พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 361 บทสวด

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 361 บทสวด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 361 บทสวด

“แบบนี้ไม่ดีแน่!” เกือบทุกคนมีความคิดเดียวกัน

ใบหน้าของผู้คนจากตำหนักแสงศักด์สิทธิ์มืดลง พวกเขาไม่คิดว่าวิญญาณปีศาจจะร้ายกาจกว่าที่พวกเขาคิดและโหดร้ายจนฆ่าคนที่อยู่ข้างเดียวกับมันอย่างเลือดเย็น นี่มันไม่ต้องการผู้ติดตามเลยงั้นเหรอ?

ในตอนนี้ วิญญาณปีศาจตนนี้ดูดุร้ายยิ่งกว่าที่ตำนานกล่าวเอาไว้เสียอีก!

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถคิดถึงเรื่องนั้นได้ในตอนนี้เพราะวิญญาณปีศาจได้ฟื้นฟูความแข็งแกร่งระดับขอบเขตจักรพรรดิอย่างสมบูรณ์แล้ว ซึ่งมันน่ากลัวอย่างหาที่เปรียบมิได้

สีหน้าของผู้คนจากสันเขาทรราชก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ตอนนี้เทียนหยูเฮงจึงลงมืออย่างเด็ดขาดโดยหยิบอาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิขึ้นมา ซึ่งมันคือดาบยาวสีดำทมิฬ และโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาก็ฟันไปที่ ‘ปราการจักรกลสวรรค์’ ที่อยู่ใกล้ ๆ อย่างไร้ความปรานี

หลังจากเสียงดังกระหึ่ม ซึ่งมาจากการที่ดาบของเขาปะทะกับปราการจักรกลสวรรค์ ความเสียหายของปราการก็ปรากฏขึ้นเป็นรูกว้างเห็นภูมิประเทศภายนอกที่เป็นหุบเขายาวด้านข้างของเมืองหยูหลัน จากนั้นเทียนหยูเฮงก็รีบนำคนของเขาออกจากเมืองหยูหลันทันที

เมื่อครู่ที่ลั่วหยุนรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของอาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิชิ้นที่สองเขาก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขาคิดว่ามันต้องเป็นอาวุธของคนจากสันเขาทรราชแน่นอนซึ่งนำมันขึ้นมาเพื่อช่วยเขา อย่างไรก็ตามเมื่อเขาได้เห็นการกระทำของคนจากสันเขาทรราชแล้ว ดวงจิตของเขาแทบจะระเบิดออกด้วยความโกรธ

ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ แทนที่ไอ้พวกเวรพวกนั้นจะเอาความแข็งแกร่งของตัวเองมาช่วยกันปราบปรามวิญญาณปีศาจ แต่พวกมันกลับเอาความแข็งแกร่งของตัวเองมาทำลายสิ่งที่เอาไว้กักขังวิญญาณปีศาจซะอย่างนั้น?

“พวกเราควรออกไปด้วยไหม?” บางคนของตำหนักแสงศักด์สิทธิ์ที่เห็นว่าคนอื่น ๆ กำลังอพยพออกไปอย่างรวดเร็วพวกเขาจึงเริ่มปรึกษากันเอง “ยังไงซะพวกเราก็ไม่สามารถกำจัดวิญญาณปีศาจได้ด้วยตัวเราเองอยู่แล้ว ถ้าเรายังคงรั้งอยู่ที่นี่อยู่แบบนี้ พวกเราอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้และที่สำคัญพวกเราเพิ่งสร้างความแค้นต่อวิญญาณปีศาจ พวกเราต้องรีบกลับไปเตรียมตัวรับมือมันให้เร็วที่สุด”

หนานกงซ่งหยวนพูดว่า “พวกเราได้ยื่นมือเข้าไปแทรกแซงเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นพวกเราไม่มีทางให้ถอยอีกต่อไป นอกจากนี้เป็นเราเองที่เปิดใช้งานโองการจักรพรรดิซึ่งทำให้มันยิ่งบ้าคลั่งมากขึ้นไปอีก เราต้องอยู่ที่นี่เพื่อรับผิดชอบต่อสิ่งที่เรากระทำลงไป”

ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ๆ ที่เตรียมจะจากไป แม้แต่หานซ่งหยวน หยูจิ้งเฉิงและคนอื่น ๆ ก็ถามกู่ตงฉิงว่า “ท่านลุงกู่ นี่ไม่ใช่เวลาที่เราควรออกไปกันงั้นเหรอ?”

กู่ตงฉิงขมวดคิ้วและส่งเสียงของเขาไปยังเย่หยูหลันถามว่า “ข้าเกรงว่ามันคงถึงเวลาที่เราต้องเตรียมตัวออกไปเช่นกัน ไม่เช่นนั้นพวกเราทุกคนอาจมีอันตรายได้”

เย่หยูหลันไม่ตอบ นางเพียงแค่มองไปที่เย่ชิงเฉิงด้วยสายตากังวล

ถ้ าเย่ชิงเฉิงไม่ยอมจากไป นางจะออกไปได้อย่างไร?

“นายหญิงตอนนี้เราควรทำยังไงดี? ข้าควรไปแจ้งให้นายท่านเตรียมตัวออกจากที่นี่ดีไหม?” เย่หยูหลันถามอย่างไม่แน่ใจ

เย่ชิงเฉิงหันหน้าไปมองที่ผู้คนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์และตอบเย่หยูหลัน “ไม่ต้องกังวล สามีข้าจะแก้ปัญหาเหล่านี้เอง”

เย่หยูหลันหัวเราะอย่างขมขื่น “ข้ารู้ดีว่านายท่านไม่ใช่คนธรรมดา แต่ข้ากลัวว่าสถานการณ์ปัจจุบันที่กำลังเผชิญอยู่มันอาจจะเกินความสามารถของเขาไปสักหน่อยก็ได้ วิญญาณปีศาจตนนี้ได้ฟื้นความแข็งแกร่งขอบเขตจักรพรรดิของมันอย่างเต็มที่แล้วยิ่งไปกว่านั้นยิ่งมันฆ่ามันก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น แม้ว่าเราจะใช้อาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิและโองการจักรพรรดิ เราก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันอยู่ดี อย่างดีที่สุดก็คงสู้กับมันได้นานขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น”

เย่ชิงเฉิงมองไปที่หลิงตู้ฉิงและถามขึ้น “ป้าหลัน ท่านคิดว่าสามีของข้าดูสงบแค่ไหน? ไม่ต้องห่วง พวกเราจะไม่เป็นอะไรหรอก”

เย่หยูหลันทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่น อันที่จริงหลิงตู้ฉิงสงบมาก แต่เขาจะแก้ปัญหาให้สงบได้หรือไม่?

สำหรับหลิงตู้ฉิง แม้ว่าใบหน้าของเขาจะดูสงบ แต่ในใจของเขาก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย

ขณะนี้ปราการจักรกลสวรรค์ถูกทำลายจนเป็นรูไปซะแล้ว ซึ่งเขาจะไม่ยินยอมให้วิญญาณปีศาจตนนี้หนีไปแน่นอน เนื่องจากเขาต้องการพลังวิญญาณของวิญญาณปีศาจตนนี้เป็นอย่างมาก แต่เมื่อสถานการณ์มาถึงจุดนี้แล้วเขาควรจะลงมือเองดีหรือเปล่า?

แต่ถ้าเขาสังหารวิญญาณปีศาจตนนี้ด้วยตัวเอง เขาจะต้องเดือดร้อนอย่างมากหลังจากจบเรื่อง

ในขณะนี้วิญญาณปีศาจที่ร่างกายของมันได้ขยายใหญ่ขึ้นไปกว่า 10 เท่าจากการได้ดูดพลังของเหล่าผู้คนของฝั่งมัน มันได้หลุดออกจากการพัวพันของเหล่าอักษรสีทองของลั่วหยุนและคำสาปมหาแสงเจิดจรัสได้แล้ว และกำลังปลดปล่อยอำนาจของเจตจำนงแห่งความแค้นและการสังหารของมันออกมาในรูปแบบของหมอกสีดำทมิฬล้อมรอบตัวมัน จนตอนนี้มันคล้ายกับว่ามีเมฆทมิฬสีดำลอยอยู่เหนือสระหยูหลัน

“พวกเจ้าทุกคนต้องตาย…” เสียงอันเยือกเย็นของวิญญาณปีศาจดังออกมา “ข้าจะทำให้พวกเจ้ากลายเป็นส่วนหนึ่งของข้าและติดตามข้าไปตลอดกาล”

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สิ้นเสียงของวิญญาณปีศาจ จู่ ๆ ทุกคนก็ได้ยินเสียงของบทสวดที่มาพร้อมกับแสงสีทองที่ส่องประกายสาดไปทั่วบริเวณและกลิ่นหอมของไม้จันทน์ก็ลอยฟุ้งไปทั่ว

ไม่ว่าเสียงของบทสวดนี้ดังไปถึงที่ใด ที่แห่งนั้นก็แทบจะไม่ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของวิญญาณปีศาจรวมไปถึงภายใต้แสงสีทองอ่อนที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความดีงาม เจตจำนงแห่งความแค้นและการสังหารของวิญญาณปีศาจก็ได้สลายหายไปอย่างรวดเร็ว และสุดท้ายภายใต้กลิ่นหอมของไม้จันทน์ กลิ่นฉุนคาวของเลือดก็ได้รับการชำระล้างอย่างสมบูรณ์

“มันคือบ้าอะไรกัน!?” วิญญาณปีศาจร้องเสียงหลงออกมาโดยไม่รู้ตัว

ทำไมมันถึงรู้สึกว่าตอนนี้มันกำลังเผชิญกับศัตรูที่มันไม่มีวันเอาชนะได้?

ไม่เพียงแต่วิญญาณปีศาจที่รู้สึกได้ แต่คนอื่น ๆ ก็รู้สึกเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดต่างมองไปยังทิศทางของเสียงสวดนี้

หลังจากที่ทุกคนจ้องมอง พวกเขาก็เห็นว่ากลุ่มคนจากหุบเขาบุปผาอนันต์ที่ยุ่งอยู่เมื่อครู่ได้หายไป กลายเป็นร่างที่เลือนลางที่ปรากฏในสถานที่นั้น

เมื่อเสียงสวดมนต์ดังขึ้นเรื่อย ๆ แสงสีทองซีดก็สว่างขึ้นและสว่างขึ้น กลิ่นหอมของไม้จันทน์ก็อบอวลขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่รูปร่างที่ไม่มองเห็นได้ลาง ๆ ก็ดูชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ในที่สุดก็ออกมาสักที!” ลั่วหยุนหัวเราะอย่างมีความสุข

หลิงตู้ฉิงยังหัวเราะ “อย่าพึ่งวางใจไป เรายังต้องระวังเอาไว้ นี่เป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่สำคัญซึ่งเราจะพลาดไม่ได้”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าที่ยิ้มแย้มของลั่วหยุนก็เปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะต้องสละพลังวิญญาณไปครึ่งหนึ่ง ข้าก็จะไม่ปล่อยมันไปแน่นอน”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ถอยกลับไปที่ทางเข้าของมิติมหาค่ายกลที่ลั่วหยุนนำมา จากนั้นเขาก็เริ่มตรวจดูความเรียบร้อยด้านในที่เต็มไปด้วยคนของหุบเขาบุปผาอนันต์อีกครั้ง

เนื่องจากเหล่าคนของหุบเขาบุปผาอนันต์ได้เริ่มลงมือแล้ว และมันเป็นส่วนสำคัญที่สุดของแผนการ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถให้ใครมาขัดขวางได้

ปรากฏการณ์นี้ที่สร้างขึ้นจากคนของหุบเขาบุปผาอนันต์ทำให้ทุกคนต้องตะลึง

ทุกคนที่เห็นภาพนี้ต่างตกตะลึง พวกนางสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาได้ยังไง? แล้วสิ่งนี้ใช้ทำอะไรได้บ้าง? หลายคนที่กำลังจะจากไปเมื่อเห็นภาพนี้ก็หยุดมองภาพเหตุการณ์โดยไม่รู้ตัวเช่นกัน

เย่หยูหลันและกู่ตงฉิงเอียงหูเพื่อฟังสักพักแล้วก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ขณะที่พวกเขาพึมพำกับตัวเอง “นี่มันบทสวดของพระวัดจินตภาพใช่ไหม? แต่ว่านี่มันคือวิญญาณปีศาจที่มีพลังอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิ ต่อให้จะใช้ผู้คนจำนวนมากแค่ไหนมาท่องบทสวดให้มันฟังมันก็คงไม่สามารถจัดการกับมันได้แน่นอน นอกซะจากว่าบทสวดนี้จะเป็นบทสวดในตำนานบทนั้น…ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ใช่ไหมที่คนผู้นั้นจะรู้จักบทสวดของเหล่าพระวัดจินตภาพ?”

พวกเขาทั้งสองคนต่างมองไปที่กลุ่มคนของหุบเขาบุปผาอนันต์ด้วยสีหน้าแปลก ๆ และจากนั้นสายตาของพวกเขาก็ย้ายไปที่หลิงตู้ฉิง

คนคนนี้เป็นใครกันแน่?

ในเวลาเดียวกัน ทางด้านของตำหนักแสงศักด์สิทธิ์ หนานกงซ่งหยวนเผยรอยยิ้มอันเบิกบานพร้อมกับพูดขึ้น “ข้าว่าแล้วว่าต้องมีอะไรให้แปลกใจ เอาล่ะ ตอนนี้ทุกอย่างก็น่าจะเรียบร้อยดีแล้วล่ะนะ”

“ท่านผู้อาวุโส นั่นมันคืออะไรกัน?” มีคนถาม

หนานกงซ่งหยวนพูดไปยิ้มไป “นี่มันน่าจะเป็นรูปแบบของค่ายกล ที่สามารถสำแดงอำนาจของพระโพธิ์สัตว์ ซึ่งมันมีผลในการปราบปรามวิญญาณปีศาจอย่างมาก ตราบใดที่ผู้หญิงเหล่านั้นสามารถคงสภาพค่ายกลนี้ไปได้เรื่อย ๆ การจัดการกับวิญญาณปีศาจนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก”

“น่าเสียดายที่มันไม่สามารถเอาไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้!” มีคนพูดขึ้นมา

เมื่อได้ยินมีใครบางคนพูดขึ้นเช่นนั้น หนานกงซ่งหยวนตอบกลับอย่างอ่อนโยนว่า “การกำจัดปีศาจเช่นนี้ถือเป็นการทำคุณต่อโลกและสวรรค์ ซึ่งผลของการทำคุณเช่นนี้จะได้รับความดีความชอบจากโลกและสวรรค์กลับมาแน่นอนไม่ช้าก็เร็ว”

ส่วนทางด้านของเทียนหยูเฮงและคนของเขาที่ได้หนีออกมาอยู่ด้านนอกแล้ว เมื่อเขาสังเกตเห็นสถานการณ์ด้านในสระหยูหลัน เขาหยุดเคลื่อนไหวและขมวดคิ้วพลางสั่งขึ้น “หยุดก่อน! คอยดูสถานการณ์ด้านในต่อไปอีกหน่อย”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 361 บทสวด

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 361 บทสวด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 361 บทสวด

“แบบนี้ไม่ดีแน่!” เกือบทุกคนมีความคิดเดียวกัน

ใบหน้าของผู้คนจากตำหนักแสงศักด์สิทธิ์มืดลง พวกเขาไม่คิดว่าวิญญาณปีศาจจะร้ายกาจกว่าที่พวกเขาคิดและโหดร้ายจนฆ่าคนที่อยู่ข้างเดียวกับมันอย่างเลือดเย็น นี่มันไม่ต้องการผู้ติดตามเลยงั้นเหรอ?

ในตอนนี้ วิญญาณปีศาจตนนี้ดูดุร้ายยิ่งกว่าที่ตำนานกล่าวเอาไว้เสียอีก!

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถคิดถึงเรื่องนั้นได้ในตอนนี้เพราะวิญญาณปีศาจได้ฟื้นฟูความแข็งแกร่งระดับขอบเขตจักรพรรดิอย่างสมบูรณ์แล้ว ซึ่งมันน่ากลัวอย่างหาที่เปรียบมิได้

สีหน้าของผู้คนจากสันเขาทรราชก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ตอนนี้เทียนหยูเฮงจึงลงมืออย่างเด็ดขาดโดยหยิบอาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิขึ้นมา ซึ่งมันคือดาบยาวสีดำทมิฬ และโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาก็ฟันไปที่ ‘ปราการจักรกลสวรรค์’ ที่อยู่ใกล้ ๆ อย่างไร้ความปรานี

หลังจากเสียงดังกระหึ่ม ซึ่งมาจากการที่ดาบของเขาปะทะกับปราการจักรกลสวรรค์ ความเสียหายของปราการก็ปรากฏขึ้นเป็นรูกว้างเห็นภูมิประเทศภายนอกที่เป็นหุบเขายาวด้านข้างของเมืองหยูหลัน จากนั้นเทียนหยูเฮงก็รีบนำคนของเขาออกจากเมืองหยูหลันทันที

เมื่อครู่ที่ลั่วหยุนรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของอาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิชิ้นที่สองเขาก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขาคิดว่ามันต้องเป็นอาวุธของคนจากสันเขาทรราชแน่นอนซึ่งนำมันขึ้นมาเพื่อช่วยเขา อย่างไรก็ตามเมื่อเขาได้เห็นการกระทำของคนจากสันเขาทรราชแล้ว ดวงจิตของเขาแทบจะระเบิดออกด้วยความโกรธ

ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ แทนที่ไอ้พวกเวรพวกนั้นจะเอาความแข็งแกร่งของตัวเองมาช่วยกันปราบปรามวิญญาณปีศาจ แต่พวกมันกลับเอาความแข็งแกร่งของตัวเองมาทำลายสิ่งที่เอาไว้กักขังวิญญาณปีศาจซะอย่างนั้น?

“พวกเราควรออกไปด้วยไหม?” บางคนของตำหนักแสงศักด์สิทธิ์ที่เห็นว่าคนอื่น ๆ กำลังอพยพออกไปอย่างรวดเร็วพวกเขาจึงเริ่มปรึกษากันเอง “ยังไงซะพวกเราก็ไม่สามารถกำจัดวิญญาณปีศาจได้ด้วยตัวเราเองอยู่แล้ว ถ้าเรายังคงรั้งอยู่ที่นี่อยู่แบบนี้ พวกเราอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้และที่สำคัญพวกเราเพิ่งสร้างความแค้นต่อวิญญาณปีศาจ พวกเราต้องรีบกลับไปเตรียมตัวรับมือมันให้เร็วที่สุด”

หนานกงซ่งหยวนพูดว่า “พวกเราได้ยื่นมือเข้าไปแทรกแซงเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นพวกเราไม่มีทางให้ถอยอีกต่อไป นอกจากนี้เป็นเราเองที่เปิดใช้งานโองการจักรพรรดิซึ่งทำให้มันยิ่งบ้าคลั่งมากขึ้นไปอีก เราต้องอยู่ที่นี่เพื่อรับผิดชอบต่อสิ่งที่เรากระทำลงไป”

ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ๆ ที่เตรียมจะจากไป แม้แต่หานซ่งหยวน หยูจิ้งเฉิงและคนอื่น ๆ ก็ถามกู่ตงฉิงว่า “ท่านลุงกู่ นี่ไม่ใช่เวลาที่เราควรออกไปกันงั้นเหรอ?”

กู่ตงฉิงขมวดคิ้วและส่งเสียงของเขาไปยังเย่หยูหลันถามว่า “ข้าเกรงว่ามันคงถึงเวลาที่เราต้องเตรียมตัวออกไปเช่นกัน ไม่เช่นนั้นพวกเราทุกคนอาจมีอันตรายได้”

เย่หยูหลันไม่ตอบ นางเพียงแค่มองไปที่เย่ชิงเฉิงด้วยสายตากังวล

ถ้ าเย่ชิงเฉิงไม่ยอมจากไป นางจะออกไปได้อย่างไร?

“นายหญิงตอนนี้เราควรทำยังไงดี? ข้าควรไปแจ้งให้นายท่านเตรียมตัวออกจากที่นี่ดีไหม?” เย่หยูหลันถามอย่างไม่แน่ใจ

เย่ชิงเฉิงหันหน้าไปมองที่ผู้คนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์และตอบเย่หยูหลัน “ไม่ต้องกังวล สามีข้าจะแก้ปัญหาเหล่านี้เอง”

เย่หยูหลันหัวเราะอย่างขมขื่น “ข้ารู้ดีว่านายท่านไม่ใช่คนธรรมดา แต่ข้ากลัวว่าสถานการณ์ปัจจุบันที่กำลังเผชิญอยู่มันอาจจะเกินความสามารถของเขาไปสักหน่อยก็ได้ วิญญาณปีศาจตนนี้ได้ฟื้นความแข็งแกร่งขอบเขตจักรพรรดิของมันอย่างเต็มที่แล้วยิ่งไปกว่านั้นยิ่งมันฆ่ามันก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น แม้ว่าเราจะใช้อาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิและโองการจักรพรรดิ เราก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันอยู่ดี อย่างดีที่สุดก็คงสู้กับมันได้นานขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น”

เย่ชิงเฉิงมองไปที่หลิงตู้ฉิงและถามขึ้น “ป้าหลัน ท่านคิดว่าสามีของข้าดูสงบแค่ไหน? ไม่ต้องห่วง พวกเราจะไม่เป็นอะไรหรอก”

เย่หยูหลันทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่น อันที่จริงหลิงตู้ฉิงสงบมาก แต่เขาจะแก้ปัญหาให้สงบได้หรือไม่?

สำหรับหลิงตู้ฉิง แม้ว่าใบหน้าของเขาจะดูสงบ แต่ในใจของเขาก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย

ขณะนี้ปราการจักรกลสวรรค์ถูกทำลายจนเป็นรูไปซะแล้ว ซึ่งเขาจะไม่ยินยอมให้วิญญาณปีศาจตนนี้หนีไปแน่นอน เนื่องจากเขาต้องการพลังวิญญาณของวิญญาณปีศาจตนนี้เป็นอย่างมาก แต่เมื่อสถานการณ์มาถึงจุดนี้แล้วเขาควรจะลงมือเองดีหรือเปล่า?

แต่ถ้าเขาสังหารวิญญาณปีศาจตนนี้ด้วยตัวเอง เขาจะต้องเดือดร้อนอย่างมากหลังจากจบเรื่อง

ในขณะนี้วิญญาณปีศาจที่ร่างกายของมันได้ขยายใหญ่ขึ้นไปกว่า 10 เท่าจากการได้ดูดพลังของเหล่าผู้คนของฝั่งมัน มันได้หลุดออกจากการพัวพันของเหล่าอักษรสีทองของลั่วหยุนและคำสาปมหาแสงเจิดจรัสได้แล้ว และกำลังปลดปล่อยอำนาจของเจตจำนงแห่งความแค้นและการสังหารของมันออกมาในรูปแบบของหมอกสีดำทมิฬล้อมรอบตัวมัน จนตอนนี้มันคล้ายกับว่ามีเมฆทมิฬสีดำลอยอยู่เหนือสระหยูหลัน

“พวกเจ้าทุกคนต้องตาย…” เสียงอันเยือกเย็นของวิญญาณปีศาจดังออกมา “ข้าจะทำให้พวกเจ้ากลายเป็นส่วนหนึ่งของข้าและติดตามข้าไปตลอดกาล”

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สิ้นเสียงของวิญญาณปีศาจ จู่ ๆ ทุกคนก็ได้ยินเสียงของบทสวดที่มาพร้อมกับแสงสีทองที่ส่องประกายสาดไปทั่วบริเวณและกลิ่นหอมของไม้จันทน์ก็ลอยฟุ้งไปทั่ว

ไม่ว่าเสียงของบทสวดนี้ดังไปถึงที่ใด ที่แห่งนั้นก็แทบจะไม่ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของวิญญาณปีศาจรวมไปถึงภายใต้แสงสีทองอ่อนที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความดีงาม เจตจำนงแห่งความแค้นและการสังหารของวิญญาณปีศาจก็ได้สลายหายไปอย่างรวดเร็ว และสุดท้ายภายใต้กลิ่นหอมของไม้จันทน์ กลิ่นฉุนคาวของเลือดก็ได้รับการชำระล้างอย่างสมบูรณ์

“มันคือบ้าอะไรกัน!?” วิญญาณปีศาจร้องเสียงหลงออกมาโดยไม่รู้ตัว

ทำไมมันถึงรู้สึกว่าตอนนี้มันกำลังเผชิญกับศัตรูที่มันไม่มีวันเอาชนะได้?

ไม่เพียงแต่วิญญาณปีศาจที่รู้สึกได้ แต่คนอื่น ๆ ก็รู้สึกเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดต่างมองไปยังทิศทางของเสียงสวดนี้

หลังจากที่ทุกคนจ้องมอง พวกเขาก็เห็นว่ากลุ่มคนจากหุบเขาบุปผาอนันต์ที่ยุ่งอยู่เมื่อครู่ได้หายไป กลายเป็นร่างที่เลือนลางที่ปรากฏในสถานที่นั้น

เมื่อเสียงสวดมนต์ดังขึ้นเรื่อย ๆ แสงสีทองซีดก็สว่างขึ้นและสว่างขึ้น กลิ่นหอมของไม้จันทน์ก็อบอวลขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่รูปร่างที่ไม่มองเห็นได้ลาง ๆ ก็ดูชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ในที่สุดก็ออกมาสักที!” ลั่วหยุนหัวเราะอย่างมีความสุข

หลิงตู้ฉิงยังหัวเราะ “อย่าพึ่งวางใจไป เรายังต้องระวังเอาไว้ นี่เป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่สำคัญซึ่งเราจะพลาดไม่ได้”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าที่ยิ้มแย้มของลั่วหยุนก็เปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะต้องสละพลังวิญญาณไปครึ่งหนึ่ง ข้าก็จะไม่ปล่อยมันไปแน่นอน”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ถอยกลับไปที่ทางเข้าของมิติมหาค่ายกลที่ลั่วหยุนนำมา จากนั้นเขาก็เริ่มตรวจดูความเรียบร้อยด้านในที่เต็มไปด้วยคนของหุบเขาบุปผาอนันต์อีกครั้ง

เนื่องจากเหล่าคนของหุบเขาบุปผาอนันต์ได้เริ่มลงมือแล้ว และมันเป็นส่วนสำคัญที่สุดของแผนการ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถให้ใครมาขัดขวางได้

ปรากฏการณ์นี้ที่สร้างขึ้นจากคนของหุบเขาบุปผาอนันต์ทำให้ทุกคนต้องตะลึง

ทุกคนที่เห็นภาพนี้ต่างตกตะลึง พวกนางสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาได้ยังไง? แล้วสิ่งนี้ใช้ทำอะไรได้บ้าง? หลายคนที่กำลังจะจากไปเมื่อเห็นภาพนี้ก็หยุดมองภาพเหตุการณ์โดยไม่รู้ตัวเช่นกัน

เย่หยูหลันและกู่ตงฉิงเอียงหูเพื่อฟังสักพักแล้วก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ขณะที่พวกเขาพึมพำกับตัวเอง “นี่มันบทสวดของพระวัดจินตภาพใช่ไหม? แต่ว่านี่มันคือวิญญาณปีศาจที่มีพลังอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิ ต่อให้จะใช้ผู้คนจำนวนมากแค่ไหนมาท่องบทสวดให้มันฟังมันก็คงไม่สามารถจัดการกับมันได้แน่นอน นอกซะจากว่าบทสวดนี้จะเป็นบทสวดในตำนานบทนั้น…ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ใช่ไหมที่คนผู้นั้นจะรู้จักบทสวดของเหล่าพระวัดจินตภาพ?”

พวกเขาทั้งสองคนต่างมองไปที่กลุ่มคนของหุบเขาบุปผาอนันต์ด้วยสีหน้าแปลก ๆ และจากนั้นสายตาของพวกเขาก็ย้ายไปที่หลิงตู้ฉิง

คนคนนี้เป็นใครกันแน่?

ในเวลาเดียวกัน ทางด้านของตำหนักแสงศักด์สิทธิ์ หนานกงซ่งหยวนเผยรอยยิ้มอันเบิกบานพร้อมกับพูดขึ้น “ข้าว่าแล้วว่าต้องมีอะไรให้แปลกใจ เอาล่ะ ตอนนี้ทุกอย่างก็น่าจะเรียบร้อยดีแล้วล่ะนะ”

“ท่านผู้อาวุโส นั่นมันคืออะไรกัน?” มีคนถาม

หนานกงซ่งหยวนพูดไปยิ้มไป “นี่มันน่าจะเป็นรูปแบบของค่ายกล ที่สามารถสำแดงอำนาจของพระโพธิ์สัตว์ ซึ่งมันมีผลในการปราบปรามวิญญาณปีศาจอย่างมาก ตราบใดที่ผู้หญิงเหล่านั้นสามารถคงสภาพค่ายกลนี้ไปได้เรื่อย ๆ การจัดการกับวิญญาณปีศาจนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก”

“น่าเสียดายที่มันไม่สามารถเอาไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้!” มีคนพูดขึ้นมา

เมื่อได้ยินมีใครบางคนพูดขึ้นเช่นนั้น หนานกงซ่งหยวนตอบกลับอย่างอ่อนโยนว่า “การกำจัดปีศาจเช่นนี้ถือเป็นการทำคุณต่อโลกและสวรรค์ ซึ่งผลของการทำคุณเช่นนี้จะได้รับความดีความชอบจากโลกและสวรรค์กลับมาแน่นอนไม่ช้าก็เร็ว”

ส่วนทางด้านของเทียนหยูเฮงและคนของเขาที่ได้หนีออกมาอยู่ด้านนอกแล้ว เมื่อเขาสังเกตเห็นสถานการณ์ด้านในสระหยูหลัน เขาหยุดเคลื่อนไหวและขมวดคิ้วพลางสั่งขึ้น “หยุดก่อน! คอยดูสถานการณ์ด้านในต่อไปอีกหน่อย”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+