พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 996 กำลังพลร่วมฝึก

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 996 กำลังพลร่วมฝึก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
บทที่ 996 กำลังพลร่วมฝึก

การสะกิดเท้าเบาๆ นี้ทำให้เหมียวอี้ตกใจ เขารีบมองไปทางเชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ หลังจากแน่ใจว่าจากมุมของพวกนางมองไม่เห็น เขาถึงได้แอบโล่งใจ แต่กลับเอนตัวเล็กน้อย ย้ายสองเท้าหลีกเลี่ยงปัญหาความยุ่งยาก แล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “ผู้จัดการร้านหวงฝู่ ข้ามีธุระจะคุยกับเถ้าแก่เนี้ยตามลำพังนิดหน่อย”

ไอ้เวรนี่บังอาจมาไล่ข้า! หวงฝู่จวินโหรวแค้นจนกัดฟันกรอด แต่ก็ยังยืนขึ้นด้วยรอยยิ้มสดใส “พี่อวิ๋น งั้นข้าไม่รบกวนเวลาของพวกท่านสองคนแล้ว”

ดังนั้นอวิ๋นจือชิวจึงลุกเดินไปส่ง พอส่งนางออกจากร้านไปแล้วถึงได้กลับมา พอเดินเข้ามาในศาลา นางก็ตบบ่าเหมียวอี้พลางถามหยอกล้อ “ผู้หญิงคนนี้สวยไม่แพ้เทพธิดาหงเฉินเลยนะ? จะให้ข้าช่วยเป็นแม่สื่อให้มั้ย แต่งเข้ามาเป็นอนุภรรยาของเจ้า?”

“อย่าพูดเหลวไหล” เหมียวอี้แกล้งโมโห “นางมาหาเจ้าทำไม?”

อวิ๋นจือชิวเหล่ตามองเขา รอยยิ้มค่อนข้างแข็งทื่อ นางเข้ามานั่งข้างเขา แล้วพลิกมือเรียกกล่องใบหนึ่งออกมา หลังจากเปิดกล่อง แผ่นหยกกล่องหนึ่งก็เผยออกมา  นางผลักไปตรงหน้าเขา ตบกล่องพร้อมบอกว่า “สมาคมวีรชนยอดเยี่ยมจริงๆ นี่คือแผนที่ดาวหลักที่เจ้าต้องการ หลังจากข้าขอให้นางช่วยเหลือ นางก็ตกปากรับคำทันที ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งเดือนก็รวบรวมอาณาเขตของพิภพใหญ่คร่าวๆ ได้แล้ว”

“ไม่ได้ทำให้นางสงสัยอะไรใช่มั้ย?” เหมียวอี้ขมวดคิ้ว

อวิ๋นจือชิวปิดกล่อง แล้วบอกว่า “เปล่า ครั้งก่อนคุยเล่นกันแล้วบังเอิญพูดถึงเรื่องนี้ ข้าเลยแกล้งทำเป็นสนใจอยากจะศึกษา ถือโอกาสไหว้วานนาง แล้วนางก็ตอบตกลง ใครจะไปรู้ล่ะว่าพวกเรากำลังคิดจะทำอะไร”

“ถ้าเชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์มีเวลาว่าง เจ้าก็ให้พวกนางช่วยหาหน่อย ยืนยันทิศทางคร่าวๆ ให้ได้ก่อน” เหมียวอี้นำก้อนโลหะกลมสีดำออกมาแล้วผลักไปตรงหน้านาง

เมื่อเห็นเขาทำท่าเหมือนไม่ค่อยสนใจเรื่องหาสมบัติ ทั้งสองเป็นสามีภรรยากันมาหลายปี อวิ๋นจือชิวมองออกทันทีว่าในใจเขามีเรื่องบางอย่าง “เป็นอะไรไปล่ะ ทำท่าเหมือนไม่ค่อยสนใจเลย?”

“ข้าเตรียมจะหาสถานที่เก็บตัวฝึกตน ไม่มีเวลามาทำเรื่องนี้” เหมียวอี้หาข้ออ้าง ยังไม่ได้บอกนางเรื่องการทดสอบ นางแบบนี้นางช่วยเหลืออะไรไม่ได้ ไม่อยากให้นางอกสั่นขวัญแขวนไปทั้งปี

เรื่องนี้เหมียวอี้บอกนางไว้ตั้งนานแล้ว อวิ๋นจือชิวรู้อยู่แก่ใจ จึงถามว่า “ไปที่ไหน? จะไปเมื่อไร? จะกลับเมื่อไร?”

“หาทะเลลึกๆ สักแห่งก็พอ ข้าไม่ได้คิดจะไปไกลหรอก อยู่ที่ดาวเทียนหยวนนี่แล้วกัน พรุ่งนี้จะออกเดินทางแล้ว จะกลับมาภายในหนึ่งปีนี้” พออธิบายให้นาง เหมียวอี้ก็ถามอีกว่า “ของที่เยารั่วเซียนหลอมสร้างให้ ทำไมยังไม่เสร็จอีกล่ะ?”

อวิ๋นจือชิวตอบว่า “เรื่องนี้ก็โทษเขาไม่ได้ ข้ากำชับให้เขาเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ อาศัยที่ตอนนี้ยังไม่มีเรื่องอะไร ไม่สู้ทำเกราะรบดีๆ ให้เจ้าสักชุดดีกว่า กอปรกับผลึกแดงบริสุทธิ์สูงไม่เหมือนผลึกอย่างอื่น เวลาจะหลอมให้ละลายก็เปลืองแรงเปลืองเวลามาก เขาทุ่มกำลังความคิดกับเรื่องนี้อยู่ แต่เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก คำนวณจากความคืบหน้าแล้ว สิ้นปีนี้ก็น่าจะเสร็จแล้ว”

สิ้นปีก็ดี ถ้าทำเสร็จก่อนการทดสอบปีหน้าก็ไม่มีปัญหาอะไร! เหมียวอี้วางใจ แล้วลุกขึ้นบอกว่า “ได้! งั้นข้ากลับก่อนนะ ที่จวนผู้บัญชาการยังมีงานต้องเตรียมนิดหน่อย ตอนกลางคืนค่อยมาอยู่กับเจ้า”

อวิ๋นจือชิวลุกขึ้นยืนตามเขา ถือโอกาสช่วยเขาจัดเสื้อผ้าที่ยับตอนนั่งให้เรียบร้อย “พรุ่งนี้ก็จะไปแล้ว คืนนี้ไปค้างกับสองพี่น้องโอวหยางเถอะ เจ้ามาหาข้าบ่อยแล้ว ได้ยินว่าเจ้าไม่ได้ไปทางนั้นมาหลายเดือนแล้วนี่ แม้แต่เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ก็ยังได้อยู่กับเจ้าเยอะกว่าพวกนางสองพี่น้องอีก ทำเกินไปหน่อยมั้ง คนก็มาอยู่ข้างกายแล้ว ถ้าเจ้าไม่ไปหาบ่อยๆ ก็คงจะฟังไม่ขึ้น ครั้งนี้เจ้าออกไปข้างนอกเกือบหนึ่งปี หัวใจคนเรามีเลือดมีเนื้อนะ เป็นผู้หญิงน่ะไม่ง่ายเลย ไม่ได้เสพสุขเหมือนผู้ชายอย่างพวกเจ้าที่ได้มีเมียหลายคนหรอก”

“รู้แล้วๆ ข้าจะไปคืนนี้แหละ!” เหมียวอี้พยักหน้า แล้วกอดจูบนางอย่างอ่อนโยนครู่หนึ่ง เสร็จแล้วถึงได้หันไปยิ้มให้เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ “ดูแลฮูหยินให้ดีนะ เรื่องที่ควรทำให้ชำนาญก็ต้องทำ อย่าให้ฮูหยินต้องกังวลทุกเรื่อง!”

“เจ้าค่ะ!” สาวใช้ทั้งสองโค้งกายส่งเขา

อวิ๋นจือชิวคล้องแขนเขาเดินไปส่งตรงข้างภูเขาปลอม แล้วก็ไม่ได้ตามออกไปอีก เพียงบอกว่า “รีบไปรีบกลับนะ ถ้าหายตัวไปอย่างไร้ข่าวคราวอีก กลับมาก็อย่าโทษว่าข้าแปรพักตร์ก็แล้วกัน”

เหมียวอี้ยื่นมือไปลูบใบหน้างามของนางครู่หนึ่ง แล้วหันตัวจากไป

พอออกจากร้านโฉมเมฆ ก็พบว่าข้างหลังมีคนเดินตาม พอหันไปมองก็เห็นเป่าเหลียนเดินตามหลังมาอีกแล้ว จึงถามอย่างแปลกใจว่า “เจ้ายังไม่กลับอีกเหรอ?”

“ข้าเดินเล่นอยู่แถวๆ นี้พอดี นึกไม่ถึงว่านายท่านจะออกมาเร็วขนาดนี้” เป่าเหลียนตอบ

เหมียวอี้พูดไม่ออก อีกฝ่ายจงรักภักดีต่อหน้าที่ เขาเองก็ว่าอะไรไม่ได้เหมือนกัน ขี้คร้านจะพูดแล้ว จึงกวักมือเรียกให้กลับพร้อมกัน

พอมาถึงประตูจวนผู้บัญชาการ เหมียวอี้ก็ขนหัวลุกอีกครั้ง เกี้ยวงามที่คุ้นตาหลังหนึ่งมาจอดอยู่ข้างประตูอีกแล้ว ถ้าไม่ใช่เกี้ยวของหวงฝู่จวินโหรวแล้วจะเป็นของใครไปได้

เมื่อเห็นม่านเกี้ยวขยับเล็กน้อย เหมียวอี้ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ถลันตัวเข้าจวนผู้บัญชาการทันที แล้วถ่ายทอดเสียงบอกทหารยามว่า “ผู้บัญชาการคนนี้มีธุระสำคัญ วันนี้ไม่พบใครทั้งนั้น!”

จะมาโทษว่าเขาเด็ดขาดไม่ได้ เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ทะเลาะเบาะแว้งอะไรกับผู้หญิงคนนี้อีก ไม่อย่างนั้นถ้าให้โอกาสนางอีก เขาก็จะปลีกตัวไม่พ้นแล้ว

พอหวงฝู่จวินโหรวโผล่ออกมาจากเกี้ยวแล้วไม่เห็นอะไร ในใจก็เหมือนจะเป็นบ้า สั่งให้ทหารยามไปรายงานทันที ทหารยามย่อมบอกสิ่งที่เหมียวอี้สั่งไว้ ทำเอานางโมโหจนกำหมัดแน่น กลับเข้าไปในเกี้ยวพร้อมใบหน้างามที่แฝงความเย็นเยียบ แล้วสั่งเสียงเย็นว่า “กลับ!”

เหมียวอี้ที่กลับถึงจวนผู้บัญชาการเตรียมงานไว้สำหรับตอนที่ตัวเองไม่อยู่ทันที เขาเรียกฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋มาพบก่อน

ในชัยภูมิถ้ำสวรรค์ เหมียวอี้ถามว่า “พี่รอง ในบรรดากลุ่มคนที่พาตัวมาจากทะเลดาวนักษัตร ใครที่โจมตีได้รวดเร็วที่สุด?”

ฝูชิงชี้ไปทางอิงอู๋ตี๋ “ย่อมต้องเป็นเจ้าสามอยู่แล้ว”

เหมียวอี้ยิ้มแห้งๆ แล้วบอกว่า “พี่สามข้าย่อมรู้อยู่แล้ว ข้าหมายถึงนอกจากพี่สามแล้ว ยังมีใครอีกมั้ยที่โจมตีได้รวดเร็ว?”

“โพ่คงทูตขวาของเจ้าสาม” ฝูชิงตอบ

อิงอู๋ตี๋ส่ายหน้าและพูดต่อว่า “ถ้าพูดถึงเรื่องความเร็วอย่างเดียว ชิงเฟิงทูตขวาของพี่รองคงจะเร็วกว่าข้าหนึ่งระดับ”

“ความเร็วของทูตขวาชิงเหนือกว่าพี่สามอีกเหรอ?” เหมียวอี้ตกใจ

อิงอู๋ตี๋ตอบกลั้วหัวเราะว่า “ทะเลดาวนักษัตรก็นับว่าเป็นสถานที่ที่ซ่อนมังกรเสือหมอบไว้ บางคนแค่ไม่ได้มีประสบการณ์และวรยุทธ์สูงเท่าพวกเราเฉยๆ หรอก ถ้าพูดถึงความสามารถอาจจะไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเราเลย ไม่อย่างนั้นเมื่อก่อนพวกเราจะต่อต้านหกปราชญ์ได้อย่างไร อาศัยแค่พวกเราสี่คนคงเป็นไปไม่ได้ เกรงว่าชิงเฟิงคงจะเป็นคนที่ทำให้ลูกน้องหกปราชญ์กลัวจนตัวสั่นที่สุด ยอดฝีมือที่ได้เจอกับเขา ส่วนใหญ่จะตายภายในหนึ่งท่าสังหาร คนที่ได้สู้กับเขาถอยหลบได้ไม่เกินสามฉื่อหรอก!”

“ตายภายในหนึ่งท่าสังหาร?” เหมียวอี้ทำสีหน้าเหลือเชื่อ นึกไม่ถึงว่าทูตขวาชิงที่โหดเหี้ยมเย็นชาจะมีความสามารถแบบนี้

ในปีนั้นตอนที่เขาอยู่ที่การปราบจลาจลทะเลดาวนักษัตร ก็ไม่เห็นว่าเลี่ยหวนออกมาตามตัวคิดบัญชีกับคนที่ทำตำหนักบรมอัคคีพัง ตอนนั้นชิงเฟิงก็ลงมือกับไต้ซือศีลเจ็ดแล้ว ถ้าการโจมตีครั้งนั้นเขาหยุดมือไม่ทัน ไต้ซือศีลเจ็ดอาจจะหลบไม่พ้นเลยก็ได้

ฝูชิงโบกมือ “จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ได้ ตายภายในหนึ่งท่าสังหารของชิงเฟิงร้ายกาจจริงๆ แต่ปัญหามันอยู่ที่ ‘หนึ่งท่า’ นี่แหละ สิ่งที่ชิงเฟิงต้องการคืออานุภาพการของหนึ่งท่า มันเฉพาะทางเกินไป ก่อนจะลงมือต้องรวบรวมพลัง ถ้าโจมตีท่านี้แล้วไม่โดนคู่ต่อสู้ ก็ต้องรวบรวมพลังอีกครั้ง ถ้าไปเจอคู่ต่อสู้ที่ไม่สามารถปลิดชีพได้ในครั้งเดียวก็ลำบากแล้ว ดังนั้นจึงเทียบกับความเร็วที่เปลี่ยนท่าได้หลากหลายและต่อเนื่องของเจ้าสามไม่ได้ ถ้าชิงเฟิงสู้กับเจ้าสามจะต้องเสียเปรียบแน่นอน!”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!” เหมียวอี้พยักหน้าช้าๆ ในใจเขาตัดสินใจได้แล้ว ถึงได้บอกเรื่องเข้าร่วมการทดสอบปีหน้าให้ทั้งสองได้รู้ เรื่องฝึกฝนทักษะการต่อสู้ย่อมต้องบอกให้ชัดเจน เพราะต้องให้พวกอิงอู๋ตี๋ช่วยเขาอีกแรง

สำหรับปัญหาความยุ่งยากที่กำลังจะมาถึงนี้ ทั้งสองต่างก็ทำสีหน้าจริงจังและหนักแน่น ย่อมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว

ดังนั้นจึงส่งต่อจวนของผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกให้ฝูชิงคุมชั่วคราว ส่วนอิงอู๋ตี๋ ชิงเฟิง โพ่คง ราชาปีศาจทะเลครามและเลี่ยหวนล้วนถูกเหมียวอี้เลือกตัว เรื่องการฝึกฝนครั้งนี้เขาครุ่นคิดเงียบๆ มาหลายปีแล้ว ถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรก็ต้องพูดให้ชัดเจน

สุดท้ายก็เรียกทั้งสี่ออกมาด้วยกัน ให้ทั้งสี่เตรียมตัว พรุ่งนี้ต้องติดตามเหมียวอี้ออกเดินทาง ชิงเฟิง โพ่คงและราชาปีศาจทะเลครามไม่มีความคิดเห็นแย้งอะไร แต่เลี่ยหวนกลับทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ “คุณชายห้า ข้าไม่อยากไป ท่านเปลี่ยนให้คนอื่นไปได้มั้ย?”

“เลี่ยหวน นับวันเจ้าชักจะกล้าขึ้นทุกวันแล้วนะ!” ฝูชิงสีหน้าเครียดขรึม

ชิงเฟิงหันกลับมาจ้องเลี่ยหวนอย่างเย็นเยียบ เลี่ยหวนโดนเขาซ้อมจนหวาดกลัว จึงหัดคอตอบว่า “ประมุขถิ่น ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อฟังคำสั่งนะ แต่คนในครอบครัวข้าออกเที่ยวหาความสำราญอยู่ข้างนอกทุกวัน ถ้าข้าไม่เฝ้าดูนางไว้ ถ้ากลับมาก็ยังไม่รู้เลยว่าจะโดนนางสวมเขากี่เขา”

หลังจากเกิดคดีหอโคมเขียว เลี่ยหวนก็โดนหูเฟยทำให้กลัวแล้วจริงๆ หูเฟยไม่ได้กลัวเขาเลย นางเองก็เป็นหนึ่งในราชาปีศาจเหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตโดนอาศัยเลี่ยหวน ถ้าผู้หญิงสามารถพึ่งพาตัวเองได้ขึ้นมา ระหว่างสามีภรรยาก็จะเกิดการแข่งขันกันได้ง่ายมาก นางยื่นคำขาดมาแล้วว่า : เลี่ยหวน เจ้ากล้าทำเรื่องผิดต่อข้า ข้าก็กล้าทำเรื่องผิดต่อเจ้า!

“เรื่องนี้จะโทษใครได้ล่ะ? ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ทิ้งไปสิ ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเอง เจ้าเป็นชายชาตรีจะกลัวอะไร!” อิงอู๋ตี๋พูดเหน็บแนม

“คุณชายสาม จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ได้นะ เป็นสามีภรรยากันคืนเดียวเท่ากับติดนี้บุญคุณกันไปร้อยวัน นี่เราเป็นสามีภรรยากันมาหลายแสนปีแล้วนะ บทจะเลิกก็เลิกได้ยังไง” เลี่ยหวนตอบด้วยสีหน้าขื่นขม

เหมียวอี้รู้สึกบันเทิงทันที “ข้าว่านะเลี่ยหวน ควากล้าหาญตอนอยู่ในเจดีย์งามวิจิตรปีนั้นหายไปไหนแล้วล่ะ นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะกลัวเมีย!”

เลี่ยหวนก้มหน้าก้มตาตอบ “คุณชายห้า ฮูหยินของท่านก็ไม่ใช่เล่นๆ เหมือนกันไม่ใช่เหรอ”

“…” คำพูดนี้ทำให้เหมียวอี้สำลัก ทุกคนก็แย่พอๆ กัน ไม่ต้องหัวเราะเยาะใครทั้งนั้น พอพูดถึงตรงนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกเชื่อมโยงไป ถ้าโดนอวิ๋นจือชิวจับได้เรื่องเขากับหวงฝู่จวินโหรวขึ้นมา ต่อไปอวิ๋นจือชิวจะล้างแค้นแบบหูเฟยหรือเปล่า จะออกเที่ยวหาความสำราญไปทั่วหรือเปล่า?

พอคิดเรื่องนี้แล้วก็กลัวจนตัวสั่นขึ้นมาทันที ในใจยิ่งมีความแน่วแน่ ว่าจะไม่ให้อวิ๋นจือชิวจับได้เรื่องตัวเองกับหวงฝู่จวินโหรวเด็ดขาด!

ในฐานะที่เปป็นพี่ใหญ่ ฝูชิงก็ไม่อาจละเลยปัญหาที่เป็นกรณีพิเศษของลูกน้อง เลี่ยหวนกับภรรยาติดตามรับใช้เขามาหลายปีแล้ว ทนมองทั้งสองเลิกกันง่ายๆ ไม่ได้จริงๆ เดิมทีหูเฟยก็ไม่ได้รักษาคุณธรรมของสตรีอยู่แล้ว เป็นอีกาสองตัว ไม่ต้องชี้ด่าว่าใครดำ ถ้าไม่ใช่เพราะมีเขาคอยควบคุม สองคนนี้ก็คงจะเลิกกันไปนานแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เจ้าห้า เจ้าต้องการให้เลี่ยหวนไปทำอะไร?”

เหมียวอี้ตอบว่า “ในปีนั้นตอนที่ข้าบุกเข้าตำหนักบรมอัคคี ข้าชอบค่ายกลเพลิงที่เขาวางไว้ คาดว่าคงมีประโยชน์กับการฝึกตนครั้งนี้”

ฝูชิงหัวเราะเบาๆ แล้วบอกว่า “งั้นก็จัดการสะดวกแล้ว ที่จริงหูเฟยคือวิญญาณจิ้งจอกไฟ นางฝึกเคล็ดวิชาธาตุไฟเหมือนกัน ถ้านางกับเลี่ยหวนร่วมมือกัน อานุภาพจะเพิ่มขึ้นเยอะมาก ในปีนั้นปราชญ์ผีซือถูเซี่ยวยังสะบักสะบอมด้วยน้ำมือสองสามีภรรยาคู่นี้ เจ้าพาไปด้วยกันก็สิ้นเรื่องแล้ว”

และนี่ก็คือเหตุผลที่เขาควบคุมสองสามีภรรยาคู่นี้ไม่ให้เลิกกันมาโดยตลอด สองคนนี้เป็นคู่หูที่ดีโดยกำเนิด ถ้าแยกกันจะทำให้กำลังรบของตำหนักดาวประจิมเสียหาย!

เลี่ยหวนพยักหน้าซ้ำๆ ทันที “คุณชายห้า พาไปด้วยกันเลยเถอะ ไม่มีธุระอะไรก็เรียกให้นางซักผ้าทำกับข้าวได้ เรียกใช้ได้เลย ไม่ต้องเกรงใจข้า” ขณะที่พูดเขาก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเล็กน้อย เหมือนอยากจะยืมมือเหมียวอี้มาระบายความโมโหในช่วงนี้

เพิ่มมาอีกคนก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร ถึงอย่างไรก็ยังมีข้อดี เหมียวอี้พยักหน้าตกลงทันที เรื่องราวก็ถูกกำหนดอย่างนี้แล้ว

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด