พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 279 กลับตัวไม่ได้

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 279 กลับตัวไม่ได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 279 กลับตัวไม่ได้

ด้านนอกของหมู่ตึกหยูอี่ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ทั้งสี่ต่างเปิดใช้ทักษะอาณาเขตสวรรค์ปกคลุมพื้นที่บริเวณโดยรอบเป็นรูปทรงมังกร เพื่อป้องกันไม่ให้ใครด้านในสามารถเล็ดลอดออกไปได้

เมื่อทราบข่าวสถานการณ์เช่นนี้ เหล่าขุมกำลังที่อยู่ในเมืองเจินไห่ต่างก็รู้สึกตื่นตัว

ส่งผลให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้ออกมาเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่รอบ ๆ

“ทำไมตาเฒ่านี่ถึงได้ออกมาลงมือด้วยตัวเอง?” บางคนถามขึ้นถึงจื่อคงด้วยความงุนงง

ในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของเมืองเจินไห่ มีน้อยครั้งมากที่จื่อคงจะออกหน้าด้วยตัวเองแทนที่จะส่งคนอื่นมาจัดการ

“ใครจะไปรู้? นี่ไม่ใช่แค่ว่าจื่อคงจะมาด้วยตัวเอง แต่นี่เขากลับร่วมมือกับตระกูลจางด้วยอีกต่างหาก หรือว่าทั้งสองตระกูลนี้ต้องการจะทำลายหมู่ตึกหยูอี่?”

“ทำลายหมู่ตึกหยูอี่? พวกเขาไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นหรอก! นอกซะจากว่าหลังจากทำลายเสร็จพวกเขาจะต้องรีบหนีไปโดยทันที ซึ่งต่อให้เดี๋ยวนี้อาณาเขตทะเลชางหมางจะอนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์สามัญเข้าไปด้านในได้แล้ว แต่จื่อคงนั้นคือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตหลุดพ้นสามัญ เขาไม่มีที่ไหนจะให้ไปหลบซ่อน เขาคงไม่ต้องการโยนอนาคตของตัวเองทิ้งแบบนี้แน่ ๆ”

“งั้นก็น่าแปลก ถ้างั้นพวกเขาต้องการจะทำอะไรกันแน่?”

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่ดูสถานการณ์อยู่ต่างวิจารณ์กันอย่างออกรสถึงการกระทำของตระกูลจื่อและตระกูลจาง

ในขณะนี้ จื่อคงและจางหานได้มีข้อพิพาทระหว่างกันเรื่องเกี่ยวกับยันต์สั่งสวรรค์ ว่าใครจะเป็นผู้ได้รับมันไปและผลสุดท้าย จางหานก็ต้องยอมถอย เนื่องจากว่าจื่อคงต่อรองกับเขาว่ารางวัลที่จะได้จากภูเขาฟีนิกซ์ทั้งหมดจะเป็นของตระกูลจาง

เมื่อตกลงกันได้เช่นนี้ ทั้งคู่ก็เลิกราต่อกัน

เหตุผลที่จื่อคงพอใจนั่นก็เพราะ นอกเหนือจากที่เขาจะได้รับยันต์สั่งสวรรค์มาแล้ว เมื่อเขาจับตัวผู้หญิงสองคนนั้นได้ เขาก็จะได้รับวิชาอันพิสดารมาอีกสองวิชา ซึ่งมันอาจจะเป็นกุญแจทำให้เขาบรรลุไปสู่ขอบเขตถัดไปได้

ส่วนทางด้านจางหานเองก็รู้สึกยินดีเช่นกันเพราะว่าเขาจะได้รับรางวัลทั้งหมดที่ทางภูเขาฟีนิกซ์จะมอบให้ และเมื่อถึงเวลานั้นเขาจะใช้รางวัลทั้งหมดที่ได้รับเพื่อพัฒนาระดับการบ่มเพาะของตัวเองให้เข้าสู่ขอบเขตหลุดพ้นสามัญ และแซงหน้าจื่อคง จากนั้นบรรลุไปสู่ขอบเขตเหนือสวรรค์ในอนาคต และเมื่อถึงเวลานั้นการที่เขาจะตั้งตัวเป็นใหญ่ในเมืองเจินไห่แทนจื่อคงมันก็ง่ายดั่งพลิกฝ่ามือ

ในเวลาเดียวกับที่พวกเขาทั้งสองเพิ่งตกลงกันเสร็จ พวกเขาก็ได้เห็นพวกของหลิงตู้ฉิงกำลังเดินออกมาพอดี

“จื่อคง นายท่านผู้นี้ได้ครอบครองยันต์สั่งสวรรค์เรียบร้อยแล้ว เขาคือผู้ถูกโชคชะตากำหนดของเรา และตอนนี้เขายังเป็นแขกผู้มีเกียรติของสำนักข้า สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าต้องการที่จะคุกคามแขกของสำนักข้า?” จงขุยเอ่ยถามขึ้นทันทีที่เขาก้าวออกมา

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าจื่อคงและจางหานนั้นเปลี่ยนไปทันที จื่อคงนิ่งเงียบอยู่สักพักและพูดขึ้น “เพื่อเป็นการให้เกียรติสำนักของเจ้า เจ้าสามารถนำตัวแขกของเจ้าไปได้ แต่นอกเหนือจากนั้นทุกคนที่เหลือเจ้าต้องทิ้งพวกเขาเอาไว้ให้ข้า”

จื่อคงที่คิดได้อย่างรวดเร็ว เขาสามารถปล่อยหลิงตู้ฉิงไปได้เนื่องจากการล่วงเกินสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์นั้นย่อมไม่คุ้มค่า และการปล่อยหลิงตู้ฉิงเพียงคนเดียวมันยังไม่กระทบกับประโยชน์ที่พวกเขาควรได้ที่ตั้งเอาไว้ นั่นก็คือจางหานนั้นจะยังได้รางวัลจากภูเขาฟีนิกซ์อยู่ ส่วนจื่อคงก็ยังได้วิชาประหลาดทั้งสองวิชาจากผู้หญิงทั้งสองคนนั้น

จงขุยส่ายหัวและตอบกลับทันที “เป็นไปไม่ได้! พวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน ถ้าหากเจ้ายังไม่ถอยกลับไป งั้นก็อย่าหาว่าข้าหยาบคายก็แล้วกัน ข้าไม่เชื่อว่าพวกเจ้าจะมีคนที่แข็งแกร่งพอจะคุ้มกะลาหัวของพวกเจ้าได้!”

จื่อคงและจางหานต่างเงียบกันไปครู่ใหญ่ จากนั้นจื่อคงก็ได้กล่าวขึ้นอย่างช้า ๆ “นี่คือเจ้าตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม?”

“ถ้าพวกเจ้าจากไปตอนนี้ ข้าจะแกล้งทำเป็นว่าวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น” จงขุยกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา

หลิงตู้ฉิงมองขึ้นไปยังผู้เชี่ยวชาญทั้ง 4 คนที่อยู่บนท้องฟ้าพลางคิดในใจ

หากไอ้พวกสวะนี่มันจากไปจริง ๆ มันก็ดีเหมือนกัน เนื่องจากเขาเองก็ไม่อยากที่จะเปลืองยันต์ผิวหยกทั้งสองแผ่นสักเท่าไหร่

แต่มันจะง่ายขนาดนั้นจริงเหรอ?

จื่อคงแสดงสีหน้าเย็นชา จากนั้นเขาพูดขึ้น “ในเมื่อเจ้าตัดสินใจเช่นนี้ งั้นข้าคงจะต้องขอล่วงเกินเจ้าแล้ว! ข้าจะใช้เหตุผลที่พวกเจ้าเข้ามาขัดขวางการสังหารคนทรยศให้กับภูเขาฟีนิกซ์ เจ้าคงรู้ดีว่าภูเขาฟีนิกซ์นั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าสำนักของเจ้า!”

ตอนนี้จื่อคงไม่สนใจแล้ว ในเมื่อสถานการณ์มันดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง ฉะนั้นเขาก็จะเอามันซะทุกอย่าง ทั้งสองวิชาพิสดาร ทั้งรางวัลจากภูเขาฟีนิกซ์ ทั้งยันต์สั่งสวรรค์

และเขาก็ได้หวังไว้ว่าผลจากการกระทำครั้งนี้ เขาคงจะนำไปอ้างให้ภูเขาฟีนิกซ์ทราบว่าเขาได้ช่วยสังหารผู้ทรยศให้ และบางทีเขาอาจจะได้รับรางวัลเป็นการอนุญาตให้เข้าร่วมกับภูเขาฟีนิกซ์

ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ด้วยสถานะที่เป็นคนของภูเขาฟีนิกซ์ เขาจะต้องไปกลัวอะไร?

ทางด้านจงขุย เขาหันไปมองที่เสี่ยวเยว่เฟิงพลางคิดในใจ ‘ผู้หญิงคนนี้เป็นคนทรยศจากภูเขาฟีนิกซ์งั้นหรอกเหรอ?’

จงขุยถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับตัดสินใจ เพื่ออานาคตของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเขาต่อให้เขาต้องช่วยคนทรยศผู้นี้ไปด้วยเขาก็คงต้องยอม

บรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์สามัญ 4 คนที่ลอยอยู่บนฟ้าตอนนี้ เมื่อพวกเขาได้รับสัญญาณจากจื่อคง พวกเขาก็ร่วมมือกันเคลื่อนที่อาณาเขตสวรรค์ของพวกเขาเข้าไปหาหมู่ตึกหยูอี่ทันที

จงขุยเมื่อเห็นเช่นนี้ เขาตัดสินใจที่จะไม่ตอแยกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์สามัญ 4 คนนี้ แต่เขาทำตามที่หลิงตู้ฉิงได้บอกไว้ เขาพุ่งเข้าไปหาจื่อคง

จงขุยควบแน่นทักษะอาณาเขตสวรรค์ให้ปกคลุมรอบตัวเขาทันที และจากนั้นก็หยิบกระบี่วิเศษระดับสวรรค์ขึ้นมาและฟันกระเข้าใส่อากาศที่อยู่เบื้องหน้า ส่งผลให้อักขระเวทย์จำนวนมากปรากฎขึ้นลอยเต็มท้องฟ้าและจากนั้นอักขระเวทย์เหล่านั้นก็หลอมรวมกันกลายเป็นทะเลเพลิงอันรุนแรง และลามไปทั่วท้องฟ้ามุ่งหน้าไปหาจื่อคง

เมื่อเห็นทะเลเพลิงที่ลามเข้ามาหาตัวเองเช่นนี้ จื่อคงไม่กล้าประมาททันที เขารีบควบคุมอาณาเขตสวรรค์ให้ห่อหุ้มร่างของเขาเอาไว้และใช้พลังกฎแห่งสวรรค์เข้าปะทะกับทะเลเพลิงเพื่อผลักดันมันกลับไป

เมื่อเสี่ยวเยว่เฟิงเห็นว่าจงขุยพอจะรับมือกับจื่อคงได้ นางจึงบินพุ่งขึ้นไปบนอากาศและเปลี่ยนร่างเป็นฟีนิกซ์

ในขณะที่ร่างแท้ของฟีนิกซ์ถูกใช้งาน เสี่ยวเยว่เฟิงก็บินพุ่งเข้าไปหาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ทั้งสอง นั่นก็คือคู่พ่อลูก จางหานและจางเฉียน

เมื่อนางบินเข้าไปถึงระยะ นางก็ปลดปล่อยพลังเพลิงบรรพกาลใส่ทั้งคู่ทันที ซึ่งจางเฉียนและจางหานต่างก็ไม่มีทางเลือก ต้องดึงอาณาเขตสวรรค์ของพวกเขาเองกลับมาจากการล้อมหมู่ตึกหยูอี่ให้มาปกป้องร่างกายของพวกเขา

เมื่อจงขุยเห็นร่างแท้ของฟีนิกซ์ และเปลวเพลิงฟีนิกซ์บรรพกาลที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า เขาก็หัวเราะออกมาอย่างสะใจ “ฮ่าฮ่าฮ่า จื่อคง เจ้าถึงคราวซวยแล้วล่ะ! เห็นไหมว่านางเป็นถึงบุคคลที่สามารถแสดงร่างแท้ของฟีนิกซ์ได้ ฉะนั้นนางจะเป็นคนทรยศของภูเขาฟีนิกซ์ได้ยังไง! เจ้าที่ได้ล่วงเกินสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของข้าไปแล้วและตอนนี้เจ้ายังล่วงเกินภูเขาฟีนิกซ์อีก ข้าอยากจะรู้จริง ๆ ว่านับจากนี้เป็นต้นไปเจ้าจะเอาชีวิตรอดต่อไปได้อีกกี่วัน!”

จื่อคงเหลือบมองไปยังจางหานที่กำลังหน้าเสียอยู่พลางคิดสบถในใจ ‘ไอ้พวกเวรตระกูลจางมันไม่รู้เรื่องนี้จริง ๆ งั้นเหรอ?’

จางเฉียนเมื่อเห็นเช่นนี้ เขารีบตะโกนขึ้นทันที “ท่านผู้อาวุโสจื่อ ข้ารับประกันด้วยชีวิตของข้า นางเป็นผู้ทรยศของภูเขาฟีนิกซ์จริง ๆ!”

เวลานี้นางจะใช่คนทรยศหรือไม่ จางเฉียนไม่สนใจแล้วเช่นกัน เขารู้แต่ว่าเขาจำเป็นต้องตะโกนออกไปเช่นนี้

เพราะว่าถ้าจื่อคงถอนตัวตอนนี้ ตระกูลจางของเขาคงพบกับจุดจบแน่นอน

ตอนนี้สีหน้าของจื่อคงมืดหม่นลงเรื่อย ๆ เขาไม่ได้พูดตอบอะไรและเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะถอนตัว

เนื่องจากในตอนนี้ มันสายเกินไปแล้วที่เขาจะถอนตัว ต่อผู้หญิงคนนี้จะไม่ใช่คนทรยศของภูเขาฟีนิกซ์ แต่เมื่อพวกเขาได้สู้กันแล้ว มันก็ไม่มีทางเลือกที่จะต้องสู้กันให้จบ

และที่สำคัญเขาไม่สามารถตัดใจได้จากสองวิชาพิสดารนั่นได้จริง ๆ

จื่อเซี่ยงเองในตอนนี้ก็มีสีหน้าที่ดูสลด เขารู้สึกหนังตาของเขากระตุกอยู่เรื่อย ๆ เหมือนกับว่ามันมีบางสิ่งบางอย่างที่มันไม่ปกติ เป็นไปได้ไหมที่พวกเขาได้หลงเข้ามาติดกับของตระกูลจาง?

แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ต่อให้เขาโดนล่อมาติดกับจริง เขาก็คงทำได้เพียงแก้ไขปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ให้จบไปก่อน

จื่อเซี่ยงเริ่มคิดแผนทันที เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ และก็สังเกตเห็นว่าทางฝั่งตรงข้ามนั้นไม่หลงเหลือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์เพื่อออกมารับมือพวกเขาได้อีกแล้ว เขาคิดในใจว่าเขาควรที่จะรีบไปจับกุมพวกคนอื่น ๆ ที่เหลือที่มีการบ่มเพาะอ่อนแอมาเป็นตัวประกันก่อนเป็นอันดับแรก

และหลังจากนั้นค่อยมาตัดสินใจกันอีกทีว่าจะสังหารพวกเขาดี หรือว่าจะปล่อยคนพวกนี้ไปโดยร่างสัญญาผูกมัดเอาไว้

เมื่อตัดสินใจได้แล้ว จื่อเซี่ยงก็เคลื่อนอาณาเขตสวรรค์ของเขาไปห้อมล้อมกลุ่มของหลิงตู้ฉิงที่อยู่ด้านล่างทันที เพื่อจบเรื่องนี้ให้ไวที่สุด

ซือโถวเหวินหยวนเองที่เห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ เขาก็ได้แต่กัดฟันและโคจรพลังขอบเขตครึ่งสวรรค์ของตัวเขาเองจนถึงขีดสุด และออกกระบวนท่าของเขาทันที

และในวินาทีที่ซือโถวเหวินหยวนออกกระบวนท่า เหล่าตัวอักษรต่าง ๆ ที่มีทั้ง ‘กักขัง’ ‘ยิมยอม’ ‘ศาสตรา’ ต่างก็พุ่งทะลุทักษะอาณาเขตสวรรค์ และตรงเข้ามาหาร่างของจื่อเซี่ยงทันที

เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ ลูกตาของจื่อเซี่ยงแทบถลนออกมาจากเบ้า เขาแทบจะเก็บอารมณ์ร้องตะโกนด่าจางเฉียนไม่ไหว

นี่มันเหมือนกับว่าตระกูลของเขาถูกหลอกให้มาติดกับโดยแท้ ฝั่งตรงข้ามมันยังมีคนที่มาจากสำนักเต๋าสวรรค์อีกด้วย!

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 279 กลับตัวไม่ได้

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 279 กลับตัวไม่ได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 279 กลับตัวไม่ได้

ด้านนอกของหมู่ตึกหยูอี่ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ทั้งสี่ต่างเปิดใช้ทักษะอาณาเขตสวรรค์ปกคลุมพื้นที่บริเวณโดยรอบเป็นรูปทรงมังกร เพื่อป้องกันไม่ให้ใครด้านในสามารถเล็ดลอดออกไปได้

เมื่อทราบข่าวสถานการณ์เช่นนี้ เหล่าขุมกำลังที่อยู่ในเมืองเจินไห่ต่างก็รู้สึกตื่นตัว

ส่งผลให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้ออกมาเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่รอบ ๆ

“ทำไมตาเฒ่านี่ถึงได้ออกมาลงมือด้วยตัวเอง?” บางคนถามขึ้นถึงจื่อคงด้วยความงุนงง

ในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของเมืองเจินไห่ มีน้อยครั้งมากที่จื่อคงจะออกหน้าด้วยตัวเองแทนที่จะส่งคนอื่นมาจัดการ

“ใครจะไปรู้? นี่ไม่ใช่แค่ว่าจื่อคงจะมาด้วยตัวเอง แต่นี่เขากลับร่วมมือกับตระกูลจางด้วยอีกต่างหาก หรือว่าทั้งสองตระกูลนี้ต้องการจะทำลายหมู่ตึกหยูอี่?”

“ทำลายหมู่ตึกหยูอี่? พวกเขาไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นหรอก! นอกซะจากว่าหลังจากทำลายเสร็จพวกเขาจะต้องรีบหนีไปโดยทันที ซึ่งต่อให้เดี๋ยวนี้อาณาเขตทะเลชางหมางจะอนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์สามัญเข้าไปด้านในได้แล้ว แต่จื่อคงนั้นคือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตหลุดพ้นสามัญ เขาไม่มีที่ไหนจะให้ไปหลบซ่อน เขาคงไม่ต้องการโยนอนาคตของตัวเองทิ้งแบบนี้แน่ ๆ”

“งั้นก็น่าแปลก ถ้างั้นพวกเขาต้องการจะทำอะไรกันแน่?”

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่ดูสถานการณ์อยู่ต่างวิจารณ์กันอย่างออกรสถึงการกระทำของตระกูลจื่อและตระกูลจาง

ในขณะนี้ จื่อคงและจางหานได้มีข้อพิพาทระหว่างกันเรื่องเกี่ยวกับยันต์สั่งสวรรค์ ว่าใครจะเป็นผู้ได้รับมันไปและผลสุดท้าย จางหานก็ต้องยอมถอย เนื่องจากว่าจื่อคงต่อรองกับเขาว่ารางวัลที่จะได้จากภูเขาฟีนิกซ์ทั้งหมดจะเป็นของตระกูลจาง

เมื่อตกลงกันได้เช่นนี้ ทั้งคู่ก็เลิกราต่อกัน

เหตุผลที่จื่อคงพอใจนั่นก็เพราะ นอกเหนือจากที่เขาจะได้รับยันต์สั่งสวรรค์มาแล้ว เมื่อเขาจับตัวผู้หญิงสองคนนั้นได้ เขาก็จะได้รับวิชาอันพิสดารมาอีกสองวิชา ซึ่งมันอาจจะเป็นกุญแจทำให้เขาบรรลุไปสู่ขอบเขตถัดไปได้

ส่วนทางด้านจางหานเองก็รู้สึกยินดีเช่นกันเพราะว่าเขาจะได้รับรางวัลทั้งหมดที่ทางภูเขาฟีนิกซ์จะมอบให้ และเมื่อถึงเวลานั้นเขาจะใช้รางวัลทั้งหมดที่ได้รับเพื่อพัฒนาระดับการบ่มเพาะของตัวเองให้เข้าสู่ขอบเขตหลุดพ้นสามัญ และแซงหน้าจื่อคง จากนั้นบรรลุไปสู่ขอบเขตเหนือสวรรค์ในอนาคต และเมื่อถึงเวลานั้นการที่เขาจะตั้งตัวเป็นใหญ่ในเมืองเจินไห่แทนจื่อคงมันก็ง่ายดั่งพลิกฝ่ามือ

ในเวลาเดียวกับที่พวกเขาทั้งสองเพิ่งตกลงกันเสร็จ พวกเขาก็ได้เห็นพวกของหลิงตู้ฉิงกำลังเดินออกมาพอดี

“จื่อคง นายท่านผู้นี้ได้ครอบครองยันต์สั่งสวรรค์เรียบร้อยแล้ว เขาคือผู้ถูกโชคชะตากำหนดของเรา และตอนนี้เขายังเป็นแขกผู้มีเกียรติของสำนักข้า สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าต้องการที่จะคุกคามแขกของสำนักข้า?” จงขุยเอ่ยถามขึ้นทันทีที่เขาก้าวออกมา

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าจื่อคงและจางหานนั้นเปลี่ยนไปทันที จื่อคงนิ่งเงียบอยู่สักพักและพูดขึ้น “เพื่อเป็นการให้เกียรติสำนักของเจ้า เจ้าสามารถนำตัวแขกของเจ้าไปได้ แต่นอกเหนือจากนั้นทุกคนที่เหลือเจ้าต้องทิ้งพวกเขาเอาไว้ให้ข้า”

จื่อคงที่คิดได้อย่างรวดเร็ว เขาสามารถปล่อยหลิงตู้ฉิงไปได้เนื่องจากการล่วงเกินสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์นั้นย่อมไม่คุ้มค่า และการปล่อยหลิงตู้ฉิงเพียงคนเดียวมันยังไม่กระทบกับประโยชน์ที่พวกเขาควรได้ที่ตั้งเอาไว้ นั่นก็คือจางหานนั้นจะยังได้รางวัลจากภูเขาฟีนิกซ์อยู่ ส่วนจื่อคงก็ยังได้วิชาประหลาดทั้งสองวิชาจากผู้หญิงทั้งสองคนนั้น

จงขุยส่ายหัวและตอบกลับทันที “เป็นไปไม่ได้! พวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน ถ้าหากเจ้ายังไม่ถอยกลับไป งั้นก็อย่าหาว่าข้าหยาบคายก็แล้วกัน ข้าไม่เชื่อว่าพวกเจ้าจะมีคนที่แข็งแกร่งพอจะคุ้มกะลาหัวของพวกเจ้าได้!”

จื่อคงและจางหานต่างเงียบกันไปครู่ใหญ่ จากนั้นจื่อคงก็ได้กล่าวขึ้นอย่างช้า ๆ “นี่คือเจ้าตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม?”

“ถ้าพวกเจ้าจากไปตอนนี้ ข้าจะแกล้งทำเป็นว่าวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น” จงขุยกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา

หลิงตู้ฉิงมองขึ้นไปยังผู้เชี่ยวชาญทั้ง 4 คนที่อยู่บนท้องฟ้าพลางคิดในใจ

หากไอ้พวกสวะนี่มันจากไปจริง ๆ มันก็ดีเหมือนกัน เนื่องจากเขาเองก็ไม่อยากที่จะเปลืองยันต์ผิวหยกทั้งสองแผ่นสักเท่าไหร่

แต่มันจะง่ายขนาดนั้นจริงเหรอ?

จื่อคงแสดงสีหน้าเย็นชา จากนั้นเขาพูดขึ้น “ในเมื่อเจ้าตัดสินใจเช่นนี้ งั้นข้าคงจะต้องขอล่วงเกินเจ้าแล้ว! ข้าจะใช้เหตุผลที่พวกเจ้าเข้ามาขัดขวางการสังหารคนทรยศให้กับภูเขาฟีนิกซ์ เจ้าคงรู้ดีว่าภูเขาฟีนิกซ์นั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าสำนักของเจ้า!”

ตอนนี้จื่อคงไม่สนใจแล้ว ในเมื่อสถานการณ์มันดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง ฉะนั้นเขาก็จะเอามันซะทุกอย่าง ทั้งสองวิชาพิสดาร ทั้งรางวัลจากภูเขาฟีนิกซ์ ทั้งยันต์สั่งสวรรค์

และเขาก็ได้หวังไว้ว่าผลจากการกระทำครั้งนี้ เขาคงจะนำไปอ้างให้ภูเขาฟีนิกซ์ทราบว่าเขาได้ช่วยสังหารผู้ทรยศให้ และบางทีเขาอาจจะได้รับรางวัลเป็นการอนุญาตให้เข้าร่วมกับภูเขาฟีนิกซ์

ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ด้วยสถานะที่เป็นคนของภูเขาฟีนิกซ์ เขาจะต้องไปกลัวอะไร?

ทางด้านจงขุย เขาหันไปมองที่เสี่ยวเยว่เฟิงพลางคิดในใจ ‘ผู้หญิงคนนี้เป็นคนทรยศจากภูเขาฟีนิกซ์งั้นหรอกเหรอ?’

จงขุยถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับตัดสินใจ เพื่ออานาคตของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเขาต่อให้เขาต้องช่วยคนทรยศผู้นี้ไปด้วยเขาก็คงต้องยอม

บรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์สามัญ 4 คนที่ลอยอยู่บนฟ้าตอนนี้ เมื่อพวกเขาได้รับสัญญาณจากจื่อคง พวกเขาก็ร่วมมือกันเคลื่อนที่อาณาเขตสวรรค์ของพวกเขาเข้าไปหาหมู่ตึกหยูอี่ทันที

จงขุยเมื่อเห็นเช่นนี้ เขาตัดสินใจที่จะไม่ตอแยกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์สามัญ 4 คนนี้ แต่เขาทำตามที่หลิงตู้ฉิงได้บอกไว้ เขาพุ่งเข้าไปหาจื่อคง

จงขุยควบแน่นทักษะอาณาเขตสวรรค์ให้ปกคลุมรอบตัวเขาทันที และจากนั้นก็หยิบกระบี่วิเศษระดับสวรรค์ขึ้นมาและฟันกระเข้าใส่อากาศที่อยู่เบื้องหน้า ส่งผลให้อักขระเวทย์จำนวนมากปรากฎขึ้นลอยเต็มท้องฟ้าและจากนั้นอักขระเวทย์เหล่านั้นก็หลอมรวมกันกลายเป็นทะเลเพลิงอันรุนแรง และลามไปทั่วท้องฟ้ามุ่งหน้าไปหาจื่อคง

เมื่อเห็นทะเลเพลิงที่ลามเข้ามาหาตัวเองเช่นนี้ จื่อคงไม่กล้าประมาททันที เขารีบควบคุมอาณาเขตสวรรค์ให้ห่อหุ้มร่างของเขาเอาไว้และใช้พลังกฎแห่งสวรรค์เข้าปะทะกับทะเลเพลิงเพื่อผลักดันมันกลับไป

เมื่อเสี่ยวเยว่เฟิงเห็นว่าจงขุยพอจะรับมือกับจื่อคงได้ นางจึงบินพุ่งขึ้นไปบนอากาศและเปลี่ยนร่างเป็นฟีนิกซ์

ในขณะที่ร่างแท้ของฟีนิกซ์ถูกใช้งาน เสี่ยวเยว่เฟิงก็บินพุ่งเข้าไปหาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ทั้งสอง นั่นก็คือคู่พ่อลูก จางหานและจางเฉียน

เมื่อนางบินเข้าไปถึงระยะ นางก็ปลดปล่อยพลังเพลิงบรรพกาลใส่ทั้งคู่ทันที ซึ่งจางเฉียนและจางหานต่างก็ไม่มีทางเลือก ต้องดึงอาณาเขตสวรรค์ของพวกเขาเองกลับมาจากการล้อมหมู่ตึกหยูอี่ให้มาปกป้องร่างกายของพวกเขา

เมื่อจงขุยเห็นร่างแท้ของฟีนิกซ์ และเปลวเพลิงฟีนิกซ์บรรพกาลที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า เขาก็หัวเราะออกมาอย่างสะใจ “ฮ่าฮ่าฮ่า จื่อคง เจ้าถึงคราวซวยแล้วล่ะ! เห็นไหมว่านางเป็นถึงบุคคลที่สามารถแสดงร่างแท้ของฟีนิกซ์ได้ ฉะนั้นนางจะเป็นคนทรยศของภูเขาฟีนิกซ์ได้ยังไง! เจ้าที่ได้ล่วงเกินสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของข้าไปแล้วและตอนนี้เจ้ายังล่วงเกินภูเขาฟีนิกซ์อีก ข้าอยากจะรู้จริง ๆ ว่านับจากนี้เป็นต้นไปเจ้าจะเอาชีวิตรอดต่อไปได้อีกกี่วัน!”

จื่อคงเหลือบมองไปยังจางหานที่กำลังหน้าเสียอยู่พลางคิดสบถในใจ ‘ไอ้พวกเวรตระกูลจางมันไม่รู้เรื่องนี้จริง ๆ งั้นเหรอ?’

จางเฉียนเมื่อเห็นเช่นนี้ เขารีบตะโกนขึ้นทันที “ท่านผู้อาวุโสจื่อ ข้ารับประกันด้วยชีวิตของข้า นางเป็นผู้ทรยศของภูเขาฟีนิกซ์จริง ๆ!”

เวลานี้นางจะใช่คนทรยศหรือไม่ จางเฉียนไม่สนใจแล้วเช่นกัน เขารู้แต่ว่าเขาจำเป็นต้องตะโกนออกไปเช่นนี้

เพราะว่าถ้าจื่อคงถอนตัวตอนนี้ ตระกูลจางของเขาคงพบกับจุดจบแน่นอน

ตอนนี้สีหน้าของจื่อคงมืดหม่นลงเรื่อย ๆ เขาไม่ได้พูดตอบอะไรและเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะถอนตัว

เนื่องจากในตอนนี้ มันสายเกินไปแล้วที่เขาจะถอนตัว ต่อผู้หญิงคนนี้จะไม่ใช่คนทรยศของภูเขาฟีนิกซ์ แต่เมื่อพวกเขาได้สู้กันแล้ว มันก็ไม่มีทางเลือกที่จะต้องสู้กันให้จบ

และที่สำคัญเขาไม่สามารถตัดใจได้จากสองวิชาพิสดารนั่นได้จริง ๆ

จื่อเซี่ยงเองในตอนนี้ก็มีสีหน้าที่ดูสลด เขารู้สึกหนังตาของเขากระตุกอยู่เรื่อย ๆ เหมือนกับว่ามันมีบางสิ่งบางอย่างที่มันไม่ปกติ เป็นไปได้ไหมที่พวกเขาได้หลงเข้ามาติดกับของตระกูลจาง?

แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ต่อให้เขาโดนล่อมาติดกับจริง เขาก็คงทำได้เพียงแก้ไขปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ให้จบไปก่อน

จื่อเซี่ยงเริ่มคิดแผนทันที เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ และก็สังเกตเห็นว่าทางฝั่งตรงข้ามนั้นไม่หลงเหลือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์เพื่อออกมารับมือพวกเขาได้อีกแล้ว เขาคิดในใจว่าเขาควรที่จะรีบไปจับกุมพวกคนอื่น ๆ ที่เหลือที่มีการบ่มเพาะอ่อนแอมาเป็นตัวประกันก่อนเป็นอันดับแรก

และหลังจากนั้นค่อยมาตัดสินใจกันอีกทีว่าจะสังหารพวกเขาดี หรือว่าจะปล่อยคนพวกนี้ไปโดยร่างสัญญาผูกมัดเอาไว้

เมื่อตัดสินใจได้แล้ว จื่อเซี่ยงก็เคลื่อนอาณาเขตสวรรค์ของเขาไปห้อมล้อมกลุ่มของหลิงตู้ฉิงที่อยู่ด้านล่างทันที เพื่อจบเรื่องนี้ให้ไวที่สุด

ซือโถวเหวินหยวนเองที่เห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ เขาก็ได้แต่กัดฟันและโคจรพลังขอบเขตครึ่งสวรรค์ของตัวเขาเองจนถึงขีดสุด และออกกระบวนท่าของเขาทันที

และในวินาทีที่ซือโถวเหวินหยวนออกกระบวนท่า เหล่าตัวอักษรต่าง ๆ ที่มีทั้ง ‘กักขัง’ ‘ยิมยอม’ ‘ศาสตรา’ ต่างก็พุ่งทะลุทักษะอาณาเขตสวรรค์ และตรงเข้ามาหาร่างของจื่อเซี่ยงทันที

เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ ลูกตาของจื่อเซี่ยงแทบถลนออกมาจากเบ้า เขาแทบจะเก็บอารมณ์ร้องตะโกนด่าจางเฉียนไม่ไหว

นี่มันเหมือนกับว่าตระกูลของเขาถูกหลอกให้มาติดกับโดยแท้ ฝั่งตรงข้ามมันยังมีคนที่มาจากสำนักเต๋าสวรรค์อีกด้วย!

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+