พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 321 สิ่งมีชีวิตต้องห้าม

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 321 สิ่งมีชีวิตต้องห้าม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 321 สิ่งมีชีวิตต้องห้าม

จากเมืองเจินไห่ที่อยู่ในส่วนทางตอนใต้สุดของอาณาเขตนภา หากเดินทางไปที่เมืองหยูหลัน ซึ่งอยู่ห่างออกไปนับแสนกิโลเมตรและอยู่ทางตอนเหนือสุดของอาณาเขตนภา

ในระยะทางไกลเช่นนี้ หากผู้เดินทางเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ และบินโดยใช้ความเร็วสูงสุด ระยะเวลาที่เขาจะใช้เดินทางไปถึงเมืองหยูหลันจะอยู่ที่ราว 3 เดือนเป็นอย่างน้อย

แต่สำหรับหลิงตู้ฉิงและคนอื่น ๆ พวกเขาใช้เวลาเกือบ 6 เดือนกว่าจะไปถึงเมืองหยูหลัน

อันที่จริงด้วยความเร็วของกงหนิว มันคงไม่ต้องใช้เวลามากขนาดนี้ แต่สาเหตุหลักที่การเดินทางล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็นก็เพราะความเร็วของซือโถวเหวินหยวนนั้นช้าเกินไป และกงหนิวต้องคอยผ่อนความเร็วเพื่อรอเขา จึงทำให้การเดินทางช้าขึ้น

“เมืองหยูหลัน เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในอาณาเขตนภา” เสี่ยวเยว่เฟิงแนะนำข้อมูลคร่าว ๆ ของเมืองให้กับหลิงตู้ฉิง “ที่บริเวณรอบ ๆ เมืองหยูหลันนั้นมีสำนักทั้งเล็กและใหญ่ตั้งอยู่รายล้อมมากมาย เมืองแห่งนี้นับได้ว่าเป็นเมืองที่พิเศษไม่เหมือนใครเนื่องจากมันเป็นเมืองที่ไม่อยู่ใต้อาณัติของอาณาจักรใด ๆ เลย นอกจากนี้ยังมีการร่ำลือกันว่าในเมืองนี้มีผู้เชี่ยวชาญลึกลับอยู่ผู้หนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในเมือง ซึ่งเป็นตัวตนที่คอยควบคุมดูแลเมืองอยู่ในมุมมืด”

เนื่องจากก่อนหน้านี้ที่เสี่ยวเยว่เฟิงและพรรคพวกของนางต้องหลบหนีออกจากภูเขาฟีนิกซ์ ในระหว่างที่หลบหนีอยู่นั้นนางและพรรคพวกจำเป็นต้องทำการบ้านศึกษาสภาพแวดล้อม ประวัติ และสถานการณ์ต่าง ๆ ของสถานที่หลาย ๆ แห่งที่พวกนางจำเป็นต้องเดินทางผ่านหรือมีโอกาสจะได้ไปซ่อนตัว

ไม่เช่นนั้นถ้าพวกนางไม่มีข้อมูลที่มากพอ พวกนางอาจจะเผลอไปทำให้เจ้าถิ่นขุ่นเคืองโดยไม่รู้ตัวและจะเดือดร้อนกว่าเดิม

“ประมาณ 3,000 กิโลเมตรทางตะวันออกของเมืองหยูหลัน มีสำนักที่ใหญ่ที่สุดคือ สำนักวิญญาณเร้นลับ เจ้าสำนักของสำนักนี้เป็นผู้หญิงและนางมีชื่อว่า เก๋อชิงโห ส่วนระดับการบ่มเพาะของนางจากที่ได้รับข่าวมาล่าสุดก็คือระดับรู้แจ้งขั้นกลาง” เสี่ยวเยว่เฟิงยังคงแนะนำสถานที่และผู้คนให้กับหลิงตู้ฉิง

“สำหรับสำนักอื่น ๆ พวกเขาอ่อนแอกว่าสำนักวิญญาณเร้นลับเล็กน้อย เนื่องจากระดับการบ่มเพาะของเจ้าสำนักส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับเหนือล้ำหรือไม่ก็ระดับนักบุญเพียงเท่านั้น”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อยและเอ่ยขึ้นว่า “แปลกจริง ๆ ที่หอการค้าเชื่อมสวรรค์ได้มาตั้งอยู่ในสถานที่แบบนี้”

มี่ไลถามอย่างสงสัย “สามี มันแปลกยังไงเหรอที่หอการค้าเชื่อมสวรรค์มาตั้งอยู่ที่นี่?”

ตระกูลมี่ของนางนั้นเป็นตระกูลที่มุ่งเน้นทางด้านการค้าขายเป็นหลัก ดังนั้นนางจึงสนใจในประเด็นของหอการค้าอื่น ๆ เป็นพิเศษ

เย่ชิงเฉิงหันไปมองมี่ไล และตอบว่า “พี่หญิง หอการค้าเชื่อมสวรรค์ เป็นองค์กรการค้าที่มีมาแต่โบราณ พวกเขามีสาขาอยู่มากมายทั่วทั้งมหาอาณาเขตไร้จุดจบเงา เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าพวกเขาเป็นเพียงหอการค้าเดียวที่กล้าประมูลของทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่มีข้อยกเว้นว่าของหรือสิ่งมีชีวิตนั้นจะเป็นของต้องห้าม หรือมันจะทำให้ใครต่อใครต้องขุ่นเคือง”

“ทรงพลังมากขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ!” มี่ไลอุทาน

จากข้อมูลนี้มันบ่งบอกได้ถึงความแข็งแกร่งของหอการค้าเชื่อมสวรรค์

ความคิดก่อนหน้านี้ที่นางคิดว่าพ่อของนาง เป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ แล้วในเส้นทางการค้าแต่เมื่อนางได้มารู้ถึงการดำรงอยู่ของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ มันทำให้นางรู้สึกว่านางนั้นอ่อนต่อโลกเป็นอย่างมาก

เนื่องจากในขณะนี้ตระกูลของนางยังคงดิ้นรนอยู่ในทะเลชางหมางที่อยู่ห่างไกลและเล็กจ้อยอยู่เลย แต่หอการค้าเชื่อมสวรรค์กลับกล้าที่จะท้าทายโลกทั้งใบโดยไม่หวั่นเกรงต่อขุมอำนาจใด ๆ ไปแล้ว ความแตกต่างกันขนาดนี้มันต่างกันราวฟ้ากับเหวจริง ๆ

“สิ่งที่คุณหนูพูดนั้นผิด!” เมื่อเย่หยูหลันซึ่งอยู่ด้านข้างได้ยินการพูดถึงเกี่ยวกับหอการค้าเชื่อมสวรรค์ นางก็อดใจไม่ได้ที่จะพูดเสริมในสิ่งที่คุณหนูของนางยังไม่รู้ “ที่จริงแล้วมันเคยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่หอการค้าเชื่อมสวรรค์ยอมถอยให้กับสิ่งมีชีวิตต้องห้ามอยู่ครั้งหนึ่ง ซึ่งมันคือครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ที่พวกเขาเคยก่อตั้งมา”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่ชิงเฉิงรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก “ป้าหลันมีเรื่องแบบนี้หรือ?”

เย่หยูหลันพยักหน้าเล็กน้อย

“สิ่งมีชีวิตต้องห้ามมันคืออะไรงั้นเหรอ?” หลิวเฟ่ยเฟ่ยถามอย่างสงสัย “ผู้อาวุโสเย่ ช่วยบอกพวกเราเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ไหม?”

เย่หยูหลันมองไปที่เสี่ยวเยว่เฟิงและพูดว่า “อันที่จริง มันเป็นเรื่องที่ปกติเป็นอย่างมากที่พวกเจ้าจะไม่รู้จักเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตต้องห้ามนี้ แต่ข้าเชื่อว่าแม่นางเสี่ยวจะต้องรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีแน่นอนเพราะนางเกิดที่ภูเขาฟีนิกซ์”

“ข้ารู้?” เสี่ยวเยว่เฟิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงงุนงง

เมื่อเห็นว่าทุกคนมองมาที่นาง นางก็ยิ้งแสดงสีหน้างุนงงเข้าไปใหญ่และพูดว่า “ข้าไม่รู้!”

ทุกคนมองกลับไปที่เย่หยูหลัน และเย่หยูหลันพูดขึ้นมาสามคำว่า “แดนกระดูกขาว!”

“อ๊า!” เสี่ยวเยว่เฟิงกรีดร้องและรีบปิดปากของนาง เมื่อเห็นว่าทุกคนมองมาที่นาง นางจึงรีบโบกมือและพูดว่า “นะ นั่นมันเป็นสิ่งต้องห้าม ข้าไม่สามารถพูดได้!”

ท่าทีของเสี่ยวเยว่เฟิงทำให้เย่ชิงเฉิงรู้สึกแปลก ๆ

เย่ชิงเฉิงเคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับแดนกระดูกขาวมาบ้างเช่นกัน ว่ามันเป็นพื้นที่ที่ไม่เหมือนพื้นที่ใด ๆ เลย ทั้งพื้นที่นั้นเต็มไปด้วยเศษซากกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วนกองสุมกันจนสุดลูกหูลูกตาและไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ หรือแม้แต่ต้นหญ้าปรากฎให้เห็นได้ในพื้นที่นี้

การปรากฏขึ้นของแดนกระดูกขาว มันคือสิ่งที่เร้นลับที่สุดและขัดกับกฎทุกอย่างที่มีบนโลก ซึ่งแม้แต่เขตแดนอุดรทมิฬ ซึ่งเป็นหนึ่งในที่อยู่อาศัยของบรรดาเผ่าภูตผี อสูรทมิฬ หรือเผ่าอมนุษย์อื่น ๆ ที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่เร้นลับเช่นกันก็ยังไม่ทราบเลยว่าแดนกระดูกขาวนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร

“เฟิง อย่ามัวแต่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่สิ บอกมาสักทีว่ามันคืออะไรกันแน่?” เย่ชิงเฉิงกระตุ้น

เสี่ยวเยว่เฟิงพูดด้วยใบหน้าที่ขมขื่น “นายหญิงเย่ โปรดยกโทษให้ข้าด้วย แต่ข้าไม่กล้าเอ่ยถึงสิ่งต้องห้ามนี้จริง ๆ!”

เย่ชิงเฉิงขึ้นเสียงและพูดว่า “นี่เจ้าจะกลัวอะไรนักหนากันเนี่ย? สามี ท่านรู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตต้องห้ามนี้บ้างไหม? หืม? สามี นี่ท่านกำลังมองอะไรอยู่?”

ในขณะที่ทุกคนกำลังคุยกัน ทุกคนไม่ได้สังเกตเลยว่าหลิงตู้ฉิงกำลังขมวดคิ้วจ้องมองไปที่เมืองหยูหลัน

หลังจากที่ถูกเย่ชิงเฉิงเรียกอยู่สองสามรอบ หลิงตู้ฉิงก็รู้สึกตัวและหันกลับมาถามว่า “มีอะไรงั้นเหรอ?”

“ท่านไม่ได้ฟังที่พวกเราคุยกันเลยเหรอ!?” เย่ชิงเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ข้าถามว่าท่านรู้อะไรบ้างไหมเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตต้องห้ามอะไรนั่น ว่าแต่เมื่อครู่ท่านกำลังมองหาอะไรอยู่?”

“อ๋อ!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย “สิ่งมีชีวิตต้องห้ามที่พวกเขาพูดถึงคือบุคคล! ส่วนกระดูกสีขาวของแดนกระดูกขาวเหล่านั้นเป็นของผู้คน และสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ที่ถูกฆ่าโดยคนผู้นั้นเพียงคนเดียว และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยชื่อของเขา บรรดาผู้คนต่างใช้คำสามคำว่า ‘จักรพรรดิปีศาจอำมหิต’ เข้ามาแทนที่ชื่อเรียกของเขา”

เย่ชิงเฉิงรู้สึกหนาวไปถึงขั้วกระดูกทันทีเมื่อได้ยินชื่อ จักรพรรดิปีศาจอำมหิต เนื่องจากนางเคยได้ยินตำนานของปีศาจที่สุดจะอำมหิตผู้นี้ ซึ่งนางไม่คิดเลยว่าตัวตนที่น่ากลัวผู้นี้จะเป็นผู้ที่สร้าง แดนกระดูกขาว ขึ้นมา มันพาลให้นางเหม่อคิดไปไกลว่าต้องใช้กี่ชีวิตกันถึงจะสร้างอะไรเช่นนี้ได้?

เมื่อเห็นว่าเย่ชิงเฉิงเริ่มมีอาการเหม่อลอย หลิงตู้ฉิงแตะนิ้วของเขาไปที่หว่างคิ้วของเย่ชิงเฉิง ซึ่งทำให้นางสงบลง จากนั้นเขาพูดว่า “มันไม่ใช่สิ่งที่พูดถึงไม่ได้หรอก เจ้าไม่จำเป็นต้องกลัวขนาดนั้น”

ในทางกลับกัน มี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยตอนนี้กลับรู้สึกสับสน เนื่องจากพวกนางไม่รู้เรื่องราวประวัติอะไรของจักรพรรดิปีศาจอำมหิตผู้นี้ ว่ามันมีความเป็นมายังไงกันแน่

“นี่เจ้ากลัวอะไรงั้นเหรอ?” หลิวเฟ่ยเฟ่ยถามอย่างสงสัย

เย่ชิงเฉิงกลอกตา และกำลังจะอธิบาย แต่หลิงตู้ฉิงรีบพูดว่า “เจ้าอย่าทำให้พวกนางตกใจไปจะดีกว่า ปล่อยให้พวกนางไม่รู้ต่อไปมันก็ดีแล้ว”

ด้วยความช่วยเหลือของหลิงตู้ฉิง ตอนนี้จิตใจของเย่ชิงเฉิงจึงสงบลงและมีสติเหมือนเดิม ดังนั้นเมื่อนางได้ยินที่หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น นางจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อพูดคุยทันที “สามี เมื่อครู่ท่านกำลังจ้องอะไรอยู่ตั้งนานงั้นเหรอ?”

“ที่นี่มีอะไรแปลก ๆ” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น “แต่ก็ช่างมันไปก่อนก็แล้วกัน ตอนนี้เราเข้าไปในเมืองกันก่อนเถอะ!”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 321 สิ่งมีชีวิตต้องห้าม

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 321 สิ่งมีชีวิตต้องห้าม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 321 สิ่งมีชีวิตต้องห้าม

จากเมืองเจินไห่ที่อยู่ในส่วนทางตอนใต้สุดของอาณาเขตนภา หากเดินทางไปที่เมืองหยูหลัน ซึ่งอยู่ห่างออกไปนับแสนกิโลเมตรและอยู่ทางตอนเหนือสุดของอาณาเขตนภา

ในระยะทางไกลเช่นนี้ หากผู้เดินทางเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ และบินโดยใช้ความเร็วสูงสุด ระยะเวลาที่เขาจะใช้เดินทางไปถึงเมืองหยูหลันจะอยู่ที่ราว 3 เดือนเป็นอย่างน้อย

แต่สำหรับหลิงตู้ฉิงและคนอื่น ๆ พวกเขาใช้เวลาเกือบ 6 เดือนกว่าจะไปถึงเมืองหยูหลัน

อันที่จริงด้วยความเร็วของกงหนิว มันคงไม่ต้องใช้เวลามากขนาดนี้ แต่สาเหตุหลักที่การเดินทางล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็นก็เพราะความเร็วของซือโถวเหวินหยวนนั้นช้าเกินไป และกงหนิวต้องคอยผ่อนความเร็วเพื่อรอเขา จึงทำให้การเดินทางช้าขึ้น

“เมืองหยูหลัน เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในอาณาเขตนภา” เสี่ยวเยว่เฟิงแนะนำข้อมูลคร่าว ๆ ของเมืองให้กับหลิงตู้ฉิง “ที่บริเวณรอบ ๆ เมืองหยูหลันนั้นมีสำนักทั้งเล็กและใหญ่ตั้งอยู่รายล้อมมากมาย เมืองแห่งนี้นับได้ว่าเป็นเมืองที่พิเศษไม่เหมือนใครเนื่องจากมันเป็นเมืองที่ไม่อยู่ใต้อาณัติของอาณาจักรใด ๆ เลย นอกจากนี้ยังมีการร่ำลือกันว่าในเมืองนี้มีผู้เชี่ยวชาญลึกลับอยู่ผู้หนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในเมือง ซึ่งเป็นตัวตนที่คอยควบคุมดูแลเมืองอยู่ในมุมมืด”

เนื่องจากก่อนหน้านี้ที่เสี่ยวเยว่เฟิงและพรรคพวกของนางต้องหลบหนีออกจากภูเขาฟีนิกซ์ ในระหว่างที่หลบหนีอยู่นั้นนางและพรรคพวกจำเป็นต้องทำการบ้านศึกษาสภาพแวดล้อม ประวัติ และสถานการณ์ต่าง ๆ ของสถานที่หลาย ๆ แห่งที่พวกนางจำเป็นต้องเดินทางผ่านหรือมีโอกาสจะได้ไปซ่อนตัว

ไม่เช่นนั้นถ้าพวกนางไม่มีข้อมูลที่มากพอ พวกนางอาจจะเผลอไปทำให้เจ้าถิ่นขุ่นเคืองโดยไม่รู้ตัวและจะเดือดร้อนกว่าเดิม

“ประมาณ 3,000 กิโลเมตรทางตะวันออกของเมืองหยูหลัน มีสำนักที่ใหญ่ที่สุดคือ สำนักวิญญาณเร้นลับ เจ้าสำนักของสำนักนี้เป็นผู้หญิงและนางมีชื่อว่า เก๋อชิงโห ส่วนระดับการบ่มเพาะของนางจากที่ได้รับข่าวมาล่าสุดก็คือระดับรู้แจ้งขั้นกลาง” เสี่ยวเยว่เฟิงยังคงแนะนำสถานที่และผู้คนให้กับหลิงตู้ฉิง

“สำหรับสำนักอื่น ๆ พวกเขาอ่อนแอกว่าสำนักวิญญาณเร้นลับเล็กน้อย เนื่องจากระดับการบ่มเพาะของเจ้าสำนักส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับเหนือล้ำหรือไม่ก็ระดับนักบุญเพียงเท่านั้น”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อยและเอ่ยขึ้นว่า “แปลกจริง ๆ ที่หอการค้าเชื่อมสวรรค์ได้มาตั้งอยู่ในสถานที่แบบนี้”

มี่ไลถามอย่างสงสัย “สามี มันแปลกยังไงเหรอที่หอการค้าเชื่อมสวรรค์มาตั้งอยู่ที่นี่?”

ตระกูลมี่ของนางนั้นเป็นตระกูลที่มุ่งเน้นทางด้านการค้าขายเป็นหลัก ดังนั้นนางจึงสนใจในประเด็นของหอการค้าอื่น ๆ เป็นพิเศษ

เย่ชิงเฉิงหันไปมองมี่ไล และตอบว่า “พี่หญิง หอการค้าเชื่อมสวรรค์ เป็นองค์กรการค้าที่มีมาแต่โบราณ พวกเขามีสาขาอยู่มากมายทั่วทั้งมหาอาณาเขตไร้จุดจบเงา เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าพวกเขาเป็นเพียงหอการค้าเดียวที่กล้าประมูลของทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่มีข้อยกเว้นว่าของหรือสิ่งมีชีวิตนั้นจะเป็นของต้องห้าม หรือมันจะทำให้ใครต่อใครต้องขุ่นเคือง”

“ทรงพลังมากขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ!” มี่ไลอุทาน

จากข้อมูลนี้มันบ่งบอกได้ถึงความแข็งแกร่งของหอการค้าเชื่อมสวรรค์

ความคิดก่อนหน้านี้ที่นางคิดว่าพ่อของนาง เป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ แล้วในเส้นทางการค้าแต่เมื่อนางได้มารู้ถึงการดำรงอยู่ของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ มันทำให้นางรู้สึกว่านางนั้นอ่อนต่อโลกเป็นอย่างมาก

เนื่องจากในขณะนี้ตระกูลของนางยังคงดิ้นรนอยู่ในทะเลชางหมางที่อยู่ห่างไกลและเล็กจ้อยอยู่เลย แต่หอการค้าเชื่อมสวรรค์กลับกล้าที่จะท้าทายโลกทั้งใบโดยไม่หวั่นเกรงต่อขุมอำนาจใด ๆ ไปแล้ว ความแตกต่างกันขนาดนี้มันต่างกันราวฟ้ากับเหวจริง ๆ

“สิ่งที่คุณหนูพูดนั้นผิด!” เมื่อเย่หยูหลันซึ่งอยู่ด้านข้างได้ยินการพูดถึงเกี่ยวกับหอการค้าเชื่อมสวรรค์ นางก็อดใจไม่ได้ที่จะพูดเสริมในสิ่งที่คุณหนูของนางยังไม่รู้ “ที่จริงแล้วมันเคยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่หอการค้าเชื่อมสวรรค์ยอมถอยให้กับสิ่งมีชีวิตต้องห้ามอยู่ครั้งหนึ่ง ซึ่งมันคือครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ที่พวกเขาเคยก่อตั้งมา”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่ชิงเฉิงรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก “ป้าหลันมีเรื่องแบบนี้หรือ?”

เย่หยูหลันพยักหน้าเล็กน้อย

“สิ่งมีชีวิตต้องห้ามมันคืออะไรงั้นเหรอ?” หลิวเฟ่ยเฟ่ยถามอย่างสงสัย “ผู้อาวุโสเย่ ช่วยบอกพวกเราเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ไหม?”

เย่หยูหลันมองไปที่เสี่ยวเยว่เฟิงและพูดว่า “อันที่จริง มันเป็นเรื่องที่ปกติเป็นอย่างมากที่พวกเจ้าจะไม่รู้จักเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตต้องห้ามนี้ แต่ข้าเชื่อว่าแม่นางเสี่ยวจะต้องรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีแน่นอนเพราะนางเกิดที่ภูเขาฟีนิกซ์”

“ข้ารู้?” เสี่ยวเยว่เฟิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงงุนงง

เมื่อเห็นว่าทุกคนมองมาที่นาง นางก็ยิ้งแสดงสีหน้างุนงงเข้าไปใหญ่และพูดว่า “ข้าไม่รู้!”

ทุกคนมองกลับไปที่เย่หยูหลัน และเย่หยูหลันพูดขึ้นมาสามคำว่า “แดนกระดูกขาว!”

“อ๊า!” เสี่ยวเยว่เฟิงกรีดร้องและรีบปิดปากของนาง เมื่อเห็นว่าทุกคนมองมาที่นาง นางจึงรีบโบกมือและพูดว่า “นะ นั่นมันเป็นสิ่งต้องห้าม ข้าไม่สามารถพูดได้!”

ท่าทีของเสี่ยวเยว่เฟิงทำให้เย่ชิงเฉิงรู้สึกแปลก ๆ

เย่ชิงเฉิงเคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับแดนกระดูกขาวมาบ้างเช่นกัน ว่ามันเป็นพื้นที่ที่ไม่เหมือนพื้นที่ใด ๆ เลย ทั้งพื้นที่นั้นเต็มไปด้วยเศษซากกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วนกองสุมกันจนสุดลูกหูลูกตาและไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ หรือแม้แต่ต้นหญ้าปรากฎให้เห็นได้ในพื้นที่นี้

การปรากฏขึ้นของแดนกระดูกขาว มันคือสิ่งที่เร้นลับที่สุดและขัดกับกฎทุกอย่างที่มีบนโลก ซึ่งแม้แต่เขตแดนอุดรทมิฬ ซึ่งเป็นหนึ่งในที่อยู่อาศัยของบรรดาเผ่าภูตผี อสูรทมิฬ หรือเผ่าอมนุษย์อื่น ๆ ที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่เร้นลับเช่นกันก็ยังไม่ทราบเลยว่าแดนกระดูกขาวนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร

“เฟิง อย่ามัวแต่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่สิ บอกมาสักทีว่ามันคืออะไรกันแน่?” เย่ชิงเฉิงกระตุ้น

เสี่ยวเยว่เฟิงพูดด้วยใบหน้าที่ขมขื่น “นายหญิงเย่ โปรดยกโทษให้ข้าด้วย แต่ข้าไม่กล้าเอ่ยถึงสิ่งต้องห้ามนี้จริง ๆ!”

เย่ชิงเฉิงขึ้นเสียงและพูดว่า “นี่เจ้าจะกลัวอะไรนักหนากันเนี่ย? สามี ท่านรู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตต้องห้ามนี้บ้างไหม? หืม? สามี นี่ท่านกำลังมองอะไรอยู่?”

ในขณะที่ทุกคนกำลังคุยกัน ทุกคนไม่ได้สังเกตเลยว่าหลิงตู้ฉิงกำลังขมวดคิ้วจ้องมองไปที่เมืองหยูหลัน

หลังจากที่ถูกเย่ชิงเฉิงเรียกอยู่สองสามรอบ หลิงตู้ฉิงก็รู้สึกตัวและหันกลับมาถามว่า “มีอะไรงั้นเหรอ?”

“ท่านไม่ได้ฟังที่พวกเราคุยกันเลยเหรอ!?” เย่ชิงเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ข้าถามว่าท่านรู้อะไรบ้างไหมเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตต้องห้ามอะไรนั่น ว่าแต่เมื่อครู่ท่านกำลังมองหาอะไรอยู่?”

“อ๋อ!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย “สิ่งมีชีวิตต้องห้ามที่พวกเขาพูดถึงคือบุคคล! ส่วนกระดูกสีขาวของแดนกระดูกขาวเหล่านั้นเป็นของผู้คน และสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ที่ถูกฆ่าโดยคนผู้นั้นเพียงคนเดียว และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยชื่อของเขา บรรดาผู้คนต่างใช้คำสามคำว่า ‘จักรพรรดิปีศาจอำมหิต’ เข้ามาแทนที่ชื่อเรียกของเขา”

เย่ชิงเฉิงรู้สึกหนาวไปถึงขั้วกระดูกทันทีเมื่อได้ยินชื่อ จักรพรรดิปีศาจอำมหิต เนื่องจากนางเคยได้ยินตำนานของปีศาจที่สุดจะอำมหิตผู้นี้ ซึ่งนางไม่คิดเลยว่าตัวตนที่น่ากลัวผู้นี้จะเป็นผู้ที่สร้าง แดนกระดูกขาว ขึ้นมา มันพาลให้นางเหม่อคิดไปไกลว่าต้องใช้กี่ชีวิตกันถึงจะสร้างอะไรเช่นนี้ได้?

เมื่อเห็นว่าเย่ชิงเฉิงเริ่มมีอาการเหม่อลอย หลิงตู้ฉิงแตะนิ้วของเขาไปที่หว่างคิ้วของเย่ชิงเฉิง ซึ่งทำให้นางสงบลง จากนั้นเขาพูดว่า “มันไม่ใช่สิ่งที่พูดถึงไม่ได้หรอก เจ้าไม่จำเป็นต้องกลัวขนาดนั้น”

ในทางกลับกัน มี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยตอนนี้กลับรู้สึกสับสน เนื่องจากพวกนางไม่รู้เรื่องราวประวัติอะไรของจักรพรรดิปีศาจอำมหิตผู้นี้ ว่ามันมีความเป็นมายังไงกันแน่

“นี่เจ้ากลัวอะไรงั้นเหรอ?” หลิวเฟ่ยเฟ่ยถามอย่างสงสัย

เย่ชิงเฉิงกลอกตา และกำลังจะอธิบาย แต่หลิงตู้ฉิงรีบพูดว่า “เจ้าอย่าทำให้พวกนางตกใจไปจะดีกว่า ปล่อยให้พวกนางไม่รู้ต่อไปมันก็ดีแล้ว”

ด้วยความช่วยเหลือของหลิงตู้ฉิง ตอนนี้จิตใจของเย่ชิงเฉิงจึงสงบลงและมีสติเหมือนเดิม ดังนั้นเมื่อนางได้ยินที่หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น นางจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อพูดคุยทันที “สามี เมื่อครู่ท่านกำลังจ้องอะไรอยู่ตั้งนานงั้นเหรอ?”

“ที่นี่มีอะไรแปลก ๆ” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น “แต่ก็ช่างมันไปก่อนก็แล้วกัน ตอนนี้เราเข้าไปในเมืองกันก่อนเถอะ!”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+