พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 2068 ทัพใต้กำหนดรูปแบบ

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 2068 ทัพใต้กำหนดรูปแบบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แม้แต่สมาชิกกองทัพองครักษ์ที่ติดตามอยู่ข้างหลังชิงหยวนจุน ก็มองเหมียวอี้ด้วยแววตาแปลกๆ เช่นกัน เป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ชัดเจน

เห็นได้ชัดว่าทั้งสองอยู่ในสถานการณ์ที่คุมเชิงกัน เหมือนกำลังรออะไรบางอย่าง สุดท้ายก็เป็นเหมียวอี้ที่ลดเกียรติกุมหมัดคารวะก่อน “องค์ชาย ลำบากมาตลอดทางแล้ว”

ตอนนี้ชิงหยวนจุนถึงได้กุมหมัดคารวะ “คารวะท่านอ๋อง! ท่านอ๋องกล่าวเกินไปแล้ว สู้ท่านอ๋องไม่ได้หรอก ตรากตรำสร้างผลงานใหญ่หลวงเชียว”

คำพูดนี้ไม่ว่าจะฟังอย่างไรก็รู้สึกเหมือนกำลังเหน็บแนม เหมียวอี้ยิ้มมุมปากหยอกล้อ

พวกหยางเจาชิงที่อยู่ข้างๆ มองชิงหยวนจุนด้วยแววตาเย็นเยียบเล็กน้อย พูดเหน็บแนมท่านอ๋องต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ จะเรียกว่าเหยียดหยามให้อับอายก็ก็ไม่ถือว่ากล่าวเกินไป

สวีถังหรานที่ยืนอยู่ข้างกันทำสีหน้าโกรธแค้นอย่างชัดเจน เขาตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะกอดต้นขาเหมียวอี้ สาเหตุที่ยอมแสดงท่าทีชัดเจนขนาดนี้ แสดงออกชัดเจนขนาดนี้ ก็เพราะรู้ว่าเหมียวอี้มีศักยภาพที่จะต่อต้านตำหนักสวรรค์แล้ว เหมียวอี้ในตอนนี้มีศักยภาพที่จะงัดข้อกับประมุขชิงแล้ว แค่ชิงหยวนจุนคนเดียวสวีถังหรานย่อมไม่กลัว

“เชิญ!” เหมียวอี้เหมือนไม่ถือสา หันตัวหลีกทางให้พร้อมยื่นมือเชิญ

“ท่านอ๋องไม่ค้นตัวและปล่อยข้าเข้ามาได้ ก็นับว่าเป็นเกียรติของข้าแล้ว มีหรือที่จะกล้าเข้าจวนท่านอ๋องโดยไม่ได้ค้นตัวอีก” ชิงหยวนจุนแสดงออกชัดเจนว่าไม่ไว้หน้าเหมียวอี้ หยิบแผ่นหยกออกมาแผ่นหนึ่ง “ถือโอกาสตอนผ่านทางมาที่นี่ นำหนังสืออนุมัติจากฝ่าบาทมาให้ท่านอ๋อง ข้ายังต้องไปรับงานต่อที่จวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลอีก ไม่อยู่รบกวนท่านอ๋องแล้วกัน หวังว่าท่านอ๋องจะคุยกับทางจวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลไว้เรียบร้อยแล้ว”

หยางเจาชิงก้าวขึ้นมารับแผ่นหยกไว้ในมือ หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีปัญหา ก็พยักหน้าให้เหมียวอี้

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เคารพมิสู้ทำตามคำสั่ง องค์ชายเชิญตามสะดวก” เหมียวอี้ยื่นมือเชิญตามสะดวก สายตาไปหยุดอยู่บนตัวชายวัยกลางคนข้างกายชิงหยวนจุน สังเกตเห็นนานแล้วว่าคนคนนี้มองตนด้วยสายตาไม่ค่อยเป็นมิตร จึงถามว่า “ท่านนี้คงจะเป็นหวังติ้งเฉา รองผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลคนใหม่ พี่หวัง?”

“เป็นหวังเอง!” หวังติ้งเฉากุมหมัดคารวะ “คารวะท่านอ๋อง!”

“ตั้งแต่จากกันที่แดนอเวจี ก็ไม่ได้พบกันเลยหลายปี พี่หวังยังสง่าโดดเด่นเหมือนเดิม ควรค่าที่จะแสดงความยินดี!” เหมียวอี้พยักหน้า

“ไม่โดดเด่นเท่าท่านอ๋องในปีนั้นหรอก!” หวังติ้งเฉาตอบกลับด้วยคำพูดเย็นชา

“บังอาจ!” สวีถังหรานตะคอกอย่างเดือดดาล

เหมียวอี้ยกมือห้าม แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ไม่ถือสา “ในเมื่อเป็นเพื่อนบ้านกัน ถ้าองค์ชายกับพี่หวังมีเวลาว่างก็มานั่งเล่นที่นี่บ่อยๆ”

“ขอตัวว!” ชิงหยวนจุนกุมหมัดกล่าวอำลา แล้งนำกำลังพลเหาะขึ้นฟ้าไป

ตอนนี้สวีถังหรานเข้ามาใกล้เหมียวอี้แล้ว “ท่านอ๋อง ชิงหยวนจุนนี่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ไม่สั่งสอนสักหน่อยเหรอ?”

“ไม่จำเป็นต้องถือสาคนพื้นๆ อย่างพวกเขาหรอก” เหมียวอี้รับแผ่นหยกมาจากหยางเจาชิง แล้วกำชับว่า “บอกหลงซิ่น ถ้าอีกฝ่ายพูดจาไร้มารยาท ก็ให้อดทนไว้ หลังจากส่งต่องานที่ผู้สำเร็จราชการแล้ว ก็ให้รีบถอนกำลังพลออกมา  อย่าให้เกิดความขัดแย้งอะไรกัน”

“ขอรับ!” หยางเจาชิงเอ่ยรับแล้วไปจัดการ

สวีถังหรานได้แต่มองแผ่นหยกในมือเหมียวอี้ตาปริบๆ คนที่อยู่รอบๆ สายตาจับจ้องอยู่บนแผ่นหยกแผ่นนี้ พอจะเดาออกแล้วว่าของที่อยู่ในนี้สามารถตัดสินอนาคตของคนได้มากมาย

เหมียวอี้ตรวจอ่านแผ่นหยกเช่นนั้น จากนั้นสายตาก็มองไปที่สวีถังหราน แล้วบอกว่า “เจ้ามานี่หน่อย!”

“ขอรับ!” สวีถังหรานตามเข้าไปในจวนท่านอ๋องอย่างว่าง่าย

ทั้งสองยืนอยู่บนลานกว้างโล่งนอกตำหนักหลัก บนใบหน้าสวีถังหรานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เดินตามอยู่ข้างๆ อย่างเคารพนบนอบ คอยสังเกตสีหน้าของเหมียวอี้อย่างระมัดระวัง

“หลิงหลงติดต่อหวังเฟยไปคุยเรื่องของเจ้าแล้ว หวังว่าจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง” เหมียวอี้เปิดประเด็น

สวีถังหรานกังวลทันที ก่อนหน้านี้แม้จะรู้สึกว่าอวิ๋นจือชิวจะไม่แทรกแซงเรื่องนี้ แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะลองพยายาม ถึงอย่างไรก็เป็นหนทางเดียว มีหรือที่จะยอมแพ้ง่ายๆ จึงให้เสวี่ยหลิงหลงไปขอร้องให้อวิ๋นจือชิวช่วยพูดให้ เขากลืนน้ำลายแล้วพูดเหมือนแกล้งโกรธว่า “ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ความจริงๆ เข้ามายุ่งกับเรื่องใหญ่แบบนี้ได้ยังไง เดี๋ยวข้าน้อยจะกลับไปสั่งสอนนางแน่นอน!”

มีหรือที่เหมียวอี้จะไม่รู้ถึงความตั้งใจของเขา “หลิงหลงทำแบบนี้ไม่ผิดหรอก ในเมื่อเจ้ามีความตั้งใจจะทำงานให้ข้า ข้าก็ย่อมให้โอกาสเจ้า เพียงแต่มีสิ่งหนึ่งที่เจ้าควรจะเข้าใจเอาไว้ ตอนนี้วรยุทธ์ของเจ้าเหมาะสมเพียงตำแหน่งหัวหน้าภาค ถ้าเลื่อนตำแหน่งสูงกว่านี้คนอื่นจะไม่พอใจ เจ้าคิดว่ายังไง?”

สวีถังหรานเผยแววตาหดหู่ เสียความรู้สึกนิดหน่อย เมื่อก่อนนี้ตัวเองได้ก้าวหน้าตามทุกครั้ง ในที่สุดครั้งนี้ก็ตามไม่ทันแล้ว แต่เขาก็ยังพยักน้ายิ้มอย่างเก้อเขิน “ท่านอ๋องพูดถูก ข้าน้อยยินดีฟังคำสั่งท่านอ๋อง”

“แต่คำพูดของหวังเฟยก็มีเหตุผลอยู่บ้าง หลังจากข้ากลับไปครุ่นคิด ก็พบวิธีการประนีประนอมแล้ว ตำแหน่งโหวสิบแปดตำแหน่งในทัพใต้ สามารถเว้นให้เจ้าได้หนึ่งตำแหน่ง!” เหมียวอี้กล่าว

สวีถังหรานอึ้งทันที จากนั้นก็ดีใจอย่างบ้าคลั่ง ไม่สนใจศักดิ์ศรีบ้าบออะไรแล้ว เขาคุกเข่าโขกศีรษะกับพื้นซ้ำๆ กล่าวเสียงสะอื้นว่า “ท่านอ๋องมีบุญคุณอีกแล้ว ต่อให้ข้าน้อยตายหมื่นครั้งก็ตอบแทนไม่หมด!”

เหมียวอี้รับไม่ไหวกับพฤติกรรมเอะอะก็คุกเข่าร้องไห้ฟูมฟาย เหล่ตากล่าวว่า “มาคุยกันดีๆ ไม่ได้ใช่มั้ย? ถ้าเจ้าเป็นอย่างนี้อีก เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ช่างมันเถอะ”

สวีถังหรานรีบลุกขึ้นมา แล้วปาดน้ำตาบอกว่า “ท่านอ๋อง ข้าน้อยไม่ได้มีเจตนาอื่น ข้าน้อยแค่ซาบซึ้งเกินไป ซาบซึ้งไปชั่วขณะ!”

ไม่ซาบซึ้งก็แปลกแล้ว เหมียวอี้ไต่เต้าขึ้นจอมพลถือเป็นกรณีพิเศษ ส่วนคนอื่นที่วรยุทธ์ไม่ถึงระดับสำแดงฤทธิ์ ถ้าคิดจะนั่งตำแหน่งโหวก็เป็นไปไม่ได้เลย ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไปเมื่อไร สวีถังหรานก็ได้หน้าได้ตาเต็มที่จริงๆ เพราะนี่คือตำแหน่งที่ได้ยืนประชุมในราชสำนัก ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไรอิจฉา

“ข้ายังพูดไม่จบ เจ้าอย่าเพิ่งดีใจเร็วเกินไปนัก ด้วยสถานการณ์ของเจ้า ถ้านั่งตำแหน่งโหวก็คุมคนได้ยาก เพราะขาดบารมีความน่าเชื่อถือ ดังนั้นข้าให้ตำแหน่งโหวกับเจ้าได้ แต่ให้อำนาจทางทหารของตำแหน่งโหวไม่ได้ อำนาจนี้ต้องยกให้คนอื่นจัดการ ส่วนเจ้าก็ช่วยหวังเฟยรับผิดชอบงานข้างนอกต่อไป ปกติเวลาเข้าประชุมก็สังเกตความเคลื่อนไหวในราชสำนัก สถานการณ์ก็เป็นแบบนี้ ถ้าเจ้าเต็มใจ เรื่องนี้ก็กำหนดตามนี้ ถ้าเจ้าไม่เต็มใจ เช่นนั้นก็ช่างเถอะ คิดเสียว่าข้าไม่เคยพูด” เหมียวอี้กล่าว

ที่จริงนี่คือสิ่งที่ร่างไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เขาก็แค่จะให้ผลงานอวิ๋นจือชิวเท่านั้น อวิ๋นจือชิวก็แค่คอยบอกต่อเจตนาของเสวี่ยหลิงหลงนิดหน่อยเท่านั้น นางไม่คิดจะเข้ามาแทรกแซง แต่ก็ใช่ว่าไม่พิจารณาเพื่อสวีถังหราน แต่รู้ว่าด้วยความสามารถอย่างสวีถังหราน ให้นั่งตำแหน่งพวกนั้นไม่เหมาะสมจริงๆ

และสำหรับเหมียวอี้แล้ว สวีถังหรานเชื่อฟังเกินไป สั่งให้ทำอะไรก็ทำอย่างนั้น ถ้าไม่ยากมากก็ทำได้ดี ถ้าเป็นงานยากก็ไม่เคยปฏิเสธ บอกอะไรก็รับอย่างนั้น ทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ของเขาได้เสมอ ลูกน้องที่ใช้ง่ายแบบนี้ จะต้องปลอบโยนจิตใจเอาไว้

สวีถังหรานพยักหน้าซ้ำๆ “เต็มใจๆ! ข้าน้อยเต็มใจทำงานรับใช้ท่านอ๋องเหมือนม้าเหมือนสุนัข ต่อให้ตายหมื่นครั้งก็ไม่ปฏิเสธ!”

จะเรียกว่าไม่มีน้ำใจได้อย่างไร เขาเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองชัดเจน ถ้าให้กุมอำนาจทางทหารของตำแหน่งโหว ดีไม่ดีอาจเป็นการทุ่มหินใส่เท้าตัวเองก็ได้ อาศัยอำนาจบารมีของตัวเองตอนนี้ ไม่สามารถคุมอาณาเขตที่ใหญ่ขนาดนั้นได้เลย ดังนั้นเขาไม่หวังจะเป็นท่านโหวอะไรนั่นตั้งแต่แรกแล้ว แค่อยากจะได้ตำแหน่งที่ฟังดูดีเฉยๆ ทำยศให้สูงเข้าไว้ก่อน จะได้ไม่ล้าหลังกว่าคนอื่น ต่อให้นอนฝันก็นึกไม่ถึงว่านายท่านจะให้เขานั่งตำแหน่งโหว ที่สำคัญก็คือ เรื่องนี้ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าท่านอ๋องให้ความสำคัญกับเขา เขายังยินดีจะทำงานอยู่ข้างกายท่านอ๋อง ติดต่อใกล้ชิดกับท่านอ๋องและฮูหยิน ไม่อยากถูกคนอื่นควบคุม และไม่อยากสิ้นเปลืองความพยายามไปกับการดูแลอาณาเขตขนาดใหญ่ด้วย เพราะวันๆ ต้องคอยคิดรับมือกับผู้บังคับบัญชาอย่างพวกเทพประจำดาวหรือจอมพล แบบนั้นเหนื่อยมาก คนอื่นอาจจะชอบงานแบบนี้ แต่จะไปดีเหมือนผู้บัญชาการสูงสุดของทัพใต้ได้อย่างไร นี่คือแนวคิดที่เขาคุ้นเคย

เมื่อจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว สวีถังหรานที่ออกจากจวนท่านอ๋องก็แทบยิ้มไม่หุบ พอกลับถึงบ้านก็อุ้มเสวี่ยหลิงหลงหมุนอย่างดึใจทันที

เสวี่ยหลิงหลงบิดหูเขา “รีบปล่อยข้าลง มีเรื่องอะไรทำให้เจ้าดีใจขนาดนี้?”

พอวางนางลง สวีถังหรานก็ประคองบ่าสองข้างของนาง แล้วกล่าวอย่างดีใจว่า “เจ้าฟังให้ดีนะ เมื่อครู่ท่านอ๋องเพิ่งให้สัญญาต่อหน้าข้า ว่าจะให้ข้าเป็นหนึ่งในเจ็ดสิบสองโหวของตำหนักสวรรค์!”

“จริงเหรอ?” เสวี่ยหลิงหลงตาลุกวาว

“จะโกหกได้ยังไงล่ะ!” สวีถังหรานหัวเราะลั่น

“ดีสุดๆ เลย ตอนนี้เจ้าพอใจหรือยังล่ะ?” เสวี่ยหลิงหลงกอดเขาแล้วออกแรงจูบ นางย่อมดีใจตามอยู่แล้ว จากสิ่งที่ได้ยินได้เห็นมา สวีถังหรานทำให้นางเลิกสนใจไปนานแล้ว

สำหรับคนที่มีพื้นเพอาชีพอย่างนาง การได้กลายเป็นฮูหยินของท่านโหวที่ได้เข้าประชุมในราชสำนัก เกียรติยศนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้นางตื่นเต้นแล้ว ในปีนั้นตอนอยู่หอกลิ่นสวรรค์ นางนึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าตัวเองจะมีวันนี้

“เป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ควรจะเฉลิมฉลองให้ดีหน่อยสิ!” สวีถังหรานโน้มตัวช้อนเอวนางขึ้นมา แล้วอุ้มเข้าไปฉลองในห้องนอนเสียเลย…

คำสั่งแต่งตั้งตำแหน่งต่างๆ ในทัพใต้ถูกประกาสอย่างรวดเร็วเช่นกัน

เหยียนเสี้ยว ผู้ตรวจการซ้ายทัพอารักขาเดิมของฮ่าวเต๋อฟางได้เป็นจอมพลสายเถาะ ซูชิงฉวน ลูกน้องคนสนิทของผังก้วนในปีนั้นได้เป็นจอมพลสายมะโรง คำสั่งแต่งตั้งนี้ทำให้ทั้งสองนึกไม่ถึง นึกไม่ถึงว่าจะถูกหนิวโหย่วเต๋อใช้งานในตำแหน่งสำคัญขนาดนี้ และการที่เหมียวอี้ใช้งานพวกเขา ก็เพื่อปลอบขวัญกำลังใจทหารของทัพใต้โดยเร็วที่สุด การปรับปรุงครั้งใหญ่ขนาดนี้ทำให้คนเก่าของทัพใต้ไม่น้อยเกิดความคับแค้น ตอนนี้ใช้งานสองคนนี้แล้ว คนที่ผิดหวังพวกนั้นยังมีใครบ้างที่ว่าเหมียวอี้ได้ว่าจงใจข่มคนเก่า? ส่วนสองคนนั้นก็ต้องพยายามข่มความไม่พอใจเอาไว้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเช่นกัน

เหิงอู๋เต้าได้คำสั่งแต่งตั้งให้เป็นจอมพลสายมะเส็ง นับว่าได้ชี้แจงกับลูกน้องเก่าแดนรัตติกาลกับลูกน้องเก่าของลิ่งหูโต้วจ้งได้แล้ว

เทพประจำดาวทั้งเก้าสาย ลูกน้องเก่าของเหมียวอี้หวงลี่ หนานกงหรูอวี้ ม่ายจื่อและคนอื่นๆ ครองไปหกตำแหน่ง ส่วนที่เหลืออีกสามตำแหน่งเป็นของกำลังพลเดิมของทัพใต้

ท่านโหวสิบแปดตำแหน่ง คนเก่าของจวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลครองไปสิบสองตำแหน่ง สวีถังหรานก็เป็นหนึ่งในนั้น ส่วนที่เหลืออีกหกตำแหน่งเป็นของกำลังพลทัพใต้

ส่วนตำแหน่งหัวหน้าภาคสี่พันตำแหน่ง ส่วนใหญ่ถูกกำลังพลเดิมจำนวนหนึ่งแสนของจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลผูกขาดแล้ว นี่คือรางวัลที่เหมียวอี้ให้ลูกน้องเก่าพวกนั้น เป็นตำแหน่งสำคัญของกำลังพลชุดใหญ่สุดที่คุมทัพใต้เช่นกัน เหมียวอี้ดึงกำลังพลแดนรัตติกาลสิบล้านกว่าแบ่งไปให้คนพวกนี้โดยตรง ให้ความร่วมมือกับพวกเขาในการกุมอำนาจทางทหาร เรียกได้ว่ากักตำแหน่งไว้ล่วงหน้า ในภายหลังเมื่อเวลานานไป ไม่ว่าเบื้องบนจะปรับอย่างไร คนที่ถูกเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้าภาคส่วนใหญ่ก็ต้องดึงมาจากสิบล้านคนนี้ นี่คือกุญแจสำคัญที่เหมียวอี้จะคุมกำลังพลเบื้องล่างให้สงบลงได้ในช่วงเวลาหนึ่ง

กำลังพลระดับผู้บัญชาการใหญ่ลงมา ส่วนใหญ่ถูกจับกระจายหมด เหมียวอี้ไม่ให้คนในเครือข่ายเดิมเกาะกลุ่มกัน สายลับของตระกูลเซี่ยโห้วที่เปิดเผยตัวถูกเหมียวอี้เตะออกหมดอย่างไม่ปรานี สำหรับเรื่องนี้ตระกูลเซี่ยโห้วไม่ว่าอะไร ตอนที่ให้คนเปิดเผยตัวก็รู้อยู่แล้วว่าวันนี้จะมาถึง

ส่วนชิงเยว่กับหลงซิ่น เหมียวอี้เคยไปเจรจากับพวกเขาแล้ว ทั้งสองทิ้งตำแหน่งที่ต้องแข่งขันกันพวกนั้น รับตำแหน่งผู้ตรวจการซ้ายขวาทัพอารักขาของเหมียวอี้

ส่วนทัพอารักขาของเหมียวอี้ก็สร้างขึ้นจากกำลังพลสามสิบล้านที่เหลือของทัพใหญ่แดนรัตติกาล เมื่อเทียบกับอ๋องสวรรค์คนอื่น กองทัพอารักขาจำนวนเท่านี้น้อยไปหน่อย แต่เหมียวอี้ก็ไม่มีทางเลือก คนที่พอจะเชื่อใจได้ก็มีแค่คนพวกนี้ มีฮ่าวเต๋อฟางให้เห็นไปบทเรียนแล้ว ชิงเยว่กับหลงซิ่นได้รับคำสั่งให้ตรวจสอบกำลังพลสามสิบล้านคนนี้อย่างลับๆ สุดท้ายคนที่น่าสงสัยก็ถูกเตะออกจากทัพอารักขาหมด ขณะเดียวกันก็คอยรับสมาชิกที่ไว้ใจได้มาเข้าทัพอารักขาด้วย เมื่อได้อาณาเขตทัพใต้มาแล้ว เรื่องกำลังทรัพย์ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเหมียวอี้

สำหรับตอนนี้ คนที่รับหน้าที่หลักในทัพอารักขาก็คือชิงเยว่ เพราะหลงซิ่นต้องควบหน้าที่ดูแลอาณาเขตใกล้ๆ นี้ ต้องสร้างสภาพแวดล้อมปลอดภัยให้รอบๆ ที่อยู่อาศัยของเหมียวอี้ บริเวณที่ดูแลก็คืออาณาเขตที่สวีถังหรานรับตำแหน่งโหว

……………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 2068 ทัพใต้กำหนดรูปแบบ

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 2068 ทัพใต้กำหนดรูปแบบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แม้แต่สมาชิกกองทัพองครักษ์ที่ติดตามอยู่ข้างหลังชิงหยวนจุน ก็มองเหมียวอี้ด้วยแววตาแปลกๆ เช่นกัน เป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ชัดเจน

เห็นได้ชัดว่าทั้งสองอยู่ในสถานการณ์ที่คุมเชิงกัน เหมือนกำลังรออะไรบางอย่าง สุดท้ายก็เป็นเหมียวอี้ที่ลดเกียรติกุมหมัดคารวะก่อน “องค์ชาย ลำบากมาตลอดทางแล้ว”

ตอนนี้ชิงหยวนจุนถึงได้กุมหมัดคารวะ “คารวะท่านอ๋อง! ท่านอ๋องกล่าวเกินไปแล้ว สู้ท่านอ๋องไม่ได้หรอก ตรากตรำสร้างผลงานใหญ่หลวงเชียว”

คำพูดนี้ไม่ว่าจะฟังอย่างไรก็รู้สึกเหมือนกำลังเหน็บแนม เหมียวอี้ยิ้มมุมปากหยอกล้อ

พวกหยางเจาชิงที่อยู่ข้างๆ มองชิงหยวนจุนด้วยแววตาเย็นเยียบเล็กน้อย พูดเหน็บแนมท่านอ๋องต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ จะเรียกว่าเหยียดหยามให้อับอายก็ก็ไม่ถือว่ากล่าวเกินไป

สวีถังหรานที่ยืนอยู่ข้างกันทำสีหน้าโกรธแค้นอย่างชัดเจน เขาตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะกอดต้นขาเหมียวอี้ สาเหตุที่ยอมแสดงท่าทีชัดเจนขนาดนี้ แสดงออกชัดเจนขนาดนี้ ก็เพราะรู้ว่าเหมียวอี้มีศักยภาพที่จะต่อต้านตำหนักสวรรค์แล้ว เหมียวอี้ในตอนนี้มีศักยภาพที่จะงัดข้อกับประมุขชิงแล้ว แค่ชิงหยวนจุนคนเดียวสวีถังหรานย่อมไม่กลัว

“เชิญ!” เหมียวอี้เหมือนไม่ถือสา หันตัวหลีกทางให้พร้อมยื่นมือเชิญ

“ท่านอ๋องไม่ค้นตัวและปล่อยข้าเข้ามาได้ ก็นับว่าเป็นเกียรติของข้าแล้ว มีหรือที่จะกล้าเข้าจวนท่านอ๋องโดยไม่ได้ค้นตัวอีก” ชิงหยวนจุนแสดงออกชัดเจนว่าไม่ไว้หน้าเหมียวอี้ หยิบแผ่นหยกออกมาแผ่นหนึ่ง “ถือโอกาสตอนผ่านทางมาที่นี่ นำหนังสืออนุมัติจากฝ่าบาทมาให้ท่านอ๋อง ข้ายังต้องไปรับงานต่อที่จวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลอีก ไม่อยู่รบกวนท่านอ๋องแล้วกัน หวังว่าท่านอ๋องจะคุยกับทางจวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลไว้เรียบร้อยแล้ว”

หยางเจาชิงก้าวขึ้นมารับแผ่นหยกไว้ในมือ หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีปัญหา ก็พยักหน้าให้เหมียวอี้

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เคารพมิสู้ทำตามคำสั่ง องค์ชายเชิญตามสะดวก” เหมียวอี้ยื่นมือเชิญตามสะดวก สายตาไปหยุดอยู่บนตัวชายวัยกลางคนข้างกายชิงหยวนจุน สังเกตเห็นนานแล้วว่าคนคนนี้มองตนด้วยสายตาไม่ค่อยเป็นมิตร จึงถามว่า “ท่านนี้คงจะเป็นหวังติ้งเฉา รองผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลคนใหม่ พี่หวัง?”

“เป็นหวังเอง!” หวังติ้งเฉากุมหมัดคารวะ “คารวะท่านอ๋อง!”

“ตั้งแต่จากกันที่แดนอเวจี ก็ไม่ได้พบกันเลยหลายปี พี่หวังยังสง่าโดดเด่นเหมือนเดิม ควรค่าที่จะแสดงความยินดี!” เหมียวอี้พยักหน้า

“ไม่โดดเด่นเท่าท่านอ๋องในปีนั้นหรอก!” หวังติ้งเฉาตอบกลับด้วยคำพูดเย็นชา

“บังอาจ!” สวีถังหรานตะคอกอย่างเดือดดาล

เหมียวอี้ยกมือห้าม แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ไม่ถือสา “ในเมื่อเป็นเพื่อนบ้านกัน ถ้าองค์ชายกับพี่หวังมีเวลาว่างก็มานั่งเล่นที่นี่บ่อยๆ”

“ขอตัวว!” ชิงหยวนจุนกุมหมัดกล่าวอำลา แล้งนำกำลังพลเหาะขึ้นฟ้าไป

ตอนนี้สวีถังหรานเข้ามาใกล้เหมียวอี้แล้ว “ท่านอ๋อง ชิงหยวนจุนนี่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ไม่สั่งสอนสักหน่อยเหรอ?”

“ไม่จำเป็นต้องถือสาคนพื้นๆ อย่างพวกเขาหรอก” เหมียวอี้รับแผ่นหยกมาจากหยางเจาชิง แล้วกำชับว่า “บอกหลงซิ่น ถ้าอีกฝ่ายพูดจาไร้มารยาท ก็ให้อดทนไว้ หลังจากส่งต่องานที่ผู้สำเร็จราชการแล้ว ก็ให้รีบถอนกำลังพลออกมา  อย่าให้เกิดความขัดแย้งอะไรกัน”

“ขอรับ!” หยางเจาชิงเอ่ยรับแล้วไปจัดการ

สวีถังหรานได้แต่มองแผ่นหยกในมือเหมียวอี้ตาปริบๆ คนที่อยู่รอบๆ สายตาจับจ้องอยู่บนแผ่นหยกแผ่นนี้ พอจะเดาออกแล้วว่าของที่อยู่ในนี้สามารถตัดสินอนาคตของคนได้มากมาย

เหมียวอี้ตรวจอ่านแผ่นหยกเช่นนั้น จากนั้นสายตาก็มองไปที่สวีถังหราน แล้วบอกว่า “เจ้ามานี่หน่อย!”

“ขอรับ!” สวีถังหรานตามเข้าไปในจวนท่านอ๋องอย่างว่าง่าย

ทั้งสองยืนอยู่บนลานกว้างโล่งนอกตำหนักหลัก บนใบหน้าสวีถังหรานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เดินตามอยู่ข้างๆ อย่างเคารพนบนอบ คอยสังเกตสีหน้าของเหมียวอี้อย่างระมัดระวัง

“หลิงหลงติดต่อหวังเฟยไปคุยเรื่องของเจ้าแล้ว หวังว่าจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง” เหมียวอี้เปิดประเด็น

สวีถังหรานกังวลทันที ก่อนหน้านี้แม้จะรู้สึกว่าอวิ๋นจือชิวจะไม่แทรกแซงเรื่องนี้ แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะลองพยายาม ถึงอย่างไรก็เป็นหนทางเดียว มีหรือที่จะยอมแพ้ง่ายๆ จึงให้เสวี่ยหลิงหลงไปขอร้องให้อวิ๋นจือชิวช่วยพูดให้ เขากลืนน้ำลายแล้วพูดเหมือนแกล้งโกรธว่า “ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ความจริงๆ เข้ามายุ่งกับเรื่องใหญ่แบบนี้ได้ยังไง เดี๋ยวข้าน้อยจะกลับไปสั่งสอนนางแน่นอน!”

มีหรือที่เหมียวอี้จะไม่รู้ถึงความตั้งใจของเขา “หลิงหลงทำแบบนี้ไม่ผิดหรอก ในเมื่อเจ้ามีความตั้งใจจะทำงานให้ข้า ข้าก็ย่อมให้โอกาสเจ้า เพียงแต่มีสิ่งหนึ่งที่เจ้าควรจะเข้าใจเอาไว้ ตอนนี้วรยุทธ์ของเจ้าเหมาะสมเพียงตำแหน่งหัวหน้าภาค ถ้าเลื่อนตำแหน่งสูงกว่านี้คนอื่นจะไม่พอใจ เจ้าคิดว่ายังไง?”

สวีถังหรานเผยแววตาหดหู่ เสียความรู้สึกนิดหน่อย เมื่อก่อนนี้ตัวเองได้ก้าวหน้าตามทุกครั้ง ในที่สุดครั้งนี้ก็ตามไม่ทันแล้ว แต่เขาก็ยังพยักน้ายิ้มอย่างเก้อเขิน “ท่านอ๋องพูดถูก ข้าน้อยยินดีฟังคำสั่งท่านอ๋อง”

“แต่คำพูดของหวังเฟยก็มีเหตุผลอยู่บ้าง หลังจากข้ากลับไปครุ่นคิด ก็พบวิธีการประนีประนอมแล้ว ตำแหน่งโหวสิบแปดตำแหน่งในทัพใต้ สามารถเว้นให้เจ้าได้หนึ่งตำแหน่ง!” เหมียวอี้กล่าว

สวีถังหรานอึ้งทันที จากนั้นก็ดีใจอย่างบ้าคลั่ง ไม่สนใจศักดิ์ศรีบ้าบออะไรแล้ว เขาคุกเข่าโขกศีรษะกับพื้นซ้ำๆ กล่าวเสียงสะอื้นว่า “ท่านอ๋องมีบุญคุณอีกแล้ว ต่อให้ข้าน้อยตายหมื่นครั้งก็ตอบแทนไม่หมด!”

เหมียวอี้รับไม่ไหวกับพฤติกรรมเอะอะก็คุกเข่าร้องไห้ฟูมฟาย เหล่ตากล่าวว่า “มาคุยกันดีๆ ไม่ได้ใช่มั้ย? ถ้าเจ้าเป็นอย่างนี้อีก เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ช่างมันเถอะ”

สวีถังหรานรีบลุกขึ้นมา แล้วปาดน้ำตาบอกว่า “ท่านอ๋อง ข้าน้อยไม่ได้มีเจตนาอื่น ข้าน้อยแค่ซาบซึ้งเกินไป ซาบซึ้งไปชั่วขณะ!”

ไม่ซาบซึ้งก็แปลกแล้ว เหมียวอี้ไต่เต้าขึ้นจอมพลถือเป็นกรณีพิเศษ ส่วนคนอื่นที่วรยุทธ์ไม่ถึงระดับสำแดงฤทธิ์ ถ้าคิดจะนั่งตำแหน่งโหวก็เป็นไปไม่ได้เลย ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไปเมื่อไร สวีถังหรานก็ได้หน้าได้ตาเต็มที่จริงๆ เพราะนี่คือตำแหน่งที่ได้ยืนประชุมในราชสำนัก ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไรอิจฉา

“ข้ายังพูดไม่จบ เจ้าอย่าเพิ่งดีใจเร็วเกินไปนัก ด้วยสถานการณ์ของเจ้า ถ้านั่งตำแหน่งโหวก็คุมคนได้ยาก เพราะขาดบารมีความน่าเชื่อถือ ดังนั้นข้าให้ตำแหน่งโหวกับเจ้าได้ แต่ให้อำนาจทางทหารของตำแหน่งโหวไม่ได้ อำนาจนี้ต้องยกให้คนอื่นจัดการ ส่วนเจ้าก็ช่วยหวังเฟยรับผิดชอบงานข้างนอกต่อไป ปกติเวลาเข้าประชุมก็สังเกตความเคลื่อนไหวในราชสำนัก สถานการณ์ก็เป็นแบบนี้ ถ้าเจ้าเต็มใจ เรื่องนี้ก็กำหนดตามนี้ ถ้าเจ้าไม่เต็มใจ เช่นนั้นก็ช่างเถอะ คิดเสียว่าข้าไม่เคยพูด” เหมียวอี้กล่าว

ที่จริงนี่คือสิ่งที่ร่างไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เขาก็แค่จะให้ผลงานอวิ๋นจือชิวเท่านั้น อวิ๋นจือชิวก็แค่คอยบอกต่อเจตนาของเสวี่ยหลิงหลงนิดหน่อยเท่านั้น นางไม่คิดจะเข้ามาแทรกแซง แต่ก็ใช่ว่าไม่พิจารณาเพื่อสวีถังหราน แต่รู้ว่าด้วยความสามารถอย่างสวีถังหราน ให้นั่งตำแหน่งพวกนั้นไม่เหมาะสมจริงๆ

และสำหรับเหมียวอี้แล้ว สวีถังหรานเชื่อฟังเกินไป สั่งให้ทำอะไรก็ทำอย่างนั้น ถ้าไม่ยากมากก็ทำได้ดี ถ้าเป็นงานยากก็ไม่เคยปฏิเสธ บอกอะไรก็รับอย่างนั้น ทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ของเขาได้เสมอ ลูกน้องที่ใช้ง่ายแบบนี้ จะต้องปลอบโยนจิตใจเอาไว้

สวีถังหรานพยักหน้าซ้ำๆ “เต็มใจๆ! ข้าน้อยเต็มใจทำงานรับใช้ท่านอ๋องเหมือนม้าเหมือนสุนัข ต่อให้ตายหมื่นครั้งก็ไม่ปฏิเสธ!”

จะเรียกว่าไม่มีน้ำใจได้อย่างไร เขาเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองชัดเจน ถ้าให้กุมอำนาจทางทหารของตำแหน่งโหว ดีไม่ดีอาจเป็นการทุ่มหินใส่เท้าตัวเองก็ได้ อาศัยอำนาจบารมีของตัวเองตอนนี้ ไม่สามารถคุมอาณาเขตที่ใหญ่ขนาดนั้นได้เลย ดังนั้นเขาไม่หวังจะเป็นท่านโหวอะไรนั่นตั้งแต่แรกแล้ว แค่อยากจะได้ตำแหน่งที่ฟังดูดีเฉยๆ ทำยศให้สูงเข้าไว้ก่อน จะได้ไม่ล้าหลังกว่าคนอื่น ต่อให้นอนฝันก็นึกไม่ถึงว่านายท่านจะให้เขานั่งตำแหน่งโหว ที่สำคัญก็คือ เรื่องนี้ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าท่านอ๋องให้ความสำคัญกับเขา เขายังยินดีจะทำงานอยู่ข้างกายท่านอ๋อง ติดต่อใกล้ชิดกับท่านอ๋องและฮูหยิน ไม่อยากถูกคนอื่นควบคุม และไม่อยากสิ้นเปลืองความพยายามไปกับการดูแลอาณาเขตขนาดใหญ่ด้วย เพราะวันๆ ต้องคอยคิดรับมือกับผู้บังคับบัญชาอย่างพวกเทพประจำดาวหรือจอมพล แบบนั้นเหนื่อยมาก คนอื่นอาจจะชอบงานแบบนี้ แต่จะไปดีเหมือนผู้บัญชาการสูงสุดของทัพใต้ได้อย่างไร นี่คือแนวคิดที่เขาคุ้นเคย

เมื่อจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว สวีถังหรานที่ออกจากจวนท่านอ๋องก็แทบยิ้มไม่หุบ พอกลับถึงบ้านก็อุ้มเสวี่ยหลิงหลงหมุนอย่างดึใจทันที

เสวี่ยหลิงหลงบิดหูเขา “รีบปล่อยข้าลง มีเรื่องอะไรทำให้เจ้าดีใจขนาดนี้?”

พอวางนางลง สวีถังหรานก็ประคองบ่าสองข้างของนาง แล้วกล่าวอย่างดีใจว่า “เจ้าฟังให้ดีนะ เมื่อครู่ท่านอ๋องเพิ่งให้สัญญาต่อหน้าข้า ว่าจะให้ข้าเป็นหนึ่งในเจ็ดสิบสองโหวของตำหนักสวรรค์!”

“จริงเหรอ?” เสวี่ยหลิงหลงตาลุกวาว

“จะโกหกได้ยังไงล่ะ!” สวีถังหรานหัวเราะลั่น

“ดีสุดๆ เลย ตอนนี้เจ้าพอใจหรือยังล่ะ?” เสวี่ยหลิงหลงกอดเขาแล้วออกแรงจูบ นางย่อมดีใจตามอยู่แล้ว จากสิ่งที่ได้ยินได้เห็นมา สวีถังหรานทำให้นางเลิกสนใจไปนานแล้ว

สำหรับคนที่มีพื้นเพอาชีพอย่างนาง การได้กลายเป็นฮูหยินของท่านโหวที่ได้เข้าประชุมในราชสำนัก เกียรติยศนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้นางตื่นเต้นแล้ว ในปีนั้นตอนอยู่หอกลิ่นสวรรค์ นางนึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าตัวเองจะมีวันนี้

“เป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ควรจะเฉลิมฉลองให้ดีหน่อยสิ!” สวีถังหรานโน้มตัวช้อนเอวนางขึ้นมา แล้วอุ้มเข้าไปฉลองในห้องนอนเสียเลย…

คำสั่งแต่งตั้งตำแหน่งต่างๆ ในทัพใต้ถูกประกาสอย่างรวดเร็วเช่นกัน

เหยียนเสี้ยว ผู้ตรวจการซ้ายทัพอารักขาเดิมของฮ่าวเต๋อฟางได้เป็นจอมพลสายเถาะ ซูชิงฉวน ลูกน้องคนสนิทของผังก้วนในปีนั้นได้เป็นจอมพลสายมะโรง คำสั่งแต่งตั้งนี้ทำให้ทั้งสองนึกไม่ถึง นึกไม่ถึงว่าจะถูกหนิวโหย่วเต๋อใช้งานในตำแหน่งสำคัญขนาดนี้ และการที่เหมียวอี้ใช้งานพวกเขา ก็เพื่อปลอบขวัญกำลังใจทหารของทัพใต้โดยเร็วที่สุด การปรับปรุงครั้งใหญ่ขนาดนี้ทำให้คนเก่าของทัพใต้ไม่น้อยเกิดความคับแค้น ตอนนี้ใช้งานสองคนนี้แล้ว คนที่ผิดหวังพวกนั้นยังมีใครบ้างที่ว่าเหมียวอี้ได้ว่าจงใจข่มคนเก่า? ส่วนสองคนนั้นก็ต้องพยายามข่มความไม่พอใจเอาไว้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเช่นกัน

เหิงอู๋เต้าได้คำสั่งแต่งตั้งให้เป็นจอมพลสายมะเส็ง นับว่าได้ชี้แจงกับลูกน้องเก่าแดนรัตติกาลกับลูกน้องเก่าของลิ่งหูโต้วจ้งได้แล้ว

เทพประจำดาวทั้งเก้าสาย ลูกน้องเก่าของเหมียวอี้หวงลี่ หนานกงหรูอวี้ ม่ายจื่อและคนอื่นๆ ครองไปหกตำแหน่ง ส่วนที่เหลืออีกสามตำแหน่งเป็นของกำลังพลเดิมของทัพใต้

ท่านโหวสิบแปดตำแหน่ง คนเก่าของจวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลครองไปสิบสองตำแหน่ง สวีถังหรานก็เป็นหนึ่งในนั้น ส่วนที่เหลืออีกหกตำแหน่งเป็นของกำลังพลทัพใต้

ส่วนตำแหน่งหัวหน้าภาคสี่พันตำแหน่ง ส่วนใหญ่ถูกกำลังพลเดิมจำนวนหนึ่งแสนของจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลผูกขาดแล้ว นี่คือรางวัลที่เหมียวอี้ให้ลูกน้องเก่าพวกนั้น เป็นตำแหน่งสำคัญของกำลังพลชุดใหญ่สุดที่คุมทัพใต้เช่นกัน เหมียวอี้ดึงกำลังพลแดนรัตติกาลสิบล้านกว่าแบ่งไปให้คนพวกนี้โดยตรง ให้ความร่วมมือกับพวกเขาในการกุมอำนาจทางทหาร เรียกได้ว่ากักตำแหน่งไว้ล่วงหน้า ในภายหลังเมื่อเวลานานไป ไม่ว่าเบื้องบนจะปรับอย่างไร คนที่ถูกเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้าภาคส่วนใหญ่ก็ต้องดึงมาจากสิบล้านคนนี้ นี่คือกุญแจสำคัญที่เหมียวอี้จะคุมกำลังพลเบื้องล่างให้สงบลงได้ในช่วงเวลาหนึ่ง

กำลังพลระดับผู้บัญชาการใหญ่ลงมา ส่วนใหญ่ถูกจับกระจายหมด เหมียวอี้ไม่ให้คนในเครือข่ายเดิมเกาะกลุ่มกัน สายลับของตระกูลเซี่ยโห้วที่เปิดเผยตัวถูกเหมียวอี้เตะออกหมดอย่างไม่ปรานี สำหรับเรื่องนี้ตระกูลเซี่ยโห้วไม่ว่าอะไร ตอนที่ให้คนเปิดเผยตัวก็รู้อยู่แล้วว่าวันนี้จะมาถึง

ส่วนชิงเยว่กับหลงซิ่น เหมียวอี้เคยไปเจรจากับพวกเขาแล้ว ทั้งสองทิ้งตำแหน่งที่ต้องแข่งขันกันพวกนั้น รับตำแหน่งผู้ตรวจการซ้ายขวาทัพอารักขาของเหมียวอี้

ส่วนทัพอารักขาของเหมียวอี้ก็สร้างขึ้นจากกำลังพลสามสิบล้านที่เหลือของทัพใหญ่แดนรัตติกาล เมื่อเทียบกับอ๋องสวรรค์คนอื่น กองทัพอารักขาจำนวนเท่านี้น้อยไปหน่อย แต่เหมียวอี้ก็ไม่มีทางเลือก คนที่พอจะเชื่อใจได้ก็มีแค่คนพวกนี้ มีฮ่าวเต๋อฟางให้เห็นไปบทเรียนแล้ว ชิงเยว่กับหลงซิ่นได้รับคำสั่งให้ตรวจสอบกำลังพลสามสิบล้านคนนี้อย่างลับๆ สุดท้ายคนที่น่าสงสัยก็ถูกเตะออกจากทัพอารักขาหมด ขณะเดียวกันก็คอยรับสมาชิกที่ไว้ใจได้มาเข้าทัพอารักขาด้วย เมื่อได้อาณาเขตทัพใต้มาแล้ว เรื่องกำลังทรัพย์ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเหมียวอี้

สำหรับตอนนี้ คนที่รับหน้าที่หลักในทัพอารักขาก็คือชิงเยว่ เพราะหลงซิ่นต้องควบหน้าที่ดูแลอาณาเขตใกล้ๆ นี้ ต้องสร้างสภาพแวดล้อมปลอดภัยให้รอบๆ ที่อยู่อาศัยของเหมียวอี้ บริเวณที่ดูแลก็คืออาณาเขตที่สวีถังหรานรับตำแหน่งโหว

……………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+