พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 293 กรรโชกทรัพย์

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 293 กรรโชกทรัพย์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากออกจากหมู่ตึกหยูอี่ เสี่ยวหยูฉิงก็กลับไปที่โรงเตี๋ยมที่อยู่ไม่ไกล และเข้าไปในห้องส่วนตัวชั้นบนสุด

“เป็นยังไงบ้าง? เขาจะให้หรือมีเงื่อนไขอะไรไหม?” ชายชราในห้องถาม

ชายชราผู้นี้คือผู้อาวุโสที่เสี่ยวหยูฉิงพูดถึง เขาคือ ปู้หยุนฟาน เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับหลุดพ้นสามัญ

เสี่ยวหยูฉิงตอบกลับด้วยอารม์ไม่พอใจ “ผู้อาวุโส ไอ้นั่นมันใช้ยันต์สั่งสวรรค์ไปแล้ว”

ปู้หยุนฟานดูไม่โกรธเท่าเขา และถามอย่างใจเย็น “แล้วยังไง? ผลเป็นอย่างไร?”

“ในตอนแรกเขาปฏิเสธที่จะมอบมันให้เรา แต่เมื่อข้าบอกกับเขาว่าท่านได้นำสมบัติวิเศษระดับเซียนมาด้วย จากนั้นข้าเดาว่าเขาคงถูกสถานการณ์บังคับ เขาจึงยอมอ่อนข้อตกลงให้เราลองเข้าไปทดสอบยันต์สั่งสวรรค์ ตามกฎเดิมที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์เคยวางเอาไว้ เขาบอกว่าถ้าเราสามารถนำมันไปได้มันก็จะเป็นของเรา” เสี่ยวหยูฉิงพูดด้วยความรำคาญ “แต่น่าเสียดายที่ยันต์สั่งสวรรค์กลับถูกใช้ไปแล้ว ถึงแม้ว่าเราจะได้มันมามันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี”

ปู้หยุนฟานยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนผู้นี้เป็นผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์ที่มีพรสวรรค์เป็นอย่างมาก ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่สามารถได้ครอบครองยันต์สั่งสวรรค์ของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ได้แน่นอน แค่มันก็มีจุดน่าสงสัยอยู่ตรงที่ทำไมสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ถึงไม่ได้พาเขากลับไปด้วย และถึงแม้ว่าเขาจะใช้ยันต์สั่งสวรรค์ไปแล้ว แต่มันก็คงไม่ได้ส่งผลอะไรมากนัก”

“ข้ามั่นใจว่าสำนักของเราสามารถที่จะลบล้างสิ่งที่เขาได้ประทับลงไปในยันต์สั่งสวรรค์ได้โดยไม่ทำให้ยันต์เสียหาย”

“นอกจากนี้นี่คือยันต์สั่งสวรรค์ที่สร้างขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เขาที่อยู่เพียงแค่ขอบเขตประสานทะเลปราณ ไม่ว่าเขาจะประทับอะไรลงไปที่มันซับซ้อนสักแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถปลดปล่อยพลังของยันต์สั่งสวรรค์ทั้งหมดได้ และมันจะมีประสิทธิภาพน้อยลง”

ในความเป็นจริงพวกเขารู้มานานแล้วว่ามียันต์สั่งสวรรค์อยู่ในเมืองเจินไห่แห่งนี้

อย่างไรก็ตามกว่า 1,000 ปีที่แล้ว สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ได้ส่งคำเชิญให้ผู้อาวุโสของพวกเขาไปเยือน

และหลังจากที่ผู้อาวุโสของพวกเขาได้เดินทางไปเป็นเวลาประมาณร้อยปี ผู้อาวุโสของพวกเขาก็กลับมา

หลังจากที่ผู้อาวุโสผู้นั้นกลับมา เขาสั่งห้ามทุกคนไม่ให้มาที่หมู่ตึกหยูอี่ เพื่อทำลายค่ายกลที่ไว้ใช้ยับยั้งยันต์สั่งสวรรค์

แต่เมื่อผู้อาวุโสท่านนั้นเสียชีวิตเมื่อหลายสิบปีก่อน หลังจากนั้นผู้คนของสำนักอักขระวิญญาณก็ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อาวุโสท่านนั้นอย่างจริงจังอีกต่อไป และพวกเขาก็เริ่มส่งคนมาที่หมู่ตึกหยูอี่เพื่อพยายามหาทางครอบครองยันต์สั่งสวรรค์

และด้วยกฎที่หมู่ตึกหยูอี่ได้วางเอาไว้ว่าใครก็ตามที่มีความสามารถพอคนผู้นั้นก็จะได้รับมัน และสำนักอักขระวิญญาณของพวกเขาก็ไม่ได้อ่อนแอ ล่าสุดพวกเขาถึงขั้นส่งสุดยอดศิษย์อัจฉริยะของพวกเขา เสี่ยวเฉินหยูมาที่หมู่ตึกหยูอี่ เพื่อทดสอบรับยันต์สั่งสวรรค์

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าเสี่ยวเฉินหยูจะตายโดยไม่ได้รับยันต์สั่งสวรรค์มา แน่นอนว่าถ้าคนจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ยังคงควบคุมหมู่ตึกหยูอี่อยู่ พวกเขาจะไม่มีทางกล้าทวงถามหาความรับผิดชอบเช่นนี้

ประเด็นสำคัญคือยันต์สั่งสวรรค์ถูกใครบางคนเอาไปและคนผู้นั้นยังคงรั้งอยู่ที่หมู่ตึกหยูอี่ และผู้คนจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็ดูมีท่าทีไม่ได้สนใจ ‘บุคคลที่ถูกชะตากำหนด’ ของพวกเขามากสักเท่าไหร่นัก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สำนักอักขระวิญญาณของพวกเขาจึงได้เริ่มเคลื่อนไหว

เพื่อให้ได้มาซึ่งสมบัติอันล้ำค่าเช่นยันต์สั่งสวรรค์ พวกเขาไม่ลังเลที่จะนำสมบัติวิเศษที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งของสำนักมายังเมืองเจินไห่

ซึ่งแม้ว่าผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งในอาณาเขตนภาจะเข้ามาขัดขวาง แต่พวกเขาก็ไม่กลัวเนื่องจากด้วยสมบัติวิเศษระดับเซียนที่พวกเขานำมาด้วยแล้วผู้เชี่ยวชาญที่เป็นผู้ใช้มันยังอยู่ในระดับหลุดพ้นสามัญอีกต่างหาก

นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเสี่ยวหยูฉิงจึงดูสงบมาก ในขณะที่เขาไปที่หมู่ตึกหยูอี่เพื่อเจรจาเกี่ยวกับยันต์สั่งสวรรค์

“ท่านผู้อาวุโสเราจะไปเอายันต์สั่งสวรรค์เมื่อไหร่ดี?” เสี่ยวหยูฉิงถามอย่างตื่นเต้น “พูดตามตรงนะท่านผู้อาวุโส ข้าตื่นเต้นจริง ๆ ที่จะได้เห็นมันกับตาของตัวเอง เนื่องจากข้าเองก็ยังไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย”

เนื่องจากยันต์สั่งสวรรค์ยังอยู่ในสภาพดีและดูจากสถานการณ์แล้วพวกเขาคงได้รับมันมาอย่างง่ายดายแน่นอน เสี่ยวหยูฉิงจึงมีท่าทีไม่กังวลอะไรแม้แต่น้อย

ปู้หยุนฟานยิ้มและพูดว่า “ข้าก็ไม่เคยเห็นยันต์สั่งสวรรค์มาก่อนเช่นกัน เอาล่ะ ในเมื่อเขาอ่อนข้อให้เราไปเอายันต์สั่งสวรรค์ได้เลยตอนนี้ ฉะนั้นเราก็ควรที่จะไปเอามันเลยทันที ส่วนเจ้าเองที่ทำผลงานได้ดีมากในครั้งนี้ ข้าจะมอบประโยชน์ให้เจ้าสักหน่อย หลังจากที่เราได้รับยันต์สั่งสวรรค์มาแล้ว ข้าจะให้เจ้าศึกษามันเพื่อพัฒนาความเข้าใจของกฎแห่งสวรรค์และโลกได้อย่างถูกต้อง”

ยันต์สั่งสวรรค์นั้นเป็นสมบัติที่ถูกสร้างขึ้นโดยการควบแน่นของพลังแห่งกฎ ดังนั้นนอกเหนือจากการใช้มันในการสำแดงอำนาจต่าง ๆ แล้วพวกเขายังสามารถศึกษาทำความเข้าใจพลังแห่งกฎที่สถิตอยู่ในมันได้ เนื่องจากความแข็งแกร่งของพวกเขาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์นั้นขึ้นอนู่กับความเข้าใจของพลังแห่งกฎสวรรค์และโลก

เสี่ยวหยูฉิงยิ้มและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าคงต้องขอขอบคุณท่านผู้อาวุโสปู้ล่วงหน้าก่อนเลยก็แล้วกัน”

“ฮ่า นี่เป็นรางวัลที่เจ้าสมควรได้รับอยู่แล้ว!” ปู้หยุนฟานยิ้มและพูดว่า “เอาล่ะไปที่หมู่ตึกหยูอี่กันเถอะ!”

ด้วยความตื่นเต้น พวกเขาสองคนจึงรีบไปที่หมู่ตึกหยูอี่ทันที

ในความคิดของพวกเขา การไปรับยันต์สั่งสวรรค์มาในครั้งนี้มันควรไม่มีการต่อต้านใด ๆ ที่พวกเขาจะได้รับมันมา

หลังจากมาถึงหมู่ตึกหยูอี่แล้ว เสี่ยวหยูฉิงยิ้มให้หยุนจื่อรุ่ย และคนอื่น ๆ “แม่นางน้อย ข้ามาที่นี่พร้อมกับผู้อาวุโสของสำนักข้าแล้ว”

เปียนเฉียวเฉียวเหล่มองไปยังพวกเขา และตะคอกกลับด้วยอารมณ์ไม่พอใจ “จงทำตามกฎ!”

นางทนเห็นคนน่าไม่อายแบบนี้ไม่ได้ แต่เนื่องจากเจ้านายของนางตอนนี้ก็ดูเหมือนจะทำอะไรกับคนพวกนี้ไม่ได้ และนางเองที่เป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ นางเองก็ไม่สามารถทำอะไรกับพวกเขาได้เช่นกัน

สิ่งที่นางทำได้เพียงในตอนนี้เพื่อระบายความอัดอั้นก็คือ นางยังคงยึดมั่นและบังคับใช้กฎของหลิงตู้ฉิง คือทุกคนที่เข้ามาจะต้องมอบวัสดุตามที่กำหนดไว้เสียก่อน!

เสี่ยวหยูฉิง เมื่อได้เห็นเช่นนี้เขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยและพูดว่า “ข้าเพิ่งมาที่นี่เองเมื่อสักครู่ และนี่ผู้อาวุโสของข้าก็ถึงกับให้เกียรติเจ้านายเจ้ามาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง แถมอีกอย่างข้าเองก็ได้ทำการนัดแนะตกลงกับเจ้านายเจ้าไว้ก่อนหน้านี้แล้วด้วย!”

ปู้หยุนฟานยกมือขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดว่า “หยูฉิง ไม่ต้องสนใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆเหล่านี้ เอาล่ะ แม่หนูน้อย เดี๋ยวข้าจะให้วัสดุระดับสวรรค์ 2 ชิ้นกับเจ้าแล้วเราเข้าไปได้เลยใช่ไหม?”

ปู้หยุนฟานคิดว่าหลิงตู้ฉิงคงไม่พอใจที่จะสูญเสียยันต์สั่งสวรรค์ไปง่าย ๆ เช่นนี้ เขาจึงได้ให้เด็กเฝ้าประตูเรียกราคาค่าเข้าเพื่อเป็นข้ออ้างในการหักลบสิ่งที่เขาจะเสียไป ดังนั้นปู้หยุนฟานจึงไม่สนใจการกระทำของเด็กน้อยผู้นี้และให้วัสดุระดับสวรรค์ไปง่าย ๆ 2 ชิ้นเพื่อตัดปัญหา

เขารู้สึกว่าการแลกเปลี่ยนวัสดุระดับสวรรค์ 2 ชิ้นกับยันต์สั่งสวรรค์นั้นคุ้มค่ามาก อันที่จริงเขาสามารถให้อีก 2 ชิ้นได้ด้วยซ้ำ

เปียนเฉียวเฉียว เมื่อได้รับวัสดุระดับสวรรค์ 2 ชิ้นมาแล้ว นางจึงนำปู้หยุนฟานและเสี่ยวหยูฉิงไปที่สวนด้านหลังของหมู่ตึกหยูอี่

หลิงตู้ฉิง ในขณะนี้ที่กำลังเตรียมหลอมโอสถเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ปู้หยุนฟานกับเสี่ยวหยูฉิงที่กำลังเดินเข้ามาหา หลิงตู้ฉิงก็เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขาขึ้นทันที

“ท่านหลิง พวกเรามาที่นี่เพื่อรับยันต์สั่งสวรรค์!” เสี่ยวหยูฉิงพูดโดยไม่มีร่องรอยของความสุภาพ เนื่องจากตอนนี้เขามีผู้อาวุโสคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเขาอยู่แล้ว แถมผู้อาวุโสของเขาก็ได้นำสมบัติวิเศษระดับเซียนมาด้วย เขาจึงไม่สนใจปฏิกิริยาของหลิงตู้ฉิงว่าจะพอใจหรือไม่

“รับยันต์สั่งสวรรค์?” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ข้าไม่เคยบอกว่าจะให้ยันต์สั่งสวรรค์แก่เจ้า”

เมื่อได้รับคำตอบเช่นนี้ ใบหน้าของเสี่ยวหยูฉิงเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันทีและพูดว่า “ท่านกำลังจะผิดคำพูดที่ให้ไว้กับข้างั้นเหรอ?”

ปู้หยุนฟานกวาดสายตามองไปที่ค่ายกลต่าง ๆ ที่วางไว้ในสวนหลังหมู่ตึกหยูอี่ รวมทั้ง ค่ายกลกระบี่เหินเมฆาที่ซ่อนอยู่ แต่ยังไม่ได้มีการเปิดใช้งาน จากนั้นเขาจึงพูดขึ้นว่า “เต๋าอักขระเวทย์ของเจ้านับได้ว่าลึกซึ้งมาก แถมเจ้ายังรู้จักรูปแบบค่ายกลที่ค่อนข้างดี แต่ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อนว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่เพียงพอที่จะปกป้องยันต์สั่งสวรรค์ได้”

“เอาแบบนี้ไหม? เจ้าเองก็ดูเป็นคนมีความสามารถมาก หากเจ้ามาเข้าร่วมกับสำนักอักขระวิญญาณของข้า และในอนาคตหากเจ้าทำคุณประโยชน์ใหญ่หลวงให้กับสำนักได้มากพอ เมื่อถึงเวลานั้นยันต์สั่งสวรรค์แผ่นนี้อาจจะกลับไปอยู่ในความครอบครองของเจ้าอีกรอบก็ได้! แต่แน่นอนว่าข้าจะไม่บังคับเจ้าหากเจ้าไม่ต้องการเข้าร่วมกับสำนักข้า แต่อย่างน้อย ๆ วันนี้เจ้าก็ต้องมอบยันต์สั่งสวรรค์ให้กับข้า ถ้าไม่เช่นนั้นล่ะก็…”

เมื่อพูดจบ ปู้หยุนฟานก็หยิบเอาสมบัติวิเศษระดับเซียนขึ้นมาและเปิดใช้งานมันทันที ส่งผลให้พื้นที่ในสวนด้านหลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เนื่องจากเป็นเพราะอำนาจของ สมบัติวิเศษระดับเซียนชิ้นนี้ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดอำนาจการยับยั้งของค่ายกลในสวนจนมันแทบจะไม่สามารถทนได้

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 293 กรรโชกทรัพย์

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 293 กรรโชกทรัพย์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากออกจากหมู่ตึกหยูอี่ เสี่ยวหยูฉิงก็กลับไปที่โรงเตี๋ยมที่อยู่ไม่ไกล และเข้าไปในห้องส่วนตัวชั้นบนสุด

“เป็นยังไงบ้าง? เขาจะให้หรือมีเงื่อนไขอะไรไหม?” ชายชราในห้องถาม

ชายชราผู้นี้คือผู้อาวุโสที่เสี่ยวหยูฉิงพูดถึง เขาคือ ปู้หยุนฟาน เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับหลุดพ้นสามัญ

เสี่ยวหยูฉิงตอบกลับด้วยอารม์ไม่พอใจ “ผู้อาวุโส ไอ้นั่นมันใช้ยันต์สั่งสวรรค์ไปแล้ว”

ปู้หยุนฟานดูไม่โกรธเท่าเขา และถามอย่างใจเย็น “แล้วยังไง? ผลเป็นอย่างไร?”

“ในตอนแรกเขาปฏิเสธที่จะมอบมันให้เรา แต่เมื่อข้าบอกกับเขาว่าท่านได้นำสมบัติวิเศษระดับเซียนมาด้วย จากนั้นข้าเดาว่าเขาคงถูกสถานการณ์บังคับ เขาจึงยอมอ่อนข้อตกลงให้เราลองเข้าไปทดสอบยันต์สั่งสวรรค์ ตามกฎเดิมที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์เคยวางเอาไว้ เขาบอกว่าถ้าเราสามารถนำมันไปได้มันก็จะเป็นของเรา” เสี่ยวหยูฉิงพูดด้วยความรำคาญ “แต่น่าเสียดายที่ยันต์สั่งสวรรค์กลับถูกใช้ไปแล้ว ถึงแม้ว่าเราจะได้มันมามันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี”

ปู้หยุนฟานยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนผู้นี้เป็นผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์ที่มีพรสวรรค์เป็นอย่างมาก ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่สามารถได้ครอบครองยันต์สั่งสวรรค์ของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ได้แน่นอน แค่มันก็มีจุดน่าสงสัยอยู่ตรงที่ทำไมสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ถึงไม่ได้พาเขากลับไปด้วย และถึงแม้ว่าเขาจะใช้ยันต์สั่งสวรรค์ไปแล้ว แต่มันก็คงไม่ได้ส่งผลอะไรมากนัก”

“ข้ามั่นใจว่าสำนักของเราสามารถที่จะลบล้างสิ่งที่เขาได้ประทับลงไปในยันต์สั่งสวรรค์ได้โดยไม่ทำให้ยันต์เสียหาย”

“นอกจากนี้นี่คือยันต์สั่งสวรรค์ที่สร้างขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เขาที่อยู่เพียงแค่ขอบเขตประสานทะเลปราณ ไม่ว่าเขาจะประทับอะไรลงไปที่มันซับซ้อนสักแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถปลดปล่อยพลังของยันต์สั่งสวรรค์ทั้งหมดได้ และมันจะมีประสิทธิภาพน้อยลง”

ในความเป็นจริงพวกเขารู้มานานแล้วว่ามียันต์สั่งสวรรค์อยู่ในเมืองเจินไห่แห่งนี้

อย่างไรก็ตามกว่า 1,000 ปีที่แล้ว สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ได้ส่งคำเชิญให้ผู้อาวุโสของพวกเขาไปเยือน

และหลังจากที่ผู้อาวุโสของพวกเขาได้เดินทางไปเป็นเวลาประมาณร้อยปี ผู้อาวุโสของพวกเขาก็กลับมา

หลังจากที่ผู้อาวุโสผู้นั้นกลับมา เขาสั่งห้ามทุกคนไม่ให้มาที่หมู่ตึกหยูอี่ เพื่อทำลายค่ายกลที่ไว้ใช้ยับยั้งยันต์สั่งสวรรค์

แต่เมื่อผู้อาวุโสท่านนั้นเสียชีวิตเมื่อหลายสิบปีก่อน หลังจากนั้นผู้คนของสำนักอักขระวิญญาณก็ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อาวุโสท่านนั้นอย่างจริงจังอีกต่อไป และพวกเขาก็เริ่มส่งคนมาที่หมู่ตึกหยูอี่เพื่อพยายามหาทางครอบครองยันต์สั่งสวรรค์

และด้วยกฎที่หมู่ตึกหยูอี่ได้วางเอาไว้ว่าใครก็ตามที่มีความสามารถพอคนผู้นั้นก็จะได้รับมัน และสำนักอักขระวิญญาณของพวกเขาก็ไม่ได้อ่อนแอ ล่าสุดพวกเขาถึงขั้นส่งสุดยอดศิษย์อัจฉริยะของพวกเขา เสี่ยวเฉินหยูมาที่หมู่ตึกหยูอี่ เพื่อทดสอบรับยันต์สั่งสวรรค์

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าเสี่ยวเฉินหยูจะตายโดยไม่ได้รับยันต์สั่งสวรรค์มา แน่นอนว่าถ้าคนจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ยังคงควบคุมหมู่ตึกหยูอี่อยู่ พวกเขาจะไม่มีทางกล้าทวงถามหาความรับผิดชอบเช่นนี้

ประเด็นสำคัญคือยันต์สั่งสวรรค์ถูกใครบางคนเอาไปและคนผู้นั้นยังคงรั้งอยู่ที่หมู่ตึกหยูอี่ และผู้คนจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็ดูมีท่าทีไม่ได้สนใจ ‘บุคคลที่ถูกชะตากำหนด’ ของพวกเขามากสักเท่าไหร่นัก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สำนักอักขระวิญญาณของพวกเขาจึงได้เริ่มเคลื่อนไหว

เพื่อให้ได้มาซึ่งสมบัติอันล้ำค่าเช่นยันต์สั่งสวรรค์ พวกเขาไม่ลังเลที่จะนำสมบัติวิเศษที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งของสำนักมายังเมืองเจินไห่

ซึ่งแม้ว่าผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งในอาณาเขตนภาจะเข้ามาขัดขวาง แต่พวกเขาก็ไม่กลัวเนื่องจากด้วยสมบัติวิเศษระดับเซียนที่พวกเขานำมาด้วยแล้วผู้เชี่ยวชาญที่เป็นผู้ใช้มันยังอยู่ในระดับหลุดพ้นสามัญอีกต่างหาก

นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเสี่ยวหยูฉิงจึงดูสงบมาก ในขณะที่เขาไปที่หมู่ตึกหยูอี่เพื่อเจรจาเกี่ยวกับยันต์สั่งสวรรค์

“ท่านผู้อาวุโสเราจะไปเอายันต์สั่งสวรรค์เมื่อไหร่ดี?” เสี่ยวหยูฉิงถามอย่างตื่นเต้น “พูดตามตรงนะท่านผู้อาวุโส ข้าตื่นเต้นจริง ๆ ที่จะได้เห็นมันกับตาของตัวเอง เนื่องจากข้าเองก็ยังไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย”

เนื่องจากยันต์สั่งสวรรค์ยังอยู่ในสภาพดีและดูจากสถานการณ์แล้วพวกเขาคงได้รับมันมาอย่างง่ายดายแน่นอน เสี่ยวหยูฉิงจึงมีท่าทีไม่กังวลอะไรแม้แต่น้อย

ปู้หยุนฟานยิ้มและพูดว่า “ข้าก็ไม่เคยเห็นยันต์สั่งสวรรค์มาก่อนเช่นกัน เอาล่ะ ในเมื่อเขาอ่อนข้อให้เราไปเอายันต์สั่งสวรรค์ได้เลยตอนนี้ ฉะนั้นเราก็ควรที่จะไปเอามันเลยทันที ส่วนเจ้าเองที่ทำผลงานได้ดีมากในครั้งนี้ ข้าจะมอบประโยชน์ให้เจ้าสักหน่อย หลังจากที่เราได้รับยันต์สั่งสวรรค์มาแล้ว ข้าจะให้เจ้าศึกษามันเพื่อพัฒนาความเข้าใจของกฎแห่งสวรรค์และโลกได้อย่างถูกต้อง”

ยันต์สั่งสวรรค์นั้นเป็นสมบัติที่ถูกสร้างขึ้นโดยการควบแน่นของพลังแห่งกฎ ดังนั้นนอกเหนือจากการใช้มันในการสำแดงอำนาจต่าง ๆ แล้วพวกเขายังสามารถศึกษาทำความเข้าใจพลังแห่งกฎที่สถิตอยู่ในมันได้ เนื่องจากความแข็งแกร่งของพวกเขาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์นั้นขึ้นอนู่กับความเข้าใจของพลังแห่งกฎสวรรค์และโลก

เสี่ยวหยูฉิงยิ้มและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าคงต้องขอขอบคุณท่านผู้อาวุโสปู้ล่วงหน้าก่อนเลยก็แล้วกัน”

“ฮ่า นี่เป็นรางวัลที่เจ้าสมควรได้รับอยู่แล้ว!” ปู้หยุนฟานยิ้มและพูดว่า “เอาล่ะไปที่หมู่ตึกหยูอี่กันเถอะ!”

ด้วยความตื่นเต้น พวกเขาสองคนจึงรีบไปที่หมู่ตึกหยูอี่ทันที

ในความคิดของพวกเขา การไปรับยันต์สั่งสวรรค์มาในครั้งนี้มันควรไม่มีการต่อต้านใด ๆ ที่พวกเขาจะได้รับมันมา

หลังจากมาถึงหมู่ตึกหยูอี่แล้ว เสี่ยวหยูฉิงยิ้มให้หยุนจื่อรุ่ย และคนอื่น ๆ “แม่นางน้อย ข้ามาที่นี่พร้อมกับผู้อาวุโสของสำนักข้าแล้ว”

เปียนเฉียวเฉียวเหล่มองไปยังพวกเขา และตะคอกกลับด้วยอารมณ์ไม่พอใจ “จงทำตามกฎ!”

นางทนเห็นคนน่าไม่อายแบบนี้ไม่ได้ แต่เนื่องจากเจ้านายของนางตอนนี้ก็ดูเหมือนจะทำอะไรกับคนพวกนี้ไม่ได้ และนางเองที่เป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ นางเองก็ไม่สามารถทำอะไรกับพวกเขาได้เช่นกัน

สิ่งที่นางทำได้เพียงในตอนนี้เพื่อระบายความอัดอั้นก็คือ นางยังคงยึดมั่นและบังคับใช้กฎของหลิงตู้ฉิง คือทุกคนที่เข้ามาจะต้องมอบวัสดุตามที่กำหนดไว้เสียก่อน!

เสี่ยวหยูฉิง เมื่อได้เห็นเช่นนี้เขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยและพูดว่า “ข้าเพิ่งมาที่นี่เองเมื่อสักครู่ และนี่ผู้อาวุโสของข้าก็ถึงกับให้เกียรติเจ้านายเจ้ามาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง แถมอีกอย่างข้าเองก็ได้ทำการนัดแนะตกลงกับเจ้านายเจ้าไว้ก่อนหน้านี้แล้วด้วย!”

ปู้หยุนฟานยกมือขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดว่า “หยูฉิง ไม่ต้องสนใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆเหล่านี้ เอาล่ะ แม่หนูน้อย เดี๋ยวข้าจะให้วัสดุระดับสวรรค์ 2 ชิ้นกับเจ้าแล้วเราเข้าไปได้เลยใช่ไหม?”

ปู้หยุนฟานคิดว่าหลิงตู้ฉิงคงไม่พอใจที่จะสูญเสียยันต์สั่งสวรรค์ไปง่าย ๆ เช่นนี้ เขาจึงได้ให้เด็กเฝ้าประตูเรียกราคาค่าเข้าเพื่อเป็นข้ออ้างในการหักลบสิ่งที่เขาจะเสียไป ดังนั้นปู้หยุนฟานจึงไม่สนใจการกระทำของเด็กน้อยผู้นี้และให้วัสดุระดับสวรรค์ไปง่าย ๆ 2 ชิ้นเพื่อตัดปัญหา

เขารู้สึกว่าการแลกเปลี่ยนวัสดุระดับสวรรค์ 2 ชิ้นกับยันต์สั่งสวรรค์นั้นคุ้มค่ามาก อันที่จริงเขาสามารถให้อีก 2 ชิ้นได้ด้วยซ้ำ

เปียนเฉียวเฉียว เมื่อได้รับวัสดุระดับสวรรค์ 2 ชิ้นมาแล้ว นางจึงนำปู้หยุนฟานและเสี่ยวหยูฉิงไปที่สวนด้านหลังของหมู่ตึกหยูอี่

หลิงตู้ฉิง ในขณะนี้ที่กำลังเตรียมหลอมโอสถเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ปู้หยุนฟานกับเสี่ยวหยูฉิงที่กำลังเดินเข้ามาหา หลิงตู้ฉิงก็เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขาขึ้นทันที

“ท่านหลิง พวกเรามาที่นี่เพื่อรับยันต์สั่งสวรรค์!” เสี่ยวหยูฉิงพูดโดยไม่มีร่องรอยของความสุภาพ เนื่องจากตอนนี้เขามีผู้อาวุโสคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเขาอยู่แล้ว แถมผู้อาวุโสของเขาก็ได้นำสมบัติวิเศษระดับเซียนมาด้วย เขาจึงไม่สนใจปฏิกิริยาของหลิงตู้ฉิงว่าจะพอใจหรือไม่

“รับยันต์สั่งสวรรค์?” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ข้าไม่เคยบอกว่าจะให้ยันต์สั่งสวรรค์แก่เจ้า”

เมื่อได้รับคำตอบเช่นนี้ ใบหน้าของเสี่ยวหยูฉิงเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันทีและพูดว่า “ท่านกำลังจะผิดคำพูดที่ให้ไว้กับข้างั้นเหรอ?”

ปู้หยุนฟานกวาดสายตามองไปที่ค่ายกลต่าง ๆ ที่วางไว้ในสวนหลังหมู่ตึกหยูอี่ รวมทั้ง ค่ายกลกระบี่เหินเมฆาที่ซ่อนอยู่ แต่ยังไม่ได้มีการเปิดใช้งาน จากนั้นเขาจึงพูดขึ้นว่า “เต๋าอักขระเวทย์ของเจ้านับได้ว่าลึกซึ้งมาก แถมเจ้ายังรู้จักรูปแบบค่ายกลที่ค่อนข้างดี แต่ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อนว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่เพียงพอที่จะปกป้องยันต์สั่งสวรรค์ได้”

“เอาแบบนี้ไหม? เจ้าเองก็ดูเป็นคนมีความสามารถมาก หากเจ้ามาเข้าร่วมกับสำนักอักขระวิญญาณของข้า และในอนาคตหากเจ้าทำคุณประโยชน์ใหญ่หลวงให้กับสำนักได้มากพอ เมื่อถึงเวลานั้นยันต์สั่งสวรรค์แผ่นนี้อาจจะกลับไปอยู่ในความครอบครองของเจ้าอีกรอบก็ได้! แต่แน่นอนว่าข้าจะไม่บังคับเจ้าหากเจ้าไม่ต้องการเข้าร่วมกับสำนักข้า แต่อย่างน้อย ๆ วันนี้เจ้าก็ต้องมอบยันต์สั่งสวรรค์ให้กับข้า ถ้าไม่เช่นนั้นล่ะก็…”

เมื่อพูดจบ ปู้หยุนฟานก็หยิบเอาสมบัติวิเศษระดับเซียนขึ้นมาและเปิดใช้งานมันทันที ส่งผลให้พื้นที่ในสวนด้านหลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เนื่องจากเป็นเพราะอำนาจของ สมบัติวิเศษระดับเซียนชิ้นนี้ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดอำนาจการยับยั้งของค่ายกลในสวนจนมันแทบจะไม่สามารถทนได้

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+