พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 336 ข้าต้องการเรือนของเจ้า!

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 336 ข้าต้องการเรือนของเจ้า! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 336 ข้าต้องการเรือนของเจ้า!

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่หลิงตู้ฉิงออกไปอยู่ที่สำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ มี่ไลและคนอื่น ๆ ต่างก็ตั้งใจบ่มเพาะกันอย่างขยันขันแข็งที่เรือนบนยอดเขา

ด้วยค่ายกลกระบี่เหินเมฆาที่ปกป้องพวกเขาบวกกับเย่หยูหลันที่คอยเฝ้าดูอยู่ มันจึงไม่มีใครกล้าเข้ามารบกวนความสงบของสถานที่แห่งนี้

“นายท่านกลับมาแล้วเหรอ?” เสี่ยวเยว่เฟิงพึมพำกับตัวเองด้วยความประหลาดใจ

นางไม่คาดคิดว่าหลิงตู้ฉิงจะกลับมาในเวลาไม่ถึง 3 ปีเช่นนี้

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพยักหน้า “มีอะไรเกิดขึ้นบ้างรึเปล่า?”

เสี่ยวเยว่เฟิงส่ายหัวและพูดว่า “ไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นในระหว่างที่ท่านไม่อยู่ จะมีก็เพียงแต่เมื่อปีที่แล้ว มีผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือล้ำอยู่คนหนึ่งเข้ามาก่อกวนที่นี่ แต่หลังจากที่ผู้อาวุโสเย่ได้สังหารผู้เชี่ยวชาญผู้นั้นไป มันก็ไม่มีใครกล้ามาก่อกวนเราอีกเลย”

“โอ้!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้าอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้นก็ดี เอาล่ะเดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูบรรดาภรรยาของข้าสักหน่อย”

หลังจากที่หลิงตู้ฉิงพูดจบ เขาก็เข้าไปในห้องที่มี่ไลและคนอื่น ๆ กำลังฝึกฝนกันอยู่

ภายในห้องคนทั้งสี่กำลังอยู่ในภวังค์แห่งการฝึกฝนวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่ง เมื่อหลิงตู้ฉิงก้าวเข้าไปในห้อง เขาเห็นร่างของทั้งสี่คนกำลังหดลงและใหญ่ขึ้นสับไปสับมา เมื่อเห็นภาพเช่นนี้เขาจึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

แต่สิ่งที่น่าผิดหวังก็คือถึงแม้ว่าทั้งสี่คนจะใช้พละกำลังทั้งหมด พวกเขาก็ทำเพียงได้แค่หดร่างของพวกเขาให้เล็กลงได้แค่เพียง 1 ใน 3 ส่วนเท่านั้น พวกเขาไม่สามารถทำเหมือนหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ที่สามารถย่อขนาดจนหายตัวไปได้อย่างไร้ร่องรอย

อย่างไรก็ตาม หลิงตู้ฉิงพอใจกับสิ่งที่เห็นนี้มาก

ยังคงมีเวลาอีกหลายปีกว่าจะเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับจะเปิดขึ้น หากพวกเขายังคงมีพัฒนาการอยู่ในความเร็วระดับนี้ไปเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงกำหนดที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเปิดขึ้น อย่างน้อยพวกเขาก็ควรฝึกได้จนถึงระดับขั้นที่สามารถนำมาใช้ได้จริงตามที่หลิงตู้ฉิงต้องการได้

ทั้งสี่คนที่กำลังฝึกฝนต่างไม่ได้สังเกตเห็นการมาถึงของหลิงตู้ฉิง ซึ่งหลิงตู้ฉิงเองก็ไม่ได้ส่งเสียงเตือนอะไรพวกเขา เขาเอาแต่มองไปที่หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์

เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงมาถึงแล้ว หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์จึงไม่ได้สาธิตวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งอีกต่อไป นางมองไปที่หลิงตู้ฉิงและส่งรอยยิ้มให้

“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม?” หลิงตู้ฉิงถาม

อันที่จริงหลิงตู้ฉิงนั้นมั่นใจเป็นอย่างมากกับการที่มีหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์คอยปกป้องอยู่ที่นี่ว่ามันจะต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับบรรดาภรรยาและลูกของเขาแน่นอน เพราะในอดีตนางคือตัวตนที่น่าสะพรึงที่สุดเกินกว่าใครจะจินตนาการได้

หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์พยักหน้า “ก่อนหน้านี้มีเศษเสี้ยวจิตวิญญาณอยู่ 4-5 ดวงได้พยายามลอบเข้ามาตรวจสอบที่นี่ ส่วนนอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรที่น่าสนใจ”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่ต้องถามก็สามารถรู้ได้ว่าเศษเสี้ยวจิตวิญญาณเหล่านั้นที่บุกรุกเข้ามาสำรวจสถานที่แห่งนี้ได้ถูกทำลายไปหมดแล้ว

ส่วนชะตากรรมของเจ้าของเศษเสี้ยวจิตวิญญาณเหล่านั้น หลิงตู้ฉิงไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย

ในขณะที่ทั้งสองสนทนากัน เย่ชิงเฉิงและมี่ไลก็ค่อย ๆ รู้สึกตัวเพราะหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์หยุดการสาธิตวิชา

“สามีท่านกลับมาแล้วเหรอ!?” มี่ไลถามอย่างมีความสุข

“สามี ข้าคิดถึงท่าน!” หลิวเฟ่ยเฟ่ยเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ายินดี

“สามีระหว่างที่ข้าไม่ได้อยู่กับท่าน มีใครมารังแกท่านบ้างรึเปล่า? ถ้ามีใครกล้ารังแกท่าน ท่านบอกข้ามาได้เลย ข้าจะไปฆ่าพวกมันให้หมดเดี๋ยวนี้!” เย่ชิงเฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม

หลิงเทียนหยุนเหลือบมองไปที่พ่อของเขาและแม่ทั้งสามของเขา จากนั้นเขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านพ่อ ข้าขอตัวออกไปก่อนก็แล้วกัน”

เมื่อหลิงเทียนหยุนจากไป บรรดาหญิงสาวทั้งสามก็ไม่มีความจำเป็นต้องเก็บความรู้สึกเอาไว้

พวกนางไม่ได้เจอกับหลิงตู้ฉิงมา 3 ปี ถึงแม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาไม่นาน แต่พวกนางก็รู้สึกคิดถึงเขาจนจับใจ เมื่อหลิงตู้ฉิงกลับมาแล้วพวกนางจึงต้องการแสดงความรักและความคิดถึงให้หลิงตู้ฉิงรู้สึกได้จนถึงจุดสุดยอด

หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์หดตัวเล็กลงจนเหลือเพียงจุดดำ ๆ บนยันต์สั่งสวรรค์ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็นและบางครั้งก็ถึงกับเขินอายขณะที่นางมองไปที่คนทั้งสี่ที่นัวเนียกันอยู่ต่อหน้านาง

ในขณะนี้ที่ภายในห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความรักและความรุนแรง กระแสพลังวิญญาณที่อยู่บริเวณรอบ ๆ เรือนก็เริ่มปั่นป่วนและไหลเข้าไปยังภายในห้องที่หลิงตู้ฉิงและภรรยาของเขากำลังร่วมรักกันอยู่ ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ทำให้ผู้คนในเมืองหยูหลันต่างรู้สึกตื่นตัวกันเป็นอย่างมาก

เนื่องจากในอีก 2 ถึง 3 เดือนข้างหน้าจะถึงช่วงเวลาที่ทุกคนคาดว่ากล้วยไม้หยกจะเบ่งบาน

เมื่อสัมผัสได้ถึงความผันผวนของวิญญาณที่รุนแรงเช่นนี้ใกล้กับเวลาที่กล้วยไม้หยกจะเบ่งบาน ทุกคนจะไม่หันมาสนใจมันได้อย่างไร?

“หรือว่าว่ากล้วยไม้หยกกำลังจะบาน?” มีคนพูดอย่างไม่แน่ใจ

“กระแสพลังวิญญาณผันผวนรุนแรงถึงขนาดนี้ มันจะต้องไม่ผิดแน่ ๆ กล้วยไม้หยกกำลังจะบานแล้วแน่นอน!” มีคนพูดอย่างตื่นเต้น

“ ……”

ในขณะที่ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ สระหยูหลันกำลังคุยกัน หลายคนก็มองไปยังทิศทางของเรือนที่อยู่บนยอดเขา

“เป็นไปได้ไหมที่กล้วยไม้หยกกำลังจะบานบนยอดเขานั่น?”

“เป็นไปไม่ได้หรอก หลายพันปีที่ผ่านมากล้วยไม้หยกจะอยู่ในเบ่งบานขึ้นในสระหยูหลันเท่านั้น”

“เพียงเพราะว่ามันเบ่งบานในสระหยูหลันมาตลอด มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะต้องเบ่งบานแต่ในสระหยูหลันตลอดไปไม่ใช่งั้นเหรอ?”

“ถ้าอย่างนั้นใครกันที่อยู่ในเรือนบนยอดเขานั่น? พวกเราต้องไล่คนพวกนั้นออกไปให้พ้น ไม่เช่นนั้นถ้ากล้วยไม้หยกเบ่งบานขึ้นที่นั่นจริง พวกเราต้องหมดโอกาสได้ครอบครองมันแน่นอน”

“แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าคนพวกนั้นเป็นใคร แต่ข้ากลัวว่าพวกเขาคงจะไม่ใช่คนที่พวกเราสามารถล่วงเกินได้ง่าย ๆ นัก ครั้งล่าสุดสำนักยอดเขากระเรียนก็คิดว่าเรือนด้านบนนั้นน่าสนใจ จากนั้นพวกเขาจึงได้ส่งผู้อาวุโสระดับเหนือล้ำไปตรวจสอบมัน และหลังจากนั้นผู้อาวุโสคนนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนสำนักยอดเขากระเรียนเองก็ไม่กล้าจะทำอะไรต่อและไม่กล้าที่จะมาปรากฏตัวแถวสระหยูหลันอีกต่อไปเช่นกัน”

“สำนักสวะอย่าง สำนักยอดเขากระเรียน จะมาเทียบอะไรกับเราได้ยังไง?”

“ ……”

ยิ่งเวลาผ่านไป การถกเถียงในประเด็นต่าง ๆ ก็เริ่มเผ็ดร้อนขึ้นไปทั่วทั้งเมืองหยูหลัน

ในขณะที่ยังคงมีการถกเถียงกันอยู่ กลุ่มคนกล้าตายกลุ่มหนึ่งก็ได้มาถึงด้านนอกเรือนของหลิงตู้ฉิง และตะโกนถามเสียงดัง “ใครอยู่ที่นี่?”

เสี่ยวเยว่เฟิงเดินออกมาดูและถามกลับทันที “พวกเจ้ามีอะไรกัน?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า นางเป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์สามัญเท่านั้นเองนี่นา” ชายผู้มีหนวดเต็มใบหน้าหัวเราะและพูดว่า “พวกข้าคือคนของ อารามนวดารา แห่ง อาณาเขตหยกพิสุทธิ์ พวกข้ามาที่นี่เพราะต้องการเรือนของเจ้า!”

ขณะนี้หลายคนได้สังเกตเห็นแล้วว่ามีกลุ่มคนไปที่เรือนบนยอดเขาเรียบร้อยแล้ว และกำลังหาเรื่องคนที่อยู่ในเรือน

เมื่อได้ยินชายผู้มีหนวดเต็มใบหน้าประกาศชื่อ อารามนวดารา หลายคนก็พูดด้วยความประหลาดใจทันที “นั่นมันหนึ่งในสามสำนักชั้นนำใน อาณาเขตหยกพิสุทธิ์ นี่นา เพื่อกล้วยไม้หยกพวกเขายอมลงทุนถึงขนาดเดินทางมาไกลขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?”

“กล้วยไม้หยกนี้เป็นเพียงโอสถระดับสวรรค์ อารามนวดารา จะต้องการมันไปเพื่ออะไรกัน?”

“ชู่ว…เบาเสียงหน่อย ข้าเกรงว่าเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาก็คือการประมูลของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ต่างหาก ส่วนกล้วยไม้หยกมันก็คงเป็นเพียงแค่สิ่งที่พวกเขาอยากได้ไว้เป็นผลพลอยได้ในการมาที่นี่ก็แค่เท่านั้นแหละ”

เมื่อได้ยินคำอธิบายนี้ผู้คนจำนวนมากต่างร้อง “อ๋อ!”

กว่า 2 ปีที่แล้วหอการค้าเชื่อมสวรรค์ได้มีการประกาศออกมาอย่างกะทันหันว่าจะมีการเปิดประมูลสิทธิ์ในการเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ข่าวนี้ทำให้ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างตกตะลึง

หอการค้าเชื่อมสวรรค์เป็นขุมกำลังที่มีมาแต่โบราณ มันจึงไม่แปลกที่พวกเขาจะมีช่องทางการกระจายข่าวการประมูลสิทธิ์เข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับสองสิทธิ์ให้กับผู้คนในที่ห่างไกลได้รับทราบ

และเมื่อได้ยินข่าวการประมูลของสิทธิ์เข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเช่นนี้ บรรดาสำนักใหญ่ทั้งหลายที่มีความมั่นใจในอิทธิพลและฐานะของตัวเองจึงได้มารวมตัวกันที่อาณาเขตนภาเพื่อร่วมการประมูล

นี่จึงทำให้ขณะนี้ในเมืองหยูหลันจึงมีผู้คนมากหน้าหลายตาที่มาจากที่ต่าง ๆ และสำนักใหญ่มากมายได้มาอยู่รวมกัน ซึ่งอารามนวดาราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

ขณะนี้ เสี่ยวเยว่เฟิงที่ยืนอยู่ที่หน้าทางเข้าเรือนนางขมวดคิ้วและเอ่ยขึ้นว่า “อารามนวดาราอะไร? ข้าไม่เห็นจะเคยได้ยินชื่อมาก่อน!”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 336 ข้าต้องการเรือนของเจ้า!

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 336 ข้าต้องการเรือนของเจ้า! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 336 ข้าต้องการเรือนของเจ้า!

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่หลิงตู้ฉิงออกไปอยู่ที่สำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ มี่ไลและคนอื่น ๆ ต่างก็ตั้งใจบ่มเพาะกันอย่างขยันขันแข็งที่เรือนบนยอดเขา

ด้วยค่ายกลกระบี่เหินเมฆาที่ปกป้องพวกเขาบวกกับเย่หยูหลันที่คอยเฝ้าดูอยู่ มันจึงไม่มีใครกล้าเข้ามารบกวนความสงบของสถานที่แห่งนี้

“นายท่านกลับมาแล้วเหรอ?” เสี่ยวเยว่เฟิงพึมพำกับตัวเองด้วยความประหลาดใจ

นางไม่คาดคิดว่าหลิงตู้ฉิงจะกลับมาในเวลาไม่ถึง 3 ปีเช่นนี้

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพยักหน้า “มีอะไรเกิดขึ้นบ้างรึเปล่า?”

เสี่ยวเยว่เฟิงส่ายหัวและพูดว่า “ไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นในระหว่างที่ท่านไม่อยู่ จะมีก็เพียงแต่เมื่อปีที่แล้ว มีผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือล้ำอยู่คนหนึ่งเข้ามาก่อกวนที่นี่ แต่หลังจากที่ผู้อาวุโสเย่ได้สังหารผู้เชี่ยวชาญผู้นั้นไป มันก็ไม่มีใครกล้ามาก่อกวนเราอีกเลย”

“โอ้!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้าอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้นก็ดี เอาล่ะเดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูบรรดาภรรยาของข้าสักหน่อย”

หลังจากที่หลิงตู้ฉิงพูดจบ เขาก็เข้าไปในห้องที่มี่ไลและคนอื่น ๆ กำลังฝึกฝนกันอยู่

ภายในห้องคนทั้งสี่กำลังอยู่ในภวังค์แห่งการฝึกฝนวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่ง เมื่อหลิงตู้ฉิงก้าวเข้าไปในห้อง เขาเห็นร่างของทั้งสี่คนกำลังหดลงและใหญ่ขึ้นสับไปสับมา เมื่อเห็นภาพเช่นนี้เขาจึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

แต่สิ่งที่น่าผิดหวังก็คือถึงแม้ว่าทั้งสี่คนจะใช้พละกำลังทั้งหมด พวกเขาก็ทำเพียงได้แค่หดร่างของพวกเขาให้เล็กลงได้แค่เพียง 1 ใน 3 ส่วนเท่านั้น พวกเขาไม่สามารถทำเหมือนหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ที่สามารถย่อขนาดจนหายตัวไปได้อย่างไร้ร่องรอย

อย่างไรก็ตาม หลิงตู้ฉิงพอใจกับสิ่งที่เห็นนี้มาก

ยังคงมีเวลาอีกหลายปีกว่าจะเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับจะเปิดขึ้น หากพวกเขายังคงมีพัฒนาการอยู่ในความเร็วระดับนี้ไปเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงกำหนดที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเปิดขึ้น อย่างน้อยพวกเขาก็ควรฝึกได้จนถึงระดับขั้นที่สามารถนำมาใช้ได้จริงตามที่หลิงตู้ฉิงต้องการได้

ทั้งสี่คนที่กำลังฝึกฝนต่างไม่ได้สังเกตเห็นการมาถึงของหลิงตู้ฉิง ซึ่งหลิงตู้ฉิงเองก็ไม่ได้ส่งเสียงเตือนอะไรพวกเขา เขาเอาแต่มองไปที่หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์

เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงมาถึงแล้ว หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์จึงไม่ได้สาธิตวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งอีกต่อไป นางมองไปที่หลิงตู้ฉิงและส่งรอยยิ้มให้

“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม?” หลิงตู้ฉิงถาม

อันที่จริงหลิงตู้ฉิงนั้นมั่นใจเป็นอย่างมากกับการที่มีหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์คอยปกป้องอยู่ที่นี่ว่ามันจะต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับบรรดาภรรยาและลูกของเขาแน่นอน เพราะในอดีตนางคือตัวตนที่น่าสะพรึงที่สุดเกินกว่าใครจะจินตนาการได้

หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์พยักหน้า “ก่อนหน้านี้มีเศษเสี้ยวจิตวิญญาณอยู่ 4-5 ดวงได้พยายามลอบเข้ามาตรวจสอบที่นี่ ส่วนนอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรที่น่าสนใจ”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่ต้องถามก็สามารถรู้ได้ว่าเศษเสี้ยวจิตวิญญาณเหล่านั้นที่บุกรุกเข้ามาสำรวจสถานที่แห่งนี้ได้ถูกทำลายไปหมดแล้ว

ส่วนชะตากรรมของเจ้าของเศษเสี้ยวจิตวิญญาณเหล่านั้น หลิงตู้ฉิงไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย

ในขณะที่ทั้งสองสนทนากัน เย่ชิงเฉิงและมี่ไลก็ค่อย ๆ รู้สึกตัวเพราะหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์หยุดการสาธิตวิชา

“สามีท่านกลับมาแล้วเหรอ!?” มี่ไลถามอย่างมีความสุข

“สามี ข้าคิดถึงท่าน!” หลิวเฟ่ยเฟ่ยเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ายินดี

“สามีระหว่างที่ข้าไม่ได้อยู่กับท่าน มีใครมารังแกท่านบ้างรึเปล่า? ถ้ามีใครกล้ารังแกท่าน ท่านบอกข้ามาได้เลย ข้าจะไปฆ่าพวกมันให้หมดเดี๋ยวนี้!” เย่ชิงเฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม

หลิงเทียนหยุนเหลือบมองไปที่พ่อของเขาและแม่ทั้งสามของเขา จากนั้นเขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านพ่อ ข้าขอตัวออกไปก่อนก็แล้วกัน”

เมื่อหลิงเทียนหยุนจากไป บรรดาหญิงสาวทั้งสามก็ไม่มีความจำเป็นต้องเก็บความรู้สึกเอาไว้

พวกนางไม่ได้เจอกับหลิงตู้ฉิงมา 3 ปี ถึงแม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาไม่นาน แต่พวกนางก็รู้สึกคิดถึงเขาจนจับใจ เมื่อหลิงตู้ฉิงกลับมาแล้วพวกนางจึงต้องการแสดงความรักและความคิดถึงให้หลิงตู้ฉิงรู้สึกได้จนถึงจุดสุดยอด

หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์หดตัวเล็กลงจนเหลือเพียงจุดดำ ๆ บนยันต์สั่งสวรรค์ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็นและบางครั้งก็ถึงกับเขินอายขณะที่นางมองไปที่คนทั้งสี่ที่นัวเนียกันอยู่ต่อหน้านาง

ในขณะนี้ที่ภายในห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความรักและความรุนแรง กระแสพลังวิญญาณที่อยู่บริเวณรอบ ๆ เรือนก็เริ่มปั่นป่วนและไหลเข้าไปยังภายในห้องที่หลิงตู้ฉิงและภรรยาของเขากำลังร่วมรักกันอยู่ ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ทำให้ผู้คนในเมืองหยูหลันต่างรู้สึกตื่นตัวกันเป็นอย่างมาก

เนื่องจากในอีก 2 ถึง 3 เดือนข้างหน้าจะถึงช่วงเวลาที่ทุกคนคาดว่ากล้วยไม้หยกจะเบ่งบาน

เมื่อสัมผัสได้ถึงความผันผวนของวิญญาณที่รุนแรงเช่นนี้ใกล้กับเวลาที่กล้วยไม้หยกจะเบ่งบาน ทุกคนจะไม่หันมาสนใจมันได้อย่างไร?

“หรือว่าว่ากล้วยไม้หยกกำลังจะบาน?” มีคนพูดอย่างไม่แน่ใจ

“กระแสพลังวิญญาณผันผวนรุนแรงถึงขนาดนี้ มันจะต้องไม่ผิดแน่ ๆ กล้วยไม้หยกกำลังจะบานแล้วแน่นอน!” มีคนพูดอย่างตื่นเต้น

“ ……”

ในขณะที่ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ สระหยูหลันกำลังคุยกัน หลายคนก็มองไปยังทิศทางของเรือนที่อยู่บนยอดเขา

“เป็นไปได้ไหมที่กล้วยไม้หยกกำลังจะบานบนยอดเขานั่น?”

“เป็นไปไม่ได้หรอก หลายพันปีที่ผ่านมากล้วยไม้หยกจะอยู่ในเบ่งบานขึ้นในสระหยูหลันเท่านั้น”

“เพียงเพราะว่ามันเบ่งบานในสระหยูหลันมาตลอด มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะต้องเบ่งบานแต่ในสระหยูหลันตลอดไปไม่ใช่งั้นเหรอ?”

“ถ้าอย่างนั้นใครกันที่อยู่ในเรือนบนยอดเขานั่น? พวกเราต้องไล่คนพวกนั้นออกไปให้พ้น ไม่เช่นนั้นถ้ากล้วยไม้หยกเบ่งบานขึ้นที่นั่นจริง พวกเราต้องหมดโอกาสได้ครอบครองมันแน่นอน”

“แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าคนพวกนั้นเป็นใคร แต่ข้ากลัวว่าพวกเขาคงจะไม่ใช่คนที่พวกเราสามารถล่วงเกินได้ง่าย ๆ นัก ครั้งล่าสุดสำนักยอดเขากระเรียนก็คิดว่าเรือนด้านบนนั้นน่าสนใจ จากนั้นพวกเขาจึงได้ส่งผู้อาวุโสระดับเหนือล้ำไปตรวจสอบมัน และหลังจากนั้นผู้อาวุโสคนนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนสำนักยอดเขากระเรียนเองก็ไม่กล้าจะทำอะไรต่อและไม่กล้าที่จะมาปรากฏตัวแถวสระหยูหลันอีกต่อไปเช่นกัน”

“สำนักสวะอย่าง สำนักยอดเขากระเรียน จะมาเทียบอะไรกับเราได้ยังไง?”

“ ……”

ยิ่งเวลาผ่านไป การถกเถียงในประเด็นต่าง ๆ ก็เริ่มเผ็ดร้อนขึ้นไปทั่วทั้งเมืองหยูหลัน

ในขณะที่ยังคงมีการถกเถียงกันอยู่ กลุ่มคนกล้าตายกลุ่มหนึ่งก็ได้มาถึงด้านนอกเรือนของหลิงตู้ฉิง และตะโกนถามเสียงดัง “ใครอยู่ที่นี่?”

เสี่ยวเยว่เฟิงเดินออกมาดูและถามกลับทันที “พวกเจ้ามีอะไรกัน?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า นางเป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์สามัญเท่านั้นเองนี่นา” ชายผู้มีหนวดเต็มใบหน้าหัวเราะและพูดว่า “พวกข้าคือคนของ อารามนวดารา แห่ง อาณาเขตหยกพิสุทธิ์ พวกข้ามาที่นี่เพราะต้องการเรือนของเจ้า!”

ขณะนี้หลายคนได้สังเกตเห็นแล้วว่ามีกลุ่มคนไปที่เรือนบนยอดเขาเรียบร้อยแล้ว และกำลังหาเรื่องคนที่อยู่ในเรือน

เมื่อได้ยินชายผู้มีหนวดเต็มใบหน้าประกาศชื่อ อารามนวดารา หลายคนก็พูดด้วยความประหลาดใจทันที “นั่นมันหนึ่งในสามสำนักชั้นนำใน อาณาเขตหยกพิสุทธิ์ นี่นา เพื่อกล้วยไม้หยกพวกเขายอมลงทุนถึงขนาดเดินทางมาไกลขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?”

“กล้วยไม้หยกนี้เป็นเพียงโอสถระดับสวรรค์ อารามนวดารา จะต้องการมันไปเพื่ออะไรกัน?”

“ชู่ว…เบาเสียงหน่อย ข้าเกรงว่าเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาก็คือการประมูลของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ต่างหาก ส่วนกล้วยไม้หยกมันก็คงเป็นเพียงแค่สิ่งที่พวกเขาอยากได้ไว้เป็นผลพลอยได้ในการมาที่นี่ก็แค่เท่านั้นแหละ”

เมื่อได้ยินคำอธิบายนี้ผู้คนจำนวนมากต่างร้อง “อ๋อ!”

กว่า 2 ปีที่แล้วหอการค้าเชื่อมสวรรค์ได้มีการประกาศออกมาอย่างกะทันหันว่าจะมีการเปิดประมูลสิทธิ์ในการเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ข่าวนี้ทำให้ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างตกตะลึง

หอการค้าเชื่อมสวรรค์เป็นขุมกำลังที่มีมาแต่โบราณ มันจึงไม่แปลกที่พวกเขาจะมีช่องทางการกระจายข่าวการประมูลสิทธิ์เข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับสองสิทธิ์ให้กับผู้คนในที่ห่างไกลได้รับทราบ

และเมื่อได้ยินข่าวการประมูลของสิทธิ์เข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเช่นนี้ บรรดาสำนักใหญ่ทั้งหลายที่มีความมั่นใจในอิทธิพลและฐานะของตัวเองจึงได้มารวมตัวกันที่อาณาเขตนภาเพื่อร่วมการประมูล

นี่จึงทำให้ขณะนี้ในเมืองหยูหลันจึงมีผู้คนมากหน้าหลายตาที่มาจากที่ต่าง ๆ และสำนักใหญ่มากมายได้มาอยู่รวมกัน ซึ่งอารามนวดาราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

ขณะนี้ เสี่ยวเยว่เฟิงที่ยืนอยู่ที่หน้าทางเข้าเรือนนางขมวดคิ้วและเอ่ยขึ้นว่า “อารามนวดาราอะไร? ข้าไม่เห็นจะเคยได้ยินชื่อมาก่อน!”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+