พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 371 คนทรยศ

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 371 คนทรยศ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 371 คนทรยศ

เสี่ยวเยว่เฟิงตกใจกับคำพูดของหลิงตู้ฉิง

ถ้าสิ่งที่หลิงตู้ฉิงพูดเป็นความจริง นั่นก็หมายความว่าหนิงเฟิงและคนอื่น ๆ ต่างก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเผ่าอสูรปีศาจอย่างนั้นหรือ?

ถ้าเช่นนั้นความเข้าใจที่พวกนางคิดมาตลอดว่า พวกของหนิงเฟิงถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสมควรตายจริง ๆ ?

“นายท่าน นี่มันเป็นไปได้งั้นเหรอ?” เสี่ยวเยว่เฟิงกล่าวถามขึ้นด้วยสีหน้าไม่เชื่อ

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า “ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะข้าไม่เคยเจอหนิงเฟิง อย่างไรก็ตามจากที่ข้าเคยเห็นหนิงฮ่าว รวมถึงเมล็ดพันธุ์ร่มต้านสวรรค์ในมือของเขา ข้ามั่นใจว่าหนิงเฟิงและคนอื่น ๆ จะต้องมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับเผ่าพันธุ์สัตว์ปีศาจ เนื่องจากเมล็ดพันธุ์ร่มต้านสวรรค์นี้มีกลิ่นอายของปีศาจติดมาด้วยอย่างจาง ๆ นอกจากนี้ข้ายังพบกลิ่นอายปีศาจบนร่างของหนิงฮ่าว แต่ข้ายังไม่รู้แน่ชัดว่าต้นตอของปีศาจร้ายตนนี้คือใคร”

“กลิ่นอายปีศาจ?” เสี่ยวเยว่เฟิงถามด้วยความงงงวย

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “มันเป็นปราณชั่วร้ายชนิดหนึ่ง แต่ปราณปีศาจชนิดนี้มันลึกลับเป็นอย่างมาก ต้องเป็นผู้ที่มีประสาทสัมผัสที่เฉียบคมเท่านั้นถึงจะสามารถสัมผัสถึงการคงอยู่ของมันได้ และปราณชั่วร้ายที่รุนแรงแบบนี้มันจะมีอยู่ในเฉพาะปีศาจที่อยู่ในขอบเขตที่สูงกว่าหรืออย่างน้อยก็ในระดับนภาคราม พูดอีกนัยหนึ่งคือ หนิงฮ่าวและคนของเขาคงเคยได้พบกับผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของเผ่าอสูรปีศาจหรือไม่แน่พวกเขาอาจจะอยู่ร่วมกันด้วยซ้ำไป”

เสี่ยวเยว่เฟิงเงียบไป

นางไม่คิดว่าหลิงตู้ฉิงกำลังจงใจกล่าวหาหนิงฮ่าว ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือพวกของหนิงเฟิงนั้นน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับเผ่าอสูรปีศาจอยู่จริง ๆ

แต่นางก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมหนิงเฟิงถึงต้องการที่จะทรยศภูเขาฟีนิกซ์? สาเหตุที่แท้จริงของเรื่องนี้มันคืออะไรกันแน่?

“เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้” หลิงตู้ฉิงมองไปที่เสี่ยวเยว่เฟิงและพูดขึ้น “เนื่องจากข้าจะพาพวกเจ้าไปเข้าร่วมกับภูเขาฟีนิกซ์อยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องของพวกเขาก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเจ้าและเมื่อได้โอกาส ข้าจะส่งข้อความไปที่ภูเขาฟีนิกซ์เพื่อให้พวกเขาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดอีกที หากหนิงเฟิงเกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์อสูรปีศาจจริง เว้นแต่ว่าพวกเขาจะไปขอพึ่งอิทธิพลของสันเขาหมื่นอสูร พวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน”

“ขอบคุณนายท่าน!” เสี่ยวเยว่เฟิงรีบขอบคุณเขา “แต่นายท่าน ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าคนอื่น ๆ ก็อาจจะเป็นเหมือนพวกข้าและโดนหนิงเฟิงหลอกเข้าแล้วไม่ใช่หรือไง?”

หลิงตู้ฉิงโบกมือเบา ๆ “เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ ตราบใดที่คนของภูเขาฟีนิกซ์ได้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดอีกที ในไม่ช้าก็เร็วพวกเขาจะได้รับคำตอบที่ชัดเจนอย่างแน่นอน พวกเขาไม่มีวันที่จะซ่อนความจริงนี้ได้จากสายตาของผู้เชี่ยวชาญระดับสูงแน่นอน ว่าแต่เจ้าพอจะรู้ไหมว่าระดับการบ่มเพาะของหนิงเฟิงอยู่ขั้นไหนแล้ว?”

เสี่ยวเยว่เฟิงตอบอย่างเร่งรีบ “ในตอนที่ข้าพบกับเขาครั้งล่าสุดเมื่อนานมาแล้ว ตอนนั้นเขาอยู่ในระดับนักบุญ แต่ถ้าเป็นตอนนี้ข้าก็ไม่แน่ใจเช่นกัน”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าช้า ๆ “ข้าเข้าใจแล้ว เอาล่ะเจ้าจงไปจัดการธุระของเจ้ากับพวกเขาให้เสร็จและอย่าลืมย้ำกฎของเรากับหนิงฮ่าวให้เข้าใจด้วย! และอีกอย่างเจ้าจงอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับผู้อื่นล่ะ”

“รับทราบค่ะ!” เสี่ยวเยว่เฟิงพยักหน้าและเดินออกจากห้องไป

หลังจากเสี่ยวเยว่เฟิงจากไป หลิงตู้ฉิงก็เอาเมล็ดพันธุ์ร่มต้านสวรรค์ออกมา และค่อย ๆ ขับไล่กลิ่นอายปีศาจออกจากเมล็ด

เมื่อมองไปที่เมล็ดพันธุ์ หลิงตู้ฉิงหัวเราะกับตัวเองและพึมพำว่า “เมื่อข้านำเมล็ดพันธุ์นี้กลับไปให้จื่อซิน ข้าก็ไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยของนางอีกต่อไป เมื่อไหร่ที่นางเพาะเลี้ยงมันจนเติบโตขึ้น ด้วยการมีดอกบัวปีศาจกระหายเลือดเป็นฝ่ายรุกและ เมล็ดพันธุ์ร่มต้านสวรรค์เป็นเครื่องป้องกัน นางก็จะไม่ถูกรังแกจากผู้อื่นอีกต่อไป”

เขาเก็บเมล็ดพันธุ์ร่มต้านสวรรค์ จากนั้นก็เริ่มหันไปสนใจวัสดุอื่น ๆ ต่อเพื่อพิจารณาว่าเขาจะใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างไร

ในอีกด้านหนึ่ง หลังจากเสี่ยวเยว่เฟิงออกมาจากห้องของหลิงตู้ฉิง นางก็ปรับอารมณ์ของตัวเองอย่างรวดเร็ว เพื่อที่นางจะได้ไม่แสดงพิรุธใด ๆ ให้กับหนิงฮ่าวและคนอื่น ๆ เห็น

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่นางปรากฏตัว หนิงฮ่าวก็เข้ามาทันทีและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “น้องเสี่ยว ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”

เสี่ยวเยว่เฟิงถามโดยไม่กระพริบตา “เรื่องอะไร?”

พวกเขาทั้งคู่ต่างมีอายุไล่เลี่ยกัน

เนื่องจากหนิงฮ่าวมีสถานะเป็นถึงนายน้อย ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องไปที่ทะเลชางหมางเพื่อทนทุกข์อยู่ที่นั่น

เมื่อเป็นเช่นนั้น เสี่ยวเยว่เฟิงจึงได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของพวกเขาไปที่ทะเลชางหมางแทนเพื่อรับภาระอันหนักหน่วง

แน่นอนว่าไม่มีใครคิดว่าเสี่ยวเยว่เฟิงจะไปถึงขอบเขตสวรรค์สามัญในเวลาเพียงไม่กี่สิบปี

“น้องเสี่ยว ข้าได้ยินเรื่องระหว่างเจ้ากับลุงเหริ่นว่าพวกเจ้า…” หนิงฮ่าวพูดแบบเดียวกันกับที่เขาได้พูดกับเสี่ยวหลิงเฟิง แล้วจากนั้นเขาจึงพูดกับเสี่ยวเยว่เฟิงต่อ “ข้าต้องขอโทษเจ้าจริง ๆ แทนลุงเหริ่น แต่เจ้าก็รู้ดีว่ายังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ทำไมเราถึงไม่ลดลาวาศอกให้กันสักหน่อยล่ะ ในอนาคตทั้งท่านพ่อและข้าต่างก็ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าและน้องสาวของเจ้าอีกมาก! โอ้ใช่ ข้าสงสัยว่าตอนนี้เจ้ามีคู่ครองแล้วรึยัง? เจ้าน่าจะรู้ว่าตั้งแต่ตอนที่เรายังเป็นเด็ก ข้าชมชอบในตัวของเจ้ามาตั้งแต่เมื่อตอนนั้นแล้ว หากเจ้า…”

เสี่ยวเยว่เฟิงพูดขึ้นแทรกทันที “เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว และข้าคิดว่าสิ่งที่ข้าเคยพูดไปในตอนนั้นก็น่าจะได้รู้ไปถึงหูของหนิงเฟิงและพวกท่านทุกคนจนชัดเจนแล้ว ซึ่งถ้าท่านจะให้ข้าย้ำอีกครั้งตรงนี้ก็ได้ ข้าจะขอย้ำอีกทีว่าข้าและน้องของข้าจะไม่กลับไปอีกแน่นอน ท่านควรจะรู้ตัวดีว่าข้าและน้องของข้าทำงานให้ตระกูลหนิงของพวกท่านมามากเกินพอ จนแม้กระทั่งพ่อแม่ของข้าก็เสียชีวิตเพื่อพวกท่าน ดังนั้นนับจากวันนี้ไปข้ากับพวกท่านเราไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอีก!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวเยว่เฟิง สีหน้าของหนิงฮ่าวก็เย็นชา เขาถามว่า “แล้วเจ้าไม่คิดจะล้างแค้นให้พ่อแม่ของเจ้างั้นเหรอ?”

“เรื่องนั้นท่านไม่ต้องมาเป็นห่วงแทนพวกข้า พวกข้าสองพี่น้องจะแก้แค้นให้พ่อแม่ของเราแน่นอนอยู่แล้ว” เสี่ยวเยว่เฟิงพยักหน้าอย่างแน่วแน่

ถึงแม้ว่าตอนนี้นางยังไม่รู้ว่าศัตรูที่แท้จริงของนางคือใคร

ซึ่งมันอาจจะเป็นได้ทั้งตระกูลหานหรืออาจเป็นหนิงเฟิง

อย่างไรก็ตาม หากนางยังไม่แน่ใจนางจะยังคงต้องเก็บความแค้นของนางเอาไว้ก่อน

“เป็นเพราะเขาเหรอ?” หนิงฮ่าวชี้ไปที่ห้องของหลิงตู้ฉิง “เจ้าเชื่อจริง ๆ หรือว่าเขามีความสามารถที่จะช่วยให้พวกเจ้าพี่น้องตั้งตัวใหม่ได้”

ทันใดนั้นเสี่ยวเยว่เฟิงก็หัวเราะและพูดว่า “หนิงฮ่าว ถึงแม้ว่าท่านจะมีสติปัญญาที่ล้ำเลิศ แต่เมื่อท่านอยู่ที่นี่ท่านจงใช้สติปัญญาของท่านอย่างระมัดระวัง ให้ข้าบอกกฎของนายท่านของข้าก่อนก็แล้วกัน แม้ว่าท่านจะสามารถอาศัยอยู่ในเรือนได้ แต่ท่านไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในสวนหลังบ้านแม้แต่ก้าวเดียว มิฉะนั้นท่านจะถูกสังหารทันที”

“และยังมีอีกอย่างที่สำคัญคือ อย่าได้พยายามสอดรู้สอดเห็นความลับของนายท่าน และจงอยู่ห่างจากน้องสาวของข้า แม้ว่าข้าและน้องของข้าจะเป็นคนรับใช้ แต่พวกเราก็เป็นคนรับใช้ของนายท่านเท่านั้น และท่านในฐานะแขก ท่านต้องทำตัวมีจิตสำนึกในการเป็นแขกที่ดี”

“และถ้าหากท่านไม่รู้ว่าการทำตัวเป็นแขกที่ดีต้องทำเช่นไร ข้าจะพาท่านไปที่ห้องของท่านเดี๋ยวนี้ และใช้เวลาที่เหลือจนกว่าจะถึงเวลาที่พวกเราไปที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับอยู่แต่ในห้องของตัวเองอย่างเงียบ ๆ”

“อีกอย่าง หากท่านยังมารบกวนพวกเราสองพี่น้องอีก ท่านจะต้องรับผลที่ตามมา ถ้าท่านไม่พอใจท่านสามารถจากไปได้ แต่เมื่อไหร่ที่ท่านออกไปข้างนั่น ท่านต้องรับผิดชอบตัวเองให้ได้ โดยเฉพาะหากทำให้ใครข้างนอกขุ่นเคืองเข้าเราจะไม่ยื่นมือช่วยเหลือท่านแน่นอนไม่ว่ากรณีใด ๆ ตอนนี้ท่านเข้าใจกฎแล้วหรือไม่?”

นางดูถูกการกระทำของหนิงฮ่าวมาก จริง ๆ แล้วเขาต้องการใช้วิธีการจีบนางเพื่อมัดตัวนางไว้งั้นเหรอ?

แม้เป็นในอดีตที่นางยังไม่ได้ติดตามหลิงตู้ฉิง นางก็ไม่ต้องการ

นอกจากนี้นางจะยังไปเต็มใจเกี่ยวข้องกับเขาได้ยังไงในเมื่อตอนนี้นางรู้แล้วว่าตระกูลหนิงนั้นมีปัญหา

“ข้าเข้าใจแล้ว!” หนิงฮ่าวพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

จากนั้นเขาก็ไม่เอ่ยคำพูดใด ๆ กับเสี่ยวเยว่เฟิงอีก เขาเข้าไปในห้องที่เสี่ยวเยว่เฟิงชี้ให้เขา

เฟิงหมานเทียนมองไปที่เสี่ยวเยว่เฟิงและถอนหายใจ “สาวน้อย ทำไมเจ้าต้องทำแบบนี้ด้วย?”

เสี่ยวเยว่เฟิงส่ายหัวและพูดว่า “มันจะดีกว่า ถ้าข้าทำทุกอย่างให้มันชัดเจนไว ๆ ว่าแต่ลุงเฟิง ท่านคิดยังไงกับสิ่งที่ข้าเคยบอกท่านไปก่อนหน้านี้”

เฟิงหมานเทียนถอนหายใจ “เรื่องมันคงไม่ง่ายอย่างนั้น”

“หากถ้าท่านสามารถออกไปได้ ก็จงออกไปให้เร็วที่สุด!” เสี่ยวเยว่เฟิงพูดด้วยสายตาจริงจัง “ตระกูลหนิงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว”

“ข้าเข้าใจ!” เฟิงหมานเทียนพยักหน้า จากนั้นเขาจึงหันกลับเข้าไปที่ห้องของหนิงฮ่าว

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 371 คนทรยศ

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 371 คนทรยศ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 371 คนทรยศ

เสี่ยวเยว่เฟิงตกใจกับคำพูดของหลิงตู้ฉิง

ถ้าสิ่งที่หลิงตู้ฉิงพูดเป็นความจริง นั่นก็หมายความว่าหนิงเฟิงและคนอื่น ๆ ต่างก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเผ่าอสูรปีศาจอย่างนั้นหรือ?

ถ้าเช่นนั้นความเข้าใจที่พวกนางคิดมาตลอดว่า พวกของหนิงเฟิงถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสมควรตายจริง ๆ ?

“นายท่าน นี่มันเป็นไปได้งั้นเหรอ?” เสี่ยวเยว่เฟิงกล่าวถามขึ้นด้วยสีหน้าไม่เชื่อ

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า “ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะข้าไม่เคยเจอหนิงเฟิง อย่างไรก็ตามจากที่ข้าเคยเห็นหนิงฮ่าว รวมถึงเมล็ดพันธุ์ร่มต้านสวรรค์ในมือของเขา ข้ามั่นใจว่าหนิงเฟิงและคนอื่น ๆ จะต้องมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับเผ่าพันธุ์สัตว์ปีศาจ เนื่องจากเมล็ดพันธุ์ร่มต้านสวรรค์นี้มีกลิ่นอายของปีศาจติดมาด้วยอย่างจาง ๆ นอกจากนี้ข้ายังพบกลิ่นอายปีศาจบนร่างของหนิงฮ่าว แต่ข้ายังไม่รู้แน่ชัดว่าต้นตอของปีศาจร้ายตนนี้คือใคร”

“กลิ่นอายปีศาจ?” เสี่ยวเยว่เฟิงถามด้วยความงงงวย

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “มันเป็นปราณชั่วร้ายชนิดหนึ่ง แต่ปราณปีศาจชนิดนี้มันลึกลับเป็นอย่างมาก ต้องเป็นผู้ที่มีประสาทสัมผัสที่เฉียบคมเท่านั้นถึงจะสามารถสัมผัสถึงการคงอยู่ของมันได้ และปราณชั่วร้ายที่รุนแรงแบบนี้มันจะมีอยู่ในเฉพาะปีศาจที่อยู่ในขอบเขตที่สูงกว่าหรืออย่างน้อยก็ในระดับนภาคราม พูดอีกนัยหนึ่งคือ หนิงฮ่าวและคนของเขาคงเคยได้พบกับผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของเผ่าอสูรปีศาจหรือไม่แน่พวกเขาอาจจะอยู่ร่วมกันด้วยซ้ำไป”

เสี่ยวเยว่เฟิงเงียบไป

นางไม่คิดว่าหลิงตู้ฉิงกำลังจงใจกล่าวหาหนิงฮ่าว ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือพวกของหนิงเฟิงนั้นน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับเผ่าอสูรปีศาจอยู่จริง ๆ

แต่นางก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมหนิงเฟิงถึงต้องการที่จะทรยศภูเขาฟีนิกซ์? สาเหตุที่แท้จริงของเรื่องนี้มันคืออะไรกันแน่?

“เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้” หลิงตู้ฉิงมองไปที่เสี่ยวเยว่เฟิงและพูดขึ้น “เนื่องจากข้าจะพาพวกเจ้าไปเข้าร่วมกับภูเขาฟีนิกซ์อยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องของพวกเขาก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเจ้าและเมื่อได้โอกาส ข้าจะส่งข้อความไปที่ภูเขาฟีนิกซ์เพื่อให้พวกเขาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดอีกที หากหนิงเฟิงเกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์อสูรปีศาจจริง เว้นแต่ว่าพวกเขาจะไปขอพึ่งอิทธิพลของสันเขาหมื่นอสูร พวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน”

“ขอบคุณนายท่าน!” เสี่ยวเยว่เฟิงรีบขอบคุณเขา “แต่นายท่าน ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าคนอื่น ๆ ก็อาจจะเป็นเหมือนพวกข้าและโดนหนิงเฟิงหลอกเข้าแล้วไม่ใช่หรือไง?”

หลิงตู้ฉิงโบกมือเบา ๆ “เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ ตราบใดที่คนของภูเขาฟีนิกซ์ได้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดอีกที ในไม่ช้าก็เร็วพวกเขาจะได้รับคำตอบที่ชัดเจนอย่างแน่นอน พวกเขาไม่มีวันที่จะซ่อนความจริงนี้ได้จากสายตาของผู้เชี่ยวชาญระดับสูงแน่นอน ว่าแต่เจ้าพอจะรู้ไหมว่าระดับการบ่มเพาะของหนิงเฟิงอยู่ขั้นไหนแล้ว?”

เสี่ยวเยว่เฟิงตอบอย่างเร่งรีบ “ในตอนที่ข้าพบกับเขาครั้งล่าสุดเมื่อนานมาแล้ว ตอนนั้นเขาอยู่ในระดับนักบุญ แต่ถ้าเป็นตอนนี้ข้าก็ไม่แน่ใจเช่นกัน”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าช้า ๆ “ข้าเข้าใจแล้ว เอาล่ะเจ้าจงไปจัดการธุระของเจ้ากับพวกเขาให้เสร็จและอย่าลืมย้ำกฎของเรากับหนิงฮ่าวให้เข้าใจด้วย! และอีกอย่างเจ้าจงอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับผู้อื่นล่ะ”

“รับทราบค่ะ!” เสี่ยวเยว่เฟิงพยักหน้าและเดินออกจากห้องไป

หลังจากเสี่ยวเยว่เฟิงจากไป หลิงตู้ฉิงก็เอาเมล็ดพันธุ์ร่มต้านสวรรค์ออกมา และค่อย ๆ ขับไล่กลิ่นอายปีศาจออกจากเมล็ด

เมื่อมองไปที่เมล็ดพันธุ์ หลิงตู้ฉิงหัวเราะกับตัวเองและพึมพำว่า “เมื่อข้านำเมล็ดพันธุ์นี้กลับไปให้จื่อซิน ข้าก็ไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยของนางอีกต่อไป เมื่อไหร่ที่นางเพาะเลี้ยงมันจนเติบโตขึ้น ด้วยการมีดอกบัวปีศาจกระหายเลือดเป็นฝ่ายรุกและ เมล็ดพันธุ์ร่มต้านสวรรค์เป็นเครื่องป้องกัน นางก็จะไม่ถูกรังแกจากผู้อื่นอีกต่อไป”

เขาเก็บเมล็ดพันธุ์ร่มต้านสวรรค์ จากนั้นก็เริ่มหันไปสนใจวัสดุอื่น ๆ ต่อเพื่อพิจารณาว่าเขาจะใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างไร

ในอีกด้านหนึ่ง หลังจากเสี่ยวเยว่เฟิงออกมาจากห้องของหลิงตู้ฉิง นางก็ปรับอารมณ์ของตัวเองอย่างรวดเร็ว เพื่อที่นางจะได้ไม่แสดงพิรุธใด ๆ ให้กับหนิงฮ่าวและคนอื่น ๆ เห็น

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่นางปรากฏตัว หนิงฮ่าวก็เข้ามาทันทีและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “น้องเสี่ยว ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”

เสี่ยวเยว่เฟิงถามโดยไม่กระพริบตา “เรื่องอะไร?”

พวกเขาทั้งคู่ต่างมีอายุไล่เลี่ยกัน

เนื่องจากหนิงฮ่าวมีสถานะเป็นถึงนายน้อย ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องไปที่ทะเลชางหมางเพื่อทนทุกข์อยู่ที่นั่น

เมื่อเป็นเช่นนั้น เสี่ยวเยว่เฟิงจึงได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของพวกเขาไปที่ทะเลชางหมางแทนเพื่อรับภาระอันหนักหน่วง

แน่นอนว่าไม่มีใครคิดว่าเสี่ยวเยว่เฟิงจะไปถึงขอบเขตสวรรค์สามัญในเวลาเพียงไม่กี่สิบปี

“น้องเสี่ยว ข้าได้ยินเรื่องระหว่างเจ้ากับลุงเหริ่นว่าพวกเจ้า…” หนิงฮ่าวพูดแบบเดียวกันกับที่เขาได้พูดกับเสี่ยวหลิงเฟิง แล้วจากนั้นเขาจึงพูดกับเสี่ยวเยว่เฟิงต่อ “ข้าต้องขอโทษเจ้าจริง ๆ แทนลุงเหริ่น แต่เจ้าก็รู้ดีว่ายังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ทำไมเราถึงไม่ลดลาวาศอกให้กันสักหน่อยล่ะ ในอนาคตทั้งท่านพ่อและข้าต่างก็ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าและน้องสาวของเจ้าอีกมาก! โอ้ใช่ ข้าสงสัยว่าตอนนี้เจ้ามีคู่ครองแล้วรึยัง? เจ้าน่าจะรู้ว่าตั้งแต่ตอนที่เรายังเป็นเด็ก ข้าชมชอบในตัวของเจ้ามาตั้งแต่เมื่อตอนนั้นแล้ว หากเจ้า…”

เสี่ยวเยว่เฟิงพูดขึ้นแทรกทันที “เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว และข้าคิดว่าสิ่งที่ข้าเคยพูดไปในตอนนั้นก็น่าจะได้รู้ไปถึงหูของหนิงเฟิงและพวกท่านทุกคนจนชัดเจนแล้ว ซึ่งถ้าท่านจะให้ข้าย้ำอีกครั้งตรงนี้ก็ได้ ข้าจะขอย้ำอีกทีว่าข้าและน้องของข้าจะไม่กลับไปอีกแน่นอน ท่านควรจะรู้ตัวดีว่าข้าและน้องของข้าทำงานให้ตระกูลหนิงของพวกท่านมามากเกินพอ จนแม้กระทั่งพ่อแม่ของข้าก็เสียชีวิตเพื่อพวกท่าน ดังนั้นนับจากวันนี้ไปข้ากับพวกท่านเราไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอีก!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวเยว่เฟิง สีหน้าของหนิงฮ่าวก็เย็นชา เขาถามว่า “แล้วเจ้าไม่คิดจะล้างแค้นให้พ่อแม่ของเจ้างั้นเหรอ?”

“เรื่องนั้นท่านไม่ต้องมาเป็นห่วงแทนพวกข้า พวกข้าสองพี่น้องจะแก้แค้นให้พ่อแม่ของเราแน่นอนอยู่แล้ว” เสี่ยวเยว่เฟิงพยักหน้าอย่างแน่วแน่

ถึงแม้ว่าตอนนี้นางยังไม่รู้ว่าศัตรูที่แท้จริงของนางคือใคร

ซึ่งมันอาจจะเป็นได้ทั้งตระกูลหานหรืออาจเป็นหนิงเฟิง

อย่างไรก็ตาม หากนางยังไม่แน่ใจนางจะยังคงต้องเก็บความแค้นของนางเอาไว้ก่อน

“เป็นเพราะเขาเหรอ?” หนิงฮ่าวชี้ไปที่ห้องของหลิงตู้ฉิง “เจ้าเชื่อจริง ๆ หรือว่าเขามีความสามารถที่จะช่วยให้พวกเจ้าพี่น้องตั้งตัวใหม่ได้”

ทันใดนั้นเสี่ยวเยว่เฟิงก็หัวเราะและพูดว่า “หนิงฮ่าว ถึงแม้ว่าท่านจะมีสติปัญญาที่ล้ำเลิศ แต่เมื่อท่านอยู่ที่นี่ท่านจงใช้สติปัญญาของท่านอย่างระมัดระวัง ให้ข้าบอกกฎของนายท่านของข้าก่อนก็แล้วกัน แม้ว่าท่านจะสามารถอาศัยอยู่ในเรือนได้ แต่ท่านไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในสวนหลังบ้านแม้แต่ก้าวเดียว มิฉะนั้นท่านจะถูกสังหารทันที”

“และยังมีอีกอย่างที่สำคัญคือ อย่าได้พยายามสอดรู้สอดเห็นความลับของนายท่าน และจงอยู่ห่างจากน้องสาวของข้า แม้ว่าข้าและน้องของข้าจะเป็นคนรับใช้ แต่พวกเราก็เป็นคนรับใช้ของนายท่านเท่านั้น และท่านในฐานะแขก ท่านต้องทำตัวมีจิตสำนึกในการเป็นแขกที่ดี”

“และถ้าหากท่านไม่รู้ว่าการทำตัวเป็นแขกที่ดีต้องทำเช่นไร ข้าจะพาท่านไปที่ห้องของท่านเดี๋ยวนี้ และใช้เวลาที่เหลือจนกว่าจะถึงเวลาที่พวกเราไปที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับอยู่แต่ในห้องของตัวเองอย่างเงียบ ๆ”

“อีกอย่าง หากท่านยังมารบกวนพวกเราสองพี่น้องอีก ท่านจะต้องรับผลที่ตามมา ถ้าท่านไม่พอใจท่านสามารถจากไปได้ แต่เมื่อไหร่ที่ท่านออกไปข้างนั่น ท่านต้องรับผิดชอบตัวเองให้ได้ โดยเฉพาะหากทำให้ใครข้างนอกขุ่นเคืองเข้าเราจะไม่ยื่นมือช่วยเหลือท่านแน่นอนไม่ว่ากรณีใด ๆ ตอนนี้ท่านเข้าใจกฎแล้วหรือไม่?”

นางดูถูกการกระทำของหนิงฮ่าวมาก จริง ๆ แล้วเขาต้องการใช้วิธีการจีบนางเพื่อมัดตัวนางไว้งั้นเหรอ?

แม้เป็นในอดีตที่นางยังไม่ได้ติดตามหลิงตู้ฉิง นางก็ไม่ต้องการ

นอกจากนี้นางจะยังไปเต็มใจเกี่ยวข้องกับเขาได้ยังไงในเมื่อตอนนี้นางรู้แล้วว่าตระกูลหนิงนั้นมีปัญหา

“ข้าเข้าใจแล้ว!” หนิงฮ่าวพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

จากนั้นเขาก็ไม่เอ่ยคำพูดใด ๆ กับเสี่ยวเยว่เฟิงอีก เขาเข้าไปในห้องที่เสี่ยวเยว่เฟิงชี้ให้เขา

เฟิงหมานเทียนมองไปที่เสี่ยวเยว่เฟิงและถอนหายใจ “สาวน้อย ทำไมเจ้าต้องทำแบบนี้ด้วย?”

เสี่ยวเยว่เฟิงส่ายหัวและพูดว่า “มันจะดีกว่า ถ้าข้าทำทุกอย่างให้มันชัดเจนไว ๆ ว่าแต่ลุงเฟิง ท่านคิดยังไงกับสิ่งที่ข้าเคยบอกท่านไปก่อนหน้านี้”

เฟิงหมานเทียนถอนหายใจ “เรื่องมันคงไม่ง่ายอย่างนั้น”

“หากถ้าท่านสามารถออกไปได้ ก็จงออกไปให้เร็วที่สุด!” เสี่ยวเยว่เฟิงพูดด้วยสายตาจริงจัง “ตระกูลหนิงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว”

“ข้าเข้าใจ!” เฟิงหมานเทียนพยักหน้า จากนั้นเขาจึงหันกลับเข้าไปที่ห้องของหนิงฮ่าว

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+