พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 397 ผนึกฟีนิกซ์ตัวน้อย

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 397 ผนึกฟีนิกซ์ตัวน้อย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 397 ผนึกฟีนิกซ์ตัวน้อย

ภายใต้การนำของหลิงตู้ฉิง ทุกคนบินไปยังส่วนลึกของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

ไม่มีใครรู้ว่าท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวนี้คือที่ไหนและไม่มีใครรู้ว่าหลิงตู้ฉิงกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด

ในความเป็นจริงพวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่อง ธุลีแห่งดาวสุริยะเทพ มาก่อน

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่ได้ถามอะไรมาก พวกเขารู้แค่ว่าพวกเขาเพียงต้องตามหลิงตู้ฉิงไปเท่านั้นก็พอแล้ว จากนั้นพวกเขาก็จะได้พบกับคำตอบของคำถามในใจของพวกเขาเอง

ทุกคนบินสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ซึ่งมันดูเหมือนว่าจะเป็นห้วงอวกาศที่ไร้ขอบเขต ทั้งสามบินมา 3 วัน และก็ได้พบดวงดาวอยู่ทุกหนทุกแห่ง

หลังจากบินมา 3 วัน พวกเขาก็ยังไปไม่ถึงสถานที่ที่หลิงตู้ฉิงได้เอ่ยถึงก่อนหน้านี้ แต่พวกเขากลับได้พบกับใบหน้าที่คุ้นเคย

ใบหน้าที่คุ้นเคยเหล่านี้ไม่ใช่ใครอื่น พวกเขาคือ ตวนจู้ สีอี้เฉิง ปิงยู่หลาง

ก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งสามคนโชคดีที่บังเอิญได้เจอกันกลางทาง จากนั้นพวกเขาจึงรวมกลุ่มกันตามหาโชคของพวกเขา

เมื่อพวกเขาเห็นหลิงตู้ฉิง พวกเขาก็ตะลึงเช่นกัน

“ทำไมพวกท่านถึงมาที่นี่ได้?” พวกเขาทั้งสามตกตะลึง

นอกเหนือจากตวนจู้ที่สับสนเล็กน้อย สีอี้เฉิง และปิงยู่หลางรู้ดีว่าต้องใช้พลังมากแค่ไหนถึงจะสามารถฝ่ากำแพงกั้นโลกมาที่นี่ได้

ซึ่งสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา หนึ่งในนั้นอยู่ที่ระดับ 11 ขอบเขตประสานทะเลปราณและอีกคนก็เพียงแค่ระดับ 12 พวกเขามีพลังมากพอที่จะมาที่นี่ได้ยังไง?

ส่วนเรื่องที่หลิงตู้ฉิงและคนของเขา สามารถเข้ามาในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้นั้น พวกเขาไม่คิดว่ามันจะแปลกประหลาดอะไร

จากมุมมองของพวกเขา หลิงตู้ฉิงที่สุดแสนจะพิสดารเหนือมนุษย์คงจะมีวิธีการบางอย่างที่สามารถทำให้เขาเข้ามาได้แน่นอน

หรือไม่ หลิงตู้ฉิงที่มีกุญแจอยู่หลายดอกอยู่แล้ว หากเขาจะมีมันเพิ่มอีกสักดอกสองดอกมันก็คงจะไม่แปลกอะไรอยู่ดีในมุมมองของพวกเขา

หลิงตู้ฉิงยิ้มให้กับกลุ่มคนคุ้นหน้าที่อยู่ตรงหน้าเขาและพูดว่า “พวกเจ้าทั้งหมดคงสบายดีสินะ เอาล่ะตั้งใจฝึกฝนกันให้ดีล่ะ!”

เขาขี้เกียจเกินไปที่จะสนใจว่าคนเหล่านี้จะได้พบกับโอกาสอะไร ซึ่งมันก็เช่นเดียวกับที่เขาเคยพูดก่อนที่เขาจะเข้ามา หน้าที่ของเขามีแค่เพียงให้สิทธิ์กับพวกเขาในการเข้ามา ต่อจากนั้นเขาไม่มีหน้าที่รับผิดชอบใด ๆ ต่อพวกเขาเมื่ออยู่ข้างใน

เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงกำลังจะจากไป สีอี้เฉิงจึงรีบพูดว่า “พี่หลิง ข้าขอความช่วยเหลือจากท่านได้ไหม พวกเราได้พบสถานที่ที่ดีงามที่เป็นประโยชน์กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราเป็นอย่างมาก ซึ่งสถานที่นั้นมันจะสามารถทำให้รัศมีดาราของพวกเราแข็งแกร่งยิ้งขึ้น”

“ถึงแม้ว่าพี่หลิงจะไม่ต้องการมันในตอนนี้ แต่ทั้งสองคนที่อยู่เคียงข้างท่านก็น่าจะต้องการมันเป็นอย่างมากเช่นกัน แต่บังเอิญว่าสถานที่นั้นได้ถูกผู้อื่นครอบครองไปแล้วและเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา…”

หลิงตู้ฉิงพูดเบา ๆ ว่า “พวกเจ้าจงคิดหาวิธีด้วยตัวเองเถอะ นั่นไม่ใช่เป้าหมายของเรา แต่ถ้าเรามีโอกาสเจอกันอีกรอบ เราค่อยพูดถึงมันกันอีกที”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็พาคนของเขาจากไปทันที ปล่อยให้ตวนจู้ สีอี้เฉิง และปิงยู่หลางต่างมองตามหลังเขาด้วยสีหน้าบึ้งตึง

“เข้ามาด้วยกันแท้ ๆ ทำไมถึงไม่คิดจะสนใจพวกเราบ้างเลยกันนะ?” ปิงยู่หลางพูดด้วยรอยยิ้มเหยเก

สีอี้เฉิงพูดอย่างเหนื่อยใจว่า “เฮ้อ…ใครใช้ให้เขาแข็งแกร่งกว่าเราล่ะ สงสัยพวกเราคงต้องหาทางด้วยตัวเองแล้วล่ะ ไปกันพวกเรา ลองไปหาโอกาสอื่นข้างหน้าต่อเผื่อว่าพวกเราจะได้รับโชคอะไรกับเขาบ้าง”

ตวนจู้พยักหน้าและมองไปที่หลิงตู้ฉิงและคนของเขาที่เพิ่งจากไป อันที่จริงนางเองก็มีอะไรที่ต้องการจะพูดขึ้นมากมาย

แต่นางก็ไม่ได้บ่นอะไรออกมา

เพราะคนคนนั้นเป็นคนที่พูดกับอาจารย์ของนางได้อย่างเท่าเทียมกัน

ตอนนี้นางจึงรู้สึกงงงวยมากว่าทำไมคนเช่นนี้ถึงต้องเข้ามาในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ?

ในอีกด้านหนึ่ง หลิงตู้ฉิงและคนของเขาก็บินต่อไปอีก 2 วันและในที่สุดพวกเขาก็เห็นดาวขนาดใหญ่ ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 2-3 กิโลเมตร ดาวดวงนี้ทั้งดวงถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงอันรุนแรง ทำให้มันดูไม่ต่างอะไรกับดวงอาทิตย์เลย

“นั่นคือเป้าหมายของเรา!” หลิงตู้ฉิงชี้ไปที่ดาวตรงหน้าพวกเขาและเอ่ยขึ้น

เย่ชิงเฉิงจิ๊ปากและพูดว่า “สามี เปลวเพลิงนี้รุนแรงเกินไป ข้าเกรงว่าพวกเราคงไม่น่าจะเข้าไปได้หรอก!”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าไป แค่รอข้าอยู่ที่นี่ก็พอ ข้าเข้าไปเองได้” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ

เมื่อเขาสั่งให้ทั้งสามรอเสร็จ จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าเข้าไปยังดาวสุริยะดวงนี้ทันที

เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงสามารถเข้าไปในดาวสุริยะได้อย่างง่ายดาย อี้ลั่วเอ๋อมองไปที่เย่ชิงเฉิงและหลิงเทียนหยุน จากนั้นก็มองไปที่หลิงตู้ฉิงแล้วนางก็บินตามเข้าไปยังดาวดวงนั้น

“ลั่วเอ๋อ กลับมาเดี๋ยวนี้!” เยว่ชิงเฉิงตะโกนอย่างรีบร้อน

แม้แต่นางเมื่อเห็นเปลวเพลิงของดาวดวงนี้นางยังไม่กล้าที่จะเฉียดเข้าไป แต่อี้ลั่วเอ๋อกลับหาญกล้าที่จะพุ่งเข้าไปตรง ๆ เช่นนี้งั้นเหรอ? นี่มันไม่ต่างอะไรกับการเอาปีกไปเผาชัด ๆ

นางจึงรีบบินตามไป และพยายามจะดึงอี้ลั่วเอ๋อกลับมา

ในเวลานั้น อี้ลั่วเอ๋อที่ได้เข้าไปใกล้กับดาวสุริยะแล้ว นางจึงรู้สึกถึงความร้อนแรงของเปลวเพลิงที่แผ่ออกมาได้ทันที ซึ่งมันทำให้นางตกตะลึงเป็นอย่างมาก

ที่นางกล้าที่จะบินเข้ามาเช่นนี้ก็เพราะว่านางเห็นหลิงตู้ฉิงเข้าไปได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นนางจึงคิดว่านางเองก็น่าจะเข้าไปได้เหมือนหลิงตู้ฉิงเช่นกัน

ซึ่งตอนนี้นางก็ได้สัมผัสถึงความแตกต่างระหว่างนางและเขาแล้ว

ก่อนที่เย่ชิงเฉิงจะทันได้ดึงนางกลับมา ปีกของนางกระพืออย่างรุนแรงและร่างของนางก็พุ่งออกจากมาจากระยะของเปลวเพลิงอย่างรวดเร็วและกลับมาสู่ตำแหน่งเดิมที่นางเคยอยู่

เยว่ชิงเฉิงมองไปที่อี้ลั่วเอ๋อด้วยความประหลาดใจ จู่ ๆ ภูตนางฟ้าเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?

แต่ในขณะที่นางยังคงตะลึงอยู่ นางก็รู้สึกได้ถึงความร้อนที่มาจากด้านหลังของนางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ซึ่งมันทำให้นางต้องหันกลับไปมอง และจากนั้นนางก็เห็นว่าเปลวเพลิงของดาวทั้งดวงได้ทวีความรุนแรงขึ้นและทันใดนั้นเปลวเพลิงก็ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วบังคับให้ทั้งสามคนที่รออยู่ข้างนอกต้องรีบถอยห่างออกไปอีกอย่างเร่งร้อน

“พ่อของเจ้าทำอะไรกันแน่?” เย่ชิงเฉิงพูดกับหลิงเทียนหยุนด้วยความตกใจ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการเปลี่ยนแปลงของดาวสุริยะจะต้องเกี่ยวข้องกับหลิงตู้ฉิง เพราะหลิงตู้ฉิงเพิ่งเข้าไป

หลิงเทียนหยุนส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน!”

แน่นอนว่าเย่ชิงเฉิงนั้นเดาไม่ผิด การเปลี่ยนแปลงของดาวดวงนี้เกี่ยวข้องกับหลิงตู้ฉิง

เมื่อหลิงตู้ฉิงเข้าไปด้านในดาวสุริยะ เขาก็เริ่มหาธุลีแห่งดาวสุริยะเทพทันทีเพื่อที่จะนำมันมาสร้างสมบัติแห่งโชคชะตาให้กับเย่ชิงเฉิง

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขากำลังจะออกตามหาธุลีแห่งดาวสุริยะเทพ เขาก็พบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งบ่มเพาะอยู่บนดาวสุริยะก่อนแล้ว

และเมื่อเขามองไปที่พลังเพลิงฟินิกซ์บรรกาลที่แผ่ออกมาจากร่างของหญิงสาวผู้นั้น หลิงตู้ฉิงก็เข้าใจทันทีว่านางมาจากไหน

จากนั้นเมื่อเขามองไปที่ระดับการบ่มเพาะของหญิงสาว เขาก็เห็นได้ชัดเจนว่านางอยู่ในระดับ 14 ของขอบเขตรวมแสงดารา ซึ่งมันทำให้สีหน้าของเขามืดลงในทันที เขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าคือ หวงซี?”

ผู้หญิงคนนั้นค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและจ้องมองไปที่หลิงตู้ฉิงอย่างเย็นชาและพูดว่า “ในเมื่อรู้ว่าข้าเป็นใครแล้วก็จงไสหัวไปซะ อย่ามารบกวนการบ่มเพาะของข้า!”

“ดีจริง ๆ ที่เจอเจ้าที่นี่ บังเอิญว่าข้าเองมีเรื่องต้องการสะสางกับเจ้าอยู่พอดี!” หลิงตู้ฉิงตะคอกอย่างเย็นชา “ถ้าเจ้าอยู่ที่ภูเขาฟีนิกซ์ ข้าคงจะมีปัญหานิดหน่อยในการหาตัวเจ้า แต่ในเมื่อได้เจอเจ้าที่นี่แล้ว จงยอมศิโรราบให้ข้าแต่โดยดีซะ!”

เขาตะคอกขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นเขาโบกมือขึ้นส่งผลให้เปลวเพลิงบนดาวทั้งดวงคุ้มคลั่งและลำธารแห่งอัคคีก็ไหลมาล้อมรอบหวงซี

ลำธารอัคคีเหล่านั้นจู่ ๆ ก็กลายเป็นโซ่อย่างรวดเร็วและพันรอบหวงซี

เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงกล้าที่จะโจมตี หวงซีจึงตะโกนขั้นด้วยความโกรธแค้นว่า “เจ้าอยากตายนักใช่ไหม?”

เมื่อพูดจบ เปลวเพลิงฟีนิกซ์ที่ผสมพลังเพลิงของดาวสุริยะที่นางเพิ่งดูดซับเข้ามาก็ได้แผ่ออกจากร่างกายของนาง อย่างไรก็ตามภายใต้การพันธนาการของโซ่อัคคี เพลิงของนางก็ถูกตีกลับเข้าหาร่างของนางเอง

เมื่อเห็นว่าโซ่อัคคีนี้มันถูกสร้างขึ้นจากฎแห่งไฟ หวงซีก็รู้ว่าสถานการณ์ของนางในตอนนี้ย่ำแย่อย่างหนัก

การใช้พลังแห่งกฎในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับมันทำไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงไม่ถูกปฏิเสธจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ?

ตอนนี้นางตื่นตระหนกอย่างจริงจังและจึงตัดสินใจที่จะทำลายอักขระเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเพื่อหนีออกไปจากสถานการณ์นี้ทันที ถึงแม้ว่านางจะเสียโอกาสเปลี่ยนชะตาไป แต่มันก็ยังดีกว่านางต้องมาทิ้งชีวิตไว้ที่นี่

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้หวงซีหน้าซีดด้วยความตกใจก็คือนางไม่สามารถทำลายอักขระเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้เลย ราวกับว่าอักขระมันถูกผนึกไว้ภายใต้กฎของโซ่อัคคี แม้ว่านางจะยังรู้สึกได้ถึงการเชื่อมต่อระหว่างอักขระเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับในร่างกายของนาง แต่นางก็ไม่มีทางควบคุมมันได้แม้แต่น้อย หลังจากนั้นโซ่อัคคีก็เข้าสู่ร่างกายของนางและผนึกร่างกายและวิญญาณของนางไว้

หลิงตู้ฉิงเดินเข้ามาหานางด้วยสีหน้าโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง เขามองไปที่หวงซีที่นอนอยู่บนพื้นและตะโกนว่า “ใครอนุญาตให้เจ้าใช้ชื่อนี้ จงบอกข้ามา!?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 397 ผนึกฟีนิกซ์ตัวน้อย

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 397 ผนึกฟีนิกซ์ตัวน้อย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 397 ผนึกฟีนิกซ์ตัวน้อย

ภายใต้การนำของหลิงตู้ฉิง ทุกคนบินไปยังส่วนลึกของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

ไม่มีใครรู้ว่าท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวนี้คือที่ไหนและไม่มีใครรู้ว่าหลิงตู้ฉิงกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด

ในความเป็นจริงพวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่อง ธุลีแห่งดาวสุริยะเทพ มาก่อน

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่ได้ถามอะไรมาก พวกเขารู้แค่ว่าพวกเขาเพียงต้องตามหลิงตู้ฉิงไปเท่านั้นก็พอแล้ว จากนั้นพวกเขาก็จะได้พบกับคำตอบของคำถามในใจของพวกเขาเอง

ทุกคนบินสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ซึ่งมันดูเหมือนว่าจะเป็นห้วงอวกาศที่ไร้ขอบเขต ทั้งสามบินมา 3 วัน และก็ได้พบดวงดาวอยู่ทุกหนทุกแห่ง

หลังจากบินมา 3 วัน พวกเขาก็ยังไปไม่ถึงสถานที่ที่หลิงตู้ฉิงได้เอ่ยถึงก่อนหน้านี้ แต่พวกเขากลับได้พบกับใบหน้าที่คุ้นเคย

ใบหน้าที่คุ้นเคยเหล่านี้ไม่ใช่ใครอื่น พวกเขาคือ ตวนจู้ สีอี้เฉิง ปิงยู่หลาง

ก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งสามคนโชคดีที่บังเอิญได้เจอกันกลางทาง จากนั้นพวกเขาจึงรวมกลุ่มกันตามหาโชคของพวกเขา

เมื่อพวกเขาเห็นหลิงตู้ฉิง พวกเขาก็ตะลึงเช่นกัน

“ทำไมพวกท่านถึงมาที่นี่ได้?” พวกเขาทั้งสามตกตะลึง

นอกเหนือจากตวนจู้ที่สับสนเล็กน้อย สีอี้เฉิง และปิงยู่หลางรู้ดีว่าต้องใช้พลังมากแค่ไหนถึงจะสามารถฝ่ากำแพงกั้นโลกมาที่นี่ได้

ซึ่งสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา หนึ่งในนั้นอยู่ที่ระดับ 11 ขอบเขตประสานทะเลปราณและอีกคนก็เพียงแค่ระดับ 12 พวกเขามีพลังมากพอที่จะมาที่นี่ได้ยังไง?

ส่วนเรื่องที่หลิงตู้ฉิงและคนของเขา สามารถเข้ามาในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้นั้น พวกเขาไม่คิดว่ามันจะแปลกประหลาดอะไร

จากมุมมองของพวกเขา หลิงตู้ฉิงที่สุดแสนจะพิสดารเหนือมนุษย์คงจะมีวิธีการบางอย่างที่สามารถทำให้เขาเข้ามาได้แน่นอน

หรือไม่ หลิงตู้ฉิงที่มีกุญแจอยู่หลายดอกอยู่แล้ว หากเขาจะมีมันเพิ่มอีกสักดอกสองดอกมันก็คงจะไม่แปลกอะไรอยู่ดีในมุมมองของพวกเขา

หลิงตู้ฉิงยิ้มให้กับกลุ่มคนคุ้นหน้าที่อยู่ตรงหน้าเขาและพูดว่า “พวกเจ้าทั้งหมดคงสบายดีสินะ เอาล่ะตั้งใจฝึกฝนกันให้ดีล่ะ!”

เขาขี้เกียจเกินไปที่จะสนใจว่าคนเหล่านี้จะได้พบกับโอกาสอะไร ซึ่งมันก็เช่นเดียวกับที่เขาเคยพูดก่อนที่เขาจะเข้ามา หน้าที่ของเขามีแค่เพียงให้สิทธิ์กับพวกเขาในการเข้ามา ต่อจากนั้นเขาไม่มีหน้าที่รับผิดชอบใด ๆ ต่อพวกเขาเมื่ออยู่ข้างใน

เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงกำลังจะจากไป สีอี้เฉิงจึงรีบพูดว่า “พี่หลิง ข้าขอความช่วยเหลือจากท่านได้ไหม พวกเราได้พบสถานที่ที่ดีงามที่เป็นประโยชน์กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราเป็นอย่างมาก ซึ่งสถานที่นั้นมันจะสามารถทำให้รัศมีดาราของพวกเราแข็งแกร่งยิ้งขึ้น”

“ถึงแม้ว่าพี่หลิงจะไม่ต้องการมันในตอนนี้ แต่ทั้งสองคนที่อยู่เคียงข้างท่านก็น่าจะต้องการมันเป็นอย่างมากเช่นกัน แต่บังเอิญว่าสถานที่นั้นได้ถูกผู้อื่นครอบครองไปแล้วและเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา…”

หลิงตู้ฉิงพูดเบา ๆ ว่า “พวกเจ้าจงคิดหาวิธีด้วยตัวเองเถอะ นั่นไม่ใช่เป้าหมายของเรา แต่ถ้าเรามีโอกาสเจอกันอีกรอบ เราค่อยพูดถึงมันกันอีกที”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็พาคนของเขาจากไปทันที ปล่อยให้ตวนจู้ สีอี้เฉิง และปิงยู่หลางต่างมองตามหลังเขาด้วยสีหน้าบึ้งตึง

“เข้ามาด้วยกันแท้ ๆ ทำไมถึงไม่คิดจะสนใจพวกเราบ้างเลยกันนะ?” ปิงยู่หลางพูดด้วยรอยยิ้มเหยเก

สีอี้เฉิงพูดอย่างเหนื่อยใจว่า “เฮ้อ…ใครใช้ให้เขาแข็งแกร่งกว่าเราล่ะ สงสัยพวกเราคงต้องหาทางด้วยตัวเองแล้วล่ะ ไปกันพวกเรา ลองไปหาโอกาสอื่นข้างหน้าต่อเผื่อว่าพวกเราจะได้รับโชคอะไรกับเขาบ้าง”

ตวนจู้พยักหน้าและมองไปที่หลิงตู้ฉิงและคนของเขาที่เพิ่งจากไป อันที่จริงนางเองก็มีอะไรที่ต้องการจะพูดขึ้นมากมาย

แต่นางก็ไม่ได้บ่นอะไรออกมา

เพราะคนคนนั้นเป็นคนที่พูดกับอาจารย์ของนางได้อย่างเท่าเทียมกัน

ตอนนี้นางจึงรู้สึกงงงวยมากว่าทำไมคนเช่นนี้ถึงต้องเข้ามาในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ?

ในอีกด้านหนึ่ง หลิงตู้ฉิงและคนของเขาก็บินต่อไปอีก 2 วันและในที่สุดพวกเขาก็เห็นดาวขนาดใหญ่ ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 2-3 กิโลเมตร ดาวดวงนี้ทั้งดวงถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงอันรุนแรง ทำให้มันดูไม่ต่างอะไรกับดวงอาทิตย์เลย

“นั่นคือเป้าหมายของเรา!” หลิงตู้ฉิงชี้ไปที่ดาวตรงหน้าพวกเขาและเอ่ยขึ้น

เย่ชิงเฉิงจิ๊ปากและพูดว่า “สามี เปลวเพลิงนี้รุนแรงเกินไป ข้าเกรงว่าพวกเราคงไม่น่าจะเข้าไปได้หรอก!”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าไป แค่รอข้าอยู่ที่นี่ก็พอ ข้าเข้าไปเองได้” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ

เมื่อเขาสั่งให้ทั้งสามรอเสร็จ จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าเข้าไปยังดาวสุริยะดวงนี้ทันที

เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงสามารถเข้าไปในดาวสุริยะได้อย่างง่ายดาย อี้ลั่วเอ๋อมองไปที่เย่ชิงเฉิงและหลิงเทียนหยุน จากนั้นก็มองไปที่หลิงตู้ฉิงแล้วนางก็บินตามเข้าไปยังดาวดวงนั้น

“ลั่วเอ๋อ กลับมาเดี๋ยวนี้!” เยว่ชิงเฉิงตะโกนอย่างรีบร้อน

แม้แต่นางเมื่อเห็นเปลวเพลิงของดาวดวงนี้นางยังไม่กล้าที่จะเฉียดเข้าไป แต่อี้ลั่วเอ๋อกลับหาญกล้าที่จะพุ่งเข้าไปตรง ๆ เช่นนี้งั้นเหรอ? นี่มันไม่ต่างอะไรกับการเอาปีกไปเผาชัด ๆ

นางจึงรีบบินตามไป และพยายามจะดึงอี้ลั่วเอ๋อกลับมา

ในเวลานั้น อี้ลั่วเอ๋อที่ได้เข้าไปใกล้กับดาวสุริยะแล้ว นางจึงรู้สึกถึงความร้อนแรงของเปลวเพลิงที่แผ่ออกมาได้ทันที ซึ่งมันทำให้นางตกตะลึงเป็นอย่างมาก

ที่นางกล้าที่จะบินเข้ามาเช่นนี้ก็เพราะว่านางเห็นหลิงตู้ฉิงเข้าไปได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นนางจึงคิดว่านางเองก็น่าจะเข้าไปได้เหมือนหลิงตู้ฉิงเช่นกัน

ซึ่งตอนนี้นางก็ได้สัมผัสถึงความแตกต่างระหว่างนางและเขาแล้ว

ก่อนที่เย่ชิงเฉิงจะทันได้ดึงนางกลับมา ปีกของนางกระพืออย่างรุนแรงและร่างของนางก็พุ่งออกจากมาจากระยะของเปลวเพลิงอย่างรวดเร็วและกลับมาสู่ตำแหน่งเดิมที่นางเคยอยู่

เยว่ชิงเฉิงมองไปที่อี้ลั่วเอ๋อด้วยความประหลาดใจ จู่ ๆ ภูตนางฟ้าเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?

แต่ในขณะที่นางยังคงตะลึงอยู่ นางก็รู้สึกได้ถึงความร้อนที่มาจากด้านหลังของนางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ซึ่งมันทำให้นางต้องหันกลับไปมอง และจากนั้นนางก็เห็นว่าเปลวเพลิงของดาวทั้งดวงได้ทวีความรุนแรงขึ้นและทันใดนั้นเปลวเพลิงก็ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วบังคับให้ทั้งสามคนที่รออยู่ข้างนอกต้องรีบถอยห่างออกไปอีกอย่างเร่งร้อน

“พ่อของเจ้าทำอะไรกันแน่?” เย่ชิงเฉิงพูดกับหลิงเทียนหยุนด้วยความตกใจ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการเปลี่ยนแปลงของดาวสุริยะจะต้องเกี่ยวข้องกับหลิงตู้ฉิง เพราะหลิงตู้ฉิงเพิ่งเข้าไป

หลิงเทียนหยุนส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน!”

แน่นอนว่าเย่ชิงเฉิงนั้นเดาไม่ผิด การเปลี่ยนแปลงของดาวดวงนี้เกี่ยวข้องกับหลิงตู้ฉิง

เมื่อหลิงตู้ฉิงเข้าไปด้านในดาวสุริยะ เขาก็เริ่มหาธุลีแห่งดาวสุริยะเทพทันทีเพื่อที่จะนำมันมาสร้างสมบัติแห่งโชคชะตาให้กับเย่ชิงเฉิง

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขากำลังจะออกตามหาธุลีแห่งดาวสุริยะเทพ เขาก็พบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งบ่มเพาะอยู่บนดาวสุริยะก่อนแล้ว

และเมื่อเขามองไปที่พลังเพลิงฟินิกซ์บรรกาลที่แผ่ออกมาจากร่างของหญิงสาวผู้นั้น หลิงตู้ฉิงก็เข้าใจทันทีว่านางมาจากไหน

จากนั้นเมื่อเขามองไปที่ระดับการบ่มเพาะของหญิงสาว เขาก็เห็นได้ชัดเจนว่านางอยู่ในระดับ 14 ของขอบเขตรวมแสงดารา ซึ่งมันทำให้สีหน้าของเขามืดลงในทันที เขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าคือ หวงซี?”

ผู้หญิงคนนั้นค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและจ้องมองไปที่หลิงตู้ฉิงอย่างเย็นชาและพูดว่า “ในเมื่อรู้ว่าข้าเป็นใครแล้วก็จงไสหัวไปซะ อย่ามารบกวนการบ่มเพาะของข้า!”

“ดีจริง ๆ ที่เจอเจ้าที่นี่ บังเอิญว่าข้าเองมีเรื่องต้องการสะสางกับเจ้าอยู่พอดี!” หลิงตู้ฉิงตะคอกอย่างเย็นชา “ถ้าเจ้าอยู่ที่ภูเขาฟีนิกซ์ ข้าคงจะมีปัญหานิดหน่อยในการหาตัวเจ้า แต่ในเมื่อได้เจอเจ้าที่นี่แล้ว จงยอมศิโรราบให้ข้าแต่โดยดีซะ!”

เขาตะคอกขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นเขาโบกมือขึ้นส่งผลให้เปลวเพลิงบนดาวทั้งดวงคุ้มคลั่งและลำธารแห่งอัคคีก็ไหลมาล้อมรอบหวงซี

ลำธารอัคคีเหล่านั้นจู่ ๆ ก็กลายเป็นโซ่อย่างรวดเร็วและพันรอบหวงซี

เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงกล้าที่จะโจมตี หวงซีจึงตะโกนขั้นด้วยความโกรธแค้นว่า “เจ้าอยากตายนักใช่ไหม?”

เมื่อพูดจบ เปลวเพลิงฟีนิกซ์ที่ผสมพลังเพลิงของดาวสุริยะที่นางเพิ่งดูดซับเข้ามาก็ได้แผ่ออกจากร่างกายของนาง อย่างไรก็ตามภายใต้การพันธนาการของโซ่อัคคี เพลิงของนางก็ถูกตีกลับเข้าหาร่างของนางเอง

เมื่อเห็นว่าโซ่อัคคีนี้มันถูกสร้างขึ้นจากฎแห่งไฟ หวงซีก็รู้ว่าสถานการณ์ของนางในตอนนี้ย่ำแย่อย่างหนัก

การใช้พลังแห่งกฎในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับมันทำไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงไม่ถูกปฏิเสธจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ?

ตอนนี้นางตื่นตระหนกอย่างจริงจังและจึงตัดสินใจที่จะทำลายอักขระเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเพื่อหนีออกไปจากสถานการณ์นี้ทันที ถึงแม้ว่านางจะเสียโอกาสเปลี่ยนชะตาไป แต่มันก็ยังดีกว่านางต้องมาทิ้งชีวิตไว้ที่นี่

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้หวงซีหน้าซีดด้วยความตกใจก็คือนางไม่สามารถทำลายอักขระเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้เลย ราวกับว่าอักขระมันถูกผนึกไว้ภายใต้กฎของโซ่อัคคี แม้ว่านางจะยังรู้สึกได้ถึงการเชื่อมต่อระหว่างอักขระเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับในร่างกายของนาง แต่นางก็ไม่มีทางควบคุมมันได้แม้แต่น้อย หลังจากนั้นโซ่อัคคีก็เข้าสู่ร่างกายของนางและผนึกร่างกายและวิญญาณของนางไว้

หลิงตู้ฉิงเดินเข้ามาหานางด้วยสีหน้าโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง เขามองไปที่หวงซีที่นอนอยู่บนพื้นและตะโกนว่า “ใครอนุญาตให้เจ้าใช้ชื่อนี้ จงบอกข้ามา!?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 397 ผนึกฟีนิกซ์ตัวน้อย

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 397 ผนึกฟีนิกซ์ตัวน้อย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 397 ผนึกฟีนิกซ์ตัวน้อย

ภายใต้การนำของหลิงตู้ฉิง ทุกคนบินไปยังส่วนลึกของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

ไม่มีใครรู้ว่าท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวนี้คือที่ไหนและไม่มีใครรู้ว่าหลิงตู้ฉิงกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด

ในความเป็นจริงพวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่อง ธุลีแห่งดาวสุริยะเทพ มาก่อน

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่ได้ถามอะไรมาก พวกเขารู้แค่ว่าพวกเขาเพียงต้องตามหลิงตู้ฉิงไปเท่านั้นก็พอแล้ว จากนั้นพวกเขาก็จะได้พบกับคำตอบของคำถามในใจของพวกเขาเอง

ทุกคนบินสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ซึ่งมันดูเหมือนว่าจะเป็นห้วงอวกาศที่ไร้ขอบเขต ทั้งสามบินมา 3 วัน และก็ได้พบดวงดาวอยู่ทุกหนทุกแห่ง

หลังจากบินมา 3 วัน พวกเขาก็ยังไปไม่ถึงสถานที่ที่หลิงตู้ฉิงได้เอ่ยถึงก่อนหน้านี้ แต่พวกเขากลับได้พบกับใบหน้าที่คุ้นเคย

ใบหน้าที่คุ้นเคยเหล่านี้ไม่ใช่ใครอื่น พวกเขาคือ ตวนจู้ สีอี้เฉิง ปิงยู่หลาง

ก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งสามคนโชคดีที่บังเอิญได้เจอกันกลางทาง จากนั้นพวกเขาจึงรวมกลุ่มกันตามหาโชคของพวกเขา

เมื่อพวกเขาเห็นหลิงตู้ฉิง พวกเขาก็ตะลึงเช่นกัน

“ทำไมพวกท่านถึงมาที่นี่ได้?” พวกเขาทั้งสามตกตะลึง

นอกเหนือจากตวนจู้ที่สับสนเล็กน้อย สีอี้เฉิง และปิงยู่หลางรู้ดีว่าต้องใช้พลังมากแค่ไหนถึงจะสามารถฝ่ากำแพงกั้นโลกมาที่นี่ได้

ซึ่งสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา หนึ่งในนั้นอยู่ที่ระดับ 11 ขอบเขตประสานทะเลปราณและอีกคนก็เพียงแค่ระดับ 12 พวกเขามีพลังมากพอที่จะมาที่นี่ได้ยังไง?

ส่วนเรื่องที่หลิงตู้ฉิงและคนของเขา สามารถเข้ามาในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้นั้น พวกเขาไม่คิดว่ามันจะแปลกประหลาดอะไร

จากมุมมองของพวกเขา หลิงตู้ฉิงที่สุดแสนจะพิสดารเหนือมนุษย์คงจะมีวิธีการบางอย่างที่สามารถทำให้เขาเข้ามาได้แน่นอน

หรือไม่ หลิงตู้ฉิงที่มีกุญแจอยู่หลายดอกอยู่แล้ว หากเขาจะมีมันเพิ่มอีกสักดอกสองดอกมันก็คงจะไม่แปลกอะไรอยู่ดีในมุมมองของพวกเขา

หลิงตู้ฉิงยิ้มให้กับกลุ่มคนคุ้นหน้าที่อยู่ตรงหน้าเขาและพูดว่า “พวกเจ้าทั้งหมดคงสบายดีสินะ เอาล่ะตั้งใจฝึกฝนกันให้ดีล่ะ!”

เขาขี้เกียจเกินไปที่จะสนใจว่าคนเหล่านี้จะได้พบกับโอกาสอะไร ซึ่งมันก็เช่นเดียวกับที่เขาเคยพูดก่อนที่เขาจะเข้ามา หน้าที่ของเขามีแค่เพียงให้สิทธิ์กับพวกเขาในการเข้ามา ต่อจากนั้นเขาไม่มีหน้าที่รับผิดชอบใด ๆ ต่อพวกเขาเมื่ออยู่ข้างใน

เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงกำลังจะจากไป สีอี้เฉิงจึงรีบพูดว่า “พี่หลิง ข้าขอความช่วยเหลือจากท่านได้ไหม พวกเราได้พบสถานที่ที่ดีงามที่เป็นประโยชน์กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราเป็นอย่างมาก ซึ่งสถานที่นั้นมันจะสามารถทำให้รัศมีดาราของพวกเราแข็งแกร่งยิ้งขึ้น”

“ถึงแม้ว่าพี่หลิงจะไม่ต้องการมันในตอนนี้ แต่ทั้งสองคนที่อยู่เคียงข้างท่านก็น่าจะต้องการมันเป็นอย่างมากเช่นกัน แต่บังเอิญว่าสถานที่นั้นได้ถูกผู้อื่นครอบครองไปแล้วและเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา…”

หลิงตู้ฉิงพูดเบา ๆ ว่า “พวกเจ้าจงคิดหาวิธีด้วยตัวเองเถอะ นั่นไม่ใช่เป้าหมายของเรา แต่ถ้าเรามีโอกาสเจอกันอีกรอบ เราค่อยพูดถึงมันกันอีกที”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็พาคนของเขาจากไปทันที ปล่อยให้ตวนจู้ สีอี้เฉิง และปิงยู่หลางต่างมองตามหลังเขาด้วยสีหน้าบึ้งตึง

“เข้ามาด้วยกันแท้ ๆ ทำไมถึงไม่คิดจะสนใจพวกเราบ้างเลยกันนะ?” ปิงยู่หลางพูดด้วยรอยยิ้มเหยเก

สีอี้เฉิงพูดอย่างเหนื่อยใจว่า “เฮ้อ…ใครใช้ให้เขาแข็งแกร่งกว่าเราล่ะ สงสัยพวกเราคงต้องหาทางด้วยตัวเองแล้วล่ะ ไปกันพวกเรา ลองไปหาโอกาสอื่นข้างหน้าต่อเผื่อว่าพวกเราจะได้รับโชคอะไรกับเขาบ้าง”

ตวนจู้พยักหน้าและมองไปที่หลิงตู้ฉิงและคนของเขาที่เพิ่งจากไป อันที่จริงนางเองก็มีอะไรที่ต้องการจะพูดขึ้นมากมาย

แต่นางก็ไม่ได้บ่นอะไรออกมา

เพราะคนคนนั้นเป็นคนที่พูดกับอาจารย์ของนางได้อย่างเท่าเทียมกัน

ตอนนี้นางจึงรู้สึกงงงวยมากว่าทำไมคนเช่นนี้ถึงต้องเข้ามาในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ?

ในอีกด้านหนึ่ง หลิงตู้ฉิงและคนของเขาก็บินต่อไปอีก 2 วันและในที่สุดพวกเขาก็เห็นดาวขนาดใหญ่ ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 2-3 กิโลเมตร ดาวดวงนี้ทั้งดวงถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงอันรุนแรง ทำให้มันดูไม่ต่างอะไรกับดวงอาทิตย์เลย

“นั่นคือเป้าหมายของเรา!” หลิงตู้ฉิงชี้ไปที่ดาวตรงหน้าพวกเขาและเอ่ยขึ้น

เย่ชิงเฉิงจิ๊ปากและพูดว่า “สามี เปลวเพลิงนี้รุนแรงเกินไป ข้าเกรงว่าพวกเราคงไม่น่าจะเข้าไปได้หรอก!”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าไป แค่รอข้าอยู่ที่นี่ก็พอ ข้าเข้าไปเองได้” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ

เมื่อเขาสั่งให้ทั้งสามรอเสร็จ จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าเข้าไปยังดาวสุริยะดวงนี้ทันที

เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงสามารถเข้าไปในดาวสุริยะได้อย่างง่ายดาย อี้ลั่วเอ๋อมองไปที่เย่ชิงเฉิงและหลิงเทียนหยุน จากนั้นก็มองไปที่หลิงตู้ฉิงแล้วนางก็บินตามเข้าไปยังดาวดวงนั้น

“ลั่วเอ๋อ กลับมาเดี๋ยวนี้!” เยว่ชิงเฉิงตะโกนอย่างรีบร้อน

แม้แต่นางเมื่อเห็นเปลวเพลิงของดาวดวงนี้นางยังไม่กล้าที่จะเฉียดเข้าไป แต่อี้ลั่วเอ๋อกลับหาญกล้าที่จะพุ่งเข้าไปตรง ๆ เช่นนี้งั้นเหรอ? นี่มันไม่ต่างอะไรกับการเอาปีกไปเผาชัด ๆ

นางจึงรีบบินตามไป และพยายามจะดึงอี้ลั่วเอ๋อกลับมา

ในเวลานั้น อี้ลั่วเอ๋อที่ได้เข้าไปใกล้กับดาวสุริยะแล้ว นางจึงรู้สึกถึงความร้อนแรงของเปลวเพลิงที่แผ่ออกมาได้ทันที ซึ่งมันทำให้นางตกตะลึงเป็นอย่างมาก

ที่นางกล้าที่จะบินเข้ามาเช่นนี้ก็เพราะว่านางเห็นหลิงตู้ฉิงเข้าไปได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นนางจึงคิดว่านางเองก็น่าจะเข้าไปได้เหมือนหลิงตู้ฉิงเช่นกัน

ซึ่งตอนนี้นางก็ได้สัมผัสถึงความแตกต่างระหว่างนางและเขาแล้ว

ก่อนที่เย่ชิงเฉิงจะทันได้ดึงนางกลับมา ปีกของนางกระพืออย่างรุนแรงและร่างของนางก็พุ่งออกจากมาจากระยะของเปลวเพลิงอย่างรวดเร็วและกลับมาสู่ตำแหน่งเดิมที่นางเคยอยู่

เยว่ชิงเฉิงมองไปที่อี้ลั่วเอ๋อด้วยความประหลาดใจ จู่ ๆ ภูตนางฟ้าเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?

แต่ในขณะที่นางยังคงตะลึงอยู่ นางก็รู้สึกได้ถึงความร้อนที่มาจากด้านหลังของนางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ซึ่งมันทำให้นางต้องหันกลับไปมอง และจากนั้นนางก็เห็นว่าเปลวเพลิงของดาวทั้งดวงได้ทวีความรุนแรงขึ้นและทันใดนั้นเปลวเพลิงก็ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วบังคับให้ทั้งสามคนที่รออยู่ข้างนอกต้องรีบถอยห่างออกไปอีกอย่างเร่งร้อน

“พ่อของเจ้าทำอะไรกันแน่?” เย่ชิงเฉิงพูดกับหลิงเทียนหยุนด้วยความตกใจ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการเปลี่ยนแปลงของดาวสุริยะจะต้องเกี่ยวข้องกับหลิงตู้ฉิง เพราะหลิงตู้ฉิงเพิ่งเข้าไป

หลิงเทียนหยุนส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน!”

แน่นอนว่าเย่ชิงเฉิงนั้นเดาไม่ผิด การเปลี่ยนแปลงของดาวดวงนี้เกี่ยวข้องกับหลิงตู้ฉิง

เมื่อหลิงตู้ฉิงเข้าไปด้านในดาวสุริยะ เขาก็เริ่มหาธุลีแห่งดาวสุริยะเทพทันทีเพื่อที่จะนำมันมาสร้างสมบัติแห่งโชคชะตาให้กับเย่ชิงเฉิง

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขากำลังจะออกตามหาธุลีแห่งดาวสุริยะเทพ เขาก็พบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งบ่มเพาะอยู่บนดาวสุริยะก่อนแล้ว

และเมื่อเขามองไปที่พลังเพลิงฟินิกซ์บรรกาลที่แผ่ออกมาจากร่างของหญิงสาวผู้นั้น หลิงตู้ฉิงก็เข้าใจทันทีว่านางมาจากไหน

จากนั้นเมื่อเขามองไปที่ระดับการบ่มเพาะของหญิงสาว เขาก็เห็นได้ชัดเจนว่านางอยู่ในระดับ 14 ของขอบเขตรวมแสงดารา ซึ่งมันทำให้สีหน้าของเขามืดลงในทันที เขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าคือ หวงซี?”

ผู้หญิงคนนั้นค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและจ้องมองไปที่หลิงตู้ฉิงอย่างเย็นชาและพูดว่า “ในเมื่อรู้ว่าข้าเป็นใครแล้วก็จงไสหัวไปซะ อย่ามารบกวนการบ่มเพาะของข้า!”

“ดีจริง ๆ ที่เจอเจ้าที่นี่ บังเอิญว่าข้าเองมีเรื่องต้องการสะสางกับเจ้าอยู่พอดี!” หลิงตู้ฉิงตะคอกอย่างเย็นชา “ถ้าเจ้าอยู่ที่ภูเขาฟีนิกซ์ ข้าคงจะมีปัญหานิดหน่อยในการหาตัวเจ้า แต่ในเมื่อได้เจอเจ้าที่นี่แล้ว จงยอมศิโรราบให้ข้าแต่โดยดีซะ!”

เขาตะคอกขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นเขาโบกมือขึ้นส่งผลให้เปลวเพลิงบนดาวทั้งดวงคุ้มคลั่งและลำธารแห่งอัคคีก็ไหลมาล้อมรอบหวงซี

ลำธารอัคคีเหล่านั้นจู่ ๆ ก็กลายเป็นโซ่อย่างรวดเร็วและพันรอบหวงซี

เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงกล้าที่จะโจมตี หวงซีจึงตะโกนขั้นด้วยความโกรธแค้นว่า “เจ้าอยากตายนักใช่ไหม?”

เมื่อพูดจบ เปลวเพลิงฟีนิกซ์ที่ผสมพลังเพลิงของดาวสุริยะที่นางเพิ่งดูดซับเข้ามาก็ได้แผ่ออกจากร่างกายของนาง อย่างไรก็ตามภายใต้การพันธนาการของโซ่อัคคี เพลิงของนางก็ถูกตีกลับเข้าหาร่างของนางเอง

เมื่อเห็นว่าโซ่อัคคีนี้มันถูกสร้างขึ้นจากฎแห่งไฟ หวงซีก็รู้ว่าสถานการณ์ของนางในตอนนี้ย่ำแย่อย่างหนัก

การใช้พลังแห่งกฎในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับมันทำไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงไม่ถูกปฏิเสธจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ?

ตอนนี้นางตื่นตระหนกอย่างจริงจังและจึงตัดสินใจที่จะทำลายอักขระเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเพื่อหนีออกไปจากสถานการณ์นี้ทันที ถึงแม้ว่านางจะเสียโอกาสเปลี่ยนชะตาไป แต่มันก็ยังดีกว่านางต้องมาทิ้งชีวิตไว้ที่นี่

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้หวงซีหน้าซีดด้วยความตกใจก็คือนางไม่สามารถทำลายอักขระเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้เลย ราวกับว่าอักขระมันถูกผนึกไว้ภายใต้กฎของโซ่อัคคี แม้ว่านางจะยังรู้สึกได้ถึงการเชื่อมต่อระหว่างอักขระเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับในร่างกายของนาง แต่นางก็ไม่มีทางควบคุมมันได้แม้แต่น้อย หลังจากนั้นโซ่อัคคีก็เข้าสู่ร่างกายของนางและผนึกร่างกายและวิญญาณของนางไว้

หลิงตู้ฉิงเดินเข้ามาหานางด้วยสีหน้าโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง เขามองไปที่หวงซีที่นอนอยู่บนพื้นและตะโกนว่า “ใครอนุญาตให้เจ้าใช้ชื่อนี้ จงบอกข้ามา!?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+