พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 350 ผู้สืบเชื้อสายจากเหล่าเทพ

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 350 ผู้สืบเชื้อสายจากเหล่าเทพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 350 ผู้สืบเชื้อสายจากเหล่าเทพ

เนื่องจากในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เมืองหยูหลันคงตกอยู่ในความวุ่นวาย หลิงตู้ฉิงจึงสั่งให้ทุกคนหยุดฝึกฝนวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งลงชั่วคราว

ยิ่งไปกว่านั้น เย่ชิงเฉิงยังต้องมุ่งเน้นไปที่การฝึก วิชาศักดิ์สิทธิ์มหาจันทรา อยู่สักพัก ส่วนหลิวเฟ่ยเฟ่ยเองก็ยังต้องบ่มเพาะร่างของนางให้กลายเป็นร่างหยินททิฬ และแม้แต่หลิงเทียนหยุนก็อยู่ในระหว่างการศึกษาความสามารถของสมบัติวิเศษ ‘มายาเที่ยงแท้’ ดังนั้นพวกเขาจึงยังไม่สามารถฝึกฝนวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งได้

มี่ไล ซึ่งเป็นคนเดียวที่ไม่มีสิ่งใหม่ ๆ ให้ต้องศึกษา นางจึงกลับไปฝึกทบทวน วิชาเทวะสี่ฤดูแปรเปลี่ยน ด้วยตัวเอง

ซึ่งหลังจากที่ได้เห็นหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ สาธิตให้เห็นถึงแนวทางของวิชาเทวะสี่ฤดูแปรเปลี่ยนมาก่อนหน้านี้แล้ว ทักษะของนางก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด

ส่วนคนอื่น ๆ นอกเหนือจากการคอยควบคุม ‘ค่ายกลกระบี่เหินเมฆา’ แล้ว เสี่ยวเยว่เฟิงยังคอยกระตุ้นเสี่ยวหลิงเฟิงให้ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง

ตอนนี้เสี่ยวหลิงเฟิงอยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 10 และนางจำเป็นต้องใช้เวลาที่เหลืออีก 10 กว่าปีเพื่อยกระดับการบ่มเพาะของนางไปสู่ระดับ 12 จากนั้นนางถึงจะผ่านเงื่อนไขการเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับของหลิงตู้ฉิง เพื่อตามหาสิ่งที่สามารถช่วยให้นางบรรลุเข้าสู่ระดับ 13

แม้ว่าจะเหลือเวลาอีกกว่าทศวรรษ แต่มันก็นับว่าไม่ได้เยอะอะไรเลยสำหรับการบ่มเพาะจากระดับ 10 ไปสู่ระดับ 12

แต่โชคดีที่นางยังมีพี่สาวที่มีระดับการบ่มเพาะอยู่ในระดับสวรรค์สามัญ ซึ่งคอยให้คำชี้แนะแก่นาง ดังนั้นการบ่มเพาะของนางจึงเป็นไปอย่างไม่ช้าเกินไป

แน่นอนในขณะที่เสี่ยวเยว่เฟิงกำลังสอนเสี่ยวหลิงเฟิง นางก็ไม่ลืมที่จะแนะนำหยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียว

ส่วนทางด้านปิงยู่หลางและสีอี้เฉิงที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในเรือน ในช่วงเวลาที่ว่างเช่นนี้พวกเขาจึงเริ่มทำควาทสนิทสนมกับหานซ่งหยวนและหยูจิ้งเฉิง ซึ่งพวกเขาก็ยังคุยกันเกี่ยวกับการเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ

เนื่องจากหลังจากที่พวกเขาได้เข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับไปแล้ว พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับเหล่าอัจฉริยะจากทั่วทุกสารทิศเพื่อให้ได้มาซึ่งสมบัติวิเศษที่พวกเขาหมายปอง

เมื่อเทียบกับความเงียบสงบในเรือนบนยอดเขา สถานการณ์ภายในเมืองหยูหลันกลับค่อนข้างปั่นป่วน

ในเรือนแห่งหนึ่งที่อยู่ภายใต้การป้องกันของกำแพงพลังวิญญาณ มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังปรึกษากันอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ท่านลุง คนที่ขายสิทธิ์เข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับถูกพบแล้ว เขาอยู่ที่เรือนบนยอดเขาเหนือสระหยูหลัน!” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูด

“ในเมื่อพบพวกเขาแล้ว เจ้าจงส่งคนของเราไปพบกับพวกเขาและขอซื้อสิทธิ์เข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับมาให้ได้” ชายวัยกลางตอบกลับ

ชายหนุ่มแสดงสีหน้ากังวลและพูดว่า “เอ่อ…ท่านลุง หลังจากตรวจสอบข้าพบว่าพวกเขาเป็นคนจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้เย่ชิงเฉิงที่มีฐานะเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์เองก็อยู่ที่นั่นอีกด้วย”

“สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์?” ชายวัยกลางคนหัวเราะ “ต่อให้พวกเขาจะเป็นคนสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์แล้วมันจะยังไง? สายเลือดของพวกเราสันเขาทรราช ต่างได้รับการอำนวยพรจากสวรรค์เช่นกัน ดังนั้นเราจะกลัวสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ไปทำไม? และยิ่งโดยเฉพาะที่ตอนนี้ปัญหาภายในของสำนักพวกเขายังไม่ได้รับการแก้ไขเลยด้วยซ้ำ เราไม่จำเป็นต้องไปเกรงกลัวอะไรกับพวกเขาเลย”

“นอกจากนี้พวกเราจะไปทำการแลกเปลี่ยนกับพวกเขาอย่างเป็นมิตร พวกเราไม่ได้จะไปปล้นพวกเขาสักหน่อยจริงไหม? เก๋อเอ๋อ เจ้าไม่ต้องกังวล เราจะต้องหาสิทธิ์เข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับให้เจ้าได้อย่างแน่นอน!”

“ในด้านพรสวรรค์เจ้าคือหนึ่งในอันดับต้น ๆ ของสันเขาทรราชของเรา แต่สายเลือดทรราชในกายของเจ้าไม่ได้เข้มข้นมากนัก ตามบันทึกของบรรพบุรุษเรามีเพียง สระโลหิต เท่านั้นที่สามารถเพิ่มความเข้มข้นของสายเลือดเจ้าได้ ดังนั้นเจ้าจำเป็นต้องเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับให้ได้!”

ชายหนุ่มถอนหายใจ “เฮ้อ…ถ้าเพียงแค่ข้าสามารถเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้ล่ะก็…”

“ไม่ต้องกังวล เราจะส่งคนไปเจรจากับสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์เดี๋ยวนี้ทันที” ชายวัยกลางคนปลอบโยนชายหนุ่ม จากนั้นเขาโบกมือถอนกำแพงวิญญาณออกและตะโกนเรียกผู้ติดตามผู้หนึ่งให้เข้ามาหา “เทียนเจียน จงไปที่สระหยูหลันและขอเข้าพบกับคนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ บอกกับพวกเขาว่าเราต้องการซื้อสิทธิ์การเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับหนึ่งที่!”

“รับทราบครับ!!” เทียนเจียนตอบกลับทันที

เมื่อเทียนเจียนมาถึงทางเข้าเรือนของหลิงตู้ฉิง เขาตะโกนขึ้นเสียงดังทันที “สันเขาทรราช เทียนเจียน ขอเข้าพบแม่นางเย่แห่งสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์”

“แซ่เทียน? ทำไมแซ่ของคนผู้นี้ถึงฟังดูแปลก ๆ จังสามี?” มี่ไลเอ่ยกับหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น

หลังจากทบทวนวิชาเทวะสี่ฤดูแปรเปลี่ยนเสร็จ ในระหว่างเวลาว่าง ๆ นางก็มานั่งข้าง หลิงตู้ฉิง เฝ้าดูเขาหลอมโอสถเพื่อฆ่าเวลา

หลิงตู้ฉิงส่งยิ้มให้กับมี่ไล จากนั้นเขาจึงเริ่มอธิบายให้นางฟัง “เขาเป็นคนที่มาจากสันเขาทรราชและพวกคนที่อยู่ในสันเขาทรราชทุกคนต่างชอบโอ้อวดว่าพวกเขาเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากเหล่าเทพที่อยู่บนสวรรค์ ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงใช้แซ่ว่า เทียน แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะชอบโอ้อวดมากเพียงใด แต่ความแข็งแกร่งของสายเลือดพวกเขานั้นคือของจริง หากเจ้าต้องต่อสู้กับพวกเขา เจ้าต้องระวังทักษะที่เกี่ยวกับสายเลือดของพวกเขาให้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ได้ปลุกสายเลือดของตัวเองเรียบร้อยแล้ว พลังของพวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาหลายเท่า!”

มี่ไลพยักหน้า “แต่ด้วยวิชาของข้า ข้าไม่กลัวพวกเขาหรอก!”

เมื่อนางเข้าใจในอำนาจเกี่ยวกับวิชาเทวะสี่ฤดูแปรเปลี่ยนมากขึ้น นางก็มั่นใจในตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่านางจะอยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 12 แต่ความแข็งแกร่งของนางก็ก้าวข้ามขีดจำกัดของขอบเขตประสานทะเลปราณมานานแล้ว

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวเล็กน้อย “ยังไงก็อย่าได้ประมาท! สายเลือดของพวกเขาคือสายเลือดทรราช ความสามารถพิเศษของมันคือสามารถหลอมรวมกับสายเลือดอื่น ๆ ได้ และจะสามารถใช้งานทักษะของสายเลือดที่มันหลอมรวมเข้ามาได้ด้วยเช่นกัน”

“สามี ข้าจะระวัง” มี่ไลพยักหน้า

ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อเย่ชิงเฉิงได้ยินว่ามีคนกำลังตามหานาง นางจึงบอกโม่เอ๋อให้เชิญเทียนเจียนเข้ามา

เมื่อได้ยินจุดประสงค์การมาของเทียนเจียน เย่ชิงเฉิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “ข้าต้องขอคิดดูก่อน โปรดรอสักครู่”

เมื่อพูดจบ เย่ชิงเฉิงจึงเดินไปตามหาหลิงตู้ฉิง และแจ้งกับเขาทันที “สามี สันเขาทรราชต้องการซื้อสิทธิ์ในการเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ตอนนี้เราควรทำยังไงดี? เทียนเจียนบอกว่าพวกเขายินดีที่จะจ่ายกระดูกศักดิ์สิทธิ์ และอาวุธระดับจักรพรรดิเป็นค่าตอบแทน”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “เราไม่มีสิทธิ์เหลืออีกแล้ว”

“สามี ท่านคำนวณผิดรึเปล่า?” เย่ชิงเฉิงขมวดคิ้วและพูดว่า “ข้าคำนวณแล้วว่าเรายังเหลืออีก 1 สิทธิ์ ท่านและข้ามีกุญแจเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับทั้งหมด 3 ดอก หากไม่นับรวมทุกคนที่ไม่จำเป็นต้องใช้มัน เนื่องจากได้ฝึกวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งแล้ว เราจะเหลืออีก 1 สิทธิ์”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “งั้นข้าจะทวนให้เจ้าฟังอีกที 3 สิทธิ์ของกุญแจที่เป็นของเจ้าจะมอบให้กับ หานซ่งหยวน หยูจิ้งเฉิงและลูกของหนิงเฟิง ส่วนกุญแจอีก 2 ดอกที่อยู่กับข้า ดอกแรกข้าจะมอบสิทธิ์ให้กับสีอี้เฉิง ตวนจู้ และปิงยู่หลาง ส่วนดอกสุดท้ายก็จะเป็นสิทธิ์ของ ซือโถว หลิงเฟิง และสิทธิ์สุดท้ายนั้นจะเป็นของตัวข้าเอง ถึงแม้ว่าข้าจะสามารถใช้วิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งเพื่อเข้าไปด้านในได้ แต่ถ้าหากข้าไม่เข้าไปด้านในด้วยตัวเองให้คนอื่น ๆ เห็น พวกเขาจะต้องสงสัยว่าข้าสามารถเข้าไปด้านในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้อย่างไร ดังนั้นด้วยเหตุผลนี้เราจึงไม่สามารถมอบสิทธิ์นี้ให้กับคนอื่นได้”

“แต่เจ้าสามารถลองถามคนอื่น ๆ ได้และดูว่ามีใครบ้างที่เต็มใจที่จะสละสิทธิ์ของตนเอง แต่ถ้าไม่มีใครเต็มใจสละสิทธิ์ เราก็ทำได้เพียงแต่ปฏิเสธคนของสันเขาทรราชไปเท่านั้น”

เย่ชิงเฉิงพยักหน้าเล็กน้อย นางเข้าใจความหมายของหลิงตู้ฉิง นางรู้ดีว่าพวกเขาไม่สามารถให้คนอื่นระแคะระคายเรื่องวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งได้ เพราะถ้าหากความลับนี้รั่วไหลออกไป พวกเขาจะต้องพบกับปัญหาที่ตามมามากมาย

“งั้นข้าจะไปถามศิษย์พี่ทั้งสองของข้าก่อนว่าพวกเขาเต็มใจสละสิทธิ์หรือไม่” เย่ชิงเฉิงพยักหน้า

“ไปบอกเฟิงด้วยว่าให้นางหาวิธีติดต่อหนิงเฟิงให้ได้ และให้นางแจ้งกับเขาว่าถ้าเขาไม่มาปรากฏตัวภายในครึ่งปี สิทธิ์ที่ข้าสัญญาไว้กับเขา ข้าจะขายมันให้สันเขาทรราช” หลิงตู้ฉิงสั่งขึ้น

“อืม” เย่ชิงเฉิงพยักหน้า

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 350 ผู้สืบเชื้อสายจากเหล่าเทพ

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 350 ผู้สืบเชื้อสายจากเหล่าเทพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 350 ผู้สืบเชื้อสายจากเหล่าเทพ

เนื่องจากในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เมืองหยูหลันคงตกอยู่ในความวุ่นวาย หลิงตู้ฉิงจึงสั่งให้ทุกคนหยุดฝึกฝนวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งลงชั่วคราว

ยิ่งไปกว่านั้น เย่ชิงเฉิงยังต้องมุ่งเน้นไปที่การฝึก วิชาศักดิ์สิทธิ์มหาจันทรา อยู่สักพัก ส่วนหลิวเฟ่ยเฟ่ยเองก็ยังต้องบ่มเพาะร่างของนางให้กลายเป็นร่างหยินททิฬ และแม้แต่หลิงเทียนหยุนก็อยู่ในระหว่างการศึกษาความสามารถของสมบัติวิเศษ ‘มายาเที่ยงแท้’ ดังนั้นพวกเขาจึงยังไม่สามารถฝึกฝนวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งได้

มี่ไล ซึ่งเป็นคนเดียวที่ไม่มีสิ่งใหม่ ๆ ให้ต้องศึกษา นางจึงกลับไปฝึกทบทวน วิชาเทวะสี่ฤดูแปรเปลี่ยน ด้วยตัวเอง

ซึ่งหลังจากที่ได้เห็นหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ สาธิตให้เห็นถึงแนวทางของวิชาเทวะสี่ฤดูแปรเปลี่ยนมาก่อนหน้านี้แล้ว ทักษะของนางก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด

ส่วนคนอื่น ๆ นอกเหนือจากการคอยควบคุม ‘ค่ายกลกระบี่เหินเมฆา’ แล้ว เสี่ยวเยว่เฟิงยังคอยกระตุ้นเสี่ยวหลิงเฟิงให้ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง

ตอนนี้เสี่ยวหลิงเฟิงอยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 10 และนางจำเป็นต้องใช้เวลาที่เหลืออีก 10 กว่าปีเพื่อยกระดับการบ่มเพาะของนางไปสู่ระดับ 12 จากนั้นนางถึงจะผ่านเงื่อนไขการเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับของหลิงตู้ฉิง เพื่อตามหาสิ่งที่สามารถช่วยให้นางบรรลุเข้าสู่ระดับ 13

แม้ว่าจะเหลือเวลาอีกกว่าทศวรรษ แต่มันก็นับว่าไม่ได้เยอะอะไรเลยสำหรับการบ่มเพาะจากระดับ 10 ไปสู่ระดับ 12

แต่โชคดีที่นางยังมีพี่สาวที่มีระดับการบ่มเพาะอยู่ในระดับสวรรค์สามัญ ซึ่งคอยให้คำชี้แนะแก่นาง ดังนั้นการบ่มเพาะของนางจึงเป็นไปอย่างไม่ช้าเกินไป

แน่นอนในขณะที่เสี่ยวเยว่เฟิงกำลังสอนเสี่ยวหลิงเฟิง นางก็ไม่ลืมที่จะแนะนำหยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียว

ส่วนทางด้านปิงยู่หลางและสีอี้เฉิงที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในเรือน ในช่วงเวลาที่ว่างเช่นนี้พวกเขาจึงเริ่มทำควาทสนิทสนมกับหานซ่งหยวนและหยูจิ้งเฉิง ซึ่งพวกเขาก็ยังคุยกันเกี่ยวกับการเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ

เนื่องจากหลังจากที่พวกเขาได้เข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับไปแล้ว พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับเหล่าอัจฉริยะจากทั่วทุกสารทิศเพื่อให้ได้มาซึ่งสมบัติวิเศษที่พวกเขาหมายปอง

เมื่อเทียบกับความเงียบสงบในเรือนบนยอดเขา สถานการณ์ภายในเมืองหยูหลันกลับค่อนข้างปั่นป่วน

ในเรือนแห่งหนึ่งที่อยู่ภายใต้การป้องกันของกำแพงพลังวิญญาณ มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังปรึกษากันอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ท่านลุง คนที่ขายสิทธิ์เข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับถูกพบแล้ว เขาอยู่ที่เรือนบนยอดเขาเหนือสระหยูหลัน!” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูด

“ในเมื่อพบพวกเขาแล้ว เจ้าจงส่งคนของเราไปพบกับพวกเขาและขอซื้อสิทธิ์เข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับมาให้ได้” ชายวัยกลางตอบกลับ

ชายหนุ่มแสดงสีหน้ากังวลและพูดว่า “เอ่อ…ท่านลุง หลังจากตรวจสอบข้าพบว่าพวกเขาเป็นคนจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้เย่ชิงเฉิงที่มีฐานะเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์เองก็อยู่ที่นั่นอีกด้วย”

“สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์?” ชายวัยกลางคนหัวเราะ “ต่อให้พวกเขาจะเป็นคนสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์แล้วมันจะยังไง? สายเลือดของพวกเราสันเขาทรราช ต่างได้รับการอำนวยพรจากสวรรค์เช่นกัน ดังนั้นเราจะกลัวสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ไปทำไม? และยิ่งโดยเฉพาะที่ตอนนี้ปัญหาภายในของสำนักพวกเขายังไม่ได้รับการแก้ไขเลยด้วยซ้ำ เราไม่จำเป็นต้องไปเกรงกลัวอะไรกับพวกเขาเลย”

“นอกจากนี้พวกเราจะไปทำการแลกเปลี่ยนกับพวกเขาอย่างเป็นมิตร พวกเราไม่ได้จะไปปล้นพวกเขาสักหน่อยจริงไหม? เก๋อเอ๋อ เจ้าไม่ต้องกังวล เราจะต้องหาสิทธิ์เข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับให้เจ้าได้อย่างแน่นอน!”

“ในด้านพรสวรรค์เจ้าคือหนึ่งในอันดับต้น ๆ ของสันเขาทรราชของเรา แต่สายเลือดทรราชในกายของเจ้าไม่ได้เข้มข้นมากนัก ตามบันทึกของบรรพบุรุษเรามีเพียง สระโลหิต เท่านั้นที่สามารถเพิ่มความเข้มข้นของสายเลือดเจ้าได้ ดังนั้นเจ้าจำเป็นต้องเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับให้ได้!”

ชายหนุ่มถอนหายใจ “เฮ้อ…ถ้าเพียงแค่ข้าสามารถเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้ล่ะก็…”

“ไม่ต้องกังวล เราจะส่งคนไปเจรจากับสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์เดี๋ยวนี้ทันที” ชายวัยกลางคนปลอบโยนชายหนุ่ม จากนั้นเขาโบกมือถอนกำแพงวิญญาณออกและตะโกนเรียกผู้ติดตามผู้หนึ่งให้เข้ามาหา “เทียนเจียน จงไปที่สระหยูหลันและขอเข้าพบกับคนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ บอกกับพวกเขาว่าเราต้องการซื้อสิทธิ์การเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับหนึ่งที่!”

“รับทราบครับ!!” เทียนเจียนตอบกลับทันที

เมื่อเทียนเจียนมาถึงทางเข้าเรือนของหลิงตู้ฉิง เขาตะโกนขึ้นเสียงดังทันที “สันเขาทรราช เทียนเจียน ขอเข้าพบแม่นางเย่แห่งสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์”

“แซ่เทียน? ทำไมแซ่ของคนผู้นี้ถึงฟังดูแปลก ๆ จังสามี?” มี่ไลเอ่ยกับหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น

หลังจากทบทวนวิชาเทวะสี่ฤดูแปรเปลี่ยนเสร็จ ในระหว่างเวลาว่าง ๆ นางก็มานั่งข้าง หลิงตู้ฉิง เฝ้าดูเขาหลอมโอสถเพื่อฆ่าเวลา

หลิงตู้ฉิงส่งยิ้มให้กับมี่ไล จากนั้นเขาจึงเริ่มอธิบายให้นางฟัง “เขาเป็นคนที่มาจากสันเขาทรราชและพวกคนที่อยู่ในสันเขาทรราชทุกคนต่างชอบโอ้อวดว่าพวกเขาเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากเหล่าเทพที่อยู่บนสวรรค์ ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงใช้แซ่ว่า เทียน แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะชอบโอ้อวดมากเพียงใด แต่ความแข็งแกร่งของสายเลือดพวกเขานั้นคือของจริง หากเจ้าต้องต่อสู้กับพวกเขา เจ้าต้องระวังทักษะที่เกี่ยวกับสายเลือดของพวกเขาให้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ได้ปลุกสายเลือดของตัวเองเรียบร้อยแล้ว พลังของพวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาหลายเท่า!”

มี่ไลพยักหน้า “แต่ด้วยวิชาของข้า ข้าไม่กลัวพวกเขาหรอก!”

เมื่อนางเข้าใจในอำนาจเกี่ยวกับวิชาเทวะสี่ฤดูแปรเปลี่ยนมากขึ้น นางก็มั่นใจในตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่านางจะอยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 12 แต่ความแข็งแกร่งของนางก็ก้าวข้ามขีดจำกัดของขอบเขตประสานทะเลปราณมานานแล้ว

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวเล็กน้อย “ยังไงก็อย่าได้ประมาท! สายเลือดของพวกเขาคือสายเลือดทรราช ความสามารถพิเศษของมันคือสามารถหลอมรวมกับสายเลือดอื่น ๆ ได้ และจะสามารถใช้งานทักษะของสายเลือดที่มันหลอมรวมเข้ามาได้ด้วยเช่นกัน”

“สามี ข้าจะระวัง” มี่ไลพยักหน้า

ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อเย่ชิงเฉิงได้ยินว่ามีคนกำลังตามหานาง นางจึงบอกโม่เอ๋อให้เชิญเทียนเจียนเข้ามา

เมื่อได้ยินจุดประสงค์การมาของเทียนเจียน เย่ชิงเฉิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “ข้าต้องขอคิดดูก่อน โปรดรอสักครู่”

เมื่อพูดจบ เย่ชิงเฉิงจึงเดินไปตามหาหลิงตู้ฉิง และแจ้งกับเขาทันที “สามี สันเขาทรราชต้องการซื้อสิทธิ์ในการเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ตอนนี้เราควรทำยังไงดี? เทียนเจียนบอกว่าพวกเขายินดีที่จะจ่ายกระดูกศักดิ์สิทธิ์ และอาวุธระดับจักรพรรดิเป็นค่าตอบแทน”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “เราไม่มีสิทธิ์เหลืออีกแล้ว”

“สามี ท่านคำนวณผิดรึเปล่า?” เย่ชิงเฉิงขมวดคิ้วและพูดว่า “ข้าคำนวณแล้วว่าเรายังเหลืออีก 1 สิทธิ์ ท่านและข้ามีกุญแจเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับทั้งหมด 3 ดอก หากไม่นับรวมทุกคนที่ไม่จำเป็นต้องใช้มัน เนื่องจากได้ฝึกวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งแล้ว เราจะเหลืออีก 1 สิทธิ์”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “งั้นข้าจะทวนให้เจ้าฟังอีกที 3 สิทธิ์ของกุญแจที่เป็นของเจ้าจะมอบให้กับ หานซ่งหยวน หยูจิ้งเฉิงและลูกของหนิงเฟิง ส่วนกุญแจอีก 2 ดอกที่อยู่กับข้า ดอกแรกข้าจะมอบสิทธิ์ให้กับสีอี้เฉิง ตวนจู้ และปิงยู่หลาง ส่วนดอกสุดท้ายก็จะเป็นสิทธิ์ของ ซือโถว หลิงเฟิง และสิทธิ์สุดท้ายนั้นจะเป็นของตัวข้าเอง ถึงแม้ว่าข้าจะสามารถใช้วิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งเพื่อเข้าไปด้านในได้ แต่ถ้าหากข้าไม่เข้าไปด้านในด้วยตัวเองให้คนอื่น ๆ เห็น พวกเขาจะต้องสงสัยว่าข้าสามารถเข้าไปด้านในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้อย่างไร ดังนั้นด้วยเหตุผลนี้เราจึงไม่สามารถมอบสิทธิ์นี้ให้กับคนอื่นได้”

“แต่เจ้าสามารถลองถามคนอื่น ๆ ได้และดูว่ามีใครบ้างที่เต็มใจที่จะสละสิทธิ์ของตนเอง แต่ถ้าไม่มีใครเต็มใจสละสิทธิ์ เราก็ทำได้เพียงแต่ปฏิเสธคนของสันเขาทรราชไปเท่านั้น”

เย่ชิงเฉิงพยักหน้าเล็กน้อย นางเข้าใจความหมายของหลิงตู้ฉิง นางรู้ดีว่าพวกเขาไม่สามารถให้คนอื่นระแคะระคายเรื่องวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งได้ เพราะถ้าหากความลับนี้รั่วไหลออกไป พวกเขาจะต้องพบกับปัญหาที่ตามมามากมาย

“งั้นข้าจะไปถามศิษย์พี่ทั้งสองของข้าก่อนว่าพวกเขาเต็มใจสละสิทธิ์หรือไม่” เย่ชิงเฉิงพยักหน้า

“ไปบอกเฟิงด้วยว่าให้นางหาวิธีติดต่อหนิงเฟิงให้ได้ และให้นางแจ้งกับเขาว่าถ้าเขาไม่มาปรากฏตัวภายในครึ่งปี สิทธิ์ที่ข้าสัญญาไว้กับเขา ข้าจะขายมันให้สันเขาทรราช” หลิงตู้ฉิงสั่งขึ้น

“อืม” เย่ชิงเฉิงพยักหน้า

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+