พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 247 ปลดปล่อยเฉินถิงฟาง

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 247 ปลดปล่อยเฉินถิงฟาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 247 ปลดปล่อยเฉินถิงฟาง

หลังจากที่หลิงยี่เทียนสั่งการออกไป ทุกคนก็ต้องประหลาดใจเมื่อจริง ๆ แล้วความเร็วในการรวบรวมดินแดนในทวีปเทียนหยวนนั้นเร็วกว่าที่ทุกคนคิดไว้มาก

เมื่อหลิงเจิ้งสงได้เจรจากับทั้งสองอาณาจักรที่เข้ามารุกรานและได้รับคำตอบว่าทั้ง อาณาจักรจินหนิงและอาณาจักรไป๋หยวนได้ปฏิเสธที่จะยอมจำนนให้กับพวกเขา

หลิงยี่เทียนจึงส่งกองทัพศักดิ์สิทธิ์ไปยังอาณาจักรจินหนิง พร้อมกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภา 8 คน และส่งกองทัพของหลิงฉุยฟงไปยังอาณาจักรไป๋หยวนพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาอีก 8 คนเช่นกัน

เมื่อบุกโจมตีจนทั้งสองอาณาจักรพ่ายแพ้ คนทั้งราชสำนักของทั้งสองอาณาจักรซึ่งมีผู้คนจำนวนหลายร้อยคนตั้งแต่จักรพรรดิจนถึงเสนาบดีและขันทีต่าง ๆ หลิงยี่เทียนได้สั่งให้จับเป็นพวกเขาทั้งหมดและนำกลับมายังอาณาจักรจันทรา

และจากนั้นอาณาจักรจินหนิงและไป๋หยวนก็ถูกควบรวมเป็นดินแดนเดียวกับของอาณาจักรจันทรา

เมื่อเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงเดือนหลังจากที่หลิงยี่เทียนขึ้นครองราชย์ ผู้คนในอาณาจักรจันทราก็เริ่มตื่นเต้นและเริ่มนิยมชมชอบในตัวจักรพรรดิองค์ใหม่ของพวกเขา

เนื่องจากเมื่อเทียบกับเหลียงซานที่เคยเตรียมการเรื่องนี้มาหลายสิบปีแต่ก็ประสบแต่ความล้มเหลว แต่จักรพรรดิองค์ใหม่กลับรวมทวีปเทียนหยวนได้ภายใน 1 เดือน นี่คือความสำเร็จที่จักรพรรดิองค์เก่าไม่ทีทางเทียบได้ เขาสมควรถูกเรียกว่าเป็นจักรพรรดิที่ถูกส่งมาจากสวรรค์อย่างแท้จริง

และชื่อเสียงของหลิงยี่เทียนยิ่งโด่งดังเข้าไปใหญ่ เมื่อเหล่าประชาชนได้ยินว่าจักรพรรดิองค์ใหม่กำลังจะแจกโอสถกำเนิดรากฐานให้กับทุกคนในอาณาจักร และประกาศว่าทุกคนสามารถเข้าร่วมการคัดเลือกเข้าประจำการในกองทัพได้

ด้วยวิธีการบ่มเพาะของหลิงยี่เทียนที่ต้องใช้ความเชื่อมั่นของพสกนิกรในการเพิ่มระดับ เมื่อเขาเรียกคะแนนเสียงจากประชาชนของเขาได้มากเช่นนี้ระดับการบ่มเพาะของหลิงยี่เทียนจึงเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งจนมาถึงขอบเขตควบแน่นลมปราณระดับ 8

อันที่จริงถ้าหากเขาไม่พยายามข่มระดับการบ่มเพาะเอาไว้เพื่อสร้างรากฐานการบ่มเพาะให้แข็งแกร่ง ระดับการบ่มเพาะของเขาคงจะก้าวไปสู่ขอบเขตประสานทะเลปราณไปแล้ว

ในเวลาเดียวกัน หลิงว่านจุนเองก็สกัดปราณมังกรจักรพรรดิจากตราประทับหยกจักรพรรดิ และดูดมันเข้ามาในร่างกายของเขาเพื่อเพิ่มระดับการบ่มเพาะ ซึ่งระดับของเขาเองก็เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งไปจนถึงขอบเขตควบแน่นลมปราณระดับ 3 แล้วเช่นกัน

ปัจจุบัน สถานการณ์ภายในอาณาจักรจันทรามีความสามัคคีกันมาก นี่เป็นเพราะหลิงยี่เทียนได้พูดไว้ตั้งแต่ตอนแรกที่เขาขึ้นครองบัลลังก์แล้วว่าแม้ทวีปเทียนหยวนจะถูกเขาพิชิต แต่เป้าหมายของเขาก็จะไม่หยุดเพียงเท่านี้ เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือการเดินหน้ารวมทวีปอื่น ๆ ต่อไปอีก หากผู้ใดมีส่วนร่วมในแผนการและสร้างผลงานจนเป็นที่น่าพอใจ ทางอาณาจักรก็จะมอบทรัพยากรบ่มเพาะให้กับพวกเขามากขึ้น

เมื่อได้ยินเงื่อนไขเช่นนี้ทุกคนจึงมัวแต่วุ่นเร่งสร้างผลงานให้กับอาณาจักรจนไม่มีเวลาที่จะสร้างความขัดแย้งกันเอง

และตั้งแต่ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ ชีวิตของหลิงยี่เทียนก็มีแต่ความสุขสบาย ตลอดทั้งวันเขาเล่นหมากรุกกับหลิงว่านจุน ซึ่งทำให้เสนาบดีเก่าแก่หลายคนโกรธเกรี้ยวและพยายามตักเตือนเขา

ใน 1 เดือนที่ผ่านมานี้ ทางด้านของคฤหาสน์สราญรมย์ก็มีกระแสพลังวิญญาณก่อตัวเพิ่มขึ้นเกือบทุกวัน จนในที่สุดวันนี้ก็หยุดลง

หลิงตู้ฉิงเดินออกมาจากห้องในคฤหาสน์อย่างใจเย็น หลังจาก 1 เดือนของการบ่มเพาะแบบคู่ เขาอาศัยการปะทุทางอารมณ์ของเต๋าตู้ฉิงจนในที่สุดเขาก็สามารถระงับเจตจำนงแห่งการฆ่าฟันในใจได้

เมื่อเขาเดินออกจากห้อง หลิงยู่ชานและคนอื่น ๆ ก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังวิญญาณโดยรอบ

พวกเขาทั้งหมดถามว่า “ท่านพ่อ ท่านเป็นยังไงบ้าง?”

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “พ่อไม่เป็นอะไรแล้ว ว่าแต่ยี่เทียนอยู่ไหน?”

“จักรพรรดินั่นยังไม่กลับมาจากในวังเลยท่านพ่อ!” หลิงว่านถิงทำหน้ามุ่ย

หลังจากที่นางได้รู้ว่าหลิงยี่เทียนได้แต่งตั้งให้หลิงไช่หยุนเป็นองค์หญิงลำดับหนึ่ง แต่นางกลับได้รับการแต่งตั้งให้เป็นองค์หญิงใหญ่นางก็ยังไม่พอใจเป็นอย่างมาก! แล้วแบบนี้ใครเขาจะรู้กันว่าสรุปแล้วองค์หญิงใหญ่กับองค์หญิงลำดับหนึ่งใครใหญ่กว่ากัน? แล้วทำไมในความรู้สึกลึก ๆ ของนางมันเหมือนกับว่านางด้อยกว่าไช่หยุนกัน?

ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน รถม้าก็พาหลิงยี่เทียนกลับมา

ทันทีที่หลิงยี่เทียนเห็นหลิงตู้ฉิง เขาพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านพ่อ ในที่สุดท่านก็ฝึกเสร็จแล้วงั้นเหรอ แต่ว่าท่านพ่อ ท่านดูสิตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของข้าได้มาถึงขอบเขตควบแน่นลมปราณระดับ 8 แล้ว แต่ข้าก็ยังไม่มีเคล็ดวิชาสำหรับการบ่มเพาะใด ๆ เลยด้วยซ้ำ ข้าควรจะทำยังไงดีท่านพ่อ?”

หลิงตู้ฉิงตอบกลับ “อย่าถามพ่อเลย พ่อก็ไม่มีเคล็ดวิชาบ่มเพาะสำหรับเจ้าเช่นกัน แต่จะว่าไปแล้ว เจ้ายังต้องการเคล็ดวิชาสำหรับบ่มเพาะอะไรอีก? หลังจากที่เจ้าปลุกสายเลือดของเจ้าสำเร็จเจ้าก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าเจ้าควรจะบ่มเพาะยังไง แล้วทำไมเจ้ายังถึงมาถามวิธีการบ่มเพาะจากพ่ออีกกันล่ะ?”

หลิงยี่เทียนพูดอย่างกระอักกระอ่วน “ก็ข้าไม่รู้ว่าจะฝึกฝนอะไรต่ออีกนี่นา!”

“งั้นพ่อถามเจ้าหน่อย อะไรคือข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการเป็นจักรพรรดิ?” หลิงตู้ฉิงถาม

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน!” หลิงยี่เทียนส่ายหัว

“หืม? เจ้าเองก็เป็นคนที่ฉลาดแท้ ๆ ทำไมคำถามแค่นี้เจ้าถึงไม่รู้คำตอบได้กัน? ไม่ใช่ว่าข้อได้เปรียบของการเป็นจักรพรรดิมันคือการได้ออกคำสั่งผู้คนหรือยังไงกัน? คิดเกี่ยวกับข้อได้เปรียบนี้ให้ดี ๆ แล้วลองนำมันมารวมเข้ากับวิถีการบ่มเพาะของเจ้า แต่พ่ออยากจะบอกเจ้าอีกครั้งว่าเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้บ่มเพาะเต๋าดวงใจจักรพรรดิ”

“ข้าจะไม่บ่มเพาะเต๋าดวงใจจักรพรรดิแน่นอนท่านพ่อ!” หลิงยี่เทียนพยักหน้า “ท่านพ่อ ข้าจับองค์หญิงหลายคนมาจากอาณาจักรจินหนิงและไป๋หยวน ข้าเสนอให้พี่สามและพี่สี่รับพวกนางไว้ แต่พวกเขากลับไม่ต้องการ เราไม่ควรสอนบทเรียนให้พวกเขาบ้างเหรอ?”

“ก็พวกเขายังไม่โตเป็นผู้ใหญ่สักหน่อยนี่นา” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ

หลิงยี่เทียนพูดกับหลิงเทียนหยุนและหลิงว่านจุนอย่างตื่นเต้นว่า “พวกท่านได้ยินแล้วนะ ท่านพ่อบอกว่าเมื่อพวกท่านโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว พวกท่านจะต้องรับผู้หญิงที่ข้ามอบให้ไว้ด้วยละกัน!”

หลิงเทียนหยุนตะคอก “ท่านพ่อไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย แต่ถ้าพูดถึงเรื่องโตเป็นผู้ใหญ่ พี่ใหญ่ก็กำลังจะเป็นผู้ใหญ่ในปีหน้าทำไมเจ้าไม่ให้พี่ใหญ่ล่ะ?”

หลิงยู่ชานพูดอย่างรวดเร็ว “ข้ามีหมิงจู้แล้ว!”

เมื่อเห็นว่าพี่น้องกำลังโต้เถียงกัน หลิงตู้ฉิงจึงรีบพูดว่า “เอาล่ะ พวกเจ้าอย่าบังคับกันเลย ยี่เทียนมานี่ ยังมีอีกหนึ่งคนที่เจ้ายังไม่ได้จัดการ!”

ที่ลานของคฤหาสน์สราญรมย์ ยังมีเฉินถิงฟางและผู้ติดตามของนาง พวกนางยืนแข็งเป็นรูปปั้นอยู่ที่นั่นมาเกือบเดือนแล้ว

เมื่อหลิงตู้ฉิงปล่อยพวกนาง เฉินถิงฟางก็ทรุดลงกับพื้นด้วยท่าทีที่อ่อนแอลงเป็นอย่างมาก

นางไม่ได้กินอะไรมานานกว่า 1 เดือน ถ้าไม่ใช่ผู้บ่มเพาะ เฉินถิงฟางคงจะอดตายไปแล้ว

นางร้องไห้อย่างเงียบ ๆ ในขณะที่รู้สึกเสียใจกับการกระทำของตัวเองที่พาตัวเองมาที่นี่พร้อมกับจ้องไปที่หลิงตู้ฉิง

นางไม่เคยทุกข์ทรมานเช่นนี้มาก่อน อย่างไรก็ตามนางไม่กล้าพูดอะไรออกมาเพราะนางรู้ว่าตัวนางไม่สามารถสู้หลิงตู้ฉิงได้

ในทางกลับกัน ซูอี้เว่ยที่ถูกตรึงมานานกว่า 1 เดือน ท่าทีของนางดูมีความเคารพมากขึ้นเมื่อถูกปลดปล่อย

“ท่านหลิง ที่พวกเราได้ล่วงเกินท่านนั่นก็เป็นเพราะพวกเราต้องทำตามคำสั่งตระกูลของพวกเรา ข้าขอร้องโปรดท่านยกโทษให้เราด้วย หากท่านต้องการค่าชดเชยใด ๆ ท่านก็บอกเรามาได้เลย” ซูอี้เว่ยพูด

หลิงตู้ฉิงมองไปที่เฉินถิงฟาง และพูดว่า “ข้ารู้ว่าทายาทสายตรงที่เป็นผู้หญิงของตระกูลของเจ้า เกือบทั้งหมดในอนาคตจะต้องถูกยกให้สมรสกับจักรพรรดิของอาณาจักรใหญ่ ๆ ถ้าลูกชายของข้าเต็มใจที่จะแต่งงานกับเจ้า เจ้าก็จงเป็นมเหสีให้กับเขาซะ ไม่เช่นนั้นเจ้าก็จงรับใช้เขาในฐานะขุนนางเป็นเวลา 100 ปี จริง ๆ แล้วข้อเสนอนี้มันออกจะดีเกินไปสำหรับเจ้าจริง ๆ ที่จะได้กลายเป็นมเหสีให้กับลูกชายของข้า เพราะลูกชายของข้าไม่ใช่แค่ใครก็ได้ที่มีคุณสมบัติที่จะเป็นมเหสีของเขา”

เมื่อได้ยินคำกล่าวของหลิงตู้ฉิง เฉินถิงฟางก็ได้แต่อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก แต่หลิงยี่เทียนที่ยืนฟังอยู่ข้าง ๆ รีบแทรกขึ้นทันที “ท่านพ่อ ข้าไม่ต้องการนาง นางแก่กว่าข้าตั้งเยอะ!”

“ถ้างั้นก็ได้ ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการนางมาเป็นสนมก็ไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ให้นางมารับใช้เจ้าแทนในฐานะขุนนางในวัง เพื่อทำให้สถานะของเจ้ามั่นคงยิ่งขึ้น บรรดาคนที่มาจากสำนักหยกจักรพรรดินั้นมีความพิเศษคือพวกเขามีเส้นสายที่กว้างขวาง พวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลของขุมกำลังใหญ่ต่าง ๆ ได้อย่างทั่วถึง ซึ่งถ้านางได้มาเป็นขุนนางรับใช้ให้กับเจ้า นางจะสามารถช่วยเหลือเจ้าได้ตรงจุดนี้ในการหาจ้อมูลข่าวสาร” หลิงตู้ฉิงพยักหน้าพร้อมกับตอบกลับ

เมื่อนางได้ยินว่านางจะต้องเป็นสนมให้กับหนูน้อยคนหนึ่ง เฉินถิงฟางก็รู้สึกหนาวไปถึงขั้วหัวใจ

ที่ผ่านมามีอาณาจักรที่มีอำนาจมากมายมาขอร้องให้นางไปเป็นราชินีของพวกเขา ซึ่งนางนั้นไม่แม้แต่จะชายตามองซะด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้นางกลับจะต้องถูกบังคับให้มาเป็นเพียงนางสนมของเด็กคนหนึ่งเนี่ยนะ? แถมก่อนที่นางจะได้พูดปฏิเสธหรืออกความคิดเห็นอะไร คู่พ่อลูกคู่นี้ก็ได้ตัดสินใจทุกอย่างจนเสร็จสับกันไปเรียบร้อยแล้วโดยที่ไม่ขอความเห็นจากนางเลย

“ทำสัญญาซะ!” หลิงตู้ฉิงสั่งขึ้นไปทางเฉินถิงฟาง “เจ้าสามารถจากไปได้หลังจากนี้อีกร้อยปี!”

เมื่อเห็นว่าไม่มีทางเลือกอื่น เฉินถิงฟางและซูอี้เว่ยทำได้เพียงลงชื่อในสัญญา หลังจากนั้นเฉินถิงฟางก็ถามว่า “ท่านช่วยคืนเหรียญตราผนึกสวรรค์ให้ข้าได้ไหม?”

“เหรียญตรานั่น ข้าได้เอาไปให้ภรรยาของข้าใช้ไปแล้ว แต่ถ้าเจ้าทำหน้าที่ได้ดี ในอนาคตเจ้าก็ลองไปขอให้ยี่เทียนหาคนมาสร้างใหม่ให้เจ้าอีกอันเอาละกัน เอาล่ะ! ยี่เทียนพาคนของเจ้าไปได้แล้ว และบอกพวกเขาว่าอย่าอยู่เฉย ๆ ที่นี่ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป” หลิงตู้ฉิงโบกมือ “นอกจากนี้ข้าไม่ได้ไปศาลาศักดิ์สิทธิ์มานานแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะแวะเข้าไปสักหน่อย”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 247 ปลดปล่อยเฉินถิงฟาง

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 247 ปลดปล่อยเฉินถิงฟาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 247 ปลดปล่อยเฉินถิงฟาง

หลังจากที่หลิงยี่เทียนสั่งการออกไป ทุกคนก็ต้องประหลาดใจเมื่อจริง ๆ แล้วความเร็วในการรวบรวมดินแดนในทวีปเทียนหยวนนั้นเร็วกว่าที่ทุกคนคิดไว้มาก

เมื่อหลิงเจิ้งสงได้เจรจากับทั้งสองอาณาจักรที่เข้ามารุกรานและได้รับคำตอบว่าทั้ง อาณาจักรจินหนิงและอาณาจักรไป๋หยวนได้ปฏิเสธที่จะยอมจำนนให้กับพวกเขา

หลิงยี่เทียนจึงส่งกองทัพศักดิ์สิทธิ์ไปยังอาณาจักรจินหนิง พร้อมกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภา 8 คน และส่งกองทัพของหลิงฉุยฟงไปยังอาณาจักรไป๋หยวนพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาอีก 8 คนเช่นกัน

เมื่อบุกโจมตีจนทั้งสองอาณาจักรพ่ายแพ้ คนทั้งราชสำนักของทั้งสองอาณาจักรซึ่งมีผู้คนจำนวนหลายร้อยคนตั้งแต่จักรพรรดิจนถึงเสนาบดีและขันทีต่าง ๆ หลิงยี่เทียนได้สั่งให้จับเป็นพวกเขาทั้งหมดและนำกลับมายังอาณาจักรจันทรา

และจากนั้นอาณาจักรจินหนิงและไป๋หยวนก็ถูกควบรวมเป็นดินแดนเดียวกับของอาณาจักรจันทรา

เมื่อเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงเดือนหลังจากที่หลิงยี่เทียนขึ้นครองราชย์ ผู้คนในอาณาจักรจันทราก็เริ่มตื่นเต้นและเริ่มนิยมชมชอบในตัวจักรพรรดิองค์ใหม่ของพวกเขา

เนื่องจากเมื่อเทียบกับเหลียงซานที่เคยเตรียมการเรื่องนี้มาหลายสิบปีแต่ก็ประสบแต่ความล้มเหลว แต่จักรพรรดิองค์ใหม่กลับรวมทวีปเทียนหยวนได้ภายใน 1 เดือน นี่คือความสำเร็จที่จักรพรรดิองค์เก่าไม่ทีทางเทียบได้ เขาสมควรถูกเรียกว่าเป็นจักรพรรดิที่ถูกส่งมาจากสวรรค์อย่างแท้จริง

และชื่อเสียงของหลิงยี่เทียนยิ่งโด่งดังเข้าไปใหญ่ เมื่อเหล่าประชาชนได้ยินว่าจักรพรรดิองค์ใหม่กำลังจะแจกโอสถกำเนิดรากฐานให้กับทุกคนในอาณาจักร และประกาศว่าทุกคนสามารถเข้าร่วมการคัดเลือกเข้าประจำการในกองทัพได้

ด้วยวิธีการบ่มเพาะของหลิงยี่เทียนที่ต้องใช้ความเชื่อมั่นของพสกนิกรในการเพิ่มระดับ เมื่อเขาเรียกคะแนนเสียงจากประชาชนของเขาได้มากเช่นนี้ระดับการบ่มเพาะของหลิงยี่เทียนจึงเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งจนมาถึงขอบเขตควบแน่นลมปราณระดับ 8

อันที่จริงถ้าหากเขาไม่พยายามข่มระดับการบ่มเพาะเอาไว้เพื่อสร้างรากฐานการบ่มเพาะให้แข็งแกร่ง ระดับการบ่มเพาะของเขาคงจะก้าวไปสู่ขอบเขตประสานทะเลปราณไปแล้ว

ในเวลาเดียวกัน หลิงว่านจุนเองก็สกัดปราณมังกรจักรพรรดิจากตราประทับหยกจักรพรรดิ และดูดมันเข้ามาในร่างกายของเขาเพื่อเพิ่มระดับการบ่มเพาะ ซึ่งระดับของเขาเองก็เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งไปจนถึงขอบเขตควบแน่นลมปราณระดับ 3 แล้วเช่นกัน

ปัจจุบัน สถานการณ์ภายในอาณาจักรจันทรามีความสามัคคีกันมาก นี่เป็นเพราะหลิงยี่เทียนได้พูดไว้ตั้งแต่ตอนแรกที่เขาขึ้นครองบัลลังก์แล้วว่าแม้ทวีปเทียนหยวนจะถูกเขาพิชิต แต่เป้าหมายของเขาก็จะไม่หยุดเพียงเท่านี้ เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือการเดินหน้ารวมทวีปอื่น ๆ ต่อไปอีก หากผู้ใดมีส่วนร่วมในแผนการและสร้างผลงานจนเป็นที่น่าพอใจ ทางอาณาจักรก็จะมอบทรัพยากรบ่มเพาะให้กับพวกเขามากขึ้น

เมื่อได้ยินเงื่อนไขเช่นนี้ทุกคนจึงมัวแต่วุ่นเร่งสร้างผลงานให้กับอาณาจักรจนไม่มีเวลาที่จะสร้างความขัดแย้งกันเอง

และตั้งแต่ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ ชีวิตของหลิงยี่เทียนก็มีแต่ความสุขสบาย ตลอดทั้งวันเขาเล่นหมากรุกกับหลิงว่านจุน ซึ่งทำให้เสนาบดีเก่าแก่หลายคนโกรธเกรี้ยวและพยายามตักเตือนเขา

ใน 1 เดือนที่ผ่านมานี้ ทางด้านของคฤหาสน์สราญรมย์ก็มีกระแสพลังวิญญาณก่อตัวเพิ่มขึ้นเกือบทุกวัน จนในที่สุดวันนี้ก็หยุดลง

หลิงตู้ฉิงเดินออกมาจากห้องในคฤหาสน์อย่างใจเย็น หลังจาก 1 เดือนของการบ่มเพาะแบบคู่ เขาอาศัยการปะทุทางอารมณ์ของเต๋าตู้ฉิงจนในที่สุดเขาก็สามารถระงับเจตจำนงแห่งการฆ่าฟันในใจได้

เมื่อเขาเดินออกจากห้อง หลิงยู่ชานและคนอื่น ๆ ก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังวิญญาณโดยรอบ

พวกเขาทั้งหมดถามว่า “ท่านพ่อ ท่านเป็นยังไงบ้าง?”

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “พ่อไม่เป็นอะไรแล้ว ว่าแต่ยี่เทียนอยู่ไหน?”

“จักรพรรดินั่นยังไม่กลับมาจากในวังเลยท่านพ่อ!” หลิงว่านถิงทำหน้ามุ่ย

หลังจากที่นางได้รู้ว่าหลิงยี่เทียนได้แต่งตั้งให้หลิงไช่หยุนเป็นองค์หญิงลำดับหนึ่ง แต่นางกลับได้รับการแต่งตั้งให้เป็นองค์หญิงใหญ่นางก็ยังไม่พอใจเป็นอย่างมาก! แล้วแบบนี้ใครเขาจะรู้กันว่าสรุปแล้วองค์หญิงใหญ่กับองค์หญิงลำดับหนึ่งใครใหญ่กว่ากัน? แล้วทำไมในความรู้สึกลึก ๆ ของนางมันเหมือนกับว่านางด้อยกว่าไช่หยุนกัน?

ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน รถม้าก็พาหลิงยี่เทียนกลับมา

ทันทีที่หลิงยี่เทียนเห็นหลิงตู้ฉิง เขาพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านพ่อ ในที่สุดท่านก็ฝึกเสร็จแล้วงั้นเหรอ แต่ว่าท่านพ่อ ท่านดูสิตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของข้าได้มาถึงขอบเขตควบแน่นลมปราณระดับ 8 แล้ว แต่ข้าก็ยังไม่มีเคล็ดวิชาสำหรับการบ่มเพาะใด ๆ เลยด้วยซ้ำ ข้าควรจะทำยังไงดีท่านพ่อ?”

หลิงตู้ฉิงตอบกลับ “อย่าถามพ่อเลย พ่อก็ไม่มีเคล็ดวิชาบ่มเพาะสำหรับเจ้าเช่นกัน แต่จะว่าไปแล้ว เจ้ายังต้องการเคล็ดวิชาสำหรับบ่มเพาะอะไรอีก? หลังจากที่เจ้าปลุกสายเลือดของเจ้าสำเร็จเจ้าก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าเจ้าควรจะบ่มเพาะยังไง แล้วทำไมเจ้ายังถึงมาถามวิธีการบ่มเพาะจากพ่ออีกกันล่ะ?”

หลิงยี่เทียนพูดอย่างกระอักกระอ่วน “ก็ข้าไม่รู้ว่าจะฝึกฝนอะไรต่ออีกนี่นา!”

“งั้นพ่อถามเจ้าหน่อย อะไรคือข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการเป็นจักรพรรดิ?” หลิงตู้ฉิงถาม

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน!” หลิงยี่เทียนส่ายหัว

“หืม? เจ้าเองก็เป็นคนที่ฉลาดแท้ ๆ ทำไมคำถามแค่นี้เจ้าถึงไม่รู้คำตอบได้กัน? ไม่ใช่ว่าข้อได้เปรียบของการเป็นจักรพรรดิมันคือการได้ออกคำสั่งผู้คนหรือยังไงกัน? คิดเกี่ยวกับข้อได้เปรียบนี้ให้ดี ๆ แล้วลองนำมันมารวมเข้ากับวิถีการบ่มเพาะของเจ้า แต่พ่ออยากจะบอกเจ้าอีกครั้งว่าเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้บ่มเพาะเต๋าดวงใจจักรพรรดิ”

“ข้าจะไม่บ่มเพาะเต๋าดวงใจจักรพรรดิแน่นอนท่านพ่อ!” หลิงยี่เทียนพยักหน้า “ท่านพ่อ ข้าจับองค์หญิงหลายคนมาจากอาณาจักรจินหนิงและไป๋หยวน ข้าเสนอให้พี่สามและพี่สี่รับพวกนางไว้ แต่พวกเขากลับไม่ต้องการ เราไม่ควรสอนบทเรียนให้พวกเขาบ้างเหรอ?”

“ก็พวกเขายังไม่โตเป็นผู้ใหญ่สักหน่อยนี่นา” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ

หลิงยี่เทียนพูดกับหลิงเทียนหยุนและหลิงว่านจุนอย่างตื่นเต้นว่า “พวกท่านได้ยินแล้วนะ ท่านพ่อบอกว่าเมื่อพวกท่านโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว พวกท่านจะต้องรับผู้หญิงที่ข้ามอบให้ไว้ด้วยละกัน!”

หลิงเทียนหยุนตะคอก “ท่านพ่อไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย แต่ถ้าพูดถึงเรื่องโตเป็นผู้ใหญ่ พี่ใหญ่ก็กำลังจะเป็นผู้ใหญ่ในปีหน้าทำไมเจ้าไม่ให้พี่ใหญ่ล่ะ?”

หลิงยู่ชานพูดอย่างรวดเร็ว “ข้ามีหมิงจู้แล้ว!”

เมื่อเห็นว่าพี่น้องกำลังโต้เถียงกัน หลิงตู้ฉิงจึงรีบพูดว่า “เอาล่ะ พวกเจ้าอย่าบังคับกันเลย ยี่เทียนมานี่ ยังมีอีกหนึ่งคนที่เจ้ายังไม่ได้จัดการ!”

ที่ลานของคฤหาสน์สราญรมย์ ยังมีเฉินถิงฟางและผู้ติดตามของนาง พวกนางยืนแข็งเป็นรูปปั้นอยู่ที่นั่นมาเกือบเดือนแล้ว

เมื่อหลิงตู้ฉิงปล่อยพวกนาง เฉินถิงฟางก็ทรุดลงกับพื้นด้วยท่าทีที่อ่อนแอลงเป็นอย่างมาก

นางไม่ได้กินอะไรมานานกว่า 1 เดือน ถ้าไม่ใช่ผู้บ่มเพาะ เฉินถิงฟางคงจะอดตายไปแล้ว

นางร้องไห้อย่างเงียบ ๆ ในขณะที่รู้สึกเสียใจกับการกระทำของตัวเองที่พาตัวเองมาที่นี่พร้อมกับจ้องไปที่หลิงตู้ฉิง

นางไม่เคยทุกข์ทรมานเช่นนี้มาก่อน อย่างไรก็ตามนางไม่กล้าพูดอะไรออกมาเพราะนางรู้ว่าตัวนางไม่สามารถสู้หลิงตู้ฉิงได้

ในทางกลับกัน ซูอี้เว่ยที่ถูกตรึงมานานกว่า 1 เดือน ท่าทีของนางดูมีความเคารพมากขึ้นเมื่อถูกปลดปล่อย

“ท่านหลิง ที่พวกเราได้ล่วงเกินท่านนั่นก็เป็นเพราะพวกเราต้องทำตามคำสั่งตระกูลของพวกเรา ข้าขอร้องโปรดท่านยกโทษให้เราด้วย หากท่านต้องการค่าชดเชยใด ๆ ท่านก็บอกเรามาได้เลย” ซูอี้เว่ยพูด

หลิงตู้ฉิงมองไปที่เฉินถิงฟาง และพูดว่า “ข้ารู้ว่าทายาทสายตรงที่เป็นผู้หญิงของตระกูลของเจ้า เกือบทั้งหมดในอนาคตจะต้องถูกยกให้สมรสกับจักรพรรดิของอาณาจักรใหญ่ ๆ ถ้าลูกชายของข้าเต็มใจที่จะแต่งงานกับเจ้า เจ้าก็จงเป็นมเหสีให้กับเขาซะ ไม่เช่นนั้นเจ้าก็จงรับใช้เขาในฐานะขุนนางเป็นเวลา 100 ปี จริง ๆ แล้วข้อเสนอนี้มันออกจะดีเกินไปสำหรับเจ้าจริง ๆ ที่จะได้กลายเป็นมเหสีให้กับลูกชายของข้า เพราะลูกชายของข้าไม่ใช่แค่ใครก็ได้ที่มีคุณสมบัติที่จะเป็นมเหสีของเขา”

เมื่อได้ยินคำกล่าวของหลิงตู้ฉิง เฉินถิงฟางก็ได้แต่อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก แต่หลิงยี่เทียนที่ยืนฟังอยู่ข้าง ๆ รีบแทรกขึ้นทันที “ท่านพ่อ ข้าไม่ต้องการนาง นางแก่กว่าข้าตั้งเยอะ!”

“ถ้างั้นก็ได้ ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการนางมาเป็นสนมก็ไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ให้นางมารับใช้เจ้าแทนในฐานะขุนนางในวัง เพื่อทำให้สถานะของเจ้ามั่นคงยิ่งขึ้น บรรดาคนที่มาจากสำนักหยกจักรพรรดินั้นมีความพิเศษคือพวกเขามีเส้นสายที่กว้างขวาง พวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลของขุมกำลังใหญ่ต่าง ๆ ได้อย่างทั่วถึง ซึ่งถ้านางได้มาเป็นขุนนางรับใช้ให้กับเจ้า นางจะสามารถช่วยเหลือเจ้าได้ตรงจุดนี้ในการหาจ้อมูลข่าวสาร” หลิงตู้ฉิงพยักหน้าพร้อมกับตอบกลับ

เมื่อนางได้ยินว่านางจะต้องเป็นสนมให้กับหนูน้อยคนหนึ่ง เฉินถิงฟางก็รู้สึกหนาวไปถึงขั้วหัวใจ

ที่ผ่านมามีอาณาจักรที่มีอำนาจมากมายมาขอร้องให้นางไปเป็นราชินีของพวกเขา ซึ่งนางนั้นไม่แม้แต่จะชายตามองซะด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้นางกลับจะต้องถูกบังคับให้มาเป็นเพียงนางสนมของเด็กคนหนึ่งเนี่ยนะ? แถมก่อนที่นางจะได้พูดปฏิเสธหรืออกความคิดเห็นอะไร คู่พ่อลูกคู่นี้ก็ได้ตัดสินใจทุกอย่างจนเสร็จสับกันไปเรียบร้อยแล้วโดยที่ไม่ขอความเห็นจากนางเลย

“ทำสัญญาซะ!” หลิงตู้ฉิงสั่งขึ้นไปทางเฉินถิงฟาง “เจ้าสามารถจากไปได้หลังจากนี้อีกร้อยปี!”

เมื่อเห็นว่าไม่มีทางเลือกอื่น เฉินถิงฟางและซูอี้เว่ยทำได้เพียงลงชื่อในสัญญา หลังจากนั้นเฉินถิงฟางก็ถามว่า “ท่านช่วยคืนเหรียญตราผนึกสวรรค์ให้ข้าได้ไหม?”

“เหรียญตรานั่น ข้าได้เอาไปให้ภรรยาของข้าใช้ไปแล้ว แต่ถ้าเจ้าทำหน้าที่ได้ดี ในอนาคตเจ้าก็ลองไปขอให้ยี่เทียนหาคนมาสร้างใหม่ให้เจ้าอีกอันเอาละกัน เอาล่ะ! ยี่เทียนพาคนของเจ้าไปได้แล้ว และบอกพวกเขาว่าอย่าอยู่เฉย ๆ ที่นี่ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป” หลิงตู้ฉิงโบกมือ “นอกจากนี้ข้าไม่ได้ไปศาลาศักดิ์สิทธิ์มานานแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะแวะเข้าไปสักหน่อย”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+