พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 261 สถานการณ์คับขัน

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 261 สถานการณ์คับขัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 261 สถานการณ์คับขัน

ขณะนี้ทุกคนกำลังบินไปยังเกาะวายุคลั่ง กงหนิวที่ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะอยู่ในขอบเขตนภาแล้ว เมื่อเขาบินด้วยความเร็วเต็มที่ ความเร็วของเขานั้นกลับเร็วกว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์เสียอีก

เป็นเพราะความเร็วที่รุนแรงนี้เอง หลิงตู้ฉิงจึงเลือกที่จะให้กงหนิวลากรถม้าของเขา แต่ไม่ว่ากงหนิวจะเร็วแค่ไหนก็ยังต้องใช้เวลา

เมื่อเห็นความกังวลบนใบหน้าของเสี่ยวเยว่เฟิง มี่ไลก็อดไม่ได้ที่จะปลอบใจนาง “เฟิง ไม่ต้องกังวลนะ มันจะต้องไม่มีปัญหาอะไรหรอก”

แม้ว่าสถานะของเสี่ยวเยว่เฟิงจะเป็นแค่สารถี แต่หลังจากอยู่ในตระกูลหลิงมาหลายปีแล้วทุกคนในตระกูลต่างไม่มีใครมองว่านางต่ำต้อยกว่า ทุกคนต่างมองนางเป็นดั่งญาติพี่น้อง ซึ่งไม่ได้ต่ำต้อยไปกว่าตัวของพวกเขาเลย

เสี่ยวเยว่เฟิงฝืนยิ้มและพูดว่า “ข้าเองก็เชื่อว่านางน่าจะไม่เป็นไร…”

“มันมีอะไรเกิดขึ้นกับเกาะวายุคลั่ง?” หลิงตู้ฉิงถาม

เสี่ยวเยว่เฟิงตอบว่า “เกาะวายุคลั่ง พูดได้ว่าเป็นเกาะที่อ่อนแอที่สุดในอาณาเขตทะเลชางหมาง ความแข็งแกร่งของผู้เชี่ยวชาญบนเกาะ เพียงแค่อยู่ในขอบเขตรวมแสงดารา ระดับ 2 หรือ 3 ก็จัดว่าแข็งแกร่งที่สุดแล้ว แน่นอนว่าเกาะวายุคลั่งเองก็ไม่ได้ใหญ่มาก มันมีขนาดเพียงครึ่งหนึ่งของเกาะเทียนหยวน อย่างไรก็ตามทางเข้าของอาณาเขตทะเลชางหมางนั้นอยู่ใกล้กับเกาะวายุคลั่งเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นข้ากลัวว่าผู้เชี่ยวชาญที่เข้ามาจากภายนอกอาจจะเข้ามาและยึดครองเกาะได้”

“อืม” หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย “รอจนกว่าจะถึงเกาะวายุคลั่งก่อน จากนั้นเจ้าค่อยเปิดเผยร่างที่แท้จริงของเจ้าเองเพื่อขู่ผู้คนที่อยู่บนเกาะ จากนั้นเจ้าก็จงไปหาน้องสาวของเจ้า อันที่จริงเจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องของนางสักเท่าไหร่หรอก แม้ว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับนาง ตราบเท่าที่นางยังไม่ตายสนิท ข้าสามารถช่วยนางได้เสมอ”

หลิวเฟ่ยเฟ่ยอดไม่ได้ที่จะกลอกตา แม้ว่าประโยคเช่นนี้มันจะดูเหมือนเป็นคำปลอบประโลม แต่ทำไมพอฟังแล้วมันกลับดูแปร่ง ๆ และไม่ค่อยจะทำให้คนฟังสบายใจขึ้นได้สักเท่าไหร่เลย?

ในทางกลับกัน เสี่ยวเยว่เฟิงไม่ได้คิดอะไรมากเกินไป นางพูดอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณ นายท่าน!”

ที่มาของชื่อเกาะวายุคลั่ง นั่นก็เป็นเพราะที่นี่มีลมอันรุนแรงและพายุฝนเกือบตลอดปี

และในเวลานี้บน เกาะวายุคลั่งกำลังมีการต่อสู้ที่รุนแรงเกิดขึ้น

ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดารา 2 คนกำลังต่อสู้อยู่กลางอากาศท่ามกลางพายุฝนอันรุนแรง

ส่วนบนพื้นดินผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณ 2-3 คนและผู้เชี่ยวชาญกลุ่มใหญ่ก็เข้าร่วมในการต่อสู้ที่วุ่นวายนี้เช่นกัน

“เจ้าพวกเสื้อคลุมโลหิต พวกเจ้ากล้าลอบสังหารพวกเรา!” ชายสวมเสื้อคลุมมังกรตะโกนเสียงดัง

เขามองไปที่เสื้อคลุมโลหิต 2-3 คนที่ถูกห้อมล้อมด้วยกองทหารและพูดกับแม่ทัพที่อยู่ข้าง ๆ เขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สับไอ้พวกเศษเดนเหล่านี้ให้ละเอียด!”

นายพลโค้งคำนับและพูดว่า “ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาเราจะไม่เคยประสบความสำเร็จในการล่าพวกเขาเลย แต่ด้วยการวางแผนที่แยบยลจนในที่สุดพวกมันก็ติดกับของเราจนได้ ครั้งนี้ข้าเชื่อว่าพวกมันจะไม่สามารถหนีไปได้อีกแล้วแน่นอน ที่เราต้องกังวลก็มีแค่คน ๆ นั้นที่อยู่ในขอบเขตรวมแสงดารา ซึ่งมันคงจะยากไปสักหน่อยที่จะจัดการกับเขา และท่านแม่ทัพใหญ่เองก็ไม่สามารถรั้งเขาไว้ได้นานเช่นกัน”

ในเวลานี้ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราของกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตที่กำลังลอยอยู่ในอากาศก็กังวลมากเช่นกัน

เดิมทีเขาวางแผนที่จะใช้ประโยชน์จากการมาเยือนของจักรพรรดิอาณาจักรแห่งนี้เพื่อทำภารกิจที่ยากลำบากนี้

แต่เขาคิดไม่ถึงว่าจักรพรรดิสุนัขตัวนี้จะวางกับดักพวกเขา แถมยังนำผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณจำนวนมากมาล้อมพวกเขาไว้

บนเกาะวายุคลั่ง ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราจัดเป็น ‘ผู้เชี่ยวชาญที่ไม่มีใครเทียบได้’ อย่างแท้จริง

แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงในขอบเขตประสานทะเลปราณก็ยังหาได้ยาก แต่ตอนนี้กลับมีผู้เชี่ยวชาญระดับสูงเหล่านี้มากมายปรากฎตัวขึ้นพร้อม ๆ กัน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระสับกระส่าย

ถ้าหากคนที่เขาพามาด้วยรอบนี้เป็นเหล่าสมาชิกเสื้อคลุมโลหิตธรรมดา เขาก็คงจะจากไปนานแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่ากลุ่มเสื้อคลุมโลหิตเหล่านี้ที่เขาพามา เป็นกลุ่มที่เขาคัดเลือกมาเป็นพิเศษ

คนกลุ่มนี้ที่เขาพามาคือกลุ่มคนจากตระกูลของเขาเอง

กลุ่มคนตระกูลของเขาเองก็เป็นหนึ่งในพวกที่หนีออกมาจากภูเขาฟีนิกซ์มาจนถึงทะเลชางหมาง ซึ่งกว่าที่พวกเขาจะมาถึงที่นี่พวกเขาก็เหลือคนที่รอดอยู่เพียงไม่กี่คนแล้ว แค่เผชิญกับชะตากรรมเช่นนี้พวกเขาแต่ละคนต่างก็ปวดร้าวใจมาก หากไม่จำเป็นจริง ๆ เขาก็ไม่มีทางทิ้งคนตระกูลของตัวเองเพื่อเอาตัวรอดไปคนเดียวได้แน่นอน

อย่างไรก็ตามผู้ชายคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าเขา ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน กลับกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราเช่นเดียวกับเขา แม้ว่าเขาต้องการที่จะเอาชนะ แต่ก็คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งวัน

แล้วคนข้างล่างจะรอถึงครึ่งวันได้ไหม แน่นอนว่าคำตอบคือดูเหมือนว่าจะไม่!

เมื่อสังเกตเห็นว่าสถานการณ์เริ่มวิกฤตมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาโบกมือและปล่อยมีดเพลิงไปยังคู่ต่อสู้ของเขา

จากนั้นเขาก็ใช้ประโยชน์จากการที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราฝั่งตรงข้ามที่กำลังถอยกลับ เขาหันไปมองด้านล่างและพุ่งลงกระโจนเข้าหาฝูงชน

เมื่อจักรพรรดิที่อยู่ด้านล่างเห็นสิ่งนี้ เขาก็ตะโกนอย่างเย็นชา “ปล่อยธนู!”

ลูกศรนับหมื่นถูกยิงออกไป บังคับให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราของกลุ่มเสื้อคลุมเลือดโลหิตต้องบินหลบขึ้นไปบนอากาศอีกครั้ง

เมื่อเผชิญการโจมตีพร้อมกันของลูกศรนับหมื่น เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหลบ

หลังจากพลาดโอกาส เขาก็ต้องเผชิญจากการโจมตีของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราที่เพิ่งหลบมีดเพลิงของเขาไปได้ และทั้งสองก็ปะทะกันอีกครั้ง

ในฝูงชน เสื้อคลุมโลหิต 2-3 คนเช็ดเลือดที่ผสมกับน้ำฝนออกจากใบหน้า ทำให้ยากที่จะบอกว่าเป็นเลือดของพวกเขาเองหรือของคนอื่น

เมื่อเผชิญหน้ากับฝูงชนที่แน่นขนัดรอบ ๆ พวกเขาก็รู้สึกสิ้นหวัง

ภายในกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตที่เหลืออยู่ไม่กี่คน หญิงสาวนางหนึ่งพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะฟันผู้เชี่ยวชาญตรงหน้านางพร้อมกับตะโกนขึ้น “พี่ใหญ่ตู้เฉิง ท่านรีบหนีออกไปจากที่นี่เถอะ ท่านไม่จำเป็นต้องช่วยพวกเรา! หากท่านยังคงล่าช้ามากไปกว่านี้ ท่านจะจากไปยากขึ้น!”

ในฐานะหัวหน้ากลุ่มเสื้อคลุมโลหิตแห่งเกาะวายุคลั่ง เขาจะอธิบายได้อย่างไรหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเด็กสาวผู้นี้?

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพี่สาวของเด็กคนนี้คือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภา เขาจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไรกับนาง?

ต่อให้เขากลับไปบอกกับพี่สาวของนางว่า น้องสาวของนางได้เสียสละชีวิตของตนเองอย่างสมเกียรติในระหว่างทำภารกิจ แต่มันคงไม่ง่ายที่พี่สาวของนางจะยอมรับเหตุผลง่าย ๆ เช่นนี้ได้ เขามั่นใจว่าอนาคตของเขาคงจะจบไม่สวยแน่นอน

เขาจึงยังคงพยายามอย่างสุดตัวเพื่อที่อย่างน้อย ๆ เขาต้องพาเด็กสาวนางนี้ออกไปกับเขาให้ได้

ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชก็ได้ดังขึ้นพร้อมกับหนึ่งในเสื้อคลุมโลหิตที่อยู่ในวงล้อมก็ล้มลง ทำให้พลังป้องกันของกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตลดลงอีกระดับหนึ่ง

จากนั้นการบาดเจ็บล้มตายก็เริ่มขึ้น

เมื่อเห็น ‘กลุ่มเสื้อคลุมโลหิต’ ของเขาล้มไปทีละคน ตู้เฉิงก็รู้สึกปวดใจ คนเหล่านี้เป็นคนที่เขาฝึกฝนมาด้วยความยากลำบาก

เขามองไปที่คน 2-3 คนที่เหลืออยู่ในวงล้อมและตะโกนว่า “น้องหลิงเฟิง ข้าจะไปทวีปอื่นเพื่อตามหาเจ้านายของข้า ถ้าเจ้าตาย ข้าจะบอกให้เจ้านายของข้าให้สังหารคนของอาณาจักรนี้ไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”

ตอนนี้เขายอมรับในชะตากรรมแล้วว่าเขาคงต้องจากไป อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะจากไปเขาจงใจทิ้งประโยคข่มขู่นี้ไว้เบื้องหลังเพื่อให้เด็กสาวยังมีโอกาสมีชีวิตอยู่ แม้ว่านางจะถูกทรมานและทำให้อับอาย แต่ก็ยังดีกว่าตาย และตราบใดที่นางยังมีชีวิตอยู่มันก็ยังมีโอกาสเสมอที่เขาจะสามารถกลับมาช่วยนางได้

หลังจากที่พูดจบเขาก็กำลังจะเตรียมบินหนีจากไป

สำหรับจักรพรรดิที่กำลังเฝ้าดูการสังหารหมู่นี้อยู่ เขาไม่สนใจคำขู่ของตู้เฉิง และพูดอย่างเย็นชาว่า “ฆ่าพวกมันให้หมด! ต่อให้ไปตามเจ้านายของเจ้ามา ข้าก็ไม่กลัว!”

เมื่อได้รับคำสั่งยืนยันจากจักรพรรดิของตนเอง เหล่าทหารที่กำลังห้อมล้อมอยู่ในขณะนี้ก็พุ่งไปข้างหน้าเพื่อจัดการกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตที่หมดแรง 3 คนสุดท้ายทันที

แต่เมื่อถึงวินาทีที่ทุกอย่างกำลังจะถึงจุดจบ จู่ ๆ ก็มีร่างสีแดงเพลิงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า

“กรี๊ดดดดดดดด ~”

ด้วยเสียงร้องที่ดังก้องไปทั่วท้องฟ้า และตามมาด้วยดวงไฟดวงยักษ์ที่ปรากฎขึ้นกลางอากาศ ส่งผลทำให้ความชื้นที่สะสมอยู่ในกลุ่มเมฆพายุระเหยกลายเป็นไอน้ำไปทั้งหมด และจากวันที่อึมครึมไปด้วยเมฆฝนก็กลายเป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ซึ่งเป็นภาพอันหายากสำหรับเกาะวายุคลั่ง

ขณะนี้ร่างของนกฟีนิกซ์ได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า และด้วยแรงกดดันอันมหาศาลจากพลังของขอบเขตสวรรค์ที่กวาดไปทั่วทั้งเกาะวายุคลั่ง ส่งผลให้บรรดาผู้คนที่ขาดเขลาต่างล้วนคุกเข่าลงกับพื้น

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 261 สถานการณ์คับขัน

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 261 สถานการณ์คับขัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 261 สถานการณ์คับขัน

ขณะนี้ทุกคนกำลังบินไปยังเกาะวายุคลั่ง กงหนิวที่ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะอยู่ในขอบเขตนภาแล้ว เมื่อเขาบินด้วยความเร็วเต็มที่ ความเร็วของเขานั้นกลับเร็วกว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์เสียอีก

เป็นเพราะความเร็วที่รุนแรงนี้เอง หลิงตู้ฉิงจึงเลือกที่จะให้กงหนิวลากรถม้าของเขา แต่ไม่ว่ากงหนิวจะเร็วแค่ไหนก็ยังต้องใช้เวลา

เมื่อเห็นความกังวลบนใบหน้าของเสี่ยวเยว่เฟิง มี่ไลก็อดไม่ได้ที่จะปลอบใจนาง “เฟิง ไม่ต้องกังวลนะ มันจะต้องไม่มีปัญหาอะไรหรอก”

แม้ว่าสถานะของเสี่ยวเยว่เฟิงจะเป็นแค่สารถี แต่หลังจากอยู่ในตระกูลหลิงมาหลายปีแล้วทุกคนในตระกูลต่างไม่มีใครมองว่านางต่ำต้อยกว่า ทุกคนต่างมองนางเป็นดั่งญาติพี่น้อง ซึ่งไม่ได้ต่ำต้อยไปกว่าตัวของพวกเขาเลย

เสี่ยวเยว่เฟิงฝืนยิ้มและพูดว่า “ข้าเองก็เชื่อว่านางน่าจะไม่เป็นไร…”

“มันมีอะไรเกิดขึ้นกับเกาะวายุคลั่ง?” หลิงตู้ฉิงถาม

เสี่ยวเยว่เฟิงตอบว่า “เกาะวายุคลั่ง พูดได้ว่าเป็นเกาะที่อ่อนแอที่สุดในอาณาเขตทะเลชางหมาง ความแข็งแกร่งของผู้เชี่ยวชาญบนเกาะ เพียงแค่อยู่ในขอบเขตรวมแสงดารา ระดับ 2 หรือ 3 ก็จัดว่าแข็งแกร่งที่สุดแล้ว แน่นอนว่าเกาะวายุคลั่งเองก็ไม่ได้ใหญ่มาก มันมีขนาดเพียงครึ่งหนึ่งของเกาะเทียนหยวน อย่างไรก็ตามทางเข้าของอาณาเขตทะเลชางหมางนั้นอยู่ใกล้กับเกาะวายุคลั่งเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นข้ากลัวว่าผู้เชี่ยวชาญที่เข้ามาจากภายนอกอาจจะเข้ามาและยึดครองเกาะได้”

“อืม” หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย “รอจนกว่าจะถึงเกาะวายุคลั่งก่อน จากนั้นเจ้าค่อยเปิดเผยร่างที่แท้จริงของเจ้าเองเพื่อขู่ผู้คนที่อยู่บนเกาะ จากนั้นเจ้าก็จงไปหาน้องสาวของเจ้า อันที่จริงเจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องของนางสักเท่าไหร่หรอก แม้ว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับนาง ตราบเท่าที่นางยังไม่ตายสนิท ข้าสามารถช่วยนางได้เสมอ”

หลิวเฟ่ยเฟ่ยอดไม่ได้ที่จะกลอกตา แม้ว่าประโยคเช่นนี้มันจะดูเหมือนเป็นคำปลอบประโลม แต่ทำไมพอฟังแล้วมันกลับดูแปร่ง ๆ และไม่ค่อยจะทำให้คนฟังสบายใจขึ้นได้สักเท่าไหร่เลย?

ในทางกลับกัน เสี่ยวเยว่เฟิงไม่ได้คิดอะไรมากเกินไป นางพูดอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณ นายท่าน!”

ที่มาของชื่อเกาะวายุคลั่ง นั่นก็เป็นเพราะที่นี่มีลมอันรุนแรงและพายุฝนเกือบตลอดปี

และในเวลานี้บน เกาะวายุคลั่งกำลังมีการต่อสู้ที่รุนแรงเกิดขึ้น

ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดารา 2 คนกำลังต่อสู้อยู่กลางอากาศท่ามกลางพายุฝนอันรุนแรง

ส่วนบนพื้นดินผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณ 2-3 คนและผู้เชี่ยวชาญกลุ่มใหญ่ก็เข้าร่วมในการต่อสู้ที่วุ่นวายนี้เช่นกัน

“เจ้าพวกเสื้อคลุมโลหิต พวกเจ้ากล้าลอบสังหารพวกเรา!” ชายสวมเสื้อคลุมมังกรตะโกนเสียงดัง

เขามองไปที่เสื้อคลุมโลหิต 2-3 คนที่ถูกห้อมล้อมด้วยกองทหารและพูดกับแม่ทัพที่อยู่ข้าง ๆ เขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สับไอ้พวกเศษเดนเหล่านี้ให้ละเอียด!”

นายพลโค้งคำนับและพูดว่า “ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาเราจะไม่เคยประสบความสำเร็จในการล่าพวกเขาเลย แต่ด้วยการวางแผนที่แยบยลจนในที่สุดพวกมันก็ติดกับของเราจนได้ ครั้งนี้ข้าเชื่อว่าพวกมันจะไม่สามารถหนีไปได้อีกแล้วแน่นอน ที่เราต้องกังวลก็มีแค่คน ๆ นั้นที่อยู่ในขอบเขตรวมแสงดารา ซึ่งมันคงจะยากไปสักหน่อยที่จะจัดการกับเขา และท่านแม่ทัพใหญ่เองก็ไม่สามารถรั้งเขาไว้ได้นานเช่นกัน”

ในเวลานี้ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราของกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตที่กำลังลอยอยู่ในอากาศก็กังวลมากเช่นกัน

เดิมทีเขาวางแผนที่จะใช้ประโยชน์จากการมาเยือนของจักรพรรดิอาณาจักรแห่งนี้เพื่อทำภารกิจที่ยากลำบากนี้

แต่เขาคิดไม่ถึงว่าจักรพรรดิสุนัขตัวนี้จะวางกับดักพวกเขา แถมยังนำผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณจำนวนมากมาล้อมพวกเขาไว้

บนเกาะวายุคลั่ง ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราจัดเป็น ‘ผู้เชี่ยวชาญที่ไม่มีใครเทียบได้’ อย่างแท้จริง

แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงในขอบเขตประสานทะเลปราณก็ยังหาได้ยาก แต่ตอนนี้กลับมีผู้เชี่ยวชาญระดับสูงเหล่านี้มากมายปรากฎตัวขึ้นพร้อม ๆ กัน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระสับกระส่าย

ถ้าหากคนที่เขาพามาด้วยรอบนี้เป็นเหล่าสมาชิกเสื้อคลุมโลหิตธรรมดา เขาก็คงจะจากไปนานแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่ากลุ่มเสื้อคลุมโลหิตเหล่านี้ที่เขาพามา เป็นกลุ่มที่เขาคัดเลือกมาเป็นพิเศษ

คนกลุ่มนี้ที่เขาพามาคือกลุ่มคนจากตระกูลของเขาเอง

กลุ่มคนตระกูลของเขาเองก็เป็นหนึ่งในพวกที่หนีออกมาจากภูเขาฟีนิกซ์มาจนถึงทะเลชางหมาง ซึ่งกว่าที่พวกเขาจะมาถึงที่นี่พวกเขาก็เหลือคนที่รอดอยู่เพียงไม่กี่คนแล้ว แค่เผชิญกับชะตากรรมเช่นนี้พวกเขาแต่ละคนต่างก็ปวดร้าวใจมาก หากไม่จำเป็นจริง ๆ เขาก็ไม่มีทางทิ้งคนตระกูลของตัวเองเพื่อเอาตัวรอดไปคนเดียวได้แน่นอน

อย่างไรก็ตามผู้ชายคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าเขา ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน กลับกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราเช่นเดียวกับเขา แม้ว่าเขาต้องการที่จะเอาชนะ แต่ก็คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งวัน

แล้วคนข้างล่างจะรอถึงครึ่งวันได้ไหม แน่นอนว่าคำตอบคือดูเหมือนว่าจะไม่!

เมื่อสังเกตเห็นว่าสถานการณ์เริ่มวิกฤตมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาโบกมือและปล่อยมีดเพลิงไปยังคู่ต่อสู้ของเขา

จากนั้นเขาก็ใช้ประโยชน์จากการที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราฝั่งตรงข้ามที่กำลังถอยกลับ เขาหันไปมองด้านล่างและพุ่งลงกระโจนเข้าหาฝูงชน

เมื่อจักรพรรดิที่อยู่ด้านล่างเห็นสิ่งนี้ เขาก็ตะโกนอย่างเย็นชา “ปล่อยธนู!”

ลูกศรนับหมื่นถูกยิงออกไป บังคับให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราของกลุ่มเสื้อคลุมเลือดโลหิตต้องบินหลบขึ้นไปบนอากาศอีกครั้ง

เมื่อเผชิญการโจมตีพร้อมกันของลูกศรนับหมื่น เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหลบ

หลังจากพลาดโอกาส เขาก็ต้องเผชิญจากการโจมตีของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราที่เพิ่งหลบมีดเพลิงของเขาไปได้ และทั้งสองก็ปะทะกันอีกครั้ง

ในฝูงชน เสื้อคลุมโลหิต 2-3 คนเช็ดเลือดที่ผสมกับน้ำฝนออกจากใบหน้า ทำให้ยากที่จะบอกว่าเป็นเลือดของพวกเขาเองหรือของคนอื่น

เมื่อเผชิญหน้ากับฝูงชนที่แน่นขนัดรอบ ๆ พวกเขาก็รู้สึกสิ้นหวัง

ภายในกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตที่เหลืออยู่ไม่กี่คน หญิงสาวนางหนึ่งพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะฟันผู้เชี่ยวชาญตรงหน้านางพร้อมกับตะโกนขึ้น “พี่ใหญ่ตู้เฉิง ท่านรีบหนีออกไปจากที่นี่เถอะ ท่านไม่จำเป็นต้องช่วยพวกเรา! หากท่านยังคงล่าช้ามากไปกว่านี้ ท่านจะจากไปยากขึ้น!”

ในฐานะหัวหน้ากลุ่มเสื้อคลุมโลหิตแห่งเกาะวายุคลั่ง เขาจะอธิบายได้อย่างไรหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเด็กสาวผู้นี้?

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพี่สาวของเด็กคนนี้คือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภา เขาจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไรกับนาง?

ต่อให้เขากลับไปบอกกับพี่สาวของนางว่า น้องสาวของนางได้เสียสละชีวิตของตนเองอย่างสมเกียรติในระหว่างทำภารกิจ แต่มันคงไม่ง่ายที่พี่สาวของนางจะยอมรับเหตุผลง่าย ๆ เช่นนี้ได้ เขามั่นใจว่าอนาคตของเขาคงจะจบไม่สวยแน่นอน

เขาจึงยังคงพยายามอย่างสุดตัวเพื่อที่อย่างน้อย ๆ เขาต้องพาเด็กสาวนางนี้ออกไปกับเขาให้ได้

ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชก็ได้ดังขึ้นพร้อมกับหนึ่งในเสื้อคลุมโลหิตที่อยู่ในวงล้อมก็ล้มลง ทำให้พลังป้องกันของกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตลดลงอีกระดับหนึ่ง

จากนั้นการบาดเจ็บล้มตายก็เริ่มขึ้น

เมื่อเห็น ‘กลุ่มเสื้อคลุมโลหิต’ ของเขาล้มไปทีละคน ตู้เฉิงก็รู้สึกปวดใจ คนเหล่านี้เป็นคนที่เขาฝึกฝนมาด้วยความยากลำบาก

เขามองไปที่คน 2-3 คนที่เหลืออยู่ในวงล้อมและตะโกนว่า “น้องหลิงเฟิง ข้าจะไปทวีปอื่นเพื่อตามหาเจ้านายของข้า ถ้าเจ้าตาย ข้าจะบอกให้เจ้านายของข้าให้สังหารคนของอาณาจักรนี้ไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”

ตอนนี้เขายอมรับในชะตากรรมแล้วว่าเขาคงต้องจากไป อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะจากไปเขาจงใจทิ้งประโยคข่มขู่นี้ไว้เบื้องหลังเพื่อให้เด็กสาวยังมีโอกาสมีชีวิตอยู่ แม้ว่านางจะถูกทรมานและทำให้อับอาย แต่ก็ยังดีกว่าตาย และตราบใดที่นางยังมีชีวิตอยู่มันก็ยังมีโอกาสเสมอที่เขาจะสามารถกลับมาช่วยนางได้

หลังจากที่พูดจบเขาก็กำลังจะเตรียมบินหนีจากไป

สำหรับจักรพรรดิที่กำลังเฝ้าดูการสังหารหมู่นี้อยู่ เขาไม่สนใจคำขู่ของตู้เฉิง และพูดอย่างเย็นชาว่า “ฆ่าพวกมันให้หมด! ต่อให้ไปตามเจ้านายของเจ้ามา ข้าก็ไม่กลัว!”

เมื่อได้รับคำสั่งยืนยันจากจักรพรรดิของตนเอง เหล่าทหารที่กำลังห้อมล้อมอยู่ในขณะนี้ก็พุ่งไปข้างหน้าเพื่อจัดการกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตที่หมดแรง 3 คนสุดท้ายทันที

แต่เมื่อถึงวินาทีที่ทุกอย่างกำลังจะถึงจุดจบ จู่ ๆ ก็มีร่างสีแดงเพลิงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า

“กรี๊ดดดดดดดด ~”

ด้วยเสียงร้องที่ดังก้องไปทั่วท้องฟ้า และตามมาด้วยดวงไฟดวงยักษ์ที่ปรากฎขึ้นกลางอากาศ ส่งผลทำให้ความชื้นที่สะสมอยู่ในกลุ่มเมฆพายุระเหยกลายเป็นไอน้ำไปทั้งหมด และจากวันที่อึมครึมไปด้วยเมฆฝนก็กลายเป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ซึ่งเป็นภาพอันหายากสำหรับเกาะวายุคลั่ง

ขณะนี้ร่างของนกฟีนิกซ์ได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า และด้วยแรงกดดันอันมหาศาลจากพลังของขอบเขตสวรรค์ที่กวาดไปทั่วทั้งเกาะวายุคลั่ง ส่งผลให้บรรดาผู้คนที่ขาดเขลาต่างล้วนคุกเข่าลงกับพื้น

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+