พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 285 กฎเดิม

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 285 กฎเดิม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 285 กฎเดิม

หลิวเฟ่ยเฟ่ยซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ นางรู้สึกขบขันเมื่อเห็นว่าจูหยงเฉียนต้องการเชื้อเชิญหลิงตู้ฉิงเข้าไปรับตำแหน่งขุนนางของอาณาจักรแห่งนี้

หลังจากที่จูหยงเฉียนจากไป หลิวเฟ่ยเฟ่ยก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาในที่สุดและพูดว่า “นายท่าน ถ้าคนผู้นั้นรู้ว่ายี่เทียนกำลังรวมทะเลชางหมาง ข้าสงสัยว่าปฏิกิริยาของเขาจะเป็นอย่างไร?”

ทุกคนในตระกูลหลิงรู้ดีว่าหลิงยี่เทียนกำลังรวมทะเลชางหมางของเขาอย่างตั้งใจ

เมื่อตอนที่พวกเขาจากมา อาณาจักรจันทราได้รวมเกาะหลายเกาะเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว และไม่ช้าก็เร็วทุกเกาะหรือทวีปในทะเลชางหมางทั้งหมดจะถูกรวมกันเป็นหนึ่งเดียว

สำหรับอาณาจักรอี้จิ๋นที่มีอาณาเขตอยู่ใกล้เคียงกับทะเลชางหมาง แน่นอนว่าพวกเขาจะเป็นอาณาจักรต่อไปที่หลิงยี่เทียนจะเข้าโจมตีด้วย และเมื่อถึงเวลานั้น พวกเขายังจะยินดีเชื้อเชิญหลิงตู้ฉิงที่เป็นบิดาของจักรพรรดิอาณาจักรจันทราให้มาเป็นขุนนางของพวกเขาเองอีกงั้นเหรอ?

แต่อันที่จริงจะโทษว่าพวกเขาเหล่านี้โง่เง่าก็ไม่ถูก เนื่องจากด้วยความเร็วของกงหนิวที่ใช้เวลาเดินทางมาถึงที่นี่นั้นเร็วมากเกินไป มันเร็วเกินกว่าข่าวแผนการรวบรวมทะเลชางหมางของหลิงยี่เทียนจะมาถึงที่นี่ จนทำให้คนเหล่านี้ไม่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงจริง ๆ แล้วเป็นใครกันแน่

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ช่างพวกเขาไปก่อนเถอะ เจ้าเองน่ะรีบ ๆ ไปฝึกวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งของเจ้าได้แล้ว”

หลิวเฟ่ยเฟ่ยเหลือบมองไปที่หลิงตู้ฉิง นางลุกขึ้นด้วยท่าทีหว่านเสน่ห์และพูดว่า “สามี หลังจากที่ท่านทำเรื่องของท่านเสร็จแล้ว วันนี้ท่านก็มาที่ห้องของข้าก็แล้วกัน พี่หญิงมี่ไลวันนี้นางกำลังบ่มเพาะอย่างเคร่งเครียดอยู่ นางคงไม่ว่างรับใช้ท่านหรอกท่านสามีของข้า…”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเพื่อแสดงว่าเขาเข้าใจ

เสี่ยวเยว่เฟิง ซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เขาแสร้งทำเป็นหูทวนลมกับคำพูดเหล่านี้

ในขณะเดียวกับที่จูหยงเฉียนเพิ่งจากไป ก็มีใครบางคนที่อยู่ด้านนอกมาขอพบกับหลิงตู้ฉิงอีกครั้ง

เสี่ยวเยว่เฟิงรีบลุกขึ้นเพื่อออกไปดูข้างนอก จากนั้นนางก็กลับมารายงาน “นายท่าน เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของเมืองเจินไห่ ชื่อของเขาคือ ฮ่องกวง เขาบอกว่าเขามีเรื่องสำคัญมากที่เขาอยากจะคุยกับนายท่าน ท่านอยากจะพบกับเขาไหม?”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดขึ้นว่า “อืม ไปตามเขาเข้ามา และมาดูกันว่าเขาอยากจะพูดอะไร”

ไม่นานต่อมา ฮ่องกวงก็เข้ามาด้านใน เขายิ้มและพูดกับหลิงตู้ฉิงว่า “ขอคารวะ ท่านผู้สูงศักดิ์!”

“ถ้ามีอะไรจะพูดก็รีบพูดออกมา” หลิงตู้ฉิงเผยมือแสดงท่าทางอนุญาต

เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้ ฮ่องกวงจึงพยักหน้าแสดงออกว่าเขาเข้าใจและเขาก็ลดเสียงลงโดยไม่รู้ตัว “ท่านหลิง ตระกูลจื่อและจางเป็นตระกูลที่ค่อนข้างใหญ่โตและทั้งสองตระกูลนั้นมีความมั่งคั่งอยู่พอสมควร ตอนนี้เสาหลักของตระกูลพวกเขาถูกท่านและคนของท่านสังหารไปแล้ว ฉะนั้นที่ตระกูลของพวกเขาตอนนี้จึงกำลังระส่ำระส่ายนี่จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีในการยึดทรัพย์สินของพวกเขา แต่บังเอิญว่าในตระกูลจื่อและตระกูลจางก็ยังคงมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์เหลืออยู่ตระกูลละ 1 คน ข้าต้องการร่วมมือกับท่านเพื่อกำจัดผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ของพวกเขาด้วยกัน เมื่อถึงเวลาเราสามารถฉกทรัพย์สินของพวกเขามาได้ ข้าขอส่วนแบ่ง 40 ส่วน และท่านจะได้ 60 ส่วน”

เมื่อได้ยินข้อเสนอเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงจ้องไปที่ฮ่องกวงโดยไม่พูดอะไร

การที่ถูกหลิงตู้ฉิงจ้องมองแบบนี้ ฮ่องกวงก็พูดขึ้นอีกรอบอย่างกระอักกระอ่วนว่า “เอ่อ…ถ้าหากว่าท่านมีปัญหาเรื่องส่วนแบ่ง งั้นเอาเป็นว่าทางข้าเองขอส่วนแบ่งเพียงแค่ 30 ส่วน ก็พอส่วนท่านเอาไป 70 ส่วนเลยเป็นไง?”

“ข้าไม่สนใจที่จะทำเรื่องเหล่านี้!” หลิงตู้ฉิงพูดว่า “ตราบใดที่พวกเขาไม่ยั่วยุข้าอีก ข้าก็ไม่รู้สึกติดใจอะไรต่อพวกเขา แต่ถ้าหากว่าพวกเขาต้องการแก้แค้นข้า ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะฆ่าพวกเขาให้หมดเช่นกัน เอาล่ะเจ้ากลับไปได้แล้ว!”

ฮ่องกวงที่ได้ยินเช่นนี้รู้สึกไม่เต็มใจที่จะจากไป แต่หลังจากที่เห็นว่าหลิงตู้ฉิงทำท่าจะหมดความอดทน ฮ่องกวงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันหลังจากไป

หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้ว “เฟิง เจ้าจงไปทำประกาศเหมือนกฎการเข้าพบข้าของคฤหาสน์สราญรมย์ที่ทางเข้าหมู่ตึกหยูอี่ด้วย! จงปิดประกาศไว้สำหรับผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะขอบเขตนภาขึ้นไปพวกเขาจะต้องจ่ายค่าเข้าไปเป็นวัสดุราชวงศ์เป็นค่าเข้า ส่วนระดับการบ่มเพาะที่ต่ำกว่านั้นพวกเขาจะต้องจ่ายเป็นวัสดุระดับสูงแทน”

หลิงตู้ฉิงไม่สนใจคำแนะนำของฮ่องกวงเลย

เขาจำเป็นต้องใช้วิธีเข่นฆ่าเพื่อให้ได้มาซึ่งความมั่งคั่งงั้นเหรอ? ไม่! เขาไม่ต้องการกลับไปใช้วิธีเดิมที่เคยใช้ในชีวิตก่อนหน้านี้

ในชีวิตนี้ แค่การฆ่าคนสักคนหนึ่งเขายังต้องคิดแล้วคิดอีก ดังนั้นลืมไปได้เลยกับการที่ต้องให้เขามามีส่วนร่วมในการฆ่าล้างตระกูลของผู้อื่นที่มีจำนวนคนนับร้อยชีวิต

เสี่ยวเยว่เฟิงยิ้มและพูดว่า “นายท่าน ข้าเข้าใจแล้ว!”

จากนั้นนางก็เขียนกฎที่ทางเข้าหมู่ตึกหยูอี่ ในขณะที่นางกำลังเขียนผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์อีกคนก็วิ่งเข้ามาและยิ้มอย่างสุภาพ “แม่นาง ข้าชื่อ หวงไท่อี้ จากตระกูลหวง ข้ามาที่นี่เพื่ออยากขอเข้าพบเจ้าของหมู่ตึกหยูอี่”

เสี่ยวเยว่เฟิงที่ได้ยินผู้มาใหม่พูดขึ้น นางจึงชี้ไปที่กฎที่วางอยู่ข้างประตู

หวงไท่อี้ตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะหยิบวัสดุระดับราชวงศ์ออกมา และส่งให้นางด้วยท่าทีงุนงง

อย่างไรก็ตาม หวงไท่อี้ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากสาปแช่งอย่างเงียบ ๆ นี่มันไม่ต่างอะไรกับการปล้นกันชัด ๆ เลยไม่ใช่งั้นเหรอ?

แต่เพื่อการหารือเกี่ยวกับเรื่องสำคัญที่ต้องทำต่อไป เขายังคงจำเป็นต้องเข้าไปในหมู่ตึกหยูอี่

และเมื่อเขาได้พบกับหลิงตู้ฉิง เขาก็ใช้คำพูดหว่านล้อมที่แทบจะคล้ายคลึงกับของฮ่องกวงว่าเขาต้องการร่วมมือกับหลิงตู้ฉิงเพื่อปล้นชิงทรัพย์สินจากตระกูลจื่อ และตระกูลจาง

ตระกูลจางและตระกูลจื่อ ทั้งสองต่างเป็นตระกูลใหญ่ในเมืองเจินไห่

โดยเฉพาะสำหรับตระกูลจื่อ หลังการจากไปของจื่อคง ตระกูลนี้ก็ยังคงเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองอยู่ดี เนื่องจากพวกเขาก็ยังคงมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์และมีเส้นสายกับผู้คนอื่น ๆ อีกมากมาย

ในสถานการณ์เช่นนี้ แม้ว่าพวกเขาต้องการที่จะปล้นทรัพย์สินจากทั้งสองตระกูล แต่พวกเขาก็ยังต้องมองหาผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่งอย่างหลิงตู้ฉิง

เนื่องจากหลิงตู้ฉิงกล้าที่จะฆ่าคนของตระกูลจื่อและตระกูลจาง ซึ่งมันหมายความว่าพวกของหลิงตู้ฉิงไม่กลัวคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งสองตระกูล

แต่น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเสียวัสดุระดับราชวงศ์ไปแล้ว แต่พวกเขากลับได้รับคำตอบที่ตัวเองไม่พึงใจและทำได้เพียงจากไปอย่างขมขื่น

ทันทีที่หวงไท่อี้จากไป เย่เจิ้งฉวนก็มาอีก

ตระกูลเหล่านี้ล้วนอยู่ในเมืองเจินไห่ หลังจากที่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงได้ฆ่าคนของตระกูลจื่อและตระกูลจางไปแล้ว เขาเองก็พยายามเฝ้าดูว่าหลิงตู้ฉิงจะเคลื่อนไหวอะไรต่ออีก ซึ่งเมื่อเฝ้าดูอยู่ได้หลายวันแต่หลิงตู้ฉิงก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร ดังนั้นพวกเขาจึงอดรนทนไม่ไหวต้องมาขอเข้าพบกับหลิงตู้ฉิงเท่านั้น

หลังจากที่เย่เจิ้งฉวนส่งมอบวัสดุระดับราชวงศ์แล้วเขาก็ได้พบกับหลิงตู้ฉิง แน่นอนว่าหลิงตู้ฉิงก็ให้คำตอบเช่นเดียวกับหวงไท่อี้

เห็นได้ชัดว่าเย่เจิ้งฉวนผิดหวังมาก

ก่อนที่เขาจะจากไป เขามองไปที่สวนหลังหมู่ตึกหยูอี่และยิ้มให้กับหลิงตู้ฉิง “ท่านหลิง ดูเหมือนว่าท่านจะไม่มีคนรับใช้มากนัก ท่านต้องการให้ข้าหาสาวใช้สักคนสองคนให้ท่านดีหรือไม่?”

เย่เจิ้งฉวนได้สังเกตเห็นว่าที่หมู่ตึกหยูอี่ในตอนนี้ไม่มีคนรับใช้เหลืออยู่เลย จะมีก็แต่ผู้ติดตามของหลิงตู้ฉิงเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ด้วยตัวตนระดับนี้จะเป็นไปได้ยังไงที่จะอยู่ได้โดยสุขสบายโดยที่มีคนรับใช้เพียงน้อยนิดเท่านี้? ที่สำคัญนี่เป็นโอกาสอันดีที่เขาจะลองได้ผูกสัมพันธ์ไปอีกทางหนึ่ง

“ไม่มีปัญหา!” หลิงตู้ฉิงตกลงโดยไม่มีใครคาดคิด

เย่เจิ้งฉวนตะลึงไปชั่วขณะ เขาไม่ได้คาดหวังว่าหลิงตู้ฉิงจะเห็นด้วย เขายิ้มทันทีและพูดว่า “งั้นข้าจะกลับไปหาสาวใช้ 2 คนมาให้ท่านทันที!”

ด้วยเหตุนี้เขาจึงรีบกลับออกไปอย่างรวดเร็ว

ตระกูลเย่เป็นตระกูลที่ใหญ่มาก การหาเด็กผู้หญิงเพียงแค่ 2 คนเพื่อมาเป็นคนรับใช้หลิงตู้ฉิงนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ

หลังจากเย่เจิ้งฉวนกลับไปที่ตระกูลของเขา เขารีบเลือกเด็กสาววัยรุ่น 2 คนจากในตระกูลเขา และรีบนำพวกนางมาส่งให้หลิงตู้ฉิงด้วยตัวเองทันที แต่ในขณะที่เขามาถึงหมู่ตึกหยูอี่อีกรอบ เขาก็เห็นผู้นำตระกูลอื่นของเมืองเจินไห่จากไป และเมื่อเห็นสีหน้าของผู้นำตระกูลผู้นั้น เย่เจิ้งฉวนก็เดาได้ไม่ยากว่าการเจรจาของเขาล้มเหลวเหมือนกับของเขาเช่นกัน

แต่ในขณะเดียวกัน ผู้นำตระกูลผู้นั้นที่เห็นเย่เจิ้งฉวนพาเด็กสาวทั้งสองมา ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นและเขาก็รีบวิ่งกลับไปที่ตระกูลของเขาเช่นกัน

ไม่นานสองสาวจากอีกตระกูลที่เพิ่งถูกหลิงตู้ฉิงปฏิเสธก็มาถึงเช่นกัน

หลิงตู้ฉิงที่ยังไม่ทันยอมรับสองสาวจากเย่เจิ้งฉวน แต่ตอนนี้กลับมีมาเพิ่มอีก 2 คน?

เมื่อเห็นเช่นนี้ บรรดาผู้นำตระกูลคนอื่น ๆ ที่ก็ได้เข้ามาหาหลิงตู้ฉิงและก็ถูกปฏิเสธไปเหมือนกัน ๆ ต่างก็พากันดูเหมือนจะเห็นโอกาสอันริบหรี่ของพวกเขาเปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้งและพากันทำตาม

จากนั้น…

ภายในห้องโถงของหมู่ตึกหยูอี่ หลิงตู้ฉิงมองไปที่เด็กสาว 12 คนที่อยู่ตรงหน้าเขา บางคนอายุ 17 หรือ 18 ปี ในขณะที่บางคนก็มีอายุเพียงแค่ 11 หรือ 12 ปีเท่านั้น

ใบหน้าของพวกนางทั้งหมดต่างสวยงามราวกับดอกไม้และพวกนางทั้งหมดต่างมีรูปร่างที่สมส่วน นี่ทำให้หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วและเกาหลังศีรษะของเขา

แต่โชคยังดีที่เด็กสาวเหล่านี้ไม่ได้มาที่นี่พร้อมกับเจตนาร้ายอะไร ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไล่พวกนางทั้งหมดออกไปอย่างแน่นอน

ซึ่งแน่นอนว่าเด็กสาวเหล่านี้จะมีเจตนาร้ายกับเขาได้ยังไง ในเมื่อพวกนางได้ถูกเลือกจากบรรดาผู้นำตระกูลทั้งหลายมาให้เป็นเพียงแค่คนรับใช้ของเขา ซึ่งพวกนางไม่ได้ถูกบังคับให้ทำอะไรอย่างอื่นนอกเหนือจากนั้นอีก และโดยเฉพาะที่เด็กสาวเหล่านี้ยังได้ยินมาว่าพวกนางกำลังจะได้มารับใช้ผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์ที่ทรงพลังแถมคนผู้นี้ยังมีผู้ติดตามที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์อยู่อีกต่างหาก เมื่อได้รับโอกาสให้มารับใช้ตัวตนที่สูงส่งเช่นนี้พวกนางจะไม่เต็มใจได้อย่างไร?

หลิงตู้ฉิงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “ข้าไม่ต้องการคนเยอะขนาดนี้ ข้าจะให้เวลาพวกเจ้า 1 คืนในการแสดงความสามารถว่าพวกเจ้ามีค่าพอจะอยู่ที่นี่ และจากนั้นข้าถึงจะตัดสินใจว่าข้าอาจจะเลือกพวกเจ้ามาอยู่ที่นี่สักสองหรือสามคน เอาล่ะตอนนี้พวกเจ้าสามารถแยกย้ายกันไปหาห้องว่าง ๆ เพื่อพักผ่อนกันได้แล้ว”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 285 กฎเดิม

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 285 กฎเดิม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 285 กฎเดิม

หลิวเฟ่ยเฟ่ยซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ นางรู้สึกขบขันเมื่อเห็นว่าจูหยงเฉียนต้องการเชื้อเชิญหลิงตู้ฉิงเข้าไปรับตำแหน่งขุนนางของอาณาจักรแห่งนี้

หลังจากที่จูหยงเฉียนจากไป หลิวเฟ่ยเฟ่ยก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาในที่สุดและพูดว่า “นายท่าน ถ้าคนผู้นั้นรู้ว่ายี่เทียนกำลังรวมทะเลชางหมาง ข้าสงสัยว่าปฏิกิริยาของเขาจะเป็นอย่างไร?”

ทุกคนในตระกูลหลิงรู้ดีว่าหลิงยี่เทียนกำลังรวมทะเลชางหมางของเขาอย่างตั้งใจ

เมื่อตอนที่พวกเขาจากมา อาณาจักรจันทราได้รวมเกาะหลายเกาะเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว และไม่ช้าก็เร็วทุกเกาะหรือทวีปในทะเลชางหมางทั้งหมดจะถูกรวมกันเป็นหนึ่งเดียว

สำหรับอาณาจักรอี้จิ๋นที่มีอาณาเขตอยู่ใกล้เคียงกับทะเลชางหมาง แน่นอนว่าพวกเขาจะเป็นอาณาจักรต่อไปที่หลิงยี่เทียนจะเข้าโจมตีด้วย และเมื่อถึงเวลานั้น พวกเขายังจะยินดีเชื้อเชิญหลิงตู้ฉิงที่เป็นบิดาของจักรพรรดิอาณาจักรจันทราให้มาเป็นขุนนางของพวกเขาเองอีกงั้นเหรอ?

แต่อันที่จริงจะโทษว่าพวกเขาเหล่านี้โง่เง่าก็ไม่ถูก เนื่องจากด้วยความเร็วของกงหนิวที่ใช้เวลาเดินทางมาถึงที่นี่นั้นเร็วมากเกินไป มันเร็วเกินกว่าข่าวแผนการรวบรวมทะเลชางหมางของหลิงยี่เทียนจะมาถึงที่นี่ จนทำให้คนเหล่านี้ไม่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงจริง ๆ แล้วเป็นใครกันแน่

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ช่างพวกเขาไปก่อนเถอะ เจ้าเองน่ะรีบ ๆ ไปฝึกวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งของเจ้าได้แล้ว”

หลิวเฟ่ยเฟ่ยเหลือบมองไปที่หลิงตู้ฉิง นางลุกขึ้นด้วยท่าทีหว่านเสน่ห์และพูดว่า “สามี หลังจากที่ท่านทำเรื่องของท่านเสร็จแล้ว วันนี้ท่านก็มาที่ห้องของข้าก็แล้วกัน พี่หญิงมี่ไลวันนี้นางกำลังบ่มเพาะอย่างเคร่งเครียดอยู่ นางคงไม่ว่างรับใช้ท่านหรอกท่านสามีของข้า…”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเพื่อแสดงว่าเขาเข้าใจ

เสี่ยวเยว่เฟิง ซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เขาแสร้งทำเป็นหูทวนลมกับคำพูดเหล่านี้

ในขณะเดียวกับที่จูหยงเฉียนเพิ่งจากไป ก็มีใครบางคนที่อยู่ด้านนอกมาขอพบกับหลิงตู้ฉิงอีกครั้ง

เสี่ยวเยว่เฟิงรีบลุกขึ้นเพื่อออกไปดูข้างนอก จากนั้นนางก็กลับมารายงาน “นายท่าน เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของเมืองเจินไห่ ชื่อของเขาคือ ฮ่องกวง เขาบอกว่าเขามีเรื่องสำคัญมากที่เขาอยากจะคุยกับนายท่าน ท่านอยากจะพบกับเขาไหม?”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดขึ้นว่า “อืม ไปตามเขาเข้ามา และมาดูกันว่าเขาอยากจะพูดอะไร”

ไม่นานต่อมา ฮ่องกวงก็เข้ามาด้านใน เขายิ้มและพูดกับหลิงตู้ฉิงว่า “ขอคารวะ ท่านผู้สูงศักดิ์!”

“ถ้ามีอะไรจะพูดก็รีบพูดออกมา” หลิงตู้ฉิงเผยมือแสดงท่าทางอนุญาต

เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้ ฮ่องกวงจึงพยักหน้าแสดงออกว่าเขาเข้าใจและเขาก็ลดเสียงลงโดยไม่รู้ตัว “ท่านหลิง ตระกูลจื่อและจางเป็นตระกูลที่ค่อนข้างใหญ่โตและทั้งสองตระกูลนั้นมีความมั่งคั่งอยู่พอสมควร ตอนนี้เสาหลักของตระกูลพวกเขาถูกท่านและคนของท่านสังหารไปแล้ว ฉะนั้นที่ตระกูลของพวกเขาตอนนี้จึงกำลังระส่ำระส่ายนี่จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีในการยึดทรัพย์สินของพวกเขา แต่บังเอิญว่าในตระกูลจื่อและตระกูลจางก็ยังคงมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์เหลืออยู่ตระกูลละ 1 คน ข้าต้องการร่วมมือกับท่านเพื่อกำจัดผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ของพวกเขาด้วยกัน เมื่อถึงเวลาเราสามารถฉกทรัพย์สินของพวกเขามาได้ ข้าขอส่วนแบ่ง 40 ส่วน และท่านจะได้ 60 ส่วน”

เมื่อได้ยินข้อเสนอเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงจ้องไปที่ฮ่องกวงโดยไม่พูดอะไร

การที่ถูกหลิงตู้ฉิงจ้องมองแบบนี้ ฮ่องกวงก็พูดขึ้นอีกรอบอย่างกระอักกระอ่วนว่า “เอ่อ…ถ้าหากว่าท่านมีปัญหาเรื่องส่วนแบ่ง งั้นเอาเป็นว่าทางข้าเองขอส่วนแบ่งเพียงแค่ 30 ส่วน ก็พอส่วนท่านเอาไป 70 ส่วนเลยเป็นไง?”

“ข้าไม่สนใจที่จะทำเรื่องเหล่านี้!” หลิงตู้ฉิงพูดว่า “ตราบใดที่พวกเขาไม่ยั่วยุข้าอีก ข้าก็ไม่รู้สึกติดใจอะไรต่อพวกเขา แต่ถ้าหากว่าพวกเขาต้องการแก้แค้นข้า ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะฆ่าพวกเขาให้หมดเช่นกัน เอาล่ะเจ้ากลับไปได้แล้ว!”

ฮ่องกวงที่ได้ยินเช่นนี้รู้สึกไม่เต็มใจที่จะจากไป แต่หลังจากที่เห็นว่าหลิงตู้ฉิงทำท่าจะหมดความอดทน ฮ่องกวงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันหลังจากไป

หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้ว “เฟิง เจ้าจงไปทำประกาศเหมือนกฎการเข้าพบข้าของคฤหาสน์สราญรมย์ที่ทางเข้าหมู่ตึกหยูอี่ด้วย! จงปิดประกาศไว้สำหรับผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะขอบเขตนภาขึ้นไปพวกเขาจะต้องจ่ายค่าเข้าไปเป็นวัสดุราชวงศ์เป็นค่าเข้า ส่วนระดับการบ่มเพาะที่ต่ำกว่านั้นพวกเขาจะต้องจ่ายเป็นวัสดุระดับสูงแทน”

หลิงตู้ฉิงไม่สนใจคำแนะนำของฮ่องกวงเลย

เขาจำเป็นต้องใช้วิธีเข่นฆ่าเพื่อให้ได้มาซึ่งความมั่งคั่งงั้นเหรอ? ไม่! เขาไม่ต้องการกลับไปใช้วิธีเดิมที่เคยใช้ในชีวิตก่อนหน้านี้

ในชีวิตนี้ แค่การฆ่าคนสักคนหนึ่งเขายังต้องคิดแล้วคิดอีก ดังนั้นลืมไปได้เลยกับการที่ต้องให้เขามามีส่วนร่วมในการฆ่าล้างตระกูลของผู้อื่นที่มีจำนวนคนนับร้อยชีวิต

เสี่ยวเยว่เฟิงยิ้มและพูดว่า “นายท่าน ข้าเข้าใจแล้ว!”

จากนั้นนางก็เขียนกฎที่ทางเข้าหมู่ตึกหยูอี่ ในขณะที่นางกำลังเขียนผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์อีกคนก็วิ่งเข้ามาและยิ้มอย่างสุภาพ “แม่นาง ข้าชื่อ หวงไท่อี้ จากตระกูลหวง ข้ามาที่นี่เพื่ออยากขอเข้าพบเจ้าของหมู่ตึกหยูอี่”

เสี่ยวเยว่เฟิงที่ได้ยินผู้มาใหม่พูดขึ้น นางจึงชี้ไปที่กฎที่วางอยู่ข้างประตู

หวงไท่อี้ตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะหยิบวัสดุระดับราชวงศ์ออกมา และส่งให้นางด้วยท่าทีงุนงง

อย่างไรก็ตาม หวงไท่อี้ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากสาปแช่งอย่างเงียบ ๆ นี่มันไม่ต่างอะไรกับการปล้นกันชัด ๆ เลยไม่ใช่งั้นเหรอ?

แต่เพื่อการหารือเกี่ยวกับเรื่องสำคัญที่ต้องทำต่อไป เขายังคงจำเป็นต้องเข้าไปในหมู่ตึกหยูอี่

และเมื่อเขาได้พบกับหลิงตู้ฉิง เขาก็ใช้คำพูดหว่านล้อมที่แทบจะคล้ายคลึงกับของฮ่องกวงว่าเขาต้องการร่วมมือกับหลิงตู้ฉิงเพื่อปล้นชิงทรัพย์สินจากตระกูลจื่อ และตระกูลจาง

ตระกูลจางและตระกูลจื่อ ทั้งสองต่างเป็นตระกูลใหญ่ในเมืองเจินไห่

โดยเฉพาะสำหรับตระกูลจื่อ หลังการจากไปของจื่อคง ตระกูลนี้ก็ยังคงเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองอยู่ดี เนื่องจากพวกเขาก็ยังคงมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์และมีเส้นสายกับผู้คนอื่น ๆ อีกมากมาย

ในสถานการณ์เช่นนี้ แม้ว่าพวกเขาต้องการที่จะปล้นทรัพย์สินจากทั้งสองตระกูล แต่พวกเขาก็ยังต้องมองหาผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่งอย่างหลิงตู้ฉิง

เนื่องจากหลิงตู้ฉิงกล้าที่จะฆ่าคนของตระกูลจื่อและตระกูลจาง ซึ่งมันหมายความว่าพวกของหลิงตู้ฉิงไม่กลัวคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งสองตระกูล

แต่น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเสียวัสดุระดับราชวงศ์ไปแล้ว แต่พวกเขากลับได้รับคำตอบที่ตัวเองไม่พึงใจและทำได้เพียงจากไปอย่างขมขื่น

ทันทีที่หวงไท่อี้จากไป เย่เจิ้งฉวนก็มาอีก

ตระกูลเหล่านี้ล้วนอยู่ในเมืองเจินไห่ หลังจากที่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงได้ฆ่าคนของตระกูลจื่อและตระกูลจางไปแล้ว เขาเองก็พยายามเฝ้าดูว่าหลิงตู้ฉิงจะเคลื่อนไหวอะไรต่ออีก ซึ่งเมื่อเฝ้าดูอยู่ได้หลายวันแต่หลิงตู้ฉิงก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร ดังนั้นพวกเขาจึงอดรนทนไม่ไหวต้องมาขอเข้าพบกับหลิงตู้ฉิงเท่านั้น

หลังจากที่เย่เจิ้งฉวนส่งมอบวัสดุระดับราชวงศ์แล้วเขาก็ได้พบกับหลิงตู้ฉิง แน่นอนว่าหลิงตู้ฉิงก็ให้คำตอบเช่นเดียวกับหวงไท่อี้

เห็นได้ชัดว่าเย่เจิ้งฉวนผิดหวังมาก

ก่อนที่เขาจะจากไป เขามองไปที่สวนหลังหมู่ตึกหยูอี่และยิ้มให้กับหลิงตู้ฉิง “ท่านหลิง ดูเหมือนว่าท่านจะไม่มีคนรับใช้มากนัก ท่านต้องการให้ข้าหาสาวใช้สักคนสองคนให้ท่านดีหรือไม่?”

เย่เจิ้งฉวนได้สังเกตเห็นว่าที่หมู่ตึกหยูอี่ในตอนนี้ไม่มีคนรับใช้เหลืออยู่เลย จะมีก็แต่ผู้ติดตามของหลิงตู้ฉิงเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ด้วยตัวตนระดับนี้จะเป็นไปได้ยังไงที่จะอยู่ได้โดยสุขสบายโดยที่มีคนรับใช้เพียงน้อยนิดเท่านี้? ที่สำคัญนี่เป็นโอกาสอันดีที่เขาจะลองได้ผูกสัมพันธ์ไปอีกทางหนึ่ง

“ไม่มีปัญหา!” หลิงตู้ฉิงตกลงโดยไม่มีใครคาดคิด

เย่เจิ้งฉวนตะลึงไปชั่วขณะ เขาไม่ได้คาดหวังว่าหลิงตู้ฉิงจะเห็นด้วย เขายิ้มทันทีและพูดว่า “งั้นข้าจะกลับไปหาสาวใช้ 2 คนมาให้ท่านทันที!”

ด้วยเหตุนี้เขาจึงรีบกลับออกไปอย่างรวดเร็ว

ตระกูลเย่เป็นตระกูลที่ใหญ่มาก การหาเด็กผู้หญิงเพียงแค่ 2 คนเพื่อมาเป็นคนรับใช้หลิงตู้ฉิงนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ

หลังจากเย่เจิ้งฉวนกลับไปที่ตระกูลของเขา เขารีบเลือกเด็กสาววัยรุ่น 2 คนจากในตระกูลเขา และรีบนำพวกนางมาส่งให้หลิงตู้ฉิงด้วยตัวเองทันที แต่ในขณะที่เขามาถึงหมู่ตึกหยูอี่อีกรอบ เขาก็เห็นผู้นำตระกูลอื่นของเมืองเจินไห่จากไป และเมื่อเห็นสีหน้าของผู้นำตระกูลผู้นั้น เย่เจิ้งฉวนก็เดาได้ไม่ยากว่าการเจรจาของเขาล้มเหลวเหมือนกับของเขาเช่นกัน

แต่ในขณะเดียวกัน ผู้นำตระกูลผู้นั้นที่เห็นเย่เจิ้งฉวนพาเด็กสาวทั้งสองมา ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นและเขาก็รีบวิ่งกลับไปที่ตระกูลของเขาเช่นกัน

ไม่นานสองสาวจากอีกตระกูลที่เพิ่งถูกหลิงตู้ฉิงปฏิเสธก็มาถึงเช่นกัน

หลิงตู้ฉิงที่ยังไม่ทันยอมรับสองสาวจากเย่เจิ้งฉวน แต่ตอนนี้กลับมีมาเพิ่มอีก 2 คน?

เมื่อเห็นเช่นนี้ บรรดาผู้นำตระกูลคนอื่น ๆ ที่ก็ได้เข้ามาหาหลิงตู้ฉิงและก็ถูกปฏิเสธไปเหมือนกัน ๆ ต่างก็พากันดูเหมือนจะเห็นโอกาสอันริบหรี่ของพวกเขาเปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้งและพากันทำตาม

จากนั้น…

ภายในห้องโถงของหมู่ตึกหยูอี่ หลิงตู้ฉิงมองไปที่เด็กสาว 12 คนที่อยู่ตรงหน้าเขา บางคนอายุ 17 หรือ 18 ปี ในขณะที่บางคนก็มีอายุเพียงแค่ 11 หรือ 12 ปีเท่านั้น

ใบหน้าของพวกนางทั้งหมดต่างสวยงามราวกับดอกไม้และพวกนางทั้งหมดต่างมีรูปร่างที่สมส่วน นี่ทำให้หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วและเกาหลังศีรษะของเขา

แต่โชคยังดีที่เด็กสาวเหล่านี้ไม่ได้มาที่นี่พร้อมกับเจตนาร้ายอะไร ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไล่พวกนางทั้งหมดออกไปอย่างแน่นอน

ซึ่งแน่นอนว่าเด็กสาวเหล่านี้จะมีเจตนาร้ายกับเขาได้ยังไง ในเมื่อพวกนางได้ถูกเลือกจากบรรดาผู้นำตระกูลทั้งหลายมาให้เป็นเพียงแค่คนรับใช้ของเขา ซึ่งพวกนางไม่ได้ถูกบังคับให้ทำอะไรอย่างอื่นนอกเหนือจากนั้นอีก และโดยเฉพาะที่เด็กสาวเหล่านี้ยังได้ยินมาว่าพวกนางกำลังจะได้มารับใช้ผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์ที่ทรงพลังแถมคนผู้นี้ยังมีผู้ติดตามที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์อยู่อีกต่างหาก เมื่อได้รับโอกาสให้มารับใช้ตัวตนที่สูงส่งเช่นนี้พวกนางจะไม่เต็มใจได้อย่างไร?

หลิงตู้ฉิงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “ข้าไม่ต้องการคนเยอะขนาดนี้ ข้าจะให้เวลาพวกเจ้า 1 คืนในการแสดงความสามารถว่าพวกเจ้ามีค่าพอจะอยู่ที่นี่ และจากนั้นข้าถึงจะตัดสินใจว่าข้าอาจจะเลือกพวกเจ้ามาอยู่ที่นี่สักสองหรือสามคน เอาล่ะตอนนี้พวกเจ้าสามารถแยกย้ายกันไปหาห้องว่าง ๆ เพื่อพักผ่อนกันได้แล้ว”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+