พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1920 ทำสำเร็จแล้วถอนตัว

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1920 ทำสำเร็จแล้วถอนตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนนี้เกาก้วนถึงได้ทำสีหน้าครุ่นคิดอย่างจริงจัง สุดท้ายก็ส่ายหน้าบอกว่า “ไม่เหมาะสมขอรับ!”

“อ้อ!” ประมุขชิงเดินเนิบนาบกลับไปนั่งที่เดิม จ้องเกาก้วนพร้อมถามว่า “ไม่เหมาะยังไง?”

เกาก้วนตอบเสียงเรียบว่า “ถึงยังไงตระกูลเซี่ยโห้วก็เป็นตระกูลของราชินีสวรรค์ กำลังพลห้าสิบล้านจะว่ามากก็ไม่มาก จะว่าน้อยก็ไม่น้อย การที่สามารถติดตามลิ่งหูโต้วจ้งไปในเวลานี้ได้ แสดงว่าต้องเป็นกำลังพลสายตรงของลิ่งหูโต้วจ้งแน่นอน เกรงว่าพลังรบคงไม่อ่อนแอ ไม่สะดวกจะให้เหนียงเหนียงกุมไว้”

ประมุขชิงกลับไม่กังวลเรื่องนี้เลยสักนิด “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก ข้าย่อมมีการพิจารณาของตัวเองอยู่แล้ว”

เกาก้วนจึงบอกว่า “คาดว่าตระกูลที่เหลือคงไม่อยากเห็นลิ่งหูโต้วจ้งตกอยู่ในมือคนอื่น แดนรัตติกาลคืออาณาเขตของหนิวโหย่วเต๋อ หรือพูดได้อีกอย่างว่าเป็นถิ่นของเฉาหม่าน ตอนนี้ในมือหนิวโหย่วเต๋อมีกำลังพลแค่ไม่กี่หมื่นเท่านั้น ลิ่งหูโต้วจ้งนำทัพใหญ่ไปที่นั่น อาศัยกำลังอำนาจข่มขู่ ไม่ใช่สิ่งที่หนิวโหย่วเต๋อจะต้านไหวเลย จะนำภัยคุกคามมหาศาลมาสู่เฉาหม่านด้วย หนิวโหย่วเต๋อต้องไม่อยากเห็นสถานการณ์แบบนี้แน่ เฉาหม่านเองก็ไม่อยากเห็น ถ้าหนิวโหย่วเต๋อกับตระกูลเซี่ยโห้วหรืออำนาจฝ่ายอื่นๆ สมคบกัน ลิ่งหูโต้วจ้งก็ไม่มีที่ยืนในแดนรัตติกาล ไปแล้วก็ไปเสียเที่ยว”

ประมุขชิงพูดเหมือนไม่ใส่ใจว่า “แล้วถ้าข้าจะย้ายหนิวโหย่วเต๋อออกไปล่ะ? ขอเพียงหนิวโหย่วเต๋อไม่อยู่แดนรัตติกาลแล้ว ก็จะไม่มีโอกาสได้แทรกแซงอย่างชอบธรรมอีก”

เกาก้วนถามว่า “ถ้าอย่างนั้น จะต่างอะไรกับการที่ฝ่าบาทรับลิ่งหูโต้วจ้งเอาไว้โดยตรง? ขอบังอาจถามฝ่าบาท ทำไมลิ่งหูโต้วจ้งจึงไม่มาขอพึ่งพาฝ่าบาทโดยตรง? ข้าน้อยขออนุญาตกล่าวสิ่งที่ไม่น่าฟัง หนิวโหย่วเต๋อเชื่อฟังเหนียงเหนียงได้ แต่เหนียงเหนียงกลับไม่อาจควบคุมทัพใหญ่ห้าสิบล้านของลิ่งหูโต้วจ้งได้ สนมที่ลิ่งหูโต้วจ้งส่งเข้าวัง มีจำนวนไม่น้อยที่ไม่ถูกกับเหนียงเหนียง เหนียงเหนียงใส่ซื่อเกินไปหน่อย!” เขาจะสื่อว่าเหนียงเหนียงจะถูกคนพวกนี้หลอกใช้ประโยชน์ได้ง่าย

ประมุขชิงครุ่นคิด แล้วเหล่ตาถามว่า “เจ้าหมายความว่า ตอบตกลงเงื่อนไขของลิ่งหูโต้วจ้งไม่ได้งั้นเหรอ?”

“ข้าน้อยสื่อว่า กำจัดให้สิ้นซากไปเสียเลย ปัญหาทุกอย่างจะได้จบ” เกาก้วนกล่าว

“เจ้ามันเป็นพวกชอบฆ่า รู้จักแต่การเข่นฆ่า หุบปากไปซะ!” ประมุขชิงกลอกตาตะคอก พบว่าถามไปก็ไม่ต่างอะไรกับไม่ได้ถาม ไม่ได้วิธีการดีๆ อะไรเลย มีแต่ทำตามวิธีการของตัวเอง เขาจึงยิ้มมุมปาก “ซ่างกวน เจ้าบอกลิ่งหูโต้วจ้ง ถ้าไม่มีคนใจกล้าแบบหนิวโหย่วเต๋อแบกรับความเสี่ยงให้เขา เขาก็หาที่ยืนที่แดนรัตติกาลไม่ได้หรอก ขอเพียงเขาทำให้หนิวโหย่วเต๋อยอมรับเขาได้ ข้าก็จะตอบรับเงื่อนไขของเขา!”

“รับทราบ!” ซ่างกวนชิงตอบ ในใจกลับแอบเดาะลิ้น สงสัยฝ่าบาทคงตั้งใจจะปั้นกำลังพลให้องค์ชาย หนิวโหย่วเต๋อคนนี้ได้อาศัยบารมีไปด้วยแล้ว

เห็นได้ชัดว่าความคิดของประมุขชิงไม่ได้อยู่ในด้านนั้น เขาเอนกายพิงเก้าอี้ ตบตรงที่วางมือเบาๆ ขมวดคิ้วกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจดีย์สยบปีศาจทางฝั่งพี่ใหญ่พุทธะยังไม่มีการตอบสนองอะไรอีกเหรอ ข้าก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่เห็นเจ้าสามเคลื่อนไหวอะไร…เกาก้วน ทางสิบปราสาทดำเนินมีความเคลื่อนไหวอะไรหรือเปล่า?”

“ไม่มีการตอบสนองใดๆ ขอรับ ทุกอย่างเหมือนเดิม!” เกาก้วนตอบ

ประมุขชิงตกอยู่ในความเงียบ…

ลิ่งหูโต้วจ้งกำลังอยู่ระหว่างทาง หลังจากได้รับข่าวจากซ่างกวนชิงแล้ว ก็ตกอยู่ในความเงียบเช่นกัน จากนั้นก็บอกสถานการณ์ให้บรรดาลูกน้องคนสนิทฟัง

“ประมุขชิงทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? พวกเราจะมีที่ยืนที่แดนรัตติกาล ยังต้องขอให้หนิวโหย่วเต๋ออนุญาตอีกเหรอ?” แม่ทัพคนหนึ่งถาม

ลิ่งหูโต้วจ้งยิ้มเจื่อน “หมายความว่าอะไรก็ไม่ซับซ้อนหรอก ต้องการให้พวกเราถูกหนิวโหย่วเต๋อควบคุมไง กลายเป็นกำลังพลใต้บังคับบัญชาของหนิวโหย่วเต๋อ”

แม่ทัพอีกคนถามอย่างตกใจ “ล้อเล่นอะไรกัน? อย่างหนิวโหย่วเต๋อน่ะเหรอจะมาควบคุมพวกเรา? ศักยภาพเล็กน้อยของเขาจะมาควบคุมอะไรพวกเราได้? ขี้โม้เกินไปแล้ว”

ลิ่งหูโต้วจ้งถอนหายใจ “ในเมื่อประมุขชิงพูดแบบนี้ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว พวกเรายังมีทางเลือกด้วยเหรอ? ถึงยังไงการมีหนิวโหย่วเต๋อคอยต้อนรับขับสู้ความสัมพันธ์กับตำหนักนารีสวรรค์ ก็อาจไม่ใช่เรื่องแย่ก็ได้ เมื่อก่อนพวกเราล่วงเกินท่านนั้นของตำหนักนารีสวรรค์เอาไว้ไม่น้อย แดนรัตติกาลเป็นสังกัดโดยตรงของตำหนักนารีสวรรค์นะ!”

บรรดาแม่ทัพพากันทำสีหน้าจนใจ

ตำหนักประมุขดาวกลาง บนเชิงหินกองหนึ่งริมทะเลสาบ จูเก๋อชิงนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น

ทะเลสาบสะท้อนเงาฟ้าคราวเมฆขาว นกป่ากำลังหยอกล้อกัน ลมโชยมา กระโปรงของคนที่นอนนิ่งอยู่ตรงนั้นขยับตามแรงลม ผมยาวปลิวสะบัด ใบหน้างามล้ำเลิศปรากฏให้เห็นเป็นบางครั้ง

ฉินเวยเวยมีอำนาจทางวาจาที่พิภพเล็ก นางในปีก่อนเทียบกับตอนนี้ไม่ได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายหรือลักษณะท่าทาง สุภาพสง่างาม ดูมีความน่าเกรงขามในตัวเอง มีสง่าราศีมาก ดวงตางามกำลังจ้องร่างที่นอนแน่นิ่งด้วยแววตาล้ำลึก

พูดตามตรง นางไม่ชอบจูเก๋อชิง การที่ไม่ชอบคนที่มายั่วยวนผู้ชายของตัวเอง จัดว่าเป็นนิสัยตามธรรมชาติของผู้หญิง ทุกครั้งที่คิดว่าผู้หญิงที่อยู่ที่นี่เคยทำงานนั้นกับผู้ชายของตัวเอง ในใจนางก็รู้สึกไม่ปลื้ม ดังนั้นนางแทบจะไม่ได้มาที่นี่เลย ไม่อยากเจอหน้าจูเก๋อชิง นางถึงขนาดรู้สึกว่าอวิ๋นจือชิวทำได้ดี ควรจะขังจูเก๋อชิงไว้ ดังนั้นหลายปีที่จูเก๋อชิงโดนกักบวิเวณอยู่ที่นี่ นางก็แทบจะไม่ได้เจอจูเก๋อชิงเลย ตอนที่มาหาก็เพราะอยากเห็น ว่าผู้หญิงคนนี้สวยขนาดไหนกันแน่ ถึงทำให้ผู้ชายของนางวู่วามได้ หลังจากได้เห็นแล้ว ก็พบว่าอีกฝ่ายสวยมากจริงๆ นางเทียบไม่ติดเลย นางจึงไม่ได้มาที่นี่อีก

ทว่าเมื่อได้เห็นจุดจบของผู้หญิงคนนี้ ในใจนางก็รู้สึกเศร้าสลดอย่างบอกไม่ถูก ได้แต่แอบถอนหายใจ ถ้ารู้ตั้งแต่แรกจะทำอย่างนี้ทำไม!

ตอนแรกนางยังนึกว่าอวิ๋นจือชิวเก็บจูเก๋อชิงไว้ไม่ได้อีก ทว่าหลังจากยืนยันกับเหมียวอี้แล้ว นางถึงได้พบว่าการตายของจูเก๋อชิงเป็นประสงค์ของเหมียวอี้จริงๆ

ฉินซีที่อยู่ข้างๆ มีสีหน้านิ่งสงบ นางเอียงหน้าบอกใบ้ “เริ่มเถอะ!”

เมื่อได้รับคำชี้แนะ ฟางเหลียวก็หยิบหินผลึกไขมันเพลิงออกมาก้อนหนึ่ง จากนั้นจุดไฟแล้วโยนลงไปใต้เชิงหิน พรึ่บ! คนที่นอนอยู่บนเชิงหินถูกเพลิงเดือดกลืนกินในชั่วพริบตาเดียว

ขณะแสงของเปลวไฟสะท้อนในดวงตา ฉินเวยเวยรู้สึกค่อนข้างสับสน สายตาจ้องเปลวเพลิงที่กำลังกลืนกินอยู่นานมาก นางย้ายสายตาออกจากเปลวเพลิงอย่างยากลำบาก ปากพึมพำถามว่า “ทำไมนายท่านต้องทำแบบนี้?”

ฉินซีส่ายหน้า “ไม่รู้สิ ไม่ได้บอกว่าเพราะอะไร แค่แจ้งให้ทหารยามลงมือโดยตรง”

ฉินเวยเวยค่อยๆ เอียงหน้ามองนาง “ข้าจำได้ว่าข้าเคยบอกท่านพ่อ ว่าจูเก๋อชิงอยู่ที่นี่วรยุทธ์ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ กลัวว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิด ตอนนั้นเหมือนท่านพ่อจะบอกข้าว่าไม่ต้องสนใจ เรื่องนี้เขาจะจัดดการเอง! ท่านแม่ หรือท่านพ่อกังวลว่าทางนี้จะเกิดช่องโหว่อะไรจนส่งผลกระทบต่อข้า พวกท่านก็เลยแอบเล่นตุกติกอะไรกันหรือเปล่า?”

ฉินซีถอนหายใจ “เจ้าคิดมากไปแล้ว ที่นายท่านทำแบบนี้ แสดงว่าต้องมีเหตุผลแน่นอน ใครจะกล้าเล่นตุกติกกับเรื่องแบบนี้ล่ะ? ถ้าทำให้นายท่านโมโหขึ้นมา ใครจะรับผลที่ตามมาไหว?”

“หวังว่านางจะไม่ใช่เพราะคำพูดของข้าที่ทำร้ายนาง…” ฉินเวยเวยพึมพำ ดวงตางามมองไปทางเปลวเพลิงโชติช่วงอีกครั้ง สุดท้ายก็สั่งว่า “หลังจากเก็บกระดูกแล้ว…หาสถานที่ดีๆ ที่ไกลจากตำหนักประมุขดาวกลางฝังไว้!” พูดจบก็ถลันตัวเหาะขึ้นฟ้าไป นางไม่อยากอยู่ที่นี่นาน

หลังจากมองคล้อยหลังลูกสาว ในดวงตาฉินซีก็ฉายแววสงสัย นางย่อมรู้ว่านี่คือแผนการของหยางชิ่ง เพียงแต่นางไม่เข้าใจ ว่าประโยคธรรมดาที่รายงานขึ้นไปจะทำให้เหมียวอี้สั่งประทานความตายให้จูเก๋อชิงที่ดูแลมาหลายปีได้?

แดนอเวจี ดาวอู๋เลี่ยง ตำหนักปราชญ์ ริมหน้าต่างตึกศาลา หยางชิ่งทอดสายตามองท้องฟ้าไกลๆ อย่างเงียบงัน

เขาย่อมรู้ข่าวการตายของจูเก๋อชิงแล้ว ในที่สุดก็กำจัดทิ้งได้แล้ว แต่เรื่องนี้ก็ทำให้เขาสะเทือนใจเหมือนกัน ผลเป็นการที่เขาคาดไว้ เพียงแต่ความเด็ดขาดของเหมียวอี้…เด็ดขาดโหดเหี้ยมจนทำให้เขาค่อนข้างกลัว ฟังจากข่าวที่รายงานกลับมา เหมือนเหมียวอี้จะไม่ลังเลอะไรเลย

หยางชิ่งดึงสติกลับมาแล้วหยิบระฆังดาราขึ้นมา ฉินซีส่งข่าวมาแล้ว

ฉินซี : กำลังเผาร่างของจูเก๋อชิง เวยเวยสงสัยว่าเป็นแผนการของเจ้าหรือเปล่า

หยางชิ่งทำหน้าเครียดทันที : เจ้าเผลอพูดอะไรมีพิรุธหรือเปล่า? ข้าเคยกำชับเจ้าแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าให้นางรู้?

ฉินซี : เจ้าคิดมากไปแล้ว เวยเวยบอกว่านางเคยบอกเจ้าเรื่องจูเก๋อชิง แล้วเจ้าบอกนางว่าไม่ต้องยุ่ง เดี๋ยวเจ้าจะจัดการเอง นางก็เลยสงสัยเจ้า เจ้าวางใจเถอะ เดี๋ยวข้าจะช่วยปรับความเข้าใจให้ เพียงแต่ข้าไม่เข้าใจ ว่าทำไมรายงานคำพูดธรรมดาแบบนั้นไปประโยคเดียวแล้วทำให้นางตายได้? จูเก๋อชิงร้องเพลงก็เป็นเรื่องปกติมาก ตามที่ข้ารู้มา ใช่ว่าเหมียวอี้จะไม่รู้ว่าจูเก๋อชิงชอบร้องเพลงที่ตำหนักดาวกลาง ข้ามองไม่ออกว่ามีตรงไหนไม่เหมาะสม!

หยางชิ่ง : เรื่องนี้ผ่านไปแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้มากขนาดนั้นหรอก เจ้าแค่ต้องรู้ไว้ว่าข้างกายเหมียวอี้ไม่ได้มีเวยเวยเป็นผู้หญิงคนเดียว เวยเวยต้องเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้เหมียวอี้วางใจ เป็นผู้หญิงที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ทำให้เหมียวอี้วางใจ วรยุทธ์ของจูเก๋อชิงสูงขึ้นทุกวัน ความทะเยอะทะยานมักจะเพิ่มขึ้นตามความสามารถ อยู่ที่พิภพเล็กอาจจะคุมตัวเองไม่อยู่ในทุกเมื่อ นางกลายเป็นความกังวลของเวยเวยแล้ว ข้าต้องกำจัดนาง!

ฉินซี : ข้าเข้าใจความตั้งใจดีของเจ้า เพียงแต่ข้าไม่เข้าใจ ว่าทำไมเจ้าถึงไม่ยอมบอกข้า ในสายตาเจ้า ข้าดูไม่น่าเชื่อถือขนาดนั้นเชียวเหรอ? หรือเป็นเพราะเฟิงเป่ยเฉิน?

หยางชิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ไหนๆ ก็พูดถึงขั้นนี้แล้ว เขาจึงต้องยอมบอก : ข้าพอจะรู้จักนิสัยของเหมียวอี้อยู่บ้าง เป็นคนที่ฆ่าคนอย่างไม่ลังเล มีอีกด้านหนึ่งที่เด็ดขาดดุร้าย เขากับจูเก๋อชิงไม่ได้มีความผูกพันอะไรกัน เขาเองก็รู้ว่าจูเก๋อชิงอยากจะหนีออกมาตลอด ที่นึกเสียดายก็เพียงเพราะสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนเท่านั้น ถึงได้อดกลั้นต่อนาง…ก็เป็นเพราะสิ่งที่ข้ารายงานเป็นเรื่องปกติของจูเก๋อชิงนี่แหละ แต่เวลาที่ข้ารายงานไม่ปกติ มีบางเรื่องที่เจ้าไม่รู้ ตอนนั้นคือช่วงเวลาที่เหมียวอี้กำลังเอาชีวิตหลายหมื่นของพี่น้องไปเดิมพัน มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิด เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของคนจำนวนมากเกินไป เขากดดันมาก ตอนนั้นเขาไม่มีทางมาคำนึงถึงสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยหรอก ไม่ว่าเรื่องไหนก็ไม่สำคัญในสายตาเขาเลย ถ้ารายงานว่าจูเก๋อชิงร้องเพลงบวกกับคำว่า ‘ปีนขึ้นหลังคา’ ด้วย จะทำให้เขาสังเกตได้ถึงความผิดปกติของจูเก๋อชิง รู้สึกได้ชัดเจนว่านางคับแค้นและอยากหลุดพ้น ตอนนั้นเขาไม่มีทางยอมให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นในครอบครัว…ข้าเดิมพันว่าความเด็ดขาดของเขาจะจบเรื่องที่ยืดเยื้อมานานหลายปีได้ ก็เลยลองดูสักหน่อย ผลก็เป็นอย่างที่คาดไว้ รวดเร็วกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก!

“ปีนขึ้นหลังคา…” ฉินซีพึมพำกับตัวเอง หันกลับไปมองเปลวเพลิงริมทะเลสาบ ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมตอนหยางชิ่งสั่งจึงเน้นคำพวกนี้ ที่แท้คำพูดแบบนี้ก็เล่นงานให้คนตายได้เหมือนกัน นางตอบกลับระฆังดาราในมือ : เจ้าน่ะ บางครั้งก็ทำให้คนรู้สึกกลัว หวังว่าเหมียวอี้จะไม่รู้ความจริงตลอดไป ไม่อย่างนั้นเขาไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!

หลังจากทั้งสองติดต่อกันเสร็จ หยางชิ่งก็ถอนหายใจยาว สะเทือนใจกับคำพูดของฉินซีนิดหน่อย เขาเดินนาบนาบไปโต๊ะ แล้วกล่าวช้าๆ ว่า “พู่กัน หมึก กระดาษ!”

ชิงจวี๋ที่อยู่ข้างๆ ก้าวขึ้นมาทำให้ทันที

หลังจากฝนหมึกเสร็จแล้ว หยางชิ่งก็กางม้วนกระดาษ ยกพู่กันจุ่มหมึก เขียนอักษรตัวใหญ่สี่ตัวลงบนกระดาษอย่างมีพลัง : ทำสำเร็จแล้วถอนตัว!

ด้านข้างเขียนอักษรตัวเล็กอีกสองสามแถว แล้ววางพู่กัน แกะกระดาษออกมาสะบัด เป่ารอยหมึกให้แห้ง ยื่นให้ชิงจวี๋พร้อมบอกว่า “เจ้าเก็บสิ่งนี้ไว้ให้ดี! ถ้ามีวันไหนที่เหมียวอี้ทำงานใหญ่สำเร็จจริงๆ เจ้าต้องเอาตัวอักษรพวกนี้ให้ข้าอ่าน ไม่อย่างนั้นข้ากลัวว่าจะไม่ได้ตายดี!”

………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1920 ทำสำเร็จแล้วถอนตัว

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1920 ทำสำเร็จแล้วถอนตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนนี้เกาก้วนถึงได้ทำสีหน้าครุ่นคิดอย่างจริงจัง สุดท้ายก็ส่ายหน้าบอกว่า “ไม่เหมาะสมขอรับ!”

“อ้อ!” ประมุขชิงเดินเนิบนาบกลับไปนั่งที่เดิม จ้องเกาก้วนพร้อมถามว่า “ไม่เหมาะยังไง?”

เกาก้วนตอบเสียงเรียบว่า “ถึงยังไงตระกูลเซี่ยโห้วก็เป็นตระกูลของราชินีสวรรค์ กำลังพลห้าสิบล้านจะว่ามากก็ไม่มาก จะว่าน้อยก็ไม่น้อย การที่สามารถติดตามลิ่งหูโต้วจ้งไปในเวลานี้ได้ แสดงว่าต้องเป็นกำลังพลสายตรงของลิ่งหูโต้วจ้งแน่นอน เกรงว่าพลังรบคงไม่อ่อนแอ ไม่สะดวกจะให้เหนียงเหนียงกุมไว้”

ประมุขชิงกลับไม่กังวลเรื่องนี้เลยสักนิด “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก ข้าย่อมมีการพิจารณาของตัวเองอยู่แล้ว”

เกาก้วนจึงบอกว่า “คาดว่าตระกูลที่เหลือคงไม่อยากเห็นลิ่งหูโต้วจ้งตกอยู่ในมือคนอื่น แดนรัตติกาลคืออาณาเขตของหนิวโหย่วเต๋อ หรือพูดได้อีกอย่างว่าเป็นถิ่นของเฉาหม่าน ตอนนี้ในมือหนิวโหย่วเต๋อมีกำลังพลแค่ไม่กี่หมื่นเท่านั้น ลิ่งหูโต้วจ้งนำทัพใหญ่ไปที่นั่น อาศัยกำลังอำนาจข่มขู่ ไม่ใช่สิ่งที่หนิวโหย่วเต๋อจะต้านไหวเลย จะนำภัยคุกคามมหาศาลมาสู่เฉาหม่านด้วย หนิวโหย่วเต๋อต้องไม่อยากเห็นสถานการณ์แบบนี้แน่ เฉาหม่านเองก็ไม่อยากเห็น ถ้าหนิวโหย่วเต๋อกับตระกูลเซี่ยโห้วหรืออำนาจฝ่ายอื่นๆ สมคบกัน ลิ่งหูโต้วจ้งก็ไม่มีที่ยืนในแดนรัตติกาล ไปแล้วก็ไปเสียเที่ยว”

ประมุขชิงพูดเหมือนไม่ใส่ใจว่า “แล้วถ้าข้าจะย้ายหนิวโหย่วเต๋อออกไปล่ะ? ขอเพียงหนิวโหย่วเต๋อไม่อยู่แดนรัตติกาลแล้ว ก็จะไม่มีโอกาสได้แทรกแซงอย่างชอบธรรมอีก”

เกาก้วนถามว่า “ถ้าอย่างนั้น จะต่างอะไรกับการที่ฝ่าบาทรับลิ่งหูโต้วจ้งเอาไว้โดยตรง? ขอบังอาจถามฝ่าบาท ทำไมลิ่งหูโต้วจ้งจึงไม่มาขอพึ่งพาฝ่าบาทโดยตรง? ข้าน้อยขออนุญาตกล่าวสิ่งที่ไม่น่าฟัง หนิวโหย่วเต๋อเชื่อฟังเหนียงเหนียงได้ แต่เหนียงเหนียงกลับไม่อาจควบคุมทัพใหญ่ห้าสิบล้านของลิ่งหูโต้วจ้งได้ สนมที่ลิ่งหูโต้วจ้งส่งเข้าวัง มีจำนวนไม่น้อยที่ไม่ถูกกับเหนียงเหนียง เหนียงเหนียงใส่ซื่อเกินไปหน่อย!” เขาจะสื่อว่าเหนียงเหนียงจะถูกคนพวกนี้หลอกใช้ประโยชน์ได้ง่าย

ประมุขชิงครุ่นคิด แล้วเหล่ตาถามว่า “เจ้าหมายความว่า ตอบตกลงเงื่อนไขของลิ่งหูโต้วจ้งไม่ได้งั้นเหรอ?”

“ข้าน้อยสื่อว่า กำจัดให้สิ้นซากไปเสียเลย ปัญหาทุกอย่างจะได้จบ” เกาก้วนกล่าว

“เจ้ามันเป็นพวกชอบฆ่า รู้จักแต่การเข่นฆ่า หุบปากไปซะ!” ประมุขชิงกลอกตาตะคอก พบว่าถามไปก็ไม่ต่างอะไรกับไม่ได้ถาม ไม่ได้วิธีการดีๆ อะไรเลย มีแต่ทำตามวิธีการของตัวเอง เขาจึงยิ้มมุมปาก “ซ่างกวน เจ้าบอกลิ่งหูโต้วจ้ง ถ้าไม่มีคนใจกล้าแบบหนิวโหย่วเต๋อแบกรับความเสี่ยงให้เขา เขาก็หาที่ยืนที่แดนรัตติกาลไม่ได้หรอก ขอเพียงเขาทำให้หนิวโหย่วเต๋อยอมรับเขาได้ ข้าก็จะตอบรับเงื่อนไขของเขา!”

“รับทราบ!” ซ่างกวนชิงตอบ ในใจกลับแอบเดาะลิ้น สงสัยฝ่าบาทคงตั้งใจจะปั้นกำลังพลให้องค์ชาย หนิวโหย่วเต๋อคนนี้ได้อาศัยบารมีไปด้วยแล้ว

เห็นได้ชัดว่าความคิดของประมุขชิงไม่ได้อยู่ในด้านนั้น เขาเอนกายพิงเก้าอี้ ตบตรงที่วางมือเบาๆ ขมวดคิ้วกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจดีย์สยบปีศาจทางฝั่งพี่ใหญ่พุทธะยังไม่มีการตอบสนองอะไรอีกเหรอ ข้าก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่เห็นเจ้าสามเคลื่อนไหวอะไร…เกาก้วน ทางสิบปราสาทดำเนินมีความเคลื่อนไหวอะไรหรือเปล่า?”

“ไม่มีการตอบสนองใดๆ ขอรับ ทุกอย่างเหมือนเดิม!” เกาก้วนตอบ

ประมุขชิงตกอยู่ในความเงียบ…

ลิ่งหูโต้วจ้งกำลังอยู่ระหว่างทาง หลังจากได้รับข่าวจากซ่างกวนชิงแล้ว ก็ตกอยู่ในความเงียบเช่นกัน จากนั้นก็บอกสถานการณ์ให้บรรดาลูกน้องคนสนิทฟัง

“ประมุขชิงทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? พวกเราจะมีที่ยืนที่แดนรัตติกาล ยังต้องขอให้หนิวโหย่วเต๋ออนุญาตอีกเหรอ?” แม่ทัพคนหนึ่งถาม

ลิ่งหูโต้วจ้งยิ้มเจื่อน “หมายความว่าอะไรก็ไม่ซับซ้อนหรอก ต้องการให้พวกเราถูกหนิวโหย่วเต๋อควบคุมไง กลายเป็นกำลังพลใต้บังคับบัญชาของหนิวโหย่วเต๋อ”

แม่ทัพอีกคนถามอย่างตกใจ “ล้อเล่นอะไรกัน? อย่างหนิวโหย่วเต๋อน่ะเหรอจะมาควบคุมพวกเรา? ศักยภาพเล็กน้อยของเขาจะมาควบคุมอะไรพวกเราได้? ขี้โม้เกินไปแล้ว”

ลิ่งหูโต้วจ้งถอนหายใจ “ในเมื่อประมุขชิงพูดแบบนี้ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว พวกเรายังมีทางเลือกด้วยเหรอ? ถึงยังไงการมีหนิวโหย่วเต๋อคอยต้อนรับขับสู้ความสัมพันธ์กับตำหนักนารีสวรรค์ ก็อาจไม่ใช่เรื่องแย่ก็ได้ เมื่อก่อนพวกเราล่วงเกินท่านนั้นของตำหนักนารีสวรรค์เอาไว้ไม่น้อย แดนรัตติกาลเป็นสังกัดโดยตรงของตำหนักนารีสวรรค์นะ!”

บรรดาแม่ทัพพากันทำสีหน้าจนใจ

ตำหนักประมุขดาวกลาง บนเชิงหินกองหนึ่งริมทะเลสาบ จูเก๋อชิงนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น

ทะเลสาบสะท้อนเงาฟ้าคราวเมฆขาว นกป่ากำลังหยอกล้อกัน ลมโชยมา กระโปรงของคนที่นอนนิ่งอยู่ตรงนั้นขยับตามแรงลม ผมยาวปลิวสะบัด ใบหน้างามล้ำเลิศปรากฏให้เห็นเป็นบางครั้ง

ฉินเวยเวยมีอำนาจทางวาจาที่พิภพเล็ก นางในปีก่อนเทียบกับตอนนี้ไม่ได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายหรือลักษณะท่าทาง สุภาพสง่างาม ดูมีความน่าเกรงขามในตัวเอง มีสง่าราศีมาก ดวงตางามกำลังจ้องร่างที่นอนแน่นิ่งด้วยแววตาล้ำลึก

พูดตามตรง นางไม่ชอบจูเก๋อชิง การที่ไม่ชอบคนที่มายั่วยวนผู้ชายของตัวเอง จัดว่าเป็นนิสัยตามธรรมชาติของผู้หญิง ทุกครั้งที่คิดว่าผู้หญิงที่อยู่ที่นี่เคยทำงานนั้นกับผู้ชายของตัวเอง ในใจนางก็รู้สึกไม่ปลื้ม ดังนั้นนางแทบจะไม่ได้มาที่นี่เลย ไม่อยากเจอหน้าจูเก๋อชิง นางถึงขนาดรู้สึกว่าอวิ๋นจือชิวทำได้ดี ควรจะขังจูเก๋อชิงไว้ ดังนั้นหลายปีที่จูเก๋อชิงโดนกักบวิเวณอยู่ที่นี่ นางก็แทบจะไม่ได้เจอจูเก๋อชิงเลย ตอนที่มาหาก็เพราะอยากเห็น ว่าผู้หญิงคนนี้สวยขนาดไหนกันแน่ ถึงทำให้ผู้ชายของนางวู่วามได้ หลังจากได้เห็นแล้ว ก็พบว่าอีกฝ่ายสวยมากจริงๆ นางเทียบไม่ติดเลย นางจึงไม่ได้มาที่นี่อีก

ทว่าเมื่อได้เห็นจุดจบของผู้หญิงคนนี้ ในใจนางก็รู้สึกเศร้าสลดอย่างบอกไม่ถูก ได้แต่แอบถอนหายใจ ถ้ารู้ตั้งแต่แรกจะทำอย่างนี้ทำไม!

ตอนแรกนางยังนึกว่าอวิ๋นจือชิวเก็บจูเก๋อชิงไว้ไม่ได้อีก ทว่าหลังจากยืนยันกับเหมียวอี้แล้ว นางถึงได้พบว่าการตายของจูเก๋อชิงเป็นประสงค์ของเหมียวอี้จริงๆ

ฉินซีที่อยู่ข้างๆ มีสีหน้านิ่งสงบ นางเอียงหน้าบอกใบ้ “เริ่มเถอะ!”

เมื่อได้รับคำชี้แนะ ฟางเหลียวก็หยิบหินผลึกไขมันเพลิงออกมาก้อนหนึ่ง จากนั้นจุดไฟแล้วโยนลงไปใต้เชิงหิน พรึ่บ! คนที่นอนอยู่บนเชิงหินถูกเพลิงเดือดกลืนกินในชั่วพริบตาเดียว

ขณะแสงของเปลวไฟสะท้อนในดวงตา ฉินเวยเวยรู้สึกค่อนข้างสับสน สายตาจ้องเปลวเพลิงที่กำลังกลืนกินอยู่นานมาก นางย้ายสายตาออกจากเปลวเพลิงอย่างยากลำบาก ปากพึมพำถามว่า “ทำไมนายท่านต้องทำแบบนี้?”

ฉินซีส่ายหน้า “ไม่รู้สิ ไม่ได้บอกว่าเพราะอะไร แค่แจ้งให้ทหารยามลงมือโดยตรง”

ฉินเวยเวยค่อยๆ เอียงหน้ามองนาง “ข้าจำได้ว่าข้าเคยบอกท่านพ่อ ว่าจูเก๋อชิงอยู่ที่นี่วรยุทธ์ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ กลัวว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิด ตอนนั้นเหมือนท่านพ่อจะบอกข้าว่าไม่ต้องสนใจ เรื่องนี้เขาจะจัดดการเอง! ท่านแม่ หรือท่านพ่อกังวลว่าทางนี้จะเกิดช่องโหว่อะไรจนส่งผลกระทบต่อข้า พวกท่านก็เลยแอบเล่นตุกติกอะไรกันหรือเปล่า?”

ฉินซีถอนหายใจ “เจ้าคิดมากไปแล้ว ที่นายท่านทำแบบนี้ แสดงว่าต้องมีเหตุผลแน่นอน ใครจะกล้าเล่นตุกติกกับเรื่องแบบนี้ล่ะ? ถ้าทำให้นายท่านโมโหขึ้นมา ใครจะรับผลที่ตามมาไหว?”

“หวังว่านางจะไม่ใช่เพราะคำพูดของข้าที่ทำร้ายนาง…” ฉินเวยเวยพึมพำ ดวงตางามมองไปทางเปลวเพลิงโชติช่วงอีกครั้ง สุดท้ายก็สั่งว่า “หลังจากเก็บกระดูกแล้ว…หาสถานที่ดีๆ ที่ไกลจากตำหนักประมุขดาวกลางฝังไว้!” พูดจบก็ถลันตัวเหาะขึ้นฟ้าไป นางไม่อยากอยู่ที่นี่นาน

หลังจากมองคล้อยหลังลูกสาว ในดวงตาฉินซีก็ฉายแววสงสัย นางย่อมรู้ว่านี่คือแผนการของหยางชิ่ง เพียงแต่นางไม่เข้าใจ ว่าประโยคธรรมดาที่รายงานขึ้นไปจะทำให้เหมียวอี้สั่งประทานความตายให้จูเก๋อชิงที่ดูแลมาหลายปีได้?

แดนอเวจี ดาวอู๋เลี่ยง ตำหนักปราชญ์ ริมหน้าต่างตึกศาลา หยางชิ่งทอดสายตามองท้องฟ้าไกลๆ อย่างเงียบงัน

เขาย่อมรู้ข่าวการตายของจูเก๋อชิงแล้ว ในที่สุดก็กำจัดทิ้งได้แล้ว แต่เรื่องนี้ก็ทำให้เขาสะเทือนใจเหมือนกัน ผลเป็นการที่เขาคาดไว้ เพียงแต่ความเด็ดขาดของเหมียวอี้…เด็ดขาดโหดเหี้ยมจนทำให้เขาค่อนข้างกลัว ฟังจากข่าวที่รายงานกลับมา เหมือนเหมียวอี้จะไม่ลังเลอะไรเลย

หยางชิ่งดึงสติกลับมาแล้วหยิบระฆังดาราขึ้นมา ฉินซีส่งข่าวมาแล้ว

ฉินซี : กำลังเผาร่างของจูเก๋อชิง เวยเวยสงสัยว่าเป็นแผนการของเจ้าหรือเปล่า

หยางชิ่งทำหน้าเครียดทันที : เจ้าเผลอพูดอะไรมีพิรุธหรือเปล่า? ข้าเคยกำชับเจ้าแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าให้นางรู้?

ฉินซี : เจ้าคิดมากไปแล้ว เวยเวยบอกว่านางเคยบอกเจ้าเรื่องจูเก๋อชิง แล้วเจ้าบอกนางว่าไม่ต้องยุ่ง เดี๋ยวเจ้าจะจัดการเอง นางก็เลยสงสัยเจ้า เจ้าวางใจเถอะ เดี๋ยวข้าจะช่วยปรับความเข้าใจให้ เพียงแต่ข้าไม่เข้าใจ ว่าทำไมรายงานคำพูดธรรมดาแบบนั้นไปประโยคเดียวแล้วทำให้นางตายได้? จูเก๋อชิงร้องเพลงก็เป็นเรื่องปกติมาก ตามที่ข้ารู้มา ใช่ว่าเหมียวอี้จะไม่รู้ว่าจูเก๋อชิงชอบร้องเพลงที่ตำหนักดาวกลาง ข้ามองไม่ออกว่ามีตรงไหนไม่เหมาะสม!

หยางชิ่ง : เรื่องนี้ผ่านไปแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้มากขนาดนั้นหรอก เจ้าแค่ต้องรู้ไว้ว่าข้างกายเหมียวอี้ไม่ได้มีเวยเวยเป็นผู้หญิงคนเดียว เวยเวยต้องเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้เหมียวอี้วางใจ เป็นผู้หญิงที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ทำให้เหมียวอี้วางใจ วรยุทธ์ของจูเก๋อชิงสูงขึ้นทุกวัน ความทะเยอะทะยานมักจะเพิ่มขึ้นตามความสามารถ อยู่ที่พิภพเล็กอาจจะคุมตัวเองไม่อยู่ในทุกเมื่อ นางกลายเป็นความกังวลของเวยเวยแล้ว ข้าต้องกำจัดนาง!

ฉินซี : ข้าเข้าใจความตั้งใจดีของเจ้า เพียงแต่ข้าไม่เข้าใจ ว่าทำไมเจ้าถึงไม่ยอมบอกข้า ในสายตาเจ้า ข้าดูไม่น่าเชื่อถือขนาดนั้นเชียวเหรอ? หรือเป็นเพราะเฟิงเป่ยเฉิน?

หยางชิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ไหนๆ ก็พูดถึงขั้นนี้แล้ว เขาจึงต้องยอมบอก : ข้าพอจะรู้จักนิสัยของเหมียวอี้อยู่บ้าง เป็นคนที่ฆ่าคนอย่างไม่ลังเล มีอีกด้านหนึ่งที่เด็ดขาดดุร้าย เขากับจูเก๋อชิงไม่ได้มีความผูกพันอะไรกัน เขาเองก็รู้ว่าจูเก๋อชิงอยากจะหนีออกมาตลอด ที่นึกเสียดายก็เพียงเพราะสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนเท่านั้น ถึงได้อดกลั้นต่อนาง…ก็เป็นเพราะสิ่งที่ข้ารายงานเป็นเรื่องปกติของจูเก๋อชิงนี่แหละ แต่เวลาที่ข้ารายงานไม่ปกติ มีบางเรื่องที่เจ้าไม่รู้ ตอนนั้นคือช่วงเวลาที่เหมียวอี้กำลังเอาชีวิตหลายหมื่นของพี่น้องไปเดิมพัน มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิด เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของคนจำนวนมากเกินไป เขากดดันมาก ตอนนั้นเขาไม่มีทางมาคำนึงถึงสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยหรอก ไม่ว่าเรื่องไหนก็ไม่สำคัญในสายตาเขาเลย ถ้ารายงานว่าจูเก๋อชิงร้องเพลงบวกกับคำว่า ‘ปีนขึ้นหลังคา’ ด้วย จะทำให้เขาสังเกตได้ถึงความผิดปกติของจูเก๋อชิง รู้สึกได้ชัดเจนว่านางคับแค้นและอยากหลุดพ้น ตอนนั้นเขาไม่มีทางยอมให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นในครอบครัว…ข้าเดิมพันว่าความเด็ดขาดของเขาจะจบเรื่องที่ยืดเยื้อมานานหลายปีได้ ก็เลยลองดูสักหน่อย ผลก็เป็นอย่างที่คาดไว้ รวดเร็วกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก!

“ปีนขึ้นหลังคา…” ฉินซีพึมพำกับตัวเอง หันกลับไปมองเปลวเพลิงริมทะเลสาบ ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมตอนหยางชิ่งสั่งจึงเน้นคำพวกนี้ ที่แท้คำพูดแบบนี้ก็เล่นงานให้คนตายได้เหมือนกัน นางตอบกลับระฆังดาราในมือ : เจ้าน่ะ บางครั้งก็ทำให้คนรู้สึกกลัว หวังว่าเหมียวอี้จะไม่รู้ความจริงตลอดไป ไม่อย่างนั้นเขาไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!

หลังจากทั้งสองติดต่อกันเสร็จ หยางชิ่งก็ถอนหายใจยาว สะเทือนใจกับคำพูดของฉินซีนิดหน่อย เขาเดินนาบนาบไปโต๊ะ แล้วกล่าวช้าๆ ว่า “พู่กัน หมึก กระดาษ!”

ชิงจวี๋ที่อยู่ข้างๆ ก้าวขึ้นมาทำให้ทันที

หลังจากฝนหมึกเสร็จแล้ว หยางชิ่งก็กางม้วนกระดาษ ยกพู่กันจุ่มหมึก เขียนอักษรตัวใหญ่สี่ตัวลงบนกระดาษอย่างมีพลัง : ทำสำเร็จแล้วถอนตัว!

ด้านข้างเขียนอักษรตัวเล็กอีกสองสามแถว แล้ววางพู่กัน แกะกระดาษออกมาสะบัด เป่ารอยหมึกให้แห้ง ยื่นให้ชิงจวี๋พร้อมบอกว่า “เจ้าเก็บสิ่งนี้ไว้ให้ดี! ถ้ามีวันไหนที่เหมียวอี้ทำงานใหญ่สำเร็จจริงๆ เจ้าต้องเอาตัวอักษรพวกนี้ให้ข้าอ่าน ไม่อย่างนั้นข้ากลัวว่าจะไม่ได้ตายดี!”

………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+