พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1926 แหวกหญ้าให้งูตื่น

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1926 แหวกหญ้าให้งูตื่น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สาเหตุที่พูดแบบนี้ ก็เพราะเมื่อครู่นี้ชิงเยว่เพิ่งเตือนเขา เมื่อก่อนตอนที่นางโดนลดตำแหน่ง ก็ยังมีกิจการอยู่ที่ตลาดมืดเหมือนกัน แต่นางลงจากตำแหน่งแล้ว กลับขึ้นมาไม่ได้ กิจการพวกนั้นล้วนถูกตระกูลเซี่ยโห้วฮุบไปหมด นางเองก็ทำอะไรตระกูลเซี่ยโห้วไม่ได้ ของพวกนี้ถ้าเจ้านำออกมาอยู่ในที่แจ้งก็เป็นหลักฐานอะไรไม่ได้เลย บางสิ่งบางอย่างถ้าไม่มีศักยภาพก็รักษาไว้ไม่ได้

ดังนั้นพวกเขาได้ยินแบบนี้ ก็พากันหน้าตึง สำหรับพฤติกรรมประเภทนี้ของตระกูลเซี่ยโห้ว พวกเขาก็พอได้ยินมาบ้าง ก็ช่วยไม่ได้ ตระกูลเซี่ยโห้วถือว่าเป็นเจ้าแห่งโลกใต้ดิน ถ้าไม่มีอำนาจอิทธิพลคอยปกป้อง ก็ไม่มีสิทธิ์ไปพูดคุยกับตระกูลเซี่ยโห้วด้วยเหตุผลเลย เพราะเจ้าสร้างภัยคุกคามอะไรต่อตระกูลเซี่ยโห้วไม่ได้ ตระกูลเซี่ยโห้วก็ไม่รอให้คนอื่นมากินเช่นกัน มือใครยาวสาวได้สาวเอาอยู่แล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น พออิ๋งจิ่วกวงล้มลง เกรงว่าตระกูลเซี่ยโห้วคงต้องการจะกินให้อิ่ม ไม่ต้องคิดก็รู้ว่ากิจการของตระกูลอิ๋งที่ตลาดมืดใหญ่โตขนาดไหน ถ้าตระกูลเซี่ยโห้วเพ่งเล็งแล้ว คาดว่าคนที่ดูแลกิจการของตระกูลอิ๋งที่ตลาดมืดพวกนั้น ต่อให้อยากจะหอบทรัพย์สินหนีไปก็หนีไม่พ้น

เดิมทีคิดจะเดินออกไปภายใต้ความโกรธ ตอนนี้แต่ละคนเม้มริมฝีปากแน่น ความคับแค้นในใจไม่รู้จะไประบายออกที่ไหน นึกไม่ถึงว่าจะเดินมาถึงขั้นที่ถูกคนอื่นบีบบังคับแล้ว ถ้าเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน หนิวโหย่วเต๋อกระจอกๆ ไม่ได้นับว่าเป็นอะไรในสายตาเขาเลย

ลิ่งหูโต้วจ้งมองปฏิกิริยาของพวกลูกน้อง เห็นแต่ละคนนิ่งเงียบไม่พูดอะไร ก็แอบถอนหายใจ แล้วบอกว่า “ในเมื่อผู้ตรวจการใหญ่บอกแล้วว่าไม่บังคับ งั้นให้พวกเราพิจารณาเรื่องนี้อีกทีเถอะ” ที่จริงในใจเขาก็รู้ชัดเจน ว่าหนิวโหย่วเต๋อแสดงเหตุผลออกมาอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งตรงหน้าเขาแล้ว ไม่มีอะไรน่าพิจารณา เพียงแต่ไม่อยากยอมจำนนเร็วเกินไปจริงๆ ไม่อย่างนั้นจะให้ทนความรู้สึกได้อย่างไร

เหมียวอี้ลุกขึ้นยืนแล้วเช่นกัน ถามด้วยรอยยิ้มว่า “พูดแบบนี้ แสดงว่าตกลงตามนี้แล้วใช่ไหม?”

ลิ่งหูโต้วจ้งกลับหันไปหาพวกลูกน้อง “ทุกคนคิดว่ายังไง?”

เพราะลูกน้องไม่พูดอะไร ลิ่งหูโต้วจ้งรู้ว่าพวกเขาเอ่ยปากลำบาก จึงทำได้เพียงตัดสินใจแทนพวกเขา พยักหน้าให้เหมียวอี้ “ผู้ตรวจการใหญ่ ท่านเองก็รู้สถานการณ์ของพวกเรา เกรงว่าจะอยู่ที่นี่นานไม่ได้ ไม่งั้นจะเกิดเหตุไม่คาดคิดได้ง่ายมาก ไม่ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่จะได้ไปที่แดนรัตติกาล?” เราก็ตอบตกลงแล้ว

เหมียวอี้ตอบว่า “เรื่องนี้พวกเจ้าไม่ต้องห่วง ที่ข้ากังวลก็คือคนในครอบครัวของพระเจ้า ต้องรีบพาไปที่แดนรัตติกาลให้เร็วที่สุด”

พอเขาพูดออกมาแบบนี้ ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกปลื้มใจ ตอนนี้ลิ่งหูโต้วจ้งไม่ปิดบังแล้ว “ไม่ปิดบังผู้ตรวจการใหญ่ ตอนนี้คนในครอบครัวกำลังแอบเดินทางไปที่แดนรัตติกาลแล้ว”

เหมียวอี้หันกลับมาเรียกทันที “ชิงเยว่”

“ค่ะ นายท่าน!” ชิงเยว่กุมหมัดคารวะ

“บอกหลงซิ่นเดี๋ยวนี้ ให้ส่งกำลังพลไปรับ พอเข้าใกล้ประตูดวงดาวสามแห่งของแดนรัตติกาล จะต้องรักษาความปลอดภัยให้คนในครอบครัวของท่านขุนพลทุกคน ถ้ามีคนจู่โจม ไม่สนว่าจะเป็นใคร ฆ่า!” เหมียวอี้สั่ง

เดิมทีเขาคิดจะเรียกหยางเจาชิง แต่พอคิดไปคิดมา เมื่ออยู่ต่อหน้าคนพวกนี้ก็เรียกใช้ชิงเยว่ดีกว่า ให้คนพวกนี้ปรับตัวสักหน่อย ถึงยังไงเมื่อปีนั้นตำแหน่งของชิงเยว่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคนพวกนี้เลย

“รับทราบ!” ชิงเยว่เอ่ยรับคำสั่ง แล้วรีบใช้ระฆังดาราติดต่อหลงซิ่น

หลังจากกำชับแล้ว เหมียวอี้ก็บอกพวกเขาอีกว่า “ข้ารู้ว่าการที่ข้าทำแบบนี้ ทำให้ในใจทุกคนคับแค้นขนาดไหน รู้สึกว่าข้ากำลังใช้กลยุทธ์ตีชิงตามไฟ แต่ข้าก็จะบอกเอาไว้ให้ชัดเจน ถ้าไม่มีเหตุผลที่ต้องแบกรับความเสี่ยงอย่างนั้น ตอนหลังยังไม่รู้เลยว่าจะมีใครมาหาเรื่องพวกเจ้าบ้าง เรื่องนี้ข้าต้านให้ได้ ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น ความสัมพันธ์ของพวกเจ้ากับตำหนักนารีสวรรค์ พวกเจ้าเองก็รู้ชัดอยู่แก่ใจ ข้าเองก็ต้องควักกระเป๋าติดสินบนเหมือนกัน”

“ผู้ตรวจการใหญ่ลำบากแล้ว” ลิ่งหูโต้วจ้งกล่าวอย่างปากไม่ตรงกับใจ

เหมียวอี้ยิ้มเรียบๆ “ติดตามข้าจะดีหรือจะร้าย วันหลังพวกเจ้าก็ย่อมรู้ มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ข้าจะเตือนทุกคนเอาไว้…ข้าคือคนขององค์ชาย!”

เมื่อกล่าวแบบนี้ ทีแรกพวกลิ่งหูโต้วจ้งก็เองไปก่อน จากนั้นในดวงตาก็ฉายแววอัศจรรย์ใจ คำว่า ‘ข้าคือคนขององค์ชาย’ มีความหมายล้ำลึกมาก ยังจะเป็นองค์ชายไหนได้อีก ย่อมเป็นโอรสสวรรค์ชิงหยวนจุนอยู่แล้ว! หมายความว่าอะไรล่ะ หมายความว่าการที่พวกเขามาขอพึ่งพาจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล ก็ใช่ว่าจะลืมตาอ้าปากไม่ได้

ความสัมพันธ์ของหนิวโหย่วเต๋อกับตำหนักนารีสวรรค์ เมื่อมีความสัมพันธ์ชั้นนี้แล้ว ความสัมพันธ์กับโอรสสวรรค์ก็ทำความเข้าใจได้ไม่ยาก ลองตัดเรื่องนี้ออกไป ทุกคนลองนึกเชื่อมโยงถึงท่าทีของ

ประมุขชิงก่อนหน้านี้อีก ก็แทบจะเข้าใจบางอย่างได้ในชั่วพริบตาเดียว พอจะตระหนักได้แล้วพวกเขาคือกำลังพลที่ประมุขชิงอุ้มชูขึ้นมาเพื่อโอรสสวรรค์ แบบนี้แสดงว่าอะไรล่ะ? แสดงว่าพวกเขาล้วนเป็นขุนนางของโอรสสวรรค์ ตอนหลังมีความเป็นไปได้สูงว่าประมุขชิงจะช่วยโอรสสวรรค์ขยายกำลัง เมื่อตอนนั้นมาถึง ก็เป็นเวลาที่พวกเขาจะได้เปิดตัวอีกครั้งแล้ว

ยังมีโอกาสที่จะได้ลืมตาอ้าปากอีกครั้ง! ในใจทุกคนเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมาแล้ว ชำระล้างความคับแค้นก่อนหน้านี้ไปแล้ว

“จากนี้ไปจะฟังคำสั่งผู้ตรวจการใหญ่!” ลิ่งหูโต้วจ้งนำแสดงท่าทีทันที

“ยินดีปฏิบัติตามคำสั่งผู้ตรวจการใหญ่!” จากนั้นทหารที่เหลือก็กุมหมัดคารวะตาม

เปลี่ยนท่าทีอย่างเด็ดขาดขณะนี้ ชัดแล้วว่ากำลังแสดงท่าทีว่ายินดีถวายชีวิตรับใช้โอรสสวรรค์ ไม่รู้เหมือนกันว่าตรงนี้มีสายลับของโอรสสวรรค์หรือไม่ หวังว่าโอรสสวรรค์จะได้เห็น

“ดี!” เหมียวอี้พยักหน้า สาเหตุที่เขาไม่เอ่ยถึงตั้งแต่ทีแรกว่าเขาคือคนของโอรสสวรรค์ การให้พุทราหวานแล้วใช้ไม้กระบองตี กับการใช้ไม้กระบองตีก่อนแล้วค่อยให้พุทราหวาน ให้ความรู้สึกต่างกันมั้ยล่ะ? “ตอนนี้ยังไม่พูดอะไรมาก กลับไปแล้วค่อยปรึกษากันเรื่องสถานที่พัก”

ฝูชิงที่อยู่ข้างๆ แอบทอดถอนใจ คนอื่นจะคิดอย่างไรเขาไม่รู้ เขารู้ว่าถ้าตัวเองเผชิญหน้ากับคนพวกนี้ ขนาดเวลาพูดยังต้องระวังเหมือนเดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบาง แต่เหมียวอี้รับมืออย่างไรล่ะ? นี่กำลังทำอะไรอยู่? ไม่น่าเชื่อว่าจะรับคนพวกนี้ไว้ พูดไม่ออกจริงๆ ตอนนี้รู้สึกได้อย่างแท้จริงแล้วว่าตัวเองกลับเหมียวอี้ห่างชั้นกันขนาดไหน

“จะให้พวกเราเดินทางตอนนี้หรือว่า?” ลิ่งหูโต้วจ้งถาม ในใจรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย ช่วงแรกยากจะเปลี่ยนสภาพจิตใจได้

“ทางฝั่งราชินีสวรรค์…เพราะเจ้าไม่ต้องกังวล เขาต้องหาทางเจรจากับทางราชินีสวรรค์ให้ เหนียงเหนียงไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับพวกเจ้า” เหมียวอี้ถอนหายใจอย่างจนปัญญา จากนั้นก็สั่งให้ชิงเยว่รับหน้าที่ติดต่อประสานงานเรื่องรับคนในครอบครัวของทหารเหล่านี้ แล้วตัวเองก็เดินไปที่โถงด้านหลังคนเดียว

พวกลิ่งหูโต้วจ้งสบตากันแวบหนึ่ง พวกเขาเข้าใจดีว่าราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เป็นคนอย่างไร เข้าใจความลำบากของเหมียวอี้ด้วย เพราะแบบนี้ถึงนึกอะไรบางอย่างได้ ไม่รู้ว่าความแค้นระหว่างพวกเขากลับราชินีสวรรค์ จะส่งผลกระทบต่อท่าทีของโอรสสวรรค์ที่มีต่อพวกเขาหรือไม่

เมื่อได้รู้ว่าเหมียวอี้ต้องการจะรับกำลังพลห้าสิบล้านของลิ่งหูโต้วจ้ง ปฏิกิริยาของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็รุนแรงมากอย่างที่คาดไว้ คัดค้าน!

นอกจากคัดค้านแล้ว ยังให้เหมียวอี้คิดหาทางเล่นงานพวกเขาให้ตายด้วย!

ที่นี่สนมสวรรค์จ้านหรูอี้ยังมีชีวิตอยู่ดี ยังไม่ตาย ทางนั้นพวกที่เคยแอบสั่งให้สนมในวังกลั่นแกล้งนางประสบปัญหาใหญ่ขนาดนี้ แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะยังมีชีวิตอยู่ดี ถ้ายังคิดจะให้นางปกป้องพวกเขาด้วย ล้อเล่นอะไรกัน รังแกกันเกินไปแล้ว คิดไปคิดมาแล้วก็เดือด ย่อมต้องฉวยโอกาสสาดน้ำใส่สุนัขเพื่อซ้ำเติมอยู่แล้ว!

เหมียวอี้พูดไม่ออกมาก เป็นราชินีสวรรค์มาหลายปีขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีมุมมองต่อสถานการณ์ภาพรวมเลยสักนิด ทำไมไม่เรียนรู้สิ่งที่ควรจะเรียนรู้บ้างเลย ทำตัวเหมือนเขาตอนเป็นมือใหม่ไร้ประสบการณ์ มีความแค้นต้องชำระ!

แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่เป็นคนเจ้าเล่ห์มากแผนการ เขาก็จะไม่ได้เข้ามายุ่งแล้ว คนโง่ถ้าตระหนักได้ถึงความโง่ของตัวเอง เช่นนั้นก็ไม่เรียกว่าโง่แล้ว

โชคดีที่เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับเขา ค่อนข้างเชื่อใจเขา ยังมีอีกหลายจุดที่ต้องพึ่งพาเขาด้วย ด้วยความที่เหมียวอี้เกลี้ยกล่อมซ้ำแล้วซ้ำอีก สุดท้ายนางก็ยอมข่มความแค้นนี้ไว้ แต่กลับกำชับเหมียวอี้ว่าให้จับตาดูคนพวกนี้ให้ดี ถ้ามีพฤติกรรมไม่ซื่อก็กำจัดทิ้งทันที เหมียวอี้ย่อมรับปากซ้ำๆ

หลังจากออกมาแล้ว ก็เรียกพวกฝูชิงมาสั่งงาน รอให้กองทัพองครักษ์มาควบคุมเบื้องบนของตลาดสวรรค์ ไม่มีใครกล้ารบกวนคำสั่งของราชินีสวรรค์ จะย้ายพวกเขาไปที่แดนรัตติกาลเดี๋ยวนี้ ตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ส่งต่อให้พวกเซียวหลิงโป  ให้เขาแจ้งข่าวดีให้พี่น้องคนอื่นๆ รู้ ตอนนี้รักษาระเบียบของตลาดสวรรค์เอาไว้ก่อน

ริมหน้าต่างภัตตาคารหลังหนึ่งนอกตำหนักคุ้มเมือง มีคนสองคนกำลังนั่งตรงข้ามกันอยู่ริมหน้าต่าง มองไปทางตำหนักคุ้มเมืองเป็นระยะ

หนึ่งในนั้นแอบถ่ายทอดเสียงถามว่า “แน่ใจนะว่าคนยังอยู่ในตำหนักคุ้มเมือง?”

“ทั้งประตูใหญ่ประตูเล็กล้วนมีคนจับตาดูอยู่ ตอนนี้เห็นแต่คนเข้า ยังไม่เห็นคนออก น่าจะยังอยู่ในตำหนักคุ้มเมือง” อีกคนตอบ

คนแรกบอกว่า “ต้องจับตาดูไว้ให้ดี คนเบื้องบนยังอยู่ระหว่างทางมา ถ้าปล่อยให้หนีไปแล้ว พวกเราก็รับผิดชอบไม่ไหว”

คนบอกว่า  “วางใจเถอะ มีเบื้องบนให้การสนับสนุนเต็มที่ สามารถระดมกำลังพลจากแต่ละแห่งได้ทุกเมื่อ จับตาดูคนเดียวไม่มีปัญหาหรอก ที่ประตูดวงดาวใกล้ๆ นี้ก็ส่งคนไปเฝ้าไว้หมดแล้ว ไปที่ไหนก็สังเกตเห็นหมด ถ้าพบว่าไปเมื่อไหร่ ก็รีบรวบรวมคนไปยังจุดที่สมาชิกคนอื่นอยู่ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าจับตาดูได้ครบทุกด้าน อย่างน้อยก็จับตาดูตามทางได้เกินครึ่งแล้ว นอกเสียจากว่าเขาจะไม่ไปที่ประตูดวงดาว ไม่อย่างนั้นก็ไม่พ้นสายตาหรอก!”

“งั้นก็ดี…” แล้วจู่ๆ เสียงพูดก็หยุดไป “ออกมาแล้ว!” คนแรกกล่าว

อีกคนรีบมองตาม เห็นเพียงเหมียวอี้เดินวางมาดใหญ่โตออกมาจากประตูหลักของตำหนักคุ้มเมืองจริงๆ ด้วย ไม่แม้แต่จะปลอมตัว แยกแยะหน้าได้ง่ายมาก มองปราดเดียวก็จำได้แล้ว ข้างหลังมีคนกลุ่มหนึ่งติดตาม เหาะไปทางประตูเมืองฝั่งตะวันตกด้วยกัน

คนแรกถ่ายทอดเสียงบอกทันทีว่า “เร็วเข้า บอกสมาชิกที่อยู่ตามเส้นทางให้เตรียมตัวให้ดี รายงานขึ้นไปเบื้องบนทุกเมื่อ คนเบื้องบนจะได้ดักได้สะดวก!”

อีกคนรีบหยิบระฆังดาราเอาไว้ในกระบอกแขนเสื้อเพื่อติดต่อ…

หลังจากมาถึงดาราจักรแล้ว ลิ่งหูโต้วจ้งก็หันมองรอบๆ แวบหนึ่ง สุดท้ายสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ตัวเหมียวอี้ แล้วเตือนว่า “ผู้ตรวจการใหญ่เหมือนจะมีศัตรูไม่น้อยเลย แต่กลับไม่ปลอมตัว ไม่กลัวศัตรูจับตามองเหรอ?”

เหมียวอี้หัวเราะเบาๆ “ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าท่านจอมพลลิ่งหูจะมา ข้าก็ย่อมไม่ทำอย่างนี้ หรือว่ากำลังพลห้าสิบล้านของสายขาลจะปกป้องข้าไม่ได้เชียวเหรอ? พูดตรงๆ แบบไม่ปิดบัง การเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ค่อนข้างใหญ่โต ทวนในที่แจ้งหลบง่าย เกาทัณฑ์ในที่ลับยากป้องกัน ไม่สู้ฉวยโอกาสทดลองสักหน่อย ข้าอยากจะเห็นว่าจะมีใครกระโดดออกมาหรือเปล่า จะได้ฉวยโอกาสโจมตีตอนศัตรูไม่ได้ป้องกัน สั่งสอนสักหน่อย การศึกมิหน่ายเล่ห์ไง!”

ลิ่งหูโต้วจ้งพูดไม่ออก สงสัยจะนับพวกเขาเข้ามาในแผนตั้งนานแล้ว นี่คือการฉวยโอกาสใช้งาน จึงกำชับคนที่อยู่ซ้ายขวาว่า  “เตรียมป้องกัน!”

ทหารใต้บังคับบัญชาของเขาเริ่มสังเกตการณ์รอบๆ

หลังจากออกจากประตูดวงดาวต่อเนื่องหลายแห่ง ก็แทบจะสังเกตอะไรบางอย่างได้แล้วจริงๆ ถึงอย่างไรคนที่ติดตามมาก็มีศักยภาพไม่ธรรมดา ลิ่งหูโต้วจ้งที่ได้รับรายงานมาถ่ายทอดเสียงบอกว่า “ผู้ตรวจการใหญ่ ท่านอาจจะถูกเพ่งเล็งแล้วจริงๆ จะปลอมตัวสักหน่อยแล้วเปลี่ยนเส้นทางกับผู้ติดตามดีไหม?”

เหมียวอี้แสยะยิ้ม “ไม่ต้องหรอก! ไปที่เส้นทางเข้าแดนรัตติกาลโดยตรง อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น!”

ลิ่งหูโต้วจ้งนับว่าได้สัมผัสกับตัวเองแล้ว ว่าท่านนี้ชอบมีเรื่องขนาดไหน พวกเขาก็ต้องประสมโรงไปด้วย ทำแบบนี้ต้องการจะล่อศัตรูให้มามีเรื่องกันชัดๆ เขาจินตนาการออกเลย ข้างกายเหมียวอี้มียอดฝีมือคุ้มกัน กอปรกับฐานะที่อยู่ที่นี่ คนที่กล้าแตะต้องเขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน

หลังจากถ่ายทอดคำสั่งของเหมียวอี้ลงไป วางกำลังไว้เล็กน้อย ตอนที่จะผ่านประตูดวงดาวอีกครั้งก็ส่งคนกลุ่มหนึ่งไปสำรวจทางก่อน จะได้ไม่ถูกคนที่ดักซุ่มอยู่ตรงนอกประตูดวงดาวโจมตีจนทำอะไรไม่ถูก

…………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1926 แหวกหญ้าให้งูตื่น

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1926 แหวกหญ้าให้งูตื่น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สาเหตุที่พูดแบบนี้ ก็เพราะเมื่อครู่นี้ชิงเยว่เพิ่งเตือนเขา เมื่อก่อนตอนที่นางโดนลดตำแหน่ง ก็ยังมีกิจการอยู่ที่ตลาดมืดเหมือนกัน แต่นางลงจากตำแหน่งแล้ว กลับขึ้นมาไม่ได้ กิจการพวกนั้นล้วนถูกตระกูลเซี่ยโห้วฮุบไปหมด นางเองก็ทำอะไรตระกูลเซี่ยโห้วไม่ได้ ของพวกนี้ถ้าเจ้านำออกมาอยู่ในที่แจ้งก็เป็นหลักฐานอะไรไม่ได้เลย บางสิ่งบางอย่างถ้าไม่มีศักยภาพก็รักษาไว้ไม่ได้

ดังนั้นพวกเขาได้ยินแบบนี้ ก็พากันหน้าตึง สำหรับพฤติกรรมประเภทนี้ของตระกูลเซี่ยโห้ว พวกเขาก็พอได้ยินมาบ้าง ก็ช่วยไม่ได้ ตระกูลเซี่ยโห้วถือว่าเป็นเจ้าแห่งโลกใต้ดิน ถ้าไม่มีอำนาจอิทธิพลคอยปกป้อง ก็ไม่มีสิทธิ์ไปพูดคุยกับตระกูลเซี่ยโห้วด้วยเหตุผลเลย เพราะเจ้าสร้างภัยคุกคามอะไรต่อตระกูลเซี่ยโห้วไม่ได้ ตระกูลเซี่ยโห้วก็ไม่รอให้คนอื่นมากินเช่นกัน มือใครยาวสาวได้สาวเอาอยู่แล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น พออิ๋งจิ่วกวงล้มลง เกรงว่าตระกูลเซี่ยโห้วคงต้องการจะกินให้อิ่ม ไม่ต้องคิดก็รู้ว่ากิจการของตระกูลอิ๋งที่ตลาดมืดใหญ่โตขนาดไหน ถ้าตระกูลเซี่ยโห้วเพ่งเล็งแล้ว คาดว่าคนที่ดูแลกิจการของตระกูลอิ๋งที่ตลาดมืดพวกนั้น ต่อให้อยากจะหอบทรัพย์สินหนีไปก็หนีไม่พ้น

เดิมทีคิดจะเดินออกไปภายใต้ความโกรธ ตอนนี้แต่ละคนเม้มริมฝีปากแน่น ความคับแค้นในใจไม่รู้จะไประบายออกที่ไหน นึกไม่ถึงว่าจะเดินมาถึงขั้นที่ถูกคนอื่นบีบบังคับแล้ว ถ้าเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน หนิวโหย่วเต๋อกระจอกๆ ไม่ได้นับว่าเป็นอะไรในสายตาเขาเลย

ลิ่งหูโต้วจ้งมองปฏิกิริยาของพวกลูกน้อง เห็นแต่ละคนนิ่งเงียบไม่พูดอะไร ก็แอบถอนหายใจ แล้วบอกว่า “ในเมื่อผู้ตรวจการใหญ่บอกแล้วว่าไม่บังคับ งั้นให้พวกเราพิจารณาเรื่องนี้อีกทีเถอะ” ที่จริงในใจเขาก็รู้ชัดเจน ว่าหนิวโหย่วเต๋อแสดงเหตุผลออกมาอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งตรงหน้าเขาแล้ว ไม่มีอะไรน่าพิจารณา เพียงแต่ไม่อยากยอมจำนนเร็วเกินไปจริงๆ ไม่อย่างนั้นจะให้ทนความรู้สึกได้อย่างไร

เหมียวอี้ลุกขึ้นยืนแล้วเช่นกัน ถามด้วยรอยยิ้มว่า “พูดแบบนี้ แสดงว่าตกลงตามนี้แล้วใช่ไหม?”

ลิ่งหูโต้วจ้งกลับหันไปหาพวกลูกน้อง “ทุกคนคิดว่ายังไง?”

เพราะลูกน้องไม่พูดอะไร ลิ่งหูโต้วจ้งรู้ว่าพวกเขาเอ่ยปากลำบาก จึงทำได้เพียงตัดสินใจแทนพวกเขา พยักหน้าให้เหมียวอี้ “ผู้ตรวจการใหญ่ ท่านเองก็รู้สถานการณ์ของพวกเรา เกรงว่าจะอยู่ที่นี่นานไม่ได้ ไม่งั้นจะเกิดเหตุไม่คาดคิดได้ง่ายมาก ไม่ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่จะได้ไปที่แดนรัตติกาล?” เราก็ตอบตกลงแล้ว

เหมียวอี้ตอบว่า “เรื่องนี้พวกเจ้าไม่ต้องห่วง ที่ข้ากังวลก็คือคนในครอบครัวของพระเจ้า ต้องรีบพาไปที่แดนรัตติกาลให้เร็วที่สุด”

พอเขาพูดออกมาแบบนี้ ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกปลื้มใจ ตอนนี้ลิ่งหูโต้วจ้งไม่ปิดบังแล้ว “ไม่ปิดบังผู้ตรวจการใหญ่ ตอนนี้คนในครอบครัวกำลังแอบเดินทางไปที่แดนรัตติกาลแล้ว”

เหมียวอี้หันกลับมาเรียกทันที “ชิงเยว่”

“ค่ะ นายท่าน!” ชิงเยว่กุมหมัดคารวะ

“บอกหลงซิ่นเดี๋ยวนี้ ให้ส่งกำลังพลไปรับ พอเข้าใกล้ประตูดวงดาวสามแห่งของแดนรัตติกาล จะต้องรักษาความปลอดภัยให้คนในครอบครัวของท่านขุนพลทุกคน ถ้ามีคนจู่โจม ไม่สนว่าจะเป็นใคร ฆ่า!” เหมียวอี้สั่ง

เดิมทีเขาคิดจะเรียกหยางเจาชิง แต่พอคิดไปคิดมา เมื่ออยู่ต่อหน้าคนพวกนี้ก็เรียกใช้ชิงเยว่ดีกว่า ให้คนพวกนี้ปรับตัวสักหน่อย ถึงยังไงเมื่อปีนั้นตำแหน่งของชิงเยว่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคนพวกนี้เลย

“รับทราบ!” ชิงเยว่เอ่ยรับคำสั่ง แล้วรีบใช้ระฆังดาราติดต่อหลงซิ่น

หลังจากกำชับแล้ว เหมียวอี้ก็บอกพวกเขาอีกว่า “ข้ารู้ว่าการที่ข้าทำแบบนี้ ทำให้ในใจทุกคนคับแค้นขนาดไหน รู้สึกว่าข้ากำลังใช้กลยุทธ์ตีชิงตามไฟ แต่ข้าก็จะบอกเอาไว้ให้ชัดเจน ถ้าไม่มีเหตุผลที่ต้องแบกรับความเสี่ยงอย่างนั้น ตอนหลังยังไม่รู้เลยว่าจะมีใครมาหาเรื่องพวกเจ้าบ้าง เรื่องนี้ข้าต้านให้ได้ ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น ความสัมพันธ์ของพวกเจ้ากับตำหนักนารีสวรรค์ พวกเจ้าเองก็รู้ชัดอยู่แก่ใจ ข้าเองก็ต้องควักกระเป๋าติดสินบนเหมือนกัน”

“ผู้ตรวจการใหญ่ลำบากแล้ว” ลิ่งหูโต้วจ้งกล่าวอย่างปากไม่ตรงกับใจ

เหมียวอี้ยิ้มเรียบๆ “ติดตามข้าจะดีหรือจะร้าย วันหลังพวกเจ้าก็ย่อมรู้ มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ข้าจะเตือนทุกคนเอาไว้…ข้าคือคนขององค์ชาย!”

เมื่อกล่าวแบบนี้ ทีแรกพวกลิ่งหูโต้วจ้งก็เองไปก่อน จากนั้นในดวงตาก็ฉายแววอัศจรรย์ใจ คำว่า ‘ข้าคือคนขององค์ชาย’ มีความหมายล้ำลึกมาก ยังจะเป็นองค์ชายไหนได้อีก ย่อมเป็นโอรสสวรรค์ชิงหยวนจุนอยู่แล้ว! หมายความว่าอะไรล่ะ หมายความว่าการที่พวกเขามาขอพึ่งพาจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล ก็ใช่ว่าจะลืมตาอ้าปากไม่ได้

ความสัมพันธ์ของหนิวโหย่วเต๋อกับตำหนักนารีสวรรค์ เมื่อมีความสัมพันธ์ชั้นนี้แล้ว ความสัมพันธ์กับโอรสสวรรค์ก็ทำความเข้าใจได้ไม่ยาก ลองตัดเรื่องนี้ออกไป ทุกคนลองนึกเชื่อมโยงถึงท่าทีของ

ประมุขชิงก่อนหน้านี้อีก ก็แทบจะเข้าใจบางอย่างได้ในชั่วพริบตาเดียว พอจะตระหนักได้แล้วพวกเขาคือกำลังพลที่ประมุขชิงอุ้มชูขึ้นมาเพื่อโอรสสวรรค์ แบบนี้แสดงว่าอะไรล่ะ? แสดงว่าพวกเขาล้วนเป็นขุนนางของโอรสสวรรค์ ตอนหลังมีความเป็นไปได้สูงว่าประมุขชิงจะช่วยโอรสสวรรค์ขยายกำลัง เมื่อตอนนั้นมาถึง ก็เป็นเวลาที่พวกเขาจะได้เปิดตัวอีกครั้งแล้ว

ยังมีโอกาสที่จะได้ลืมตาอ้าปากอีกครั้ง! ในใจทุกคนเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมาแล้ว ชำระล้างความคับแค้นก่อนหน้านี้ไปแล้ว

“จากนี้ไปจะฟังคำสั่งผู้ตรวจการใหญ่!” ลิ่งหูโต้วจ้งนำแสดงท่าทีทันที

“ยินดีปฏิบัติตามคำสั่งผู้ตรวจการใหญ่!” จากนั้นทหารที่เหลือก็กุมหมัดคารวะตาม

เปลี่ยนท่าทีอย่างเด็ดขาดขณะนี้ ชัดแล้วว่ากำลังแสดงท่าทีว่ายินดีถวายชีวิตรับใช้โอรสสวรรค์ ไม่รู้เหมือนกันว่าตรงนี้มีสายลับของโอรสสวรรค์หรือไม่ หวังว่าโอรสสวรรค์จะได้เห็น

“ดี!” เหมียวอี้พยักหน้า สาเหตุที่เขาไม่เอ่ยถึงตั้งแต่ทีแรกว่าเขาคือคนของโอรสสวรรค์ การให้พุทราหวานแล้วใช้ไม้กระบองตี กับการใช้ไม้กระบองตีก่อนแล้วค่อยให้พุทราหวาน ให้ความรู้สึกต่างกันมั้ยล่ะ? “ตอนนี้ยังไม่พูดอะไรมาก กลับไปแล้วค่อยปรึกษากันเรื่องสถานที่พัก”

ฝูชิงที่อยู่ข้างๆ แอบทอดถอนใจ คนอื่นจะคิดอย่างไรเขาไม่รู้ เขารู้ว่าถ้าตัวเองเผชิญหน้ากับคนพวกนี้ ขนาดเวลาพูดยังต้องระวังเหมือนเดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบาง แต่เหมียวอี้รับมืออย่างไรล่ะ? นี่กำลังทำอะไรอยู่? ไม่น่าเชื่อว่าจะรับคนพวกนี้ไว้ พูดไม่ออกจริงๆ ตอนนี้รู้สึกได้อย่างแท้จริงแล้วว่าตัวเองกลับเหมียวอี้ห่างชั้นกันขนาดไหน

“จะให้พวกเราเดินทางตอนนี้หรือว่า?” ลิ่งหูโต้วจ้งถาม ในใจรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย ช่วงแรกยากจะเปลี่ยนสภาพจิตใจได้

“ทางฝั่งราชินีสวรรค์…เพราะเจ้าไม่ต้องกังวล เขาต้องหาทางเจรจากับทางราชินีสวรรค์ให้ เหนียงเหนียงไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับพวกเจ้า” เหมียวอี้ถอนหายใจอย่างจนปัญญา จากนั้นก็สั่งให้ชิงเยว่รับหน้าที่ติดต่อประสานงานเรื่องรับคนในครอบครัวของทหารเหล่านี้ แล้วตัวเองก็เดินไปที่โถงด้านหลังคนเดียว

พวกลิ่งหูโต้วจ้งสบตากันแวบหนึ่ง พวกเขาเข้าใจดีว่าราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เป็นคนอย่างไร เข้าใจความลำบากของเหมียวอี้ด้วย เพราะแบบนี้ถึงนึกอะไรบางอย่างได้ ไม่รู้ว่าความแค้นระหว่างพวกเขากลับราชินีสวรรค์ จะส่งผลกระทบต่อท่าทีของโอรสสวรรค์ที่มีต่อพวกเขาหรือไม่

เมื่อได้รู้ว่าเหมียวอี้ต้องการจะรับกำลังพลห้าสิบล้านของลิ่งหูโต้วจ้ง ปฏิกิริยาของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็รุนแรงมากอย่างที่คาดไว้ คัดค้าน!

นอกจากคัดค้านแล้ว ยังให้เหมียวอี้คิดหาทางเล่นงานพวกเขาให้ตายด้วย!

ที่นี่สนมสวรรค์จ้านหรูอี้ยังมีชีวิตอยู่ดี ยังไม่ตาย ทางนั้นพวกที่เคยแอบสั่งให้สนมในวังกลั่นแกล้งนางประสบปัญหาใหญ่ขนาดนี้ แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะยังมีชีวิตอยู่ดี ถ้ายังคิดจะให้นางปกป้องพวกเขาด้วย ล้อเล่นอะไรกัน รังแกกันเกินไปแล้ว คิดไปคิดมาแล้วก็เดือด ย่อมต้องฉวยโอกาสสาดน้ำใส่สุนัขเพื่อซ้ำเติมอยู่แล้ว!

เหมียวอี้พูดไม่ออกมาก เป็นราชินีสวรรค์มาหลายปีขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีมุมมองต่อสถานการณ์ภาพรวมเลยสักนิด ทำไมไม่เรียนรู้สิ่งที่ควรจะเรียนรู้บ้างเลย ทำตัวเหมือนเขาตอนเป็นมือใหม่ไร้ประสบการณ์ มีความแค้นต้องชำระ!

แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่เป็นคนเจ้าเล่ห์มากแผนการ เขาก็จะไม่ได้เข้ามายุ่งแล้ว คนโง่ถ้าตระหนักได้ถึงความโง่ของตัวเอง เช่นนั้นก็ไม่เรียกว่าโง่แล้ว

โชคดีที่เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับเขา ค่อนข้างเชื่อใจเขา ยังมีอีกหลายจุดที่ต้องพึ่งพาเขาด้วย ด้วยความที่เหมียวอี้เกลี้ยกล่อมซ้ำแล้วซ้ำอีก สุดท้ายนางก็ยอมข่มความแค้นนี้ไว้ แต่กลับกำชับเหมียวอี้ว่าให้จับตาดูคนพวกนี้ให้ดี ถ้ามีพฤติกรรมไม่ซื่อก็กำจัดทิ้งทันที เหมียวอี้ย่อมรับปากซ้ำๆ

หลังจากออกมาแล้ว ก็เรียกพวกฝูชิงมาสั่งงาน รอให้กองทัพองครักษ์มาควบคุมเบื้องบนของตลาดสวรรค์ ไม่มีใครกล้ารบกวนคำสั่งของราชินีสวรรค์ จะย้ายพวกเขาไปที่แดนรัตติกาลเดี๋ยวนี้ ตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ส่งต่อให้พวกเซียวหลิงโป  ให้เขาแจ้งข่าวดีให้พี่น้องคนอื่นๆ รู้ ตอนนี้รักษาระเบียบของตลาดสวรรค์เอาไว้ก่อน

ริมหน้าต่างภัตตาคารหลังหนึ่งนอกตำหนักคุ้มเมือง มีคนสองคนกำลังนั่งตรงข้ามกันอยู่ริมหน้าต่าง มองไปทางตำหนักคุ้มเมืองเป็นระยะ

หนึ่งในนั้นแอบถ่ายทอดเสียงถามว่า “แน่ใจนะว่าคนยังอยู่ในตำหนักคุ้มเมือง?”

“ทั้งประตูใหญ่ประตูเล็กล้วนมีคนจับตาดูอยู่ ตอนนี้เห็นแต่คนเข้า ยังไม่เห็นคนออก น่าจะยังอยู่ในตำหนักคุ้มเมือง” อีกคนตอบ

คนแรกบอกว่า “ต้องจับตาดูไว้ให้ดี คนเบื้องบนยังอยู่ระหว่างทางมา ถ้าปล่อยให้หนีไปแล้ว พวกเราก็รับผิดชอบไม่ไหว”

คนบอกว่า  “วางใจเถอะ มีเบื้องบนให้การสนับสนุนเต็มที่ สามารถระดมกำลังพลจากแต่ละแห่งได้ทุกเมื่อ จับตาดูคนเดียวไม่มีปัญหาหรอก ที่ประตูดวงดาวใกล้ๆ นี้ก็ส่งคนไปเฝ้าไว้หมดแล้ว ไปที่ไหนก็สังเกตเห็นหมด ถ้าพบว่าไปเมื่อไหร่ ก็รีบรวบรวมคนไปยังจุดที่สมาชิกคนอื่นอยู่ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าจับตาดูได้ครบทุกด้าน อย่างน้อยก็จับตาดูตามทางได้เกินครึ่งแล้ว นอกเสียจากว่าเขาจะไม่ไปที่ประตูดวงดาว ไม่อย่างนั้นก็ไม่พ้นสายตาหรอก!”

“งั้นก็ดี…” แล้วจู่ๆ เสียงพูดก็หยุดไป “ออกมาแล้ว!” คนแรกกล่าว

อีกคนรีบมองตาม เห็นเพียงเหมียวอี้เดินวางมาดใหญ่โตออกมาจากประตูหลักของตำหนักคุ้มเมืองจริงๆ ด้วย ไม่แม้แต่จะปลอมตัว แยกแยะหน้าได้ง่ายมาก มองปราดเดียวก็จำได้แล้ว ข้างหลังมีคนกลุ่มหนึ่งติดตาม เหาะไปทางประตูเมืองฝั่งตะวันตกด้วยกัน

คนแรกถ่ายทอดเสียงบอกทันทีว่า “เร็วเข้า บอกสมาชิกที่อยู่ตามเส้นทางให้เตรียมตัวให้ดี รายงานขึ้นไปเบื้องบนทุกเมื่อ คนเบื้องบนจะได้ดักได้สะดวก!”

อีกคนรีบหยิบระฆังดาราเอาไว้ในกระบอกแขนเสื้อเพื่อติดต่อ…

หลังจากมาถึงดาราจักรแล้ว ลิ่งหูโต้วจ้งก็หันมองรอบๆ แวบหนึ่ง สุดท้ายสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ตัวเหมียวอี้ แล้วเตือนว่า “ผู้ตรวจการใหญ่เหมือนจะมีศัตรูไม่น้อยเลย แต่กลับไม่ปลอมตัว ไม่กลัวศัตรูจับตามองเหรอ?”

เหมียวอี้หัวเราะเบาๆ “ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าท่านจอมพลลิ่งหูจะมา ข้าก็ย่อมไม่ทำอย่างนี้ หรือว่ากำลังพลห้าสิบล้านของสายขาลจะปกป้องข้าไม่ได้เชียวเหรอ? พูดตรงๆ แบบไม่ปิดบัง การเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ค่อนข้างใหญ่โต ทวนในที่แจ้งหลบง่าย เกาทัณฑ์ในที่ลับยากป้องกัน ไม่สู้ฉวยโอกาสทดลองสักหน่อย ข้าอยากจะเห็นว่าจะมีใครกระโดดออกมาหรือเปล่า จะได้ฉวยโอกาสโจมตีตอนศัตรูไม่ได้ป้องกัน สั่งสอนสักหน่อย การศึกมิหน่ายเล่ห์ไง!”

ลิ่งหูโต้วจ้งพูดไม่ออก สงสัยจะนับพวกเขาเข้ามาในแผนตั้งนานแล้ว นี่คือการฉวยโอกาสใช้งาน จึงกำชับคนที่อยู่ซ้ายขวาว่า  “เตรียมป้องกัน!”

ทหารใต้บังคับบัญชาของเขาเริ่มสังเกตการณ์รอบๆ

หลังจากออกจากประตูดวงดาวต่อเนื่องหลายแห่ง ก็แทบจะสังเกตอะไรบางอย่างได้แล้วจริงๆ ถึงอย่างไรคนที่ติดตามมาก็มีศักยภาพไม่ธรรมดา ลิ่งหูโต้วจ้งที่ได้รับรายงานมาถ่ายทอดเสียงบอกว่า “ผู้ตรวจการใหญ่ ท่านอาจจะถูกเพ่งเล็งแล้วจริงๆ จะปลอมตัวสักหน่อยแล้วเปลี่ยนเส้นทางกับผู้ติดตามดีไหม?”

เหมียวอี้แสยะยิ้ม “ไม่ต้องหรอก! ไปที่เส้นทางเข้าแดนรัตติกาลโดยตรง อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น!”

ลิ่งหูโต้วจ้งนับว่าได้สัมผัสกับตัวเองแล้ว ว่าท่านนี้ชอบมีเรื่องขนาดไหน พวกเขาก็ต้องประสมโรงไปด้วย ทำแบบนี้ต้องการจะล่อศัตรูให้มามีเรื่องกันชัดๆ เขาจินตนาการออกเลย ข้างกายเหมียวอี้มียอดฝีมือคุ้มกัน กอปรกับฐานะที่อยู่ที่นี่ คนที่กล้าแตะต้องเขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน

หลังจากถ่ายทอดคำสั่งของเหมียวอี้ลงไป วางกำลังไว้เล็กน้อย ตอนที่จะผ่านประตูดวงดาวอีกครั้งก็ส่งคนกลุ่มหนึ่งไปสำรวจทางก่อน จะได้ไม่ถูกคนที่ดักซุ่มอยู่ตรงนอกประตูดวงดาวโจมตีจนทำอะไรไม่ถูก

…………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+