พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 2063 เป็นช่วงเวลาที่เกิดเรื่องราวมากมาย

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 2063 เป็นช่วงเวลาที่เกิดเรื่องราวมากมาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ชั่วพริบตาที่ถูกเชิญให้เข้าสู่ประเด็นหลัก ทั้งตัวนางก็หนาวสั่นราวกับอยู่ในอุโมงค์น้ำแข็ง ในที่สุดนางก็ตระหนักได้แล้ว ว่าสามีมองเบาะแสอะไรบางอย่างออกแล้ว ที่จริงในใจนางก็รู้ชัดเจน ว่าครอบครัวอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ต่างคนต่างรู้จักกันและกันดีเกินไป ไม่ว่ามีความผิดปกติอะไรก็อาจเผยพิรุธได้ รู้ว่าจะต้องมองเบาะแสออกในไม่ช้าก็เร็ว เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ สามีจะทำให้ลำบากใจขนาดนี้ ดูจากสภาพการณ์แล้ว นางสงสัยนิดหน่อยว่าสามีจะสังเกตเห็นอะไรมานานแล้วหรือเปล่า ไม่เหมือนเพิ่งสังเกตเห็น ถ้าเป็นครอบครัวปกติ ให้รู้เรื่องแบบนี้ก็ไม่เป็นอะไร แต่ประเด็นก็คือภูมิหลังของสามีทำให้นางหวาดกลัว ดีไม่ดีอาจจะทำให้โดนกวาดล้างทั้งตระกูลหวงฝู่ก็ได้ “จะมีความสัมพันธ์อะไรได้ ก็กล้อมแกล้มเป็นสหายกันไปละมั้ง” หวงฝู่ตวนหรงพยายามใจเย็น “มีความสัมพันธ์อะไรกันแน่?” อู่หนิงถาม “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องเหลวไหลอะไร!” หวงฝู่ตวนหรงแสร้งหงุดหงิด ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปเลย ชวิ้ง! เงาดาบแวบเข้ามา อู่หนิงใช้มือข้างเดียวถือดาบขวางทางออกศาลา ขวางอยู่ตรงหน้าหวงฝู่ตวนหรงเช่นกัน สองสามีภรรยาสบตากันแล้ว หลังจากผ่านไปนาน หวงฝู่ตวนหรงก็หน้าซีดลงเรื่อยๆ ถอยกลับมานั่งลงที่โต๊ะอย่างช้าๆ “เจ้าจะเอายังไง? รายงานไปที่ตำหนักสวรรค์ จะทำให้พวกเราสองแม่ลูกตายเลนใช่มั้ย?” อู่หนิงลุกขึ้นแล้วหันตัวมา ชี้คมดาบไปตรงหว่างคิ้วหวงฝู่ตวนหรง พร้อมถามเสียงเย็น “บอกมา มีความสัมพันธ์อะไร?” “ในเมื่อเจ้าเดาออกแล้ว ทำไมยังต้องถามข้าอีก?” หวงฝู่ตวนหรงฝืนยิ้ม “หนิวโหย่วเต๋อบังคับใช่มั้ย?” อู่หนิงกัดฟัน หวงฝู่ตวนหรงปัดดาบออก พลันลุกขึ้นยืนแล้วพุ่งไปตรงหน้าเขา ไปเผชิญหน้ากันใกล้ๆ แล้วถ่ายทอดเสียงบอกอย่างแข็งกร้าว “ทั้งสองรักกัน ลูกสาวเจ้าเต็มใจเอง! ตอนที่หนิวโหย่วเต๋อเพิ่งมาถึงตลาดสวรรค์ พวกเขาก็อยู่ด้วยกันอย่างดีแล้ว แต่ก็ไม่มีทางเลือก ภูมิหลังของโหรวโหรวก็เห็นๆ กันอยู่ ภูมิหลังของพ่อนางก็ลึกลับเกินคาดเดา นางไม่กล้าบอกที่บ้าน กลัวว่าท่านพ่อจะฆ่านาง เจ้าพอใจหรือยัง?” ฉึก! อู่หนิงปักดาบลงบนพื้น แอบปล่อยพลังภายใน พื้นดินเป็นรอยแยก เป็นลายใยแมงมุมขยายออกมาโดยมีศาลาเป็นจุดศูนย์กลาง มีที่กุมด้ามดาบสั่นเทิ้ม อู่หนิงก้มหน้ากล่าวอย่างขมขื่น “ในเมื่อรู้จักกันตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมไม่ให้หนิวโหย่วเต๋อแต่งงานเข้ามา?” หวงฝู่ตวนหรงโบกมือชี้ไปข้างนอก “เจ้าดูความสำเร็จของเขาในวันนี้สิ เป็นวีรบุรุษแห่งยุค เจ้าคิดว่าเขาเป็นคนที่ยินดีจะแต่งงานเข้ามาเหรอ?” “เช่นนั้นก็ให้พวกเขาตัดขาดกัน!” อู่หนิงกล่าวด้วยสีหน้าทุกข์ใจ “ตัดขาดเหรอ?” หวงฝู่ตวนหรงแทบจะตะโกนใส่ข้างหูเขา “ใช่ว่าพวกเขาจะไม่เคยตัดขาดกัน แต่พวกเขาตัดขาดกันไม่ได้ มาตัดขาดกันตอนนี้ก็สายไปแล้ว อดทนมานานขนาดนี้ ข้าก็ทรมานมาเต็มที่แล้วเช่นกัน ในเมื่อเปิดเผยเรื่องนี้แล้ว ข้าก็ไม่กลัวที่จะบอกเจ้าหรอกนะ ข้าเปิดเผยความลับของสมาคมวีรชนให้หนิวโหย่วเต๋อรู้ไปเยอะแล้ว ถ้าเจ้าอยากจะรายงานลับก็รายงานไปได้เลย!” แผ่นดินแยกสะเทือนไปถึงหวงฝู่จวินโหรวที่อยู่ในห้องนอน พอเห็นสภาพศาลา หวงฝู่จวินโหรวก็เดินออกมาถามอย่างตกใจ “ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านเป็นอะไรไป?” หวงฝู่ตวนหรงผลักอู่หนิงออก เดินก้าวยาวออกมา แล้วจูงลูกสาวเดินออกไปเลย เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่สู้เอาจริงสักครั้ง ดูให้ชัดเจนไปเลยว่าท่านนี้จะจิตใจเหี้ยมโหดเยี่ยงหมาป่าหรือเปล่า หรือไม่ก็ดูให้ชัดเจนไปเลยว่าหนิวโหย่วเต๋อจริงใจกับลูกสาวนางหรือเปล่า จะยินดีจ่ายเพื่อลูกสาวนางมากเท่าไร อู่หนิงนั่งลงอย่างหมดกำลังใจ สีหน้าหดหู่ท้อแท้ เรื่องบางเรื่องหวงฝู่ตวนหรงก็ไม่รู้ ว่าการที่หวงฝู่ตวนหรงอำนาจลดลงในตระกูลหวงฝู่ส่งผลกระทบต่อเขา ถ้าเป็นเมื่อก่อน ภารกิจเสี่ยงอันตรายบางอย่างขององครักษ์เงา เขาก็ไม่ต้องลงมือเองเลย เพราะเขามีภารกิจหลักของเขาอยู่แล้ว ตอนนี้หวงฝู่ตวนหรงมีความสำคัญต่อตระกูลหวงฝู่ลดลง บทบาทของเขาต่อตระกูลหวงฝู่ก็ลดลงแล้วเช่นกัน ดังนั้นภารกิจเสี่ยงอันตรายจึงตกมาอยู่ที่เขาแล้ว อู่หนิงออกจากตระกูลหวงฝู่ไปเงียบๆ จนกระทั่งหวงฝู่ตวนหรงออกมาอีกครั้ง ทั้งตระกูลหวงฝู่ก็หาไม่เจอเงาอู่หนิงแล้ว ทหารยามบอกว่าอู่หนิงออกไปแล้ว ไปไหนก็ไม่รู้ หวงฝู่ตวนหรงติดต่ออู่หนิงแต่ก็ติดต่อไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เอง หวงฝู่ตวนหรงจึงกังวลใจถึงขีดสุด อย่าบอกนะว่าอู่หนิงจะทรยศพวกนางสองแม่ลูกจริงๆ? อดไม่ได้ที่จะนึกเสียใจทีหลังที่ตัวเองวู่วามไปก่อนหน้านี้ นางควรจะจะไม่ยอมรับแม้จะโดนตีตายก็ตาม หวงฝู่จวินโหรวรู้เรื่องจากปากมารดาแล้ว นางในฐานะที่เป็นลูกสาวกลับแน่ใจว่าบิดาจะไม่ทรยศพวกนาง เกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงกะทันหัน เรื่องราวจากด้านต่างๆ ถูกดึงออกมาไม่น้อย เป็นช่วงเวลาที่เกิดเรื่องราวมากมาย ในอาณาเขตทัพใต้มีตั้งกี่ครอบครัวที่ต้องพลัดพรากจากกันก็ย่อมไม่ต้องพูดถึงเลย ดาวอ๋องสวรรค์ฮ่าวเหมือนจะมีฤดูฝนค่อนข้างมาก ที่อยู่บนตึกศาลาสูงกำลังทอดสายตามองสายฝนโปรยปรายด้านนอก ไม่รู้ว่าฮ่าวเต๋อฟางในปีนั้นมายืนชมเมฆหมอกเลื่อนลอย ฝนโปรยเหมือนภาพในบทกวีตรงนี้บ่อยหรือเปล่า เขาเก็บระฆังดารา แล้วหยิบระฆังดาราอีกอันมาเรียกหยางเจาชิง หยางเจาชิงมาถึงอย่างรวดเร็ว แล้วทำความเคารพ “นายท่าน!” เหมียวอี้เอียงหน้าเล่าเรื่องที่หวงฝู่ตวนหรงกับลูกสาวมาที่ดาวเคราะห์บริเวณใกล้ๆ นี้ให้ฟัง ให้หยางเจาชิงเตรียมคนที่ไว้ใจได้ไปคุ้มครองอย่างลับๆ สุดท้ายการหายตัวไปของอู่หนิงก็ทำให้ความเชื่อใจของหวงฝู่ตวนหรงสั่นคลอน จำเป็นต้องบอกสถานการณ์ให้เหมียวอี้รู้ เหมียวอี้จึงให้พวกนางมาหลบแถวๆ นี้ บอกว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้เอง หยางเจาชิงเตือนว่า “นายท่าน ช่วงนี้ไปมาหาสู่กับคนของสมาคมวีรชนลึกซึ้งเกินไปแล้ว…พิจารณาหน่อยดีไหมขอรับ?” เขาจะสื่อว่าตอนนี้ก็มีเรื่องเยอะพออยู่แล้ว เหมียวอี้ส่ายหน้ายิ้มเจื่อน “สาเหตุที่อยู่ในนั้นพูดวันเดียวไม่จบ เอาเป็นว่าที่จริงแล้วหวงฝู่จวินโหรว เป็นผู้หญิงของข้า มีความเป็นไปได้สูงว่าเรื่องนี้กำลังจะถูกเปิดโปง…” เขาเล่าสถานการณ์คร่าวๆ ให้ฟัง รวมทั้งเรื่องที่หวงฝู่ตวนหรงวู่วามหลุดปากต่อหน้าอู่หนิง และบอกด้วยว่าอู่หนิงเป็นคนขององครักษ์เงา แน่นอนว่าย้ำเตือนเช่นกัน บอกว่าอวิ๋นจือชิวไม่รู้เรื่องนี้ ให้เขาเก็บเป็นความลับ หยางเจาชิงตกตะลึงอ้าปากค้าง พูดในใจว่า ไม่น่าเชื่อว่าจะได้กับหวงฝู่จวินโหรวด้วยเหมือนกัน ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะมองไม่ออก เก็บซ่อนไว้ลึกมาก โอ้สวรรค์ แค่นี้ยังวุ่นวายไม่พออีกเหรอ? ช่วงนี้มีผู้หญิงไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเข้ามาในจวนมากมาย แค่เหยียนซิวที่รับหน้าที่ตรวจสอบก็ยุ่งแทบไม่ทันแล้ว แล้วท่านนี้มีเพิ่มมาอีกคน ต่อไปถ้าฮูหยินรู้แล้วท่านจะอธิบายอย่างไร? “นอกจากนี้ เจ้าคิดหาทางแอบติดต่อหวงฝู่เลี่ยนคง เปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับหวงฝู่จวินโหรวให้เขารู้ บอกเขาว่า อย่านึกว่ามีวังสวรรค์หนุนหลังแล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไรตระกูลของพวกเขา ถ้าหวงฝู่ตวนหรงกับลูกสาวเป็นอะไรไป ข้าก็ไม่สนว่าพวกเขาจะเป็นคนทำหรือไม่ ข้าจะถอนรากถอนโคนทั้งตระกูลหวงฝู่แน่นอน จะฆ่าไม่ให้เหลือแม้แต่ไก่หรือสุนัข ให้พวกเขาลงหลุมศพไปเป็นเพื่อนพวกนาง ข้าพูดจริงทำจริง! แล้วก็บอกเขาด้วย ว่าข้าสนใสมาคมวีรชนมาก!” เหมียวอี้กำชับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาไม่ค่อยรู้จักอู่หนิงดีนัก ไม่ได้มีความเชื่อใจบิดาเหมือนหวงฝู่จวินโหรว เขาต้องขู่ตระกูลหวงฝู่ไว้ก่อน ตระกูลหวงฝู่จะได้ไม่ทำซี้ซั้วกับพวกนางสองแม่ลูก “ขอรับ เข้าใจแล้ว” หยางเจาชิงเพิ่งจะเอ่ยรับ แล้วก็หยิบระฆังดาราอีกอันขึ้นมาอีก แล้วรายงานว่า “ฮูหยินเฟยหงมาแล้วขอรับ” เหมียวอี้พยักหน้า “เจ้าไปทำงานของเจ้าเถอะ เรียกเสี้ยวเสี้ยวมาด้วย” ผ่านไปไม่นาน ผังเสี้ยวเสี้ยวก็มาถึงก่อน พอเดินขึ้นไปวางกาน้ำชาบนโต๊ะแล้ว นางก็หันหน้าเดินออกมาเลย ช่วงนี้นางค่อนข้างเจ้าอารมณ์ ทว่าตอนที่เดินลงมา ก็บังเอิญเจอกับเฟยหงพอดี ทั้งสองมองหน้ากันเลิกลั่ก เหมียวอี้ยิ้มหวาน นี่คือสาเหตุที่เขาไม่ห้ามตอนผังเสี้ยวเสี้ยวเดินออกมา ตอนอยู่บนตึกเขาเห็นว่าเฟยหงมาแล้ว รู้ว่าทั้งสองจะต้องเจอกัน หลังจากอวิ๋นจือชิวส่งต่อภารกิจเยี่ยมเยียนเข้าสังคมให้เฟยหงแล้ว เฟยหงก็เคยไปที่ตระกูลผัง ทั้งสองเคยเจอหน้ากันมาก่อน รู้จักกันแล้ว เฟยหงอึ้งเล็กน้อย แล้วก็ยิ้มทันที “เป็นน้องเสี้ยวเสี้ยวนี่เอง” ผังเสี้ยวเสี้ยวเก้อเขินเล็กน้อย เพราะเมื่อก่อนเคยสืบเรื่องหนิวโหย่วเต๋อจากเฟยหงว่าน่ากลัวอย่างที่คนเขาลือกันหรือเปล่า นึกไม่ถึงว่าผ่านไปชั่วพริบตาเดียวจะได้ใช้สามีร่วมกับอีกฝ่ายแล้ว นางคำนับด้วยสีหน้าแดงเรื่อ “พี่สาว!” จากนั้นก็รีบหันหน้าหนีแล้วเดินจากไป เฟยหงเดินผ่านไปและหันกลับไปมองเป็นระยะ จากนั้นคำนับเหมียวอี้ เหมียวอี้ถามอย่างแปลกใจ “พวกเจ้ารู้จักกันเหรอ?” เขายังคิดจะแนะนำให้สองคนรู้จักกันไว้อยู่เลย “เมื่อก่อนเคยเจอตอนไปเยี่ยมที่ตระกูลผัง เคยคุยกันมาบ้างแล้วล่ะ นึกไม่ถึงว่า…” เฟยหงพยักหน้า เหมียวอี้ย่อมเข้าใจว่าทำไมนางพูดไม่จบ จึงบอกว่า “เจ้าคงได้ยินเรื่องที่บ้านนางมาบ้างแล้ว นางอยู่ที่นี่ไม่สนิทกับใคร เจ้าไปมาหาสู่กับนางบ่อยๆ แล้วกัน ช่วยข้าดูแล” “ค่ะ!” เฟยหงพยักหน้า ความกังวลฉายขึ้นมาตรงหว่างคิ้ว “นายท่าน หน่วยตรวจการซ้ายบีบให้ข้ากลับมา…” เหมียวอี้ยกมือห้าม หลังจากเฟยหงได้ข่าวจากหน่วยตรวจการซ้ายว่าให้ลอบสังหารเขา นางก็บอกให้เขารู้ทันที ที่จริงเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เขาคาดเดาได้ตั้งแต่แรกแล้ว ต่อให้เฟยหงไม่บอก เขาก็เดาออกอยู่ดี ตอนแรกที่หยางชิ่งคาดคะเนวางแผน หยางชิ่งก็คาดเดาสถานการณ์ฝั่งนี้ได้แล้ว อาจจะมีความเป็นไปได้ต่ำที่ประมุขชิงจะส่งกองทัพองครักษ์มาทำศึกเพราะคำนึงถึงสถานการณ์ภาพรวม แต่อาจจะใช้วิธีอื่นกำจัดเขา แล้วจะลงมืออย่างไรล่ะ? เฟยหงกับองครักษ์เงาอยู่ในการคาดเดาของหยางชิ่งอยู่แล้ว เขายังไม่บอกความคิดของหยางชิ่งให้เฟยหงรู้ เพราะจะฉวยโอกาสนี้ทดสอบจุดยืนของเฟยหงอีกสักครั้ง ถ้าเฟยหงอ้างเหตุผลที่จะกลับมาในเวลานี้ เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าตำหนักสวรรค์เริ่มดำเนินการเรื่องลงมือสังหารแล้ว ถ้าเฟยหงเป็นฝ่ายขอกลับมาก่อนโดยไม่ยอมคายความจริง หยางชิ่งก็ให้เหมียวอี้ตัดสินใจเอาเอง ถึงอย่างไรเขาก็เคยวางแผนฆ่าจูเก๋อชิงมาแล้ว…โชคดีที่เฟยหงไม่ได้ทำให้เหมียวอี้ผิดหวัง “ข้ามีแผนอยู่ในใจแล้ว เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะจัดการเอง” พอเหมียวอี้พูดจบ ก็เห็นตรงหว่างคิ้วนางฉายแววกัดกลุ้ม เขาจึงกุมมือที่เรียวสวยของนาง แล้วพูดปลอบใจว่า “ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลอะไร เจ้ากังวลว่าถ้าไม่เชื่อฟังหน่วยตรวจการซ้าย แม่เจ้าก็จะมีอันตราย มีเรื่องหนึ่งที่ข้ายังไม่ได้บอกเจ้า ก่อนที่ข้าจะลงมือกับทัพใต้ ข้ากังวลว่าหลังจากจบเรื่องแล้วหน่วยตรวจการซ้ายจะบีบบังคับเจ้า ข้าก็เลยวางแผนที่จะช่วยแม่เจ้าไว้แล้ว แต่ตอนนี้ฝั่งข้ายังเตรียมตัวไม่เรียบร้อย ข้าเลยต้องถ่วงเวลาฝั่งหน่วยตรวจการซ้ายเอาไว้ เอาเป็นว่าเจ้าวางใจได้ ข้าจะหาทางช่วยแม่เจ้าออกมาให้ได้แน่นอน ในเร็วๆ นี้ รอไม่นานหรอก!” เขาไม่ได้มีความมั่นใจต่อพระปีศาจหนานโป ถ้าจะบอกว่าพระปีศาจเป็นอันดับสองในใต้หล้าเรื่องตามหาคน ก็ไม่มีใครกล้าบอกว่าใต้หล้ามีอันดับหนึ่งแล้ว เขาไม่ได้ฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่พระปีศาจ เตรียมแผนอื่นไว้แล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่จำเป็น จะต้องจับตัวประกันที่มีน้ำหนักมากพอเอาไว้แลกคนกับหน่วยตรวจการซ้าย เรื่องบางเรื่องถ้ายังไม่รอให้คุมทัพใต้ได้ก่อน ถ้ายังไม่มีศักยภาพที่จะเสี่ยงอันตราย เขาก็ไม่กล้าทำ เพราะรับความเสียหายร้ายแรงที่ตามมาไม่ไหว เฟยหงโผเข้ามาในอ้อมกอด รู้สึกซับซึ้งใจสุดๆ ทั้งสองยังไม่ทันได้พะเน้าพะนอกัน หยางเจาชิงก็ส่งข่าวมาอีกแล้ว ผู้การใหญ่วังสวรรค์ซ่างกวนชิงมาเยือน ทหารยามที่เฝ้าประตูดวงดาวส่งข่าวมา เข้ามาในอาณาเขตผืนนี้แล้ว ไม่ต้องบอกเลย คำสั่งแต่งตั้งอ๋องสวรรค์คุมทัพใต้มาถึงแล้ว ความสำคัญของคำสั่งแต่งตั้งนี้เพียงพอที่จะให้ซ่างกวนชิงมาด้วยตัวเอง เหมียวอี้จึงให้เฟยหงหลบเลี่ยงไปก่อน แล้วสั่งให้ทัพใหญ่ที่ป้องกันอยู่ใกล้ๆ รีบเตรียมพร้อมป้องกัน ส่วนเขาก็จัดเสื้อผ้าหน้าผม แล้วออกไปรอต้อนรับที่ประตูใหญ่จวนท่านอ๋องด้วยตัวเอง ………………

ชั่วพริบตาที่ถูกเชิญให้เข้าสู่ประเด็นหลัก ทั้งตัวนางก็หนาวสั่นราวกับอยู่ในอุโมงค์น้ำแข็ง

ในที่สุดนางก็ตระหนักได้แล้ว ว่าสามีมองเบาะแสอะไรบางอย่างออกแล้ว

ที่จริงในใจนางก็รู้ชัดเจน ว่าครอบครัวอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ต่างคนต่างรู้จักกันและกันดีเกินไป ไม่ว่ามีความผิดปกติอะไรก็อาจเผยพิรุธได้ รู้ว่าจะต้องมองเบาะแสออกในไม่ช้าก็เร็ว เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ สามีจะทำให้ลำบากใจขนาดนี้ ดูจากสภาพการณ์แล้ว นางสงสัยนิดหน่อยว่าสามีจะสังเกตเห็นอะไรมานานแล้วหรือเปล่า ไม่เหมือนเพิ่งสังเกตเห็น

ถ้าเป็นครอบครัวปกติ ให้รู้เรื่องแบบนี้ก็ไม่เป็นอะไร แต่ประเด็นก็คือภูมิหลังของสามีทำให้นางหวาดกลัว ดีไม่ดีอาจจะทำให้โดนกวาดล้างทั้งตระกูลหวงฝู่ก็ได้

“จะมีความสัมพันธ์อะไรได้ ก็กล้อมแกล้มเป็นสหายกันไปละมั้ง” หวงฝู่ตวนหรงพยายามใจเย็น

“มีความสัมพันธ์อะไรกันแน่?” อู่หนิงถาม

“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องเหลวไหลอะไร!” หวงฝู่ตวนหรงแสร้งหงุดหงิด ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปเลย

ชวิ้ง! เงาดาบแวบเข้ามา อู่หนิงใช้มือข้างเดียวถือดาบขวางทางออกศาลา ขวางอยู่ตรงหน้าหวงฝู่ตวนหรงเช่นกัน สองสามีภรรยาสบตากันแล้ว

หลังจากผ่านไปนาน หวงฝู่ตวนหรงก็หน้าซีดลงเรื่อยๆ ถอยกลับมานั่งลงที่โต๊ะอย่างช้าๆ “เจ้าจะเอายังไง? รายงานไปที่ตำหนักสวรรค์ จะทำให้พวกเราสองแม่ลูกตายเลนใช่มั้ย?”

อู่หนิงลุกขึ้นแล้วหันตัวมา ชี้คมดาบไปตรงหว่างคิ้วหวงฝู่ตวนหรง พร้อมถามเสียงเย็น “บอกมา มีความสัมพันธ์อะไร?”

“ในเมื่อเจ้าเดาออกแล้ว ทำไมยังต้องถามข้าอีก?” หวงฝู่ตวนหรงฝืนยิ้ม

“หนิวโหย่วเต๋อบังคับใช่มั้ย?” อู่หนิงกัดฟัน

หวงฝู่ตวนหรงปัดดาบออก พลันลุกขึ้นยืนแล้วพุ่งไปตรงหน้าเขา ไปเผชิญหน้ากันใกล้ๆ แล้วถ่ายทอดเสียงบอกอย่างแข็งกร้าว “ทั้งสองรักกัน ลูกสาวเจ้าเต็มใจเอง! ตอนที่หนิวโหย่วเต๋อเพิ่งมาถึงตลาดสวรรค์ พวกเขาก็อยู่ด้วยกันอย่างดีแล้ว แต่ก็ไม่มีทางเลือก ภูมิหลังของโหรวโหรวก็เห็นๆ กันอยู่ ภูมิหลังของพ่อนางก็ลึกลับเกินคาดเดา นางไม่กล้าบอกที่บ้าน กลัวว่าท่านพ่อจะฆ่านาง เจ้าพอใจหรือยัง?”

ฉึก! อู่หนิงปักดาบลงบนพื้น แอบปล่อยพลังภายใน พื้นดินเป็นรอยแยก เป็นลายใยแมงมุมขยายออกมาโดยมีศาลาเป็นจุดศูนย์กลาง

มีที่กุมด้ามดาบสั่นเทิ้ม อู่หนิงก้มหน้ากล่าวอย่างขมขื่น “ในเมื่อรู้จักกันตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมไม่ให้หนิวโหย่วเต๋อแต่งงานเข้ามา?”

หวงฝู่ตวนหรงโบกมือชี้ไปข้างนอก “เจ้าดูความสำเร็จของเขาในวันนี้สิ เป็นวีรบุรุษแห่งยุค เจ้าคิดว่าเขาเป็นคนที่ยินดีจะแต่งงานเข้ามาเหรอ?”

“เช่นนั้นก็ให้พวกเขาตัดขาดกัน!” อู่หนิงกล่าวด้วยสีหน้าทุกข์ใจ

“ตัดขาดเหรอ?” หวงฝู่ตวนหรงแทบจะตะโกนใส่ข้างหูเขา “ใช่ว่าพวกเขาจะไม่เคยตัดขาดกัน แต่พวกเขาตัดขาดกันไม่ได้ มาตัดขาดกันตอนนี้ก็สายไปแล้ว อดทนมานานขนาดนี้ ข้าก็ทรมานมาเต็มที่แล้วเช่นกัน ในเมื่อเปิดเผยเรื่องนี้แล้ว ข้าก็ไม่กลัวที่จะบอกเจ้าหรอกนะ ข้าเปิดเผยความลับของสมาคมวีรชนให้หนิวโหย่วเต๋อรู้ไปเยอะแล้ว ถ้าเจ้าอยากจะรายงานลับก็รายงานไปได้เลย!”

แผ่นดินแยกสะเทือนไปถึงหวงฝู่จวินโหรวที่อยู่ในห้องนอน พอเห็นสภาพศาลา หวงฝู่จวินโหรวก็เดินออกมาถามอย่างตกใจ “ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านเป็นอะไรไป?”

หวงฝู่ตวนหรงผลักอู่หนิงออก เดินก้าวยาวออกมา แล้วจูงลูกสาวเดินออกไปเลย เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่สู้เอาจริงสักครั้ง ดูให้ชัดเจนไปเลยว่าท่านนี้จะจิตใจเหี้ยมโหดเยี่ยงหมาป่าหรือเปล่า หรือไม่ก็ดูให้ชัดเจนไปเลยว่าหนิวโหย่วเต๋อจริงใจกับลูกสาวนางหรือเปล่า จะยินดีจ่ายเพื่อลูกสาวนางมากเท่าไร

อู่หนิงนั่งลงอย่างหมดกำลังใจ สีหน้าหดหู่ท้อแท้

เรื่องบางเรื่องหวงฝู่ตวนหรงก็ไม่รู้ ว่าการที่หวงฝู่ตวนหรงอำนาจลดลงในตระกูลหวงฝู่ส่งผลกระทบต่อเขา ถ้าเป็นเมื่อก่อน ภารกิจเสี่ยงอันตรายบางอย่างขององครักษ์เงา เขาก็ไม่ต้องลงมือเองเลย เพราะเขามีภารกิจหลักของเขาอยู่แล้ว ตอนนี้หวงฝู่ตวนหรงมีความสำคัญต่อตระกูลหวงฝู่ลดลง บทบาทของเขาต่อตระกูลหวงฝู่ก็ลดลงแล้วเช่นกัน ดังนั้นภารกิจเสี่ยงอันตรายจึงตกมาอยู่ที่เขาแล้ว

อู่หนิงออกจากตระกูลหวงฝู่ไปเงียบๆ จนกระทั่งหวงฝู่ตวนหรงออกมาอีกครั้ง ทั้งตระกูลหวงฝู่ก็หาไม่เจอเงาอู่หนิงแล้ว ทหารยามบอกว่าอู่หนิงออกไปแล้ว ไปไหนก็ไม่รู้ หวงฝู่ตวนหรงติดต่ออู่หนิงแต่ก็ติดต่อไม่ได้

ด้วยเหตุนี้เอง หวงฝู่ตวนหรงจึงกังวลใจถึงขีดสุด อย่าบอกนะว่าอู่หนิงจะทรยศพวกนางสองแม่ลูกจริงๆ? อดไม่ได้ที่จะนึกเสียใจทีหลังที่ตัวเองวู่วามไปก่อนหน้านี้ นางควรจะจะไม่ยอมรับแม้จะโดนตีตายก็ตาม

หวงฝู่จวินโหรวรู้เรื่องจากปากมารดาแล้ว นางในฐานะที่เป็นลูกสาวกลับแน่ใจว่าบิดาจะไม่ทรยศพวกนาง

เกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงกะทันหัน เรื่องราวจากด้านต่างๆ ถูกดึงออกมาไม่น้อย เป็นช่วงเวลาที่เกิดเรื่องราวมากมาย ในอาณาเขตทัพใต้มีตั้งกี่ครอบครัวที่ต้องพลัดพรากจากกันก็ย่อมไม่ต้องพูดถึงเลย

ดาวอ๋องสวรรค์ฮ่าวเหมือนจะมีฤดูฝนค่อนข้างมาก ที่อยู่บนตึกศาลาสูงกำลังทอดสายตามองสายฝนโปรยปรายด้านนอก ไม่รู้ว่าฮ่าวเต๋อฟางในปีนั้นมายืนชมเมฆหมอกเลื่อนลอย ฝนโปรยเหมือนภาพในบทกวีตรงนี้บ่อยหรือเปล่า

เขาเก็บระฆังดารา แล้วหยิบระฆังดาราอีกอันมาเรียกหยางเจาชิง

หยางเจาชิงมาถึงอย่างรวดเร็ว แล้วทำความเคารพ “นายท่าน!”

เหมียวอี้เอียงหน้าเล่าเรื่องที่หวงฝู่ตวนหรงกับลูกสาวมาที่ดาวเคราะห์บริเวณใกล้ๆ นี้ให้ฟัง ให้หยางเจาชิงเตรียมคนที่ไว้ใจได้ไปคุ้มครองอย่างลับๆ

สุดท้ายการหายตัวไปของอู่หนิงก็ทำให้ความเชื่อใจของหวงฝู่ตวนหรงสั่นคลอน จำเป็นต้องบอกสถานการณ์ให้เหมียวอี้รู้ เหมียวอี้จึงให้พวกนางมาหลบแถวๆ นี้ บอกว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้เอง

หยางเจาชิงเตือนว่า “นายท่าน ช่วงนี้ไปมาหาสู่กับคนของสมาคมวีรชนลึกซึ้งเกินไปแล้ว…พิจารณาหน่อยดีไหมขอรับ?” เขาจะสื่อว่าตอนนี้ก็มีเรื่องเยอะพออยู่แล้ว

เหมียวอี้ส่ายหน้ายิ้มเจื่อน “สาเหตุที่อยู่ในนั้นพูดวันเดียวไม่จบ เอาเป็นว่าที่จริงแล้วหวงฝู่จวินโหรว เป็นผู้หญิงของข้า มีความเป็นไปได้สูงว่าเรื่องนี้กำลังจะถูกเปิดโปง…” เขาเล่าสถานการณ์คร่าวๆ ให้ฟัง รวมทั้งเรื่องที่หวงฝู่ตวนหรงวู่วามหลุดปากต่อหน้าอู่หนิง และบอกด้วยว่าอู่หนิงเป็นคนขององครักษ์เงา

แน่นอนว่าย้ำเตือนเช่นกัน บอกว่าอวิ๋นจือชิวไม่รู้เรื่องนี้ ให้เขาเก็บเป็นความลับ

หยางเจาชิงตกตะลึงอ้าปากค้าง พูดในใจว่า ไม่น่าเชื่อว่าจะได้กับหวงฝู่จวินโหรวด้วยเหมือนกัน ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะมองไม่ออก เก็บซ่อนไว้ลึกมาก โอ้สวรรค์ แค่นี้ยังวุ่นวายไม่พออีกเหรอ? ช่วงนี้มีผู้หญิงไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเข้ามาในจวนมากมาย แค่เหยียนซิวที่รับหน้าที่ตรวจสอบก็ยุ่งแทบไม่ทันแล้ว แล้วท่านนี้มีเพิ่มมาอีกคน ต่อไปถ้าฮูหยินรู้แล้วท่านจะอธิบายอย่างไร?

“นอกจากนี้ เจ้าคิดหาทางแอบติดต่อหวงฝู่เลี่ยนคง เปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับหวงฝู่จวินโหรวให้เขารู้ บอกเขาว่า อย่านึกว่ามีวังสวรรค์หนุนหลังแล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไรตระกูลของพวกเขา ถ้าหวงฝู่ตวนหรงกับลูกสาวเป็นอะไรไป ข้าก็ไม่สนว่าพวกเขาจะเป็นคนทำหรือไม่ ข้าจะถอนรากถอนโคนทั้งตระกูลหวงฝู่แน่นอน จะฆ่าไม่ให้เหลือแม้แต่ไก่หรือสุนัข ให้พวกเขาลงหลุมศพไปเป็นเพื่อนพวกนาง ข้าพูดจริงทำจริง! แล้วก็บอกเขาด้วย ว่าข้าสนใสมาคมวีรชนมาก!” เหมียวอี้กำชับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาไม่ค่อยรู้จักอู่หนิงดีนัก ไม่ได้มีความเชื่อใจบิดาเหมือนหวงฝู่จวินโหรว เขาต้องขู่ตระกูลหวงฝู่ไว้ก่อน ตระกูลหวงฝู่จะได้ไม่ทำซี้ซั้วกับพวกนางสองแม่ลูก

“ขอรับ เข้าใจแล้ว” หยางเจาชิงเพิ่งจะเอ่ยรับ แล้วก็หยิบระฆังดาราอีกอันขึ้นมาอีก แล้วรายงานว่า “ฮูหยินเฟยหงมาแล้วขอรับ”

เหมียวอี้พยักหน้า “เจ้าไปทำงานของเจ้าเถอะ เรียกเสี้ยวเสี้ยวมาด้วย”

ผ่านไปไม่นาน ผังเสี้ยวเสี้ยวก็มาถึงก่อน พอเดินขึ้นไปวางกาน้ำชาบนโต๊ะแล้ว นางก็หันหน้าเดินออกมาเลย ช่วงนี้นางค่อนข้างเจ้าอารมณ์

ทว่าตอนที่เดินลงมา ก็บังเอิญเจอกับเฟยหงพอดี ทั้งสองมองหน้ากันเลิกลั่ก

เหมียวอี้ยิ้มหวาน นี่คือสาเหตุที่เขาไม่ห้ามตอนผังเสี้ยวเสี้ยวเดินออกมา ตอนอยู่บนตึกเขาเห็นว่าเฟยหงมาแล้ว รู้ว่าทั้งสองจะต้องเจอกัน

หลังจากอวิ๋นจือชิวส่งต่อภารกิจเยี่ยมเยียนเข้าสังคมให้เฟยหงแล้ว เฟยหงก็เคยไปที่ตระกูลผัง ทั้งสองเคยเจอหน้ากันมาก่อน รู้จักกันแล้ว

เฟยหงอึ้งเล็กน้อย แล้วก็ยิ้มทันที “เป็นน้องเสี้ยวเสี้ยวนี่เอง”

ผังเสี้ยวเสี้ยวเก้อเขินเล็กน้อย เพราะเมื่อก่อนเคยสืบเรื่องหนิวโหย่วเต๋อจากเฟยหงว่าน่ากลัวอย่างที่คนเขาลือกันหรือเปล่า นึกไม่ถึงว่าผ่านไปชั่วพริบตาเดียวจะได้ใช้สามีร่วมกับอีกฝ่ายแล้ว นางคำนับด้วยสีหน้าแดงเรื่อ “พี่สาว!” จากนั้นก็รีบหันหน้าหนีแล้วเดินจากไป

เฟยหงเดินผ่านไปและหันกลับไปมองเป็นระยะ จากนั้นคำนับเหมียวอี้

เหมียวอี้ถามอย่างแปลกใจ “พวกเจ้ารู้จักกันเหรอ?” เขายังคิดจะแนะนำให้สองคนรู้จักกันไว้อยู่เลย

“เมื่อก่อนเคยเจอตอนไปเยี่ยมที่ตระกูลผัง เคยคุยกันมาบ้างแล้วล่ะ นึกไม่ถึงว่า…” เฟยหงพยักหน้า

เหมียวอี้ย่อมเข้าใจว่าทำไมนางพูดไม่จบ จึงบอกว่า “เจ้าคงได้ยินเรื่องที่บ้านนางมาบ้างแล้ว นางอยู่ที่นี่ไม่สนิทกับใคร เจ้าไปมาหาสู่กับนางบ่อยๆ แล้วกัน ช่วยข้าดูแล”

“ค่ะ!” เฟยหงพยักหน้า ความกังวลฉายขึ้นมาตรงหว่างคิ้ว “นายท่าน หน่วยตรวจการซ้ายบีบให้ข้ากลับมา…”

เหมียวอี้ยกมือห้าม หลังจากเฟยหงได้ข่าวจากหน่วยตรวจการซ้ายว่าให้ลอบสังหารเขา นางก็บอกให้เขารู้ทันที ที่จริงเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เขาคาดเดาได้ตั้งแต่แรกแล้ว ต่อให้เฟยหงไม่บอก เขาก็เดาออกอยู่ดี ตอนแรกที่หยางชิ่งคาดคะเนวางแผน หยางชิ่งก็คาดเดาสถานการณ์ฝั่งนี้ได้แล้ว อาจจะมีความเป็นไปได้ต่ำที่ประมุขชิงจะส่งกองทัพองครักษ์มาทำศึกเพราะคำนึงถึงสถานการณ์ภาพรวม แต่อาจจะใช้วิธีอื่นกำจัดเขา แล้วจะลงมืออย่างไรล่ะ? เฟยหงกับองครักษ์เงาอยู่ในการคาดเดาของหยางชิ่งอยู่แล้ว

เขายังไม่บอกความคิดของหยางชิ่งให้เฟยหงรู้ เพราะจะฉวยโอกาสนี้ทดสอบจุดยืนของเฟยหงอีกสักครั้ง ถ้าเฟยหงอ้างเหตุผลที่จะกลับมาในเวลานี้ เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าตำหนักสวรรค์เริ่มดำเนินการเรื่องลงมือสังหารแล้ว

ถ้าเฟยหงเป็นฝ่ายขอกลับมาก่อนโดยไม่ยอมคายความจริง หยางชิ่งก็ให้เหมียวอี้ตัดสินใจเอาเอง ถึงอย่างไรเขาก็เคยวางแผนฆ่าจูเก๋อชิงมาแล้ว…โชคดีที่เฟยหงไม่ได้ทำให้เหมียวอี้ผิดหวัง

“ข้ามีแผนอยู่ในใจแล้ว เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะจัดการเอง” พอเหมียวอี้พูดจบ ก็เห็นตรงหว่างคิ้วนางฉายแววกัดกลุ้ม เขาจึงกุมมือที่เรียวสวยของนาง แล้วพูดปลอบใจว่า “ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลอะไร เจ้ากังวลว่าถ้าไม่เชื่อฟังหน่วยตรวจการซ้าย แม่เจ้าก็จะมีอันตราย มีเรื่องหนึ่งที่ข้ายังไม่ได้บอกเจ้า ก่อนที่ข้าจะลงมือกับทัพใต้ ข้ากังวลว่าหลังจากจบเรื่องแล้วหน่วยตรวจการซ้ายจะบีบบังคับเจ้า ข้าก็เลยวางแผนที่จะช่วยแม่เจ้าไว้แล้ว แต่ตอนนี้ฝั่งข้ายังเตรียมตัวไม่เรียบร้อย ข้าเลยต้องถ่วงเวลาฝั่งหน่วยตรวจการซ้ายเอาไว้ เอาเป็นว่าเจ้าวางใจได้ ข้าจะหาทางช่วยแม่เจ้าออกมาให้ได้แน่นอน ในเร็วๆ นี้ รอไม่นานหรอก!”

เขาไม่ได้มีความมั่นใจต่อพระปีศาจหนานโป ถ้าจะบอกว่าพระปีศาจเป็นอันดับสองในใต้หล้าเรื่องตามหาคน ก็ไม่มีใครกล้าบอกว่าใต้หล้ามีอันดับหนึ่งแล้ว เขาไม่ได้ฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่พระปีศาจ เตรียมแผนอื่นไว้แล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่จำเป็น จะต้องจับตัวประกันที่มีน้ำหนักมากพอเอาไว้แลกคนกับหน่วยตรวจการซ้าย เรื่องบางเรื่องถ้ายังไม่รอให้คุมทัพใต้ได้ก่อน ถ้ายังไม่มีศักยภาพที่จะเสี่ยงอันตราย เขาก็ไม่กล้าทำ เพราะรับความเสียหายร้ายแรงที่ตามมาไม่ไหว

เฟยหงโผเข้ามาในอ้อมกอด รู้สึกซับซึ้งใจสุดๆ

ทั้งสองยังไม่ทันได้พะเน้าพะนอกัน หยางเจาชิงก็ส่งข่าวมาอีกแล้ว ผู้การใหญ่วังสวรรค์ซ่างกวนชิงมาเยือน ทหารยามที่เฝ้าประตูดวงดาวส่งข่าวมา เข้ามาในอาณาเขตผืนนี้แล้ว

ไม่ต้องบอกเลย คำสั่งแต่งตั้งอ๋องสวรรค์คุมทัพใต้มาถึงแล้ว ความสำคัญของคำสั่งแต่งตั้งนี้เพียงพอที่จะให้ซ่างกวนชิงมาด้วยตัวเอง

เหมียวอี้จึงให้เฟยหงหลบเลี่ยงไปก่อน แล้วสั่งให้ทัพใหญ่ที่ป้องกันอยู่ใกล้ๆ รีบเตรียมพร้อมป้องกัน ส่วนเขาก็จัดเสื้อผ้าหน้าผม แล้วออกไปรอต้อนรับที่ประตูใหญ่จวนท่านอ๋องด้วยตัวเอง

………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 2063 เป็นช่วงเวลาที่เกิดเรื่องราวมากมาย

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 2063 เป็นช่วงเวลาที่เกิดเรื่องราวมากมาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ชั่วพริบตาที่ถูกเชิญให้เข้าสู่ประเด็นหลัก ทั้งตัวนางก็หนาวสั่นราวกับอยู่ในอุโมงค์น้ำแข็ง ในที่สุดนางก็ตระหนักได้แล้ว ว่าสามีมองเบาะแสอะไรบางอย่างออกแล้ว ที่จริงในใจนางก็รู้ชัดเจน ว่าครอบครัวอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ต่างคนต่างรู้จักกันและกันดีเกินไป ไม่ว่ามีความผิดปกติอะไรก็อาจเผยพิรุธได้ รู้ว่าจะต้องมองเบาะแสออกในไม่ช้าก็เร็ว เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ สามีจะทำให้ลำบากใจขนาดนี้ ดูจากสภาพการณ์แล้ว นางสงสัยนิดหน่อยว่าสามีจะสังเกตเห็นอะไรมานานแล้วหรือเปล่า ไม่เหมือนเพิ่งสังเกตเห็น ถ้าเป็นครอบครัวปกติ ให้รู้เรื่องแบบนี้ก็ไม่เป็นอะไร แต่ประเด็นก็คือภูมิหลังของสามีทำให้นางหวาดกลัว ดีไม่ดีอาจจะทำให้โดนกวาดล้างทั้งตระกูลหวงฝู่ก็ได้ “จะมีความสัมพันธ์อะไรได้ ก็กล้อมแกล้มเป็นสหายกันไปละมั้ง” หวงฝู่ตวนหรงพยายามใจเย็น “มีความสัมพันธ์อะไรกันแน่?” อู่หนิงถาม “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องเหลวไหลอะไร!” หวงฝู่ตวนหรงแสร้งหงุดหงิด ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปเลย ชวิ้ง! เงาดาบแวบเข้ามา อู่หนิงใช้มือข้างเดียวถือดาบขวางทางออกศาลา ขวางอยู่ตรงหน้าหวงฝู่ตวนหรงเช่นกัน สองสามีภรรยาสบตากันแล้ว หลังจากผ่านไปนาน หวงฝู่ตวนหรงก็หน้าซีดลงเรื่อยๆ ถอยกลับมานั่งลงที่โต๊ะอย่างช้าๆ “เจ้าจะเอายังไง? รายงานไปที่ตำหนักสวรรค์ จะทำให้พวกเราสองแม่ลูกตายเลนใช่มั้ย?” อู่หนิงลุกขึ้นแล้วหันตัวมา ชี้คมดาบไปตรงหว่างคิ้วหวงฝู่ตวนหรง พร้อมถามเสียงเย็น “บอกมา มีความสัมพันธ์อะไร?” “ในเมื่อเจ้าเดาออกแล้ว ทำไมยังต้องถามข้าอีก?” หวงฝู่ตวนหรงฝืนยิ้ม “หนิวโหย่วเต๋อบังคับใช่มั้ย?” อู่หนิงกัดฟัน หวงฝู่ตวนหรงปัดดาบออก พลันลุกขึ้นยืนแล้วพุ่งไปตรงหน้าเขา ไปเผชิญหน้ากันใกล้ๆ แล้วถ่ายทอดเสียงบอกอย่างแข็งกร้าว “ทั้งสองรักกัน ลูกสาวเจ้าเต็มใจเอง! ตอนที่หนิวโหย่วเต๋อเพิ่งมาถึงตลาดสวรรค์ พวกเขาก็อยู่ด้วยกันอย่างดีแล้ว แต่ก็ไม่มีทางเลือก ภูมิหลังของโหรวโหรวก็เห็นๆ กันอยู่ ภูมิหลังของพ่อนางก็ลึกลับเกินคาดเดา นางไม่กล้าบอกที่บ้าน กลัวว่าท่านพ่อจะฆ่านาง เจ้าพอใจหรือยัง?” ฉึก! อู่หนิงปักดาบลงบนพื้น แอบปล่อยพลังภายใน พื้นดินเป็นรอยแยก เป็นลายใยแมงมุมขยายออกมาโดยมีศาลาเป็นจุดศูนย์กลาง มีที่กุมด้ามดาบสั่นเทิ้ม อู่หนิงก้มหน้ากล่าวอย่างขมขื่น “ในเมื่อรู้จักกันตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมไม่ให้หนิวโหย่วเต๋อแต่งงานเข้ามา?” หวงฝู่ตวนหรงโบกมือชี้ไปข้างนอก “เจ้าดูความสำเร็จของเขาในวันนี้สิ เป็นวีรบุรุษแห่งยุค เจ้าคิดว่าเขาเป็นคนที่ยินดีจะแต่งงานเข้ามาเหรอ?” “เช่นนั้นก็ให้พวกเขาตัดขาดกัน!” อู่หนิงกล่าวด้วยสีหน้าทุกข์ใจ “ตัดขาดเหรอ?” หวงฝู่ตวนหรงแทบจะตะโกนใส่ข้างหูเขา “ใช่ว่าพวกเขาจะไม่เคยตัดขาดกัน แต่พวกเขาตัดขาดกันไม่ได้ มาตัดขาดกันตอนนี้ก็สายไปแล้ว อดทนมานานขนาดนี้ ข้าก็ทรมานมาเต็มที่แล้วเช่นกัน ในเมื่อเปิดเผยเรื่องนี้แล้ว ข้าก็ไม่กลัวที่จะบอกเจ้าหรอกนะ ข้าเปิดเผยความลับของสมาคมวีรชนให้หนิวโหย่วเต๋อรู้ไปเยอะแล้ว ถ้าเจ้าอยากจะรายงานลับก็รายงานไปได้เลย!” แผ่นดินแยกสะเทือนไปถึงหวงฝู่จวินโหรวที่อยู่ในห้องนอน พอเห็นสภาพศาลา หวงฝู่จวินโหรวก็เดินออกมาถามอย่างตกใจ “ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านเป็นอะไรไป?” หวงฝู่ตวนหรงผลักอู่หนิงออก เดินก้าวยาวออกมา แล้วจูงลูกสาวเดินออกไปเลย เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่สู้เอาจริงสักครั้ง ดูให้ชัดเจนไปเลยว่าท่านนี้จะจิตใจเหี้ยมโหดเยี่ยงหมาป่าหรือเปล่า หรือไม่ก็ดูให้ชัดเจนไปเลยว่าหนิวโหย่วเต๋อจริงใจกับลูกสาวนางหรือเปล่า จะยินดีจ่ายเพื่อลูกสาวนางมากเท่าไร อู่หนิงนั่งลงอย่างหมดกำลังใจ สีหน้าหดหู่ท้อแท้ เรื่องบางเรื่องหวงฝู่ตวนหรงก็ไม่รู้ ว่าการที่หวงฝู่ตวนหรงอำนาจลดลงในตระกูลหวงฝู่ส่งผลกระทบต่อเขา ถ้าเป็นเมื่อก่อน ภารกิจเสี่ยงอันตรายบางอย่างขององครักษ์เงา เขาก็ไม่ต้องลงมือเองเลย เพราะเขามีภารกิจหลักของเขาอยู่แล้ว ตอนนี้หวงฝู่ตวนหรงมีความสำคัญต่อตระกูลหวงฝู่ลดลง บทบาทของเขาต่อตระกูลหวงฝู่ก็ลดลงแล้วเช่นกัน ดังนั้นภารกิจเสี่ยงอันตรายจึงตกมาอยู่ที่เขาแล้ว อู่หนิงออกจากตระกูลหวงฝู่ไปเงียบๆ จนกระทั่งหวงฝู่ตวนหรงออกมาอีกครั้ง ทั้งตระกูลหวงฝู่ก็หาไม่เจอเงาอู่หนิงแล้ว ทหารยามบอกว่าอู่หนิงออกไปแล้ว ไปไหนก็ไม่รู้ หวงฝู่ตวนหรงติดต่ออู่หนิงแต่ก็ติดต่อไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เอง หวงฝู่ตวนหรงจึงกังวลใจถึงขีดสุด อย่าบอกนะว่าอู่หนิงจะทรยศพวกนางสองแม่ลูกจริงๆ? อดไม่ได้ที่จะนึกเสียใจทีหลังที่ตัวเองวู่วามไปก่อนหน้านี้ นางควรจะจะไม่ยอมรับแม้จะโดนตีตายก็ตาม หวงฝู่จวินโหรวรู้เรื่องจากปากมารดาแล้ว นางในฐานะที่เป็นลูกสาวกลับแน่ใจว่าบิดาจะไม่ทรยศพวกนาง เกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงกะทันหัน เรื่องราวจากด้านต่างๆ ถูกดึงออกมาไม่น้อย เป็นช่วงเวลาที่เกิดเรื่องราวมากมาย ในอาณาเขตทัพใต้มีตั้งกี่ครอบครัวที่ต้องพลัดพรากจากกันก็ย่อมไม่ต้องพูดถึงเลย ดาวอ๋องสวรรค์ฮ่าวเหมือนจะมีฤดูฝนค่อนข้างมาก ที่อยู่บนตึกศาลาสูงกำลังทอดสายตามองสายฝนโปรยปรายด้านนอก ไม่รู้ว่าฮ่าวเต๋อฟางในปีนั้นมายืนชมเมฆหมอกเลื่อนลอย ฝนโปรยเหมือนภาพในบทกวีตรงนี้บ่อยหรือเปล่า เขาเก็บระฆังดารา แล้วหยิบระฆังดาราอีกอันมาเรียกหยางเจาชิง หยางเจาชิงมาถึงอย่างรวดเร็ว แล้วทำความเคารพ “นายท่าน!” เหมียวอี้เอียงหน้าเล่าเรื่องที่หวงฝู่ตวนหรงกับลูกสาวมาที่ดาวเคราะห์บริเวณใกล้ๆ นี้ให้ฟัง ให้หยางเจาชิงเตรียมคนที่ไว้ใจได้ไปคุ้มครองอย่างลับๆ สุดท้ายการหายตัวไปของอู่หนิงก็ทำให้ความเชื่อใจของหวงฝู่ตวนหรงสั่นคลอน จำเป็นต้องบอกสถานการณ์ให้เหมียวอี้รู้ เหมียวอี้จึงให้พวกนางมาหลบแถวๆ นี้ บอกว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้เอง หยางเจาชิงเตือนว่า “นายท่าน ช่วงนี้ไปมาหาสู่กับคนของสมาคมวีรชนลึกซึ้งเกินไปแล้ว…พิจารณาหน่อยดีไหมขอรับ?” เขาจะสื่อว่าตอนนี้ก็มีเรื่องเยอะพออยู่แล้ว เหมียวอี้ส่ายหน้ายิ้มเจื่อน “สาเหตุที่อยู่ในนั้นพูดวันเดียวไม่จบ เอาเป็นว่าที่จริงแล้วหวงฝู่จวินโหรว เป็นผู้หญิงของข้า มีความเป็นไปได้สูงว่าเรื่องนี้กำลังจะถูกเปิดโปง…” เขาเล่าสถานการณ์คร่าวๆ ให้ฟัง รวมทั้งเรื่องที่หวงฝู่ตวนหรงวู่วามหลุดปากต่อหน้าอู่หนิง และบอกด้วยว่าอู่หนิงเป็นคนขององครักษ์เงา แน่นอนว่าย้ำเตือนเช่นกัน บอกว่าอวิ๋นจือชิวไม่รู้เรื่องนี้ ให้เขาเก็บเป็นความลับ หยางเจาชิงตกตะลึงอ้าปากค้าง พูดในใจว่า ไม่น่าเชื่อว่าจะได้กับหวงฝู่จวินโหรวด้วยเหมือนกัน ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะมองไม่ออก เก็บซ่อนไว้ลึกมาก โอ้สวรรค์ แค่นี้ยังวุ่นวายไม่พออีกเหรอ? ช่วงนี้มีผู้หญิงไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเข้ามาในจวนมากมาย แค่เหยียนซิวที่รับหน้าที่ตรวจสอบก็ยุ่งแทบไม่ทันแล้ว แล้วท่านนี้มีเพิ่มมาอีกคน ต่อไปถ้าฮูหยินรู้แล้วท่านจะอธิบายอย่างไร? “นอกจากนี้ เจ้าคิดหาทางแอบติดต่อหวงฝู่เลี่ยนคง เปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับหวงฝู่จวินโหรวให้เขารู้ บอกเขาว่า อย่านึกว่ามีวังสวรรค์หนุนหลังแล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไรตระกูลของพวกเขา ถ้าหวงฝู่ตวนหรงกับลูกสาวเป็นอะไรไป ข้าก็ไม่สนว่าพวกเขาจะเป็นคนทำหรือไม่ ข้าจะถอนรากถอนโคนทั้งตระกูลหวงฝู่แน่นอน จะฆ่าไม่ให้เหลือแม้แต่ไก่หรือสุนัข ให้พวกเขาลงหลุมศพไปเป็นเพื่อนพวกนาง ข้าพูดจริงทำจริง! แล้วก็บอกเขาด้วย ว่าข้าสนใสมาคมวีรชนมาก!” เหมียวอี้กำชับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาไม่ค่อยรู้จักอู่หนิงดีนัก ไม่ได้มีความเชื่อใจบิดาเหมือนหวงฝู่จวินโหรว เขาต้องขู่ตระกูลหวงฝู่ไว้ก่อน ตระกูลหวงฝู่จะได้ไม่ทำซี้ซั้วกับพวกนางสองแม่ลูก “ขอรับ เข้าใจแล้ว” หยางเจาชิงเพิ่งจะเอ่ยรับ แล้วก็หยิบระฆังดาราอีกอันขึ้นมาอีก แล้วรายงานว่า “ฮูหยินเฟยหงมาแล้วขอรับ” เหมียวอี้พยักหน้า “เจ้าไปทำงานของเจ้าเถอะ เรียกเสี้ยวเสี้ยวมาด้วย” ผ่านไปไม่นาน ผังเสี้ยวเสี้ยวก็มาถึงก่อน พอเดินขึ้นไปวางกาน้ำชาบนโต๊ะแล้ว นางก็หันหน้าเดินออกมาเลย ช่วงนี้นางค่อนข้างเจ้าอารมณ์ ทว่าตอนที่เดินลงมา ก็บังเอิญเจอกับเฟยหงพอดี ทั้งสองมองหน้ากันเลิกลั่ก เหมียวอี้ยิ้มหวาน นี่คือสาเหตุที่เขาไม่ห้ามตอนผังเสี้ยวเสี้ยวเดินออกมา ตอนอยู่บนตึกเขาเห็นว่าเฟยหงมาแล้ว รู้ว่าทั้งสองจะต้องเจอกัน หลังจากอวิ๋นจือชิวส่งต่อภารกิจเยี่ยมเยียนเข้าสังคมให้เฟยหงแล้ว เฟยหงก็เคยไปที่ตระกูลผัง ทั้งสองเคยเจอหน้ากันมาก่อน รู้จักกันแล้ว เฟยหงอึ้งเล็กน้อย แล้วก็ยิ้มทันที “เป็นน้องเสี้ยวเสี้ยวนี่เอง” ผังเสี้ยวเสี้ยวเก้อเขินเล็กน้อย เพราะเมื่อก่อนเคยสืบเรื่องหนิวโหย่วเต๋อจากเฟยหงว่าน่ากลัวอย่างที่คนเขาลือกันหรือเปล่า นึกไม่ถึงว่าผ่านไปชั่วพริบตาเดียวจะได้ใช้สามีร่วมกับอีกฝ่ายแล้ว นางคำนับด้วยสีหน้าแดงเรื่อ “พี่สาว!” จากนั้นก็รีบหันหน้าหนีแล้วเดินจากไป เฟยหงเดินผ่านไปและหันกลับไปมองเป็นระยะ จากนั้นคำนับเหมียวอี้ เหมียวอี้ถามอย่างแปลกใจ “พวกเจ้ารู้จักกันเหรอ?” เขายังคิดจะแนะนำให้สองคนรู้จักกันไว้อยู่เลย “เมื่อก่อนเคยเจอตอนไปเยี่ยมที่ตระกูลผัง เคยคุยกันมาบ้างแล้วล่ะ นึกไม่ถึงว่า…” เฟยหงพยักหน้า เหมียวอี้ย่อมเข้าใจว่าทำไมนางพูดไม่จบ จึงบอกว่า “เจ้าคงได้ยินเรื่องที่บ้านนางมาบ้างแล้ว นางอยู่ที่นี่ไม่สนิทกับใคร เจ้าไปมาหาสู่กับนางบ่อยๆ แล้วกัน ช่วยข้าดูแล” “ค่ะ!” เฟยหงพยักหน้า ความกังวลฉายขึ้นมาตรงหว่างคิ้ว “นายท่าน หน่วยตรวจการซ้ายบีบให้ข้ากลับมา…” เหมียวอี้ยกมือห้าม หลังจากเฟยหงได้ข่าวจากหน่วยตรวจการซ้ายว่าให้ลอบสังหารเขา นางก็บอกให้เขารู้ทันที ที่จริงเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เขาคาดเดาได้ตั้งแต่แรกแล้ว ต่อให้เฟยหงไม่บอก เขาก็เดาออกอยู่ดี ตอนแรกที่หยางชิ่งคาดคะเนวางแผน หยางชิ่งก็คาดเดาสถานการณ์ฝั่งนี้ได้แล้ว อาจจะมีความเป็นไปได้ต่ำที่ประมุขชิงจะส่งกองทัพองครักษ์มาทำศึกเพราะคำนึงถึงสถานการณ์ภาพรวม แต่อาจจะใช้วิธีอื่นกำจัดเขา แล้วจะลงมืออย่างไรล่ะ? เฟยหงกับองครักษ์เงาอยู่ในการคาดเดาของหยางชิ่งอยู่แล้ว เขายังไม่บอกความคิดของหยางชิ่งให้เฟยหงรู้ เพราะจะฉวยโอกาสนี้ทดสอบจุดยืนของเฟยหงอีกสักครั้ง ถ้าเฟยหงอ้างเหตุผลที่จะกลับมาในเวลานี้ เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าตำหนักสวรรค์เริ่มดำเนินการเรื่องลงมือสังหารแล้ว ถ้าเฟยหงเป็นฝ่ายขอกลับมาก่อนโดยไม่ยอมคายความจริง หยางชิ่งก็ให้เหมียวอี้ตัดสินใจเอาเอง ถึงอย่างไรเขาก็เคยวางแผนฆ่าจูเก๋อชิงมาแล้ว…โชคดีที่เฟยหงไม่ได้ทำให้เหมียวอี้ผิดหวัง “ข้ามีแผนอยู่ในใจแล้ว เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะจัดการเอง” พอเหมียวอี้พูดจบ ก็เห็นตรงหว่างคิ้วนางฉายแววกัดกลุ้ม เขาจึงกุมมือที่เรียวสวยของนาง แล้วพูดปลอบใจว่า “ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลอะไร เจ้ากังวลว่าถ้าไม่เชื่อฟังหน่วยตรวจการซ้าย แม่เจ้าก็จะมีอันตราย มีเรื่องหนึ่งที่ข้ายังไม่ได้บอกเจ้า ก่อนที่ข้าจะลงมือกับทัพใต้ ข้ากังวลว่าหลังจากจบเรื่องแล้วหน่วยตรวจการซ้ายจะบีบบังคับเจ้า ข้าก็เลยวางแผนที่จะช่วยแม่เจ้าไว้แล้ว แต่ตอนนี้ฝั่งข้ายังเตรียมตัวไม่เรียบร้อย ข้าเลยต้องถ่วงเวลาฝั่งหน่วยตรวจการซ้ายเอาไว้ เอาเป็นว่าเจ้าวางใจได้ ข้าจะหาทางช่วยแม่เจ้าออกมาให้ได้แน่นอน ในเร็วๆ นี้ รอไม่นานหรอก!” เขาไม่ได้มีความมั่นใจต่อพระปีศาจหนานโป ถ้าจะบอกว่าพระปีศาจเป็นอันดับสองในใต้หล้าเรื่องตามหาคน ก็ไม่มีใครกล้าบอกว่าใต้หล้ามีอันดับหนึ่งแล้ว เขาไม่ได้ฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่พระปีศาจ เตรียมแผนอื่นไว้แล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่จำเป็น จะต้องจับตัวประกันที่มีน้ำหนักมากพอเอาไว้แลกคนกับหน่วยตรวจการซ้าย เรื่องบางเรื่องถ้ายังไม่รอให้คุมทัพใต้ได้ก่อน ถ้ายังไม่มีศักยภาพที่จะเสี่ยงอันตราย เขาก็ไม่กล้าทำ เพราะรับความเสียหายร้ายแรงที่ตามมาไม่ไหว เฟยหงโผเข้ามาในอ้อมกอด รู้สึกซับซึ้งใจสุดๆ ทั้งสองยังไม่ทันได้พะเน้าพะนอกัน หยางเจาชิงก็ส่งข่าวมาอีกแล้ว ผู้การใหญ่วังสวรรค์ซ่างกวนชิงมาเยือน ทหารยามที่เฝ้าประตูดวงดาวส่งข่าวมา เข้ามาในอาณาเขตผืนนี้แล้ว ไม่ต้องบอกเลย คำสั่งแต่งตั้งอ๋องสวรรค์คุมทัพใต้มาถึงแล้ว ความสำคัญของคำสั่งแต่งตั้งนี้เพียงพอที่จะให้ซ่างกวนชิงมาด้วยตัวเอง เหมียวอี้จึงให้เฟยหงหลบเลี่ยงไปก่อน แล้วสั่งให้ทัพใหญ่ที่ป้องกันอยู่ใกล้ๆ รีบเตรียมพร้อมป้องกัน ส่วนเขาก็จัดเสื้อผ้าหน้าผม แล้วออกไปรอต้อนรับที่ประตูใหญ่จวนท่านอ๋องด้วยตัวเอง ………………

ชั่วพริบตาที่ถูกเชิญให้เข้าสู่ประเด็นหลัก ทั้งตัวนางก็หนาวสั่นราวกับอยู่ในอุโมงค์น้ำแข็ง

ในที่สุดนางก็ตระหนักได้แล้ว ว่าสามีมองเบาะแสอะไรบางอย่างออกแล้ว

ที่จริงในใจนางก็รู้ชัดเจน ว่าครอบครัวอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ต่างคนต่างรู้จักกันและกันดีเกินไป ไม่ว่ามีความผิดปกติอะไรก็อาจเผยพิรุธได้ รู้ว่าจะต้องมองเบาะแสออกในไม่ช้าก็เร็ว เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ สามีจะทำให้ลำบากใจขนาดนี้ ดูจากสภาพการณ์แล้ว นางสงสัยนิดหน่อยว่าสามีจะสังเกตเห็นอะไรมานานแล้วหรือเปล่า ไม่เหมือนเพิ่งสังเกตเห็น

ถ้าเป็นครอบครัวปกติ ให้รู้เรื่องแบบนี้ก็ไม่เป็นอะไร แต่ประเด็นก็คือภูมิหลังของสามีทำให้นางหวาดกลัว ดีไม่ดีอาจจะทำให้โดนกวาดล้างทั้งตระกูลหวงฝู่ก็ได้

“จะมีความสัมพันธ์อะไรได้ ก็กล้อมแกล้มเป็นสหายกันไปละมั้ง” หวงฝู่ตวนหรงพยายามใจเย็น

“มีความสัมพันธ์อะไรกันแน่?” อู่หนิงถาม

“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องเหลวไหลอะไร!” หวงฝู่ตวนหรงแสร้งหงุดหงิด ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปเลย

ชวิ้ง! เงาดาบแวบเข้ามา อู่หนิงใช้มือข้างเดียวถือดาบขวางทางออกศาลา ขวางอยู่ตรงหน้าหวงฝู่ตวนหรงเช่นกัน สองสามีภรรยาสบตากันแล้ว

หลังจากผ่านไปนาน หวงฝู่ตวนหรงก็หน้าซีดลงเรื่อยๆ ถอยกลับมานั่งลงที่โต๊ะอย่างช้าๆ “เจ้าจะเอายังไง? รายงานไปที่ตำหนักสวรรค์ จะทำให้พวกเราสองแม่ลูกตายเลนใช่มั้ย?”

อู่หนิงลุกขึ้นแล้วหันตัวมา ชี้คมดาบไปตรงหว่างคิ้วหวงฝู่ตวนหรง พร้อมถามเสียงเย็น “บอกมา มีความสัมพันธ์อะไร?”

“ในเมื่อเจ้าเดาออกแล้ว ทำไมยังต้องถามข้าอีก?” หวงฝู่ตวนหรงฝืนยิ้ม

“หนิวโหย่วเต๋อบังคับใช่มั้ย?” อู่หนิงกัดฟัน

หวงฝู่ตวนหรงปัดดาบออก พลันลุกขึ้นยืนแล้วพุ่งไปตรงหน้าเขา ไปเผชิญหน้ากันใกล้ๆ แล้วถ่ายทอดเสียงบอกอย่างแข็งกร้าว “ทั้งสองรักกัน ลูกสาวเจ้าเต็มใจเอง! ตอนที่หนิวโหย่วเต๋อเพิ่งมาถึงตลาดสวรรค์ พวกเขาก็อยู่ด้วยกันอย่างดีแล้ว แต่ก็ไม่มีทางเลือก ภูมิหลังของโหรวโหรวก็เห็นๆ กันอยู่ ภูมิหลังของพ่อนางก็ลึกลับเกินคาดเดา นางไม่กล้าบอกที่บ้าน กลัวว่าท่านพ่อจะฆ่านาง เจ้าพอใจหรือยัง?”

ฉึก! อู่หนิงปักดาบลงบนพื้น แอบปล่อยพลังภายใน พื้นดินเป็นรอยแยก เป็นลายใยแมงมุมขยายออกมาโดยมีศาลาเป็นจุดศูนย์กลาง

มีที่กุมด้ามดาบสั่นเทิ้ม อู่หนิงก้มหน้ากล่าวอย่างขมขื่น “ในเมื่อรู้จักกันตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมไม่ให้หนิวโหย่วเต๋อแต่งงานเข้ามา?”

หวงฝู่ตวนหรงโบกมือชี้ไปข้างนอก “เจ้าดูความสำเร็จของเขาในวันนี้สิ เป็นวีรบุรุษแห่งยุค เจ้าคิดว่าเขาเป็นคนที่ยินดีจะแต่งงานเข้ามาเหรอ?”

“เช่นนั้นก็ให้พวกเขาตัดขาดกัน!” อู่หนิงกล่าวด้วยสีหน้าทุกข์ใจ

“ตัดขาดเหรอ?” หวงฝู่ตวนหรงแทบจะตะโกนใส่ข้างหูเขา “ใช่ว่าพวกเขาจะไม่เคยตัดขาดกัน แต่พวกเขาตัดขาดกันไม่ได้ มาตัดขาดกันตอนนี้ก็สายไปแล้ว อดทนมานานขนาดนี้ ข้าก็ทรมานมาเต็มที่แล้วเช่นกัน ในเมื่อเปิดเผยเรื่องนี้แล้ว ข้าก็ไม่กลัวที่จะบอกเจ้าหรอกนะ ข้าเปิดเผยความลับของสมาคมวีรชนให้หนิวโหย่วเต๋อรู้ไปเยอะแล้ว ถ้าเจ้าอยากจะรายงานลับก็รายงานไปได้เลย!”

แผ่นดินแยกสะเทือนไปถึงหวงฝู่จวินโหรวที่อยู่ในห้องนอน พอเห็นสภาพศาลา หวงฝู่จวินโหรวก็เดินออกมาถามอย่างตกใจ “ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านเป็นอะไรไป?”

หวงฝู่ตวนหรงผลักอู่หนิงออก เดินก้าวยาวออกมา แล้วจูงลูกสาวเดินออกไปเลย เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่สู้เอาจริงสักครั้ง ดูให้ชัดเจนไปเลยว่าท่านนี้จะจิตใจเหี้ยมโหดเยี่ยงหมาป่าหรือเปล่า หรือไม่ก็ดูให้ชัดเจนไปเลยว่าหนิวโหย่วเต๋อจริงใจกับลูกสาวนางหรือเปล่า จะยินดีจ่ายเพื่อลูกสาวนางมากเท่าไร

อู่หนิงนั่งลงอย่างหมดกำลังใจ สีหน้าหดหู่ท้อแท้

เรื่องบางเรื่องหวงฝู่ตวนหรงก็ไม่รู้ ว่าการที่หวงฝู่ตวนหรงอำนาจลดลงในตระกูลหวงฝู่ส่งผลกระทบต่อเขา ถ้าเป็นเมื่อก่อน ภารกิจเสี่ยงอันตรายบางอย่างขององครักษ์เงา เขาก็ไม่ต้องลงมือเองเลย เพราะเขามีภารกิจหลักของเขาอยู่แล้ว ตอนนี้หวงฝู่ตวนหรงมีความสำคัญต่อตระกูลหวงฝู่ลดลง บทบาทของเขาต่อตระกูลหวงฝู่ก็ลดลงแล้วเช่นกัน ดังนั้นภารกิจเสี่ยงอันตรายจึงตกมาอยู่ที่เขาแล้ว

อู่หนิงออกจากตระกูลหวงฝู่ไปเงียบๆ จนกระทั่งหวงฝู่ตวนหรงออกมาอีกครั้ง ทั้งตระกูลหวงฝู่ก็หาไม่เจอเงาอู่หนิงแล้ว ทหารยามบอกว่าอู่หนิงออกไปแล้ว ไปไหนก็ไม่รู้ หวงฝู่ตวนหรงติดต่ออู่หนิงแต่ก็ติดต่อไม่ได้

ด้วยเหตุนี้เอง หวงฝู่ตวนหรงจึงกังวลใจถึงขีดสุด อย่าบอกนะว่าอู่หนิงจะทรยศพวกนางสองแม่ลูกจริงๆ? อดไม่ได้ที่จะนึกเสียใจทีหลังที่ตัวเองวู่วามไปก่อนหน้านี้ นางควรจะจะไม่ยอมรับแม้จะโดนตีตายก็ตาม

หวงฝู่จวินโหรวรู้เรื่องจากปากมารดาแล้ว นางในฐานะที่เป็นลูกสาวกลับแน่ใจว่าบิดาจะไม่ทรยศพวกนาง

เกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงกะทันหัน เรื่องราวจากด้านต่างๆ ถูกดึงออกมาไม่น้อย เป็นช่วงเวลาที่เกิดเรื่องราวมากมาย ในอาณาเขตทัพใต้มีตั้งกี่ครอบครัวที่ต้องพลัดพรากจากกันก็ย่อมไม่ต้องพูดถึงเลย

ดาวอ๋องสวรรค์ฮ่าวเหมือนจะมีฤดูฝนค่อนข้างมาก ที่อยู่บนตึกศาลาสูงกำลังทอดสายตามองสายฝนโปรยปรายด้านนอก ไม่รู้ว่าฮ่าวเต๋อฟางในปีนั้นมายืนชมเมฆหมอกเลื่อนลอย ฝนโปรยเหมือนภาพในบทกวีตรงนี้บ่อยหรือเปล่า

เขาเก็บระฆังดารา แล้วหยิบระฆังดาราอีกอันมาเรียกหยางเจาชิง

หยางเจาชิงมาถึงอย่างรวดเร็ว แล้วทำความเคารพ “นายท่าน!”

เหมียวอี้เอียงหน้าเล่าเรื่องที่หวงฝู่ตวนหรงกับลูกสาวมาที่ดาวเคราะห์บริเวณใกล้ๆ นี้ให้ฟัง ให้หยางเจาชิงเตรียมคนที่ไว้ใจได้ไปคุ้มครองอย่างลับๆ

สุดท้ายการหายตัวไปของอู่หนิงก็ทำให้ความเชื่อใจของหวงฝู่ตวนหรงสั่นคลอน จำเป็นต้องบอกสถานการณ์ให้เหมียวอี้รู้ เหมียวอี้จึงให้พวกนางมาหลบแถวๆ นี้ บอกว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้เอง

หยางเจาชิงเตือนว่า “นายท่าน ช่วงนี้ไปมาหาสู่กับคนของสมาคมวีรชนลึกซึ้งเกินไปแล้ว…พิจารณาหน่อยดีไหมขอรับ?” เขาจะสื่อว่าตอนนี้ก็มีเรื่องเยอะพออยู่แล้ว

เหมียวอี้ส่ายหน้ายิ้มเจื่อน “สาเหตุที่อยู่ในนั้นพูดวันเดียวไม่จบ เอาเป็นว่าที่จริงแล้วหวงฝู่จวินโหรว เป็นผู้หญิงของข้า มีความเป็นไปได้สูงว่าเรื่องนี้กำลังจะถูกเปิดโปง…” เขาเล่าสถานการณ์คร่าวๆ ให้ฟัง รวมทั้งเรื่องที่หวงฝู่ตวนหรงวู่วามหลุดปากต่อหน้าอู่หนิง และบอกด้วยว่าอู่หนิงเป็นคนขององครักษ์เงา

แน่นอนว่าย้ำเตือนเช่นกัน บอกว่าอวิ๋นจือชิวไม่รู้เรื่องนี้ ให้เขาเก็บเป็นความลับ

หยางเจาชิงตกตะลึงอ้าปากค้าง พูดในใจว่า ไม่น่าเชื่อว่าจะได้กับหวงฝู่จวินโหรวด้วยเหมือนกัน ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะมองไม่ออก เก็บซ่อนไว้ลึกมาก โอ้สวรรค์ แค่นี้ยังวุ่นวายไม่พออีกเหรอ? ช่วงนี้มีผู้หญิงไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเข้ามาในจวนมากมาย แค่เหยียนซิวที่รับหน้าที่ตรวจสอบก็ยุ่งแทบไม่ทันแล้ว แล้วท่านนี้มีเพิ่มมาอีกคน ต่อไปถ้าฮูหยินรู้แล้วท่านจะอธิบายอย่างไร?

“นอกจากนี้ เจ้าคิดหาทางแอบติดต่อหวงฝู่เลี่ยนคง เปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับหวงฝู่จวินโหรวให้เขารู้ บอกเขาว่า อย่านึกว่ามีวังสวรรค์หนุนหลังแล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไรตระกูลของพวกเขา ถ้าหวงฝู่ตวนหรงกับลูกสาวเป็นอะไรไป ข้าก็ไม่สนว่าพวกเขาจะเป็นคนทำหรือไม่ ข้าจะถอนรากถอนโคนทั้งตระกูลหวงฝู่แน่นอน จะฆ่าไม่ให้เหลือแม้แต่ไก่หรือสุนัข ให้พวกเขาลงหลุมศพไปเป็นเพื่อนพวกนาง ข้าพูดจริงทำจริง! แล้วก็บอกเขาด้วย ว่าข้าสนใสมาคมวีรชนมาก!” เหมียวอี้กำชับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาไม่ค่อยรู้จักอู่หนิงดีนัก ไม่ได้มีความเชื่อใจบิดาเหมือนหวงฝู่จวินโหรว เขาต้องขู่ตระกูลหวงฝู่ไว้ก่อน ตระกูลหวงฝู่จะได้ไม่ทำซี้ซั้วกับพวกนางสองแม่ลูก

“ขอรับ เข้าใจแล้ว” หยางเจาชิงเพิ่งจะเอ่ยรับ แล้วก็หยิบระฆังดาราอีกอันขึ้นมาอีก แล้วรายงานว่า “ฮูหยินเฟยหงมาแล้วขอรับ”

เหมียวอี้พยักหน้า “เจ้าไปทำงานของเจ้าเถอะ เรียกเสี้ยวเสี้ยวมาด้วย”

ผ่านไปไม่นาน ผังเสี้ยวเสี้ยวก็มาถึงก่อน พอเดินขึ้นไปวางกาน้ำชาบนโต๊ะแล้ว นางก็หันหน้าเดินออกมาเลย ช่วงนี้นางค่อนข้างเจ้าอารมณ์

ทว่าตอนที่เดินลงมา ก็บังเอิญเจอกับเฟยหงพอดี ทั้งสองมองหน้ากันเลิกลั่ก

เหมียวอี้ยิ้มหวาน นี่คือสาเหตุที่เขาไม่ห้ามตอนผังเสี้ยวเสี้ยวเดินออกมา ตอนอยู่บนตึกเขาเห็นว่าเฟยหงมาแล้ว รู้ว่าทั้งสองจะต้องเจอกัน

หลังจากอวิ๋นจือชิวส่งต่อภารกิจเยี่ยมเยียนเข้าสังคมให้เฟยหงแล้ว เฟยหงก็เคยไปที่ตระกูลผัง ทั้งสองเคยเจอหน้ากันมาก่อน รู้จักกันแล้ว

เฟยหงอึ้งเล็กน้อย แล้วก็ยิ้มทันที “เป็นน้องเสี้ยวเสี้ยวนี่เอง”

ผังเสี้ยวเสี้ยวเก้อเขินเล็กน้อย เพราะเมื่อก่อนเคยสืบเรื่องหนิวโหย่วเต๋อจากเฟยหงว่าน่ากลัวอย่างที่คนเขาลือกันหรือเปล่า นึกไม่ถึงว่าผ่านไปชั่วพริบตาเดียวจะได้ใช้สามีร่วมกับอีกฝ่ายแล้ว นางคำนับด้วยสีหน้าแดงเรื่อ “พี่สาว!” จากนั้นก็รีบหันหน้าหนีแล้วเดินจากไป

เฟยหงเดินผ่านไปและหันกลับไปมองเป็นระยะ จากนั้นคำนับเหมียวอี้

เหมียวอี้ถามอย่างแปลกใจ “พวกเจ้ารู้จักกันเหรอ?” เขายังคิดจะแนะนำให้สองคนรู้จักกันไว้อยู่เลย

“เมื่อก่อนเคยเจอตอนไปเยี่ยมที่ตระกูลผัง เคยคุยกันมาบ้างแล้วล่ะ นึกไม่ถึงว่า…” เฟยหงพยักหน้า

เหมียวอี้ย่อมเข้าใจว่าทำไมนางพูดไม่จบ จึงบอกว่า “เจ้าคงได้ยินเรื่องที่บ้านนางมาบ้างแล้ว นางอยู่ที่นี่ไม่สนิทกับใคร เจ้าไปมาหาสู่กับนางบ่อยๆ แล้วกัน ช่วยข้าดูแล”

“ค่ะ!” เฟยหงพยักหน้า ความกังวลฉายขึ้นมาตรงหว่างคิ้ว “นายท่าน หน่วยตรวจการซ้ายบีบให้ข้ากลับมา…”

เหมียวอี้ยกมือห้าม หลังจากเฟยหงได้ข่าวจากหน่วยตรวจการซ้ายว่าให้ลอบสังหารเขา นางก็บอกให้เขารู้ทันที ที่จริงเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เขาคาดเดาได้ตั้งแต่แรกแล้ว ต่อให้เฟยหงไม่บอก เขาก็เดาออกอยู่ดี ตอนแรกที่หยางชิ่งคาดคะเนวางแผน หยางชิ่งก็คาดเดาสถานการณ์ฝั่งนี้ได้แล้ว อาจจะมีความเป็นไปได้ต่ำที่ประมุขชิงจะส่งกองทัพองครักษ์มาทำศึกเพราะคำนึงถึงสถานการณ์ภาพรวม แต่อาจจะใช้วิธีอื่นกำจัดเขา แล้วจะลงมืออย่างไรล่ะ? เฟยหงกับองครักษ์เงาอยู่ในการคาดเดาของหยางชิ่งอยู่แล้ว

เขายังไม่บอกความคิดของหยางชิ่งให้เฟยหงรู้ เพราะจะฉวยโอกาสนี้ทดสอบจุดยืนของเฟยหงอีกสักครั้ง ถ้าเฟยหงอ้างเหตุผลที่จะกลับมาในเวลานี้ เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าตำหนักสวรรค์เริ่มดำเนินการเรื่องลงมือสังหารแล้ว

ถ้าเฟยหงเป็นฝ่ายขอกลับมาก่อนโดยไม่ยอมคายความจริง หยางชิ่งก็ให้เหมียวอี้ตัดสินใจเอาเอง ถึงอย่างไรเขาก็เคยวางแผนฆ่าจูเก๋อชิงมาแล้ว…โชคดีที่เฟยหงไม่ได้ทำให้เหมียวอี้ผิดหวัง

“ข้ามีแผนอยู่ในใจแล้ว เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะจัดการเอง” พอเหมียวอี้พูดจบ ก็เห็นตรงหว่างคิ้วนางฉายแววกัดกลุ้ม เขาจึงกุมมือที่เรียวสวยของนาง แล้วพูดปลอบใจว่า “ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลอะไร เจ้ากังวลว่าถ้าไม่เชื่อฟังหน่วยตรวจการซ้าย แม่เจ้าก็จะมีอันตราย มีเรื่องหนึ่งที่ข้ายังไม่ได้บอกเจ้า ก่อนที่ข้าจะลงมือกับทัพใต้ ข้ากังวลว่าหลังจากจบเรื่องแล้วหน่วยตรวจการซ้ายจะบีบบังคับเจ้า ข้าก็เลยวางแผนที่จะช่วยแม่เจ้าไว้แล้ว แต่ตอนนี้ฝั่งข้ายังเตรียมตัวไม่เรียบร้อย ข้าเลยต้องถ่วงเวลาฝั่งหน่วยตรวจการซ้ายเอาไว้ เอาเป็นว่าเจ้าวางใจได้ ข้าจะหาทางช่วยแม่เจ้าออกมาให้ได้แน่นอน ในเร็วๆ นี้ รอไม่นานหรอก!”

เขาไม่ได้มีความมั่นใจต่อพระปีศาจหนานโป ถ้าจะบอกว่าพระปีศาจเป็นอันดับสองในใต้หล้าเรื่องตามหาคน ก็ไม่มีใครกล้าบอกว่าใต้หล้ามีอันดับหนึ่งแล้ว เขาไม่ได้ฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่พระปีศาจ เตรียมแผนอื่นไว้แล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่จำเป็น จะต้องจับตัวประกันที่มีน้ำหนักมากพอเอาไว้แลกคนกับหน่วยตรวจการซ้าย เรื่องบางเรื่องถ้ายังไม่รอให้คุมทัพใต้ได้ก่อน ถ้ายังไม่มีศักยภาพที่จะเสี่ยงอันตราย เขาก็ไม่กล้าทำ เพราะรับความเสียหายร้ายแรงที่ตามมาไม่ไหว

เฟยหงโผเข้ามาในอ้อมกอด รู้สึกซับซึ้งใจสุดๆ

ทั้งสองยังไม่ทันได้พะเน้าพะนอกัน หยางเจาชิงก็ส่งข่าวมาอีกแล้ว ผู้การใหญ่วังสวรรค์ซ่างกวนชิงมาเยือน ทหารยามที่เฝ้าประตูดวงดาวส่งข่าวมา เข้ามาในอาณาเขตผืนนี้แล้ว

ไม่ต้องบอกเลย คำสั่งแต่งตั้งอ๋องสวรรค์คุมทัพใต้มาถึงแล้ว ความสำคัญของคำสั่งแต่งตั้งนี้เพียงพอที่จะให้ซ่างกวนชิงมาด้วยตัวเอง

เหมียวอี้จึงให้เฟยหงหลบเลี่ยงไปก่อน แล้วสั่งให้ทัพใหญ่ที่ป้องกันอยู่ใกล้ๆ รีบเตรียมพร้อมป้องกัน ส่วนเขาก็จัดเสื้อผ้าหน้าผม แล้วออกไปรอต้อนรับที่ประตูใหญ่จวนท่านอ๋องด้วยตัวเอง

………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+