พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 442 กลัว

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 442 กลัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 442 กลัว

ในฐานะจักรพรรดิแห่งอาณาจักรหลงซาน หยูเจิ้งหมิงมีความภาคภูมิใจในตัวเองมาก

มากซะจนเขาไม่เคยกังวลเกี่ยวกับผลการรบกับอาณาจักรจันทราซะด้วยซ้ำ

เขามั่นใจเป็นอย่างมาก ด้วยกองทัพที่แข็งแกร่งนับล้านและผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญมากกว่า 400 คนที่เขาส่งไปทำลายอาณาจักรจันทรา อาณาจักรจันทราจะต้องถูกลบออกไปจากทะเลชางหมาง และจากนั้นความลับของทะเลชางหมางจะตกอยู่ในมือของภูเขาเอ้อหลง ซึ่งตัวเขาเองและพ่อของเขาที่เป็นคนของภูเขาเอ้อหลงเช่นกัน เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาย่อมได้รับผลตอบแทนอย่างล้นหลาม

หรือไม่พวกเขาอาจจะได้รับการสนับสนุนจากตำหนักมังกรเลยด้วยซ้ำ และเมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาจะต้องได้กลายเป็นตัวตนที่มีแต่คนก้มหัวให้แน่นอน

นี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับพวกเขาที่กำลังบ่มเพาะดวงใจจักรพรรดิ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาทราบข่าวชัยชนะติด ๆ กันจากแนวหน้าเขาก็ยิ่งมีความสุขอย่างมาก

“พี่ใหญ่ อะไรทำให้ท่านมีความสุขขนาดนี้?” หยูเฉิงฮุยเดินเข้ามาท้องพระโรงและถามขึ้น

หยูเจิ้งหมิงหัวเราะ “ตอนนี้คนของเราได้ไปถึงเกาะไท่อี้แล้ว และอีกไม่นานก็คงจะไปถึงเกาะเทียนหยวนของอาณาจักรจันทรา จากนั้นอาณาจักรจันทราจะต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน”

หยูเฉิงฮุยพูดด้วยความประหลาดใจ “ทำไมถึงเร็วได้ขนาดนี้ ไม่ว่ายังไงกองกำลังของอาณาจักรจันทราก็ยังคงเป็นหนึ่งในกองกำลังที่แข็งแกร่งมากในทะเลชางหมาง เหตุใดกองทัพของพวกเราถึงสามารถครอบครองเกาะไท่อี้ได้เร็วแบบนี้? พวกมันเองก็มีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยนี่นา หรือว่าพวกมันไม่ส่งคนออกมาต่อต้านเลย?”

หยูเจิ้งหมิงหัวเราะ “ในตอนแรกพวกมันก็ต่อต้านพวกเราบ้างเล็กน้อย แต่จากนั้นจู่ ๆ พวกมันก็หายหัวกันไปหมด สงสัยบางทีพวกมันอาจจะรู้ตัวแล้วว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเรา และถอยกำลังทั้งหมดกลับไปอยู่ที่เกาะเทียนหยวนเพื่อเตรียมพร้อมปักหลักสู้ตายกับพวกเราที่นั่นก็เป็นได้ แต่ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแบบนั้น มันก็คงไร้ประโยชน์อยู่ดี ด้วยกองกำลังอันมหาศาลของเรา ข้าเชื่อว่าสุดท้ายแล้วไม่ว่าพวกมันจะดิ้นรนกันยังไง พวกมันก็คงไม่รอดจากการถูกทำลายโดยเราไปได้หรอก”

“และเมื่อถึงเวลานั้นความลับของทะเลชางหมางจะเป็นของเรา!” หยูเฉิงฮุยหัวเราะ

“นอกเหนือจากความลับของทะเลชางหมางแล้วยังมีผู้หญิงที่เจ้าลืมไม่ลงนางนั้นอีกด้วย!” หยูเจิ้งหมิงหัวเราะและพูดขึ้น “ข้าจำได้ว่าเมื่อตอนเจ้ากลับมา เจ้าก็ยังคงพูดถึงนางอยู่เลย สรุปแล้วนี่เจ้าชอบนางจริง ๆ ใช่ไหม?”

หยูเฉิงฮุยพูดอย่างดูถูกว่า “ท่านพี่ ท่านดูถูกข้ามากเกินไปหรือเปล่า? คนอย่างข้าเนี่ยนะจะไปชอบผู้หญิงที่ไหนได้ง่าย ๆ ข้ารู้จักกับนางเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น แถมนางยังไม่ให้ข้าร่วมเตียงกับนางเลยสักครั้ง ข้าจะไปมีความรู้สึกผูกพันอะไรกับนางได้ยังไง และที่สำคัญในเรื่องของผู้หญิง ข้าเองก็ใช่ว่าจะขาดเรื่องแบบนี้ซะเมื่อไหร่”

หยูเจิ้งหมิงส่ายหัวและยิ้มโดยไม่พูดอะไร

เพราะหยูเฉิงฮุยเป็นคนหน้าตาดี เขาจึงเป็นที่ชื่นชมของเหล่าหญิงสาวตั้งแต่ยังเด็ก

หลังจากเติบโตขึ้น เขาก็กลายเป็นคนที่หล่อเหลามากขึ้น ซึ่งไม่ว่าเขาจะไปที่ใดมันก็มักจะมีแต่เหล่าหญิงสาวมารุมล้อมเขา และเรื่องนี้มันก็ทำให้พี่ชายอย่างเขาอิจฉาเป็นอย่างมาก

และเป็นเพราะเหตุนี้ เขาจึงส่งหยูเฉิงฮุยออกไปเมื่อเขาได้ข่าวมาว่าอาณาจักรจันทรานั้นมีเหล่าองค์หญิงอยู่เป็นจำนวนมาก แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก้คือหลังจากที่หยูเฉิงฮุยไปอยู่ที่อาณาจักรจันทราเป็นเวลาหลายต่อหลายปี เขากลับไม่ได้แตะต้องใครเลย

“ไม่ต้องกังวล เมื่อพวกทหารจับพวกผู้หญิงเหล่านั้นได้ ข้าจะให้เจ้าได้เล่นสนุกกับพวกนางได้ตามใจชอบเลยทีเดียว” หยูเจิ้งหมิงหัวเราะ

ในระหว่างที่สองพี่น้องคุยกันอย่างมีความสุขไปได้สักพัก จู่ ๆ หยูเจิ้งหมิงก็มองออกไปข้างนอกแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าพวกของเราจะกลับมากันแล้ว เอาล่ะพวกเราออกไปชมคนงามของเจ้ากันเถอะ”

เมื่อพูดจบ สองพี่น้องก็ยืนขึ้นและเดินออกจากท้องพระโรง

เมื่อพวกเขามาเดินออกมาด้านนอก และเห็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญนับร้อยบินอยู่บนท้องฟ้า รอยยิ้มของหยูเจิ้งหมิงและหยูเฉิงฮุยก็กว้างขึ้น

แต่แล้วเมื่อหยูเจิ้งหมิงสังเกตเห็นว่าหลงเฉินไม่อยู่ด้วย เขาจึงถามขึ้น “แม่ทัพเหยียน หลงเฉินและคนของเขาบางส่วนอยู่ที่ไหนกัน? ว่าแต่แม่ทัพเหยียน ท่านได้นำสมบัติลับของทะเลชางหมางติดตัวกลับมาด้วยรึเปล่า รีบเอาออกมาให้ข้าดูทีว่าสรุปแล้วมันเป็นยังไงกันแน่?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหยียนฮ่าวหัวส่ายหัว เขาตอบด้วยสีหน้าสลดและเสียงที่สั่นเทา “ฝ่าบาท เราทำให้เกิดปัญหาใหญ่แล้ว”

“หืม?” หยูเจิ้งหมิงถามด้วยความประหลาดใจ “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

หยูเฉิงฮุยแทรกถามขึ้นอย่างสงสัย “ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าบุกกันไปถึงอาณาจักรจันทราแล้วไม่ใช่เหรอ? สรุปแล้วพวกเจ้าได้ทำลายอาณาจักรจันทราไปแล้วรึยัง?”

เหยียนฮ่าวหัวส่ายหัว “ฝ่าบาท ความลับทั้งหมดของทะเลชางหมางตกอยู่ในมือของอาณาจักรจันทราแล้ว ภายใต้อำนาจความลับของทะเลชางหมางที่คนพวกนั้นครอบครอง มันทำให้พวกเราไม่สามารถเทียบกับพวกนั้นได้แม้แต่น้อย ตอนนี้แม้แต่หลงเฉินและคนของเขาบางส่วนก็ยังตกไปอยู่ในมือของอาณาจักรจันทรา กองทัพของพวกเรากว่าหนึ่งล้านคนถูกทำลายเกือบทั้งหมด แม้แต่พวกกระหม่อมเอง ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเราไหวตัวทันรีบชิงจังหวะหนีกลับมาก่อนเพื่อส่งข่าวให้พระองค์ กระหม่อมคิดว่ากระหม่อมเองก็คงไม่พ้นที่จะตกไปอยู่ในเงื้อมมือของอาณาจักรจันทราเช่นกัน”

“เป็นไปไม่ได้!” หยูเจิ้งหมิงตะโกนทันที “ด้วยผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญอีกกว่า 300 คนที่ท่านพ่อของข้าส่งมาสนับสนุนให้ข้าเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับอาณาจักรหลงซานของเรา ด้วยกองกำลังมหาศาลขนาดนี้เจ้าบอกว่าเราทำอะไรอาณาจักรจันทราไม่ได้เลยงั้นเหรอ? เจ้าล้อข้าเล่นอยู่ใช่ไหม?”

หยูเฉิงฮุยยังพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่เชื่อว่า “ข้าไม่เข้าใจ ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญกว่า 400 คนที่ร่วมทัพไปด้วยทำอะไรกันอยู่? ทำไมถึงปล่อยให้พวกมันจับหลงเฉินไปได้ แถมยังสังหารกองทัพนับล้านของเราได้แบบนี้?”

เหยียนฮ่าวหัวก้มหน้าพูดราวกับว่าเขาสูญเสียพ่อแม่ของเขาไป “ฝ่าบาท แม้ว่าเราจะมีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญมากกว่า 400 คน แต่อาณาจักรจันทราก็มีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญมากกว่า 100 คน! นอกเหนือจากนั้น พวกเขายังมีค่ายกลรบที่เปลี่ยนให้กองทัพของพวกเขากลายเป็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง ซึ่งสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญของเราไปได้มากกว่าโหลเพียงเวลาสั้น ๆ !”

หยูเฉิงฮุยถามอย่างร้อนรน “แล้วถ้างั้นด้วยความต่างของจำนวนของพวกเราที่เหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญที่เหลืออยู่ของเจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่ตอนนั้น ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่ได้สั่งให้พวกเขายืนดูอยู่เฉย ๆ ปล่อยให้ฝั่งตรงข้ามสังหารพวกคนอื่น ๆ ที่กำลังรบอยู่จริงไหม?”

หยูเฉิงฮุยเคยพบกับค่ายกลรบที่น่ากลัวนั่นมาแล้ว เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงตอนนั้นที่เขาเคยเผชิญหน้ากับมันและยังจำได้ว่ามันสังหารผู้ติดตามของเขาที่อยู่ในระดับสวรรค์ได้ง่ายแค่ไหนแล้ว เขาก็เริ่มรู้สึกสั่นกลัวขึ้นในใจ แต่เขาก็ยังคงสงสัยอยู่ดีว่าพวกผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญฝั่งเขาที่ออกไปรบครั้งนี้นั้นมีมากกว่า 400 คน! คนพวกนั้นมัวแต่ยืนอึ้งไม่ทำอะไรกันเลยหรือไง?

ใบหน้าของเหยียนฮ่าวหัวเผยให้เห็นถึงความกลัวและพูดว่า “แน่นอน ว่าพวกผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญที่เหลือทั้งหมดที่ยังไม่ถูกส่งเข้าไปร่วมรบในตอนแรกนั้นไม่ได้ยืนดูอยู่เฉย ๆ แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญที่เหลืออยู่กว่า 150 หรือมากกว่านั้น พวกเขาทั้งหมดต่างกำลังรับมืออยู่กับคนคนหนึ่ง…”

“คนผู้นั้นเป็นผู้ที่อยู่ในระดับหลุดพ้นสามัญใช่ไหม?” หยูเจิ้งหมิงถามอย่างรีบร้อน

หากฝั่งตรงข้ามได้ครอบครองความลับของทะเลชางหมางแล้ว มันก็มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะมีผู้เชี่ยวชาญที่มีระดับการบ่มเพาะอยู่เหนือกว่าผู้คนในทะเลชางหมาง

“ไม่! เขาอยู่แค่ในขอบเขตประสานทะเลปราณเท่านั้น!” เหยียนฮ่าวหัวพูดด้วยความกลัวและเสียใจ เพราะเขาเองก็คิดไม่ออกเช่นกันว่าพวกเขาพ่ายแพ้ได้อย่างไร

“ไร้สาระ!” หยูเจิ้งหมิงโกรธขึ้นมาทันที “เจ้ากำลังบอกว่าผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญ 150 คนของเจ้า ไม่สามารถสู้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณเพียงคนเดียวได้?”

เหยียนฮ่าวหัวพยักหน้าและพูดอย่างช่วยไม่ได้ “คนผู้นั้นมันถือสมบัติวิเศษแปลก ๆ ที่สามารถสกัดกั้นการโจมตีทั้งหมดของพวกเราได้อย่างง่ายดายด้วยตัวมันเพียงคนเดียว จากนั้นเมื่อข้ารู้ตัวว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่มันไม่ถูกต้อง ข้าจึงรีบกลับมารายงานต่อฝ่าบาท… ฝ่าบาท ข้าคิดว่าพวกมันคงได้ครอบครองความลับและสมบัติทั้งหมดในทะเลชางหมางเรียบร้อยแล้ว ซึ่งพวกเราคงไม่อาจต้านทานการบุกของพวกมันได้ ข้าเกรงว่าตอนนี้พวกเราควรจะต้องเตรียมตัวทำอะไรสักอย่างให้เร็วที่สุด”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยูเจิ้งหมิงก็สงบลงได้บ้าง

เขาไม่เชื่อว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณเพียงคนเดียวจะสามารถเอาชนะผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญได้มากกว่า 150 คน

อย่างไรก็ตาม หากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณผู้นี้มีสมบัติวิเศษอยู่ในมือนั่นมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สามารถเป็นไปได้

เมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องได้อยู่ครั้งหนึ่ง หยูเจิ้งหมิงก็พูดกับเหยียนฮ่าวหัวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เจ้าจงกลับไปพักผ่อนก่อนซะ ข้าเข้าใจแล้ว!”

“ฝ่าบาท พระองค์ต้องจัดเตรียมคนคอยรับมือพวกมันในทันที กระหม่อมมั่นใจว่าพวกมันจะต้องมาหาเราแน่นอน” เหยียนฮ่าวหัวรีบพูด

หยูเจิ้งหมิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้ารู้แล้ว!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 442 กลัว

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 442 กลัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 442 กลัว

ในฐานะจักรพรรดิแห่งอาณาจักรหลงซาน หยูเจิ้งหมิงมีความภาคภูมิใจในตัวเองมาก

มากซะจนเขาไม่เคยกังวลเกี่ยวกับผลการรบกับอาณาจักรจันทราซะด้วยซ้ำ

เขามั่นใจเป็นอย่างมาก ด้วยกองทัพที่แข็งแกร่งนับล้านและผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญมากกว่า 400 คนที่เขาส่งไปทำลายอาณาจักรจันทรา อาณาจักรจันทราจะต้องถูกลบออกไปจากทะเลชางหมาง และจากนั้นความลับของทะเลชางหมางจะตกอยู่ในมือของภูเขาเอ้อหลง ซึ่งตัวเขาเองและพ่อของเขาที่เป็นคนของภูเขาเอ้อหลงเช่นกัน เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาย่อมได้รับผลตอบแทนอย่างล้นหลาม

หรือไม่พวกเขาอาจจะได้รับการสนับสนุนจากตำหนักมังกรเลยด้วยซ้ำ และเมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาจะต้องได้กลายเป็นตัวตนที่มีแต่คนก้มหัวให้แน่นอน

นี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับพวกเขาที่กำลังบ่มเพาะดวงใจจักรพรรดิ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาทราบข่าวชัยชนะติด ๆ กันจากแนวหน้าเขาก็ยิ่งมีความสุขอย่างมาก

“พี่ใหญ่ อะไรทำให้ท่านมีความสุขขนาดนี้?” หยูเฉิงฮุยเดินเข้ามาท้องพระโรงและถามขึ้น

หยูเจิ้งหมิงหัวเราะ “ตอนนี้คนของเราได้ไปถึงเกาะไท่อี้แล้ว และอีกไม่นานก็คงจะไปถึงเกาะเทียนหยวนของอาณาจักรจันทรา จากนั้นอาณาจักรจันทราจะต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน”

หยูเฉิงฮุยพูดด้วยความประหลาดใจ “ทำไมถึงเร็วได้ขนาดนี้ ไม่ว่ายังไงกองกำลังของอาณาจักรจันทราก็ยังคงเป็นหนึ่งในกองกำลังที่แข็งแกร่งมากในทะเลชางหมาง เหตุใดกองทัพของพวกเราถึงสามารถครอบครองเกาะไท่อี้ได้เร็วแบบนี้? พวกมันเองก็มีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยนี่นา หรือว่าพวกมันไม่ส่งคนออกมาต่อต้านเลย?”

หยูเจิ้งหมิงหัวเราะ “ในตอนแรกพวกมันก็ต่อต้านพวกเราบ้างเล็กน้อย แต่จากนั้นจู่ ๆ พวกมันก็หายหัวกันไปหมด สงสัยบางทีพวกมันอาจจะรู้ตัวแล้วว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเรา และถอยกำลังทั้งหมดกลับไปอยู่ที่เกาะเทียนหยวนเพื่อเตรียมพร้อมปักหลักสู้ตายกับพวกเราที่นั่นก็เป็นได้ แต่ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแบบนั้น มันก็คงไร้ประโยชน์อยู่ดี ด้วยกองกำลังอันมหาศาลของเรา ข้าเชื่อว่าสุดท้ายแล้วไม่ว่าพวกมันจะดิ้นรนกันยังไง พวกมันก็คงไม่รอดจากการถูกทำลายโดยเราไปได้หรอก”

“และเมื่อถึงเวลานั้นความลับของทะเลชางหมางจะเป็นของเรา!” หยูเฉิงฮุยหัวเราะ

“นอกเหนือจากความลับของทะเลชางหมางแล้วยังมีผู้หญิงที่เจ้าลืมไม่ลงนางนั้นอีกด้วย!” หยูเจิ้งหมิงหัวเราะและพูดขึ้น “ข้าจำได้ว่าเมื่อตอนเจ้ากลับมา เจ้าก็ยังคงพูดถึงนางอยู่เลย สรุปแล้วนี่เจ้าชอบนางจริง ๆ ใช่ไหม?”

หยูเฉิงฮุยพูดอย่างดูถูกว่า “ท่านพี่ ท่านดูถูกข้ามากเกินไปหรือเปล่า? คนอย่างข้าเนี่ยนะจะไปชอบผู้หญิงที่ไหนได้ง่าย ๆ ข้ารู้จักกับนางเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น แถมนางยังไม่ให้ข้าร่วมเตียงกับนางเลยสักครั้ง ข้าจะไปมีความรู้สึกผูกพันอะไรกับนางได้ยังไง และที่สำคัญในเรื่องของผู้หญิง ข้าเองก็ใช่ว่าจะขาดเรื่องแบบนี้ซะเมื่อไหร่”

หยูเจิ้งหมิงส่ายหัวและยิ้มโดยไม่พูดอะไร

เพราะหยูเฉิงฮุยเป็นคนหน้าตาดี เขาจึงเป็นที่ชื่นชมของเหล่าหญิงสาวตั้งแต่ยังเด็ก

หลังจากเติบโตขึ้น เขาก็กลายเป็นคนที่หล่อเหลามากขึ้น ซึ่งไม่ว่าเขาจะไปที่ใดมันก็มักจะมีแต่เหล่าหญิงสาวมารุมล้อมเขา และเรื่องนี้มันก็ทำให้พี่ชายอย่างเขาอิจฉาเป็นอย่างมาก

และเป็นเพราะเหตุนี้ เขาจึงส่งหยูเฉิงฮุยออกไปเมื่อเขาได้ข่าวมาว่าอาณาจักรจันทรานั้นมีเหล่าองค์หญิงอยู่เป็นจำนวนมาก แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก้คือหลังจากที่หยูเฉิงฮุยไปอยู่ที่อาณาจักรจันทราเป็นเวลาหลายต่อหลายปี เขากลับไม่ได้แตะต้องใครเลย

“ไม่ต้องกังวล เมื่อพวกทหารจับพวกผู้หญิงเหล่านั้นได้ ข้าจะให้เจ้าได้เล่นสนุกกับพวกนางได้ตามใจชอบเลยทีเดียว” หยูเจิ้งหมิงหัวเราะ

ในระหว่างที่สองพี่น้องคุยกันอย่างมีความสุขไปได้สักพัก จู่ ๆ หยูเจิ้งหมิงก็มองออกไปข้างนอกแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าพวกของเราจะกลับมากันแล้ว เอาล่ะพวกเราออกไปชมคนงามของเจ้ากันเถอะ”

เมื่อพูดจบ สองพี่น้องก็ยืนขึ้นและเดินออกจากท้องพระโรง

เมื่อพวกเขามาเดินออกมาด้านนอก และเห็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญนับร้อยบินอยู่บนท้องฟ้า รอยยิ้มของหยูเจิ้งหมิงและหยูเฉิงฮุยก็กว้างขึ้น

แต่แล้วเมื่อหยูเจิ้งหมิงสังเกตเห็นว่าหลงเฉินไม่อยู่ด้วย เขาจึงถามขึ้น “แม่ทัพเหยียน หลงเฉินและคนของเขาบางส่วนอยู่ที่ไหนกัน? ว่าแต่แม่ทัพเหยียน ท่านได้นำสมบัติลับของทะเลชางหมางติดตัวกลับมาด้วยรึเปล่า รีบเอาออกมาให้ข้าดูทีว่าสรุปแล้วมันเป็นยังไงกันแน่?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหยียนฮ่าวหัวส่ายหัว เขาตอบด้วยสีหน้าสลดและเสียงที่สั่นเทา “ฝ่าบาท เราทำให้เกิดปัญหาใหญ่แล้ว”

“หืม?” หยูเจิ้งหมิงถามด้วยความประหลาดใจ “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

หยูเฉิงฮุยแทรกถามขึ้นอย่างสงสัย “ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าบุกกันไปถึงอาณาจักรจันทราแล้วไม่ใช่เหรอ? สรุปแล้วพวกเจ้าได้ทำลายอาณาจักรจันทราไปแล้วรึยัง?”

เหยียนฮ่าวหัวส่ายหัว “ฝ่าบาท ความลับทั้งหมดของทะเลชางหมางตกอยู่ในมือของอาณาจักรจันทราแล้ว ภายใต้อำนาจความลับของทะเลชางหมางที่คนพวกนั้นครอบครอง มันทำให้พวกเราไม่สามารถเทียบกับพวกนั้นได้แม้แต่น้อย ตอนนี้แม้แต่หลงเฉินและคนของเขาบางส่วนก็ยังตกไปอยู่ในมือของอาณาจักรจันทรา กองทัพของพวกเรากว่าหนึ่งล้านคนถูกทำลายเกือบทั้งหมด แม้แต่พวกกระหม่อมเอง ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเราไหวตัวทันรีบชิงจังหวะหนีกลับมาก่อนเพื่อส่งข่าวให้พระองค์ กระหม่อมคิดว่ากระหม่อมเองก็คงไม่พ้นที่จะตกไปอยู่ในเงื้อมมือของอาณาจักรจันทราเช่นกัน”

“เป็นไปไม่ได้!” หยูเจิ้งหมิงตะโกนทันที “ด้วยผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญอีกกว่า 300 คนที่ท่านพ่อของข้าส่งมาสนับสนุนให้ข้าเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับอาณาจักรหลงซานของเรา ด้วยกองกำลังมหาศาลขนาดนี้เจ้าบอกว่าเราทำอะไรอาณาจักรจันทราไม่ได้เลยงั้นเหรอ? เจ้าล้อข้าเล่นอยู่ใช่ไหม?”

หยูเฉิงฮุยยังพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่เชื่อว่า “ข้าไม่เข้าใจ ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญกว่า 400 คนที่ร่วมทัพไปด้วยทำอะไรกันอยู่? ทำไมถึงปล่อยให้พวกมันจับหลงเฉินไปได้ แถมยังสังหารกองทัพนับล้านของเราได้แบบนี้?”

เหยียนฮ่าวหัวก้มหน้าพูดราวกับว่าเขาสูญเสียพ่อแม่ของเขาไป “ฝ่าบาท แม้ว่าเราจะมีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญมากกว่า 400 คน แต่อาณาจักรจันทราก็มีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญมากกว่า 100 คน! นอกเหนือจากนั้น พวกเขายังมีค่ายกลรบที่เปลี่ยนให้กองทัพของพวกเขากลายเป็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง ซึ่งสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญของเราไปได้มากกว่าโหลเพียงเวลาสั้น ๆ !”

หยูเฉิงฮุยถามอย่างร้อนรน “แล้วถ้างั้นด้วยความต่างของจำนวนของพวกเราที่เหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญที่เหลืออยู่ของเจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่ตอนนั้น ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่ได้สั่งให้พวกเขายืนดูอยู่เฉย ๆ ปล่อยให้ฝั่งตรงข้ามสังหารพวกคนอื่น ๆ ที่กำลังรบอยู่จริงไหม?”

หยูเฉิงฮุยเคยพบกับค่ายกลรบที่น่ากลัวนั่นมาแล้ว เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงตอนนั้นที่เขาเคยเผชิญหน้ากับมันและยังจำได้ว่ามันสังหารผู้ติดตามของเขาที่อยู่ในระดับสวรรค์ได้ง่ายแค่ไหนแล้ว เขาก็เริ่มรู้สึกสั่นกลัวขึ้นในใจ แต่เขาก็ยังคงสงสัยอยู่ดีว่าพวกผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญฝั่งเขาที่ออกไปรบครั้งนี้นั้นมีมากกว่า 400 คน! คนพวกนั้นมัวแต่ยืนอึ้งไม่ทำอะไรกันเลยหรือไง?

ใบหน้าของเหยียนฮ่าวหัวเผยให้เห็นถึงความกลัวและพูดว่า “แน่นอน ว่าพวกผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญที่เหลือทั้งหมดที่ยังไม่ถูกส่งเข้าไปร่วมรบในตอนแรกนั้นไม่ได้ยืนดูอยู่เฉย ๆ แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญที่เหลืออยู่กว่า 150 หรือมากกว่านั้น พวกเขาทั้งหมดต่างกำลังรับมืออยู่กับคนคนหนึ่ง…”

“คนผู้นั้นเป็นผู้ที่อยู่ในระดับหลุดพ้นสามัญใช่ไหม?” หยูเจิ้งหมิงถามอย่างรีบร้อน

หากฝั่งตรงข้ามได้ครอบครองความลับของทะเลชางหมางแล้ว มันก็มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะมีผู้เชี่ยวชาญที่มีระดับการบ่มเพาะอยู่เหนือกว่าผู้คนในทะเลชางหมาง

“ไม่! เขาอยู่แค่ในขอบเขตประสานทะเลปราณเท่านั้น!” เหยียนฮ่าวหัวพูดด้วยความกลัวและเสียใจ เพราะเขาเองก็คิดไม่ออกเช่นกันว่าพวกเขาพ่ายแพ้ได้อย่างไร

“ไร้สาระ!” หยูเจิ้งหมิงโกรธขึ้นมาทันที “เจ้ากำลังบอกว่าผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญ 150 คนของเจ้า ไม่สามารถสู้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณเพียงคนเดียวได้?”

เหยียนฮ่าวหัวพยักหน้าและพูดอย่างช่วยไม่ได้ “คนผู้นั้นมันถือสมบัติวิเศษแปลก ๆ ที่สามารถสกัดกั้นการโจมตีทั้งหมดของพวกเราได้อย่างง่ายดายด้วยตัวมันเพียงคนเดียว จากนั้นเมื่อข้ารู้ตัวว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่มันไม่ถูกต้อง ข้าจึงรีบกลับมารายงานต่อฝ่าบาท… ฝ่าบาท ข้าคิดว่าพวกมันคงได้ครอบครองความลับและสมบัติทั้งหมดในทะเลชางหมางเรียบร้อยแล้ว ซึ่งพวกเราคงไม่อาจต้านทานการบุกของพวกมันได้ ข้าเกรงว่าตอนนี้พวกเราควรจะต้องเตรียมตัวทำอะไรสักอย่างให้เร็วที่สุด”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยูเจิ้งหมิงก็สงบลงได้บ้าง

เขาไม่เชื่อว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณเพียงคนเดียวจะสามารถเอาชนะผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญได้มากกว่า 150 คน

อย่างไรก็ตาม หากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณผู้นี้มีสมบัติวิเศษอยู่ในมือนั่นมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สามารถเป็นไปได้

เมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องได้อยู่ครั้งหนึ่ง หยูเจิ้งหมิงก็พูดกับเหยียนฮ่าวหัวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เจ้าจงกลับไปพักผ่อนก่อนซะ ข้าเข้าใจแล้ว!”

“ฝ่าบาท พระองค์ต้องจัดเตรียมคนคอยรับมือพวกมันในทันที กระหม่อมมั่นใจว่าพวกมันจะต้องมาหาเราแน่นอน” เหยียนฮ่าวหัวรีบพูด

หยูเจิ้งหมิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้ารู้แล้ว!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+