พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 176 คู่แรก

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 176 คู่แรก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 176 คู่แรก

ในใจกลางของลานประลอง เจียงซิงเฉิงและกู่เจียเฉิงยืนเผชิญหน้ากัน

เจียงซิงเฉิงเดิมเป็นนักศึกษาจากคณะศาสตร์ยุทธ แต่เขาอยู่ในอันดับที่ 10 มาโดยตลอด ส่วนกู่เจียเฉิงก็เป็นที่ 1 มาโดยตลอด

พรสวรรค์ของกู่เจียเฉิงนั้นนับได้ว่าเป็นของจริง วัดได้จากในก่อนหน้าที่จ้าวเหมิงลู่จะเจอกับหลิงตู้ฉิง ระดับการบ่มเพาะของพวกเขานั้นตีคู่เท่าเทียมกันมาโดยตลอด ทั้งที่จ้าวเหมิงลู่นั้นมีข้อได้เปรียบมากกว่านั่นก็คือนางได้รับการชี้แนะจากจ้าวปาเทียนอยู่ตลอดเวลา แต่เส้นทางการบ่มเพาะของกู่เจียเฉิงนั้นพึ่งพาแต่เพียงพรสวรรค์และความมุมานะของเขาแต่เพียงอย่างเดียว

ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญอันดับ 1 ของคณะศาสตร์ยุทธได้ออกมาท้าทายอดีตผู้เชี่ยวชาญอันดับ 10 ของคณะศาสตร์ยุทธ นี่เป็นการประลองที่ทุกคนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

การประลองของคนทั้งคู่ที่ความแข็งแกร่งห่างกันมากถึงเพียงนี้ จะเป็นตัวชี้วัดได้เป็นอย่างดีว่าศาลาศักดิ์สิทธิ์มีความสามารถเพียงใดในการฝึกฝนเหล่านักศึกษาในคณะของตนเอง

“เจ้าเริ่มก่อน ข้าอยากจะดูนักว่าเจ้าที่ได้ฝึกในศาลาศักดิ์สิทธิ์มามากว่า 6 เดือนจะมีอะไรดีขึ้นมาบ้าง!” กู่เจียเฉิงพูดกับเจียงซิงเฉิงอย่างดูแคลน

เจียงซิงเฉิงหัวเราะและพูดว่า “ข้าเองก็ไม่ได้ฉลาดอะไรนักหรอก ข้าออกจะโดนอาจารย์หลิงดุด่าอยู่เป็นประจำ แต่โชคดีที่เขาไม่เคยยอมแพ้ที่จะสอนข้า นี่จึงทำให้ข้าได้พัฒนาตัวเองจนมั่นใจว่าข้าจะชนะเจ้าแน่นอน!”

กู่เจียเฉิงตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มั่นใจได้ขนาดนี้ก็ดี! แสดงสิ่งที่เจ้าได้เรียนรู้มาให้ข้าดู ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”

กู่เจียเฉิงที่ได้รับการบอกเล่ามาจากอาจารย์หลายคนแล้ว เขารู้ว่าศาลาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คณะที่ธรรมดา ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะดูหมิ่นศาลาศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่ามันจะมีบางประโยคที่เขาอยากจะด่าออกไปแต่เขาก็เลือกเก็บมันไว้ในใจ เขาไม่กล้าที่จะพูดออกมาดัง ๆ

อย่างไรก็ตาม สำหรับเจียงซิงเฉิงเขาไม่ได้สุภาพขนาดนั้น

เจียงซิงเฉิงหัวเราะ “พี่กู่ มันจะดีกว่าถ้าท่านเริ่มก่อน! ถึงข้าเองจะอยู่ในศาลาศักดิ์สิทธิ์มานาน แต่ข้าก็พึ่งได้เรียนรู้เพลงกระบี่มาเพียงท่าเดียว และเพลงกระบี่นี้มันรุนแรงมาก ๆ ข้าเกรงว่าหากท่านให้ข้าเริ่มก่อน และข้าได้ใช้เพลงกระบี่ที่ข้าบรรลุมาออกไป ท่านจะไม่มีโอกาสได้ตอบโต้ข้าอีกเลย!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงซิงเฉิง กู่เจียเฉิงรู้สึกโกรธมาก เขาแทงกระบี่ยาวในมือของเขาไปยังเจียงซิงเฉิงและพูดอย่างเย็นชาว่า “เพื่อแสดงความเคารพในฐานะที่เจ้าเป็นนักศึกษาของศาลาศักดิ์สิทธิ์ ข้าได้เริ่มก่อนให้เจ้าแล้ว เอาล่ะตอนนี้ถึงตาเจ้าบ้างแล้วที่จะแสดงความสามารถของเจ้าออกมาให้ข้าดู ว่าที่ผ่านมาเจ้าดีขึ้นอย่างที่ปากเจ้าพูดไว้รึเปล่า!”

เจียงซิงเฉิงหลบกระบี่ได้อย่างง่ายดาย เขาส่ายหัวและพูดว่า “ถ้าพี่กู่ยังคงยืนกราน ดังนั้น ข้าก็จะไม่เกรงใจใช้กระบวนท่าที่ข้าพึ่งเรียนรู้มากับท่านเดี๋ยวนี้! กระบวนท่านี้ที่ข้ากำลังจะใช้ ท่านอาจจะคงเคยเห็นรูปแบบคล้าย ๆ กันมาก่อน เนื่องจากมันถูกดัดแปลงมาจากเพลงกระบี่ของตระกูลข้า ชื่อกระบวนท่านี้ข้าตั้งชื่อให้มันว่า เพลงกระบี่ล่องนทีสวรรค์ โปรดท่านจงระวัง!”

“หยุดพูดมากได้แล้ว โจมตีเข้ามาซะที!” กู่เจียเฉิงตะโกนกลับไปด้วยความหงุดหงิด

ในความคิดของกู่เจียเฉิงนั้น เขาคิดว่าต่อให้กระบวนท่ามันจะวิเศษวิโสขนาดไหน แต่ด้วยระดับการบ่มเพาะของพวกเขาที่ห่างกันถึง 3 ระดับ ดังนั้นความแข็งแกร่งของเขาจึงมากกว่าเจียงซิงเฉิงถึง 8 เท่า ด้วยความต่างกันของพลังถึงขนาดนี้มันจะมีอะไรที่เขาจะต้องกังวล?

เจียงซิงเฉิงไม่ได้พูดอะไรอีก เขายกกระบี่วาดขึ้นเหนือหัวและค่อย ๆ เฉือนมันไปทางกู่เจียเฉิง

เมื่อกู่เจียเฉิงเห็นเจียงซิงเฉิงใช้เพลงกระบี่นี้ เขานึกได้ทันทีว่าเขาเคยเห็นมันมาก่อน เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังที่ดูเหมือนว่าเจียงซิงเฉิงจะไม่ได้พัฒนาขึ้นเลยแม้แต่น้อย

“นี่คือสิ่งที่เจ้าได้มาจากการเรียนในศาลาศักดิ์สิทธิ์งั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าเจ้าจะเสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์มา…” กู่เจียเฉิงหัวเราะเยาะ

แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขารู้สึกว่ากระแสพลังวิญญาณที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากกระบี่ของเจียงซิงเฉิงนั้นได้แปรเปลี่ยนคล้ายกับกระแสการไหลของสายน้ำอันเชี่ยวกราก ซึ่งตอนนี้กำลังตกลงมาจากท้องฟ้าใส่ตัวเขาตามการควบคุมด้วยพลังวิญญาณของกระบี่ในมือเจียงซิงเฉิง

กู่เจียเฉิง เมื่อสัมผัสพลังที่รุนแรงเช่นนี้เขาไม่กล้าที่จะประมาท เขารีบโคจรพลังวิญญาณขึ้นถึงจุดขีดสุดทันที และฟาดกระบี่ของตนเองขึ้นไปรับเพลงกระบี่ของเจียงซิงเฉิงพร้อมกับตะโกนว่า “ต่อให้เจ้าจะเลียนแบบกระแสการไหลของสายน้ำได้แล้วมันจะยังไงกัน? เจ้าดูข้าไว้ให้ดี ข้าคนนี้จะเป็นคนทำลายเพลงกระบี่ที่เจ้าภูมิใจนักหนานี้ด้วยตัวข้าเองให้เจ้าดู!”

หากเขาเจอกับเพลงกระบี่เช่นนี้ในอดีต กู่เจียเฉิงคงอาจไม่เข้าใจว่านี่เป็นการโจมตีแบบใดและมันคงทำให้เขาพ่ายแพ้อย่างงุนงง

แต่หลังจากได้รับคำชี้แนะจากอาจารย์จำนวนมากในคณะอย่างเข้มข้น เขาก็เข้าใจว่าเขาต้องทำลายจุดศูนย์รวมปราณของเพลงกระบี่ออกไป มิฉะนั้นหากจุดศูนย์รวมปราณกระบี่ของเจียงซิงเฉิงไม่ถูกทำลายไปก่อน เพลงกระบี่นี้มันจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ และเขาก็จะแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย

“สายเกินไป!” ตู้กู่หยางเจียนที่เฝ้าดูจากด้านข้างส่ายหัว “แม้แต่ข้าเองยังหยุดเพลงกระบี่นี้ไม่ได้ เขาก็คงไม่มีทางหยุดมันได้เช่นกัน”

อาจารย์คนอื่น ๆ ที่เห็นเช่นนี้ต่างก็พากันส่ายหัวเช่นกัน

กู่เจียเฉิง ในตอนนี้เขาเสยกระบี่ขึ้นไปหากระแสพลังของเพลงกระบี่หมายจะทำลายจุดศูนย์รวมปราณกระบี่ของเจียงซิงเฉิงให้ได้ แต่น่าเสียดายหลังจากที่กระบี่ของเขาได้เข้าไปอยู่ในกระแสของเพลงกระบี่แล้ว เขาจึงพึ่งรู้ตัวได้ทันทีว่าเพลงกระกี่ที่เขาเผชิญอยู่นั้นมันไม่ใช่มีแต่เพียงพลังปราณกระบี่อยู่อย่างเดียว แต่มันกลับมีพลังแห่งสายน้ำ ‘ของแท้’ ประกอบอยู่ด้วย

เมื่อกระบี่ของเขาปะทะกับพลังเช่นนี้ กู่เจียเฉิงนั้นไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย พลังกระบี่ของเขาถูกทำลายด้วยปราณกระบี่ของเจียงซิงเฉิง ส่วนการเคลื่อนไหวของเขาถูกล็อคไว้ด้วยพลังแห่งสายน้ำจนเขาไม่สามารถขยับตัวได้

ขณะนี้เขาเพียงได้แค่ยืนนิ่งมองปราณกระบี่ของเจียงซิงเฉิงที่พึ่งทำลายพลังกระบี่ของเขาไปหยก ๆ และมันกำลังจะพุ่งเข้ามาบั่นคอเขาในวินาทีถัดไป

กู่ซิงเฉิงที่รู้ตัวว่าตอนนี้เขาคงทำอะไรไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เขายืนหลับตารอรับความตายแต่โดยดี

“เจ้าแพ้แล้ว!” เจียงซิงเฉิงพูดขึ้น ในขณะที่ยืนอยู่ตรงหน้ากู่เจียเฉิง

กู่เจียเฉิงลืมตาขึ้นและเห็นว่าเจียงซิงเฉิงได้เก็บกระบี่ของตัวเองเข้าไปในฝักเรียบร้อยแล้ว และเสื้อผ้าที่เปียกปอนของเขาบ่งบอกได้ว่าเพลงกระบี่ที่เขาพึ่งเผชิญเมื่อสักครู่มันไม่ใช่แค่พลังจากกระบี่เพียงอย่างเดียว

เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้เขาจึงไม่รู้จะพูดอะไรต่อ จึงได้แต่ยืนมองไปยังเจียงซิงเฉิงอย่างเงียบงัน

จริง ๆ แล้วกู่เจียเฉิงไม่ใช่คนเดียวที่เงียบ อาจารย์คนอื่น ๆ ก็เงียบเช่นกัน

เนื่องจากสายตาของพวกเขาสามารถมองเห็นพลังแห่งกฎอันลึกซึ้งที่อยู่เบื้องหลังเพลงกระบี่ของเจียงซิงเฉิงได้อย่างชัดเจน

ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเจียงซิงเฉิงอ่อนแอเกินไป และความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับ เต๋าแห่งกระบี่ต่ำเกินไป

จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตถ้าเจียงซิงเฉิงบรรลุเต๋าแห่งกระบี่ในระดับสูงได้แล้ว? แล้วเพลงกระบี่เมื่อสักครู่ที่พวกเขาได้เห็นกันมันจะรุนแรงได้ถึงขนาดไหนกัน?

กู่เจียเฉิงเดินลงมาอย่างหดหู่ เขารู้สึกเสมอว่าเขาไม่ได้ด้อยไปกว่านักศึกษาของศาลาศักดิ์สิทธิ์ แต่วันนี้เขาเห็นว่าช่องว่างได้ปรากฏขึ้นแล้ว

นี่น่ะเหรอคือความสามารถของศาลาศักดิ์สิทธิ์? และจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาสามารถเข้าเรียนที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์ได้?

เขาก้มหัวลงและคิดกับตัวเอง

“อย่าเพิ่งหมดกำลังใจไป อย่างน้อย ๆ เจ้าก็ได้พยายามแล้วอย่างเต็มที่ และอันที่จริงแล้วมันก็เป็นเพราะพวกข้าเองที่ไม่ดีพอเท่ากับบรรดาอาจารย์ที่อยู่ในศาลาศักดิ์สิทธิ์ด้วย จึงทำให้ช่องว่างระหว่างเจ้ากับเขามันห่างกันเกินไป” จิ๋นห้าวหมิงปลอบโยนกู่เจียเฉิงที่เดินมาอยู่ข้าง ๆ

กู่เจียเฉิงเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “อาจารย์ข้าอยากขออนุญาตท่านเข้าเรียนที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์ โปรดอนุญาตข้าด้วย!”

จิ๋นห้าวหมิงหัวเราะ “ยังมีเวลาอีก 1 เดือนก่อนศาลาศักดิ์สิทธิ์จะรับสมัครคนเข้าใหม่ ถ้าเจ้าสามารถเข้าศาลาศักดิ์สิทธิ์ได้จริง ๆ ไม่เพียงแต่ข้าจะไม่ผิดหวัง ข้าจะภูมิใจในตัวเจ้าด้วย! เอาล่ะ ตอนนี้เรามาตั้งใจดูคนอื่นประลองกันต่อเถอะ”

ในลานประลอง แม้แต่กู่เจียเฉิงยังแพ้ภายในหนึ่งเพลงกระบี่ ส่งผลให้คนอื่น ๆ มองไปที่เจียงซิงเฉิงด้วยความหวั่นเกรงจนไม่มีใครกล้าท้าทายเขาต่อ

บรรดานักศึกษาคนอื่นจึงเปลี่ยนแผนของพวกเขา พุ่งเป้าไปเลือกคนอื่นที่ดูอ่อนแอกว่าเจียงซิงเฉิงแทน

ไป๋หลิงหยุน นักศึกษาที่อยู่ในอันดับ 2 ของคณะศาสตร์ยุทธ ก้าวตัวออกมาข้างหน้าและมองไปที่บรรดานักศึกษาของศาลาศักดิ์สิทธิ์

หลังจากมองดูสักพัก เขาก็ตะโกนขึ้นเสียงดีงให้ทุกคนได้ยิน “ข้าขอท้าหมิงจู้!”

ในอดีต หมิงจู้เคยเป็นนักศึกษาที่อยู่ในคณะศาสตร์ยุทธ และนางมักได้รับการจัดอันดับอยู่ที่อันดับ 20 แทบจะตลอด

ไป๋หลิงหยุนที่รู้ข้อมูลนี้อยู่แล้วเขาจึงคิดไปเอง ไม่ว่าหมิงจู้จะน่ากลัวเพียงใด แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่นางจะแข็งแกร่งไปกว่าเจียงซิงเฉิง

“พลาดแล้วจริง ๆ มีคนอื่นตั้งมากมายให้เขาเลือกท้าประลอง แต่นี่เขากลับดันไปท้าประลองหมิงจู้แทนซะอย่างนั้น!” เหวินเต๋ากระซิบกระซาบกับเจียงซิงเฉิง “เป็นไปได้ไหมที่เขาไม่รู้ว่าหมิงจู้เป็นคนครอบครัวเดียวกับอาจารย์หลิง”

แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะอยู่ในศาลาศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน แต่พวกเขาที่เป็นเพียงแค่นักศึกษาในคณะกับหมิงจู้ที่เป็นถึงลูกสะใภ้ของหลิงตู้ฉิง การชี้แนะที่พวกเขาได้รับย่อมแตกต่างกันอย่างมากแน่นอน

ส่วนความแข็งแกร่งของหมิงจู้นั้นมีมากแค่ไหน เหล่านักศึกษาของศาลาศักดิ์สิทธิ์นั้นยังไม่มีใครรู้เช่นกัน

อย่างไรก็ตามพวกเขามั่นใจว่าหมิงจู้แข็งแกร่งกว่าพวกเขามาก

เจียงซิงเฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม “นอกจากพวกเราแล้วไม่มีใครรู้อะไรเกี่ยวกับหมิงจู้เลย!”

“กล่าวอีกนัยหนึ่ง ไป๋หลิงหยุนถึงคราวซวยแล้ว!” เหวินเต๋าหัวเราะอย่างสะใจ

“จับตาดูให้ดี หมิงจู้กำลังจะเริ่มโจมตีแล้ว!” เจียงซิงเฉิงเตือนทุกคนขึ้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 176 คู่แรก

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 176 คู่แรก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 176 คู่แรก

ในใจกลางของลานประลอง เจียงซิงเฉิงและกู่เจียเฉิงยืนเผชิญหน้ากัน

เจียงซิงเฉิงเดิมเป็นนักศึกษาจากคณะศาสตร์ยุทธ แต่เขาอยู่ในอันดับที่ 10 มาโดยตลอด ส่วนกู่เจียเฉิงก็เป็นที่ 1 มาโดยตลอด

พรสวรรค์ของกู่เจียเฉิงนั้นนับได้ว่าเป็นของจริง วัดได้จากในก่อนหน้าที่จ้าวเหมิงลู่จะเจอกับหลิงตู้ฉิง ระดับการบ่มเพาะของพวกเขานั้นตีคู่เท่าเทียมกันมาโดยตลอด ทั้งที่จ้าวเหมิงลู่นั้นมีข้อได้เปรียบมากกว่านั่นก็คือนางได้รับการชี้แนะจากจ้าวปาเทียนอยู่ตลอดเวลา แต่เส้นทางการบ่มเพาะของกู่เจียเฉิงนั้นพึ่งพาแต่เพียงพรสวรรค์และความมุมานะของเขาแต่เพียงอย่างเดียว

ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญอันดับ 1 ของคณะศาสตร์ยุทธได้ออกมาท้าทายอดีตผู้เชี่ยวชาญอันดับ 10 ของคณะศาสตร์ยุทธ นี่เป็นการประลองที่ทุกคนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

การประลองของคนทั้งคู่ที่ความแข็งแกร่งห่างกันมากถึงเพียงนี้ จะเป็นตัวชี้วัดได้เป็นอย่างดีว่าศาลาศักดิ์สิทธิ์มีความสามารถเพียงใดในการฝึกฝนเหล่านักศึกษาในคณะของตนเอง

“เจ้าเริ่มก่อน ข้าอยากจะดูนักว่าเจ้าที่ได้ฝึกในศาลาศักดิ์สิทธิ์มามากว่า 6 เดือนจะมีอะไรดีขึ้นมาบ้าง!” กู่เจียเฉิงพูดกับเจียงซิงเฉิงอย่างดูแคลน

เจียงซิงเฉิงหัวเราะและพูดว่า “ข้าเองก็ไม่ได้ฉลาดอะไรนักหรอก ข้าออกจะโดนอาจารย์หลิงดุด่าอยู่เป็นประจำ แต่โชคดีที่เขาไม่เคยยอมแพ้ที่จะสอนข้า นี่จึงทำให้ข้าได้พัฒนาตัวเองจนมั่นใจว่าข้าจะชนะเจ้าแน่นอน!”

กู่เจียเฉิงตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มั่นใจได้ขนาดนี้ก็ดี! แสดงสิ่งที่เจ้าได้เรียนรู้มาให้ข้าดู ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”

กู่เจียเฉิงที่ได้รับการบอกเล่ามาจากอาจารย์หลายคนแล้ว เขารู้ว่าศาลาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คณะที่ธรรมดา ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะดูหมิ่นศาลาศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่ามันจะมีบางประโยคที่เขาอยากจะด่าออกไปแต่เขาก็เลือกเก็บมันไว้ในใจ เขาไม่กล้าที่จะพูดออกมาดัง ๆ

อย่างไรก็ตาม สำหรับเจียงซิงเฉิงเขาไม่ได้สุภาพขนาดนั้น

เจียงซิงเฉิงหัวเราะ “พี่กู่ มันจะดีกว่าถ้าท่านเริ่มก่อน! ถึงข้าเองจะอยู่ในศาลาศักดิ์สิทธิ์มานาน แต่ข้าก็พึ่งได้เรียนรู้เพลงกระบี่มาเพียงท่าเดียว และเพลงกระบี่นี้มันรุนแรงมาก ๆ ข้าเกรงว่าหากท่านให้ข้าเริ่มก่อน และข้าได้ใช้เพลงกระบี่ที่ข้าบรรลุมาออกไป ท่านจะไม่มีโอกาสได้ตอบโต้ข้าอีกเลย!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงซิงเฉิง กู่เจียเฉิงรู้สึกโกรธมาก เขาแทงกระบี่ยาวในมือของเขาไปยังเจียงซิงเฉิงและพูดอย่างเย็นชาว่า “เพื่อแสดงความเคารพในฐานะที่เจ้าเป็นนักศึกษาของศาลาศักดิ์สิทธิ์ ข้าได้เริ่มก่อนให้เจ้าแล้ว เอาล่ะตอนนี้ถึงตาเจ้าบ้างแล้วที่จะแสดงความสามารถของเจ้าออกมาให้ข้าดู ว่าที่ผ่านมาเจ้าดีขึ้นอย่างที่ปากเจ้าพูดไว้รึเปล่า!”

เจียงซิงเฉิงหลบกระบี่ได้อย่างง่ายดาย เขาส่ายหัวและพูดว่า “ถ้าพี่กู่ยังคงยืนกราน ดังนั้น ข้าก็จะไม่เกรงใจใช้กระบวนท่าที่ข้าพึ่งเรียนรู้มากับท่านเดี๋ยวนี้! กระบวนท่านี้ที่ข้ากำลังจะใช้ ท่านอาจจะคงเคยเห็นรูปแบบคล้าย ๆ กันมาก่อน เนื่องจากมันถูกดัดแปลงมาจากเพลงกระบี่ของตระกูลข้า ชื่อกระบวนท่านี้ข้าตั้งชื่อให้มันว่า เพลงกระบี่ล่องนทีสวรรค์ โปรดท่านจงระวัง!”

“หยุดพูดมากได้แล้ว โจมตีเข้ามาซะที!” กู่เจียเฉิงตะโกนกลับไปด้วยความหงุดหงิด

ในความคิดของกู่เจียเฉิงนั้น เขาคิดว่าต่อให้กระบวนท่ามันจะวิเศษวิโสขนาดไหน แต่ด้วยระดับการบ่มเพาะของพวกเขาที่ห่างกันถึง 3 ระดับ ดังนั้นความแข็งแกร่งของเขาจึงมากกว่าเจียงซิงเฉิงถึง 8 เท่า ด้วยความต่างกันของพลังถึงขนาดนี้มันจะมีอะไรที่เขาจะต้องกังวล?

เจียงซิงเฉิงไม่ได้พูดอะไรอีก เขายกกระบี่วาดขึ้นเหนือหัวและค่อย ๆ เฉือนมันไปทางกู่เจียเฉิง

เมื่อกู่เจียเฉิงเห็นเจียงซิงเฉิงใช้เพลงกระบี่นี้ เขานึกได้ทันทีว่าเขาเคยเห็นมันมาก่อน เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังที่ดูเหมือนว่าเจียงซิงเฉิงจะไม่ได้พัฒนาขึ้นเลยแม้แต่น้อย

“นี่คือสิ่งที่เจ้าได้มาจากการเรียนในศาลาศักดิ์สิทธิ์งั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าเจ้าจะเสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์มา…” กู่เจียเฉิงหัวเราะเยาะ

แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขารู้สึกว่ากระแสพลังวิญญาณที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากกระบี่ของเจียงซิงเฉิงนั้นได้แปรเปลี่ยนคล้ายกับกระแสการไหลของสายน้ำอันเชี่ยวกราก ซึ่งตอนนี้กำลังตกลงมาจากท้องฟ้าใส่ตัวเขาตามการควบคุมด้วยพลังวิญญาณของกระบี่ในมือเจียงซิงเฉิง

กู่เจียเฉิง เมื่อสัมผัสพลังที่รุนแรงเช่นนี้เขาไม่กล้าที่จะประมาท เขารีบโคจรพลังวิญญาณขึ้นถึงจุดขีดสุดทันที และฟาดกระบี่ของตนเองขึ้นไปรับเพลงกระบี่ของเจียงซิงเฉิงพร้อมกับตะโกนว่า “ต่อให้เจ้าจะเลียนแบบกระแสการไหลของสายน้ำได้แล้วมันจะยังไงกัน? เจ้าดูข้าไว้ให้ดี ข้าคนนี้จะเป็นคนทำลายเพลงกระบี่ที่เจ้าภูมิใจนักหนานี้ด้วยตัวข้าเองให้เจ้าดู!”

หากเขาเจอกับเพลงกระบี่เช่นนี้ในอดีต กู่เจียเฉิงคงอาจไม่เข้าใจว่านี่เป็นการโจมตีแบบใดและมันคงทำให้เขาพ่ายแพ้อย่างงุนงง

แต่หลังจากได้รับคำชี้แนะจากอาจารย์จำนวนมากในคณะอย่างเข้มข้น เขาก็เข้าใจว่าเขาต้องทำลายจุดศูนย์รวมปราณของเพลงกระบี่ออกไป มิฉะนั้นหากจุดศูนย์รวมปราณกระบี่ของเจียงซิงเฉิงไม่ถูกทำลายไปก่อน เพลงกระบี่นี้มันจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ และเขาก็จะแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย

“สายเกินไป!” ตู้กู่หยางเจียนที่เฝ้าดูจากด้านข้างส่ายหัว “แม้แต่ข้าเองยังหยุดเพลงกระบี่นี้ไม่ได้ เขาก็คงไม่มีทางหยุดมันได้เช่นกัน”

อาจารย์คนอื่น ๆ ที่เห็นเช่นนี้ต่างก็พากันส่ายหัวเช่นกัน

กู่เจียเฉิง ในตอนนี้เขาเสยกระบี่ขึ้นไปหากระแสพลังของเพลงกระบี่หมายจะทำลายจุดศูนย์รวมปราณกระบี่ของเจียงซิงเฉิงให้ได้ แต่น่าเสียดายหลังจากที่กระบี่ของเขาได้เข้าไปอยู่ในกระแสของเพลงกระบี่แล้ว เขาจึงพึ่งรู้ตัวได้ทันทีว่าเพลงกระกี่ที่เขาเผชิญอยู่นั้นมันไม่ใช่มีแต่เพียงพลังปราณกระบี่อยู่อย่างเดียว แต่มันกลับมีพลังแห่งสายน้ำ ‘ของแท้’ ประกอบอยู่ด้วย

เมื่อกระบี่ของเขาปะทะกับพลังเช่นนี้ กู่เจียเฉิงนั้นไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย พลังกระบี่ของเขาถูกทำลายด้วยปราณกระบี่ของเจียงซิงเฉิง ส่วนการเคลื่อนไหวของเขาถูกล็อคไว้ด้วยพลังแห่งสายน้ำจนเขาไม่สามารถขยับตัวได้

ขณะนี้เขาเพียงได้แค่ยืนนิ่งมองปราณกระบี่ของเจียงซิงเฉิงที่พึ่งทำลายพลังกระบี่ของเขาไปหยก ๆ และมันกำลังจะพุ่งเข้ามาบั่นคอเขาในวินาทีถัดไป

กู่ซิงเฉิงที่รู้ตัวว่าตอนนี้เขาคงทำอะไรไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เขายืนหลับตารอรับความตายแต่โดยดี

“เจ้าแพ้แล้ว!” เจียงซิงเฉิงพูดขึ้น ในขณะที่ยืนอยู่ตรงหน้ากู่เจียเฉิง

กู่เจียเฉิงลืมตาขึ้นและเห็นว่าเจียงซิงเฉิงได้เก็บกระบี่ของตัวเองเข้าไปในฝักเรียบร้อยแล้ว และเสื้อผ้าที่เปียกปอนของเขาบ่งบอกได้ว่าเพลงกระบี่ที่เขาพึ่งเผชิญเมื่อสักครู่มันไม่ใช่แค่พลังจากกระบี่เพียงอย่างเดียว

เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้เขาจึงไม่รู้จะพูดอะไรต่อ จึงได้แต่ยืนมองไปยังเจียงซิงเฉิงอย่างเงียบงัน

จริง ๆ แล้วกู่เจียเฉิงไม่ใช่คนเดียวที่เงียบ อาจารย์คนอื่น ๆ ก็เงียบเช่นกัน

เนื่องจากสายตาของพวกเขาสามารถมองเห็นพลังแห่งกฎอันลึกซึ้งที่อยู่เบื้องหลังเพลงกระบี่ของเจียงซิงเฉิงได้อย่างชัดเจน

ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเจียงซิงเฉิงอ่อนแอเกินไป และความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับ เต๋าแห่งกระบี่ต่ำเกินไป

จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตถ้าเจียงซิงเฉิงบรรลุเต๋าแห่งกระบี่ในระดับสูงได้แล้ว? แล้วเพลงกระบี่เมื่อสักครู่ที่พวกเขาได้เห็นกันมันจะรุนแรงได้ถึงขนาดไหนกัน?

กู่เจียเฉิงเดินลงมาอย่างหดหู่ เขารู้สึกเสมอว่าเขาไม่ได้ด้อยไปกว่านักศึกษาของศาลาศักดิ์สิทธิ์ แต่วันนี้เขาเห็นว่าช่องว่างได้ปรากฏขึ้นแล้ว

นี่น่ะเหรอคือความสามารถของศาลาศักดิ์สิทธิ์? และจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาสามารถเข้าเรียนที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์ได้?

เขาก้มหัวลงและคิดกับตัวเอง

“อย่าเพิ่งหมดกำลังใจไป อย่างน้อย ๆ เจ้าก็ได้พยายามแล้วอย่างเต็มที่ และอันที่จริงแล้วมันก็เป็นเพราะพวกข้าเองที่ไม่ดีพอเท่ากับบรรดาอาจารย์ที่อยู่ในศาลาศักดิ์สิทธิ์ด้วย จึงทำให้ช่องว่างระหว่างเจ้ากับเขามันห่างกันเกินไป” จิ๋นห้าวหมิงปลอบโยนกู่เจียเฉิงที่เดินมาอยู่ข้าง ๆ

กู่เจียเฉิงเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “อาจารย์ข้าอยากขออนุญาตท่านเข้าเรียนที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์ โปรดอนุญาตข้าด้วย!”

จิ๋นห้าวหมิงหัวเราะ “ยังมีเวลาอีก 1 เดือนก่อนศาลาศักดิ์สิทธิ์จะรับสมัครคนเข้าใหม่ ถ้าเจ้าสามารถเข้าศาลาศักดิ์สิทธิ์ได้จริง ๆ ไม่เพียงแต่ข้าจะไม่ผิดหวัง ข้าจะภูมิใจในตัวเจ้าด้วย! เอาล่ะ ตอนนี้เรามาตั้งใจดูคนอื่นประลองกันต่อเถอะ”

ในลานประลอง แม้แต่กู่เจียเฉิงยังแพ้ภายในหนึ่งเพลงกระบี่ ส่งผลให้คนอื่น ๆ มองไปที่เจียงซิงเฉิงด้วยความหวั่นเกรงจนไม่มีใครกล้าท้าทายเขาต่อ

บรรดานักศึกษาคนอื่นจึงเปลี่ยนแผนของพวกเขา พุ่งเป้าไปเลือกคนอื่นที่ดูอ่อนแอกว่าเจียงซิงเฉิงแทน

ไป๋หลิงหยุน นักศึกษาที่อยู่ในอันดับ 2 ของคณะศาสตร์ยุทธ ก้าวตัวออกมาข้างหน้าและมองไปที่บรรดานักศึกษาของศาลาศักดิ์สิทธิ์

หลังจากมองดูสักพัก เขาก็ตะโกนขึ้นเสียงดีงให้ทุกคนได้ยิน “ข้าขอท้าหมิงจู้!”

ในอดีต หมิงจู้เคยเป็นนักศึกษาที่อยู่ในคณะศาสตร์ยุทธ และนางมักได้รับการจัดอันดับอยู่ที่อันดับ 20 แทบจะตลอด

ไป๋หลิงหยุนที่รู้ข้อมูลนี้อยู่แล้วเขาจึงคิดไปเอง ไม่ว่าหมิงจู้จะน่ากลัวเพียงใด แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่นางจะแข็งแกร่งไปกว่าเจียงซิงเฉิง

“พลาดแล้วจริง ๆ มีคนอื่นตั้งมากมายให้เขาเลือกท้าประลอง แต่นี่เขากลับดันไปท้าประลองหมิงจู้แทนซะอย่างนั้น!” เหวินเต๋ากระซิบกระซาบกับเจียงซิงเฉิง “เป็นไปได้ไหมที่เขาไม่รู้ว่าหมิงจู้เป็นคนครอบครัวเดียวกับอาจารย์หลิง”

แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะอยู่ในศาลาศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน แต่พวกเขาที่เป็นเพียงแค่นักศึกษาในคณะกับหมิงจู้ที่เป็นถึงลูกสะใภ้ของหลิงตู้ฉิง การชี้แนะที่พวกเขาได้รับย่อมแตกต่างกันอย่างมากแน่นอน

ส่วนความแข็งแกร่งของหมิงจู้นั้นมีมากแค่ไหน เหล่านักศึกษาของศาลาศักดิ์สิทธิ์นั้นยังไม่มีใครรู้เช่นกัน

อย่างไรก็ตามพวกเขามั่นใจว่าหมิงจู้แข็งแกร่งกว่าพวกเขามาก

เจียงซิงเฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม “นอกจากพวกเราแล้วไม่มีใครรู้อะไรเกี่ยวกับหมิงจู้เลย!”

“กล่าวอีกนัยหนึ่ง ไป๋หลิงหยุนถึงคราวซวยแล้ว!” เหวินเต๋าหัวเราะอย่างสะใจ

“จับตาดูให้ดี หมิงจู้กำลังจะเริ่มโจมตีแล้ว!” เจียงซิงเฉิงเตือนทุกคนขึ้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+