พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1941 ต้องอาศัยกำลังทหารมาคุย

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1941 ต้องอาศัยกำลังทหารมาคุย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ส่วนเรื่องปกป้องจ้านหรูอี้ ก็เห็นได้ชัดว่าประมุขชิงไม่เชื่อใจโพ่จวินแล้ว ตรงตำหนักเย็นที่อยู่ของจ้านหรูอี้ใช้งานแค่คนของหน่วยองครักษ์ขวาเท่านั้น ไม่ให้คนของหน่วยองครักษ์ซ้ายเข้าใกล้เลย คนตรงจุดกักบริเวณจ้านผิงและฮูหยินก็ใช้คนของหน่วยองครักษ์ขวาเช่นกัน จะบอกว่าประมุขชิงกลัวโพ่จวินแล้วก็ไม่ถือว่ากล่าวเกินไป

แต่ถ้ามองจากอีกมุมหนึ่ง การที่โพ่จวินวุ่นวายแบบนี้ กดดันให้ประมุขชิงลงโทษจ้านหรูอี้ก็ถือว่าแก้ไขปัญหาที่จะตามมาในภายหลังแล้วเช่นกัน อย่างน้อยในภายหลังก็ไม่มีใครนำเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีก

สำหรับพวกอ๋องสวรรค์ที่ตำหนักสวรรค์ ในวันเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ปิดบังพวกเขาไม่ได้ ที่จริงพวกเขาก็หวังให้ประมุขชิงทำเรื่องแบบนี้บ่อยๆ ไม่เคยหวังให้โพ่จวินออกมาป่วนสถานการณ์ แต่โพ่จวินก็ไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง

แม้เรื่องนี้จะใหญ่โต ประมุขชิงก็ไม่ได้ถ่วงงานหลัก อาศัยโอกาสที่เบื้องล่างไม่มีใครคัดค้านอะไร อนุมัติการลงโทษลดยศตำแหน่งลิ่งหูโต้วจ้งและกำลังพลห้าสิบล้านได้อย่างราบรื่น

จนกระทั่งตอนนี้ เรื่องที่กำลังพลห้าสิบล้านของลิ่งหูโต้วจ้งไปพึ่งพาจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลก็ถูกประกาศอย่างเป็นทางการ สั่นสะเทือนใต้หล้า!

ตอนนี้ทุกคนเข้าใจแล้วว่า ในอาณาเขตตำหนักสวรรค์มีอำนาจใหม่อีกฝ่ายหนึ่งผงาดขึ้นมาแล้ว!

เพียงแต่อาจจะมีคนมากมายไม่เห็นดีด้วย ต่างก็รู้สึกว่าเหมียวอี้พื้นฐานแย่ ดันทุรังควบคุมสถานการณ์ที่ใหญ่โตขนาดนี้ อาจจะประคับประคองได้ไม่นาน

จวนอ๋องสวรรค์โค่ว ช่วงนี้โค่วหลิงซวีอารมณ์ไม่ค่อยดีเช่นกัน มักจะปล่อยผมยาวคลุมบ่าและสวมชุดลำลองเดินเนิบนาบอยู่ในป่าภูเขา

ตอนที่ดวงอาทิตย์กำลังจะตก เขาก็มักยืนบนหน้าผาแล้วทอดสายตาออกไปไกล

ตอนดวงอาทิตย์ตก โค่วเจิงกับถังเฮ่อเหนียนเดินมาด้วยกัน ถังเฮ่อเหนียนยื่นแผ่นหยกให้ “ท่านอ๋อง สถานการณ์การลดตำแหน่งกำลังพลห้าสิบล้านของลิ่งหูโต้วจ้งส่งมาแล้วครับ”

โค่วหลิงซวีรับมาอ่านในมือคู่หนึ่ง สุดท้ายก็ส่งกลับไป ถอนหายใจแล้วบอกว่า “วิธีการทำงานของหนิวโหย่วเต๋อ นับวันจะยิ่งช่ำชองขึ้นแล้ว นี่คิดอยากจะกลืนกำลังพลห้าสิบล้านเชียวนะ ไม่รู้ว่าลิ่งหูโต้วจ้งเห็นสิ่งนี้แล้วจะรู้สึกยังไง”

ถังเฮ่อเหนียนบอกว่า “อาจจะไม่ใช่เรื่องแย่ ลิ่งหูโต้วจ้งจะยอมเชียวหรือ? ถึงยังไงส่วนใหญ่ก็เป็นกำลังพลสายตรงของเขา ถ้าจะก่อเรื่องขึ้นมา หนิวโหย่วเต๋อก็อาจควบคุมไม่ไหว ไม่แน่ว่าช้าเร็วอาจจะเกิดเรื่องขึ้น”

โค่วหลิงซวีส่ายหน้า “ไม่แน่หรอก! มีหรือที่หนิวโหย่วเต๋อจะไม่รู้ว่ารายชื่อลงโทษนี้จะยั่วโมโหลิ่งหูโต้วจ้ง? ในเมื่อเขากล้าทำอย่างนี้ แสดงว่าก่อนหน้านี้ลิ่งหูโต้วจ้งคงจะตอบตกลงแล้ว ข่าวที่ก่วงลิ่งกงส่งมาพอจะอธิบายปัญหาบางอย่างได้ ก่วงลิ่งกงสันนิษฐานว่า ประมุขชิงสนับสนุนหนิวโหย่วเต๋อเพื่อสร้างอำนาจให้ชิงหยวนจุน ตอนนี้คิดดูก็น่าจะเป็นอย่างนี้ การที่ลิ่งหูโต้วจ้งตอบตกลงได้ คาดว่าคงเห็นความหวังที่จะเงยหน้าอ้าปากจากฝั่งชิงหยวนจุน ก่วงลิ่งกงบอกว่า ในเมื่อประมุขชิงตั้งใจจะสร้างอำนาจให้ชิงหยวนจุน เมื่อมีโอกาสเมื่อไหร่ ก็อาจจะขยายอำนาจให้เขาก็ได้ หวังให้พวกเราสามตระกูลร่วมมือกันสังหารเขาตอนที่กำลังแตกหน่อเติบโต”

“ท่านอ๋องตอบตกลงแล้วหรือครับ?” ถังเฮ่อเหนียนถาม

โค่วหลิงซวีบอกว่า “เถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อไม่ยอมให้ความร่วมมือ เจตนาของพวกเขาชัดเจนมาก ว่าทุกอย่างต้องรอให้พวกเขาได้ดำรงตำแหน่งก่อน กลับโน้มน้าวให้พวกอ๋องอดทนไว้ก่อนชั่วคราวด้วย เจ้าสองคนนั้นได้ผลประโยชน์แล้ว กอปรกับประมุขชิงเผยเจตนาว่าจะแบ่งภูเขาสี่ลูกนี้ ถ้าสถานการณ์เปลี่ยนแปลงเมื่อไหร่ คงเป็นเรื่องยากที่จอมพลเบื้องล่างจะไม่เอาเยี่ยงอย่าง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาแตะต้องหนิวโหย่วเต๋อ!”

ถังเฮ่อเหนียนพยักหน้าเบาๆ ตรงหว่างคิ้วฉายแววกลุ้มใจ การกระทำของเถิงเฟยและเฉิงไท่เจ๋อส่งผลกระทบเลวร้ายเกินไป ทำเอาสามอ๋องสวรรค์ต้องป้องกันเบื้องล่าง ดีไม่ดีเบื้องล่างก็กังวลอีกว่าจะโดนเบื้องบนกวาดล้างหรือเปล่า ทำให้หวาดระแวงกันเองได้ง่าย นับว่าประมุขชิงบรรลุจุดประสงค์แล้ว

โค่วเจิงที่อยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ไม่น่าเชื่อว่าลิ่งหูโต้วจ้งจะไปพึ่งพาหนิวโหย่วเต๋อ ก่อนหน้านี้ไม่ว่าใครก็นึกไม่ถึง กำลังพลเกรียงไกรห้าสิบล้านโดนหนิวโหย่วเต๋อชุบมือเปิบแล้ว ไม่ต้องพูดถึงวาสนาเลย” จะบอกว่าเขาอิจฉาก็ไม่ถือว่ากล่าวเกินไป เขามีชาติกำเนิดแบบนี้ แต่ก็อดทนไต่เต้ามาถึงขั้นนี้เท่านั้น แต่หนิวโหย่วเต๋อสบายกว่าเขาอีก ที่สำคัญคือกำลังพลที่เป็นของหนิวโหย่วเต๋อโดยแท้ เบื้องบนไม่มีใครควบคุม แต่เบื้องบนของเขากลับควบคุมลงมาทีละชั้น

โค่วหลิงซวีเหล่ตามองเขาอย่างเย็นชาปราดหนึ่ง ถังเฮ่อเหนียนเห็นสถานการณ์ดังนั้นก็รีบพูดแทรกว่า “ท่านอ๋อง คนของกองทัพองครักษ์ที่ควบคุมศูนย์กลางตลาดสวรรค์ที่ต่างๆ ไม่มีท่าทีว่าจะออกไป ประมุขชิงคงไม่คิดจะฉวยโอกาสนี้ควบคุมตลาดสวรรค์ไว้ในมือโดยสิ้นเชิงหรอกใช่ไหมขอรับ?”

โค่วหลิงซวีแสยะยิ้ม “แค่คิดจะทำที่ไหนกัน เขาฉวยโอกาสตักตวงผลประโยชน์ตอนสถานการณ์วุ่นวาย ก้าวต่อไปก็คงจะให้กำลังพลกองทัพองครักษ์ชุดนั้นย้ายไปเป็นสมาชิกที่คอยควบคุมตลาดสวรรค์ แต่เรื่องนี้เขาทำตามใจไม่ได้หรอก ตลาดสวรรค์อยู่ในอาณาเขตของทุกคน เราสามารถยกเลิกการทดสอบของตลาดสวรรค์ไปเงียบๆ ได้เลย ครั้งนี้ก็ปั่นป่วนความปรารถนาของเขาได้อยู่ดี รอให้สถานการณ์ทางเถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อนิ่งก่อน อีกเดี๋ยวค่อยสั่งสอนประมุขชิงสักหน่อย เดี๋ยวเขาก็ถอนกำลังออกไปแต่โดยดีเอง ตอนนี้ปล่อยให้เขามีความสุขกับตัวเองไปก่อน!”

ดูท่าแล้ว แสดงว่าตระกูลที่เหลือคงจะมีวิธีการรับมือแล้ว ถังเฮ่อเหนียนไม่ถามอะไรอีกแล้วเช่นกัน

กลับเป็นโค่วเจิงที่บอกอีกว่า “ท่านพ่อ เซิงมู่เสวี่ยเหมือนจะไปเที่ยวเล่นหาหนิวโหย่วเต๋อที่จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลบ่อย เขาค่อนข้างสนิทกับหนิวโหย่วเต๋อนะ”

โค่วหลิงซวีหันมาจ้อง “ทุกอย่างที่เขามีตอนนี้ล้วนเป็นสิ่งที่บิดาเขาเอาชีวิตแลกมา! เขาไม่แข่งขันและไม่แย่งชิงผลประโยชน์ ไม่เลี้ยงกำลังพลด้วย ไม่เป็นภัยคุกคามต่อใครทั้งนั้น การผูกมิตรไปทั่วคือวิธีการที่เขาใช้ปกป้องตัวเอง เขาใช้ชีวิตของตัวเองอย่างสง่าผ่าเผย คนอื่นว่าอะไรเขาไม่ได้ แล้วพี่ใหญ่อย่างเจ้าจะเพ่งเล็งเขาไม่เลิกทำไม? ทำไมล่ะ ทนมองน้องสาวตัวเองใช้ชีวิตอิสระไม่ได้เหรอ?”

“ลูกไม่ได้หมายความอย่างนั้น เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาทำอย่างนี้เหมาะสมหรือเปล่า” โค่วเจิงรีบแก้ตัว

ตอนนี้เซิงมู่เสวี่ยไปเที่ยวเล่นหาหนิวโหย่วเต่อที่จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลแล้วจริงๆ ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น ยังพาโค่วอวี้ ฮูหยินของตัวเองไปด้วย

เพียงแต่ในเวลานี้เหมียวอี้ไม่มีเวลาว่างมาอยู่เป็นเพื่อนเขา นอกจากงานในมือจะเยอะแล้ว ก็ยังมีแขกมาหาด้วย เว่ยซูมาแล้ว

อวิ๋นจือชิวก็ไม่ว่างเช่นกัน หลังจากมาต้อนรับนิดหน่อย ก็ให้สวีถังหรานและฮูหยินพาเดินเที่ยวจนทั่ว

เซิงมู่เสวี่ยเป็นคนรักอิสระ แม้แต่โค่วอวี้ก็เป็นคนสบายๆ ตามไปด้วย สองสามีภรรยาคบหาสหายโดยไม่แบ่งแยกชนชั้นฐานะ ไม่ว่างคุยกับใครก็คุยได้หมด หลบเลี่ยงงานหลัก ไม่คุยเรื่องพวกนั้น คุยแต่เรื่องสัพเพเหระ ไปเที่ยวกับสวีถังหรานและฮูหยินสนุกมาก ไม่นานก็กลายเป็นสหายกันแล้ว

คบกับสหายแบบนี้ก็วางใจดีเหมือนกัน ไม่ต้องกลัวว่าคนอื่นจะว่าอะไร อีกฝ่ายไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องราวในใต้หล้าที่ผันผวนไม่หยุดนิ่ง

พวกเขาเที่ยวกันอย่างสำราญใจ แต่คนที่กำลังคุยเรื่องงานกันกลับสำราญใจไม่ไหว เว่ยซูไม่สำราญใจแล้ว

ในโถงรับแขก เจ้าบ้านและแขกนั่งตรงข้ามกัน เว่ยซูสีหน้าค่อนข้างแย่ “ผู้ตรวจการใหญ่จงใจจะขัดขวางไม่ให้ข้าเจอคนของสำนักลมปราณใช่มั้ย?”

เหมียวอี้โบกมือถอนหายใจ “ท่านบุรุษเว่ยใส่ร้ายข้าแรงจริงๆ สำนักลมปราณโดนคนบ้านอ๋องสวรรค์ก่วงเล่นงานจนกลัวแล้ว ตอนนี้สำนักลมปราณไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งพวกนั้นอีกแล้ว ไม่ใช่ว่าข้าขัดขวาง”

ไม่ใช่เจ้าก็แปลกแล้ว! เว่ยซูกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ให้ข้าคุยกับคนของสำนักลมปราณสักหน่อย”

เหมียวอี้โบกมืออีก “สำนักลมปราณไหว้วานให้ข้ามาเจรจากับท่าน พวกเขาบอกว่าตัวเองต่ำต้อยคำพูดอะไรน้ำหนัก ไม่กล้าเผชิญความกดจากท่าน ใช่แล้ว สำนักลมปราณไหว้วานให้ข้ามาบอกท่าน ว่าสำนักลมปราณไม่ต้องการหุ้นที่ร้านขายของชำซื่อตรงแล้ว จะมอบให้ตระกูลเซี่ยโห้ว ทั้งยังหุ้นของตระกูลอิ๋งด้วย ตระกูลอิ๋งไม่อยู่แล้ว ก็เธอมอบให้ตระกูลเซี่ยโห้วเหมือนกัน นับว่าชดเชยความรู้สึกผิดในใจ หวังว่าตระกูลเซี่ยโห้วจะไม่รังเกียจ”

“ช่างใจกว้างจริงๆ!” เว่ยซูแสยะยิ้มสองที ในใจค่อนข้างเดือดดาล หุ้นของตระกูลอิ๋งเป็นสิ่งที่ตระกูลเซี่ยโห้วจะฮุบไว้ได้เหรอ? นั่นคือเนื้อในปากของเถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อ สองคนนั้นต้องรับช่วงต่อผลประโยชน์ต่อจากตระกูลอิ๋งแน่นอน ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าก่อนลงมือ วังสวรรค์คงสัญญาว่าจะให้ผลประโยชน์ส่วนนี้กับพวกเขาแล้วแน่ ต่อให้วังสวรรค์ไม่ได้สัญญา คนอื่นก็ไม่มาแย่งส่วนนี้เช่นกัน ถ้าตระกูลเซี่ยโห้วกล้าฮุบหุ้นส่วนนี้จริงๆ นั่นคือเนื้อในปากเถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อ อีกฝ่ายตอบตกลงก็แปลกแล้ว

ส่วนหุ้นครึ่งหนึ่งของสำนักลมปราณ ช่องทางการบริหารของร้านขายของชำล้วนอยู่ในมือสำนักลมปราณ ลูกค้าบางส่วนที่ปิดข้อมูลเป็นความลับไม่กล้าติดต่อกับตัวละครยักษ์ใหญ่อย่างตระกูลเซี่ยโห้วเลย ความเสียหายส่วนนี้ไม่ใช่สิ่งที่หุ้นครึ่งหนึ่งจะชดเชยได้ ไหนจะคำถามจากผู้ถือหุ้นคนอื่นอี ได้หุ้นครึ่งหนึ่งนั้นไปจะมีประโยชน์อะไร

เหมียวอี้กลับพยักหน้าอย่างมั่นใจ “ข้ารู้สึกว่าสำนักลมปราณใจกว้างมากพอแล้วนะ แต่ถ้าเทียบกับหุ้นร้านขายของชำที่ข้ามอบให้ปีนั้นก็ถือว่าตระหนี่ไปหน่อย จะว่าไปแล้วหุ้นของตระกูลเซี่ยโห้วก็ได้ไปจากข้านี่ ได้ไปเต็มๆ สองส่วนโดยไม่เสียอะไร!”

เว่ยซูลุกขึ้นยืนแล้ว หรี่ตาจ้องเหมียวอี้ “ดูท่าผู้ตรวจการใหญ่คงจะตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะเป็นศัตรูกับตระกูลเซี่ยโห้ว!”

เหมียวอี้ก็ลุกขึ้นแล้วเช่นกัน จ้องหน้าอย่างไม่กลัว “มิบังอาจหรอก! ก็แค่อยากจะทวงสิ่งที่ข้าเสียไปกลับคืนมาก็เท่านั้น ไม่ได้ซับซ้อนเลย!”

เท่ากับเปิดเผยเต็มที่แล้วว่าเขาจะไม่ให้คนของสำนักลมปราณไปที่ร้านขายของชำซื่อตรงอีก!

เว่ยซูก้าวเข้าไปข้างหน้าด้วยสายตาเย็นเยียบ เดินไปหาเขา

“ถอยไป!” เหมียวอี้ตะคอกอย่างไม่แยแส เขาไม่เชื่อหรอกว่าเว่ยซูจะกล้าลงมือกับเขาที่นี่ นอกจากจะเบื่อหน่ายที่จะมีชีวิตอยู่แล้วเท่านั้น

ชิงเยว่กับซิงสบตากันแวบหนึ่ง จากนั้นหลีกทางให้ทางซ้ายและขวา เว่ยซูเพิ่งจะเดินผ่ากลางทั้งสองไป ไปหยุดอยู่ตรงหน้าเหมียวอี้ทันที เขายื่นหน้าไปใกล้เหมียวอี้ “ผู้ตรวจการใหญ่ใจกล้าไม่เบา หลายปีแล้วที่ไม่มีใครกล้าพูดกับข้าแบบนี้”

เหมียวอี้ยิ้มเรียบๆ “อาศัยกำลังทหารมาคุยไง ถ้าเป็นเมื่อก่อน มีหรือที่ท่านบุรุษเว่ยจะมาเยี่ยมข้าถึงที่ด้วยตัวเอง!”

“ผู้ตรวจการใหญ่ดูแลตัวเองให้ดีเถอะ!” เว่ยซูตบบ่าเหมียวอี้พลางยิ้มเจ้าเล่ห์ พุดจบก็หันตัวเดินออกไป

พูดจาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเจรจาต่อไปแล้ว แต่การเดินทางครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรเลย นับว่าได้หยั่งท่าทีของเหมียวอี้แล้ว ไม่มีทางส่งสำนักลมปราณมาให้จริงๆ ด้วย กล้าวางกับดักเซี่ยโห้วลิ่งจริงๆ ด้วย

“ส่งแขก!” เหมียวอี้ตะโกนบอก ชิงเยว่ตามออกไปด้วยตัวเอง

เดินมาถึงประตูโถงรับแขก ขณะมองคล้อยหลังเว่ยซู เหมียวอี้ก็ยกมุมปากยิ้มเจ้าเล่ห์ พบว่าตระกูลเซี่ยโห้วยังมีความอดทนจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะยังไม่นำจุดอ่อนเรื่องหกลัทธิมาขู่บังคับเขา ดูท่าแล้วหยางชิ่งจะพูดไว้ไม่มีผิด ยังไม่ถึงเวลาที่จะนำจุดอ่อนนั้นมาบีบเขาจริงๆ!

ซิงที่เดินตามออกมามองเขาด้วยแววตาเป็นประกาย พึมพำวในใจว่า ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าพูดแบบนี้กับเว่ยซู ไม่รู้เหรอว่าท่านนี้น่ากลัวขนาดไหน?

“นายท่าน เรื่องรายชื่อลดตำแหน่ง จะรอก่อนค่อยประกาศ หรือจะเริ่มตอนนี้เลยขอรับ?” หยางเจาชิงที่เดินตามออกมาด้วยกันเอ่ยถาม

เหมียวอี้พยักหน้า “บอกให้พวกลิ่งหูโต้วจ้งมาที่ตำหนักประชุมเถอะ!”

……………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1941 ต้องอาศัยกำลังทหารมาคุย

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1941 ต้องอาศัยกำลังทหารมาคุย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ส่วนเรื่องปกป้องจ้านหรูอี้ ก็เห็นได้ชัดว่าประมุขชิงไม่เชื่อใจโพ่จวินแล้ว ตรงตำหนักเย็นที่อยู่ของจ้านหรูอี้ใช้งานแค่คนของหน่วยองครักษ์ขวาเท่านั้น ไม่ให้คนของหน่วยองครักษ์ซ้ายเข้าใกล้เลย คนตรงจุดกักบริเวณจ้านผิงและฮูหยินก็ใช้คนของหน่วยองครักษ์ขวาเช่นกัน จะบอกว่าประมุขชิงกลัวโพ่จวินแล้วก็ไม่ถือว่ากล่าวเกินไป

แต่ถ้ามองจากอีกมุมหนึ่ง การที่โพ่จวินวุ่นวายแบบนี้ กดดันให้ประมุขชิงลงโทษจ้านหรูอี้ก็ถือว่าแก้ไขปัญหาที่จะตามมาในภายหลังแล้วเช่นกัน อย่างน้อยในภายหลังก็ไม่มีใครนำเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีก

สำหรับพวกอ๋องสวรรค์ที่ตำหนักสวรรค์ ในวันเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ปิดบังพวกเขาไม่ได้ ที่จริงพวกเขาก็หวังให้ประมุขชิงทำเรื่องแบบนี้บ่อยๆ ไม่เคยหวังให้โพ่จวินออกมาป่วนสถานการณ์ แต่โพ่จวินก็ไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง

แม้เรื่องนี้จะใหญ่โต ประมุขชิงก็ไม่ได้ถ่วงงานหลัก อาศัยโอกาสที่เบื้องล่างไม่มีใครคัดค้านอะไร อนุมัติการลงโทษลดยศตำแหน่งลิ่งหูโต้วจ้งและกำลังพลห้าสิบล้านได้อย่างราบรื่น

จนกระทั่งตอนนี้ เรื่องที่กำลังพลห้าสิบล้านของลิ่งหูโต้วจ้งไปพึ่งพาจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลก็ถูกประกาศอย่างเป็นทางการ สั่นสะเทือนใต้หล้า!

ตอนนี้ทุกคนเข้าใจแล้วว่า ในอาณาเขตตำหนักสวรรค์มีอำนาจใหม่อีกฝ่ายหนึ่งผงาดขึ้นมาแล้ว!

เพียงแต่อาจจะมีคนมากมายไม่เห็นดีด้วย ต่างก็รู้สึกว่าเหมียวอี้พื้นฐานแย่ ดันทุรังควบคุมสถานการณ์ที่ใหญ่โตขนาดนี้ อาจจะประคับประคองได้ไม่นาน

จวนอ๋องสวรรค์โค่ว ช่วงนี้โค่วหลิงซวีอารมณ์ไม่ค่อยดีเช่นกัน มักจะปล่อยผมยาวคลุมบ่าและสวมชุดลำลองเดินเนิบนาบอยู่ในป่าภูเขา

ตอนที่ดวงอาทิตย์กำลังจะตก เขาก็มักยืนบนหน้าผาแล้วทอดสายตาออกไปไกล

ตอนดวงอาทิตย์ตก โค่วเจิงกับถังเฮ่อเหนียนเดินมาด้วยกัน ถังเฮ่อเหนียนยื่นแผ่นหยกให้ “ท่านอ๋อง สถานการณ์การลดตำแหน่งกำลังพลห้าสิบล้านของลิ่งหูโต้วจ้งส่งมาแล้วครับ”

โค่วหลิงซวีรับมาอ่านในมือคู่หนึ่ง สุดท้ายก็ส่งกลับไป ถอนหายใจแล้วบอกว่า “วิธีการทำงานของหนิวโหย่วเต๋อ นับวันจะยิ่งช่ำชองขึ้นแล้ว นี่คิดอยากจะกลืนกำลังพลห้าสิบล้านเชียวนะ ไม่รู้ว่าลิ่งหูโต้วจ้งเห็นสิ่งนี้แล้วจะรู้สึกยังไง”

ถังเฮ่อเหนียนบอกว่า “อาจจะไม่ใช่เรื่องแย่ ลิ่งหูโต้วจ้งจะยอมเชียวหรือ? ถึงยังไงส่วนใหญ่ก็เป็นกำลังพลสายตรงของเขา ถ้าจะก่อเรื่องขึ้นมา หนิวโหย่วเต๋อก็อาจควบคุมไม่ไหว ไม่แน่ว่าช้าเร็วอาจจะเกิดเรื่องขึ้น”

โค่วหลิงซวีส่ายหน้า “ไม่แน่หรอก! มีหรือที่หนิวโหย่วเต๋อจะไม่รู้ว่ารายชื่อลงโทษนี้จะยั่วโมโหลิ่งหูโต้วจ้ง? ในเมื่อเขากล้าทำอย่างนี้ แสดงว่าก่อนหน้านี้ลิ่งหูโต้วจ้งคงจะตอบตกลงแล้ว ข่าวที่ก่วงลิ่งกงส่งมาพอจะอธิบายปัญหาบางอย่างได้ ก่วงลิ่งกงสันนิษฐานว่า ประมุขชิงสนับสนุนหนิวโหย่วเต๋อเพื่อสร้างอำนาจให้ชิงหยวนจุน ตอนนี้คิดดูก็น่าจะเป็นอย่างนี้ การที่ลิ่งหูโต้วจ้งตอบตกลงได้ คาดว่าคงเห็นความหวังที่จะเงยหน้าอ้าปากจากฝั่งชิงหยวนจุน ก่วงลิ่งกงบอกว่า ในเมื่อประมุขชิงตั้งใจจะสร้างอำนาจให้ชิงหยวนจุน เมื่อมีโอกาสเมื่อไหร่ ก็อาจจะขยายอำนาจให้เขาก็ได้ หวังให้พวกเราสามตระกูลร่วมมือกันสังหารเขาตอนที่กำลังแตกหน่อเติบโต”

“ท่านอ๋องตอบตกลงแล้วหรือครับ?” ถังเฮ่อเหนียนถาม

โค่วหลิงซวีบอกว่า “เถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อไม่ยอมให้ความร่วมมือ เจตนาของพวกเขาชัดเจนมาก ว่าทุกอย่างต้องรอให้พวกเขาได้ดำรงตำแหน่งก่อน กลับโน้มน้าวให้พวกอ๋องอดทนไว้ก่อนชั่วคราวด้วย เจ้าสองคนนั้นได้ผลประโยชน์แล้ว กอปรกับประมุขชิงเผยเจตนาว่าจะแบ่งภูเขาสี่ลูกนี้ ถ้าสถานการณ์เปลี่ยนแปลงเมื่อไหร่ คงเป็นเรื่องยากที่จอมพลเบื้องล่างจะไม่เอาเยี่ยงอย่าง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาแตะต้องหนิวโหย่วเต๋อ!”

ถังเฮ่อเหนียนพยักหน้าเบาๆ ตรงหว่างคิ้วฉายแววกลุ้มใจ การกระทำของเถิงเฟยและเฉิงไท่เจ๋อส่งผลกระทบเลวร้ายเกินไป ทำเอาสามอ๋องสวรรค์ต้องป้องกันเบื้องล่าง ดีไม่ดีเบื้องล่างก็กังวลอีกว่าจะโดนเบื้องบนกวาดล้างหรือเปล่า ทำให้หวาดระแวงกันเองได้ง่าย นับว่าประมุขชิงบรรลุจุดประสงค์แล้ว

โค่วเจิงที่อยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ไม่น่าเชื่อว่าลิ่งหูโต้วจ้งจะไปพึ่งพาหนิวโหย่วเต๋อ ก่อนหน้านี้ไม่ว่าใครก็นึกไม่ถึง กำลังพลเกรียงไกรห้าสิบล้านโดนหนิวโหย่วเต๋อชุบมือเปิบแล้ว ไม่ต้องพูดถึงวาสนาเลย” จะบอกว่าเขาอิจฉาก็ไม่ถือว่ากล่าวเกินไป เขามีชาติกำเนิดแบบนี้ แต่ก็อดทนไต่เต้ามาถึงขั้นนี้เท่านั้น แต่หนิวโหย่วเต๋อสบายกว่าเขาอีก ที่สำคัญคือกำลังพลที่เป็นของหนิวโหย่วเต๋อโดยแท้ เบื้องบนไม่มีใครควบคุม แต่เบื้องบนของเขากลับควบคุมลงมาทีละชั้น

โค่วหลิงซวีเหล่ตามองเขาอย่างเย็นชาปราดหนึ่ง ถังเฮ่อเหนียนเห็นสถานการณ์ดังนั้นก็รีบพูดแทรกว่า “ท่านอ๋อง คนของกองทัพองครักษ์ที่ควบคุมศูนย์กลางตลาดสวรรค์ที่ต่างๆ ไม่มีท่าทีว่าจะออกไป ประมุขชิงคงไม่คิดจะฉวยโอกาสนี้ควบคุมตลาดสวรรค์ไว้ในมือโดยสิ้นเชิงหรอกใช่ไหมขอรับ?”

โค่วหลิงซวีแสยะยิ้ม “แค่คิดจะทำที่ไหนกัน เขาฉวยโอกาสตักตวงผลประโยชน์ตอนสถานการณ์วุ่นวาย ก้าวต่อไปก็คงจะให้กำลังพลกองทัพองครักษ์ชุดนั้นย้ายไปเป็นสมาชิกที่คอยควบคุมตลาดสวรรค์ แต่เรื่องนี้เขาทำตามใจไม่ได้หรอก ตลาดสวรรค์อยู่ในอาณาเขตของทุกคน เราสามารถยกเลิกการทดสอบของตลาดสวรรค์ไปเงียบๆ ได้เลย ครั้งนี้ก็ปั่นป่วนความปรารถนาของเขาได้อยู่ดี รอให้สถานการณ์ทางเถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อนิ่งก่อน อีกเดี๋ยวค่อยสั่งสอนประมุขชิงสักหน่อย เดี๋ยวเขาก็ถอนกำลังออกไปแต่โดยดีเอง ตอนนี้ปล่อยให้เขามีความสุขกับตัวเองไปก่อน!”

ดูท่าแล้ว แสดงว่าตระกูลที่เหลือคงจะมีวิธีการรับมือแล้ว ถังเฮ่อเหนียนไม่ถามอะไรอีกแล้วเช่นกัน

กลับเป็นโค่วเจิงที่บอกอีกว่า “ท่านพ่อ เซิงมู่เสวี่ยเหมือนจะไปเที่ยวเล่นหาหนิวโหย่วเต๋อที่จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลบ่อย เขาค่อนข้างสนิทกับหนิวโหย่วเต๋อนะ”

โค่วหลิงซวีหันมาจ้อง “ทุกอย่างที่เขามีตอนนี้ล้วนเป็นสิ่งที่บิดาเขาเอาชีวิตแลกมา! เขาไม่แข่งขันและไม่แย่งชิงผลประโยชน์ ไม่เลี้ยงกำลังพลด้วย ไม่เป็นภัยคุกคามต่อใครทั้งนั้น การผูกมิตรไปทั่วคือวิธีการที่เขาใช้ปกป้องตัวเอง เขาใช้ชีวิตของตัวเองอย่างสง่าผ่าเผย คนอื่นว่าอะไรเขาไม่ได้ แล้วพี่ใหญ่อย่างเจ้าจะเพ่งเล็งเขาไม่เลิกทำไม? ทำไมล่ะ ทนมองน้องสาวตัวเองใช้ชีวิตอิสระไม่ได้เหรอ?”

“ลูกไม่ได้หมายความอย่างนั้น เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาทำอย่างนี้เหมาะสมหรือเปล่า” โค่วเจิงรีบแก้ตัว

ตอนนี้เซิงมู่เสวี่ยไปเที่ยวเล่นหาหนิวโหย่วเต่อที่จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลแล้วจริงๆ ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น ยังพาโค่วอวี้ ฮูหยินของตัวเองไปด้วย

เพียงแต่ในเวลานี้เหมียวอี้ไม่มีเวลาว่างมาอยู่เป็นเพื่อนเขา นอกจากงานในมือจะเยอะแล้ว ก็ยังมีแขกมาหาด้วย เว่ยซูมาแล้ว

อวิ๋นจือชิวก็ไม่ว่างเช่นกัน หลังจากมาต้อนรับนิดหน่อย ก็ให้สวีถังหรานและฮูหยินพาเดินเที่ยวจนทั่ว

เซิงมู่เสวี่ยเป็นคนรักอิสระ แม้แต่โค่วอวี้ก็เป็นคนสบายๆ ตามไปด้วย สองสามีภรรยาคบหาสหายโดยไม่แบ่งแยกชนชั้นฐานะ ไม่ว่างคุยกับใครก็คุยได้หมด หลบเลี่ยงงานหลัก ไม่คุยเรื่องพวกนั้น คุยแต่เรื่องสัพเพเหระ ไปเที่ยวกับสวีถังหรานและฮูหยินสนุกมาก ไม่นานก็กลายเป็นสหายกันแล้ว

คบกับสหายแบบนี้ก็วางใจดีเหมือนกัน ไม่ต้องกลัวว่าคนอื่นจะว่าอะไร อีกฝ่ายไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องราวในใต้หล้าที่ผันผวนไม่หยุดนิ่ง

พวกเขาเที่ยวกันอย่างสำราญใจ แต่คนที่กำลังคุยเรื่องงานกันกลับสำราญใจไม่ไหว เว่ยซูไม่สำราญใจแล้ว

ในโถงรับแขก เจ้าบ้านและแขกนั่งตรงข้ามกัน เว่ยซูสีหน้าค่อนข้างแย่ “ผู้ตรวจการใหญ่จงใจจะขัดขวางไม่ให้ข้าเจอคนของสำนักลมปราณใช่มั้ย?”

เหมียวอี้โบกมือถอนหายใจ “ท่านบุรุษเว่ยใส่ร้ายข้าแรงจริงๆ สำนักลมปราณโดนคนบ้านอ๋องสวรรค์ก่วงเล่นงานจนกลัวแล้ว ตอนนี้สำนักลมปราณไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งพวกนั้นอีกแล้ว ไม่ใช่ว่าข้าขัดขวาง”

ไม่ใช่เจ้าก็แปลกแล้ว! เว่ยซูกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ให้ข้าคุยกับคนของสำนักลมปราณสักหน่อย”

เหมียวอี้โบกมืออีก “สำนักลมปราณไหว้วานให้ข้ามาเจรจากับท่าน พวกเขาบอกว่าตัวเองต่ำต้อยคำพูดอะไรน้ำหนัก ไม่กล้าเผชิญความกดจากท่าน ใช่แล้ว สำนักลมปราณไหว้วานให้ข้ามาบอกท่าน ว่าสำนักลมปราณไม่ต้องการหุ้นที่ร้านขายของชำซื่อตรงแล้ว จะมอบให้ตระกูลเซี่ยโห้ว ทั้งยังหุ้นของตระกูลอิ๋งด้วย ตระกูลอิ๋งไม่อยู่แล้ว ก็เธอมอบให้ตระกูลเซี่ยโห้วเหมือนกัน นับว่าชดเชยความรู้สึกผิดในใจ หวังว่าตระกูลเซี่ยโห้วจะไม่รังเกียจ”

“ช่างใจกว้างจริงๆ!” เว่ยซูแสยะยิ้มสองที ในใจค่อนข้างเดือดดาล หุ้นของตระกูลอิ๋งเป็นสิ่งที่ตระกูลเซี่ยโห้วจะฮุบไว้ได้เหรอ? นั่นคือเนื้อในปากของเถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อ สองคนนั้นต้องรับช่วงต่อผลประโยชน์ต่อจากตระกูลอิ๋งแน่นอน ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าก่อนลงมือ วังสวรรค์คงสัญญาว่าจะให้ผลประโยชน์ส่วนนี้กับพวกเขาแล้วแน่ ต่อให้วังสวรรค์ไม่ได้สัญญา คนอื่นก็ไม่มาแย่งส่วนนี้เช่นกัน ถ้าตระกูลเซี่ยโห้วกล้าฮุบหุ้นส่วนนี้จริงๆ นั่นคือเนื้อในปากเถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อ อีกฝ่ายตอบตกลงก็แปลกแล้ว

ส่วนหุ้นครึ่งหนึ่งของสำนักลมปราณ ช่องทางการบริหารของร้านขายของชำล้วนอยู่ในมือสำนักลมปราณ ลูกค้าบางส่วนที่ปิดข้อมูลเป็นความลับไม่กล้าติดต่อกับตัวละครยักษ์ใหญ่อย่างตระกูลเซี่ยโห้วเลย ความเสียหายส่วนนี้ไม่ใช่สิ่งที่หุ้นครึ่งหนึ่งจะชดเชยได้ ไหนจะคำถามจากผู้ถือหุ้นคนอื่นอี ได้หุ้นครึ่งหนึ่งนั้นไปจะมีประโยชน์อะไร

เหมียวอี้กลับพยักหน้าอย่างมั่นใจ “ข้ารู้สึกว่าสำนักลมปราณใจกว้างมากพอแล้วนะ แต่ถ้าเทียบกับหุ้นร้านขายของชำที่ข้ามอบให้ปีนั้นก็ถือว่าตระหนี่ไปหน่อย จะว่าไปแล้วหุ้นของตระกูลเซี่ยโห้วก็ได้ไปจากข้านี่ ได้ไปเต็มๆ สองส่วนโดยไม่เสียอะไร!”

เว่ยซูลุกขึ้นยืนแล้ว หรี่ตาจ้องเหมียวอี้ “ดูท่าผู้ตรวจการใหญ่คงจะตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะเป็นศัตรูกับตระกูลเซี่ยโห้ว!”

เหมียวอี้ก็ลุกขึ้นแล้วเช่นกัน จ้องหน้าอย่างไม่กลัว “มิบังอาจหรอก! ก็แค่อยากจะทวงสิ่งที่ข้าเสียไปกลับคืนมาก็เท่านั้น ไม่ได้ซับซ้อนเลย!”

เท่ากับเปิดเผยเต็มที่แล้วว่าเขาจะไม่ให้คนของสำนักลมปราณไปที่ร้านขายของชำซื่อตรงอีก!

เว่ยซูก้าวเข้าไปข้างหน้าด้วยสายตาเย็นเยียบ เดินไปหาเขา

“ถอยไป!” เหมียวอี้ตะคอกอย่างไม่แยแส เขาไม่เชื่อหรอกว่าเว่ยซูจะกล้าลงมือกับเขาที่นี่ นอกจากจะเบื่อหน่ายที่จะมีชีวิตอยู่แล้วเท่านั้น

ชิงเยว่กับซิงสบตากันแวบหนึ่ง จากนั้นหลีกทางให้ทางซ้ายและขวา เว่ยซูเพิ่งจะเดินผ่ากลางทั้งสองไป ไปหยุดอยู่ตรงหน้าเหมียวอี้ทันที เขายื่นหน้าไปใกล้เหมียวอี้ “ผู้ตรวจการใหญ่ใจกล้าไม่เบา หลายปีแล้วที่ไม่มีใครกล้าพูดกับข้าแบบนี้”

เหมียวอี้ยิ้มเรียบๆ “อาศัยกำลังทหารมาคุยไง ถ้าเป็นเมื่อก่อน มีหรือที่ท่านบุรุษเว่ยจะมาเยี่ยมข้าถึงที่ด้วยตัวเอง!”

“ผู้ตรวจการใหญ่ดูแลตัวเองให้ดีเถอะ!” เว่ยซูตบบ่าเหมียวอี้พลางยิ้มเจ้าเล่ห์ พุดจบก็หันตัวเดินออกไป

พูดจาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเจรจาต่อไปแล้ว แต่การเดินทางครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรเลย นับว่าได้หยั่งท่าทีของเหมียวอี้แล้ว ไม่มีทางส่งสำนักลมปราณมาให้จริงๆ ด้วย กล้าวางกับดักเซี่ยโห้วลิ่งจริงๆ ด้วย

“ส่งแขก!” เหมียวอี้ตะโกนบอก ชิงเยว่ตามออกไปด้วยตัวเอง

เดินมาถึงประตูโถงรับแขก ขณะมองคล้อยหลังเว่ยซู เหมียวอี้ก็ยกมุมปากยิ้มเจ้าเล่ห์ พบว่าตระกูลเซี่ยโห้วยังมีความอดทนจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะยังไม่นำจุดอ่อนเรื่องหกลัทธิมาขู่บังคับเขา ดูท่าแล้วหยางชิ่งจะพูดไว้ไม่มีผิด ยังไม่ถึงเวลาที่จะนำจุดอ่อนนั้นมาบีบเขาจริงๆ!

ซิงที่เดินตามออกมามองเขาด้วยแววตาเป็นประกาย พึมพำวในใจว่า ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าพูดแบบนี้กับเว่ยซู ไม่รู้เหรอว่าท่านนี้น่ากลัวขนาดไหน?

“นายท่าน เรื่องรายชื่อลดตำแหน่ง จะรอก่อนค่อยประกาศ หรือจะเริ่มตอนนี้เลยขอรับ?” หยางเจาชิงที่เดินตามออกมาด้วยกันเอ่ยถาม

เหมียวอี้พยักหน้า “บอกให้พวกลิ่งหูโต้วจ้งมาที่ตำหนักประชุมเถอะ!”

……………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+