พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 925

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 925 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
 ไม่อาจฝ่าฝืนอำนาจ

ในเมื่อพูดถึงขั้นนี้แล้ว อวิ๋นจือชิวก็ไม่ฝืนใจเช่นกัน นางลุกขึ้นแล้วบอกว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่รบกวนแล้ว แต่หวังว่าผู้การหยางจะเข้าใจนะ ว่าถ้าฉินเวยเวยแต่งงานเข้าบ้านข้า ข้าก็จะไม่ปฏิบัติต่อนางอย่างไม่เป็นธรรมแน่นอน และไม่ใช้ความเป็นผู้ใหญ่รังแกผู้น้อยด้วย!”

หยางชิ่งเอียงหน้ากุมหมัดคารวะ ไม่พูดอะไรมากอีก ส่งแขก!

แสดงท่าทีชัดเจนว่าไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก แต่นี่ก็คือสิ่งที่อวิ๋นจือชิวคาดไว้แล้วเช่นกัน อวิ๋นจือชิวหัวเราะเบาๆ แล้วพยักหน้าบอกว่า “ผู้การหยางทำงานต่อไปเถอะ ไม่ต้องส่งข้า!”

ธรรมเนียมมารยาทที่ควรมีก็ยังต้องมี หยางชิ่งเยือกเย็นสุขุมอยู่ตลอด แยกยะความสัมพันธ์ได้อย่างชัดเจน ทั้งยังเดินตามออกมาส่งแขกถึงข้างนอกด้วยตัวเอง

หลังจากมองคล้อยหลังอวิ๋นจือชิวกลับเข้าไปในตำหนัก หยางชิ่งก็ยืนเงียบอยู่ที่เดิม ชิงเหมย ชิงจวี๋เดินมายืนอยู่ทางซ้ายและขวา และถามอย่างค่อนข้างกังวลว่า “นายท่านเจ้าคะ!”

หยางชิ่งพลันหัวตัวมา แล้วเดินมายังลานบ้านที่เป็นที่พักของฉินเวยเวย ประตูห้องของฉินเวยเวยปิดสนิท หยางชิ่งยกมือเคาะประตู “เวยเวย สะดวกให้พ่อเข้าไปได้รึเปล่า?”

ฉินเวยเวยที่อยู่ในห้องตอบเสียงอ่อนปวกเปียก “ท่านพ่อ เข้ามาเถอะค่ะ!”

หยางชิ่งผลักประตูเข้ามา กวาดมองในห้องด้วยแววตาจริงจัง แล้วสายตาก็ไปหยุดอยู่บนตัวฉินเวยเวยที่นั่งอยู่ข้างเตียง ฉินเวยเวยก้มหน้าพลางยืนขึ้น

เมื่อเดินมาถึงตรงหน้านาง หยางชิ่งก็มองสอบสวนพักหนึ่ง แล้วกล่าวถามอย่างเนิบช้า “ข้าว่าประมุขปราสาทก็คงไม่กล่าวลอยๆ โดยไร้จุดหมายหรอก เจ้าคงจะตอบตกลงไปแล้ว ใช่มั้ย?”

ฉินเวยเวยกัดริมฝีปากเงียบๆ ครู่เดียว แล้วสุดท้ายก็พยักหน้า

หยางชิ่งพยายามเอียงหน้ามองไปด้านข้าง สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง พยายามข่มอารมณ์ของตัวเองให้สงบลง พยายามอย่างมากเพื่อไม่ให้ตัวเองบุ่มบ่าม แล้วกล่าวอย่างระมัดระวังว่า “เวยเวย! ครอบครัวเราถ้าเทียบกับข้างบนแม้จะมีไม่พอ แต่เทียบกับข้างล่างยังมีเหลือเฟือ ยังไม่ตกต่ำถึงขั้นแต่งงานไปเป็นอนุภรรยาของคนอื่น เรื่องนี้เจ้าเลอะเลือนแล้ว! แน่นอน เจ้าไม่เคยผ่านเรื่องหญิงชายมาก่อน เลี่ยงไม่ได้ที่จะบุ่มบ่ามทำตามอารมณ์ ผู้หญิงทุกคนล้วนมีช่วงที่โง่เขลาแบบนี้ทั้งนั้น พ่อไม่โทษเจ้าหรอก เรื่องนี้พ่อช่วยปฏิเสธให้เจ้าแล้ว เจ้าไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ แค่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่อไปควรจะทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น แต่พยายามอย่าเข้าไปที่ตำหนักหลังบ่อยๆ อย่าให้มีคำพูดเหลวไหลเพราะทำตัวไม่ชัดเจนอีก”

เมื่อฟังเขาพูดจบ แววตาที่กังวลของฉินเวยเวยก็ค่อยๆ คลายลง แล้วถามเสียงต่ำว่า “ท่านพ่อ ท่านให้ข้าตัดสินใจเองสักครั้งไม่ได้หรือคะ?”

หยางชิ่งพลันชี้ไปที่ด้านนอกประตู แล้วกล่าวเสียงดังว่า “ในโลกนี้มีผู้ชายตั้งเยอะแยะ ด้วยภูมิหลังอย่างเจ้าไม่ต้องกังวลเลยว่าจะหาผู้ชายประวัติดีๆ ไม่ได้ ทำไมจะต้องดึงดันไปเป็นอนุภรรยาของสามีคนอื่น?”

ฉินเวยเวยเงยหน้า รวบรวมความกล้าพูดว่า “ผู้ชายประวัติดีๆ พวกนั้น ข้าไม่ชอบค่ะ ข้าเองก็เคยคิดจะตัดใจเหมือนกัน แต่ในใจข้าปล่อยเขาไปไม่ได้จริง ท่านแนะนำผู้ชายให้ข้ารู้จักเยอะขนาดนั้น แต่ข้าไม่ถูกใจเลยสักคนเดียว! ท่านพ่อ! ชีวิตการแต่งงานของข้า ท่านให้ข้าตัดสินใจเองได้มั้ยคะ? ให้ข้าทำตามสิ่งที่ตัวเองเลือกสักครั้งได้มั้ย? ไม่ว่าจะถูกหรือผิด ลูกสาวคนนี้ยินดีจะรับผลที่ตามมาทุกอย่างเอง ไม่นึกเสียใจทีหลังแน่นอน!”

เพียะ! หยางชิ่งลงมือแบบปุบปับ ตบหน้าฉินเวยเวยหนึ่งฉาดจนเกิดเสียงดังฟังชัด เป็นเพราะควบคุมไฟโกรธของตัวเองไม่ไหวแล้วจริงๆ ตบแรงจนให้ฉินเวยเวยล้มลงบนเตียง

“นายท่าน!” ชิงเหมยร้องตกใจเสียงดัง รีบเข้ามาดึงมือหยางชิ่ง

ส่วนชิงจวี๋ก็รีบเข้าไปประคองฉินเวยเวย แล้วหันกลับมามองหยางชิ่งอย่างค่อนข้างตกใจ อยู่กันมาหลายปีขนาดนี้แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นหยางชิ่งลงมือกับฉินเวยเวย

“ไม่นึกเสียใจทีหลังแน่นอนเหรอ? ถ้ารอให้นึกเสียใจทีหลังก็สายไปแล้ว!” หยางชิ่งสะบัดแขนออกจากชิงเหมย แล้วชี้หน้าตะคอกฉินเวยเวยอย่างควบคุมความโกรธไม่อยู่ “น้ำเข้าสมองเจ้ารึไง? ข้าอยากจะแหวกศีรษะเจ้าออกมาดูจริงๆ ว่าเจ้ายังมีสมองอยู่บ้างมั้ย? เจ้าเคยเห็นภรรยาที่ไหนมาหาอนุภรรยาให้สามีตัวเองก่อนบ้างมั้ย? สาเหตุเบื้องหลังเดาได้ไม่ยากหรอก ชัดเจนว่าทางนั้นอยากจะใช้เจ้ามาควบคุมข้า ถ้าบีบเจ้าไว้ได้แล้ว ก็ถือว่าบีบข้าไว้ได้เจ็ดส่วน เจ้าดูไม่ออกสักนิดเลยเหรอ? อีกฝ่ายกำลังใช้ประโยชน์จากความรู้สึกของเจ้า!”

ฉินเวยเวยเอามือลูบหน้าพลางยืนขึ้น แล้วกล่าวด้วยน้ำตาไหลพราก “ข้ามันไม่มีสมอง ข้าเองก็อยากจะฉลาดมีความสามารถเหมือนท่านพ่อ รู้ไหมว่าข้าอยากให้ตัวเองเป็นลูกสาวแท้ๆ ของท่านพ่อมากขนาดไหน ถ้าได้รับความฉลาดรอบรู้มาจากท่านบ้างสักนิด คงไม่ต้องให้ท่านวางแผนจัดเตรียมให้ข้าทุกอย่างแบบนี้หรอก ข้ารู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์เหมือนขยะ ช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย ท่านปูทางไว้ให้ข้าเดินหมดแล้ว อยู่บนเส้นทางฝึกตนมาเนิ่นนาน หลายปีขนาดนี้แล้ว ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ มีแค่ครั้งนี้ ที่ข้ารู้ซึ้งว่าตัวเองอยากทำอะไร รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร กว่าข้าจะตัดสินใจแบบนี้ได้ก็ไม่ง่ายเหมือนกัน ท่านพ่อ ท่านช่วยให้ข้าสมหวังสักครั้งไม่ได้หรือคะ?”

ชิงเหมย ชิงจวี๋รีบมองไปทางหยางชิ่ง ทั้งสองค่อนข้างเข้าใจเขา

เป็นอย่างที่คาดไว้ ประโยค ‘รู้ไหมว่าข้าอยากให้ตัวเองเป็นลูกสาวแท้ๆ ของพ่อมากขนาดไหน’ สะเทือนอารมณ์หยางชิ่งแล้ว เห็นเพียงหยางชิ่งตัวสั่นเล็กน้อย ลมหายใจค่อนข้างถี่กระชั้น แทบจะมีเลือดไหลออกจากดวงตา สองมือกำหมัดแน่น เป็นการถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงที่แท้จริง

พูดถึงขั้นนี้แล้ว ชิงเหมยกับชิงจวี๋นึกว่าหยางชิ่งจะยอมตกลง แต่ใครจะคิด หยางชิ่งกลับชักดาบเล่มหนึ่งจากแหวนเก็บสมบัติ โยนดาบไว้บนพื้น แล้วกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ก่อนหน้านี้ข้าบอกประมุขปราสาทไปแล้ว ว่าต่อให้ฆ่าข้าให้ตาย ข้าก็ไม่ตอบตกลงอยู่ดี ข้าจะพูดแบบนี้กับเจ้าเหมือนกัน เว้นเสียแต่ว่าจะฆ่าข้าให้ตาย ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่อนุญาตเด็ดขาด ต่อให้เจ้าจะเกลียดข้าไปทั้งชีวิตก็ตาม!” พูดจบก็เตะดาบไปที่เท้าของฉินเวยเวย แล้วหันตัวเดินออกไปอย่างแน่วแน่ นี่คือคำตอบสุดท้ายของเขาแล้ว

ฉินเวยเวยทรุดนั่งลงบนเตียง ไหล่งามสั่นเทิ้ม เสียงสะอื้นดังไม่หยุด น้ำตาไหลดุจสายฝน…

“อะไรนะ? ฉินเวยเวยกลับอาณาเขตของตัวเองไปแล้วเหรอ?”

ในตำหนัก หลังจากเสวี่ยเอ๋อร์ที่ถูกส่งไปเฝ้าดูกลับมารายงาน อวิ๋นจือชิวก็ถามอย่างประหลาดใจ ดวงตางามวูบไหว เหมือนจะเป็นสิ่งที่นางคาดไว้แล้วเช่นกัน ไม่ถือว่าตกใจอะไรมาก

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ!” เสวี่ยเอ๋อร์ตอบ “เหมือนจะร้องไห้ด้วย!”

เหมียวอี้ที่ตั้งใจฟังอยู่ข้างๆ พูดกลั้วหัวเราะว่า “ข้าบอกแล้วไง หยางชิ่งไม่มีทางตอบตกลงหรอก ประมุขปราสาทอวิ๋น ข้าว่าเจ้าขาดทุนแล้วล่ะ พอผ่านเรื่องนี้แล้ว ในใจหยางชิ่งจะต้องขุ่นเคืองแน่นอน!”

“ประมุขปราสาทผู้นี้จะทำอะไร ต้องให้ที่ปรึกษาอย่างเจ้ามาสอนด้วยเหรอ?” อวิ๋นจือชิวถาม

“เจ้า…” เหมียวอี้เดือดทันที ไม่น่าเชื่อว่าจะเอาตำแหน่งมาข่มตน เขาเพิ่งจะยื่นมือเข้าไป แต่ก็โดนอวิ๋นจือชิวปัดออก “อะไรของเจ้า? ตอนเล่นหมากล้อมก็บอกแล้วนะ ถ้าเจ้าแพ้แล้วก็ทำตัวดีๆ หน่อย ยินดีเดิมพันก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้!”

“…” เหมียวอี้อ้าปากค้างไปชั่วขณะ เพราะแพ้อย่างย่อยยับมาก เหมือนโดนตบหน้าแต่บ่นอะไรไม่ได้ จึงกัดฟันบอกว่า “เจ้าค่อยๆ ก่อเรื่องไปเถอะ ข้ากลัวเสียที่ไหนล่ะ มีผู้หญิงเพิ่มขึ้นมีอะไรไม่น่าดีใจ ถ้าเจ้าเก่งนักก็หาให้ข้าเยอะๆ สิ!”

“เอ๋!” อวิ๋นจือชิวเหล่ตามอง “หนิวเอ้อร์ นี่เจ้าพูดเองนะ ถึงตอนนั้นอย่างนึกเสียใจทีหลังแล้วกัน!”

เหมียวอี้ชี้หน้าตัวเอง พลางกล่าวว่า “ข้านึกเสียใจทีหลังเหรอ? ขอแค่ฮูหยินอย่างเจ้าเต็มใจ ต่อให้เจ้าจะหาคนขี้เหร่มาให้ ข้าก็ยังจะรับไว้อยู่ดี!” เขาไม่เชื่อหรอกว่าในโลกนี้จะมีผู้หญิงที่ใจกว้างขนาดนั้น

อวิ๋นจือชิวทำเสียงฮึดฮัด แล้วหันตัวไปบอกหญิงรับใช้ที่อยู่ข้างๆ “เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ พวกเจ้าฟังเอาไว้นะ นี่คือสิ่งที่เขาพูดเอง”

“ขี้คร้านจะเถียงกับผู้หญิงบ้าอย่างเจ้า! ข้าไปฝึกตนดีกว่า!” เหมียวอี้สะบัดแขนเสื้อเดินออกไป พอจากห้องโถงหลัก สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที เมื่อไม่มีคนอยู่ตรงหน้า สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นกลัดกลุ้ม เรื่องของฉินเวยเวยทำให้เขาค่อนข้างเหม่อลอย อดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพที่ฉินเวยเวยเล่นหมากล้อมเป็นเพื่อนเขามาหลายปี ต่อให้นอนฝันก็นึกไม่ถึงว่าฉินเวยเวยจะสนใจเขา ถึงขั้นยอมเป็นอนุภรรยาของเขาด้วยซ้ำ คิดไปคิดมาก็รู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย

ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เมื่อตกอยู่ในวังวนของความสัมพันธ์ชายหญิง ไม่มีใครที่นิ่งเฉยไม่สะทกสะท้านได้หรอก ท่านขุนนางเหมียว้าวุ่นใจแล้ว เขาถึงขั้นอยากจะไปคุยกับฉินเวยเวยด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่มีความกล้านั้น ถึงขั้นกลัวที่จะพบหน้าฉินเวยเวย

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ มองออกว่าอวิ๋นจือชิวอยากจะใช้ฉินเวยเวยเพื่อควบคุมหยางชิ่ง

อวิ๋นจือชิวที่อยู่ในโถงหลักเดินมายืนอยู่ตรงประตู นางเอามือไขว้หลังทอดสายตามองไปบนฟ้าไกลๆ แล้วถอนหายใจเบาๆ “หยางชิ่ง ถ้าเจ้าไม่สวามิภักดิ์จากใจจริง การกุมอำนาจมากมายในระยะยาวจะต้องเกิดปัญหาตามมาแน่ สุราคำนับมิยอมดื่ม ต้องดื่มสุราลงทัณฑ์!”

เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ที่อยู่ข้างหลังฟังอย่างเงียบๆ นึกไม่ถึงว่าฮูหยินจะเกรงกลัวผู้การหยางขนาดนี้

หลังจากนั้นครึ่งเดือน ถังจวินคุณชายสี่แห่งแดนโพ้นสวรรค์ก็มาเยือนด้วยตัวเอง มาพร้อมคำสั่งของปราชญ์เซียนมู่ฝานจวิน

ด้วยคำแนะนำของอวิ๋นจือชิว คำสั่งนี้ถูกเก็บเป็นความลับและยังไม่ประกาศออกไป รอให้ประมุขตำหนักแต่ละสายมากันครบ เมื่อทุกคนอยู่ในตำหนักประชุมแล้ว ถังจวินถึงได้ประกาศคำสั่งต่อหน้าทุกคน : เลื่อนขั้นประมุขอวิ๋นจือชิวแห่งปราสาทดำเนินสุริยันให้เป็นท่านทูตสายมะโรง ให้ไปที่ยอดเขาหยกนครหลวงและรับงานจากท่านทูตจงเจิ้นภายในสิบวัน นอกจากนี้ยังประทานงานสมรสอนุภรรยาให้เหมียวอี้สามคน ได้แก่โอวหยางหลาง โอวหยางหวน บุตรสาวของโอวหยางกวงท่านทูตสายชวด และฉินเวยเวย ประมุขตำหนักเจิ้นติงแห่งปราสาทดำเนินสุริยัน เลือกฤกษ์มงคลแต่งงานพร้อมกัน!

เมื่อประกาศคำสั่งของปราชญ์เซียน ในตำหนักก็เงียบลงจนแม้แต่เสียงเข็มพื้นตกก็ได้ยิน ทำให้ทุกคนตกตะลึงพรึงเพริดอย่างถึงที่สุด

ไม่น่าเชื่อว่าอวิ๋นจือชิวจะได้เลื่อนขั้นเป็นท่านทูตสายมะโรงของแดนเซียน?

ลูกสาวทั้งสองของโอวหยางกวงท่านทูตสายชวด หรือพูดอีกอย่างก็คือลูกสาวของคุณชายรองแดนโพ้นสวรรค์ ไม่น่าเชื่อว่าจะได้แต่งเป็นอนุภรรยาของที่ปรึกษา? จะเป็นไปได้อย่างไร?

สายตาของทุกคนไปรวมอยู่ที่ตัวของฉินเวยเวย ประหลาดใจและตกตะลึงมาก ไม่น่าเชื่อว่าประมุขตำหนักฉินจะได้แต่งเป็นอนุภรรยาของเหมียวอี้พร้อมกับลูกสาวของคุณชายรองแดนโพ้นสวรรค์?

สายตาของทุกคนมองไปที่เหมียวอี้อีก ปราชญ์เซียนประทานอนุภรรยาให้สามคนภายในรวดเดียวเลยเหรอ นี่คือสุดยอดแห่งวาสนา

อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่ถังจวินเอง ตอนที่เห็นคำสั่งนี้ก็ยังนึกว่าตัวเองฟังผิดไป ในบรรดาคนที่อยู่ตรงนั้น คนที่ดูจะไม่ตกใจที่สุดก็มีแค่อวิ๋นจือชิวแล้ว คนอื่นไม่รู้สถานการณ์เบื้องลึก รวมทั้งเหมียวอี้ด้วย เหมียวอี้เอ๋อแดก งงไปหมดแล้ว!

ฉินเวยเวยกัดริมฝีปากก้มหน้า ไม่รู้ว่าควรจะทำสีหน้าอย่างไรดี

หยางชิ่งเบิกตาโพลง ต่อให้นอนฝันเขาก็นึกไม่ถึงว่าปราชญ์เซียนมู่ฝานจวินจะประทานลูกสาวตัวเองให้แต่งงานกับเขา ไม่ปรึกษากันเลยสักนิด

เขามองไปยังอวิ๋นจือชิวที่แววตาที่เดือดเหมือนไฟลุก นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะโหดร้ายขนาดนี้ พอเขาไม่ตอบตกลงนางก็ไปขอคำสั่งมาจากแดนโพ้นสวรรค์ ให้ลูกสาวของตนกลายเป็นหนึ่งในผู้หญิงสามคนที่ต้องแต่งงานเป็นอนุภรรยาของเหมียวอี้ ทำให้เขาโมโหจนแทบกระอักเลือดออกมา!

ต่อให้หยางชิ่งจะมีความสามารถมากแค่ไหน แต่ตอนนี้ก็ไม่มีคุณสมบัติจะไปขัดคำสั่งของมู่ฝานจวิน ผลของการขัดคำสั่งไม่ใช่สิ่งที่เขาจะรับไหว ไม่ใช่สิ่งที่สองพ่อลูกจะรับไหว มีแค่อยู่หรือตายให้เลือกสองทางเท่านั้น ในเมื่ออวิ๋นจือชิวกล้าทำแบบนี้ คาดว่าคงจะไม่เปิดโอกาสให้เขาหนีไป ยอดฝีมือบงกชม่วงใต้บังคับบัญชาของอวิ๋นจือชิวมีอยู่ไม่น้อยเลย!

“ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง!” อวิ๋นจือชิวก้าวขึ้นมารับคำสั่งจากมือถังจวิน แล้วส่งถังจวินกลับไปด้วยตัวเอง

ในตำหนัก กลุ่มคนเข้าไปแสดงความยินดีกับหยางชิ่ง เหมียวอี้ และฉินเวยเวย สำหรับคนอื่นๆ นี่คือเรื่องดีแน่นอน เมื่อประมุขปราสาทได้เลื่อนขั้นเป็นท่านทูตแล้ว พวกเขาก็จะมีโอกาสมากขึ้นเหมือนกัน ถึงแม้คำสั่งนี้จะแปลกประหลาด แต่ทุกคนก็ยังแสดงความยินดีจากใจจริง

ไม่อาจฝ่าฝืนอำนาจ! หยางชิ่งกำหมัดสองข้างแน่น หลับตายืนนิ่งอยู่กับที่ ข้างหูได้ยินเสียงแสดงความยินดีไม่ขาดสาย แต่ความคับแค้นเศร้าโศกในใจ ใครเล่าจะเข้าใจได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด