พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 429 สมบัติแห่งทะเลชางหมาง

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 429 สมบัติแห่งทะเลชางหมาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 429 สมบัติแห่งทะเลชางหมาง

เมื่อลูบไล้มันจนพอใจ หลิงว่านจุนจึงเก็บธงรบโลหิตจักรพรรดิไว้ในแหวนมิติของเขา และคุยกับหลิงตู้ฉิงต่ออีกสักพัก จากนั้นเขาจึงกลับไปที่เรือนของตัวเองเพื่อศึกษาธงรบโลหิตจักรพรรดิต่อ

เมื่อหลิงว่านจุนจากไป หลังจากนั้นไม่นานหลิงยู่ชานก็เข้ามาพร้อมกับหมิงจู้ภรรยาของเขาเพื่อแสดงความเคารพต่อหลิงตู้ฉิง

แม้ว่าทั้งคู่จะแต่งงานกันมาหลายสิบปีแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่มีบุตรเลยสักคน

หลิงตู้ฉิงมองประเมินหลิงยู่ชานสักพัก ก่อนที่จะยิ้มด้วยความพึงพอใจและพูดว่า “อืม ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นลูกผู้ชายเต็มตัวแล้วสินะ”

หลิงยู่ชานยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนและพูดว่า “ท่านพ่อ ข้าเป็นลูกผู้ชายเต็มตัวมาตั้งนานแล้ว!”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “อืม ก่อนหน้านี้พ่อก็กังวลอยู่ว่าเจ้าจะเร่งรีบเกินไปและมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มระดับการบ่มเพาะแทนที่จะตั้งใจฝึกฝนเจตจำนงแห่งหมัด แต่เมื่อดูจากเจ้าตอนนี้แล้วุพ่อพอใจกับเจ้ามากจริง ๆ”

หลังจากผ่านไปหลายสิบปีระดับการบ่มเพาะของหลิงยู่ชาน ในตอนนี้ยังอยู่ที่ขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 9 ซึ่งมันทำให้เขาเป็นคนที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำที่สุดในตระกูลหลิง แต่หลิงตู้ฉิงค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์ที่เขาเห็นตอนนี้มาก

“พลังสายเลือดของเจ้าแข็งแกร่งขึ้นมากแล้วในตอนนี้” หลิงตู้ฉิงพูดต่อ “เส้นทางของเจ้าไม่ควรมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มระดับการบ่มเพาะมากเกินไป เมื่อเจตจำนงและแก่นแท้หมัดของเจ้าได้บรรลุไปจนถึงระดับหนึ่งแล้วระดับการบ่มเพาะของเจ้าจะเพิ่มขึ้นตามมาเอง เอาล่ะดูเหมือนว่าตอนนี้เจ้าได้พบกับเส้นทางของตัวเองแล้ว พ่อมั่นใจว่าเจ้าคงเข้าใจดีว่าในอนาคตเจ้าต้องทำยังไงต่อ”

หลิงยู่ชานพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านพ่อก็พูดชมข้าเกินไป ข้าเชื่อว่าในอนาคตข้าเองก็ยังคงจะต้องมีข้อสงสัยบางอย่างอยู่ ดังนั้นไม่ว่าจะยังไงข้าก็ยังคงอยากจะให้ท่านพ่อดูแลข้าในอนาคตต่อไปอีก”

“ฮ่า พ่อต้องดูแลเจ้าแน่นอนอยู่แล้ว เจ้าเป็นลูกชายคนโตที่แสนดีของพ่อเชียวนะ!” หลิงตู้ฉิงพูดอย่างมีความสุข “หมิงจู้ เจ้าเองก็ไม่เลวเช่นกัน ระดับการบ่มเพาะของเจ้าตอนนี้ได้ไปถึงขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 12 แล้ว แต่ว่าดวงจิตที่แท้จริงของเจ้ายังอ่อนแออยู่ ข้าจะให้ผลึกวิญญาณ 2 อันกับเจ้าเพื่อให้เจ้าใช้พวกมันในการเสริมคามแข็งแกร่งให้กับดวงจิตของเจ้า:

“นอกจากนี้เดี๋ยวเมื่อข้าว่างเมื่อไหร่ข้าจะสร้างอาวุธวิเศษใหม่ให้สำหรับเจ้า นอกเหนือจากนั้นข้าจะถ่ายทอดทักษะการเคลื่อนไหว ‘ร่างเงาสัตตะเมฆา’ ให้และเมื่อเจ้าใช้มันร่วมกับเพลงกระบี่ดรุณีจันทราของเจ้า อำนาจการทำลายล้างมันจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หมิงจู้จึงรีบพูดทันที “ขอบคุณ ท่านพ่อ!”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเขาก็มองไปที่หลิงยู่ชานอีกรอบและพูดว่า “ด้วยเหตุผลบางอย่าง ซึ่งมันทำให้พ่อไม่สามารถหาของที่เหมาะกับเจ้าจากในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้ แต่ว่าเจ้าไม่ต้องกังวลไปเพราะว่าอันที่จริงแล้ว สิ่งของที่เหมาะกับเจ้ามากที่สุดนั้นสามารถพบได้ในโลกภายนอก เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเมื่อไหร่พ่อจะช่วยเจ้าหามันมาให้เอง”

“ขอบคุณ ท่านพ่อ” หลิงยู่ชานหัวเราะ

“เอาล่ะ พวกเจ้ากลับมาหลังสุดและยังไม่ได้ไปทักทายกับคนอื่น ๆ เลย พวกเจ้าจงไปพบกับพวกเขาก่อน แล้วเมื่อพ่อมีเวลาว่างเมื่อไหร่พ่อจะชี้แนะอะไรบางอย่างให้พวกเจ้าเพิ่มเติมก็แล้วกัน” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ

หลิงยู่ชานและหมิงจู้พยักหน้า จากนั้นพวกเขาก็พากันไปแสดงความเคารพต่อเย่ชิงเฉิง แน่นอนว่าหลังจากได้พบกับเย่ชิงเฉิงแล้วพวกเขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะพบกับหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ได้ แม้ว่าหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์จะเป็นเพียงภาพร่างของเศษเสี้ยวเจตจำนงที่หลงเหลืออยู่ แต่หลิงตู้ฉิงก็ปฏิบัติต่อนางในฐานะสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวของเขา ซึ่งมันทำให้นางรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม นางเองที่มีข้อจำกัดคือสามารถอยู่บนยันต์สั่งสวรรค์ได้เพียงเท่านั้นแม้ว่านางจะมีความสุข แต่นางก็ทำอะไรไม่ได้มาก

ครึ่งเดือนต่อมา ทุกคนต่างก็มารวมตัวกันที่คฤหาสน์สราญรมย์เพื่อเข้าฟังการบรรยายโดยหลิงตู้ฉิง

ในลาน หลิงฉุยฟงได้นำเหล่าทหารของเขากว่า 750 คนยืนตั้งแถวนิ่งอย่างเป็นระเบียบ

แน่นอนว่ากองทัพนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกซะจาก กองทัพลับไร้นามของหลิงตู้ฉิง ซึ่งหลังจากเวลาผ่านไปกว่า 50 ปีระดับการบ่มเพาะส่วนใหญ่ของพวกเขาได้มาถึงขอบเขตนภาแล้ว มีเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในขอบเขตรวมแสงดารา

นอกจากนี้ หลิงว่านจุนยังนำเหล่าทหารของเขากว่า 190 นายมาตั้งแถวยืนรอฟังการบรรยายอยู่ข้าง ๆ ทัพของหลิงฉุยฟงเช่นกัน ซึ่งทั้งสองกองทัพต่างยืนนิ่งตัวตรงไม่ไหวติงราวกับว่าพวกเขากำลังแข่งขันว่าใครจะเป็นทหารชั้นยอดเหนือกว่ากัน

หลังจากนั้นไม่นาน คนกลุ่มใหญ่อีกกลุ่มหนึ่งก็ได้มาถึง ซึ่งคนกลุ่มนี้ก็คือเหล่านักศึกษาของศาลาศักดิ์สิทธิ์

ในบรรดานักศึกษาทั้งหมดผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะสูงสุดก็คือเกาหยู หลังจากที่เกาหยูได้ฝึกฝนวิชาปีศาจศักดิ์สิทธิ์กลืนกินมานานกว่า 50 ปี ระดับการบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ก็ได้มาถึงขอบเขตนภาระดับ 5 แล้ว ซึ่งความเร็วในการเพิ่มระดับการบ่มเพาะถึงขนาดนี้นับได้ว่าน่าตกตะลึงต่อผู้คนเป็นอย่างมาก

และนอกเหนือจากความก้าวหน้าด้านระดับการบ่มเพาะที่น่าตกตะลึงแล้ว ชื่อเสียงด้านความโหดเหี้ยมของเขาก็น่าตกตะลึงต่อผู้คนไม่แพ้กัน และมันก็ได้ขจรขจายออกไปจนทั่วทั้งทะเลชางหมาง

เมื่อเห็นรัศมีพลังปีศาจของเขาที่แผ่ออกมาอยู่รอบกาย มันจึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขา

นอกจากเกาหยูที่คุ้นหน้าแล้ว ยังมีจิ๋นชาน เหวินเต๋า เจียงซิงเฉิง หลูหลิง และคนอื่น ๆ ที่เป็นนักศึกษาชุดแรก ซึ่งในตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของพวกเขาต่างอยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราระดับสูงเรียบร้อย

จากนั้นถัดมาก็มีคนของหลิงเจิ้งสง รวมไปถึงคนจากตระกูลมี่และตระกูลจ้าว ที่แต่ละตระกูลก็ได้รับที่นั่งมานิด ๆ หน่อย ๆ ก็ได้มาถึงแล้วเช่นกัน

ซึ่งหนึ่งในกลุ่มคนของตระกูลมี่ มี่ตั้วตั้วก็ได้พาอสูรทมิฬโม่จู่มาที่คฤหาสน์สราญรมย์ด้วยเช่นกัน

นอกจากคนเหล่านี้แล้วยังมีข้าราชบริพารและแม่ทัพที่ไว้ใจได้บางคนที่อยู่ในราชสำนักอีก 2-3 ที่นั่ง ซึ่งพวกเขาได้มาจากการอ้อนวอนหลิงยี่เทียนอยู่นานสองนาน

หลังจากที่ทุกคนมาถึงคฤหาสน์สราญรมย์แล้ว หลิงตู้ฉิงก็เริ่มบรรยายทันที

สิ่งแรกที่เขาบรรยายคือขั้นตอนการบ่มเพาะในขอบเขตประสานทะเลปราณ

คราวนี้เขาอธิบายอย่างละเอียดมากขึ้น ไม่เพียงแต่อธิบายวิธีการฝึกฝนเท่านั้น เขายังพูดถึงปัญหาต่าง ๆ ที่จะต้องเจอด้วย

ทุกคนฟังอย่างเพลิดเพลินแม้ว่าหลาย ๆ คนจะไม่ได้อยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณอีกต่อไป แต่พวกเขาก็สามารถถ่ายทอดความรู้นี้ให้กับเหล่าบุตรหลานขอฃพวกเขาได้

หลิงตู้ฉิงใช้เวลา 3 วันเต็มในการบรรยายเรื่องของขอบเขตประสานทะเลปราณ

จากนั้นหัวข้อต่อไปของการบรรยายก็คือหัวข้อเกี่ยวกับการบ่มเพาะในขอบเขตรวมแสงดารา…

ในระหว่างขั้นตอนการอธิบายของหลิงตู้ฉิง ความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ต่าง ๆ ของผู้คนที่เข้ามารับฟังการอธิบายก็ส่งผลต่อเต๋าอารมณ์ของหลิงตู้ฉิงอย่างรุนแรง ส่งผลให้ท้องฟ้าเหนือคฤหาสน์สราญรมย์เริ่มมีพลังวิญญาณจำนวนมหาศาลรวมตัวกันขึ้น และจากนั้นพลังวิญญาณเหล่านั้นก็ได้หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของหลิงตู้ฉิง

ซึ่งผู้คนที่อยู่ในคฤหาสน์นั้นไม่ได้ถูกรบกวนสมาธิจากความผันผวนของพลังวิญญาณที่เกิดขึ้นนี้เลยแม้แต่น้อย เนื่องจากหลิงตู้ฉิงได้ทำการปิดกั้นความผันผวนนี้ไม่ให้ผู้คนในคฤหาสน์สัมผัสถึง

ในขณะที่หลิงตู้ฉิงกำลังยุ่งอยู่กับการบรรยายต่อฝูงชน ทางด้านของอาณาจักรหลงซานก็ได้ส่งกองทัพจำนวนมหาศาลออกเดินทางออกจากอาณาจักรหลงซานของเขาแล้วเช่นกัน

ซึ่งการส่งกองทัพออกมาครั้งนี้ อาณาจักรหลงซานก็ได้รับการสนับสนุนจากอาณาจักรมังกรทะยานอย่างเต็มที่ เนื่องจากเป้าหมายของพวกเขานั้นเกื้อหนุนกัน ซึ่งเป้าหมายของพวกเขาก็คืออาณาจักรหลงซานต้องการยึดครองทะเลชางหมางส่วนอาณาจักรมังกรทะยานต้องการตามหาความลับที่มีอยู่ในทะเลชางหมางและครอบครองมัน

ซึ่งอันที่จริงความลับในทะเลชางหมางที่พวกเขากำลังตามหาและต้องการครอบครองในตอนนี้ มันกลับเกิดขึ้นมาจากความเข้าใจผิดที่หยูเฉิงฮุยได้มาเห็นประตูมิติของหลิงฟ่างหัว ซึ่งพวกเขาต่างคิดกันไปเองว่ามันจะต้องเป็นหนึ่งในสมบัติลับที่ซ่อนอยู่ในทะเลชางหมาง แล้วยิ่งรวมไปถึงเหรียญตราผนึกสวรรค์ของเหลียงเฟ่ยเอ๋อ ที่ดันมีความสามารถในการผนึกระดับการบ่มเพาะของพวกเขา ซึ่งความสามารถเช่นนี้มันคล้ายคลึงกับความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทะเลชางหมาง ซึ่งนั่นก็คือการที่ทะเลชางหมางห้ามไม่ให้ผู้คนที่อยู่ในระดับที่สูงกว่าขอบเขตสวรรค์สามัญล่วงล้ำเข้ามาได้

เอาแค่เพียงเพราะสมบัติทั้งสองนี้จักรพรรดิของอาณาจักรมังกรทะยานก็แทบจะนั่งไม่ติด ต้องการที่จะกำจัดอาณาจักรจันทราออกไปให้พ้นทางโดยไวที่สุด

ดังนั้นหลังจากอาณาจักรมังกรทะยานได้ทราบข่าวของสมบัติทั้งสองชิ้นนี้ที่ปรากฎขึ้นในทะเลชางหมาง พวกเขาจึงส่งผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญกว่า 200 คน เข้าสู่ทะเลชางหมางเพื่อสมทบกับอาณาจักรหลงซานทันที

อันที่จริงถ้าไม่เป็นเพราะทะเลชางหมางจำกัดระดับการบ่มเพาะเอาไว้ที่ระดับสวรรค์สามัญแล้วล่ะก็ พวกเขาคงส่งผู้เชี่ยวชาญที่ระดับสูงกว่านี้บุกเข้ามาแล้ว

ดังนั้นในตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญที่พวกเขามีรวมกันในตอนนี้ทั้งของอาณาจักรหลงซานและอาณาจักรมังกรทะยานก็มีจำนวนรวมกันได้มากกว่า 300 คน และด้วยภายใต้การนำของแม่ทัพใหญ่แห่งอาณาจักรหลงซาน เหยียนฮ่าวหัว และกองทัพที่แข็งแกร่งอีกนับล้านของอาณาจักรหลงซาน พวกเขาจึงได้เริ่มออกเดินทางไปยังอาณาจักรจันทรา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 429 สมบัติแห่งทะเลชางหมาง

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 429 สมบัติแห่งทะเลชางหมาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 429 สมบัติแห่งทะเลชางหมาง

เมื่อลูบไล้มันจนพอใจ หลิงว่านจุนจึงเก็บธงรบโลหิตจักรพรรดิไว้ในแหวนมิติของเขา และคุยกับหลิงตู้ฉิงต่ออีกสักพัก จากนั้นเขาจึงกลับไปที่เรือนของตัวเองเพื่อศึกษาธงรบโลหิตจักรพรรดิต่อ

เมื่อหลิงว่านจุนจากไป หลังจากนั้นไม่นานหลิงยู่ชานก็เข้ามาพร้อมกับหมิงจู้ภรรยาของเขาเพื่อแสดงความเคารพต่อหลิงตู้ฉิง

แม้ว่าทั้งคู่จะแต่งงานกันมาหลายสิบปีแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่มีบุตรเลยสักคน

หลิงตู้ฉิงมองประเมินหลิงยู่ชานสักพัก ก่อนที่จะยิ้มด้วยความพึงพอใจและพูดว่า “อืม ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นลูกผู้ชายเต็มตัวแล้วสินะ”

หลิงยู่ชานยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนและพูดว่า “ท่านพ่อ ข้าเป็นลูกผู้ชายเต็มตัวมาตั้งนานแล้ว!”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “อืม ก่อนหน้านี้พ่อก็กังวลอยู่ว่าเจ้าจะเร่งรีบเกินไปและมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มระดับการบ่มเพาะแทนที่จะตั้งใจฝึกฝนเจตจำนงแห่งหมัด แต่เมื่อดูจากเจ้าตอนนี้แล้วุพ่อพอใจกับเจ้ามากจริง ๆ”

หลังจากผ่านไปหลายสิบปีระดับการบ่มเพาะของหลิงยู่ชาน ในตอนนี้ยังอยู่ที่ขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 9 ซึ่งมันทำให้เขาเป็นคนที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำที่สุดในตระกูลหลิง แต่หลิงตู้ฉิงค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์ที่เขาเห็นตอนนี้มาก

“พลังสายเลือดของเจ้าแข็งแกร่งขึ้นมากแล้วในตอนนี้” หลิงตู้ฉิงพูดต่อ “เส้นทางของเจ้าไม่ควรมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มระดับการบ่มเพาะมากเกินไป เมื่อเจตจำนงและแก่นแท้หมัดของเจ้าได้บรรลุไปจนถึงระดับหนึ่งแล้วระดับการบ่มเพาะของเจ้าจะเพิ่มขึ้นตามมาเอง เอาล่ะดูเหมือนว่าตอนนี้เจ้าได้พบกับเส้นทางของตัวเองแล้ว พ่อมั่นใจว่าเจ้าคงเข้าใจดีว่าในอนาคตเจ้าต้องทำยังไงต่อ”

หลิงยู่ชานพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านพ่อก็พูดชมข้าเกินไป ข้าเชื่อว่าในอนาคตข้าเองก็ยังคงจะต้องมีข้อสงสัยบางอย่างอยู่ ดังนั้นไม่ว่าจะยังไงข้าก็ยังคงอยากจะให้ท่านพ่อดูแลข้าในอนาคตต่อไปอีก”

“ฮ่า พ่อต้องดูแลเจ้าแน่นอนอยู่แล้ว เจ้าเป็นลูกชายคนโตที่แสนดีของพ่อเชียวนะ!” หลิงตู้ฉิงพูดอย่างมีความสุข “หมิงจู้ เจ้าเองก็ไม่เลวเช่นกัน ระดับการบ่มเพาะของเจ้าตอนนี้ได้ไปถึงขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 12 แล้ว แต่ว่าดวงจิตที่แท้จริงของเจ้ายังอ่อนแออยู่ ข้าจะให้ผลึกวิญญาณ 2 อันกับเจ้าเพื่อให้เจ้าใช้พวกมันในการเสริมคามแข็งแกร่งให้กับดวงจิตของเจ้า:

“นอกจากนี้เดี๋ยวเมื่อข้าว่างเมื่อไหร่ข้าจะสร้างอาวุธวิเศษใหม่ให้สำหรับเจ้า นอกเหนือจากนั้นข้าจะถ่ายทอดทักษะการเคลื่อนไหว ‘ร่างเงาสัตตะเมฆา’ ให้และเมื่อเจ้าใช้มันร่วมกับเพลงกระบี่ดรุณีจันทราของเจ้า อำนาจการทำลายล้างมันจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หมิงจู้จึงรีบพูดทันที “ขอบคุณ ท่านพ่อ!”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเขาก็มองไปที่หลิงยู่ชานอีกรอบและพูดว่า “ด้วยเหตุผลบางอย่าง ซึ่งมันทำให้พ่อไม่สามารถหาของที่เหมาะกับเจ้าจากในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้ แต่ว่าเจ้าไม่ต้องกังวลไปเพราะว่าอันที่จริงแล้ว สิ่งของที่เหมาะกับเจ้ามากที่สุดนั้นสามารถพบได้ในโลกภายนอก เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเมื่อไหร่พ่อจะช่วยเจ้าหามันมาให้เอง”

“ขอบคุณ ท่านพ่อ” หลิงยู่ชานหัวเราะ

“เอาล่ะ พวกเจ้ากลับมาหลังสุดและยังไม่ได้ไปทักทายกับคนอื่น ๆ เลย พวกเจ้าจงไปพบกับพวกเขาก่อน แล้วเมื่อพ่อมีเวลาว่างเมื่อไหร่พ่อจะชี้แนะอะไรบางอย่างให้พวกเจ้าเพิ่มเติมก็แล้วกัน” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ

หลิงยู่ชานและหมิงจู้พยักหน้า จากนั้นพวกเขาก็พากันไปแสดงความเคารพต่อเย่ชิงเฉิง แน่นอนว่าหลังจากได้พบกับเย่ชิงเฉิงแล้วพวกเขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะพบกับหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ได้ แม้ว่าหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์จะเป็นเพียงภาพร่างของเศษเสี้ยวเจตจำนงที่หลงเหลืออยู่ แต่หลิงตู้ฉิงก็ปฏิบัติต่อนางในฐานะสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวของเขา ซึ่งมันทำให้นางรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม นางเองที่มีข้อจำกัดคือสามารถอยู่บนยันต์สั่งสวรรค์ได้เพียงเท่านั้นแม้ว่านางจะมีความสุข แต่นางก็ทำอะไรไม่ได้มาก

ครึ่งเดือนต่อมา ทุกคนต่างก็มารวมตัวกันที่คฤหาสน์สราญรมย์เพื่อเข้าฟังการบรรยายโดยหลิงตู้ฉิง

ในลาน หลิงฉุยฟงได้นำเหล่าทหารของเขากว่า 750 คนยืนตั้งแถวนิ่งอย่างเป็นระเบียบ

แน่นอนว่ากองทัพนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกซะจาก กองทัพลับไร้นามของหลิงตู้ฉิง ซึ่งหลังจากเวลาผ่านไปกว่า 50 ปีระดับการบ่มเพาะส่วนใหญ่ของพวกเขาได้มาถึงขอบเขตนภาแล้ว มีเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในขอบเขตรวมแสงดารา

นอกจากนี้ หลิงว่านจุนยังนำเหล่าทหารของเขากว่า 190 นายมาตั้งแถวยืนรอฟังการบรรยายอยู่ข้าง ๆ ทัพของหลิงฉุยฟงเช่นกัน ซึ่งทั้งสองกองทัพต่างยืนนิ่งตัวตรงไม่ไหวติงราวกับว่าพวกเขากำลังแข่งขันว่าใครจะเป็นทหารชั้นยอดเหนือกว่ากัน

หลังจากนั้นไม่นาน คนกลุ่มใหญ่อีกกลุ่มหนึ่งก็ได้มาถึง ซึ่งคนกลุ่มนี้ก็คือเหล่านักศึกษาของศาลาศักดิ์สิทธิ์

ในบรรดานักศึกษาทั้งหมดผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะสูงสุดก็คือเกาหยู หลังจากที่เกาหยูได้ฝึกฝนวิชาปีศาจศักดิ์สิทธิ์กลืนกินมานานกว่า 50 ปี ระดับการบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ก็ได้มาถึงขอบเขตนภาระดับ 5 แล้ว ซึ่งความเร็วในการเพิ่มระดับการบ่มเพาะถึงขนาดนี้นับได้ว่าน่าตกตะลึงต่อผู้คนเป็นอย่างมาก

และนอกเหนือจากความก้าวหน้าด้านระดับการบ่มเพาะที่น่าตกตะลึงแล้ว ชื่อเสียงด้านความโหดเหี้ยมของเขาก็น่าตกตะลึงต่อผู้คนไม่แพ้กัน และมันก็ได้ขจรขจายออกไปจนทั่วทั้งทะเลชางหมาง

เมื่อเห็นรัศมีพลังปีศาจของเขาที่แผ่ออกมาอยู่รอบกาย มันจึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขา

นอกจากเกาหยูที่คุ้นหน้าแล้ว ยังมีจิ๋นชาน เหวินเต๋า เจียงซิงเฉิง หลูหลิง และคนอื่น ๆ ที่เป็นนักศึกษาชุดแรก ซึ่งในตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของพวกเขาต่างอยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราระดับสูงเรียบร้อย

จากนั้นถัดมาก็มีคนของหลิงเจิ้งสง รวมไปถึงคนจากตระกูลมี่และตระกูลจ้าว ที่แต่ละตระกูลก็ได้รับที่นั่งมานิด ๆ หน่อย ๆ ก็ได้มาถึงแล้วเช่นกัน

ซึ่งหนึ่งในกลุ่มคนของตระกูลมี่ มี่ตั้วตั้วก็ได้พาอสูรทมิฬโม่จู่มาที่คฤหาสน์สราญรมย์ด้วยเช่นกัน

นอกจากคนเหล่านี้แล้วยังมีข้าราชบริพารและแม่ทัพที่ไว้ใจได้บางคนที่อยู่ในราชสำนักอีก 2-3 ที่นั่ง ซึ่งพวกเขาได้มาจากการอ้อนวอนหลิงยี่เทียนอยู่นานสองนาน

หลังจากที่ทุกคนมาถึงคฤหาสน์สราญรมย์แล้ว หลิงตู้ฉิงก็เริ่มบรรยายทันที

สิ่งแรกที่เขาบรรยายคือขั้นตอนการบ่มเพาะในขอบเขตประสานทะเลปราณ

คราวนี้เขาอธิบายอย่างละเอียดมากขึ้น ไม่เพียงแต่อธิบายวิธีการฝึกฝนเท่านั้น เขายังพูดถึงปัญหาต่าง ๆ ที่จะต้องเจอด้วย

ทุกคนฟังอย่างเพลิดเพลินแม้ว่าหลาย ๆ คนจะไม่ได้อยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณอีกต่อไป แต่พวกเขาก็สามารถถ่ายทอดความรู้นี้ให้กับเหล่าบุตรหลานขอฃพวกเขาได้

หลิงตู้ฉิงใช้เวลา 3 วันเต็มในการบรรยายเรื่องของขอบเขตประสานทะเลปราณ

จากนั้นหัวข้อต่อไปของการบรรยายก็คือหัวข้อเกี่ยวกับการบ่มเพาะในขอบเขตรวมแสงดารา…

ในระหว่างขั้นตอนการอธิบายของหลิงตู้ฉิง ความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ต่าง ๆ ของผู้คนที่เข้ามารับฟังการอธิบายก็ส่งผลต่อเต๋าอารมณ์ของหลิงตู้ฉิงอย่างรุนแรง ส่งผลให้ท้องฟ้าเหนือคฤหาสน์สราญรมย์เริ่มมีพลังวิญญาณจำนวนมหาศาลรวมตัวกันขึ้น และจากนั้นพลังวิญญาณเหล่านั้นก็ได้หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของหลิงตู้ฉิง

ซึ่งผู้คนที่อยู่ในคฤหาสน์นั้นไม่ได้ถูกรบกวนสมาธิจากความผันผวนของพลังวิญญาณที่เกิดขึ้นนี้เลยแม้แต่น้อย เนื่องจากหลิงตู้ฉิงได้ทำการปิดกั้นความผันผวนนี้ไม่ให้ผู้คนในคฤหาสน์สัมผัสถึง

ในขณะที่หลิงตู้ฉิงกำลังยุ่งอยู่กับการบรรยายต่อฝูงชน ทางด้านของอาณาจักรหลงซานก็ได้ส่งกองทัพจำนวนมหาศาลออกเดินทางออกจากอาณาจักรหลงซานของเขาแล้วเช่นกัน

ซึ่งการส่งกองทัพออกมาครั้งนี้ อาณาจักรหลงซานก็ได้รับการสนับสนุนจากอาณาจักรมังกรทะยานอย่างเต็มที่ เนื่องจากเป้าหมายของพวกเขานั้นเกื้อหนุนกัน ซึ่งเป้าหมายของพวกเขาก็คืออาณาจักรหลงซานต้องการยึดครองทะเลชางหมางส่วนอาณาจักรมังกรทะยานต้องการตามหาความลับที่มีอยู่ในทะเลชางหมางและครอบครองมัน

ซึ่งอันที่จริงความลับในทะเลชางหมางที่พวกเขากำลังตามหาและต้องการครอบครองในตอนนี้ มันกลับเกิดขึ้นมาจากความเข้าใจผิดที่หยูเฉิงฮุยได้มาเห็นประตูมิติของหลิงฟ่างหัว ซึ่งพวกเขาต่างคิดกันไปเองว่ามันจะต้องเป็นหนึ่งในสมบัติลับที่ซ่อนอยู่ในทะเลชางหมาง แล้วยิ่งรวมไปถึงเหรียญตราผนึกสวรรค์ของเหลียงเฟ่ยเอ๋อ ที่ดันมีความสามารถในการผนึกระดับการบ่มเพาะของพวกเขา ซึ่งความสามารถเช่นนี้มันคล้ายคลึงกับความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทะเลชางหมาง ซึ่งนั่นก็คือการที่ทะเลชางหมางห้ามไม่ให้ผู้คนที่อยู่ในระดับที่สูงกว่าขอบเขตสวรรค์สามัญล่วงล้ำเข้ามาได้

เอาแค่เพียงเพราะสมบัติทั้งสองนี้จักรพรรดิของอาณาจักรมังกรทะยานก็แทบจะนั่งไม่ติด ต้องการที่จะกำจัดอาณาจักรจันทราออกไปให้พ้นทางโดยไวที่สุด

ดังนั้นหลังจากอาณาจักรมังกรทะยานได้ทราบข่าวของสมบัติทั้งสองชิ้นนี้ที่ปรากฎขึ้นในทะเลชางหมาง พวกเขาจึงส่งผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญกว่า 200 คน เข้าสู่ทะเลชางหมางเพื่อสมทบกับอาณาจักรหลงซานทันที

อันที่จริงถ้าไม่เป็นเพราะทะเลชางหมางจำกัดระดับการบ่มเพาะเอาไว้ที่ระดับสวรรค์สามัญแล้วล่ะก็ พวกเขาคงส่งผู้เชี่ยวชาญที่ระดับสูงกว่านี้บุกเข้ามาแล้ว

ดังนั้นในตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญที่พวกเขามีรวมกันในตอนนี้ทั้งของอาณาจักรหลงซานและอาณาจักรมังกรทะยานก็มีจำนวนรวมกันได้มากกว่า 300 คน และด้วยภายใต้การนำของแม่ทัพใหญ่แห่งอาณาจักรหลงซาน เหยียนฮ่าวหัว และกองทัพที่แข็งแกร่งอีกนับล้านของอาณาจักรหลงซาน พวกเขาจึงได้เริ่มออกเดินทางไปยังอาณาจักรจันทรา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+