พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 979 ร่ำรวยใหญ่แล้ว

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 979 ร่ำรวยใหญ่แล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
บทที่ 979 ร่ำรวยใหญ่แล้ว

เป็นเพราะร่างกายอ่อนแอเกินไป ตอนอยู่ในธงดำแทบจะสูญเสียพลังอิทธิฤทธิ์ไปหมด ตบตีกับใครไม่ไหวแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาจะลงมือจัดการด้วยตัวเอง ไม่ต้องสั่งให้คนอื่นทำแทนหรอก

เพียงแต่สวีถังหรานที่โดนกดดันเกิดความคิดอยากจะตายแล้ว นึกเสียเสียใจทีหลังว่าตัวเองจะรีบวิ่งออกมาเร็วขนาดนี้ทำไม ดูสิว่าหนิวโหย่วเต๋อเจ้าเล่ห์ขนาดไหน แค่ทิศทางลมผิดปกตินิดหน่อยก็เผ่นแล้ว

เขาเองก็อยากจะหนี แต่โค่วเหวินหลานยังโซซัดโซเซยืนได้ไม่ตรง คงไม่ดีที่เขาจะทิ้งโค่วเหวินหลานแล้วหนีไป ทำได้เพียง… ทำได้เพียงยื่นปลายเท้าไปสะกิดบนตัวเซี่ยโห้วหลงเฉิงเบาๆ

เซี่ยโห้วหลงเฉิงกับโค่วเหวินหลานถลึงตาจ้องเขาพร้อมกัน ทั้งคู่ทำสีหน้าเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ!

“ไอ้ชาติหมา เจ้ากล้าทำร้ายข้าเหรอ?” เซี่ยโห้วหลงเฉิงตะคอกถาม

สวีถังหรานอยากจะถามเขามาก เจ้ามันโง่เหมือนหมู่! เจ้าดูไม่ออกเหรอ? แบบนี้เรียกว่าทำร้ายรึไง?

“สวีถังหราน ผู้บัญชาการคนนี้สั่งให้เจ้าซ้อมมัน ไม่ได้ให้เจ้าเกาให้มันคัน!” โค่วเหวินหลานตวาด

ทำตัวไม่ถูกแล้ว! สวีถังหรานอยากจะร้องไห้จริงๆ ในใจรู้สึกอึดอัดมาก ตุ้บ! เตะออกไปแรงๆ หนึ่งที

“อา…” เซี่ยโห้วหลงเฉิงร้องโอดโอย โดนเตะจนกระเด็นตกกระแทกพื้น

“หึหึ!” โค่วเหวินหลานหัวเราะเยาะ ใช้มือข้างหนึ่งผลักสวีถังหรานออกไป ส่วนตัวเองก็นั่งลงบนพื้น แล้วชี้ไปที่เซี่ยโห้วหลงเฉิง “ซ้อมต่อไป! ข้าจะรับผิดชอบให้เจ้าทุกเรื่อง เจ้าไม่ต้องกลัว ซ้อมให้หนักๆ!” เขาทำท่าชื่นชมมาก

จะตีครั้งเดียวหรือจะตีหลายครั้งก็เป็นการล่วงเกินเหมือนกัน ตอนนี้ทำได้เพียงกอดขาโค่วเหวินหลานไว้แน่นๆ สวีถังหรานตัดสินใจแน่วแน่ พอเดินเข้าไปก็เรียกได้ว่าซ้อมอย่างบ้าคลั่ง ซ้อมจนเซี่ยโห้วหลงเฉิงร้องโอดโอย โวยวายว่าจะเล่นงานสวีถังหรานให้ถึงตาย

ว่ากันตามจริง ในเมื่อซ้อมไปแล้ว สวีถังหรานก็อยากจะซ้อมให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงตายไปเสียเลย แต่โค่วเหวินหลานไม่ได้ออกคำสั่ง เขาเองก็ไม่กล้าซ้อมจนเซี่ยโห้วหลงเฉิงตาย ถึงอย่างไรหากเกิดเรื่องก็ยังต้องให้โค่วเหวินหลานออกหน้ารับผิดชอบให้ ถ้าโค่วเหวินหลานไม่รับผิดชอบให้ หากเขาซ้อมจนเซี่ยโห้วหลงเฉิงตายจริงๆ แบบนั้นเขาก็ต้องตายสถานเดียว อำนาจที่หนุนหลังเซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่ใช่สิ่งที่เขาจะต้านทานไหว

เหมียวอี้ที่ค้นหาสมบัติของเพื่อนร่วมงานอยู่ข้างหลังเอบเงยหน้ามองขึ้นมาข้างบน ในใจรู้สึกขำมาก ที่จริงเขาก็อยากจะไปซ้อมเซี่ยโห้วหลงเฉิงสักยก ถึงอย่างไรเขาก็ล่วงเกินเซี่ยโห้วหลงเฉิงไปรุนแรงมากแล้ว ไม่ถือสาที่จะล่วงเกินเพิ่มอีกสักครั้ง

แต่จะว่าไปแล้ว ก็เป็นเรื่องที่ชัดเจนมาก โค่วเหวินหลานเองก็ไม่กล้าทำเซี่ยโห้วหลงเฉิงเหมือนกัน ในเมื่อทำให้ตายไม่ได้ ถ้าให้เขาเอาแต่ล่วงเกินเซี่ยโห้วหลงเฉิงอยู่คนเดียว จะไม่เป็นการกดดันให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงยอมแลกทุกอย่างมาสู้ตายกับเขาเหรอ ให้สวีถังหรานช่วยแบ่งเบาความแค้นไปสักหน่อยจะดีกว่า การที่สวีถังหรานซ้อมครั้งนี้ กอปรกับสร้างผลงานกำจัดเฮยหวังให้โค่วเหวินหลาน เมื่อกลับไปแล้ว คาดว่าคนแรกที่เซี่ยโห้วหลงเฉิงคิดถึงคงจะเป็นคือสวีถังหราน บางทีอาจไม่ต้องให้เหมียวอี้มาปิดปาก เซี่ยโห้วหลงเฉิงอาจจะช่วยจัดการให้แทน

พื้นที่เล็กนิดเดียวแค่นี้ ไม่เกินความสามารถในการค้นหาด้วยพลังอิทธิฤทธิ์ ไม่นานก็เก็บเสร็จแล้ว แต่เขาก็ยังก้มหน้าหาต่อไป ข้างบนยังซ้อมไม่เสร็จ เขาก็จะแกล้งเก็บไม่เสร็จเหมือนกัน

สวีถังหรานเทียบกับเหมียวอี้ไม่ติด เหมียวอี้ยังมีทางหนีทีไล่ อย่างมากก็แค่ไปหลบที่พิภพเล็ก แต่สวีถังหรานไม่มีทางหนีทีไล่อะไร ตอนนี้ล่วงเกินเซี่ยโห้วหลงเฉิงเต็มที่แล้ว เขาทำได้เพียงกอดขาโค่วเหวินหลานเอาไว้ให้แน่น เพื่อที่จะทำให้โค่วเหวินหลานเบิกบานใจ เขาเริ่มลงมือรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ!

เมื่อเห็นเซี่ยโห้วหลงเฉิงโดนซ้อมจนกระอักเลือดแล้ว โค่วเหวินหลานก็เอามือลูบจมูก แล้วบอกว่า “พอแล้ว! หยุดเถอะ!” เขาเองก็กังวลว่าจะซ้อมเซี่ยโห้วหลงเฉิงจนตาย

สวีถังหรานเชื่อฟังมาก หยุดมือทันที เซี่ยโห้วหลงเฉิงที่เลือดไหลออกมุมปาก หอบหายใจชี้ไปที่เขา พร้อมตะคอกด้วยสีหน้าดุร้าย “ไอ้ชาติหมา เจ้ารอข้าก่อนเถอะ!”

สวีถังหรานได้ยินแล้วกลุ้มใจมาก  รีบไปวิ่งไปหาโค่วเหวินหลานแล้วประคองให้ลุกขึ้น ตั้งใจกอดขาประจบประแจง

โค่วเหวินหลานหันมองด้านล่าง “หนิวโหย่วเต๋อ เก็บเสร็จรึยัง?”

เหมียวอี้ถลันตัวกลับมาทันที ตอบว่า “ตอนแรกยังหาได้ไม่ครบขอรับ”

“ที่นี่ไม่เหมาะจะอยู่นาน หาไม่ครบก็ไม่ต้องหาแล้ว” โค่วเหวินหลานทนไม่ไหว ต่อสู้เข่นฆ่ากันแล้วมีคนตายถือเป็นเรื่องปกติมาก แสดงน้ำใจนิดหน่อยก็พอแล้ว เขาหันกลับไปแสยะยิ้มใส่เซี่ยโห้วหลงเฉิง “ไอ้หมีควายเน่า เจอกันที่ตลาดสวรรค์นะ!” กวักมือบอกใบ้ว่าจะไปแล้ว

“เฮยหวังเป็นของข้า!” ขณะที่มองดูสวีถังหรานประคองโค่วเหวินหลานเหาะออกไป เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ร้องโวยวาย รู้สึกไม่ยอมสุดๆ

เหมียวอี้ที่เหาะตามขึ้นมาทีหลังฉวยโอกาสตอนที่โค่วเหวินหลานกับสวีถังหรานไม่ได้สนใจ จู่ๆ ก็สะบัดมือโยนของสิ่งหนึ่งให้เซี่ยโห้วหลงเฉิง จากนั้นก็รีบเหาะตามขึ้นไปบนฟ้าอย่างรวดเร็ว

เซี่ยโห้วหลงเฉิงที่ใช้แขนยันพื้นอึ้งไปชั่วขณะ ค่อยๆ ก้มหน้ามองใต้แขนตัวเอง เป็นสมุนไพรเซียนซิงหัวหนึ่งต้น!

เหมียวอี้แอบโยนสมุนไพรเซียนซิงหัวให้เขาลับหลังโค่วเหวินหลานเหรอ? เซี่ยโห้วหลงเฉิงคิดตามไม่ทันไปชั่วขณะ คิดไปคิดมาก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่นี้เหมียวอี้ไม่ได้ซ้อมเขา…

เหมียวอี้ที่อยู่บนฟ้าก้มหน้ามองแวบหนึ่ง มองไปรอบๆ ภูเขาไฟด้านล่างที่ยังมีควันดำลอยออกมา ในใจรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง ธงดำนั่นคือสมบัติล้ำค่านะ น่าเสียดายที่โดนโค่วเหวินหลานทำลายไปแล้ว

เมื่อเหาะมาถึงอวกาศ สวีถังหรานประคองโค่วเหวินหลานเหาะ ส่วนเหมียวอี้ก็ไล่ตามมาเหาะเบิกทางอยู่ข้างหน้า จงใจเผยแผลตรงเอวให้โค่วเหวินหลานเห็นอย่างแนบเนียน

ตั้งใจขนาดนี้ โค่วเหวินหลานย่อมเห็นบาดแผลที่เปื้อนเลือดสดตรงเกราะรบหลังเอวของเขาแล้ว

“แค่กๆ!” หลังจากสวีถังหรานเหลือบไปเห็น ก็ไอดังๆ ทีหนึ่ง พร้อมใช้มือกุมที่หน้าท้อง ดึงดูดความสนใจให้โค่วเหวินหลานหันกลับมามอง เห็นท้องตรงเกราะรบที่มีรอยแยกมีบาดแผลจนแทบจะมีไส้ไหลออกมา

โค่วเหวินหลานย่อมดูออกว่านี่คือบาดแผลที่เกือบทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต จะเห็นได้ว่าตอนหลังต่อสู้กันดุเดือดขนาดไหน ทุ่มเทกำลังสู้สุดชีวิตจริงๆ

เขารู้สึกทอดถอนใจอยู่บ้าง พาคนมาด้วยเยอะขนาดนี้ แต่เหลืออยู่แค่สองคน แถมทั้งคู่ยังบาดเจ็บด้วย นับว่าได้สัมผัส นับว่าได้ประสบการณ์ความยากลำบากของทหารสวรรค์ที่เฝ้ารักษาการณ์พื้นที่ต่างๆ แล้ว จึงถามทั้งสองว่า “หลังจากข้าโดนขัง ข้างนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

ทั้งสองย่อมไม่บอกเรื่องที่ฆ่ากันเอง บอกเพียงว่าทุกคนร่วมแรงร่วมใจปะทะเดือดกับเฮยหวัง ถึงได้สยบเฮยหวังได้ ไม่ได้ช่วยพูดอะไรดีๆ ให้คนที่ตายไปแล้วสักเท่าไร ถึงอย่างไรคนที่ตายไปแล้วก็ไม่มีส่วนแบ่งในผลงาน

ตอนที่กลับถึงตลาดสวรรค์ที่ดาวเทียนหยวน ร่างกายของโค่วเหวินหลานก็ฟื้นตัวกลับมาแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้โค่วเหวินหลานสะอิดสะเอียนก็คือ ล้างสีดำที่ติดอยู่บนตัวไม่ออก ต่อให้ร่ายอิทธิฤทธิ์ก็กำจัดไม่ได้ เขาเป็นคนรักสะอาด จึงต้องคลุมหน้าเข้าเมือง

เหมียวอี้ยังดีหน่อย ล้างสีดำบนตัวสะอาดได้อย่างง่ายดาย เขาเดาว่าสาเหตุที่โค่วเหวินหลานดำจนดูไม่ได้แบบนี้ เกี่ยวข้องกับการที่โดนขังอยู่ในธงดำ เขาพบว่าคำว่า ‘เฮยหวัง[1]’ ช่างเป็นจริงตามชื่อ ดำจนโค่วเหวินหลานทนไม่ไหว

เมื่อกลับถึงจวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออก โค่วเหวินหลานก็ไปรายงานผลงานที่ตำหนักคุ้มเมืองทันที เตรียมจะตักตวงผลงานให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน

ส่วนทางด้านนี้ โค่วเหวินหลานเพิ่งจะออกไป เหมียวอี้ก็เอ่ยเรียกทันที “พี่สวี!”

สวีถังหรานกลัวเขานิดหน่อย กังวลตลอดว่าเจ้าบ้านี่จะฆ่าปิดปากเขา เมื่อเห็นเหมียวอี้ค่อยๆ เข้ามาประชิด เขาก็ถอยหลังอย่างช้าๆ พร้อมบอกว่า “น้องหนิว ไม่ต้องห่วง เรื่องที่ไม่ควรพูดข้าจะไม่พูดสักคำ ถ้าพูดออกไปก็ไม่เกิดผลดีอะไรกับข้า”

เหมียวอี้เองก็ไม่อ้อมค้อม พูดตรงๆ เลยว่า “ข้าค่อนข้างสนใจเขตเมืองตะวันออก เจ้าไปที่เขตเมืองตะวันตกก็แล้วกัน” เขาต้องอยากหาทางคุ้มครองฝั่งอวิ๋นจือชิวอยู่แล้ว

ที่แท้ก็เรื่องนี้ สวีถังหรานโล่งใจ พยักหน้าบอกว่า “น้องหนิวทำผลงานได้เยอะ ย่อมต้องให้น้องหนิวเลือกก่อน”

เหมียวอี้เอามือไขว้หลังเดินออกมานอกโถง มองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาอารมณ์ดีไม่เบา ถึงแม้การเดินทางครั้งนี้จำประสบอันตราย แต่หลังจากสู้รบกลับได้วางรากฐานที่มั่นคงให้ตัวเองที่ตลาดสวรรค์แล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด อีกไม่นานตนก็จะมีอำนาจตัดสินใจเรื่องต่างๆ ในเขตพื้นที่นี้ พื้นที่หนึ่งในสี่ของตลาดสวรรค์อยู่ในมือตนแล้ว!

สวีถังหรานเดินมาข้างกายเขาแล้วยิ้มสู้ “น้องหนิว เมื่อครู่นี้เจ้าก็ได้ยินที่ผู้บัญชาการโค่วบอกแล้ว ความหมายของผู้บัญชาการโค่วก็คือ จะพิจารณาผลงานของเจ้ากับข้า สมบัติของพี่น้องที่สู้รบจนตาย ให้พวกเราสองคนแบ่งกัน เจ้าว่าพวกเรามาแบ่งกันตอนนี้เลยดีมั้ย?”

เหมียวอี้พยักหน้า “ก็ได้!” พลิกมือนำแหวนเก็บสมบัติออกมาวงหนึ่ง แล้วโยนดีดไปให้เขา

สวีถังหรานกระปรี้กระเปร่าทันที นับของที่อยู่ในแหวนอย่างเฝ้าคอย หลังจากนับเสร็จแล้ว ก็ถามอย่างหน้าดำคร่ำเครียดว่า “น้องหนิว เกรงว่าของของไม่ได้มีเท่านี้หรอกมั้ง?”

เหมียวอี้ถอนหายใจแล้วตอบว่า “พี่สวี ใช่ว่าเจ้าจะไม่รู้นะ ผู้บัญชาการโค่วรีบกลับมารับผลงาน ข้าเลยหาได้ไม่ครบ ตอนนี้ก็หาได้เท่านี้แหละ ถ้าพี่สวีรังเกียจที่มันน้อยไป ก็กลับไปหาที่เขาโอนเอนอีกรอบก็ได้นะ แต่ข้าจะขอแนะนำพี่สวีสักคำว่า รักษาชีวิตไว้ได้ก็ไม่เลวแล้ว เกิดเป็นคนอย่าโลภเกินไปนัก!” ความหมายที่แฝงในคำพูดก็คือ ข้าไม่ฆ่าเจ้าทิ้งก็นับว่าเจ้าดวงชะตาแข็งแล้ว ยังคิดจะมาขอแบ่งจากข้าอีกเหรอ?

มารดาเจ้าเถอะ! สวีถังหรานแทบจะพ่นน้ำลายใส่หน้าเขา ข้างในมีอาวุธสิบกว่าชิ้นและเกราะรบสิบกว่าชิ้น ของอย่างอื่นน่าจะไม่มีแล้ว  มีมูลค่าเพียงไม่เท่าไร แถมเป็นเครื่องมือของตำหนักสวรรค์ นำออกมาขายก็ไม่สะดวก ต่อให้เจ้ายินดีขาย คนอื่นก็ไม่กล้ารับไว้!

ขนาดเขายังนับได้ว่าเหมียวอี้เก็บของไปเท่าไร ปกติในมือของทุกคนก็ไม่ได้มีสมบัติอะไรสักเท่าไร แต่ที่สำคัญคือเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ฉวยโอกาสปล้นมาจากร้านค้าที่อยู่ใกล้เคียง ทหารเลวทั้งเจ็ดได้ส่วนแบ่งไปคนละประมาณสามแสนล้านผลึกแดง รวมๆ แล้วก็สองล้านล้านกว่า ส่วนที่รองผู้บัญชาการทั้งสองได้ไปก็เท่ากับทั้งหมดที่ทหารเลวทั้งเจ็ดได้ไป ก็คือสองล้านล้านกว่า ทั้งยังมีของลูกน้องวรยุทธ์บงกชทองอีกยี่สิบกว่าคน ได้ส่วนแบ่งไปประมาณหนึ่งล้านล้าน

แค่นับของพวกนี้ก็ได้เกือบหกล้านล้านแล้ว นี่ยังไม่ได้นับรวมสมบัติเดิมของแต่ละคนเข้าไป สมบัติของลูกน้องเซี่ยโห้วหลงเฉิงจะต้องตกอยู่ในมือเจ้าบ้านั่นเหมือนกัน ทั้งยังมีสมบัติของลูกสมุนเฮยหวังอีก ทวนผลึกแดงก็โดนเจ้าบ้านั่นฮุบไปแล้ว ดังนั้นแล้ว สมบัติที่เจ้าบ้านั่นได้ไปก็มีมูลค่าอย่างน้อยหกล้านล้านผลึกแดง แต่กลับแบ่งให้ตัวเองนิดหน่อย ทำเกินไปจริงๆ!

แต่กับเรื่องแบบนี้ เจ้าก็ไม่มีหลักฐาน ถ้าอีกฝ่ายซ่อนเอาไว้ แล้วยืนกรานว่าเก็บของได้ไม่เยอะ เจ้าจะกัดอีกฝ่ายไม่ปล่อยได้เหรอ? อีกฝ่ายบอกว่าเท่าไรก็ต้องเท่านั้นสิ ทั้งสองดันก้นไม่สะอาดด้วยกันทั้งคู่ เขาเองก็ไม่กล้าไปฟ้องขอความยุติธรรมจากโค่วเหวินหลาน ถ้าสู้กันขึ้นมาอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย

สมบัติที่มีมูลค่าหกล้านล้านผลึกแดงผลึกแดงเชียวนะ! สวีถังหรานรู้สึกเหมือนมีเลือดออกในใจ แต่ก็ทำอะไรเหมียวอี้ ไม่ได้ ในเมื่ออีกฝ่ายยืนกรานว่าไม่มี แล้วเจ้าจะทำอะไรได้]jt? ต้องโทษที่ตอนนั้นตัวเองโง่เง่า นอกจากจะไม่ไปเก็บสมบัติแล้ว ยังจะไปล่วงเกินเซี่ยโห้วหลงเฉิงแบบเต็มที่อีก

สวีถังหรานโมโหจนอยากกระอักเลือด  เกิดอารมณ์ชั่ววูบอยากจะเอาหัวโขกกำแพงให้ตาย กัดฟันมองดูเหมียวอี้เดินเอามือไขว้หลังลงบันไดไปอย่างช้าๆ!

เหมียวอี้เริงร่าราวกับมีดอกไม้เบ่งบานในใจ ครั้งนี้ร่ำรวยมหาศาลแล้วจริงๆ ส่วนของร้านขายของชำซื่อตรงที่เสียไป นับว่าตักตวงกลับมาได้แล้ว!

เดิมทีคิดจะไปหาอวิ๋นจือชิว แต่คิดไปคิดมาก็ช่างเถอะ กลัวว่าสวีถังหรานจะเล่นไม่ซื่อลับหลัง เขาต้องรอให้โค่วเหวินหลานกลับมาและทำเรื่องนี้ให้เป็นทำให้เป็นรูปธรรมก่อน

เขาจึงหลบคนและนำระฆังดารามาติดต่อกับอวิ๋นจือชิว บอกว่าตัวเองกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว แต่ตอนนี้ยังติดธุระกลับจึงไปไม่ได้

ระหว่างทางตอนที่บอกให้อวิ๋นจือชิวรู้ข่าว นางก็กำชับให้เขาระวังตัว ตอนนี้กลับมาแล้วบอกให้นางรู้ ก็นับว่าทำให้นางหายห่วงแล้ว

…………………………

[1] เฮยหวัง 黑王 หมายถึงราชาแห่งสีดำ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด