พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 376 แลกเปลี่ยนความลับกับสีเป่ยเซียะ

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 376 แลกเปลี่ยนความลับกับสีเป่ยเซียะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 376 แลกเปลี่ยนความลับกับสีเป่ยเซียะ

หนานกงหลิงไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงหลับไป และไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ เขาถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เขามองไปที่หลิงตู้ฉิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าและให้ความรู้สึกเหมือนบ่อน้ำโบราณที่ไม่มีระลอกคลื่น ซึ่งมันให้ความรู้สึกที่น่าหวาดกลัวอย่างอธิบายไม่ถูก

หลิงตู้ฉิงพูดว่า “วิชาที่ข้ากำลังจะถ่ายทอดให้กับเจ้า หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า เจ้าไม่สามารถถ่ายทอดมันให้กับคนอื่นต่อได้เป็นอันขาด ส่วนวิชาที่ข้าจะถ่ายทอดให้กับเจ้าก็คือวิชาไท่เก๊กซวนหยวน ซึ่งมันสามารถใช้เพื่อฝึกฝนร่างกายปัจจุบันของเจ้าได้”

“หลังจากที่เจ้าฝึกฝนวิชาไท่เก๊กซวนหยวนแล้ว เจ้าจะสามารถฝึกฝนวิชาที่บัญญัติขึ้นไว้ในคัมภีร์แสงศักดิ์สิทธิ์ได้ และไม่เพียงแค่เจ้าจะต้องฝึกวิชาที่อยู่ในคัมภีร์แสงศักดิ์สิทธิ์เพียงเท่านั้น แต่เจ้ายังต้องฝึกวิชาที่อยู่ในคัมภีร์เทพแห่งความมืดไปด้วยอีกอย่าง ซึ่งข้าจะเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาเหล่านี้ให้เจ้าทั้งหมดด้วยตัวเอง เพื่อที่เจ้าจะได้ไม่จำเป็นต้องกลับไปที่ตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์อีก”

“และหลังจากที่เจ้าลองทำความเข้าใจกับมันด้วยตนเองแล้ว หากมีอะไรที่เจ้าไม่เข้าใจก็มาหาข้า แต่อย่าลืมว่าความลับของเจ้าเหล่านี้ยังไม่สามารถเปิดเผยให้คนอื่นรู้ได้ ดังนั้นข้าจะสร้างเกราะป้องกันไว้ในดวงวิญญาณของเจ้า”

“หากใครก็ตามพยายามขุดค้นหาความลับนี้จากวิญญาณของเจ้า วิญญาณของเจ้าจะทำลายตัวเองทันที หากเจ้าไม่ต้องการเผชิญกับสถานการณ์เช่นนั้น เจ้าก็ต้องแข็งแกร่งขึ้น เอาล่ะ จงใช้เวลาที่เหลืออยู่ก่อนที่ข้าจะเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ตั้งใจฝึกฝนเพื่อที่ว่าหากเจ้าติดปัญหาสงสัยอะไรตรงไหนเจ้าจะได้มาถามข้าได้ก่อนที่ข้าจะจากไป”

“ส่วนหลังจากนั้น หากเจ้าต้องการพบข้า เจ้าก็จงไปหาหลิงยี่เทียนในทะเลชางหมาง เขาเป็นลูกชายของข้าและคนของตระกูลข้าก็ล้วนอาศัยอยู่ในทะเลชางหมาง”

เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง หนานกงหลิงก็รู้สึกงุนงง

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าวิชาไท่เก๊กซวนหยวนนี้เป็นวิชาแบบไหน แต่ที่เขารู้สึกงุนงงก็คือ หลิงตู้ฉิงมีวิชาการบ่มเพาะลับของตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาด้วย ซึ่งนั่นก็คือคัมภีร์แสงศักดิ์สิทธิ์ และไม่ใช่แค่นั้นหลิงตู้ฉิงยังมีคัมภีร์เทพแห่งความมืดอยู่ในการครอบครองอีกต่างหาก

ยิ่งหนานกงหลิงคิด เขาก็ยิ่งเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมากเรื่อย ๆ

แน่นอนว่าเขารู้ด้วยว่าเขาไม่สามารถบอกให้คนอื่นรู้เกี่ยวกับข้อมูลนี้ได้ เพราะการที่คนจากตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ได้ฝึกฝนคัมภีร์เทพแห่งความมืด หากความลับนี้ถูกเปิดเผยเข้ามันจะเป็นปัญหาใหญ่

เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกทำลายโดยการค้นหาวิญญาณ ดูเหมือนว่าเขาจะต้องฝึกฝนให้หนักขึ้นเป็นอย่างมาก

หลังจากที่หลิงตู้ฉิงถ่ายทอดวิชาทุกอย่างให้กับหนานกงหลิงแล้ว เขาก็นำหนานกงหลิงไปหาหนานกงซ่งหยวนอีกครั้งและพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “จิตสำนึกที่ถูกฝังอยู่ในร่างของหนานกงหลิงได้ถูกกำจัดไปแล้ว สำหรับวิธีการบ่มเพาะของเขา ข้าก็ได้ถ่ายทอดมันไปให้เขาจนหมดแล้วเช่นกัน แต่ถ้าเจ้าไม่ต้องการให้เขาตายก็จงอย่าสอดรู้สอดเห็น มิฉะนั้นวิญญาณของเขาจะทำลายตัวเองในทันที”

หัวใจของหนานกงซ่งหยวนเต้นผิดจังหวะ เมื่อได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงได้ลบจิตสำนึกของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิออกไปจากร่างของหนานกงหลิง

ส่วนเรื่องของการค้นวิญญาณนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรถึงมันแม้แต่น้อย เนื่องจากหนานกงหลิงเป็นหลานชายของเขา

“ในเมื่อจุดประสงค์ของพวกเจ้าในการมาที่นี่เสร็จสมบูรณ์แล้ว ก็กรุณาออกไป!” หลิงตู้ฉิงแสดงท่าทางให้ทั้งสองคนจากไป

หนานกงซ่งหยวนลุกขึ้นยืนและในขณะที่เขากำลังจะจากไป เขาลังเล และจากนั้นเขาจึงส่งข้อความทางโทรจิตไปหาหลิงตู้ฉิง “เราค้นพบหยดน้ำต้นกำเนิดพลังชีวิตในทะเลชางหมาง ดังนั้นเราจึงคาดเดาได้ว่าทะเลชางหมางอาจจะให้กำเนิดเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับแห่งที่สอง”

หลังจากที่หนานกงซ่งหยวนส่งข้อความนี้จบ เขาก็เดินจากไปพร้อมกับหนานกงหลิง

เนื่องจากเขาไม่มีเศษเสี้ยวของจิตสำนึกของผู้ใดคอยติดตามอยู่ในร่าง การเปิดเผยความลับนี้จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่และยังถือได้ว่าเป็นการชำระหนี้ให้กับหลิงตู้ฉิง

เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของทั้งสองที่เดินจากไป หลิงตู้ฉิงก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าขบขันออกมา

ในตอนแรกเขาก็คิดไปไกลว่าตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์คงได้ค้นพบความลับอะไรบางอย่างที่สำคัญ แต่ในท้ายที่สุดมันกลับกลายเป็นว่าพวกเขาก็แค่ค้นพบหยดน้ำต้นกำเนิดพลังชีวิตเพียงแค่นั้น?

ถึงแม้ว่าหยดน้ำต้นกำเนิดพลังชีวิต จะเป็นหนึ่งในสมบัติล้ำค่าอันดับต้น ๆ ที่สามารถทำให้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตประสานทะเลปราณทะลวงศักยภาพของตัวเองและไปถึงขอบเขตที่สูงขึ้นไปอีกได้ แต่การพบมันนั้นย่อมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับแห่งที่สองจะไปปรากฎที่ทะเลชางหมางได้อย่างแน่นอน

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม หยดน้ำต้นกำเนิดพลังชีวิตนี้ก็นับว่าเป็นของที่ดีทีเดียว เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดกับเปียนเฉียวเฉียวว่า “ไปตามสีเป่ยเซียะมาให้ข้าที ข้ามีเรื่องจะคุยกับนาง”

ไม่นานต่อมา เปียนเฉียวเฉียวก็ได้นำสีเป่ยเซียะที่ดูไม่มีความสุขเข้ามา

สีเป่ยเซียะยังคงไม่ฟื้นอารมณ์จากเหตุการณ์ ‘ไร้สาระ’ ของหลิงตู้ฉิง นางพูดด้วยสีหน้าเย็นชากับเขา “เจ้ามีธุระอะไรกับข้า?”

หลิงตู้ฉิงถามอย่างเฉยเมยเช่นกัน “มีคนพบหยดน้ำต้นกำเนิดพลังชีวิตในทะเลชางหมาง แล้วเจ้าล่ะ ค้นพบอะไรในทะเลชางหมาง?”

นี่เป็นการแลกเปลี่ยนความลับทั้งสอง สีเป่ยเซียะตกตะลึงเมื่อนางได้ยินเกี่ยวกับหยดน้ำต้นกำเนิดพลังชีวิต “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งล้ำค่าเช่น หยดน้ำต้นกำเนิดพลังชีวิต จะปรากฏในสถานที่เช่นทะเลชางหมาง! ส่วนคนของเราพบร่องรอยของมหาวิถีแห่งพระโพธิ์สัตว์ภายในนั้น ซึ่งพวกเราคาดเดาว่าความลับที่อยู่ในทะเลชางหมางจะต้องให้กำเนิดเส้นทางแห่งวิถีนี้ขึ้นมาอย่างแน่นอน และมันน่าจะยังไม่มีใครที่เป็นผู้ครอบครองมัน”

เนื่องจากหลิงตู้ฉิงได้เผยข้อมูลความลับแก่นาง นางจึงต้องเผยความลับของนางให้แก่เขาเช่นกัน

“ข้อมูลที่เจ้าได้รับมามีแค่นี้เองงั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงมองไปที่สีเป่ยเซียะด้วยสายตางุนงง

“มันมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?” สีเป่ยเซียะเหลือบมองไปที่หลิงตู้ฉิงและถาม

หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “เป็นไปไม่ได้ที่ทะเลชางหมางจะให้กำเนิดมหาวิถีแห่งพระโพธิ์สัตว์ ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องเสียความพยายามในการค้นหามัน เจ้าควรส่งข้อความไปยังผู้คนในทะเลชางหมางของเจ้า เพื่อให้พวกเขายอมจำนนต่ออาณาจักรจันทรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าคนที่สืบเชื้อสายเดียวกับตระกูลของเจ้า หรือไม่หากพวกเขาไม่ต้องการยอมจำนน เจ้าก็จงสั่งให้พวกเขาถอนตัวออกมา! ไม่เช่นนั้นถ้าคนของเจ้าถูกลูกชายของข้าสังหาร ก็อย่ามาโทษข้าทีหลัง”

สีเป่ยเซียะอดไม่ได้ที่จะเหลือบไปที่หลิงตู้ฉิงและถามว่า “อะไรที่ทำให้เจ้ามั่นใจว่า ทะเลชางหมางไม่สามารถให้กำเนิดมหาวิถีเช่นนั้นได้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าสถานที่ที่สามารถให้กำเนิดมหาวิถีเช่นนี้ได้ มันจะเหมาะสมเป็นอย่างมากที่จะใช้มันเป็นรากฐานเพื่อก่อตั้งมหาสำนักที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งมันคือสิ่งที่พวกข้าหลายชั่วอายุคนหวังเอาไว้ ดังนั้นเจ้าช่วยให้เหตุผลดี ๆ กับข้าทีว่าทำไมข้าต้องละทิ้งความพยายามนับพันปีของพวกเราเพียงเพราะคำพูดเพียงประโยคเดียวของเจ้า?”

หลิงตู้ฉิงพูดอย่างหมดหนทาง “ถ้าอย่างนั้นข้าเกรงว่าข้าคงต้องบอกกับเจ้าสักหน่อยว่าผนึกที่คอยปิดกั้นทะเลชางหมางอยู่ก็คือ ผนึกแห่งสมดุล ซึ่งนับประสาอะไรกับมหาวิถีแห่งเต๋าต่าง ๆ แม้แต่กฎแห่งสวรรค์และโลกยังถูกระงับเอาไว้จนถึงจุดที่มีเพียงแค่กฎแห่งสวรรค์สามัญที่สามารถดำรงอยู่ได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้มันจะมีมหาวิถีกำเนิดขึ้นภายในนั้นได้อย่างไร?”

“ผนึกแห่งสมดุล?” สีเป่ยเซียะถามโดยไม่รู้ตัว

นางไม่เคยได้ยินมาก่อน

หลิงตู้ฉิงพูด “มันคือ… มันคือผนึกป้องกันที่ทรงพลังมาก…เฮ้อ…ช่างมันเถอะ ข้าได้บอกรายละเอียดไปแล้ว ถ้าเจ้าไม่ฟังคำแนะนำของข้า เจ้าก็อย่าได้มาโทษข้าทีหลังก็แล้วกัน หากมันถึงวันที่สำนักเบญจธาตุของเจ้าและข้าต่อสู้กัน ข้าจะไม่แสดงความเมตตาใด ๆ ต่อเจ้าเป็นกรณีพิเศษหรอกนะ”

สีเป่ยเซียะเถียงสวนอย่างรวดเร็วว่า “เจ้าควรคิดว่าต้องเป็นฝั่งข้าที่จะแสดงความเมตตาต่อเจ้าหรือไม่ต่างหาก!”

แม้ว่าสำนักเบญจธาตุของนางจะไม่ใช่สำนักที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่ก็ยังคงเป็นหนึ่งในสำนักที่ติดอันดับต้น ๆ ต้องรู้ว่าสำนักธรรมดานั้นจะฝึกฝนเต๋าเพียงแขนงเดียว แต่สำนักของนางนั้นได้บรรลุเต๋าถึง 5 แขนง ซึ่งจะมีทั้งเต๋าธาตุโลหะ ไม้ น้ำ ไฟและดิน ซึ่งทั้งห้าแขนงต่างก็บรรลุเต๋าของตนเองไปได้ถึงระดับสูงเรียบร้อยแล้ว

พูดอีกนัยหนึ่ง สำนักเบญจธาตุของนางนั้นเทียบเท่าได้กับห้าสำนักระดับสุดยอด

ดังนั้นในเมื่อสำนักของนางมีอำนาจขนาดนี้ แล้วนางจำเป็นจะต้องกลัวอะไรอีก?

“นั่นคือทั้งหมดที่ข้าอยากจะพูดกับเจ้า” หลิงตู้ฉิงยิ้ม จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในสวนด้านหลังและฝึกฝนต่อไป

สำหรับสีเป่ยเซียะ นางขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานานก่อนที่จะส่งข้อความนี้ไปให้น้องชายของนาง จักรพรรดิแห่งอาณาจักรอี้จิ๋น สีจิ้งหมิง เพื่อให้น้องชายของนางตัดสินใจเกี่ยวกับทะเลชางหมางต่อไป และแน่นอนว่านางก็ไม่ได้ลืมที่เอ่ยถึงชื่อ ‘ผนึกแห่งสมดุล’ ให้น้องของนางได้ทราบเช่นกัน

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 376 แลกเปลี่ยนความลับกับสีเป่ยเซียะ

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 376 แลกเปลี่ยนความลับกับสีเป่ยเซียะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 376 แลกเปลี่ยนความลับกับสีเป่ยเซียะ

หนานกงหลิงไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงหลับไป และไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ เขาถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เขามองไปที่หลิงตู้ฉิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าและให้ความรู้สึกเหมือนบ่อน้ำโบราณที่ไม่มีระลอกคลื่น ซึ่งมันให้ความรู้สึกที่น่าหวาดกลัวอย่างอธิบายไม่ถูก

หลิงตู้ฉิงพูดว่า “วิชาที่ข้ากำลังจะถ่ายทอดให้กับเจ้า หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า เจ้าไม่สามารถถ่ายทอดมันให้กับคนอื่นต่อได้เป็นอันขาด ส่วนวิชาที่ข้าจะถ่ายทอดให้กับเจ้าก็คือวิชาไท่เก๊กซวนหยวน ซึ่งมันสามารถใช้เพื่อฝึกฝนร่างกายปัจจุบันของเจ้าได้”

“หลังจากที่เจ้าฝึกฝนวิชาไท่เก๊กซวนหยวนแล้ว เจ้าจะสามารถฝึกฝนวิชาที่บัญญัติขึ้นไว้ในคัมภีร์แสงศักดิ์สิทธิ์ได้ และไม่เพียงแค่เจ้าจะต้องฝึกวิชาที่อยู่ในคัมภีร์แสงศักดิ์สิทธิ์เพียงเท่านั้น แต่เจ้ายังต้องฝึกวิชาที่อยู่ในคัมภีร์เทพแห่งความมืดไปด้วยอีกอย่าง ซึ่งข้าจะเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาเหล่านี้ให้เจ้าทั้งหมดด้วยตัวเอง เพื่อที่เจ้าจะได้ไม่จำเป็นต้องกลับไปที่ตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์อีก”

“และหลังจากที่เจ้าลองทำความเข้าใจกับมันด้วยตนเองแล้ว หากมีอะไรที่เจ้าไม่เข้าใจก็มาหาข้า แต่อย่าลืมว่าความลับของเจ้าเหล่านี้ยังไม่สามารถเปิดเผยให้คนอื่นรู้ได้ ดังนั้นข้าจะสร้างเกราะป้องกันไว้ในดวงวิญญาณของเจ้า”

“หากใครก็ตามพยายามขุดค้นหาความลับนี้จากวิญญาณของเจ้า วิญญาณของเจ้าจะทำลายตัวเองทันที หากเจ้าไม่ต้องการเผชิญกับสถานการณ์เช่นนั้น เจ้าก็ต้องแข็งแกร่งขึ้น เอาล่ะ จงใช้เวลาที่เหลืออยู่ก่อนที่ข้าจะเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ตั้งใจฝึกฝนเพื่อที่ว่าหากเจ้าติดปัญหาสงสัยอะไรตรงไหนเจ้าจะได้มาถามข้าได้ก่อนที่ข้าจะจากไป”

“ส่วนหลังจากนั้น หากเจ้าต้องการพบข้า เจ้าก็จงไปหาหลิงยี่เทียนในทะเลชางหมาง เขาเป็นลูกชายของข้าและคนของตระกูลข้าก็ล้วนอาศัยอยู่ในทะเลชางหมาง”

เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง หนานกงหลิงก็รู้สึกงุนงง

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าวิชาไท่เก๊กซวนหยวนนี้เป็นวิชาแบบไหน แต่ที่เขารู้สึกงุนงงก็คือ หลิงตู้ฉิงมีวิชาการบ่มเพาะลับของตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาด้วย ซึ่งนั่นก็คือคัมภีร์แสงศักดิ์สิทธิ์ และไม่ใช่แค่นั้นหลิงตู้ฉิงยังมีคัมภีร์เทพแห่งความมืดอยู่ในการครอบครองอีกต่างหาก

ยิ่งหนานกงหลิงคิด เขาก็ยิ่งเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมากเรื่อย ๆ

แน่นอนว่าเขารู้ด้วยว่าเขาไม่สามารถบอกให้คนอื่นรู้เกี่ยวกับข้อมูลนี้ได้ เพราะการที่คนจากตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ได้ฝึกฝนคัมภีร์เทพแห่งความมืด หากความลับนี้ถูกเปิดเผยเข้ามันจะเป็นปัญหาใหญ่

เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกทำลายโดยการค้นหาวิญญาณ ดูเหมือนว่าเขาจะต้องฝึกฝนให้หนักขึ้นเป็นอย่างมาก

หลังจากที่หลิงตู้ฉิงถ่ายทอดวิชาทุกอย่างให้กับหนานกงหลิงแล้ว เขาก็นำหนานกงหลิงไปหาหนานกงซ่งหยวนอีกครั้งและพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “จิตสำนึกที่ถูกฝังอยู่ในร่างของหนานกงหลิงได้ถูกกำจัดไปแล้ว สำหรับวิธีการบ่มเพาะของเขา ข้าก็ได้ถ่ายทอดมันไปให้เขาจนหมดแล้วเช่นกัน แต่ถ้าเจ้าไม่ต้องการให้เขาตายก็จงอย่าสอดรู้สอดเห็น มิฉะนั้นวิญญาณของเขาจะทำลายตัวเองในทันที”

หัวใจของหนานกงซ่งหยวนเต้นผิดจังหวะ เมื่อได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงได้ลบจิตสำนึกของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิออกไปจากร่างของหนานกงหลิง

ส่วนเรื่องของการค้นวิญญาณนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรถึงมันแม้แต่น้อย เนื่องจากหนานกงหลิงเป็นหลานชายของเขา

“ในเมื่อจุดประสงค์ของพวกเจ้าในการมาที่นี่เสร็จสมบูรณ์แล้ว ก็กรุณาออกไป!” หลิงตู้ฉิงแสดงท่าทางให้ทั้งสองคนจากไป

หนานกงซ่งหยวนลุกขึ้นยืนและในขณะที่เขากำลังจะจากไป เขาลังเล และจากนั้นเขาจึงส่งข้อความทางโทรจิตไปหาหลิงตู้ฉิง “เราค้นพบหยดน้ำต้นกำเนิดพลังชีวิตในทะเลชางหมาง ดังนั้นเราจึงคาดเดาได้ว่าทะเลชางหมางอาจจะให้กำเนิดเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับแห่งที่สอง”

หลังจากที่หนานกงซ่งหยวนส่งข้อความนี้จบ เขาก็เดินจากไปพร้อมกับหนานกงหลิง

เนื่องจากเขาไม่มีเศษเสี้ยวของจิตสำนึกของผู้ใดคอยติดตามอยู่ในร่าง การเปิดเผยความลับนี้จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่และยังถือได้ว่าเป็นการชำระหนี้ให้กับหลิงตู้ฉิง

เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของทั้งสองที่เดินจากไป หลิงตู้ฉิงก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าขบขันออกมา

ในตอนแรกเขาก็คิดไปไกลว่าตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์คงได้ค้นพบความลับอะไรบางอย่างที่สำคัญ แต่ในท้ายที่สุดมันกลับกลายเป็นว่าพวกเขาก็แค่ค้นพบหยดน้ำต้นกำเนิดพลังชีวิตเพียงแค่นั้น?

ถึงแม้ว่าหยดน้ำต้นกำเนิดพลังชีวิต จะเป็นหนึ่งในสมบัติล้ำค่าอันดับต้น ๆ ที่สามารถทำให้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตประสานทะเลปราณทะลวงศักยภาพของตัวเองและไปถึงขอบเขตที่สูงขึ้นไปอีกได้ แต่การพบมันนั้นย่อมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับแห่งที่สองจะไปปรากฎที่ทะเลชางหมางได้อย่างแน่นอน

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม หยดน้ำต้นกำเนิดพลังชีวิตนี้ก็นับว่าเป็นของที่ดีทีเดียว เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดกับเปียนเฉียวเฉียวว่า “ไปตามสีเป่ยเซียะมาให้ข้าที ข้ามีเรื่องจะคุยกับนาง”

ไม่นานต่อมา เปียนเฉียวเฉียวก็ได้นำสีเป่ยเซียะที่ดูไม่มีความสุขเข้ามา

สีเป่ยเซียะยังคงไม่ฟื้นอารมณ์จากเหตุการณ์ ‘ไร้สาระ’ ของหลิงตู้ฉิง นางพูดด้วยสีหน้าเย็นชากับเขา “เจ้ามีธุระอะไรกับข้า?”

หลิงตู้ฉิงถามอย่างเฉยเมยเช่นกัน “มีคนพบหยดน้ำต้นกำเนิดพลังชีวิตในทะเลชางหมาง แล้วเจ้าล่ะ ค้นพบอะไรในทะเลชางหมาง?”

นี่เป็นการแลกเปลี่ยนความลับทั้งสอง สีเป่ยเซียะตกตะลึงเมื่อนางได้ยินเกี่ยวกับหยดน้ำต้นกำเนิดพลังชีวิต “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งล้ำค่าเช่น หยดน้ำต้นกำเนิดพลังชีวิต จะปรากฏในสถานที่เช่นทะเลชางหมาง! ส่วนคนของเราพบร่องรอยของมหาวิถีแห่งพระโพธิ์สัตว์ภายในนั้น ซึ่งพวกเราคาดเดาว่าความลับที่อยู่ในทะเลชางหมางจะต้องให้กำเนิดเส้นทางแห่งวิถีนี้ขึ้นมาอย่างแน่นอน และมันน่าจะยังไม่มีใครที่เป็นผู้ครอบครองมัน”

เนื่องจากหลิงตู้ฉิงได้เผยข้อมูลความลับแก่นาง นางจึงต้องเผยความลับของนางให้แก่เขาเช่นกัน

“ข้อมูลที่เจ้าได้รับมามีแค่นี้เองงั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงมองไปที่สีเป่ยเซียะด้วยสายตางุนงง

“มันมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?” สีเป่ยเซียะเหลือบมองไปที่หลิงตู้ฉิงและถาม

หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “เป็นไปไม่ได้ที่ทะเลชางหมางจะให้กำเนิดมหาวิถีแห่งพระโพธิ์สัตว์ ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องเสียความพยายามในการค้นหามัน เจ้าควรส่งข้อความไปยังผู้คนในทะเลชางหมางของเจ้า เพื่อให้พวกเขายอมจำนนต่ออาณาจักรจันทรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าคนที่สืบเชื้อสายเดียวกับตระกูลของเจ้า หรือไม่หากพวกเขาไม่ต้องการยอมจำนน เจ้าก็จงสั่งให้พวกเขาถอนตัวออกมา! ไม่เช่นนั้นถ้าคนของเจ้าถูกลูกชายของข้าสังหาร ก็อย่ามาโทษข้าทีหลัง”

สีเป่ยเซียะอดไม่ได้ที่จะเหลือบไปที่หลิงตู้ฉิงและถามว่า “อะไรที่ทำให้เจ้ามั่นใจว่า ทะเลชางหมางไม่สามารถให้กำเนิดมหาวิถีเช่นนั้นได้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าสถานที่ที่สามารถให้กำเนิดมหาวิถีเช่นนี้ได้ มันจะเหมาะสมเป็นอย่างมากที่จะใช้มันเป็นรากฐานเพื่อก่อตั้งมหาสำนักที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งมันคือสิ่งที่พวกข้าหลายชั่วอายุคนหวังเอาไว้ ดังนั้นเจ้าช่วยให้เหตุผลดี ๆ กับข้าทีว่าทำไมข้าต้องละทิ้งความพยายามนับพันปีของพวกเราเพียงเพราะคำพูดเพียงประโยคเดียวของเจ้า?”

หลิงตู้ฉิงพูดอย่างหมดหนทาง “ถ้าอย่างนั้นข้าเกรงว่าข้าคงต้องบอกกับเจ้าสักหน่อยว่าผนึกที่คอยปิดกั้นทะเลชางหมางอยู่ก็คือ ผนึกแห่งสมดุล ซึ่งนับประสาอะไรกับมหาวิถีแห่งเต๋าต่าง ๆ แม้แต่กฎแห่งสวรรค์และโลกยังถูกระงับเอาไว้จนถึงจุดที่มีเพียงแค่กฎแห่งสวรรค์สามัญที่สามารถดำรงอยู่ได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้มันจะมีมหาวิถีกำเนิดขึ้นภายในนั้นได้อย่างไร?”

“ผนึกแห่งสมดุล?” สีเป่ยเซียะถามโดยไม่รู้ตัว

นางไม่เคยได้ยินมาก่อน

หลิงตู้ฉิงพูด “มันคือ… มันคือผนึกป้องกันที่ทรงพลังมาก…เฮ้อ…ช่างมันเถอะ ข้าได้บอกรายละเอียดไปแล้ว ถ้าเจ้าไม่ฟังคำแนะนำของข้า เจ้าก็อย่าได้มาโทษข้าทีหลังก็แล้วกัน หากมันถึงวันที่สำนักเบญจธาตุของเจ้าและข้าต่อสู้กัน ข้าจะไม่แสดงความเมตตาใด ๆ ต่อเจ้าเป็นกรณีพิเศษหรอกนะ”

สีเป่ยเซียะเถียงสวนอย่างรวดเร็วว่า “เจ้าควรคิดว่าต้องเป็นฝั่งข้าที่จะแสดงความเมตตาต่อเจ้าหรือไม่ต่างหาก!”

แม้ว่าสำนักเบญจธาตุของนางจะไม่ใช่สำนักที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่ก็ยังคงเป็นหนึ่งในสำนักที่ติดอันดับต้น ๆ ต้องรู้ว่าสำนักธรรมดานั้นจะฝึกฝนเต๋าเพียงแขนงเดียว แต่สำนักของนางนั้นได้บรรลุเต๋าถึง 5 แขนง ซึ่งจะมีทั้งเต๋าธาตุโลหะ ไม้ น้ำ ไฟและดิน ซึ่งทั้งห้าแขนงต่างก็บรรลุเต๋าของตนเองไปได้ถึงระดับสูงเรียบร้อยแล้ว

พูดอีกนัยหนึ่ง สำนักเบญจธาตุของนางนั้นเทียบเท่าได้กับห้าสำนักระดับสุดยอด

ดังนั้นในเมื่อสำนักของนางมีอำนาจขนาดนี้ แล้วนางจำเป็นจะต้องกลัวอะไรอีก?

“นั่นคือทั้งหมดที่ข้าอยากจะพูดกับเจ้า” หลิงตู้ฉิงยิ้ม จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในสวนด้านหลังและฝึกฝนต่อไป

สำหรับสีเป่ยเซียะ นางขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานานก่อนที่จะส่งข้อความนี้ไปให้น้องชายของนาง จักรพรรดิแห่งอาณาจักรอี้จิ๋น สีจิ้งหมิง เพื่อให้น้องชายของนางตัดสินใจเกี่ยวกับทะเลชางหมางต่อไป และแน่นอนว่านางก็ไม่ได้ลืมที่เอ่ยถึงชื่อ ‘ผนึกแห่งสมดุล’ ให้น้องของนางได้ทราบเช่นกัน

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+