พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 413 ออกจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 413 ออกจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิงเทียนหยุนมองดูผลึกที่ส่องแสงบนร่างพ่อของเขาด้วยสีหน้างุนงง เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่าหลังจากที่ผลึกนี้ส่องสว่าง ทุกสิ่งทุกอย่างมันดูกลายเป็นหยุดนิ่งแข็งค้างไปหมด แม้แต่ตัวเขาเองหรือร่างเงาของเขาก็ไม่สามารถขยับอะไรได้เลยและรวมไปถึงเมื่อเขาเองมองไปที่พ่อของเขา หลิงตู้ฉิงเองก็มีอาการแข็งค้างหยุดนิ่งเช่นกัน

ภาพที่เขาเห็นทุกอย่างในตอนนี้มันดูเหมือนว่าทุกอย่างรอบตัวเขาถูกหยุดเวลาไว้อยู่กับที่

“ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้นกับท่าน?” หลิงเทียนหยุนถามอย่างกังวล

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะถามออกไปหลิงตู้ฉิงก็ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ตอบโต้กลับ

“ท่านพ่อตื่นเร็วเข้า ท่านเป็นอะไรไปท่านพ่อ?” หลิงเทียนหยุนเริ่มกังวล

แต่แล้วในขณะที่หลิงเทียนหยุนกำลังสิ้นหวังและไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าการที่เขาเข้ามาที่นี่ได้อย่างง่ายดายมันเป็นเพราะแผนการของบุคคลที่สามที่ต้องการให้พ่อของเขาได้มาเจอกับผู้สร้างเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ แสงที่ส่องสว่างออกมาจากผลึกนั้นก็ค่อย ๆ มอดดับไป จากนั้นในที่สุดดวงตาของหลิงตู้ฉิงที่เคยแข็งค้างอยู่ก็ขยับได้

ในขณะเดียวกันหลิงเทียนหยุนก็ตระหนักว่าร่างเงาของเขาก็สามารถเคลื่อนไหวได้แล้วเช่นกัน

“ท่านพ่อ…” หลิงเทียนหยุนเอ่ยปากอย่างรีบร้อน

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “พ่อสบายดี”

“ท่านไม่เป็นอะไรจริง ๆ เหรอ? ว่าแต่เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?” หลิงเทียนหยุนถาม

“ไม่มีอะไร แค่ติดปัญหาเล็กน้อย” หลิงตู้ฉิงเอ่ยเพียงเท่านี้ จากนั้นเขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม

จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นและพูดกับท้องฟ้า “ทำใจให้สบาย ข้าไม่ได้สนใจเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเลย ข้าแค่จะนำผลึกดวงใจสวรรค์นี้ไปให้กับลูกชายของข้าใช้ นอกจากนี้ข้ายังจะช่วยเจ้ากำจัดปัญหาใหญ่ด้วย ว่าแต่เจ้าอยากจะให้อะไรตอบแทนข้าบ้างไหม?”

“ท่านพ่อ ท่านกำลังพูดอยู่กับใครกัน?” หลิงเทียนหยุนถามขึ้นด้วยความสับสน เนื่องจากเขาเห็นปากของพ่อเขาขยับ แต่เขากลับไม่ได้ยินอะไรเลย

แต่แล้วจู่ ๆ คลื่นพลังวิญญาณที่อยู่บริเวณรอบ ๆ กลับควบแน่นกันโดยไม่มีสาเหตุ จากนั้นหลังจากเสียงดัง ตูม! ทั้งหลิงตู้ฉิงและหลิงเทียนหยุนก็ถูกผลักออกจากจุดที่พวกเขาอยู่และดิ่งลงสู่พื้นเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว

และเมื่อคู่พ่อลูกร่วงลงไปถึงพื้น หลิงเทียนหยุนก็แสดงอาการตกใจและงุนงงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ทางด้านของหลิงตู้ฉิงก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เขาลุกขึ้นและหยิบวัสดุล้ำค่าที่หล่นกระจัดกระจายอยู่รอบตัวเขา ซึ่งแน่นอนว่ามันรวมไปถึงผลึกประหลาดที่หลิงตู้ฉิงเรียกมันว่า ผลึกดวงใจสวรรค์

หลิงเทียนหยุน ขณะนี้เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสายตางุนงง จากนั้นก็หันหน้าไปทางหลิงตู้ฉิง “ท่านพ่อเราจะทำยังไงกับของพวกนี้ดี?”

หลิงตู้ฉิงยิ้ม “พ่อจะต้องสร้าง หม้อเอกภพ ก่อน ตราบใดที่เรามีหม้อเอกภพ เราก็จะหมดปัญหากับการเก็บของเหล่านี้หรือของอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย”

“แล้วเราจะสร้างหม้อเอกภพได้ยังไงล่ะท่านพ่อ?” หลิงเทียนหยุนถามขึ้น

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ด้วยผลึกสวรรค์โกลาหล และวัสดุอื่น ๆ ที่เราสามารถหาได้จากที่นี่แค่นี้พ่อก็สามารถสร้างหม้อเอกภพขึ้นได้แล้ว”

อย่างไรก็ตาม ยังมีสิ่งหนึ่งที่หลิงตู้ฉิงยังคงรู้สึกยุ่งยากใจอยู่ นั่นก็คือวิธีการจัดเก็บเพลิงแรกกำเนิด เนื่องจากด้วยความรุนแรงของเปลวเพลิงของมัน หากเขานำมันเก็บเข้าไปในหม้อเอกภพรวมกับของอื่น ๆ ของสิ่งอื่นที่สัมผัสกับมันจะถูกเผาไหม้เสียหายไปจนหมด ดังนั้นสิ่งสำคัญอันดับแรกของเขาในตอนนี้คือการจัดการกับเพลิงแรกกำเนิด

หลังจากคิดอยู่นาน หลิงตู้ฉิงก็นำเพลิงแรกกำเนิดที่เป็นตัวแทนของธาตุไฟหลอมรวมเข้ากับสมบัติแรกกำเนิดอีก 4 รายที่เป็นตัวแทนของธาตุอื่น ๆ จนกลายเป็น กงล้อเบญจธาตุ ซึ่งแน่นอนว่าสมบัติที่เขาเพิ่งสร้างขึ้นที่เขาตั้งชื่อว่า กงล้อเบญจธาตุ ชิ้นนี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะใช้ประโยชน์ของมันในตอนนี้ เขาเพียงแค่สร้างมันขึ้นมาเพื่อต้องการจัดเก็บเพลิงแรกกำเนิดเข้าไป เพื่อป้องกันไม่ให้เปลวเพลิงของมันไปสัมผัสกับของชิ้นอื่นก็เท่านั้น

เมื่อสร้างเสร็จ หลิงตู้ฉิงก็หยิบกงล้อเบญจธาตุ ผลึกสวรรค์โกลาหล และ เมล็ดพันธุ์ต้นไม้โลก รวมทั้งผลึกดวงใจสวรรค์ จากนั้นก็ออกตามหาวัสดุอื่น ๆ ในโลกขอบเขตนภาเพื่อสร้างหม้อเอกภพ ซึ่งพวกเขาก็ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะหาวัสดุทุกอย่างได้ครบ และจากนั้นพวกเขาก็เริ่มดำเนินการสร้างหม้อเอกภพ

เมื่อมองไปที่หม้อสามขาที่ดูผิดรูปตรงหน้าเขา หลิงเทียนหยุนพูดอย่างกังวล “ท่านพ่อ นี่ท่านใกล้เสร็จแล้วหรือยัง เวลาของพวกเรามันใกล้จะหมดแล้วนะ มันเหลืออีกไม่ถึง 200 วันเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับมันก็จะปิดแล้วนะท่านพ่อ!”

ถ้าหากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับปิดลงเมื่อไหร่ แล้วพวกเขาไม่ออกไปในตอนนั้นพวกเขาจะต้องเดือดร้อนหนัก

หลิงตู้ฉิงมองไปที่หม้อเอกภพที่ตั้งอยู่ตรงหน้าเขาแล้วถอนหายใจ “เฮ้อ นี่มันน่าจะเป็นผลงานที่แย่ที่สุดเท่าที่ข้าเคยสร้างมาตลอดชีวิต! แต่เอาเถอะ ตราบเท่าที่มันสามารถใส่สิ่งของได้ตอนนี้มันก็เป็นอันใช้ได้ ไว้กลับไปเมื่อไหร่ค่อยปรับแต่งมันใหม่อีกรอบก็แล้วกัน”

เมื่อพึมพำจบ หลิงตู้ฉิงก็เอากงล้อเบญจธาตุและเมล็ดพันธุ์ต้นไม้โลก รวมทั้ง ผลึกดวงใจสวรรค์ใส่เข้าไปในหม้อเอกภพ

“มันใหญ่แค่ไหนงั้นเหรอท่านพ่อ?” หลิงเทียนหยุนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย

ถึงแม้ว่าหากดูจากภายนอก หม้อเอกภพจะมีขนาดใหญ่ แต่อันที่จริงแล้วพื้นที่เก็บของด้านในมันมีขนาด 1 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้น

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ไม่ใหญ่มากนัก แต่ถ้าจากที่พ่อคำนวณมันก็ควรที่จะเก็บของที่เราต้องการได้น่าจะทั้งหมด”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็เก็บหม้อเอกภพเข้าไปในห้วงจิตสำนึก แม้ว่าเขาจะสร้างมันออกมาได้ไม่ดีนัก แต่เพราะมันทำมาจากวัสดุล้ำค่าระดับของมันจึงอยู่ในสมบัติระดับราชวงศ์ อย่างไรก็ตามความสามารถอันมหัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่ภายในนั้น ทำให้มันน่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์เสียอีก

หลังจากนั้น หลิงตู้ฉิงก็นำหลิงเทียนหยุนบินไปยังกำแพงโลกขอบเขตรวมแสงดารา และหลังจากที่พวกเขากลับเข้าไปที่โลกขอบเขตรวมแสงดารา พวกเขาก็มุ่งหน้าไปที่ดาวอเวจีเพื่อรับอี้ลั่วเอ๋อก่อนเป็นคนแรก

จากนั้นพวกเขาก็มุ่งหน้าไปกันที่ดาวจันทราต่อเพื่อตามหาเย่ชิงเฉิง หลังจากนั้นทั้งสี่ก็บินไปยังดาวอื่น ๆ อีก 2-3 ดวงเพื่อหาวัสดุอีกหลายรายการ ซึ่งหลิงตู้ฉิงก็ได้นำพวกมันเก็บลงไปในหม้อเอกภพจนหมด

เมื่อเห็นว่าเวลาสั้นลงเรื่อย ๆ หลิงตู้ฉิงก็เปลี่ยนแผนการจากในตอนแรกที่เขามุ่งหาแต่ของที่เขาต้องการ กลายเป็นการหาสิ่งของที่หายากบนโลกข้างนอกแทน

หลังจากนั้น เขานำเย่ชิงเฉิงและอี้ลั่วเอ๋อไปที่กำแพงโลกขอบเขตประสานทะเลปราณ และพูดกับเย่ชิงเฉิงและอี้ลั่วเอ๋อว่า “พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าไป แค่รอพวกเราที่ทางเข้านี้ก็พอ เมื่อข้าพบกับคนอื่น ๆ ที่เหลือแล้วข้าจะพาพวกเขามาที่นี่และในเวลานั้นเราจะออกไปด้วยกัน แต่ถ้าหากพวกเจ้าเจออันตรายจริง ๆ พวกเจ้าก็สามารถออกไปก่อนได้เช่นกัน จำไว้ว่าก่อนออกไป ชิงเฉิง เจ้าต้องเปิดใช้งานวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งและลบกลิ่นอายบนร่างกายของเจ้า และจากนั้นหลังจากที่เข้าสู่ค่ายกลกระบี่เหินเมฆาเจ้าค่อยกลับขนาดร่างกายให้เหลือเท่าเดิม”

เย่ชิงเฉิงและอี้ลั่วเอ๋อพยักหน้าซ้ำ ๆ แสดงว่าพวกนางเข้าใจ

หลังจากนั้น หลิงตู้ฉิงก็พาหลิงเทียนหยุนกลับไปที่โลกขอบเขตประสานทะเลปราณ

เขาไปที่หุบเขาหยินเป็นที่แรก แต่เมื่อไปถึงแล้วเขากลับไม่พบกับมี่ไลและคนอื่น ๆ จากนั้นเขาก็ไปที่ทะเลสาบเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทันที

ซี่งที่นี่ก็ไม่มีใครอยู่เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจไปที่ป่ากระบี่แทน

และเมื่อไปถึงป่ากระบี่ ในที่สุดพวกเขาก็เจอ มี่ไล หลิวเฟ่ยเฟ่ย และ เสี่ยวหลิงเฟิง ยืนรอกันอยู่ที่นอกป่ากระบี่ ซึ่งในป่ากระบี่ก็มี ตงฟางจุน ที่กำลังอยู่ในระหว่างการทำความเข้าใจกับปราณกระบี่ที่อยู่ด้านใน

เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงและหลิงเทียนหยุนกลับมาแล้ว มี่ไลและคนอื่น ๆ ก็ถามอย่างมีความสุขว่า “สามี เป็นยังไงบ้าง? ท่านได้รับอะไรดี ๆ มาบ้างไหม?”

“เรื่องนั้นไว้เราค่อยคุยกันหลังจากเราออกไปจากที่นี่” จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็ตะโกนไปยังด้านในป่ากระบี่ “ไอ้หนู! เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับจะปิดในอีกไม่ถึง 10 วัน เจ้าจะอยู่ในนั้นอีกนานแค่ไหน?”

เมื่อตงฟางจุนได้ยินเสียง เขาก็รีบออกจากป่ากระบี่และถามว่า “เหลืออีกไม่ถึง 10 วันเองงั้นเหรอ?”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “ข้ามีเรื่องที่จะพูดกับเจ้า จงตามข้ามาก่อน!”

หลังจากนั้น หลิงตู้ฉิงก็พาทุกคนไปยังจุดที่อยู่สูงที่สุดของโลกขอบเขตประสานทะเลปราณทันที

“ทำลายมันอีกรอบ เราต้องไปรวมกลุ่มกับคนของที่อยู่ในโลกขอบเขตรวมแสงดารา” หลิงตู้ฉิงสั่งขึ้น

ตงฟางจุนพยักหน้ารับทราบทันที และจากนั้นเขาก็ตวัดกระบี่ขึ้นไปยังท้องฟ้าส่งผลให้กำแพงแบ่งโลกถูกฉีกออกเหมือนเช่นครั้งที่แล้ว ซึ่งหลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงก็สั่งให้ทุกคนเข้าไปในโลกขอบเขตรวมแสงดาราทันที

“เอาล่ะเจ้าหนู ข้าจะถ่ายทอดเพลงกระบี่เผาผลาญให้ แล้วจากนั้นเจ้าก็จงออกไปซะ และถ้าโชคชะตาเป็นใจ เราจะได้พบกันใหม่ในอนาคต!” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้น

“ขอบคุณผู้อาวุโส!” หลังจากที่เขาได้รับการถ่ายทอดเพลงกระบี่เผาผลาญ ตงฟางจุนก็โค้งคำนับแสดงความขอบคุณต่อหลิงตู้ฉิง และจากนั้นเขาก็ทำลายอักขระในห้วงจิตสำนึกและออกจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับทันที

ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เมื่อเขาเห็นว่าตงฟางจุนออกไปแล้ว เขาก็พูดกับคนอื่น ๆ “หลิงเฟิง เจ้าไปก่อน ลั่วเอ๋อ เหมือนกับที่เราเข้ามาเราจะออกไปด้วยกัน ไปกันเถอะ!”

เมื่อพูดจบ ร่างของทุกคนก็เล็กลงและหรี่ลง และหายไปจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 413 ออกจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 413 ออกจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิงเทียนหยุนมองดูผลึกที่ส่องแสงบนร่างพ่อของเขาด้วยสีหน้างุนงง เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่าหลังจากที่ผลึกนี้ส่องสว่าง ทุกสิ่งทุกอย่างมันดูกลายเป็นหยุดนิ่งแข็งค้างไปหมด แม้แต่ตัวเขาเองหรือร่างเงาของเขาก็ไม่สามารถขยับอะไรได้เลยและรวมไปถึงเมื่อเขาเองมองไปที่พ่อของเขา หลิงตู้ฉิงเองก็มีอาการแข็งค้างหยุดนิ่งเช่นกัน

ภาพที่เขาเห็นทุกอย่างในตอนนี้มันดูเหมือนว่าทุกอย่างรอบตัวเขาถูกหยุดเวลาไว้อยู่กับที่

“ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้นกับท่าน?” หลิงเทียนหยุนถามอย่างกังวล

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะถามออกไปหลิงตู้ฉิงก็ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ตอบโต้กลับ

“ท่านพ่อตื่นเร็วเข้า ท่านเป็นอะไรไปท่านพ่อ?” หลิงเทียนหยุนเริ่มกังวล

แต่แล้วในขณะที่หลิงเทียนหยุนกำลังสิ้นหวังและไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าการที่เขาเข้ามาที่นี่ได้อย่างง่ายดายมันเป็นเพราะแผนการของบุคคลที่สามที่ต้องการให้พ่อของเขาได้มาเจอกับผู้สร้างเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ แสงที่ส่องสว่างออกมาจากผลึกนั้นก็ค่อย ๆ มอดดับไป จากนั้นในที่สุดดวงตาของหลิงตู้ฉิงที่เคยแข็งค้างอยู่ก็ขยับได้

ในขณะเดียวกันหลิงเทียนหยุนก็ตระหนักว่าร่างเงาของเขาก็สามารถเคลื่อนไหวได้แล้วเช่นกัน

“ท่านพ่อ…” หลิงเทียนหยุนเอ่ยปากอย่างรีบร้อน

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “พ่อสบายดี”

“ท่านไม่เป็นอะไรจริง ๆ เหรอ? ว่าแต่เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?” หลิงเทียนหยุนถาม

“ไม่มีอะไร แค่ติดปัญหาเล็กน้อย” หลิงตู้ฉิงเอ่ยเพียงเท่านี้ จากนั้นเขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม

จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นและพูดกับท้องฟ้า “ทำใจให้สบาย ข้าไม่ได้สนใจเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเลย ข้าแค่จะนำผลึกดวงใจสวรรค์นี้ไปให้กับลูกชายของข้าใช้ นอกจากนี้ข้ายังจะช่วยเจ้ากำจัดปัญหาใหญ่ด้วย ว่าแต่เจ้าอยากจะให้อะไรตอบแทนข้าบ้างไหม?”

“ท่านพ่อ ท่านกำลังพูดอยู่กับใครกัน?” หลิงเทียนหยุนถามขึ้นด้วยความสับสน เนื่องจากเขาเห็นปากของพ่อเขาขยับ แต่เขากลับไม่ได้ยินอะไรเลย

แต่แล้วจู่ ๆ คลื่นพลังวิญญาณที่อยู่บริเวณรอบ ๆ กลับควบแน่นกันโดยไม่มีสาเหตุ จากนั้นหลังจากเสียงดัง ตูม! ทั้งหลิงตู้ฉิงและหลิงเทียนหยุนก็ถูกผลักออกจากจุดที่พวกเขาอยู่และดิ่งลงสู่พื้นเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว

และเมื่อคู่พ่อลูกร่วงลงไปถึงพื้น หลิงเทียนหยุนก็แสดงอาการตกใจและงุนงงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ทางด้านของหลิงตู้ฉิงก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เขาลุกขึ้นและหยิบวัสดุล้ำค่าที่หล่นกระจัดกระจายอยู่รอบตัวเขา ซึ่งแน่นอนว่ามันรวมไปถึงผลึกประหลาดที่หลิงตู้ฉิงเรียกมันว่า ผลึกดวงใจสวรรค์

หลิงเทียนหยุน ขณะนี้เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสายตางุนงง จากนั้นก็หันหน้าไปทางหลิงตู้ฉิง “ท่านพ่อเราจะทำยังไงกับของพวกนี้ดี?”

หลิงตู้ฉิงยิ้ม “พ่อจะต้องสร้าง หม้อเอกภพ ก่อน ตราบใดที่เรามีหม้อเอกภพ เราก็จะหมดปัญหากับการเก็บของเหล่านี้หรือของอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย”

“แล้วเราจะสร้างหม้อเอกภพได้ยังไงล่ะท่านพ่อ?” หลิงเทียนหยุนถามขึ้น

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ด้วยผลึกสวรรค์โกลาหล และวัสดุอื่น ๆ ที่เราสามารถหาได้จากที่นี่แค่นี้พ่อก็สามารถสร้างหม้อเอกภพขึ้นได้แล้ว”

อย่างไรก็ตาม ยังมีสิ่งหนึ่งที่หลิงตู้ฉิงยังคงรู้สึกยุ่งยากใจอยู่ นั่นก็คือวิธีการจัดเก็บเพลิงแรกกำเนิด เนื่องจากด้วยความรุนแรงของเปลวเพลิงของมัน หากเขานำมันเก็บเข้าไปในหม้อเอกภพรวมกับของอื่น ๆ ของสิ่งอื่นที่สัมผัสกับมันจะถูกเผาไหม้เสียหายไปจนหมด ดังนั้นสิ่งสำคัญอันดับแรกของเขาในตอนนี้คือการจัดการกับเพลิงแรกกำเนิด

หลังจากคิดอยู่นาน หลิงตู้ฉิงก็นำเพลิงแรกกำเนิดที่เป็นตัวแทนของธาตุไฟหลอมรวมเข้ากับสมบัติแรกกำเนิดอีก 4 รายที่เป็นตัวแทนของธาตุอื่น ๆ จนกลายเป็น กงล้อเบญจธาตุ ซึ่งแน่นอนว่าสมบัติที่เขาเพิ่งสร้างขึ้นที่เขาตั้งชื่อว่า กงล้อเบญจธาตุ ชิ้นนี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะใช้ประโยชน์ของมันในตอนนี้ เขาเพียงแค่สร้างมันขึ้นมาเพื่อต้องการจัดเก็บเพลิงแรกกำเนิดเข้าไป เพื่อป้องกันไม่ให้เปลวเพลิงของมันไปสัมผัสกับของชิ้นอื่นก็เท่านั้น

เมื่อสร้างเสร็จ หลิงตู้ฉิงก็หยิบกงล้อเบญจธาตุ ผลึกสวรรค์โกลาหล และ เมล็ดพันธุ์ต้นไม้โลก รวมทั้งผลึกดวงใจสวรรค์ จากนั้นก็ออกตามหาวัสดุอื่น ๆ ในโลกขอบเขตนภาเพื่อสร้างหม้อเอกภพ ซึ่งพวกเขาก็ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะหาวัสดุทุกอย่างได้ครบ และจากนั้นพวกเขาก็เริ่มดำเนินการสร้างหม้อเอกภพ

เมื่อมองไปที่หม้อสามขาที่ดูผิดรูปตรงหน้าเขา หลิงเทียนหยุนพูดอย่างกังวล “ท่านพ่อ นี่ท่านใกล้เสร็จแล้วหรือยัง เวลาของพวกเรามันใกล้จะหมดแล้วนะ มันเหลืออีกไม่ถึง 200 วันเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับมันก็จะปิดแล้วนะท่านพ่อ!”

ถ้าหากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับปิดลงเมื่อไหร่ แล้วพวกเขาไม่ออกไปในตอนนั้นพวกเขาจะต้องเดือดร้อนหนัก

หลิงตู้ฉิงมองไปที่หม้อเอกภพที่ตั้งอยู่ตรงหน้าเขาแล้วถอนหายใจ “เฮ้อ นี่มันน่าจะเป็นผลงานที่แย่ที่สุดเท่าที่ข้าเคยสร้างมาตลอดชีวิต! แต่เอาเถอะ ตราบเท่าที่มันสามารถใส่สิ่งของได้ตอนนี้มันก็เป็นอันใช้ได้ ไว้กลับไปเมื่อไหร่ค่อยปรับแต่งมันใหม่อีกรอบก็แล้วกัน”

เมื่อพึมพำจบ หลิงตู้ฉิงก็เอากงล้อเบญจธาตุและเมล็ดพันธุ์ต้นไม้โลก รวมทั้ง ผลึกดวงใจสวรรค์ใส่เข้าไปในหม้อเอกภพ

“มันใหญ่แค่ไหนงั้นเหรอท่านพ่อ?” หลิงเทียนหยุนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย

ถึงแม้ว่าหากดูจากภายนอก หม้อเอกภพจะมีขนาดใหญ่ แต่อันที่จริงแล้วพื้นที่เก็บของด้านในมันมีขนาด 1 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้น

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ไม่ใหญ่มากนัก แต่ถ้าจากที่พ่อคำนวณมันก็ควรที่จะเก็บของที่เราต้องการได้น่าจะทั้งหมด”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็เก็บหม้อเอกภพเข้าไปในห้วงจิตสำนึก แม้ว่าเขาจะสร้างมันออกมาได้ไม่ดีนัก แต่เพราะมันทำมาจากวัสดุล้ำค่าระดับของมันจึงอยู่ในสมบัติระดับราชวงศ์ อย่างไรก็ตามความสามารถอันมหัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่ภายในนั้น ทำให้มันน่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์เสียอีก

หลังจากนั้น หลิงตู้ฉิงก็นำหลิงเทียนหยุนบินไปยังกำแพงโลกขอบเขตรวมแสงดารา และหลังจากที่พวกเขากลับเข้าไปที่โลกขอบเขตรวมแสงดารา พวกเขาก็มุ่งหน้าไปที่ดาวอเวจีเพื่อรับอี้ลั่วเอ๋อก่อนเป็นคนแรก

จากนั้นพวกเขาก็มุ่งหน้าไปกันที่ดาวจันทราต่อเพื่อตามหาเย่ชิงเฉิง หลังจากนั้นทั้งสี่ก็บินไปยังดาวอื่น ๆ อีก 2-3 ดวงเพื่อหาวัสดุอีกหลายรายการ ซึ่งหลิงตู้ฉิงก็ได้นำพวกมันเก็บลงไปในหม้อเอกภพจนหมด

เมื่อเห็นว่าเวลาสั้นลงเรื่อย ๆ หลิงตู้ฉิงก็เปลี่ยนแผนการจากในตอนแรกที่เขามุ่งหาแต่ของที่เขาต้องการ กลายเป็นการหาสิ่งของที่หายากบนโลกข้างนอกแทน

หลังจากนั้น เขานำเย่ชิงเฉิงและอี้ลั่วเอ๋อไปที่กำแพงโลกขอบเขตประสานทะเลปราณ และพูดกับเย่ชิงเฉิงและอี้ลั่วเอ๋อว่า “พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าไป แค่รอพวกเราที่ทางเข้านี้ก็พอ เมื่อข้าพบกับคนอื่น ๆ ที่เหลือแล้วข้าจะพาพวกเขามาที่นี่และในเวลานั้นเราจะออกไปด้วยกัน แต่ถ้าหากพวกเจ้าเจออันตรายจริง ๆ พวกเจ้าก็สามารถออกไปก่อนได้เช่นกัน จำไว้ว่าก่อนออกไป ชิงเฉิง เจ้าต้องเปิดใช้งานวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งและลบกลิ่นอายบนร่างกายของเจ้า และจากนั้นหลังจากที่เข้าสู่ค่ายกลกระบี่เหินเมฆาเจ้าค่อยกลับขนาดร่างกายให้เหลือเท่าเดิม”

เย่ชิงเฉิงและอี้ลั่วเอ๋อพยักหน้าซ้ำ ๆ แสดงว่าพวกนางเข้าใจ

หลังจากนั้น หลิงตู้ฉิงก็พาหลิงเทียนหยุนกลับไปที่โลกขอบเขตประสานทะเลปราณ

เขาไปที่หุบเขาหยินเป็นที่แรก แต่เมื่อไปถึงแล้วเขากลับไม่พบกับมี่ไลและคนอื่น ๆ จากนั้นเขาก็ไปที่ทะเลสาบเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทันที

ซี่งที่นี่ก็ไม่มีใครอยู่เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจไปที่ป่ากระบี่แทน

และเมื่อไปถึงป่ากระบี่ ในที่สุดพวกเขาก็เจอ มี่ไล หลิวเฟ่ยเฟ่ย และ เสี่ยวหลิงเฟิง ยืนรอกันอยู่ที่นอกป่ากระบี่ ซึ่งในป่ากระบี่ก็มี ตงฟางจุน ที่กำลังอยู่ในระหว่างการทำความเข้าใจกับปราณกระบี่ที่อยู่ด้านใน

เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงและหลิงเทียนหยุนกลับมาแล้ว มี่ไลและคนอื่น ๆ ก็ถามอย่างมีความสุขว่า “สามี เป็นยังไงบ้าง? ท่านได้รับอะไรดี ๆ มาบ้างไหม?”

“เรื่องนั้นไว้เราค่อยคุยกันหลังจากเราออกไปจากที่นี่” จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็ตะโกนไปยังด้านในป่ากระบี่ “ไอ้หนู! เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับจะปิดในอีกไม่ถึง 10 วัน เจ้าจะอยู่ในนั้นอีกนานแค่ไหน?”

เมื่อตงฟางจุนได้ยินเสียง เขาก็รีบออกจากป่ากระบี่และถามว่า “เหลืออีกไม่ถึง 10 วันเองงั้นเหรอ?”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “ข้ามีเรื่องที่จะพูดกับเจ้า จงตามข้ามาก่อน!”

หลังจากนั้น หลิงตู้ฉิงก็พาทุกคนไปยังจุดที่อยู่สูงที่สุดของโลกขอบเขตประสานทะเลปราณทันที

“ทำลายมันอีกรอบ เราต้องไปรวมกลุ่มกับคนของที่อยู่ในโลกขอบเขตรวมแสงดารา” หลิงตู้ฉิงสั่งขึ้น

ตงฟางจุนพยักหน้ารับทราบทันที และจากนั้นเขาก็ตวัดกระบี่ขึ้นไปยังท้องฟ้าส่งผลให้กำแพงแบ่งโลกถูกฉีกออกเหมือนเช่นครั้งที่แล้ว ซึ่งหลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงก็สั่งให้ทุกคนเข้าไปในโลกขอบเขตรวมแสงดาราทันที

“เอาล่ะเจ้าหนู ข้าจะถ่ายทอดเพลงกระบี่เผาผลาญให้ แล้วจากนั้นเจ้าก็จงออกไปซะ และถ้าโชคชะตาเป็นใจ เราจะได้พบกันใหม่ในอนาคต!” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้น

“ขอบคุณผู้อาวุโส!” หลังจากที่เขาได้รับการถ่ายทอดเพลงกระบี่เผาผลาญ ตงฟางจุนก็โค้งคำนับแสดงความขอบคุณต่อหลิงตู้ฉิง และจากนั้นเขาก็ทำลายอักขระในห้วงจิตสำนึกและออกจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับทันที

ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เมื่อเขาเห็นว่าตงฟางจุนออกไปแล้ว เขาก็พูดกับคนอื่น ๆ “หลิงเฟิง เจ้าไปก่อน ลั่วเอ๋อ เหมือนกับที่เราเข้ามาเราจะออกไปด้วยกัน ไปกันเถอะ!”

เมื่อพูดจบ ร่างของทุกคนก็เล็กลงและหรี่ลง และหายไปจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+