พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 200 คุกเข่าอ้อนวอน

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 200 คุกเข่าอ้อนวอน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 200 คุกเข่าอ้อนวอน

เมื่อเห็นเหรียญตราสีดำทมิฬอันนี้ ดวงตาของหลิงตู้ฉิงก็สว่างวาบขึ้น เขาหยิบมาดูแล้วถามว่า “เหลือเวลาอีกเท่าไหร่?”

ซือโถวเหวินหยวนพูดด้วยความสลดเสียใจว่า “เหลือ 53 ปี แต่ข้าไม่มีอีก 53 ปีที่จะมีชีวิตอยู่ แม้ว่ามันจะไม่นาน แต่ข้าก็คงจะอยู่ไม่ถึงแน่นอน”

“53 ปี…” หลิงตู้ฉิงพูดซ้ำและถามต่อไปว่า “ท่านจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน?”

ซือโถวเหวินหยวนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อย่างมากสุดคือ 20 ปีหรือน้อยที่สุดคือเพียง 1 ปี ยิ่งข้าต่อสู้กับผู้คนมากเท่าไหร่อายุขัยของข้าก็จะหมดลงเร็วขึ้นเท่านั้น”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าพลางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เขาคิดอยู่พักหนึ่งและพูดว่า “ถ้าท่านต้องการเพียงแค่แลกเปลี่ยนเลือดของจื่อซิน ข้าก็สามารถทำตามเงื่อนไขของท่านได้ แต่กุญแจนี้มีค่ามากกว่าเลือดของจื่อซินมาก ดังนั้นท่านจะขาดทุนจากการแลกเปลี่ยนนี้เป็นอย่างมาก”

ซือโถวเหวินหยวนยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ข้ารู้ แต่เมื่อเทียบกับการใช้ชีวิตต่อไปมันก็คุ้มค่า ถ้าไม่ใช่เพราะข้าหมดหนทางจริง ๆ ข้าคงจะไม่แลกมันกับท่าน!”

“ข้าทำการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรมมาโดยตลอด เอาแบบนี้ก็แล้วกันข้าจะเสนอข้อตกลงที่แตกต่างออกไปให้กับท่าน” หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ข้อแลกเปลี่ยนใหม่ของข้าก็คือ ข้าจะยืดอายุให้ท่าน แต่ท่านจะต้องมาเป็นผู้ติดตามของข้าไปอีกร้อยปีและเมื่อเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเปิดขึ้น ข้าจะอนุญาตให้ท่านเข้าไปกับข้าได้”

ซือโถวเหวินหยวนพูดด้วยความตกใจ “ท่านหลิง หลังจากที่ข้าใช้เลือดที่มีสรรพคุณเดียวกับดอกไม้ฟื้นชีพแล้วมันมีโอกาสมากที่ข้าจะทะลวงขอบเขตเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ ดังนั้นแล้วข้าก็ไม่สามารถเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้อีกต่อไป แม้ว่าที่นั่นจะเป็นสถานที่มหัศจรรย์ แต่ก็เป็นที่รู้กันอยู่ว่าผนึกของเขตแดนนั้นมันจะไม่อนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ขึ้นไปสามารถเหยียบเข้าไปได้”

หลิงตู้ฉิงโบกมือและพูดว่า “อย่ากังวลเรื่องอื่นเลย ถ้าข้าพูดว่าได้ ข้าก็ทำได้ สิ่งเดียวที่ท่านต้องพิจารณาในตอนนี้คือ ท่านตัดสินใจที่จะแลกเปลี่ยนกับข้าหรือไม่? นอกจากนี้ถ้าท่านเห็นด้วยข้ากับท่าน เราจะต้องทำสัญญากัน”

ซือโถวเหวินหยวนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและพูดด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน “ถ้าข้าสามารถเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้ แน่นอนว่าข้าต้องการเข้าไป ร้อยปีนั้นไม่ถือว่าเป็นอะไรได้ แต่ข้าสงสัยว่าท่านต้องการให้ข้าทำอะไรในอีกร้อยปีข้างหน้า?”

“ท่านไม่ต้องกังวลอะไรให้มันมากนักหรอก” หลิงตู้ฉิงยิ้มแปลก ๆ “อันที่จริงข้าไม่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนอะไรกับท่านเลยด้วยซ้ำ เพราะข้าเชื่อว่าหลังจากที่ข้าแสดงบางสิ่งให้ท่านดู ท่านเองจะเป็นฝ่ายที่ร้องไห้กราบกรานขอร้องให้ข้ายอมรับท่าน แต่เนื่องจากที่ข้าเป็นคนที่ยึดมั่นในการทำข้อตกลงอย่างยุติธรรม ดังนั้นข้าจึงมอบทางเลือกให้กับท่านเอาไว้ให้ตัดสินใจด้วยตัวเองด้วยว่าจะตกลงหรือไม่”

ซือโถวเหวินหยวนมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาข้อข้องใจ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเขาที่มีฐานะเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งสวรรค์และยังเป็นผู้ที่มาจากสำนักเต๋าสวรรค์ แม้ว่าเขากำลังจะตาย เขาก็ไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ มันเกินจริงไปหรือเปล่าที่จะมีอะไรบางอย่างมาทำให้เขาต้องกราบกรานและขอที่พักพิง?

“อย่ามองข้าด้วยสายตาแบบนั้น สิ่งที่ข้าพูดไปข้ามั่นใจมันเป็นอย่างมาก เอาแบบนี้ไหมล่ะ ข้ากล้าพนันกับท่านได้เลย เมื่อถึงเวลาที่ท่านเห็นสิ่งนั้นแล้วถ้าท่านไม่คุกเข่าลงและขอร้องข้า ข้าจะมอบเลือดของจื่อซินให้ท่านไปแบบเปล่า ๆ เลยโดยที่ท่านไม่จำเป็นต้องแลกกุญแจนี้กับข้า” หลิงตู้ฉิงพูดด้วยความสนุกสนาน

“แล้วสัญญาล่ะ?” ซือโถวเหวินหยวนถามอย่างสงสัย

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “สำหรับเรื่องการทำสัญญา หากท่านทำสัญญากับข้าตอนนี้ข้อกำหนดในสัญญาจะยังคงเดิมคือท่านต้องติดตามข้าเป็นเวลา 100 ปี แต่ถ้าหากท่านทำสัญญากับข้าหลังจากเห็นสิ่งนั้นแล้วข้อกำหนดในสัญญาจะถูกเปลี่ยนไปเป็นสัญญาผูกมัดระหว่างเจ้านายและบ่าวรับใช้แทน”

ข้อสัญญาที่เปลี่ยนไปนั้นต่างกับราวฟ้ากับเหว หากในสัญญาระบุไว้ให้เป็นเพียงแค่ผู้ติดตาม ซือโถวเหวินหยวนจะยังสามารถตัดสินใจอะไรหลายอย่างด้วยตัวเองได้บ้างและเมื่อถึงเวลาครบกำหนดเขาก็จะเป็นอิสระทันที แต่ถ้าหากได้ทำสัญญาระหว่างผู้เป็นนายและบ่าวรับใช้แล้ว ซือโถวเหวินหยวนจะไม่มีวันปฏิเสธคำสั่งใด ๆ ได้เลยหากเขาถูกสั่งให้ทำโดยเจ้านายของเขา และระยะเวลาของสัญญานี้จะไม่มีกำหนดจนกว่าผู้เป็นนายจะยอมปลดปล่อยเขาด้วยความเต็มใจ

ซือโถวเหวินหยวนพูด “ถ้าหากท่านสามารถทำให้ข้าคุกเข่าอ้อนวอนได้จริง การทำสัญญาผูกมัดผู้เป็นนายกับบ่าวรับใช้มันจะนับเป็นอะไรได้?”

เขาไม่เชื่อว่าหลิงตู้ฉิงมีความสามารถที่จะทำให้เขาคุกเข่าและขอที่พักพิงได้ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาระดับ 12 เขาไม่เชื่อว่าจะมีอะไรสามารถทำให้เขายอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองได้ขนาดนั้น

“ได้เลย!” หลิงตู้ฉิงพูดพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “ท่านไปนั่งรออยู่ด้านข้างรอข้าก่อน และอย่าพยายามทำอะไรโง่ ๆ คฤหาสน์สราญรมย์ของข้าไม่ใช่ที่ที่ใครจะสัมผัสตรงนั้นตรงนี้ได้ตามที่พวกเขาต้องการ”

ซือโถวเหวินหยวนยิ้มและพูดว่า “เข้าใจแล้ว!”

ด้วยการที่เขาเป็นคนมาจากสำนักเต๋าสวรรค์ และได้รับการถ่ายทอดเคล็ดการบ่มเพาะที่พิเศษกว่าคนทั่วไป ดังนั้นเขาจึงมีความไวต่อพลังแห่งกฎของสวรรค์และโลกมากกว่าคนอื่น ๆ

เขารู้ดีว่าหากตัวเองทำอะไรโง่ ๆ ในขณะที่อยู่ภายในบริเวณคฤหาสน์แห่งนี้ เขาจะไม่มีวันรอดกลับออกไปด้านนอกได้แน่นอน ตั้งแต่แรกเขาจึงตั้งใจหยิบกุญแจของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับออกมา และทำข้อตกลงอย่างยุติธรรมโดยไร้ซึ่งเจตนาแอบแฝงอื่น

หลังจากรออยู่สักพัก เมื่อถึงช่วงเวลาบ่ายแก่ ๆ กงหนิวได้พาทุกคนกลับมาจากศาลาศักดิ์สิทธิ์

ด้วยความมั่นใจหลังจากที่รถม้าถูกปรับแต่งเรียบร้อย หลิงตู้ฉิงจึงกล้าพอที่จะส่งเด็ก ๆ ออกไปข้างนอกได้โดยที่ไม่ต้องมีเขาติดตามออกไปด้วย

ด้วยโม่หยูถังที่อยู่เคียงข้างพวกเขา ต่อให้พวกเขาจะเผชิญกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งสวรรค์ พ่อบ้านชราก็สามารถต้านทานได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง แม้พียงแค่หนึ่งลมหายใจก็เพียงพอแล้วสำหรับกลุ่มเด็กที่จะสามารถเข้าไปแอบซ่อนตัวอยู่ในรถม้า

เมื่อรถม้าลงมาถึงคฤหาสน์สราญรมย์และทุกคนก็พากันเดินออกมา

หลิงตู้ฉิงซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างเฝ้าดูปฏิกิริยาของซือโถวเหวินหยวน ส่วนซือโถวเหวินหยวนก็มองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยความประหลาดใจ

เขายังคงรอให้หลิงตู้ฉิงทำให้เขาคุกเข่าลงและอ้อนวอนด้วยความสมัครใจ!

เมื่อมองไปยังรถม้าที่กำลังมีผู้คนเดินออกมามากมาย เขาไม่ได้สนใจอะไรกับมันมากนัก เขาแค่คิดกับมันว่าเป็นเพียงพาหนะวิเศษที่บินได้

จากนั้นเขาก็ละสายตาจากรถม้ามองสังเกตไปยังผู้คนที่กำลังออกจากรถม้า

เขาไล่มองไปยังโม่หยูถังที่ออกมาแล้ว จากนั้นก็ถังชี่หยุน หวงยี่เฟย ซึ่งเขาเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของคนเหล่านี้มาหมดจากการหาข้อมูลมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเมื่อเจอตัวจริงคนเหล่านี้ก็ไม่มีอะแปลกในสายตาของเขา

แต่หลังจากนั้นมองเขากวาดตามองไปยังเหล่าลูก ๆ ของหลิงตู้ฉิง เขาถึงกับต้องขยี้ตาหลายครั้ง และจ้องมองอย่างเอาเป็นเอาตาย

เมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด ซือโถวเหวินหยวนรีบออกตัวพุ่งเข้าไปกลางวงของเหล่าเด็ก ๆ ทันที

แต่น่าเสียดายที่เขาพุ่งตัวออกไปได้เพียงแค่นิ้วเดียว ตัวเขากลับถูกตรึงค้างไว้ด้วยพลังแห่งกฎ ซึ่งถูกประทับไว้ทั่วบริเวณคฤหาสน์และถูกบังคับโดยหลิงตู้ฉิง

“ข้าต้องการนาง มอบนางให้กับข้า!” ซือโถวเหวินหยวนชี้ไปที่หลิงว่านถิงอย่างร้อนใจ

หลิงว่านถิงตะโกนสวนอย่างรวดเร็ว “ตาเฒ่าวิตถาร เจ้าต้องการจะทำอะไร!? ท่านพ่อ ตาเฒ่านี่ต้องเป็นคนวิตถารแน่นอน เขาพยายามจะรังแกข้า ท่านรีบมาจัดการเขาเร็ว ๆ”

หลิงว่านถิง นางอายุได้ 10 ขวบแล้ว และเป็นเด็กสาวที่หน้าตางดงามมาก

ตอนนี้เมื่อเห็นชายชราแปลกหน้าที่เหมือนจะมาหาพ่อของนางในคฤหาสน์ แต่แล้วจู่ ๆ เมื่อเขาเห็นนาง ชายชราผู้นี้กลับแสดงท่าทีคุกคามจะพุ่งเข้ามาหา นางจึงรู้สึกโกรธมาก

แต่หลิงตู้ฉิงไม่ได้ทำอะไร แต่เขามองไปที่ซือโถวเหวินหยวนและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นางคือลูกสาวคนที่สองของข้า หลิงว่านถิง!”

ซือโถวเหวินหยวนคุกเข่าลงต่อหน้าหลิงตู้ฉิงและพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาบนใบหน้า “ท่านหลิง ข้าขอร้องท่าน ให้นางกับข้าด้วยเถอะ!”

เมื่อเหล่าเด็ก ๆ เห็นภาพนี้ พวกเขาก็อ้าปากกว้างด้วยความตกใจ ทันใดนั้นพวกเขาก็หันไปหาหลิงว่านถิงและพูดว่า “พี่สองท่านเสร็จแน่ ถ้าท่านพ่อเห็นด้วยก็เสร็จแน่ ๆ”

หลิงว่านถิงก็ตกใจและรีบไปที่ด้านข้างของหลิงตู้ฉิง นางดึงเสื้อของหลิงตู้ฉิงและพูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกว่า “ท่านพ่อ ท่านอย่ารับปากนะ!”

หลิงตู้ฉิงยืนขึ้นลูบหัวของหลิงว่านถิงและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดอย่ากลัวไปเลย”

เขาปลอบโยนหลิงว่านถิง ก่อนจะหันไปหาซือโถวเหวินหยวนที่น้ำตาอาบแก้มและพูดว่า “ตอนนี้นางยังไปกับท่านไม่ได้ แต่ข้าจะยอมให้ท่านอยู่เคียงข้างนางและคอยปกป้องนาง ท่านไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นอาจารย์ของนาง ดังนั้นท่านสามารถเป็นได้เพียงแค่คนรับใช้ของนางเท่านั้น หากท่านเต็มใจ ข้าจะให้นางทำสัญญาเป็นเจ้านายของท่าน”

“ข้าตกลง ข้าจะทำสัญญา!” ซือโถวเหวินหยวนรีบพูด “ท่านหลิงข้าจะทำสัญญาได้อย่างไร?”

หลิงตู้ฉิงโบกมือขึ้นและเส้นใยจากหลิงจู้ก็ตกลงมาในมือของเขา เขาเขียนสัญญาระหว่างนายกับคนรับใช้และพูดกับหลิงว่านถิงว่า “ลูกพ่อ เจ้ามาลงสัญญาในช่องผู้เป็นนายกับเขาสิ”

หลิงว่านถิงมองไปที่ซือโถวเหวินหยวนด้วยความรังเกียจ และพูดว่า “ท่านพ่อ ข้าไม่ต้องการให้เขาอยู่ใกล้ ๆ ข้า เขาแก่และน่าเกลียด!”

ซือโถวเหวินหยวนยิ้มอย่างขมขื่น เขาน่าเกลียดจริงไหม? เขาไม่กล้าเถียงได้แต่พยายามแสดงรอยยิ้มที่ดูโอบอ้อมอารีให้ได้มากที่สุด

หลิงว่านถิงตะโกน “อย่ายิ้ม! รอยยิ้มของท่านมันทำให้ท่านดูน่าเกลียดกว่าเดิมอีก!”

ซือโถวเหวินหยวนทำได้เพียงแค่ทำหน้าขรึมและมองหลิงว่านถิงอย่างคาดหวัง

หลิงตู้ฉิงพูดกับหลิงว่านถิงด้วยรอยยิ้ม “เขาอ่อนแอกว่าพ่อบ้านโม่ของเจ้าเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นเอง เจ้าไม่ต้องการคนรับใช้อย่างเขางั้นเหรอ?”

“เขาจะทำตามที่ข้าบอกให้ทำไหม?” หลิงว่านถิงถามพร้อมกับเบิกตากว้าง

“แน่นอน!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า จากนั้นหลิงว่านถิงก็ทำสัญญาอย่างมีความสุข

ซือโถวเหวินหยวนแทบรอไม่ไหวที่จะลงชื่อในสัญญาและกลายเป็นคนรับใช้ของหลิงว่านถิง หลังจากทำสัญญาแล้ว ซือโถวเหวินหยวนพูดอย่างรีบเร่ง “ท่านหลิง ตอนนี้พลังของนายหญิงนั้นใกล้เคียงกับพลังธาตุนภาบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก จะเป็นอะไรไหมหากให้ข้าสอน วิชาเก้าอักขระมนตรา ให้กับนางในตอนนี้? แต่ข้าเองได้รับการถ่ายทอดมาแค่เพียง 2 คำเท่านั้น ส่วนอักขระที่เหลือคงต้องให้นายหญิงกลับไปที่สำนักเต๋าสวรรค์เพื่อเรียนรู้พวกมันเพิ่มเติมด้วยตัวเอง”

หลิงว่านถิงคร่ำครวญ “ท่านพ่อสอนข้าแล้ว ทำไมข้าต้องให้ท่านสอนข้าอีก ท่านควรทำตามคำสั่งของท่านพ่ออย่างเชื่อฟังไม่งั้นข้าจะใช้สัญญาเพื่อจัดการกับท่าน”

เมื่อพูดจบ หลิงว่านถิงก็วิ่งหนีออกไป เมื่อพ้นสายตาของคนอื่น ๆ นางก็ตบหน้าอกตัวเองและพึมพำขึ้น “เฮ้อ…เล่นเอาซะข้ากลัวแทบตาย ข้าก็นึกว่าเขาต้องการจะแต่งงานกับข้าซะอีก!”

พี่น้องคนอื่น ๆ รวมถึงหมิงจู้ที่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ พวกเขาต่างก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้ามาหานางและเริ่มล้อเลียนนาง

หลิงว่านถิง ซึ่งไม่กล้าที่จะโวยวายกับหลิงยู่ชานและหมิงจู้ นางทำได้แต่ตะคอกกลับไปยังเหล่าน้อง ๆ ของนางด้วยความโกรธ “ใครกล้าหัวเราะข้าต่ออีก ข้าจะตีปากพวกเจ้าทุกคนเลย!”

บรรดาเด็ก ๆ ที่เจอคำขู่นี้เข้าไป พวกเขาต่างก็แลบลิ้นปลิ้นตาให้กับหลิงว่านถิงและรีบแยกย้ายกันวิ่งหนีไปคนละทิศคนละทางทิ้งนางไว้คนเดียว

ซือโถวเหวินหยวน ผู้ซึ่งตกตะลึงมองไปที่หลิงตู้ฉิงและสงสัยว่า หลิงตู้ฉิงสามารถรู้จักวิชาเก้าอักขระมนตราได้อย่างไร? นี่ไม่ใช่ความลับของสำนักเต๋าสวรรค์ของเขางั้นหรือ?

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 200 คุกเข่าอ้อนวอน

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 200 คุกเข่าอ้อนวอน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 200 คุกเข่าอ้อนวอน

เมื่อเห็นเหรียญตราสีดำทมิฬอันนี้ ดวงตาของหลิงตู้ฉิงก็สว่างวาบขึ้น เขาหยิบมาดูแล้วถามว่า “เหลือเวลาอีกเท่าไหร่?”

ซือโถวเหวินหยวนพูดด้วยความสลดเสียใจว่า “เหลือ 53 ปี แต่ข้าไม่มีอีก 53 ปีที่จะมีชีวิตอยู่ แม้ว่ามันจะไม่นาน แต่ข้าก็คงจะอยู่ไม่ถึงแน่นอน”

“53 ปี…” หลิงตู้ฉิงพูดซ้ำและถามต่อไปว่า “ท่านจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน?”

ซือโถวเหวินหยวนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อย่างมากสุดคือ 20 ปีหรือน้อยที่สุดคือเพียง 1 ปี ยิ่งข้าต่อสู้กับผู้คนมากเท่าไหร่อายุขัยของข้าก็จะหมดลงเร็วขึ้นเท่านั้น”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าพลางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เขาคิดอยู่พักหนึ่งและพูดว่า “ถ้าท่านต้องการเพียงแค่แลกเปลี่ยนเลือดของจื่อซิน ข้าก็สามารถทำตามเงื่อนไขของท่านได้ แต่กุญแจนี้มีค่ามากกว่าเลือดของจื่อซินมาก ดังนั้นท่านจะขาดทุนจากการแลกเปลี่ยนนี้เป็นอย่างมาก”

ซือโถวเหวินหยวนยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ข้ารู้ แต่เมื่อเทียบกับการใช้ชีวิตต่อไปมันก็คุ้มค่า ถ้าไม่ใช่เพราะข้าหมดหนทางจริง ๆ ข้าคงจะไม่แลกมันกับท่าน!”

“ข้าทำการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรมมาโดยตลอด เอาแบบนี้ก็แล้วกันข้าจะเสนอข้อตกลงที่แตกต่างออกไปให้กับท่าน” หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ข้อแลกเปลี่ยนใหม่ของข้าก็คือ ข้าจะยืดอายุให้ท่าน แต่ท่านจะต้องมาเป็นผู้ติดตามของข้าไปอีกร้อยปีและเมื่อเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเปิดขึ้น ข้าจะอนุญาตให้ท่านเข้าไปกับข้าได้”

ซือโถวเหวินหยวนพูดด้วยความตกใจ “ท่านหลิง หลังจากที่ข้าใช้เลือดที่มีสรรพคุณเดียวกับดอกไม้ฟื้นชีพแล้วมันมีโอกาสมากที่ข้าจะทะลวงขอบเขตเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ ดังนั้นแล้วข้าก็ไม่สามารถเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้อีกต่อไป แม้ว่าที่นั่นจะเป็นสถานที่มหัศจรรย์ แต่ก็เป็นที่รู้กันอยู่ว่าผนึกของเขตแดนนั้นมันจะไม่อนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ขึ้นไปสามารถเหยียบเข้าไปได้”

หลิงตู้ฉิงโบกมือและพูดว่า “อย่ากังวลเรื่องอื่นเลย ถ้าข้าพูดว่าได้ ข้าก็ทำได้ สิ่งเดียวที่ท่านต้องพิจารณาในตอนนี้คือ ท่านตัดสินใจที่จะแลกเปลี่ยนกับข้าหรือไม่? นอกจากนี้ถ้าท่านเห็นด้วยข้ากับท่าน เราจะต้องทำสัญญากัน”

ซือโถวเหวินหยวนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและพูดด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน “ถ้าข้าสามารถเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้ แน่นอนว่าข้าต้องการเข้าไป ร้อยปีนั้นไม่ถือว่าเป็นอะไรได้ แต่ข้าสงสัยว่าท่านต้องการให้ข้าทำอะไรในอีกร้อยปีข้างหน้า?”

“ท่านไม่ต้องกังวลอะไรให้มันมากนักหรอก” หลิงตู้ฉิงยิ้มแปลก ๆ “อันที่จริงข้าไม่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนอะไรกับท่านเลยด้วยซ้ำ เพราะข้าเชื่อว่าหลังจากที่ข้าแสดงบางสิ่งให้ท่านดู ท่านเองจะเป็นฝ่ายที่ร้องไห้กราบกรานขอร้องให้ข้ายอมรับท่าน แต่เนื่องจากที่ข้าเป็นคนที่ยึดมั่นในการทำข้อตกลงอย่างยุติธรรม ดังนั้นข้าจึงมอบทางเลือกให้กับท่านเอาไว้ให้ตัดสินใจด้วยตัวเองด้วยว่าจะตกลงหรือไม่”

ซือโถวเหวินหยวนมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาข้อข้องใจ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเขาที่มีฐานะเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งสวรรค์และยังเป็นผู้ที่มาจากสำนักเต๋าสวรรค์ แม้ว่าเขากำลังจะตาย เขาก็ไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ มันเกินจริงไปหรือเปล่าที่จะมีอะไรบางอย่างมาทำให้เขาต้องกราบกรานและขอที่พักพิง?

“อย่ามองข้าด้วยสายตาแบบนั้น สิ่งที่ข้าพูดไปข้ามั่นใจมันเป็นอย่างมาก เอาแบบนี้ไหมล่ะ ข้ากล้าพนันกับท่านได้เลย เมื่อถึงเวลาที่ท่านเห็นสิ่งนั้นแล้วถ้าท่านไม่คุกเข่าลงและขอร้องข้า ข้าจะมอบเลือดของจื่อซินให้ท่านไปแบบเปล่า ๆ เลยโดยที่ท่านไม่จำเป็นต้องแลกกุญแจนี้กับข้า” หลิงตู้ฉิงพูดด้วยความสนุกสนาน

“แล้วสัญญาล่ะ?” ซือโถวเหวินหยวนถามอย่างสงสัย

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “สำหรับเรื่องการทำสัญญา หากท่านทำสัญญากับข้าตอนนี้ข้อกำหนดในสัญญาจะยังคงเดิมคือท่านต้องติดตามข้าเป็นเวลา 100 ปี แต่ถ้าหากท่านทำสัญญากับข้าหลังจากเห็นสิ่งนั้นแล้วข้อกำหนดในสัญญาจะถูกเปลี่ยนไปเป็นสัญญาผูกมัดระหว่างเจ้านายและบ่าวรับใช้แทน”

ข้อสัญญาที่เปลี่ยนไปนั้นต่างกับราวฟ้ากับเหว หากในสัญญาระบุไว้ให้เป็นเพียงแค่ผู้ติดตาม ซือโถวเหวินหยวนจะยังสามารถตัดสินใจอะไรหลายอย่างด้วยตัวเองได้บ้างและเมื่อถึงเวลาครบกำหนดเขาก็จะเป็นอิสระทันที แต่ถ้าหากได้ทำสัญญาระหว่างผู้เป็นนายและบ่าวรับใช้แล้ว ซือโถวเหวินหยวนจะไม่มีวันปฏิเสธคำสั่งใด ๆ ได้เลยหากเขาถูกสั่งให้ทำโดยเจ้านายของเขา และระยะเวลาของสัญญานี้จะไม่มีกำหนดจนกว่าผู้เป็นนายจะยอมปลดปล่อยเขาด้วยความเต็มใจ

ซือโถวเหวินหยวนพูด “ถ้าหากท่านสามารถทำให้ข้าคุกเข่าอ้อนวอนได้จริง การทำสัญญาผูกมัดผู้เป็นนายกับบ่าวรับใช้มันจะนับเป็นอะไรได้?”

เขาไม่เชื่อว่าหลิงตู้ฉิงมีความสามารถที่จะทำให้เขาคุกเข่าและขอที่พักพิงได้ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาระดับ 12 เขาไม่เชื่อว่าจะมีอะไรสามารถทำให้เขายอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองได้ขนาดนั้น

“ได้เลย!” หลิงตู้ฉิงพูดพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “ท่านไปนั่งรออยู่ด้านข้างรอข้าก่อน และอย่าพยายามทำอะไรโง่ ๆ คฤหาสน์สราญรมย์ของข้าไม่ใช่ที่ที่ใครจะสัมผัสตรงนั้นตรงนี้ได้ตามที่พวกเขาต้องการ”

ซือโถวเหวินหยวนยิ้มและพูดว่า “เข้าใจแล้ว!”

ด้วยการที่เขาเป็นคนมาจากสำนักเต๋าสวรรค์ และได้รับการถ่ายทอดเคล็ดการบ่มเพาะที่พิเศษกว่าคนทั่วไป ดังนั้นเขาจึงมีความไวต่อพลังแห่งกฎของสวรรค์และโลกมากกว่าคนอื่น ๆ

เขารู้ดีว่าหากตัวเองทำอะไรโง่ ๆ ในขณะที่อยู่ภายในบริเวณคฤหาสน์แห่งนี้ เขาจะไม่มีวันรอดกลับออกไปด้านนอกได้แน่นอน ตั้งแต่แรกเขาจึงตั้งใจหยิบกุญแจของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับออกมา และทำข้อตกลงอย่างยุติธรรมโดยไร้ซึ่งเจตนาแอบแฝงอื่น

หลังจากรออยู่สักพัก เมื่อถึงช่วงเวลาบ่ายแก่ ๆ กงหนิวได้พาทุกคนกลับมาจากศาลาศักดิ์สิทธิ์

ด้วยความมั่นใจหลังจากที่รถม้าถูกปรับแต่งเรียบร้อย หลิงตู้ฉิงจึงกล้าพอที่จะส่งเด็ก ๆ ออกไปข้างนอกได้โดยที่ไม่ต้องมีเขาติดตามออกไปด้วย

ด้วยโม่หยูถังที่อยู่เคียงข้างพวกเขา ต่อให้พวกเขาจะเผชิญกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งสวรรค์ พ่อบ้านชราก็สามารถต้านทานได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง แม้พียงแค่หนึ่งลมหายใจก็เพียงพอแล้วสำหรับกลุ่มเด็กที่จะสามารถเข้าไปแอบซ่อนตัวอยู่ในรถม้า

เมื่อรถม้าลงมาถึงคฤหาสน์สราญรมย์และทุกคนก็พากันเดินออกมา

หลิงตู้ฉิงซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างเฝ้าดูปฏิกิริยาของซือโถวเหวินหยวน ส่วนซือโถวเหวินหยวนก็มองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยความประหลาดใจ

เขายังคงรอให้หลิงตู้ฉิงทำให้เขาคุกเข่าลงและอ้อนวอนด้วยความสมัครใจ!

เมื่อมองไปยังรถม้าที่กำลังมีผู้คนเดินออกมามากมาย เขาไม่ได้สนใจอะไรกับมันมากนัก เขาแค่คิดกับมันว่าเป็นเพียงพาหนะวิเศษที่บินได้

จากนั้นเขาก็ละสายตาจากรถม้ามองสังเกตไปยังผู้คนที่กำลังออกจากรถม้า

เขาไล่มองไปยังโม่หยูถังที่ออกมาแล้ว จากนั้นก็ถังชี่หยุน หวงยี่เฟย ซึ่งเขาเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของคนเหล่านี้มาหมดจากการหาข้อมูลมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเมื่อเจอตัวจริงคนเหล่านี้ก็ไม่มีอะแปลกในสายตาของเขา

แต่หลังจากนั้นมองเขากวาดตามองไปยังเหล่าลูก ๆ ของหลิงตู้ฉิง เขาถึงกับต้องขยี้ตาหลายครั้ง และจ้องมองอย่างเอาเป็นเอาตาย

เมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด ซือโถวเหวินหยวนรีบออกตัวพุ่งเข้าไปกลางวงของเหล่าเด็ก ๆ ทันที

แต่น่าเสียดายที่เขาพุ่งตัวออกไปได้เพียงแค่นิ้วเดียว ตัวเขากลับถูกตรึงค้างไว้ด้วยพลังแห่งกฎ ซึ่งถูกประทับไว้ทั่วบริเวณคฤหาสน์และถูกบังคับโดยหลิงตู้ฉิง

“ข้าต้องการนาง มอบนางให้กับข้า!” ซือโถวเหวินหยวนชี้ไปที่หลิงว่านถิงอย่างร้อนใจ

หลิงว่านถิงตะโกนสวนอย่างรวดเร็ว “ตาเฒ่าวิตถาร เจ้าต้องการจะทำอะไร!? ท่านพ่อ ตาเฒ่านี่ต้องเป็นคนวิตถารแน่นอน เขาพยายามจะรังแกข้า ท่านรีบมาจัดการเขาเร็ว ๆ”

หลิงว่านถิง นางอายุได้ 10 ขวบแล้ว และเป็นเด็กสาวที่หน้าตางดงามมาก

ตอนนี้เมื่อเห็นชายชราแปลกหน้าที่เหมือนจะมาหาพ่อของนางในคฤหาสน์ แต่แล้วจู่ ๆ เมื่อเขาเห็นนาง ชายชราผู้นี้กลับแสดงท่าทีคุกคามจะพุ่งเข้ามาหา นางจึงรู้สึกโกรธมาก

แต่หลิงตู้ฉิงไม่ได้ทำอะไร แต่เขามองไปที่ซือโถวเหวินหยวนและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นางคือลูกสาวคนที่สองของข้า หลิงว่านถิง!”

ซือโถวเหวินหยวนคุกเข่าลงต่อหน้าหลิงตู้ฉิงและพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาบนใบหน้า “ท่านหลิง ข้าขอร้องท่าน ให้นางกับข้าด้วยเถอะ!”

เมื่อเหล่าเด็ก ๆ เห็นภาพนี้ พวกเขาก็อ้าปากกว้างด้วยความตกใจ ทันใดนั้นพวกเขาก็หันไปหาหลิงว่านถิงและพูดว่า “พี่สองท่านเสร็จแน่ ถ้าท่านพ่อเห็นด้วยก็เสร็จแน่ ๆ”

หลิงว่านถิงก็ตกใจและรีบไปที่ด้านข้างของหลิงตู้ฉิง นางดึงเสื้อของหลิงตู้ฉิงและพูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกว่า “ท่านพ่อ ท่านอย่ารับปากนะ!”

หลิงตู้ฉิงยืนขึ้นลูบหัวของหลิงว่านถิงและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดอย่ากลัวไปเลย”

เขาปลอบโยนหลิงว่านถิง ก่อนจะหันไปหาซือโถวเหวินหยวนที่น้ำตาอาบแก้มและพูดว่า “ตอนนี้นางยังไปกับท่านไม่ได้ แต่ข้าจะยอมให้ท่านอยู่เคียงข้างนางและคอยปกป้องนาง ท่านไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นอาจารย์ของนาง ดังนั้นท่านสามารถเป็นได้เพียงแค่คนรับใช้ของนางเท่านั้น หากท่านเต็มใจ ข้าจะให้นางทำสัญญาเป็นเจ้านายของท่าน”

“ข้าตกลง ข้าจะทำสัญญา!” ซือโถวเหวินหยวนรีบพูด “ท่านหลิงข้าจะทำสัญญาได้อย่างไร?”

หลิงตู้ฉิงโบกมือขึ้นและเส้นใยจากหลิงจู้ก็ตกลงมาในมือของเขา เขาเขียนสัญญาระหว่างนายกับคนรับใช้และพูดกับหลิงว่านถิงว่า “ลูกพ่อ เจ้ามาลงสัญญาในช่องผู้เป็นนายกับเขาสิ”

หลิงว่านถิงมองไปที่ซือโถวเหวินหยวนด้วยความรังเกียจ และพูดว่า “ท่านพ่อ ข้าไม่ต้องการให้เขาอยู่ใกล้ ๆ ข้า เขาแก่และน่าเกลียด!”

ซือโถวเหวินหยวนยิ้มอย่างขมขื่น เขาน่าเกลียดจริงไหม? เขาไม่กล้าเถียงได้แต่พยายามแสดงรอยยิ้มที่ดูโอบอ้อมอารีให้ได้มากที่สุด

หลิงว่านถิงตะโกน “อย่ายิ้ม! รอยยิ้มของท่านมันทำให้ท่านดูน่าเกลียดกว่าเดิมอีก!”

ซือโถวเหวินหยวนทำได้เพียงแค่ทำหน้าขรึมและมองหลิงว่านถิงอย่างคาดหวัง

หลิงตู้ฉิงพูดกับหลิงว่านถิงด้วยรอยยิ้ม “เขาอ่อนแอกว่าพ่อบ้านโม่ของเจ้าเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นเอง เจ้าไม่ต้องการคนรับใช้อย่างเขางั้นเหรอ?”

“เขาจะทำตามที่ข้าบอกให้ทำไหม?” หลิงว่านถิงถามพร้อมกับเบิกตากว้าง

“แน่นอน!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า จากนั้นหลิงว่านถิงก็ทำสัญญาอย่างมีความสุข

ซือโถวเหวินหยวนแทบรอไม่ไหวที่จะลงชื่อในสัญญาและกลายเป็นคนรับใช้ของหลิงว่านถิง หลังจากทำสัญญาแล้ว ซือโถวเหวินหยวนพูดอย่างรีบเร่ง “ท่านหลิง ตอนนี้พลังของนายหญิงนั้นใกล้เคียงกับพลังธาตุนภาบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก จะเป็นอะไรไหมหากให้ข้าสอน วิชาเก้าอักขระมนตรา ให้กับนางในตอนนี้? แต่ข้าเองได้รับการถ่ายทอดมาแค่เพียง 2 คำเท่านั้น ส่วนอักขระที่เหลือคงต้องให้นายหญิงกลับไปที่สำนักเต๋าสวรรค์เพื่อเรียนรู้พวกมันเพิ่มเติมด้วยตัวเอง”

หลิงว่านถิงคร่ำครวญ “ท่านพ่อสอนข้าแล้ว ทำไมข้าต้องให้ท่านสอนข้าอีก ท่านควรทำตามคำสั่งของท่านพ่ออย่างเชื่อฟังไม่งั้นข้าจะใช้สัญญาเพื่อจัดการกับท่าน”

เมื่อพูดจบ หลิงว่านถิงก็วิ่งหนีออกไป เมื่อพ้นสายตาของคนอื่น ๆ นางก็ตบหน้าอกตัวเองและพึมพำขึ้น “เฮ้อ…เล่นเอาซะข้ากลัวแทบตาย ข้าก็นึกว่าเขาต้องการจะแต่งงานกับข้าซะอีก!”

พี่น้องคนอื่น ๆ รวมถึงหมิงจู้ที่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ พวกเขาต่างก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้ามาหานางและเริ่มล้อเลียนนาง

หลิงว่านถิง ซึ่งไม่กล้าที่จะโวยวายกับหลิงยู่ชานและหมิงจู้ นางทำได้แต่ตะคอกกลับไปยังเหล่าน้อง ๆ ของนางด้วยความโกรธ “ใครกล้าหัวเราะข้าต่ออีก ข้าจะตีปากพวกเจ้าทุกคนเลย!”

บรรดาเด็ก ๆ ที่เจอคำขู่นี้เข้าไป พวกเขาต่างก็แลบลิ้นปลิ้นตาให้กับหลิงว่านถิงและรีบแยกย้ายกันวิ่งหนีไปคนละทิศคนละทางทิ้งนางไว้คนเดียว

ซือโถวเหวินหยวน ผู้ซึ่งตกตะลึงมองไปที่หลิงตู้ฉิงและสงสัยว่า หลิงตู้ฉิงสามารถรู้จักวิชาเก้าอักขระมนตราได้อย่างไร? นี่ไม่ใช่ความลับของสำนักเต๋าสวรรค์ของเขางั้นหรือ?

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+