พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 456 เหยียบเข้าแดนศัตรู

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 456 เหยียบเข้าแดนศัตรู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 456 เหยียบเข้าแดนศัตรู

ที่อาณาจักรมังกรทะยาน หยูไท่ฉวนกำลังจมอยู่ในวังวนแห่งความเดือดดาล

ตอนนี้เขาได้รับข่าวแล้วว่า หยูเจิ้งหมิง ลูกชายคนหนึ่งของเขาเสียชีวิตในทะเลชางหมาง

ลูกชายของเขาไม่เพียงแต่ตายเท่านั้น แม้แต่อาณาจักรหลงซานที่พวกเขาลงทุนสร้างไว้ในทะเลชางหมางก็ถูกทำลายไปแล้ว

แล้วยิ่งเห็นลูกชายอีกคนของเขาที่หลบหนีมาอย่างหัวซุกหัวซุนพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญเพียงหยิบมือ ความโกรธในใจของเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น

ในฐานะคนของภูเขาเอ้อหลง พวกเขากลายเป็นผู้ถูกไล่ล่าเหมือนสุนัขจนตรอกตั้งแต่เมื่อไหร่?

และกองกำลังที่ทำให้ลูกชายของเขาอยู่ในสภาพอนาถขนาดนี้ไม่ใช่ขุมกำลังที่ยิ่งใหญ่มาจากไหน แต่กลับเป็นกองกำลังอันอ่อนด้อยที่อยู่ในทะเลชางหมาง แถมสมบัติลับของทะเลชางหมางกลับตกไปอยู่ในมือของคนเหล่านั้นอีกต่างหาก

“พวกมันกล้าดียังไงที่สังหารลูกชายของข้าแบบนี้!” หยูไท่ฉวนคำรามด้วยความโกรธ “รอก่อนเถอะ เมื่อไหร่ที่ทะเลชางหมางเปิดขึ้น เมื่อนั้นข้าจะทำให้พวกมันตายโดยไม่มีศพที่สมบูรณ์!”

แม้ว่าเขาจะโกรธ แต่เขาก็รู้ตัวดีว่าไม่สามารถทำอะไรได้ในตอนนี้

เนื่องจากในปัจจุบันทะเลชางหมางยังเป็นสถานที่ที่ผู้เชี่ยวชาญในระดับที่สูงกว่าระดับสวรรค์สามัญไม่สามารถเข้าไปได้ ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะใช้ความได้เปรียบของความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าของอาณาจักรมังกรทะยานของเขาบุกเข้าไปแก้แค้น

ส่วนเรื่องการส่งผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญเข้าไปอีกครั้งนั้นเขาได้ล้มเลิกความคิดนี้ไปแล้ว เพราะขนาดส่งเข้าไปเป็นร้อยยังทำอะไรไม่ได้ หากส่งเข้าไปอีกก็มีแต่จะส่งเข้าไปตายเปล่า

“หยูเฉิงจุน เจ้าจงนำกองกำลังของเจ้าแอบเข้าไปในทะเลชางหมาง เข้ายึดครองเกาะสัก 4-5 เกาะและพยายามสืบข่าวความลับของทะเลชางหมางมาเพิ่มเติมให้ได้” หยูไท่ฉวนสั่งลูกชายอีกคนของเขา

แม้ว่าอาณาจักรหลงซานของเขาจะถูกล้มล้างไปและความลับของทะเลชางหมางจะถูกผู้อื่นครอบครอง แต่เขาแน่ใจว่าในทะเลชางหมางน่าจะยังมีสมบัติอื่น ๆ เหลืออยู่และนอกจากเรื่องสมบัติแล้ว เขายังวางแผนที่จะส่งคนไปที่ทะเลชางหมางเพื่อสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรจันทราเพิ่มเติม และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมพวกเขาจะได้ทำลายอาณาจักรจันทราและแย่งสมบัติลับของทะเลชางหมางมาให้ได้

“รับทราบ เสด็จพ่อ!” หยูเฉิงจุนตอบกลับ

สำหรับเขา การได้เข้าสู่ทะเลชางหมางนับว่าเป็นโอกาสที่ดี

เนื่องจากถ้าเขาหาสมบัติลับที่เหลืออยู่ในทะเลชางหมางเจอ เขาก็จะเป็นคนแรกที่มีโอกาสใช้มันก่อน

ในขณะที่หยูเฉิงจุนกำลังวางแผนการต่าง ๆ อยู่ในหัวก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นและพูดกับหยูไท่ฉวน “ฝ่าบาท มีกองทัพจากอาณาจักรอี้จิ๋นกำลังมุ่งหน้ามาที่อาณาจักรมังกรทะยานของเรา!”

หยูไท่ฉวนถามอย่างรวดเร็ว “หืม? กองทัพที่มามีกำลังพลเท่าไหร่?”

“กองทัพที่มุ่งหน้าเข้ามามีจำนวนทหารราวห้าหมื่นนาย แต่สายข่าวของเรายังแจ้งว่าเขาได้เห็นหลงเฉินเป็นผู้ลากรถม้านำขบวนของฝั่งตรงข้ามมาด้วยฝ่าบาท!” บุคคลผู้นั้นตอบกลับ

เมื่อได้ยินรายงานเช่นนี้ สีหน้าของบรรดาผู้เชี่ยวชาญที่กลับมากับหยูเฉิงฮุยก็ถึงกับเปลี่ยนสี พวกเขาต่างรีบพูดขึ้นทันทีว่า “ฝ่าบาท เป็นพวกมัน! พวกมันคือคนของอาณาจักรจันทราอย่างแน่นอน! ไอ้พวกนี้แหละที่เป็นคนสังหารองค์ชายหยูเจิ้งหมิง!”

ใบหน้าของหยูไท่ฉวนดุดันขึ้นทันที เขายิ้มอย่างเย็นชาและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอาฆาต “ดี! ดีมาก! ถ้ามันอยู่ในทะเลชางหมางข้าก็คงยังไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้ ไม่คิดเลย ไม่คิดเลยว่าโชคจะเข้าข้างข้าให้พวกมันออกมาจากทะเลชางหมาง แถมยังมาหาข้าเองโดยที่ข้าไม่ต้องเสียแรงตามหาพวกมันสักนิด ฮึ่ม! ตาย พวกมันต้องตายแน่นอน บังอาจสังหารลูกชายข้าไม่พอยังจับเอาเผ่ามังกรไปเป็นสัตว์เทียมรถม้าอีกงั้นเหรอ! ปู้ไป่เต๋า เจ้าจงนำกองทัพเต่าดำออกไปจับพวกมันทั้งหมดมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะเอาเลือดพวกมันทุกคนมาทำพิธีบูชายัญให้กับลูกชายข้า!”

เมื่อได้ยินคำสั่ง ปู้ไป่เต๋าจึงก้าวออกมาข้างหน้าและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ฝ่าบาท ไอ้คนพวกนี้มันก็เป็นเพียงแค่กลุ่มคนที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า ที่มาจากพื้นที่ล้าหลังอย่างทะเลชางหมางก็แค่นั้น กระหม่อมไม่จำเป็นต้องพึ่งกองทัพเต่าดำในการจัดการกับพวกมันหรอก เพียงแค่ใช้ระดับการบ่มเพาะของกระหม่อมเพียงคนเดียวก็สามารถกำหราบพวกมันได้ทั้งหมดแล้ว!”

หยูไท่ฉวนส่ายหัวและพูดอย่างใจเย็น “เจ้าสามารถกำจัดพวกมันด้วยตัวเองได้ก็จริง แต่เจ้าสามารถนำคนนับหมื่นกลับมาได้ด้วยตัวคนเดียวหมดงั้นเหรอ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ปู้ไป่เต๋าก็ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนและพูดว่า “ข้าจะทำตามคำสั่งของฝ่าบาท และนำกองทัพเต่าดำไปกุมตัวพวกมันกลับมาให้ฝ่าบาทเดี๋ยวนี้!”

“จงรีบไป!” หยูไท่ฉวนพยักหน้า

ปู้ไป่เต๋าประสานมือโค้งคำนับ จากนั้นเขาก็ออกไปรวบรวมกำลังทหารและออกจากเมืองหลวงทันที ซึ่งกองกำลังทั้งหมดที่เขานำไปนั้นมีจำนวนทั้งหมดกว่าสามหมื่นนาย

ในเวลานี้ทางด้านของหลิงตู้ฉิงและคนของเขาก็กำลังมุ่งหน้ามาที่อาณาจักรมังกรทะยานด้วยความเร็วสม่ำเสมอ

ครึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดหลิงตู้ฉิงและคนของเขาก็ผ่านเขตแดนของอาณาจักรอี้จิ๋นและมาถึงชายแดนของอาณาจักรมังกรทะยาน จากนั้นเขาก็เพิกเฉยต่อความจริงที่ว่ากำลังข้ามพรมแดนและบุกเข้าไปในอาณาจักรมังกรทะยานโดยตรง

ในขณะที่เขาเข้าสู่เขตของอาณาจักรมังกรทะยาน ร่างของปู้ไป่เต๋าก็ปรากฏตัวขึ้นและตะโกนว่า “หยุด!”

เมื่อเห็นว่ามีคนออกมาขวางทาง หลงเฉินก็หยุดรถม้าลงพร้อมกับกองทัพที่ตามมาทั้งหมดก็หยุดลงเช่นกัน

“หลงเฉิน ในฐานะที่เจ้าเป็นคนของอาณาจักรมังกรทะยานเช่นกัน เจ้ารู้หรือไม่ว่าการที่เจ้ามาลากรถม้าให้ศัตรูเช่นนี้เจ้ามีความผิดสถานใด!” ปู้ไป่เต๋าตะโกนใส่หลงเฉิน “ในฐานะที่เจ้าเป็นผู้ที่มีสายเลือดมังกรที่แท้จริงไหลเวียนอยู่ในร่างกาย เจ้าไม่ละอายบ้างหรือไงที่มาทำหน้าที่ชั้นต่ำเช่นนี้ ไม่ใช่แค่เจ้าทำตัวเป็นคนทรยศเพียงอย่างเดียวแต่นี่เจ้ากลับทำให้บรรพชนในตระกูลที่ตายไปต้องเสียหน้าอีกต่างหาก!”

หลงเฉินกลอกตา และสาปแช่งปู้ไป่เต๋าในใจ ‘เจ้าคิดว่าข้าต้องการอยู่ในสภาพแบบนี้นักเหรอไงไอ้บ้าเอ๊ย!?’

แม้ว่าหลิงตู้ฉิงจะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา แต่สำหรับในความคิดของเขามันก็ยังไม่ใช่มีเกียรติสักเท่าไหร่ที่จะต้องมาทำหน้าที่ลากรถม้าให้กับมนุษย์ปกติ แต่ถึงแม้ในใจของเขาจะไม่ยินยอมสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับชะตากรรมโดยที่ไม่สามารถเถียงอะไรได้

เมื่อปู้ไป่เต๋าตำหนิหลงเฉินจนจบ จากนั้นเขาก็ตะโกนใส่กองทัพมังกรและถามว่า “พวกเจ้าเป็นใครกัน? พวกเจ้ากล้าดียังไงถึงบุกเข้ามาในอาณาจักรมังกรทะยานของข้าเช่นนี้?”

อันที่จริงปู้ไป่เต๋ามีแผนอยู่ในใจ เขาตั้งใจว่าเขาจะลงมือกำหราบคนเหล่านี้ด้วยความแข็งแกร่งของตัวเองเพียงคนเดียวเพื่อประกาศศักดาความแข็งแกร่งของเขา ซึ่งเขาเองไม่ได้ตั้งใจจะใช้กองทัพเต่าดำในการต่อสู้เลยด้วยซ้ำ เหตุผลที่เขานำกองทัพเต่าดำมานั้นเพียงแค่เพราะว่าเขาต้องการมีคนมาทำหน้าที่คุ้มกันเชลยพวกนี้กลับไปหาองค์จักรพรรดิของเขา

ขณะนี้ทางด้านของคนที่อยู่ภายในรถม้าต่างมองไปที่ปู้ไป่เต๋า และกองทัพเต่าดำด้านนอกด้วยดวงตาเป็นประกาย โดยเฉพาะหลิงว่านจุนที่ในตอนนี้ในใจของเขานั้นลุกโชนไปด้วยความกระตือรือร้น

ด้วยความร้อนรุ่มในใจที่เขาทนไม่ไหว หลิงว่านจุนจึงหันไปมองที่หลิงตู้ฉิง และพูดว่า “ท่านพ่อข้าต้องการทดสอบว่า กองทัพมังกรของข้าจะแข็งแกร่งพอเอาชนะพวกเขาได้หรือไม่!”

เหตุผลที่พวกเขานำกองทัพมังกรมาที่อาณาจักรมังกรทะยานด้วยนั้นคือการทดสอบว่ากองทัพมังกรมีความแข็งแกร่งสูงสุดมากเพียงใด

เนื่องจากภายในอาณาเขตทะเลชางหมางนั้นระดับพลังของพวกเขาถูกจำกัดให้สำแดงได้แค่ระดับสวรรค์สามัญ ดังนั้นกองทัพมังกรจึงหมดหนทางที่จะได้พิสูจน์ถึงอำนาจความแข็งแกร่งของตัวเองอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหลิงว่านจุนจะต้องการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของกองทัพตนเองมากเพียงใด เขาก็ไม่กล้าที่จะประมาทความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ โดยการขอความเห็นของหลิงตู้ฉิงก่อนเพื่อเป็นการบอกอย่างอ้อม ๆ ให้พ่อของเขาประเมินความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ หากพ่อของเขาตกลงนั่นก็แปลว่าพวกเขานั้นพอที่จะสู้ได้ แต่ถ้าหากพ่อของเขาไม่ตกลงนั่นก็แสดงว่าพวกเขายังไม่พร้อมและควรอยู่เฉย ๆ

หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปยังปู้ไป่เต๋าและกองทัพเต่าดำที่อยู่ด้านนอก จากนั้นเขาหันกลับมาและพยักหน้าเล็กน้อยให้กับหลิงว่านจุน “เจ้าสามารถใช้อำนาจของธงรบโลหิตจักรพรรดิบวกกับประสานกองทัพของปู่สามของเจ้าไว้ในค่ายกลรบของเจ้าและให้ปู่สามของเจ้าทำหน้าที่เป็นกองกำลังหลักในการโจมตี หากเจ้าทำทุกอย่างได้ถูกต้องเจ้าก็สามารถที่จะต่อกรกับพวกเขาได้”

“ข้าจะทำให้ดีที่สุด ท่านพ่อ!” หลิงว่านจุนตอบกลับด้วยความตื่นเต้นทันทีเมื่อเขาได้รับอนุญาต จากนั้นเขาจึงหันไปพูดกับหลิงฉุยฟงที่อยู่ข้าง ๆ เขา “ปู่สาม ครั้งนี้ข้าต้องขอรบกวนท่านแล้ว!”

จากนั้นเขาก็หยิบธงรบโลหิตจักรพรรดิออกมา พร้อมกับกระโดดออกจากรถม้าและตะโกนใส่กองทัพมังกรทั้งหมดว่า “ทหารของข้าจงตั้งค่ายกล! วันนี้เราจะทำให้คนภายนอกได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของกองทัพมังกรของเรา!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 456 เหยียบเข้าแดนศัตรู

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 456 เหยียบเข้าแดนศัตรู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 456 เหยียบเข้าแดนศัตรู

ที่อาณาจักรมังกรทะยาน หยูไท่ฉวนกำลังจมอยู่ในวังวนแห่งความเดือดดาล

ตอนนี้เขาได้รับข่าวแล้วว่า หยูเจิ้งหมิง ลูกชายคนหนึ่งของเขาเสียชีวิตในทะเลชางหมาง

ลูกชายของเขาไม่เพียงแต่ตายเท่านั้น แม้แต่อาณาจักรหลงซานที่พวกเขาลงทุนสร้างไว้ในทะเลชางหมางก็ถูกทำลายไปแล้ว

แล้วยิ่งเห็นลูกชายอีกคนของเขาที่หลบหนีมาอย่างหัวซุกหัวซุนพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญเพียงหยิบมือ ความโกรธในใจของเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น

ในฐานะคนของภูเขาเอ้อหลง พวกเขากลายเป็นผู้ถูกไล่ล่าเหมือนสุนัขจนตรอกตั้งแต่เมื่อไหร่?

และกองกำลังที่ทำให้ลูกชายของเขาอยู่ในสภาพอนาถขนาดนี้ไม่ใช่ขุมกำลังที่ยิ่งใหญ่มาจากไหน แต่กลับเป็นกองกำลังอันอ่อนด้อยที่อยู่ในทะเลชางหมาง แถมสมบัติลับของทะเลชางหมางกลับตกไปอยู่ในมือของคนเหล่านั้นอีกต่างหาก

“พวกมันกล้าดียังไงที่สังหารลูกชายของข้าแบบนี้!” หยูไท่ฉวนคำรามด้วยความโกรธ “รอก่อนเถอะ เมื่อไหร่ที่ทะเลชางหมางเปิดขึ้น เมื่อนั้นข้าจะทำให้พวกมันตายโดยไม่มีศพที่สมบูรณ์!”

แม้ว่าเขาจะโกรธ แต่เขาก็รู้ตัวดีว่าไม่สามารถทำอะไรได้ในตอนนี้

เนื่องจากในปัจจุบันทะเลชางหมางยังเป็นสถานที่ที่ผู้เชี่ยวชาญในระดับที่สูงกว่าระดับสวรรค์สามัญไม่สามารถเข้าไปได้ ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะใช้ความได้เปรียบของความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าของอาณาจักรมังกรทะยานของเขาบุกเข้าไปแก้แค้น

ส่วนเรื่องการส่งผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญเข้าไปอีกครั้งนั้นเขาได้ล้มเลิกความคิดนี้ไปแล้ว เพราะขนาดส่งเข้าไปเป็นร้อยยังทำอะไรไม่ได้ หากส่งเข้าไปอีกก็มีแต่จะส่งเข้าไปตายเปล่า

“หยูเฉิงจุน เจ้าจงนำกองกำลังของเจ้าแอบเข้าไปในทะเลชางหมาง เข้ายึดครองเกาะสัก 4-5 เกาะและพยายามสืบข่าวความลับของทะเลชางหมางมาเพิ่มเติมให้ได้” หยูไท่ฉวนสั่งลูกชายอีกคนของเขา

แม้ว่าอาณาจักรหลงซานของเขาจะถูกล้มล้างไปและความลับของทะเลชางหมางจะถูกผู้อื่นครอบครอง แต่เขาแน่ใจว่าในทะเลชางหมางน่าจะยังมีสมบัติอื่น ๆ เหลืออยู่และนอกจากเรื่องสมบัติแล้ว เขายังวางแผนที่จะส่งคนไปที่ทะเลชางหมางเพื่อสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรจันทราเพิ่มเติม และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมพวกเขาจะได้ทำลายอาณาจักรจันทราและแย่งสมบัติลับของทะเลชางหมางมาให้ได้

“รับทราบ เสด็จพ่อ!” หยูเฉิงจุนตอบกลับ

สำหรับเขา การได้เข้าสู่ทะเลชางหมางนับว่าเป็นโอกาสที่ดี

เนื่องจากถ้าเขาหาสมบัติลับที่เหลืออยู่ในทะเลชางหมางเจอ เขาก็จะเป็นคนแรกที่มีโอกาสใช้มันก่อน

ในขณะที่หยูเฉิงจุนกำลังวางแผนการต่าง ๆ อยู่ในหัวก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นและพูดกับหยูไท่ฉวน “ฝ่าบาท มีกองทัพจากอาณาจักรอี้จิ๋นกำลังมุ่งหน้ามาที่อาณาจักรมังกรทะยานของเรา!”

หยูไท่ฉวนถามอย่างรวดเร็ว “หืม? กองทัพที่มามีกำลังพลเท่าไหร่?”

“กองทัพที่มุ่งหน้าเข้ามามีจำนวนทหารราวห้าหมื่นนาย แต่สายข่าวของเรายังแจ้งว่าเขาได้เห็นหลงเฉินเป็นผู้ลากรถม้านำขบวนของฝั่งตรงข้ามมาด้วยฝ่าบาท!” บุคคลผู้นั้นตอบกลับ

เมื่อได้ยินรายงานเช่นนี้ สีหน้าของบรรดาผู้เชี่ยวชาญที่กลับมากับหยูเฉิงฮุยก็ถึงกับเปลี่ยนสี พวกเขาต่างรีบพูดขึ้นทันทีว่า “ฝ่าบาท เป็นพวกมัน! พวกมันคือคนของอาณาจักรจันทราอย่างแน่นอน! ไอ้พวกนี้แหละที่เป็นคนสังหารองค์ชายหยูเจิ้งหมิง!”

ใบหน้าของหยูไท่ฉวนดุดันขึ้นทันที เขายิ้มอย่างเย็นชาและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอาฆาต “ดี! ดีมาก! ถ้ามันอยู่ในทะเลชางหมางข้าก็คงยังไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้ ไม่คิดเลย ไม่คิดเลยว่าโชคจะเข้าข้างข้าให้พวกมันออกมาจากทะเลชางหมาง แถมยังมาหาข้าเองโดยที่ข้าไม่ต้องเสียแรงตามหาพวกมันสักนิด ฮึ่ม! ตาย พวกมันต้องตายแน่นอน บังอาจสังหารลูกชายข้าไม่พอยังจับเอาเผ่ามังกรไปเป็นสัตว์เทียมรถม้าอีกงั้นเหรอ! ปู้ไป่เต๋า เจ้าจงนำกองทัพเต่าดำออกไปจับพวกมันทั้งหมดมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะเอาเลือดพวกมันทุกคนมาทำพิธีบูชายัญให้กับลูกชายข้า!”

เมื่อได้ยินคำสั่ง ปู้ไป่เต๋าจึงก้าวออกมาข้างหน้าและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ฝ่าบาท ไอ้คนพวกนี้มันก็เป็นเพียงแค่กลุ่มคนที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า ที่มาจากพื้นที่ล้าหลังอย่างทะเลชางหมางก็แค่นั้น กระหม่อมไม่จำเป็นต้องพึ่งกองทัพเต่าดำในการจัดการกับพวกมันหรอก เพียงแค่ใช้ระดับการบ่มเพาะของกระหม่อมเพียงคนเดียวก็สามารถกำหราบพวกมันได้ทั้งหมดแล้ว!”

หยูไท่ฉวนส่ายหัวและพูดอย่างใจเย็น “เจ้าสามารถกำจัดพวกมันด้วยตัวเองได้ก็จริง แต่เจ้าสามารถนำคนนับหมื่นกลับมาได้ด้วยตัวคนเดียวหมดงั้นเหรอ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ปู้ไป่เต๋าก็ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนและพูดว่า “ข้าจะทำตามคำสั่งของฝ่าบาท และนำกองทัพเต่าดำไปกุมตัวพวกมันกลับมาให้ฝ่าบาทเดี๋ยวนี้!”

“จงรีบไป!” หยูไท่ฉวนพยักหน้า

ปู้ไป่เต๋าประสานมือโค้งคำนับ จากนั้นเขาก็ออกไปรวบรวมกำลังทหารและออกจากเมืองหลวงทันที ซึ่งกองกำลังทั้งหมดที่เขานำไปนั้นมีจำนวนทั้งหมดกว่าสามหมื่นนาย

ในเวลานี้ทางด้านของหลิงตู้ฉิงและคนของเขาก็กำลังมุ่งหน้ามาที่อาณาจักรมังกรทะยานด้วยความเร็วสม่ำเสมอ

ครึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดหลิงตู้ฉิงและคนของเขาก็ผ่านเขตแดนของอาณาจักรอี้จิ๋นและมาถึงชายแดนของอาณาจักรมังกรทะยาน จากนั้นเขาก็เพิกเฉยต่อความจริงที่ว่ากำลังข้ามพรมแดนและบุกเข้าไปในอาณาจักรมังกรทะยานโดยตรง

ในขณะที่เขาเข้าสู่เขตของอาณาจักรมังกรทะยาน ร่างของปู้ไป่เต๋าก็ปรากฏตัวขึ้นและตะโกนว่า “หยุด!”

เมื่อเห็นว่ามีคนออกมาขวางทาง หลงเฉินก็หยุดรถม้าลงพร้อมกับกองทัพที่ตามมาทั้งหมดก็หยุดลงเช่นกัน

“หลงเฉิน ในฐานะที่เจ้าเป็นคนของอาณาจักรมังกรทะยานเช่นกัน เจ้ารู้หรือไม่ว่าการที่เจ้ามาลากรถม้าให้ศัตรูเช่นนี้เจ้ามีความผิดสถานใด!” ปู้ไป่เต๋าตะโกนใส่หลงเฉิน “ในฐานะที่เจ้าเป็นผู้ที่มีสายเลือดมังกรที่แท้จริงไหลเวียนอยู่ในร่างกาย เจ้าไม่ละอายบ้างหรือไงที่มาทำหน้าที่ชั้นต่ำเช่นนี้ ไม่ใช่แค่เจ้าทำตัวเป็นคนทรยศเพียงอย่างเดียวแต่นี่เจ้ากลับทำให้บรรพชนในตระกูลที่ตายไปต้องเสียหน้าอีกต่างหาก!”

หลงเฉินกลอกตา และสาปแช่งปู้ไป่เต๋าในใจ ‘เจ้าคิดว่าข้าต้องการอยู่ในสภาพแบบนี้นักเหรอไงไอ้บ้าเอ๊ย!?’

แม้ว่าหลิงตู้ฉิงจะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา แต่สำหรับในความคิดของเขามันก็ยังไม่ใช่มีเกียรติสักเท่าไหร่ที่จะต้องมาทำหน้าที่ลากรถม้าให้กับมนุษย์ปกติ แต่ถึงแม้ในใจของเขาจะไม่ยินยอมสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับชะตากรรมโดยที่ไม่สามารถเถียงอะไรได้

เมื่อปู้ไป่เต๋าตำหนิหลงเฉินจนจบ จากนั้นเขาก็ตะโกนใส่กองทัพมังกรและถามว่า “พวกเจ้าเป็นใครกัน? พวกเจ้ากล้าดียังไงถึงบุกเข้ามาในอาณาจักรมังกรทะยานของข้าเช่นนี้?”

อันที่จริงปู้ไป่เต๋ามีแผนอยู่ในใจ เขาตั้งใจว่าเขาจะลงมือกำหราบคนเหล่านี้ด้วยความแข็งแกร่งของตัวเองเพียงคนเดียวเพื่อประกาศศักดาความแข็งแกร่งของเขา ซึ่งเขาเองไม่ได้ตั้งใจจะใช้กองทัพเต่าดำในการต่อสู้เลยด้วยซ้ำ เหตุผลที่เขานำกองทัพเต่าดำมานั้นเพียงแค่เพราะว่าเขาต้องการมีคนมาทำหน้าที่คุ้มกันเชลยพวกนี้กลับไปหาองค์จักรพรรดิของเขา

ขณะนี้ทางด้านของคนที่อยู่ภายในรถม้าต่างมองไปที่ปู้ไป่เต๋า และกองทัพเต่าดำด้านนอกด้วยดวงตาเป็นประกาย โดยเฉพาะหลิงว่านจุนที่ในตอนนี้ในใจของเขานั้นลุกโชนไปด้วยความกระตือรือร้น

ด้วยความร้อนรุ่มในใจที่เขาทนไม่ไหว หลิงว่านจุนจึงหันไปมองที่หลิงตู้ฉิง และพูดว่า “ท่านพ่อข้าต้องการทดสอบว่า กองทัพมังกรของข้าจะแข็งแกร่งพอเอาชนะพวกเขาได้หรือไม่!”

เหตุผลที่พวกเขานำกองทัพมังกรมาที่อาณาจักรมังกรทะยานด้วยนั้นคือการทดสอบว่ากองทัพมังกรมีความแข็งแกร่งสูงสุดมากเพียงใด

เนื่องจากภายในอาณาเขตทะเลชางหมางนั้นระดับพลังของพวกเขาถูกจำกัดให้สำแดงได้แค่ระดับสวรรค์สามัญ ดังนั้นกองทัพมังกรจึงหมดหนทางที่จะได้พิสูจน์ถึงอำนาจความแข็งแกร่งของตัวเองอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหลิงว่านจุนจะต้องการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของกองทัพตนเองมากเพียงใด เขาก็ไม่กล้าที่จะประมาทความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ โดยการขอความเห็นของหลิงตู้ฉิงก่อนเพื่อเป็นการบอกอย่างอ้อม ๆ ให้พ่อของเขาประเมินความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ หากพ่อของเขาตกลงนั่นก็แปลว่าพวกเขานั้นพอที่จะสู้ได้ แต่ถ้าหากพ่อของเขาไม่ตกลงนั่นก็แสดงว่าพวกเขายังไม่พร้อมและควรอยู่เฉย ๆ

หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปยังปู้ไป่เต๋าและกองทัพเต่าดำที่อยู่ด้านนอก จากนั้นเขาหันกลับมาและพยักหน้าเล็กน้อยให้กับหลิงว่านจุน “เจ้าสามารถใช้อำนาจของธงรบโลหิตจักรพรรดิบวกกับประสานกองทัพของปู่สามของเจ้าไว้ในค่ายกลรบของเจ้าและให้ปู่สามของเจ้าทำหน้าที่เป็นกองกำลังหลักในการโจมตี หากเจ้าทำทุกอย่างได้ถูกต้องเจ้าก็สามารถที่จะต่อกรกับพวกเขาได้”

“ข้าจะทำให้ดีที่สุด ท่านพ่อ!” หลิงว่านจุนตอบกลับด้วยความตื่นเต้นทันทีเมื่อเขาได้รับอนุญาต จากนั้นเขาจึงหันไปพูดกับหลิงฉุยฟงที่อยู่ข้าง ๆ เขา “ปู่สาม ครั้งนี้ข้าต้องขอรบกวนท่านแล้ว!”

จากนั้นเขาก็หยิบธงรบโลหิตจักรพรรดิออกมา พร้อมกับกระโดดออกจากรถม้าและตะโกนใส่กองทัพมังกรทั้งหมดว่า “ทหารของข้าจงตั้งค่ายกล! วันนี้เราจะทำให้คนภายนอกได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของกองทัพมังกรของเรา!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+