วไปดักไว้ทันที

ส่วนรองแม่ทัพของอู๋ฉวี่ก็บัญชาการให้กำลังพลเข้าไปโจมตีสกัดไว้

กำลังพลที่โพ่จวินนำมารวมตัวกันพุ่งโจมตีใส่อย่างหนาแน่น กำลังพลกลุ่มเล็กที่อยู่รอบข้างไม่มีทางฝ่าออกไปได้เลย จะรีบเข้าไปใกล้หาอิ๋งจิ่วกวง แต่อิ๋งจิ่วกวงก็ดันถูกอู๋ฉวี่พัวพันไว้อีก สามารถเอาชนะอู๋ฉวี่ได้ แต่กลับเอาชนะโดยเร็วไม่ได้

“ท่านอ๋อง! รีบถอนตัวออกมา!” มีคนตะโกนบอกอย่างร้อนใจ

อิ๋งจิ่วกวงก็สังเกตได้ถึงความไม่ชอบมาพากลแล้วเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าอู๋ฉวี่ต้องการจะหน่วงเหนี่ยวเขาเอาไว้ อยากจะถอยแต่ก็สายไปแล้ว พอทัพกลางฝั่งกองทัพองครักษ์เห็นโพ่จวินมาถึง ยอดฝีมือจำนวนมากที่คุ้มกันทัพกลางก็พุ่งเข้ามาทันที ยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ความร่วมมือกับอู๋ฉวี่ กอปรกับการโจมตีเฉียบแหลมของอู๋ฉวี่ ชั่วขณะนั้นทำให้อิ๋งจิ่วกวงราวกับตกอยู่ในบ่อโคลน

ยิ่งไปกว่านั้น จู่ๆ โพ่จวินก็ออกจากกำลังพลทัพใหญ่ นำคนสังหารมาแค่สี่ห้าคนเท่านั้น มาเข้าร่วมวงล้อมโจมตีอิ๋งจิ่วกวง ภายใต้ความร่วมมือของโพ่จวินกับอู๋ฉวี่ อิ๋งจิ่วกวงที่มีสามหัวหกแขนโดนพัวพันไว้ที่เดิม อยากที่จะปลีกตัวออกมาได้

ทว่าอิ๋งจิ่วกวงก็ร้ายกาจจริงๆ นอกจากจะต้านการรุกโจมตีของยอดฝีมือมากมายพร้อมกันแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าบนตัวจะมีลำแสงสีขาวแผ่ออกมาชั้นหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าจะต้านไม่ให้แสงจากอาวุธเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาแทรกซึมเข้ามา รับมือกับศึกอันชุลมุนวุ่นวายได้อย่างอิสระ ให้ความรู้สึกว่าคนช่างเหมาะสมกับชื่อ[1]

เมื่อเห็นว่าในทัพชุลมุนมีกำลังพลรวมตัวกันพุ่งเข้ามาใกล้อิ๋งจิ่วกวงขึ้นเรื่อยๆ สงฉีก็บัญชาการให้กำลังพลบุกโจมตีไปทางนั้นอย่างบ้าคลั่ง หวังจะช่วยให้อิ๋งจิ่วกวงฝ่าวิกฤต ไม่อย่างนั้นถ้าถูกกำลังพลมากมายขนาดนั้นล้อมไว้ ผลที่ตามมาก็เลวร้ายจนไม่อยากจะคิด ทว่าพวกเขากลับโดนกำลังพลฝ่ายตรงข้ามมาดักไว้แล้ว

สงฉีบัญชาการให้ยอดฝีมือในทัพชุลมุนไปรวมตัวกันที่ฝั่งอิ๋งจิ่วกวงอีก มีหรือที่กองทัพองครักษ์จะปล่อยให้เขาสมหวัง บัญชาการให้คนไปดักพัวพันไว้

ในช่วงเวลาคับขัน ข้างกายอิ๋งจิ่วกวงที่แทงทวนต่อเนื่องหลายสิบครั้งเพื่อฝ่าวงล้อมก็พลันปรากฏกำลังพลหลายร้อย ไม่น่าเชื่อว่าทั้งหมดจะเป็นสตรี แต่ละคนโบกอาวุธเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาตั้งขบวนรบล้อมพิทักษ์อิ๋งจิ่วกวงที่ฝ่าวงล้อม ลำแสงหลายสีไขว้ตัดสลับกันราวกับตาข่าย กดดันจนโพ่จวินกับอู๋ฉวี่ต้องหลบหลีก

โพ่จวินกับอู๋ฉวี่ถลันหลบแยกกัน พวกเขาโบกมือหนึ่งครั้ง ตรงหน้าทั้งสองก็มีคนนับร้อยที่สวมเกราะรบผลึกแดงลายสัตว์ปีศาจปรากฏตัวขึ้น เกราะหัวก็แปลกเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าจะปิดคลุมไว้ทั้งศีรษะแล้ว เผยเพียงดวงตาสองข้าง ทำให้มองไม่ออกว่าเป็นใคร

“องครักษ์เงา!” อิ๋งจิ่วกวงที่มองข้างหน้าข้างหลังตะคอกเสียงต่ำ ความคับแค้นในดวงตายากจะบรรยายออกมาได้ เพื่อที่จะรับมือเขา องครักษ์เงาที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าฝูงชน ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้ถูกประมุขชิงส่งมาแล้ว ทั้งยังส่งมาสองร้อยคน อีกฝ่ายต้องการจะเล่นงานเขาให้ถึงตายจริงๆ!

“สังหาร!” โพ่จวินกับอู๋ฉวี่ชี้ไปทางอิ๋งจิ่วกวง

องครักษ์เงาสองร้อย ดาบใหญ่สีแดงสดสองด้ามอยู่ในมือพวกเขา พุ่งโจมตีเข้ามาอย่างฉับพลัน มองข้ามตาข่ายลำแสงเจ็ดอารมณ์หกปรารถยา บุกโจมตีเข้าไปโดยตรงอย่างห้าวหาญ

ใช้เวลาไม่นาน ในนั้นก็มีปราณดาบไขว้ตัดสลับกันหนาแน่นเหมือนป่า สังหารจนมีเสียงสตรีกรีดร้องเป็นพักๆ

แทบจะเป็นเวลาเดียวกัน ทัพใหญ่ที่โพ่จวินพามาเข้าทัพชุลมุนสังหารมาถึงตัวแล้ว

“กวาดล้าง!” โพ่จวินชี้ทางซ้ายและขวา ทัพใหญ่รีบแยกไปฝั่งซ้ายขวาเพื่อกวาดล้างทัพชุลมุนรอบๆ โดยเอาจุดล้อมโจมตีให้เป็นจุดศูนย์กลาง ล้อมจุดที่ทำศึกเดือดกับอิ๋งจิ่วกวงเอาไว้หลายชั้น กำลังผลหลายล้านที่อยู่วงในนำธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ออกมาพร้อมกัน ทั้งหมดชี้ไปยังจุดที่ต่อสู้กัน

“กองทัพทั้งหมด สังหารตามข้ามา!” สงฉีจะโกนอย่างดุดัน นำยอดฝีมือทั้งหมดของทัพกลางสังหารเข้ามาด้วยตัวเอง ต้องการจะดิ้นรนช่วยให้อิ๋งจิ่วกวงฝ่าวงล้อม

“ถอย!” โพ่จวินกับอู๋ฉวี่ส่งสายตาให้กันแล้วก็ตะโกนบอกพร้อมกัน กำลังพลองครักษ์เงาถลันตัวถอยพอดี

อิ๋งจิ่วกวงจะให้พวกเขาถอยไปได้อย่างไร จะต้องพัวพันเอาไว้สุดชีวิตแน่นอน ไม่อย่างนั้นถ้าคนพวกนี้ปลีกตัวออกไปได้ ก็จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่โดนลูกนับหมื่นยิงพร้อมกัน

ทว่าดวงตาของสมาชิกองครักษ์เงาพลันสะท้อนแสงสีแดงสด เงาดาบฟันไปที่อิ๋งจิ่วกวงอย่างบ้าระห่ำราวกับคลื่นคลั่ง อิ๋งจิ่วกวงใช้หกทวนพร้อมกันถึงต้านเงาดาบที่หนาแน่นพวกนั้นได้

ท่ามกลางเสียงโครมครามดังสนั่นหู องครักษ์เงาพวกนั้นถลันตัวถอยออกไปได้อย่างราบรื่น แต่อิ๋งจิ่วกวงกลับโซเซถอยหลังหลายก้าวกว่าจะยืนนิ่งได้ ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดผวา

“ยิงธนู!” พอคนของตัวเองถอยออก โพ่จวินก็โบกมือออกคำสั่งอย่างไม่ลังเล

…………………………

[1] จิ่วกวง 九光 แปลว่าเก้าแสง

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1917 องครักษ์เงา

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1917 องครักษ์เงา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ความทรงพลังที่แผ่ซ่านออกมาจากลูกธนูสามดอกทำให้ใจคนสั่นสะท้าน แม่ทัพที่อยู่ข้างๆ อุทานในใจว่า ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขั้นเจ็ด!

ในมือสี่อ๋องสวรรค์มีก็มีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขั้นเจ็ดคนละหนึ่งคันเช่นกัน เพียงแต่ใช้กับลูกธนูดาวตกได้เพียงดอกเดียว ไม่ใช่ว่าอ๋องสวรรค์ไม่มีปัญญาใช้ แต่วิธีการหลอมสร้างอยู่ในมือประมุขชิงคนเดียว อาวุธที่อยู่ในมืออ๋องสวรรค์ก็ได้รับรางวัลมาจากประมุขชิงเช่นกัน ในมืออิ๋งจิ่วกวงย่อมมีอยู่แล้ว แต่เรือล่มในคลองแคบ ไม่ระวังจนทำตกอยู่ในมือเหมียวอี้แล้ว

ของวิเศษประเภทนี้ เวลาจะใช้งานสักครั้ง พลังงานที่เสียไปก็ไม่อาจใช้เงินเล็กน้อยซื้อเติมได้ พอยิงธนูหนึ่งดอก เกรงว่านักพรตทั่วไปคงหาเงินมาซื้อไม่ได้เลยทั้งชีวิต แต่อู๋ฉวี่กลับมีสามดอก

อู๋ฉวี่สายตาเย็นเยียบ คมธนูเล็งไปยังอิ๋งจิ่วกวงที่สังหารฝ่ามาตลอดทาง ง้างไว้แต่ไม่ยิง รอให้อิ๋งจิ่วกวงเข้ามาใกล้จนหลบไม่พ้น!

“ท่านอ๋อง ระวัง!”

อิ๋งจิ่วกวงบุกสังหารตลอดทาง มองไม่เห็นการเคลื่อนไหวของอู๋ฉวี่ แต่คนที่ตามเขาอยู่ข้างบนกลับเห็นแล้ว จึงร้องเตือนอย่างตกใจ

อิ๋งจิ่วกวงถล่มคนที่ขวางตรงหน้า แล้วเงยหน้ามองแวบหนึ่ง

บึ้มๆๆ! เสียงระเบิดดังสามครั่ง ขณะที่อิ๋งจิ่วกวงมองไปทางอู๋ฉวี่ อู๋ฉวี่ก็ปล่อยสายธนูจากนิ้วแล้วเช่นกัน ลำแสงเรืองรองสามสายวาดผ่านดาราจักรเข้ามา มีเสียงดังราวกับฟ้าผ่าเก้าครั้ง คลื่นที่มองไม่เห็นกระเพื่อมออกไปโดยมีอู๋ฉวี่เป็นจุดศูนย์กลาง สาดซัดออกไปจนแม่ทัพที่อยู่รอบกายร่างสั่นไหวราวกับอยู่กลางคลื่น

ภายใต้อานุภาพของลูกธนูสามดอกที่ยิงพร้อมกัน จุดที่ลำแสงยิงไปถึง คนที่วรยุทธ์แย่หน่อยก็ปลิวว่อนราวกับพายุหมุน

เกิดความเคลื่อนไหวจากของที่มีอานุภาพมหาศาลขนาดนี้กะทันหัน แทบจะดึงดูดให้ทุกคนมองตาม สะเทือนจิตใจของคนทั้งสนามรบ

อยู่ใกล้กับอู๋ฉวี่ไม่ไกลแล้ว ลูกธนูสามดอกที่อู๋ฉวี่ยิงออกมาในเวลานี้ต้องการคร่าชีวิตคนแล้วจริงๆ

“หลีกไป!”

ลูกน้องที่อยู่ข้างหลังคว้าโล่ขึ้นมากำบังอย่างฉุกละหุก ใครจะคิดว่าอิ๋งจิ่วกวงจะตะคอกแบบนี้ ไม่หลบหลีกใดๆ ตบฝ่ามือใส่ลูกธนูสามดอกที่ยิงเข้ามากลางอากาศ ป้ายคำสั่งที่ทำจากผลึกแดงบริสุทธิ์พลันยิงออกมา รับมือกับลำแสงสามสายที่ยิงเข้ามา

อิ๋งจิ่วกวงไม่มีแนวโน้มว่าจะลดความเร็ว ไล่ตามป้ายคำสั่งที่ยิงออกไป คนที่อยู่ข้างหลังเห็นแล้วเหงื่อแตก

ชั่วพริบตาที่ป้ายคำสั่งกับลำแสงสัมผัสกัน อิ๋งจิ่วกวงเปลี่ยนจากแบมือเป็นกำมือ ข้อนิ้วทั้งห้าเกิดเสียงกระดูก ป้ายคำสั่งผลึกแดงสามอันสั่นไหวและระเบิดออก ท่ามกลางฝุ่นโลหะ เงาสัตว์ประหลาดสามตัวปรากฏตัว งูเหลือมยักษ์ วานรยักษ์ วัวยักษ์ เงาที่ระเบิดออกมาทำให้ทหารรอบข้างปลิวกระเด็น

คนที่กำลังดูการต่อสู้ตกใจทันที ยันต์สะกดร่าง! นี่มันยันต์สะกดร่างขั้นที่เท่าไรกัน? หรือจะเป็นยันต์สะกดร่างขั้นเจ็ด?

ต้องทราบไว้ว่าภายใต้สถานการณ์ทั่วไป ยันต์สะกดร่างใช้ได้กับพลังงานระดับต่ำเท่านั้น สาเหตุก็ไม่ได้ซับซ้อน เพราะหนังสัตว์ไม่สามารถแบกรับการเก็บพลังงานที่แข็งแกร่งเดินไปได้ กอปรกับเป็นของที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง สิ้นเปลืองเกินไป ดังนั้นนักพรตระดับสูงจะไม่ใช่ของสิ่งนี้เลย แต่ดูจากยันต์สะกดร่างที่อิ๋งจิ่วกวงใช้ ก็ไม่เหมือนเอาหนังสัตว์มาทำเป็นตัวพาหะ แต่ใช้เครื่องมือผลึกแดงมาทำเป็นตัวพาหะ หมายความว่าอิ๋งจิ่วกวงมีวิธีการนำเครื่องมือโลหะมาหลอมสร้างให้มีความพิเศษเหมือนหนังสัตว์

ยันต์สะกดร่างขั้นเจ็ดเหรอ? อู๋ฉวี่หรี่ตาสองข้าง แค่มองปราดเดียวก็รู้จักแล้ว เขาพบว่าอิ๋งจิ่วกวงมีมือลับ ไม่เสียดายที่จะนำยาเจี๋ยตันขั้นเจ็ดมาหลอมสร้างของที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง

เงาสัตว์ประหลาดสามตัวที่ปรากฏในดาราจักรสยบลูกธนูดาวตกสามดอกไว้แล้ว แต่กลับผนึกอานุภาพการโจมตีที่พิเศษของลูกธนูดาวตกไม่ได้ อานุภาพการโจมตีจากลูกธนูดาวตกขั้นเจ็ดไม่ใช่สิ่งที่ยันต์สะกดร่างขั้นเจ็ดจะระงับไหว

บึ้มๆๆ! แทบจะชั่วอึดใจเดียว เงาสัตว์ประหลาดสามตัวระเบิดกลายเป็นลมสลายไป

ทว่าอานุภาพการโจมตีของลูกธนูดาวตกสามดอกก็ลดลงมากจริงๆ อิ๋งจิ่วกวงที่ถลันเข้ามาลงมือสองข้างพร้อมกัน มือซ้ายมือขวาคว้าจับอย่างต่อเนื่อง แย่งลูกธนูดาวตกสามดอกมาไว้ในมือ แล้วพลิกมือเก็บไว้แล้ว

ฝั่งทัพตะวันออกยังไม่ทันได้ร้องดีใจ ก็มีเสียงฟ้าผ่าเก้าครั้งดังจากมืออู๋ฉวี่แล้ว ลำแสงสามสายที่เหมือนคลื่นโหมสาดซัดถูกยิงออกมาอีกครั้ง

“ท่านอ๋อง!”

ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไรตกใจจนร้องเสียงหลง ทั้งสองฝ่ายอยู่ใกล้กันมาก ไม่มีทางหลบได้เลยจริงๆ

ทว่าชั่วพริบตาที่ลำแสงเข้ามาใกล้อิ๋งจิ่วกวง อิ๋งจิ่วกวงกลับหายไปในอากาศ ทำให้คนตกใจไม่หยุด

ลำแสงสามสายเฉียดผ่านอิ๋งจิ่วกวงที่หายตัวไป เสียงฟ้าร้องที่ดังมาตลอดทางทำให้กำลังพลข้างหลังอิ๋งจิ่วกวงแหว่งเป็นสามทาง ถล่มสังหารไปตลอดทาง ทะลุเกราะแดงบนตัวคนสิบคนต่อเนื่องกัน สังหารจนกระบวนทัพของอิ๋งจิ่วกวงปั่นป่วน

ไม่มีอานุภาพของการโจมตีกลุ่มแล้ว ตกอยู่ในสภาพการต่อสู้ด้วยความยากลำบากท่ามกลางทัพที่วุ่นวายทันที

อู๋ฉวี่กลับพลิกมือเก็บธนู เผยดาบใหญ่ที่คล้ายดาบพิฆาตอาชาออกมาแทน หรี่ตามองแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งที่ยิงเข้ามาตรงหน้าราวกับเป็นดาวตก

แหวนเก็บสมบัติที่พุ่งเข้ามาระเบิดเสียงดังปั้ง ท่ามกลางฝุ่นโลหะ อิ๋งจิ่วกวงพลันปรากฏตัว ทั้งตัวสวมเกราะรบองอาจ แต่กลับมีสามหัวหกแขน ถือทวนยาวหกด้ามกระโจนเข้ามาสังหารอู๋ฉวี่

คนที่สายตาแย่เพิ่งจะเข้าใจ เมื่อครู่นี้ที่อิ๋งจิ่วกวงหายไป ที่แท้ก็เข้าไปซ่อนตัวในแหวนเก็บสมบัตินี่เอง อาศัยความเล็กหลบอันตราย ไม่น่าเชื่อว่าขนาดอยู่ในจุดอันตรายแบบนั้นยังจะหลบการโจมตีจากลูกธนูดาวตกขั้นเจ็ดสามดอกได้ รับมือสถานการณ์ฉุกเฉินได้เหมือนเทพแบบนี้ ทำให้คนต้องอุทานด้วยความทึ่ง สมกับเป็นอ๋องสวรรค์อิ๋งที่ชื่อเสียงกระฉ่อนทั้งใต้หล้า

“ฆ่า!” ฝั่งอู๋ฉวี่ แม่ทัพใหญ่เกราะแดงกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้าไปสังหาร

อิ๋งจิ่วกวงที่มีสามหัวหกแขนเผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีจากสี่ด้านแปดทิศด้วยตัวคนเดียว ยังคงไม่ลดความเร็ว แม่ทัพใหญ่เกราะแดงถูกปาดพลิกด้วยทวนของเขาคนแล้วคนเล่า ชั่วพริบตาเดียวยอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์สิบกว่าคน ยอดฝีมือระดับบงกชกลายหลายสิบคนก็ตายด้วยทวนของเขา ทรงพลานุภาพ ห้าวหาญไร้ที่เปรียบ เข้าไปอยู่ในทัพที่วุ่นวายราวกับในนั้นไม่มีใคร บุกสังหารจนเกิดทางเลือดด้วยตัวคนเดียว พร้อมตะคอกว่า “โจรเฒ่าอู๋ฉวี่ รับความตายซะ!”

ยอดฝีมือมากมายขนาดนี้ยังต้านเขาไม่ไหว ถึงขั้นไม่อาจทำให้เขาหยุดก้าวไปข้างหน้าได้แม้แต่ก้าวเดียว!

กองทัพองครักษ์ที่เห็นฉากการต่อสู้กับตาตัวเองรู้สึกหนาวสั่นหวาดกลัว!

“ฆ่า!” สงฉีที่ดูฉากนี้จนเลือดเดือดคำรามอย่างเกรี้ยวกราด

ท่านอ๋องห้าวหาญขนาดนี้ ฝั่งทัพตะวันออกก็เลือดเดือดปุดๆ เช่นกัน ขวัญกำลังใจทหารโหมซัดสาด ร้องคำรามอยู่ท่ามกลางเสียงเข่นฆ่า ทุกคนล้วนห้าวหาญไม่กลัวตาย แสดงพลังแบบใช้หนึ่งคนต้านสิบคน!

“หลีกไป!” อู๋ฉวี่ตะโกน ถือดาบเฉียงไว้ในมือ ถลันตัวผ่านกลุ่มคนที่หลีกทางให้ทางหนึ่ง แล้วฟันปราณดาบที่สว่างเหมือนหิมะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

อิ๋งจิ่วกวงโบกทวนกระแทกเข้าไป ทำลายปราณดาบนั่นแล้ว ส่วนทวนอีกสองด้ามก็ไขว้กันต้านไว้ ค้ำดาบที่แหลมคม แล้วแทงทวนออกไปทางฝั่งซ้ายและขวาอย่างรวดเร็ว

อู๋ฉวี่ชักดาบออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วฟันไปทางซ้ายและขวาด้วยความเร็วที่ทำให้คนเห็นตาลาย เงาร่างของทั้งสองที่ต่อสู้กันรวดเร็วจนทำให้คนมองไม่ทัน เงาคนแวบไปแวบมาตัดสลับกัน การเข่นฆ่าอันดุเดือดส่งเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นไม่หยุด เหมือนสู้กันจนตัดสินแพ้ชนะไม่ได้สักที

แต่คนที่สายตาดีกลับมองออก ดาบใหญ่ของอู๋ฉวี่กำลังสู้กับหกร่างของอิ๋งจิ่วกวง ประกอบกับทวนยาวไร้เทียมทาน อู๋ฉวี่เสียเปรียบเกินไปแล้ว เหลือเพียงแรงต้าน

“ไสหัวไป!”

มีคนต้องการจะพุ่งเข้ามาช่วย แต่ถูกอู๋ฉวี่ตวาดให้ถอยกลับไป

แต่ในขณะนี้เอง โพ่จวินตามมาจากจุดลึกในดาราจักรอย่างรวดเร็ว เขาหยุดอยู่กลางอากาศ หลังจากมองเห็นสถานการณ์รบชัดเจนแล้ว กำลังพลจำนวนมากก็ปรากฏตัวอยู่ข้างหลัง รวมตัวตั้งขบวน แล้วสังหารฝ่าเข้าไปในขบวนรบโดยมีโพ่จวินเป็นผู้นำ ไม่พัวพันสู้กับทัพที่วุ่นวาย รวมตัวกันพุ่งไปหาอิ๋งจิ่วกวงกับอู๋ฉวี่ที่กำลังประมือกัน ผลักความยุ่งเหญิงออกไปตลอดทาง

เมื่อเห็นกำลังพลกลุ่มใหญ่ประชิดเข้าไปหาอิ๋งจิ่วกวง สงฉีก็บัญชาการกำลังพลที่อยู่ในทัพอันวุ่นวายให้มารวมตัวกัน แล้วไปดักไว้ทันที

ส่วนรองแม่ทัพของอู๋ฉวี่ก็บัญชาการให้กำลังพลเข้าไปโจมตีสกัดไว้

กำลังพลที่โพ่จวินนำมารวมตัวกันพุ่งโจมตีใส่อย่างหนาแน่น กำลังพลกลุ่มเล็กที่อยู่รอบข้างไม่มีทางฝ่าออกไปได้เลย จะรีบเข้าไปใกล้หาอิ๋งจิ่วกวง แต่อิ๋งจิ่วกวงก็ดันถูกอู๋ฉวี่พัวพันไว้อีก สามารถเอาชนะอู๋ฉวี่ได้ แต่กลับเอาชนะโดยเร็วไม่ได้

“ท่านอ๋อง! รีบถอนตัวออกมา!” มีคนตะโกนบอกอย่างร้อนใจ

อิ๋งจิ่วกวงก็สังเกตได้ถึงความไม่ชอบมาพากลแล้วเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าอู๋ฉวี่ต้องการจะหน่วงเหนี่ยวเขาเอาไว้ อยากจะถอยแต่ก็สายไปแล้ว พอทัพกลางฝั่งกองทัพองครักษ์เห็นโพ่จวินมาถึง ยอดฝีมือจำนวนมากที่คุ้มกันทัพกลางก็พุ่งเข้ามาทันที ยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ความร่วมมือกับอู๋ฉวี่ กอปรกับการโจมตีเฉียบแหลมของอู๋ฉวี่ ชั่วขณะนั้นทำให้อิ๋งจิ่วกวงราวกับตกอยู่ในบ่อโคลน

ยิ่งไปกว่านั้น จู่ๆ โพ่จวินก็ออกจากกำลังพลทัพใหญ่ นำคนสังหารมาแค่สี่ห้าคนเท่านั้น มาเข้าร่วมวงล้อมโจมตีอิ๋งจิ่วกวง ภายใต้ความร่วมมือของโพ่จวินกับอู๋ฉวี่ อิ๋งจิ่วกวงที่มีสามหัวหกแขนโดนพัวพันไว้ที่เดิม อยากที่จะปลีกตัวออกมาได้

ทว่าอิ๋งจิ่วกวงก็ร้ายกาจจริงๆ นอกจากจะต้านการรุกโจมตีของยอดฝีมือมากมายพร้อมกันแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าบนตัวจะมีลำแสงสีขาวแผ่ออกมาชั้นหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าจะต้านไม่ให้แสงจากอาวุธเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาแทรกซึมเข้ามา รับมือกับศึกอันชุลมุนวุ่นวายได้อย่างอิสระ ให้ความรู้สึกว่าคนช่างเหมาะสมกับชื่อ[1]

เมื่อเห็นว่าในทัพชุลมุนมีกำลังพลรวมตัวกันพุ่งเข้ามาใกล้อิ๋งจิ่วกวงขึ้นเรื่อยๆ สงฉีก็บัญชาการให้กำลังพลบุกโจมตีไปทางนั้นอย่างบ้าคลั่ง หวังจะช่วยให้อิ๋งจิ่วกวงฝ่าวิกฤต ไม่อย่างนั้นถ้าถูกกำลังพลมากมายขนาดนั้นล้อมไว้ ผลที่ตามมาก็เลวร้ายจนไม่อยากจะคิด ทว่าพวกเขากลับโดนกำลังพลฝ่ายตรงข้ามมาดักไว้แล้ว

สงฉีบัญชาการให้ยอดฝีมือในทัพชุลมุนไปรวมตัวกันที่ฝั่งอิ๋งจิ่วกวงอีก มีหรือที่กองทัพองครักษ์จะปล่อยให้เขาสมหวัง บัญชาการให้คนไปดักพัวพันไว้

ในช่วงเวลาคับขัน ข้างกายอิ๋งจิ่วกวงที่แทงทวนต่อเนื่องหลายสิบครั้งเพื่อฝ่าวงล้อมก็พลันปรากฏกำลังพลหลายร้อย ไม่น่าเชื่อว่าทั้งหมดจะเป็นสตรี แต่ละคนโบกอาวุธเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาตั้งขบวนรบล้อมพิทักษ์อิ๋งจิ่วกวงที่ฝ่าวงล้อม ลำแสงหลายสีไขว้ตัดสลับกันราวกับตาข่าย กดดันจนโพ่จวินกับอู๋ฉวี่ต้องหลบหลีก

โพ่จวินกับอู๋ฉวี่ถลันหลบแยกกัน พวกเขาโบกมือหนึ่งครั้ง ตรงหน้าทั้งสองก็มีคนนับร้อยที่สวมเกราะรบผลึกแดงลายสัตว์ปีศาจปรากฏตัวขึ้น เกราะหัวก็แปลกเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าจะปิดคลุมไว้ทั้งศีรษะแล้ว เผยเพียงดวงตาสองข้าง ทำให้มองไม่ออกว่าเป็นใคร

“องครักษ์เงา!” อิ๋งจิ่วกวงที่มองข้างหน้าข้างหลังตะคอกเสียงต่ำ ความคับแค้นในดวงตายากจะบรรยายออกมาได้ เพื่อที่จะรับมือเขา องครักษ์เงาที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าฝูงชน ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้ถูกประมุขชิงส่งมาแล้ว ทั้งยังส่งมาสองร้อยคน อีกฝ่ายต้องการจะเล่นงานเขาให้ถึงตายจริงๆ!

“สังหาร!” โพ่จวินกับอู๋ฉวี่ชี้ไปทางอิ๋งจิ่วกวง

องครักษ์เงาสองร้อย ดาบใหญ่สีแดงสดสองด้ามอยู่ในมือพวกเขา พุ่งโจมตีเข้ามาอย่างฉับพลัน มองข้ามตาข่ายลำแสงเจ็ดอารมณ์หกปรารถยา บุกโจมตีเข้าไปโดยตรงอย่างห้าวหาญ

ใช้เวลาไม่นาน ในนั้นก็มีปราณดาบไขว้ตัดสลับกันหนาแน่นเหมือนป่า สังหารจนมีเสียงสตรีกรีดร้องเป็นพักๆ

แทบจะเป็นเวลาเดียวกัน ทัพใหญ่ที่โพ่จวินพามาเข้าทัพชุลมุนสังหารมาถึงตัวแล้ว

“กวาดล้าง!” โพ่จวินชี้ทางซ้ายและขวา ทัพใหญ่รีบแยกไปฝั่งซ้ายขวาเพื่อกวาดล้างทัพชุลมุนรอบๆ โดยเอาจุดล้อมโจมตีให้เป็นจุดศูนย์กลาง ล้อมจุดที่ทำศึกเดือดกับอิ๋งจิ่วกวงเอาไว้หลายชั้น กำลังผลหลายล้านที่อยู่วงในนำธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ออกมาพร้อมกัน ทั้งหมดชี้ไปยังจุดที่ต่อสู้กัน

“กองทัพทั้งหมด สังหารตามข้ามา!” สงฉีจะโกนอย่างดุดัน นำยอดฝีมือทั้งหมดของทัพกลางสังหารเข้ามาด้วยตัวเอง ต้องการจะดิ้นรนช่วยให้อิ๋งจิ่วกวงฝ่าวงล้อม

“ถอย!” โพ่จวินกับอู๋ฉวี่ส่งสายตาให้กันแล้วก็ตะโกนบอกพร้อมกัน กำลังพลองครักษ์เงาถลันตัวถอยพอดี

อิ๋งจิ่วกวงจะให้พวกเขาถอยไปได้อย่างไร จะต้องพัวพันเอาไว้สุดชีวิตแน่นอน ไม่อย่างนั้นถ้าคนพวกนี้ปลีกตัวออกไปได้ ก็จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่โดนลูกนับหมื่นยิงพร้อมกัน

ทว่าดวงตาของสมาชิกองครักษ์เงาพลันสะท้อนแสงสีแดงสด เงาดาบฟันไปที่อิ๋งจิ่วกวงอย่างบ้าระห่ำราวกับคลื่นคลั่ง อิ๋งจิ่วกวงใช้หกทวนพร้อมกันถึงต้านเงาดาบที่หนาแน่นพวกนั้นได้

ท่ามกลางเสียงโครมครามดังสนั่นหู องครักษ์เงาพวกนั้นถลันตัวถอยออกไปได้อย่างราบรื่น แต่อิ๋งจิ่วกวงกลับโซเซถอยหลังหลายก้าวกว่าจะยืนนิ่งได้ ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดผวา

“ยิงธนู!” พอคนของตัวเองถอยออก โพ่จวินก็โบกมือออกคำสั่งอย่างไม่ลังเล

…………………………

[1] จิ่วกวง 九光 แปลว่าเก้าแสง

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+