พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 2098 รุกให้จนแต้มแต่ยังโดนสวนกลับ

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 2098 รุกให้จนแต้มแต่ยังโดนสวนกลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บึ้ม!

บนดาวเคราะห์ที่รกร้างดวงหนึ่ง กำลังพลหนึ่งแสนเพิ่งจะเหยียบลงมา ก็ถูกกำลังพลนับสิบล้านมาล้อมไว้ทั่วทิศแล้ว ลำแสงนับไม่ถ้วนยิงเข้ามาอย่างบ้าคลั่งราวกับห่าฝน

ตระหนก ตกใจ งุนงง สับสน หวาดกลัว สีหน้าอารมณ์ที่เหนือความคาดหมายปรากฏบนใบหน้าของคนที่ถูกกำลังพลล้อมไว้ เหมือนทุกคนจะนึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น จากนั้นก็ดิ้นรนต่อต้านสุดชีวิต ทว่ายามเผชิญกับการล้อมโจมตีของกำลังพลสิบล้าน เผชิญกับธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์จำนวนมากยิ่งเข้ามาพร้อมกัน ความกรระวนกระวายและความเดือดดาลทั้งหมดถูกกลบไปแล้

ตอนที่คนสุดท้ายถูกตานฉิงใช้ค้อนใหญ่ทุบจนหัวเละ ตานฉิงก็ค้ำค้อนไว้กับพื้น มองตำแหน่งบนแขนตัวเองที่ถูกฟันจนเกราะรบทะลุ เห็นเลือดสดไหลหยดออกมา แล้วก็มองศพตรงหน้าอีก ในแววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

หกขุนพลใหญ่มารวมตัวกันช้าๆ อ๋าวเถี่ยเขย่าระฆังดาราในมือ “ชุดที่สิบ ตอนหลังไม่มีแล้ว ถูกกำจัดหมดแล้ว”

เมิ่งหรูถือดาบค้ำพื้น กล่าวเสียงต่ำว่า “ตระกูลเซี่ยโห้วนี่มีศักยภาพน่ากลัวจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะซ่อนยอดฝีมือไว้เยอะขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะรวบรวมธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชุดนี้ไว้ล่วงหน้า แล้วก็แบ่งกำลังพลพวกนี้มาล้อมปราบทีละแสนคน กำลังพลสิบล้านก็ต้านพวกเขาไม่ไหวเลย!”

สีหน้าของคนที่เหลือมีแต่ความเคร่งเครียดจริงจัง แม้อีกฝ่ายจะมีกำลังน้อยกว่า ทั้งยังถูกลอบจู่โจม แต่กลับยังมีคนโผล่มาสังหารฝั่งนี้ไปแล้วหลายแสน เกือบจะทำให้คนพวกนี้หนีไปแล้ จะว่าไปแล้วธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ที่อยู่ในมือของทุกคนก็ยังน้อยไปหน่อย

อ๋าวเถี่ยเก็บระฆังดาราในมือแล้วบอกว่า “ทุกคนเก็บกวาดสักหน่อย ผู้ช่วยใหญ่สั่งให้พวกเรารีบไปรวมตัวกัน”

ในอารามเต๋า พอได้ข่าวว่ากำลังพลหนึ่งล้านของตระกูลเซี่ยโห้วถูกปราบแล้ว หยางชิ่งก็โผล่หน้าออกมา ให้คนเปิดประตูใหญ่ของอารามเต๋าออก รอประชุมกับคนของหกลัทธิ

เฮยทั่นเดินวนสำรวจเซี่ยโห้วท่าที่นั่งหลับตาเงียบๆ อยู่หน้าโต๊ะเล็ก พลางเดาะลิ้นบอกว่า “ตาแก่นี่ก็ไม่เท่าไรนี่นา ไร้ประโยชน์มาก ถูกจัดการง่ายขนาดนี้เลย ทำไมมีคนกลัวเขาเยอะขนาดนั้น?”

หยางชิ่งเดินช้าๆ ไปข้างโต๊ะเล็ก จ้องเซี่ยโห้วท่าครู่หนึ่ง ถ้าพูดแบบไม่น่าฟังก็คือ ฝั่งนี้ถูกขุดรากถอนโคนแล้ว ถ้าท่านอ๋องต้องการจะลงมือกับอำนาจของตระกูลเซี่ยโห้วที่อยู่ภายนอก ตระกูลเซี่ยโห้วที่ยึดใต้หล้ามาหลายปีก็จะล้มลงในชั่วพริบตาเดียว เขาอยากจะเห็นนักว่าหลังจากเซี่ยโห้วท่ารู้ความจริงแล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

“ให้เขาฟื้นขึ้นมา” หยางชิ่งบอกเหยียนซิว

“ทำแบบนี้จะเหมาะเหรอ?” เหยียนซิวขมวดคิ้ว

“ไม่เป็นไร เขาทำเรือคว่ำในคลองแคบแล้ว ก่อเรื่องอะไรไม่ไหวแล้ว” หยางชิ่งกล่าว

เหยียนซิวเงียบไป ก่อนจะดินไปข้างหลังเซี่ยโห้วท่า กางนิ้วทั้งห้าขยุ้มเหนือศีรษะเซี่ยโห้วท่า ผ่านไปไม่นาน รูทวารทั้งเจ็ดของเซี่ยโห้วท่าก็มีควันดำถูกดูดเข้าในฝ่ามือเหยียนซิว

รอจนกระทั่งเหยียนซิวหยุดใช้วิชาแล้ว เซี่ยโห้วท่าก็ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ฉากแรกที่ปรากฏสู่สายตาก็คือ หยางชิ่งกำลังยืนเอามือไขว้หลังมองเขาด้วยความสนใจ ข้างกายยังมีเฮยทั่นที่ยื่นหัวเข้ามาเป็นระยะ

เซี่ยโห้วท่ากับหยางชิ่งสบตากันพักหนึ่ง จากนั้นก็กวาดสายตามองไปรอบๆ พบว่าตัวเองมาอยู่ในอารามเต๋าแล้ว แต่ในอารามเต๋ามีภาพเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ ไม่น่าเชื่อว่าจะจัดโต๊ะเลี้ยงสุราที่กินไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนตำแหน่งที่ตัวเองนั่ง…กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขากระตุกอย่างรุนแรง เหมือนเขาจะตระหนักอะไรบางอย่างได้แล้ว สายตาจับจ้องบนใบหน้าหยางชิ่งอีก ถามว่า “พวกเจ้าเป็นคนของอำนาจฝ่ายไหน?”

หยางชิ่งกล่าวยังสนใจ “ได้ยินนามอันยิ่งใหญ่ของท่านปู่สวรรค์มานาน ลองเดาสักหน่อยสิ”

เซี่ยโห้วท่าหันกลับไปโมงเหยียนซิวแวบหนึ่ง ตอนอยู่ในเรืออูเผิง เขาเห็นกับตาว่าหลังจากเหยียนซิวปล่อยแสงสีดำโจมตีบนตัวเขาแล้ว เขาก็ไม่ได้สติ สายตาจับจ้องอยู่บนใบหน้านิ่งเฉยเหมือนคนตายของเหยียนซิว แล้วกล่าวเน้นย้ำทีละคำว่า “เจ้าคือเหยียนซิว ลูกน้องคนสนิทของหนิวโหย่วเต๋อเหรอ? พวกเจ้าคือคนของหนิวโหย่วเต๋อ หรือเป็นคนของแดนอเวจี? ใช่แล้ว อาศัยอำนาจของผู้รอดชีวิตหกลัทธิตอนนี้ จะควบคุมหนิวโหย่วเต๋อได้ยังไง พวกเจ้าคือคนของหนิวโหย่วเต๋อ!”

แล้วก็หันไปมองหยางชิ่งอีก “ขออภัยที่ตาแก่คนนี้ตาไม่ดี ข้างกายหนิวโหย่วเต๋อเหมือนจะไม่มีบุคคลที่รูปร่างหน้าตาอย่างเจ้า เจ้าเป็นใคร?” เขามองออกว่าหยางชิ่งคือผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจตรงนี้

“จะว่ามีก็มี เพียงแต่ผู้น้อยออกจากข้างกายท่านอ๋องไปนานมากแล้ว ช่วงนี้ถึงได้กลับมา ท่านปู่สวรรค์ลองคิดดูสักหน่อยก็น่าจะจำได้” หยางชิ่งพูดพร้อมกุมหมัดคารวะ “หยางชิ่งคารวะท่านปู่สวรรค์!”

“หยางชิ่ง…หยางชิ่ง…” เซี่ยโห้วท่าพึมพำ แล้วพยักหน้าช้าๆ “คุ้นหูอยู่บ้าง ข้างกายหนิวโหย่วเต๋อเหมือนเคยมีคนชื่อนี้ หนิวโหย่วเต๋อล่ะ? ในเมื่อมาแล้ว ทำไมไม่พบหน้าตาแก่คนนี้สักครั้ง?”

“ในมือท่านอ๋องมีงานสำคัญมากมายต้องจัดการ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่ต้องรบกวนให้ท่านอ๋องมาด้วยตัวเอง” หยางชิ่งกล่าว

“เรื่องเล็กน้อย? ฮ่าๆๆ!” เซี่ยโห้วท่าเอาฝ่ามือตบโต๊ะพลางหัวเราะลั่น หัวเราะเหมือนน้ำตาจะไหล ใช้สองมือค้ำโต๊ะยืนขึ้นช้าๆ ส่ายหน้าหยุดหัวเราะ จ้องหยางชิ่ง “เจ้ามายืนพูดโอ้อวดอยู่ตรงนี้ได้ คาดว่าตัวหลักในครั้งนี้คงจะเป็นเจ้าสินะ?”

หยางชิ่งยิ้มบางๆ ไม่ได้ตอบอะไร ไม่ได้ยอมรับและไม่ได้ปฏิเสธ

“ได้ๆๆ!” เซี่ยโห้วท่าพยักหน้า เดินออกจากโต๊ะ เดินไปเดินมาอยู่ในกุฏิใหญ่ของอารามเต๋าสักพัก มองที่นั่งสองแถวทางฝั่งซ้ายและขวา แล้วก็มองที่นั่งของตัวเองอีก “ลูกชายของข้าถูกพวกเจ้าจัดการหมดแล้วสินะ?”

“ทั้งหมดยังมีชีวิตอยู่ดี ตอนนี้ยังไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย!” หยางชิ่งกล่าว

“เช่นนั้นแสดงว่า ยังมีมูลค่าให้ใช้ประโยชน์” เซี่ยโห้วท่าพยักหน้าเห็นด้วย แล้วก็เอียงหน้าชำเลืองไปทางหยางชิ่งอีก “แตะต้องฝั่งนี้ แต่กลับไม่แตะต้องอำนาจที่อยู่ภายนอกของตระกูลเซี่ยโห้ว ดูท่าแล้ว พวกเจ้าคงพุ่งเป้ามาที่สมาคมอาวุโส”

“ทำไมถึงพุ่งเป้ามาที่เจ้าไม่ได้ล่ะ?” หยางชิ่งถามด้วยรอยยิ้ม

เซี่ยโห้วท่าแสยะยิ้ม “ข่าวที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ เกรงว่าพวกเจ้าของรู้มาจากปากของเว่ยซูสินะ?”

หยางชิ่งยิ้มบางๆ “ทำไมคิดอย่างนั้น?”

เซี่ยโห้วท่าหันกลับไปมองนอกประตูใหญ่ ถอนหายใจเบาๆ แล้วบอกว่า “เฉาหม่านไปหาหนิวโหย่วเต๋อเพื่อขอดูบัวโลหิต หนิวโหย่วเต๋อหาข้ออ้างถ่วงเวลา เฉาหม่านย่อมรู้สึกระวังตัวอยู่แล้ว ไม่มีทางไปตามเวลาที่หนิวโหย่วเต๋อนัดไว้ คนที่มีสิทธิ์ไปดูบัวโลหิตกับตาตัวเองอีกครั้ง นอกจากเว่ยซูก็ไม่มีใครแล้ว หรือพูดได้อีกอย่างว่า จุดประสงค์ที่หนิวโหย่วเต๋อถ่วงเวลาก็คือจะพุ่งเป้ามาที่เว่ยซู ก่อนที่จะควบคุมเว่ยซูเอาไว้ เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นก็ชัดเจน เป้าหมายเริ่มแรกที่พวกเจ้าแต่ต้องเว่ยซูก็คือพุ่งเป้ามาที่สมาคมอาวุโส เพียงแต่บังเอิญรู้จักปากเว่ยซูว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ สมาคมอาวุโส…ความลับนี้ หัวหน้าสมาคมลับต่างๆ ของตระกูลเซี่ยโห้วไม่กล้าเปิดเผยต่อภายนอกแน่ นอกจากพวกเขาก็ไม่มีคนอื่นรู้แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เฉาหม่านจะบอกพวกเจ้า ในตอนที่ยังไม่รู้เส้นสนกลในของตระกูลเซี่ยโห้ว แม้พวกเจ้าจะมีความสามารถควบคุมคนและขุดความลับ แต่อาศัยอำนาจของหนิวโหย่วเต๋อก่อนหน้านี้ ก็ยังไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือกับคนจากสมาคมลับแต่ละแห่งของตระกูลเซี่ยโห้ว เพราะหนิวโหย่วเต๋อรับผลที่ตามมาไม่ไหว นอกเสียจากคนตายแล้ว ถึงจะไม่เปิดโปงเรื่องที่ถูกพวกเจ้าควบคุม คนที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดก็มีแค่เซี่ยโห้วลิ่งที่ตายไปแล้ว สงสัยก่อนที่เซี่ยโห้วลิ่งจะตาย คงจะถูกพวกเจ้าขุดความลับไปแล้วไม่น้อย พวกเจ้ารู้สถานการณ์ของสมาคมลับแต่ละแห่งจากปากเขา และรู้เรื่องการมีอยู่ของสมาคมอาวุโสด้วย แต่เซี่ยโห้วลิ่งไม่รู้ว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ ต่อให้พวกเจ้ารู้สถานการณ์ของแต่ละสมาคมลับแล้ว แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าอยู่ดี เพราะพวกเจ้ารู้ว่าสมาคมอาวุโสสามารถฟื้นกำลังของสมาคมลับขึ้นมาใหม่ได้ทุกเมื่อ พวกเจ้าก็เลยอยากตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ถึงได้ลงมือกับเว่ยซู บังเอิญรู้จากปากเว่ยซูว่าข้ายังไม่ตาย ข้าพูดไม่ผิดใช่ไหม?” เขาหันกลับมาจ้องหยางชิ่งด้วยสายตาเย็นเยียบ

หยางชิ่งยิ้มโดยไม่ตอบอะไร ในใจกลับแอบทึ่ง เซี่ยโห้วท่าสมกับเป็นคนที่มีชื่อเสียงบารมีสะท้านทั้งใต้หล้่า ใช้เวลาแค่นี้ก็สามารถไล่เรียงที่มาที่ไปของเรื่องนี้ได้แม่นยำแปดส่วนแล้ว

เซี่ยโห้วท่าหันตัวเดินกลับมาอีก เดินมาตรงหน้าหยางชิ่ง จ้องหยางชิ่งพร้อมบอกว่า “เพียงแต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าไม่เข้าใจ ดูจากความเคลื่อนไหวของพวกเจ้าแล้ว เหมือนจะรู้ว่าเว่ยซูคือกับดัก เรื่องนี้นอกจากข้าแล้วก็ไม่มีใครรู้ความจริงอีก ต่อให้ควบคุมเว่ยซูได้ก็ไม่มีประโยชน์ ข้าอยากจะรู้ว่าพวกเจ้ามองออกได้ยังไง”

“เพราะเจ้ายังมีชีวิตอยู่!” หยางชิ่งกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“ง่ายๆ แบบนี้นะเหรอ?” เซี่ยโห้วท่าถาม

หยางชิ่งกล่าวอย่างใจเย็น “เพราะข้าไม่เชื่อเจ้า! ฟังจากปากเว่ยซูก็มองไม่ออกเลยว่ามีกับดักอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าเจ้าจงใจปล่อยให้เซี่ยโห้วลิ่งตาย ข้าก็เกือบจะเชื่อแล้ว เกือบจะคิดจริงๆ ว่าไม่มีกับดักอะไร แต่ท่านปู่สวรรค์เป็นคนยังไงกันล่ะ? สละได้แม้กระทั่งชีวิตลูกชายเพื่อให้ตัวเองบรรลุเป้าหมาย ข้าทำใจเชื่อได้ยากจริงๆ ว่าท่านปู่สวรรค์จะมอบชีวิตของทุกคนในตระกูลไว้ในมือเว่ยซู เพราะเหตุนี้ แม้พวกเราจะขุดความจริงจากปากเว่ยซูซึ่งเพียงพอที่จะทำให้เชื่อได้ และมองไม่ออกว่ามีกับดักอะไรด้วย ข้าจึงไม่เชื่อในความประพฤติของท่านปู่สวรรค์ เลยฝืนตัวเองตามหาจุดที่น่าสงสัย เลยวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากเว่ยซูซ้ำๆ ถ้าจะบอกว่ามีจุดไหนน่าสงสัย ก็คงมีแค่ทางเข้าอย่างอาเขตดาวหินลอยระเกะระกะ เพราะทุกครั้งเว่ยซูล้วนออกเดินทางจากจุดนั้น เลยจับตาดูที่นี่แล้วสันนิษฐานคาดเดาต่างๆ นานา สุดท้ายก็เจอความเป็นไปได้อันน่าตกใจ พบว่าเว่ยซูอาจจะเป็นกับดักที่ท่านปู่สวรรค์วางไว้! ก็เลยใช้บัวโลหิตหยั่งเชิงท่านปู่สวรรค์อีก ก็พบว่าเป็นอย่างที่คาดไว้!”

เซี่ยโห้วท่าเงียบไปครู่เดียว แล้วก็ส่ายหน้ายิ้มเจื่อน “ดูท่าแล้ว เรื่องที่อวิ๋นจือชิวหึงหวงจนถล่มจวนก็คงเป็นแผนของพวกเจ้าเหมือนกัน ตามหลักแล้ว ถ้าหนิวโหย่วเต๋อจะใช้แผนชั่วเล่นงานข้าจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องสร้างเรื่องผิดปกติในเวลานี้เลย ผลปรากฏว่าทำตรงกันข้าม หึหึ ทำลายความเคลือบแคลงของข้าได้จริงๆ ดีๆๆ!” เขายกมือตบบ่าหยางชิ่ง “คลื่นลูกใหม่มาแรงกว่าคลื่นลูกเก่าจริงๆ ด้วย!”

“ข้ากลับไม่คิดอย่างนี้ ท่านปู่สวรรค์อยู่ในที่แจ้ง พวกเราอยู่ในที่ลับ ถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบขนาดนี้แล้วยังแพ้ให้ท่านปู่สวรรค์ แบบนั้นก็ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว ตามความเห็นของข้า ไม่ใช่เรื่องคลื่นลูกใหม่คลื่นลูกเก่าอะไรหรอก คำโบราณกล่าวไว้ว่าคนเรารวยไม่เกินสามรุ่น โชคร้ายไม่เกินสามรุ่น จากพระปีศาจถึงหกลัทธิ แล้วก็มาถึงประมุขชิงกับประมุขพุทธะ…” หยางชิ่งชะงักไป ก่อนจะกล่าวช้าๆ ว่า “แม้ในระหว่างนี้จะมีคนวางแผน ทว่าคนคํานวณมิสู้ฟ้าลิขิต ความบังเอิญต่างๆ ได้อธิบายไว้แล้ว โชคดีของท่านปู่สวรรค์หมดลงแล้ว โชคไม่เข้าข้างตระกูลเซี่ยโห้วอีกแล้ว ท่านอ๋องของข้าต่างหากที่รุ่งเรืองดุจดวงอาทิตย์กลางฟ้า!”

ประโยคสุดท้ายทำให้เซี่ยโห้วท่าสั่นเทิ้มไปทั่งตัว สีหน้าค่อนข้างเหม่อลอย หลังจากตั้งสติแล้ว ก็จ้องหยางชิ่งพร้อมบอกว่า “เมื่อก่อนข้าคิดว่าหนิวโหย่วเต๋อมีไหวพริบแต่กลับไม่ถนัดเรื่องวางแผนระยะยาว ข้าถึงได้ไม่สนใจเขา ทว่าอุบายต่างๆ ที่หนิวโหย่วเต๋อแสดงออกมาในตอนหลังทำให้ข้าสงสัย ก่อนหน้านี้ยังไม่เข้าใจ ตอนนี้พอจะรู้บ้างแล้ว เบื้องหลังคงจะมีเจ้าคอยวางแผนให้ ถ้าข้าเดาไม่ผิด อุบายห่วงสัมพันธ์ที่ใช้โค่นล้มฮ่าวเต๋อฟางก็เป็นฝีมือเจ้าใช่ไหม ดูจากที่หนิวโหย่วเต๋อให้เจ้าเป็นคนรับมือกับข้าก็รู้แล้ว และแม้เจ้าจะทำงานอยู่ใต้บังคับบัญชาหนิวโหย่วเต๋อ แต่หนิวโหย่วเต๋อกลับไม่เชื่อใจเจ้า ไม่ให้ในมือเจ้ามีอำนาจทางทหาร ข้าพูดผิดหรือเปล่า?”

หยางชิ่งหัวใจกระตุกวูบ เขาเพิ่งพูดแทงใจดำจนทำให้เซี่ยโห้วท่าตัวสั่น แม้เซี่ยโห้วท่าจะโดนรุกจนแต้ม แต่ก็ยังสวนกลับเขาได้ในทันที พูดแทงใจดำเรื่องที่เขาพูดออกมาไม่ได้

ทว่าภายนอกหยางชิ่งยังคงยิ้ม “ท่านปู่สวรรค์มั่นใจกับความสามารถในการวินิจฉัยของตัวเองเกินไปแล้ว!”

เซี่ยโห้วท่ายื่นใบหน้าชราเข้าไปใกล้เขา แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ด้วยพลังสยบที่ข้ามีต่อตระกูลเซี่ยโห้ว ทำให้ข้าความมั่นใจอยู่หลายส่วน ถ้าหนิวโหย่วเต๋อเชื่อใจเจ้าจริงๆ ข้าก็คงไม่ตกอยู่ในมือเจ้าหรอก เพราะก่อนเกิดเรื่อง เจ้าจะต้องห้ามไม่ให้เขาลงมือแน่นอน เพราะคนที่ถนัดเรื่องวางแผนการอย่างเจ้าจะไม่ทำเรื่องที่ตัวเองไม่มั่นใจ ตอนที่ยังไม่ได้แตะต้องเว่ยซู เจ้าก็ยังไม่รู้สถานการณ์ของที่นี่โดยละเอียดเลยด้วยซ้ำ มีความเปลี่ยนแปลงเยอะเกินไป เจ้าจะมาเสี่ยงทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร? มีแค่คนที่เคยชินกับการสู้สุดชีวิตอย่างหนิวโหย่วเต๋อเท่านั้น ที่พอเห็นโอกาสรบก็กล้าเสี่ยงอันตรายใหญ่หลวงเพื่อโจมตีอย่างไม่ลังเล! หลังจากเจ้ารู้เรื่องแล้วจะต้องห้ามเขาแน่นอน แต่เจ้าห้ามไม่ไหว ถ้าข้าเดาไม่ผิด หนิวโหย่วเต๋อจะต้องลงมือกับเว่ยซูก่อนโดยปิดบังเจ้าไว้แน่นอน กดดันจนเจ้าไร้ทางให้ถอยกลับ เจ้าถึงต้องทำตาม! ถ้าเปลี่ยนเป็นแม่ทัพใหญ่บางคนที่มีอำนาจทางทหารมาก ก็สามารถหาข้ออ้างมาปฏิเสธได้อยู่แล้ว เพราะไม่กล้ารับผิดชอบผลที่ตามมาหลังจากทำพลาด หนิวโหย่วเต๋อจะกล้าบีบบังคับแบบนี้ได้ยังไง? นี่แสดงว่าแม้เจ้าจะทำงานหนักสร้างผลงานใหญ่ แต่กลับไม่มีอำนาจทางทหารให้ปฏิเสธได้ เจ้ายังกล้าบอกอีกเหรอว่าหนิวโหย่วเต๋อเชื่อใจเจ้า?”

………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 2098 รุกให้จนแต้มแต่ยังโดนสวนกลับ

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 2098 รุกให้จนแต้มแต่ยังโดนสวนกลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บึ้ม!

บนดาวเคราะห์ที่รกร้างดวงหนึ่ง กำลังพลหนึ่งแสนเพิ่งจะเหยียบลงมา ก็ถูกกำลังพลนับสิบล้านมาล้อมไว้ทั่วทิศแล้ว ลำแสงนับไม่ถ้วนยิงเข้ามาอย่างบ้าคลั่งราวกับห่าฝน

ตระหนก ตกใจ งุนงง สับสน หวาดกลัว สีหน้าอารมณ์ที่เหนือความคาดหมายปรากฏบนใบหน้าของคนที่ถูกกำลังพลล้อมไว้ เหมือนทุกคนจะนึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น จากนั้นก็ดิ้นรนต่อต้านสุดชีวิต ทว่ายามเผชิญกับการล้อมโจมตีของกำลังพลสิบล้าน เผชิญกับธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์จำนวนมากยิ่งเข้ามาพร้อมกัน ความกรระวนกระวายและความเดือดดาลทั้งหมดถูกกลบไปแล้

ตอนที่คนสุดท้ายถูกตานฉิงใช้ค้อนใหญ่ทุบจนหัวเละ ตานฉิงก็ค้ำค้อนไว้กับพื้น มองตำแหน่งบนแขนตัวเองที่ถูกฟันจนเกราะรบทะลุ เห็นเลือดสดไหลหยดออกมา แล้วก็มองศพตรงหน้าอีก ในแววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

หกขุนพลใหญ่มารวมตัวกันช้าๆ อ๋าวเถี่ยเขย่าระฆังดาราในมือ “ชุดที่สิบ ตอนหลังไม่มีแล้ว ถูกกำจัดหมดแล้ว”

เมิ่งหรูถือดาบค้ำพื้น กล่าวเสียงต่ำว่า “ตระกูลเซี่ยโห้วนี่มีศักยภาพน่ากลัวจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะซ่อนยอดฝีมือไว้เยอะขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะรวบรวมธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชุดนี้ไว้ล่วงหน้า แล้วก็แบ่งกำลังพลพวกนี้มาล้อมปราบทีละแสนคน กำลังพลสิบล้านก็ต้านพวกเขาไม่ไหวเลย!”

สีหน้าของคนที่เหลือมีแต่ความเคร่งเครียดจริงจัง แม้อีกฝ่ายจะมีกำลังน้อยกว่า ทั้งยังถูกลอบจู่โจม แต่กลับยังมีคนโผล่มาสังหารฝั่งนี้ไปแล้วหลายแสน เกือบจะทำให้คนพวกนี้หนีไปแล้ จะว่าไปแล้วธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ที่อยู่ในมือของทุกคนก็ยังน้อยไปหน่อย

อ๋าวเถี่ยเก็บระฆังดาราในมือแล้วบอกว่า “ทุกคนเก็บกวาดสักหน่อย ผู้ช่วยใหญ่สั่งให้พวกเรารีบไปรวมตัวกัน”

ในอารามเต๋า พอได้ข่าวว่ากำลังพลหนึ่งล้านของตระกูลเซี่ยโห้วถูกปราบแล้ว หยางชิ่งก็โผล่หน้าออกมา ให้คนเปิดประตูใหญ่ของอารามเต๋าออก รอประชุมกับคนของหกลัทธิ

เฮยทั่นเดินวนสำรวจเซี่ยโห้วท่าที่นั่งหลับตาเงียบๆ อยู่หน้าโต๊ะเล็ก พลางเดาะลิ้นบอกว่า “ตาแก่นี่ก็ไม่เท่าไรนี่นา ไร้ประโยชน์มาก ถูกจัดการง่ายขนาดนี้เลย ทำไมมีคนกลัวเขาเยอะขนาดนั้น?”

หยางชิ่งเดินช้าๆ ไปข้างโต๊ะเล็ก จ้องเซี่ยโห้วท่าครู่หนึ่ง ถ้าพูดแบบไม่น่าฟังก็คือ ฝั่งนี้ถูกขุดรากถอนโคนแล้ว ถ้าท่านอ๋องต้องการจะลงมือกับอำนาจของตระกูลเซี่ยโห้วที่อยู่ภายนอก ตระกูลเซี่ยโห้วที่ยึดใต้หล้ามาหลายปีก็จะล้มลงในชั่วพริบตาเดียว เขาอยากจะเห็นนักว่าหลังจากเซี่ยโห้วท่ารู้ความจริงแล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

“ให้เขาฟื้นขึ้นมา” หยางชิ่งบอกเหยียนซิว

“ทำแบบนี้จะเหมาะเหรอ?” เหยียนซิวขมวดคิ้ว

“ไม่เป็นไร เขาทำเรือคว่ำในคลองแคบแล้ว ก่อเรื่องอะไรไม่ไหวแล้ว” หยางชิ่งกล่าว

เหยียนซิวเงียบไป ก่อนจะดินไปข้างหลังเซี่ยโห้วท่า กางนิ้วทั้งห้าขยุ้มเหนือศีรษะเซี่ยโห้วท่า ผ่านไปไม่นาน รูทวารทั้งเจ็ดของเซี่ยโห้วท่าก็มีควันดำถูกดูดเข้าในฝ่ามือเหยียนซิว

รอจนกระทั่งเหยียนซิวหยุดใช้วิชาแล้ว เซี่ยโห้วท่าก็ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ฉากแรกที่ปรากฏสู่สายตาก็คือ หยางชิ่งกำลังยืนเอามือไขว้หลังมองเขาด้วยความสนใจ ข้างกายยังมีเฮยทั่นที่ยื่นหัวเข้ามาเป็นระยะ

เซี่ยโห้วท่ากับหยางชิ่งสบตากันพักหนึ่ง จากนั้นก็กวาดสายตามองไปรอบๆ พบว่าตัวเองมาอยู่ในอารามเต๋าแล้ว แต่ในอารามเต๋ามีภาพเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ ไม่น่าเชื่อว่าจะจัดโต๊ะเลี้ยงสุราที่กินไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนตำแหน่งที่ตัวเองนั่ง…กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขากระตุกอย่างรุนแรง เหมือนเขาจะตระหนักอะไรบางอย่างได้แล้ว สายตาจับจ้องบนใบหน้าหยางชิ่งอีก ถามว่า “พวกเจ้าเป็นคนของอำนาจฝ่ายไหน?”

หยางชิ่งกล่าวยังสนใจ “ได้ยินนามอันยิ่งใหญ่ของท่านปู่สวรรค์มานาน ลองเดาสักหน่อยสิ”

เซี่ยโห้วท่าหันกลับไปโมงเหยียนซิวแวบหนึ่ง ตอนอยู่ในเรืออูเผิง เขาเห็นกับตาว่าหลังจากเหยียนซิวปล่อยแสงสีดำโจมตีบนตัวเขาแล้ว เขาก็ไม่ได้สติ สายตาจับจ้องอยู่บนใบหน้านิ่งเฉยเหมือนคนตายของเหยียนซิว แล้วกล่าวเน้นย้ำทีละคำว่า “เจ้าคือเหยียนซิว ลูกน้องคนสนิทของหนิวโหย่วเต๋อเหรอ? พวกเจ้าคือคนของหนิวโหย่วเต๋อ หรือเป็นคนของแดนอเวจี? ใช่แล้ว อาศัยอำนาจของผู้รอดชีวิตหกลัทธิตอนนี้ จะควบคุมหนิวโหย่วเต๋อได้ยังไง พวกเจ้าคือคนของหนิวโหย่วเต๋อ!”

แล้วก็หันไปมองหยางชิ่งอีก “ขออภัยที่ตาแก่คนนี้ตาไม่ดี ข้างกายหนิวโหย่วเต๋อเหมือนจะไม่มีบุคคลที่รูปร่างหน้าตาอย่างเจ้า เจ้าเป็นใคร?” เขามองออกว่าหยางชิ่งคือผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจตรงนี้

“จะว่ามีก็มี เพียงแต่ผู้น้อยออกจากข้างกายท่านอ๋องไปนานมากแล้ว ช่วงนี้ถึงได้กลับมา ท่านปู่สวรรค์ลองคิดดูสักหน่อยก็น่าจะจำได้” หยางชิ่งพูดพร้อมกุมหมัดคารวะ “หยางชิ่งคารวะท่านปู่สวรรค์!”

“หยางชิ่ง…หยางชิ่ง…” เซี่ยโห้วท่าพึมพำ แล้วพยักหน้าช้าๆ “คุ้นหูอยู่บ้าง ข้างกายหนิวโหย่วเต๋อเหมือนเคยมีคนชื่อนี้ หนิวโหย่วเต๋อล่ะ? ในเมื่อมาแล้ว ทำไมไม่พบหน้าตาแก่คนนี้สักครั้ง?”

“ในมือท่านอ๋องมีงานสำคัญมากมายต้องจัดการ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่ต้องรบกวนให้ท่านอ๋องมาด้วยตัวเอง” หยางชิ่งกล่าว

“เรื่องเล็กน้อย? ฮ่าๆๆ!” เซี่ยโห้วท่าเอาฝ่ามือตบโต๊ะพลางหัวเราะลั่น หัวเราะเหมือนน้ำตาจะไหล ใช้สองมือค้ำโต๊ะยืนขึ้นช้าๆ ส่ายหน้าหยุดหัวเราะ จ้องหยางชิ่ง “เจ้ามายืนพูดโอ้อวดอยู่ตรงนี้ได้ คาดว่าตัวหลักในครั้งนี้คงจะเป็นเจ้าสินะ?”

หยางชิ่งยิ้มบางๆ ไม่ได้ตอบอะไร ไม่ได้ยอมรับและไม่ได้ปฏิเสธ

“ได้ๆๆ!” เซี่ยโห้วท่าพยักหน้า เดินออกจากโต๊ะ เดินไปเดินมาอยู่ในกุฏิใหญ่ของอารามเต๋าสักพัก มองที่นั่งสองแถวทางฝั่งซ้ายและขวา แล้วก็มองที่นั่งของตัวเองอีก “ลูกชายของข้าถูกพวกเจ้าจัดการหมดแล้วสินะ?”

“ทั้งหมดยังมีชีวิตอยู่ดี ตอนนี้ยังไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย!” หยางชิ่งกล่าว

“เช่นนั้นแสดงว่า ยังมีมูลค่าให้ใช้ประโยชน์” เซี่ยโห้วท่าพยักหน้าเห็นด้วย แล้วก็เอียงหน้าชำเลืองไปทางหยางชิ่งอีก “แตะต้องฝั่งนี้ แต่กลับไม่แตะต้องอำนาจที่อยู่ภายนอกของตระกูลเซี่ยโห้ว ดูท่าแล้ว พวกเจ้าคงพุ่งเป้ามาที่สมาคมอาวุโส”

“ทำไมถึงพุ่งเป้ามาที่เจ้าไม่ได้ล่ะ?” หยางชิ่งถามด้วยรอยยิ้ม

เซี่ยโห้วท่าแสยะยิ้ม “ข่าวที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ เกรงว่าพวกเจ้าของรู้มาจากปากของเว่ยซูสินะ?”

หยางชิ่งยิ้มบางๆ “ทำไมคิดอย่างนั้น?”

เซี่ยโห้วท่าหันกลับไปมองนอกประตูใหญ่ ถอนหายใจเบาๆ แล้วบอกว่า “เฉาหม่านไปหาหนิวโหย่วเต๋อเพื่อขอดูบัวโลหิต หนิวโหย่วเต๋อหาข้ออ้างถ่วงเวลา เฉาหม่านย่อมรู้สึกระวังตัวอยู่แล้ว ไม่มีทางไปตามเวลาที่หนิวโหย่วเต๋อนัดไว้ คนที่มีสิทธิ์ไปดูบัวโลหิตกับตาตัวเองอีกครั้ง นอกจากเว่ยซูก็ไม่มีใครแล้ว หรือพูดได้อีกอย่างว่า จุดประสงค์ที่หนิวโหย่วเต๋อถ่วงเวลาก็คือจะพุ่งเป้ามาที่เว่ยซู ก่อนที่จะควบคุมเว่ยซูเอาไว้ เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นก็ชัดเจน เป้าหมายเริ่มแรกที่พวกเจ้าแต่ต้องเว่ยซูก็คือพุ่งเป้ามาที่สมาคมอาวุโส เพียงแต่บังเอิญรู้จักปากเว่ยซูว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ สมาคมอาวุโส…ความลับนี้ หัวหน้าสมาคมลับต่างๆ ของตระกูลเซี่ยโห้วไม่กล้าเปิดเผยต่อภายนอกแน่ นอกจากพวกเขาก็ไม่มีคนอื่นรู้แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เฉาหม่านจะบอกพวกเจ้า ในตอนที่ยังไม่รู้เส้นสนกลในของตระกูลเซี่ยโห้ว แม้พวกเจ้าจะมีความสามารถควบคุมคนและขุดความลับ แต่อาศัยอำนาจของหนิวโหย่วเต๋อก่อนหน้านี้ ก็ยังไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือกับคนจากสมาคมลับแต่ละแห่งของตระกูลเซี่ยโห้ว เพราะหนิวโหย่วเต๋อรับผลที่ตามมาไม่ไหว นอกเสียจากคนตายแล้ว ถึงจะไม่เปิดโปงเรื่องที่ถูกพวกเจ้าควบคุม คนที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดก็มีแค่เซี่ยโห้วลิ่งที่ตายไปแล้ว สงสัยก่อนที่เซี่ยโห้วลิ่งจะตาย คงจะถูกพวกเจ้าขุดความลับไปแล้วไม่น้อย พวกเจ้ารู้สถานการณ์ของสมาคมลับแต่ละแห่งจากปากเขา และรู้เรื่องการมีอยู่ของสมาคมอาวุโสด้วย แต่เซี่ยโห้วลิ่งไม่รู้ว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ ต่อให้พวกเจ้ารู้สถานการณ์ของแต่ละสมาคมลับแล้ว แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าอยู่ดี เพราะพวกเจ้ารู้ว่าสมาคมอาวุโสสามารถฟื้นกำลังของสมาคมลับขึ้นมาใหม่ได้ทุกเมื่อ พวกเจ้าก็เลยอยากตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ถึงได้ลงมือกับเว่ยซู บังเอิญรู้จากปากเว่ยซูว่าข้ายังไม่ตาย ข้าพูดไม่ผิดใช่ไหม?” เขาหันกลับมาจ้องหยางชิ่งด้วยสายตาเย็นเยียบ

หยางชิ่งยิ้มโดยไม่ตอบอะไร ในใจกลับแอบทึ่ง เซี่ยโห้วท่าสมกับเป็นคนที่มีชื่อเสียงบารมีสะท้านทั้งใต้หล้่า ใช้เวลาแค่นี้ก็สามารถไล่เรียงที่มาที่ไปของเรื่องนี้ได้แม่นยำแปดส่วนแล้ว

เซี่ยโห้วท่าหันตัวเดินกลับมาอีก เดินมาตรงหน้าหยางชิ่ง จ้องหยางชิ่งพร้อมบอกว่า “เพียงแต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าไม่เข้าใจ ดูจากความเคลื่อนไหวของพวกเจ้าแล้ว เหมือนจะรู้ว่าเว่ยซูคือกับดัก เรื่องนี้นอกจากข้าแล้วก็ไม่มีใครรู้ความจริงอีก ต่อให้ควบคุมเว่ยซูได้ก็ไม่มีประโยชน์ ข้าอยากจะรู้ว่าพวกเจ้ามองออกได้ยังไง”

“เพราะเจ้ายังมีชีวิตอยู่!” หยางชิ่งกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“ง่ายๆ แบบนี้นะเหรอ?” เซี่ยโห้วท่าถาม

หยางชิ่งกล่าวอย่างใจเย็น “เพราะข้าไม่เชื่อเจ้า! ฟังจากปากเว่ยซูก็มองไม่ออกเลยว่ามีกับดักอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าเจ้าจงใจปล่อยให้เซี่ยโห้วลิ่งตาย ข้าก็เกือบจะเชื่อแล้ว เกือบจะคิดจริงๆ ว่าไม่มีกับดักอะไร แต่ท่านปู่สวรรค์เป็นคนยังไงกันล่ะ? สละได้แม้กระทั่งชีวิตลูกชายเพื่อให้ตัวเองบรรลุเป้าหมาย ข้าทำใจเชื่อได้ยากจริงๆ ว่าท่านปู่สวรรค์จะมอบชีวิตของทุกคนในตระกูลไว้ในมือเว่ยซู เพราะเหตุนี้ แม้พวกเราจะขุดความจริงจากปากเว่ยซูซึ่งเพียงพอที่จะทำให้เชื่อได้ และมองไม่ออกว่ามีกับดักอะไรด้วย ข้าจึงไม่เชื่อในความประพฤติของท่านปู่สวรรค์ เลยฝืนตัวเองตามหาจุดที่น่าสงสัย เลยวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากเว่ยซูซ้ำๆ ถ้าจะบอกว่ามีจุดไหนน่าสงสัย ก็คงมีแค่ทางเข้าอย่างอาเขตดาวหินลอยระเกะระกะ เพราะทุกครั้งเว่ยซูล้วนออกเดินทางจากจุดนั้น เลยจับตาดูที่นี่แล้วสันนิษฐานคาดเดาต่างๆ นานา สุดท้ายก็เจอความเป็นไปได้อันน่าตกใจ พบว่าเว่ยซูอาจจะเป็นกับดักที่ท่านปู่สวรรค์วางไว้! ก็เลยใช้บัวโลหิตหยั่งเชิงท่านปู่สวรรค์อีก ก็พบว่าเป็นอย่างที่คาดไว้!”

เซี่ยโห้วท่าเงียบไปครู่เดียว แล้วก็ส่ายหน้ายิ้มเจื่อน “ดูท่าแล้ว เรื่องที่อวิ๋นจือชิวหึงหวงจนถล่มจวนก็คงเป็นแผนของพวกเจ้าเหมือนกัน ตามหลักแล้ว ถ้าหนิวโหย่วเต๋อจะใช้แผนชั่วเล่นงานข้าจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องสร้างเรื่องผิดปกติในเวลานี้เลย ผลปรากฏว่าทำตรงกันข้าม หึหึ ทำลายความเคลือบแคลงของข้าได้จริงๆ ดีๆๆ!” เขายกมือตบบ่าหยางชิ่ง “คลื่นลูกใหม่มาแรงกว่าคลื่นลูกเก่าจริงๆ ด้วย!”

“ข้ากลับไม่คิดอย่างนี้ ท่านปู่สวรรค์อยู่ในที่แจ้ง พวกเราอยู่ในที่ลับ ถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบขนาดนี้แล้วยังแพ้ให้ท่านปู่สวรรค์ แบบนั้นก็ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว ตามความเห็นของข้า ไม่ใช่เรื่องคลื่นลูกใหม่คลื่นลูกเก่าอะไรหรอก คำโบราณกล่าวไว้ว่าคนเรารวยไม่เกินสามรุ่น โชคร้ายไม่เกินสามรุ่น จากพระปีศาจถึงหกลัทธิ แล้วก็มาถึงประมุขชิงกับประมุขพุทธะ…” หยางชิ่งชะงักไป ก่อนจะกล่าวช้าๆ ว่า “แม้ในระหว่างนี้จะมีคนวางแผน ทว่าคนคํานวณมิสู้ฟ้าลิขิต ความบังเอิญต่างๆ ได้อธิบายไว้แล้ว โชคดีของท่านปู่สวรรค์หมดลงแล้ว โชคไม่เข้าข้างตระกูลเซี่ยโห้วอีกแล้ว ท่านอ๋องของข้าต่างหากที่รุ่งเรืองดุจดวงอาทิตย์กลางฟ้า!”

ประโยคสุดท้ายทำให้เซี่ยโห้วท่าสั่นเทิ้มไปทั่งตัว สีหน้าค่อนข้างเหม่อลอย หลังจากตั้งสติแล้ว ก็จ้องหยางชิ่งพร้อมบอกว่า “เมื่อก่อนข้าคิดว่าหนิวโหย่วเต๋อมีไหวพริบแต่กลับไม่ถนัดเรื่องวางแผนระยะยาว ข้าถึงได้ไม่สนใจเขา ทว่าอุบายต่างๆ ที่หนิวโหย่วเต๋อแสดงออกมาในตอนหลังทำให้ข้าสงสัย ก่อนหน้านี้ยังไม่เข้าใจ ตอนนี้พอจะรู้บ้างแล้ว เบื้องหลังคงจะมีเจ้าคอยวางแผนให้ ถ้าข้าเดาไม่ผิด อุบายห่วงสัมพันธ์ที่ใช้โค่นล้มฮ่าวเต๋อฟางก็เป็นฝีมือเจ้าใช่ไหม ดูจากที่หนิวโหย่วเต๋อให้เจ้าเป็นคนรับมือกับข้าก็รู้แล้ว และแม้เจ้าจะทำงานอยู่ใต้บังคับบัญชาหนิวโหย่วเต๋อ แต่หนิวโหย่วเต๋อกลับไม่เชื่อใจเจ้า ไม่ให้ในมือเจ้ามีอำนาจทางทหาร ข้าพูดผิดหรือเปล่า?”

หยางชิ่งหัวใจกระตุกวูบ เขาเพิ่งพูดแทงใจดำจนทำให้เซี่ยโห้วท่าตัวสั่น แม้เซี่ยโห้วท่าจะโดนรุกจนแต้ม แต่ก็ยังสวนกลับเขาได้ในทันที พูดแทงใจดำเรื่องที่เขาพูดออกมาไม่ได้

ทว่าภายนอกหยางชิ่งยังคงยิ้ม “ท่านปู่สวรรค์มั่นใจกับความสามารถในการวินิจฉัยของตัวเองเกินไปแล้ว!”

เซี่ยโห้วท่ายื่นใบหน้าชราเข้าไปใกล้เขา แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ด้วยพลังสยบที่ข้ามีต่อตระกูลเซี่ยโห้ว ทำให้ข้าความมั่นใจอยู่หลายส่วน ถ้าหนิวโหย่วเต๋อเชื่อใจเจ้าจริงๆ ข้าก็คงไม่ตกอยู่ในมือเจ้าหรอก เพราะก่อนเกิดเรื่อง เจ้าจะต้องห้ามไม่ให้เขาลงมือแน่นอน เพราะคนที่ถนัดเรื่องวางแผนการอย่างเจ้าจะไม่ทำเรื่องที่ตัวเองไม่มั่นใจ ตอนที่ยังไม่ได้แตะต้องเว่ยซู เจ้าก็ยังไม่รู้สถานการณ์ของที่นี่โดยละเอียดเลยด้วยซ้ำ มีความเปลี่ยนแปลงเยอะเกินไป เจ้าจะมาเสี่ยงทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร? มีแค่คนที่เคยชินกับการสู้สุดชีวิตอย่างหนิวโหย่วเต๋อเท่านั้น ที่พอเห็นโอกาสรบก็กล้าเสี่ยงอันตรายใหญ่หลวงเพื่อโจมตีอย่างไม่ลังเล! หลังจากเจ้ารู้เรื่องแล้วจะต้องห้ามเขาแน่นอน แต่เจ้าห้ามไม่ไหว ถ้าข้าเดาไม่ผิด หนิวโหย่วเต๋อจะต้องลงมือกับเว่ยซูก่อนโดยปิดบังเจ้าไว้แน่นอน กดดันจนเจ้าไร้ทางให้ถอยกลับ เจ้าถึงต้องทำตาม! ถ้าเปลี่ยนเป็นแม่ทัพใหญ่บางคนที่มีอำนาจทางทหารมาก ก็สามารถหาข้ออ้างมาปฏิเสธได้อยู่แล้ว เพราะไม่กล้ารับผิดชอบผลที่ตามมาหลังจากทำพลาด หนิวโหย่วเต๋อจะกล้าบีบบังคับแบบนี้ได้ยังไง? นี่แสดงว่าแม้เจ้าจะทำงานหนักสร้างผลงานใหญ่ แต่กลับไม่มีอำนาจทางทหารให้ปฏิเสธได้ เจ้ายังกล้าบอกอีกเหรอว่าหนิวโหย่วเต๋อเชื่อใจเจ้า?”

………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+