พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 460 ทำลายวิถีเต๋า

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 460 ทำลายวิถีเต๋า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 460 ทำลายวิถีเต๋า ภายในรถม้า หลิงตู้ฉิงเห็นว่าในที่สุดหยูไท่ฉวนก็มาถึง เขาสั่งคนอื่น ๆ ทันที “อย่าก้าวออกจากขอบเขตของค่ายกลกระบี่เหินเมฆาเด็ดขาด” มีคนจำนวนมากเกินไป หากพวกเขาทั้งหมดก้าวออกจากขอบเขตของค่ายกลกระบี่เหินเมฆา มันก็ยากที่หลิงตู้ฉิงจะปกป้องพวกเขาได้ทั้งหมด จากนั้น หลิงตู้ฉิงก็ก้าวเท้าออกจากค่ายกลกระบี่เหินเมฆา เย่ชิงเฉิง ซึ่งอยู่ด้านข้างมองไปที่หลิงตู้ฉิง ก่อนที่จะจ้องมองไปที่เย่หยูหลัน เย่หยูหลันถอนหายใจกับตัวเอง นางยืนขึ้นและเดินออกจากค่ายกลกระบี่เหินเมฆา และไปยืนอยู่ข้าง ๆ หลิงตู้ฉิง ในอีกด้านหนึ่ง หยูไท่ฉวนและคนอื่น ๆ ก็จริงจังมากขึ้นเมื่อพวกเขาเห็นการปรากฏตัวของเย่หยูหลัน หลิงตู้ฉิงกวาดสายตามองไปที่กลุ่มคน และเมื่อเขามองไม่เห็นหยูเฉิงฮุย เขาก็มองไปที่หยูไท่ฉวน และถามขึ้นว่า “หยูเฉิงฮุยอยู่ที่ไหน?” ในขณะนี้ หยูเฉิงฮุยซ่อนตัวอยู่หลังกลุ่มคน ไม่กล้าที่จะส่งเสียงใด ๆ แม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรมังกรทะยาน และเขาก็มีคนมากมายที่คอยปกป้องเขา แต่เขาก็ยังไม่กล้าที่จะแสดงตัว เขารู้สึกหวาดกลัวหลิงตู้ฉิงอย่างแท้จริง จากเรื่องที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพี่ชายของเขาให้เขาได้ยิน วิธีการแบบใดกันที่สามารถทำให้คนกลายเป็นผีไปจริง ๆ เมื่อคิดได้เช่นนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เขาจะกล้าออกไปได้อย่างไร? เว้นแต่ทุกอย่างจะจบสิ้นลงและผู้คนทั้งหมดจากอาณาจักรจันทราถูกจับ จากนั้นเขาถึงจะกล้าออกมาเสนอหน้า ในขณะนี้เมื่อได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงกำลังมองหาเขา คอของเขาก็หดกลับทันที อีกด้านหนึ่ง หยูไท่ฉวนถามตอบกลับเช่นกัน หลังจากที่ได้ยินคำถามของหลิงตู้ฉิง “เจ้าต้องการที่จะทำอะไร?” หลิงตู้ฉิงจ้องไปที่หยูไท่ฉวน และพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “มอบหยูเฉิงฮุยมา ข้ามีปัญหาบางอย่างที่ต้องจัดการกับเขา!” หยูไท่ฉวนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น “ถ้าอย่างนั้นข้าขอถามเจ้าก่อนว่าเป็นเจ้าใช่ไหมที่สังหารลูกชายคนโตของข้า หยูเจิ้งหมิง? และตอนนี้เจ้าได้นำกองกำลังของเจ้ามายังเมืองหลวงของข้า พร้อมกับดูหมิ่นคนของข้า เจ้าได้คำนึงถึงผลที่ตามมาดีแล้วใช่ไหม?” “ถ้าเจ้าไม่ส่งหยูเฉิงฮุยมาให้ข้า ผลลัพธ์ที่เจ้าจะได้เผชิญมันจะน่ากลัวยิ่งกว่าที่ลูกชายของเจ้าได้เจอเป็นร้อยเท่า!” หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา หยูไท่ฉวนหัวเราะเยาะ และไม่สนใจคำขู่ของหลิงตู้ฉิง เขาหันไปหาเย่หยูหลันและถามขึ้น “ข้ารู้ว่าเจ้าคือคนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ ข้าอยากรู้ว่าสำนักของเจ้าต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้จริง ๆ ใช่ไหม?” เมื่อได้ยินคำถามนี้ เย่หยูหลันลังเลเล็กน้อย เพราะนางเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ภารกิจของนางคือการปกป้องเย่ชิงเฉิง นอกเหนือจากความปลอดภัยของเย่ชิงเฉิงแล้ว อันที่จริงนางก็ไม่สนใจอะไรอย่างอื่นอีก อย่างมากที่สุด นางก็แค่ต้องดูแลความปลอดภัยของหลิงตู้ฉิงอีกคนด้วยเท่านั้น ส่วนอย่างอื่นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับนางเลย เมื่อเห็นว่าเย่หยูหลันไม่ตอบอะไรออกไป เย่ชิงเฉิงก็เดินออกมาทันทีและพูดว่า “ข้าคือ เย่ชิงเฉิง จากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ หลิงตู้ฉิงเป็นสามีของข้า หลิงว่านถิงที่ถูกหยูเฉิงฮุยหลอกก็เป็นลูกสาวของข้า เจ้าคิดว่าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของข้าควรเข้ามายุ่งหรือไม่?” “สรุปแล้วเจ้ากำลังจะหมายถึงสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า ต้องการทำสงครามกับตำหนักมังกรและภูเขาเอ้อหลงของเรางั้นเหรอ?” หยูไท่ฉวนถามขึ้นกลับ เย่หยูหลันพูดอย่างรวดเร็วว่า “คุณหนู…” สำนักมหาอำนาจทั้งสองจะกลายเป็นศัตรูกันโดยเรื่องแบบนี้ได้ยังไง? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสถานการณ์ปัจจุบันของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ยังระส่ำระส่ายจากปัญหาภายในอยู่แบบนี้ การสร้างศัตรูเพิ่มมันจะยิ่งทำให้สำนักของนางตกอยู่ในสถานการณ์ที่แย่มากไปกว่าเดิม เย่ชิงเฉิงโบกมือหยุดเย่หยูหลันไม่ให้พูดอะไรต่อ นางจ้องไปที่หยูไท่ฉวนและพูดว่า “เจ้าไม่สามารถเป็นตัวแทนของตำหนักมังกรได้ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเป็นตัวแทนของภูเขาเอ้อหลง และจงอย่าลืมว่าลูกชายของเจ้าได้ทำเรื่องสกปรกเอาไว้ต่อพวกข้าก่อน ดังนั้นหากตำหนักมังกรล่วงรู้ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่ยืนหยัดเพื่อเจ้า พวกเขาอาจจะล้างบางพวกเจ้าซะมากกว่า” หยูไท่ฉวนเย้ยหยัน “แล้วการที่เจ้าดูหมิ่นเผ่ามังกรโดยการบังคับให้หลงเฉิน มาลากรถม้าให้กับพวกเจ้าเช่นนี้ พวกเจ้าคิดว่าตำหนักมังกรและภูเขาเอ้อหลงจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อได้ทราบเรื่องแล้ว?” เมื่อพูดถึงประเด็นนี้ เย่ชิงเฉิงก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี จากมุมมองของนาง การที่สามีของนางได้ให้หลงเฉินมาลากรถม้าให้นั้นถือเป็นการให้ค่าหลงเฉินมากเกินไปด้วยซ้ำ นางไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้ไม่เห็นหรือไงว่า แม้แต่สารถีของสามีนางก็เป็นคนที่จากภูเขาฟีนิกซ์เช่นกัน อย่างไรก็ตามนางไม่สามารถยกเรื่องนี้ออกมาพูดดัง ๆ ได้ เพราะมันก็อาจจะมีปัญหาของประเด็นอื่น ๆ ตามมาอีก หลิงตู้ฉิงที่ในตอนนี้ทนฟังมาได้สักพักแล้วก็เริ่มขมวดคิ้ว และพูดว่า “ข้าแค่อยากถามเจ้าว่า หยูเฉิงฮุย อยู่ที่ไหน? ส่วนเรื่องการลากรถม้า หากเผ่ามังกรไม่พอใจ เจ้าก็จงไปบอกให้พวกเขามาหาข้า” หยูไท่ฉวนมองเย่หยูหลันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และพูดว่า “ถ้าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า และตำหนักมังกรของเราไม่ต้องการทำให้เกิดความเข้าใจผิดโดยไม่จำเป็น เจ้าก็จงอยู่เฉย ๆ ไว้ มิฉะนั้นข้าจะคิดว่าสำนักของเจ้าต้องการเป็นศัตรูกับพวกเราเผ่ามังกร!” เมื่อหยูไท่ฉวนเห็นว่าแผนการกีดกันเย่ชิงเฉิงและเย่หยูหลันด้วยคำพูดน่าจะได้ผล เขาก็มองไปที่หลิงตู้ฉิง และพูดว่า “สำหรับเจ้า เจ้าเป็นใครถึงกล้ามาสั่งให้ข้ามอบลูกชายข้าให้กับเจ้า? และอีกอย่างในเมื่อเจ้าเป็นคนที่ฆ่าลูกชายของข้า ดังนั้นเจ้าต้องจ่ายค่าตอบแทนนั้นมาด้วยชีวิตของเจ้า! ปรมาจารย์หลู กำจัดไอ้คนผู้นี้ซะ!” “น้อมรับบัญชา ฝ่าบาท!” หลูตงหมิงพยักหน้า จากนั้น หลูตงหมิงก็เดินไปหาเย่หยูหลันและพูดว่า “ถ้าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าไม่ต้องการที่จะมีส่วนร่วมก็อยู่เฉย ๆ” “ป้าหลัน…” เย่ชิงเฉิงรีบพูด เย่หยูหลันเงียบไม่ตอบอะไร เพราะนางเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อดี หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปที่เย่หยูหลันและเย่ชิงเฉิง จากนั้นเขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ชิงเฉิง พวกเจ้าทุกคนถอยไปก่อน!” เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่ชิงเฉิงก็พยักหน้าเบา ๆ และเดินกลับเข้าไปที่ค่ายกลกระบี่เหินเมฆาอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่เย่หยูหลันยังคงยืนอยู่ด้านข้างหลิงตู้ฉิงไม่ขยับไปไหน หลูตงหมิงยิ้ม “เจ้าเห็นไหมว่าการที่เจ้าจะได้เข้าเฝ้าองค์ชายมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย แต่ไม่ต้องเป็นห่วง เมื่อข้าจับพวกเจ้าได้ทั้งหมดเรียบร้อย ข้าแน่ใจว่าเจ้าและคนของเจ้าจะได้พบกับองค์ชายของข้าแน่นอน” หลังจากพูดจบ หลูตงหมิงก็โบกไม้เท้าสีทอง ก่อรูปพลังวิญญาณเป็นมือขนาดใหญ่หมายจะคว้าไปที่ตัวของหลิงตู้ฉิง ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เมื่อเห็นเช่นนี้เขาเองก็โบกมือขึ้น สั่งกระบี่บิน 3 เล่มพุ่งออกมาจากค่ายกลกระบี่เหินเมฆา เข้าปะทะกับมือยักษ์ของหลูตงหมิง “เจ้านี่ไม่เลวเลยทีเดียว!” หลูตงหมิงพูดด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “แต่ถ้าเจ้าจะหวังพึ่งแค่ค่ายกลกระบี่กระจอก ๆ ของเจ้าเพียงอย่างเดียวเพื่อมาสร้างความวุ่นวายให้กับอาณาจักรมังกรทะยานของเราแล้วล่ะก็ เจ้าคิดผิดแล้ว!” เมื่อพูดจบ หลูตงหมิงก็ยิ่งเร่งโคจรพลังวิญญาณของเขาใส่เข้าไปในไม้เท้าในมือมากขึ้นไปอีก หวังที่จะเผด็จศึกหลิงตู้ฉิงให้ได้ในคราวเดียว แต่ยังไงซะ หลิงตู้ฉิงเองก็โบกมือขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้าเย็นชา ส่งผลให้กระบี่บินอีก 7 เล่มบินออกมาจากค่ายกลกระบี่ พุ่งไปหมุนรอบหลูตงหมิง กระบี่บินทั้งเจ็ดนี้ตัดการรับรู้ของหลูตงหมิงที่มีต่อพลังแห่งกฎของโลกรอบกายเขาโดยตรง จากนั้นกระบี่ก็เริ่มผนึกพื้นที่หลบหนีของหลูตงหมิง และโอกาสในการโจมตีของเขา “เฮ้ย!” ภายในรถม้า ลั่วหยุนอุทาน “กระบวนท่าที่สองของวิชาดาราโลหิตประสานกระบี่?” สีเป่ยเซียะที่อยู่ข้าง ๆ ถามด้วยความประหลาดใจ “ผู้อาวุโสลั่ว นั่นมันใช่จริง ๆ งั้นเหรอ?” “ถูกต้อง แต่พลังของมันน้อยเกินไป!” ลั่วหยุนส่ายหัวและพูดว่า “กระบวนท่าที่สองนี้คือ ‘กระบี่คลุมนภาสังหาร’ กระบวนท่ากระบี่นี้คือการใช้กระบี่จำกัดการเคลื่อนไหวก่อน และจากนั้นค่อยสังหารศัตรูด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว อย่างไรก็ตามปัญหาของกระบวนท่านี้ในตอนนี้คือพลังที่ใช้สำแดงมันออกมานั้นอ่อนแอมาก ซึ่งข้าไม่แน่ใจว่าการโจมตีที่กำลังจะเกิดมันจะเพียงพอที่จะสังหารฝั่งตรงข้ามหรือไม่ แต่ที่ข้าแน่ใจก็คือฝั่งตรงข้ามได้ถูกจำกัดความเคลื่อนไหวอย่างสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว” ในขณะนี้กระบี่บินทั้งเจ็ดได้สานเป็นกรง และขังหลูตงหมิงไว้ข้างใน หลูตงหมิงที่อยู่ด้านในกรงก็พยายามใช้อำนาจของไม้เท้าที่อยู่ในมือเพื่อทำลายกรงที่ห้อมล้อมเขาอย่างสุดฤทธิ์ แต่น่าเสียดายที่การกระทำของเขามันเหมือนว่าจะไร้ประโยชน์เพราะกรงที่ขังเขาไว้นั้นไม่มีร่องรอยของความเสียหายแม้แต่น้อย “ให้ข้าถามเจ้าอีกครั้ง หยูเฉิงฮุยอยู่ที่ไหน?” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นพลางมองไปที่หยูไท่ฉวน “ถ้าเจ้าไม่มอบหยูเฉิงฮุยมาให้ข้า เจ้าจะต้องรับผลที่ตามมาในภายหลัง!” หยูไท่ฉวนมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้ามืดหม่น หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตะโกนขึ้น “ข้าอยากเห็นจริง ๆ ว่าเจ้าจะมีกระบี่สักกี่เล่ม! ทุกคนทำลายค่ายกลของมันและจับพวกมันทั้งหมดให้มาคุกเข่าตรงหน้าข้า!” เมื่อได้ยินคำสั่ง บรรดาผู้เชี่ยวชาญของหยูไท่ฉวนทั้งหมดก็บินขึ้นไปบนอากาศ และกระโจนเข้าหาค่ายกลกระบี่เหินเมฆาพร้อมกับพุ่งเข้าหาหลิงตู้ฉิง หลิงตู้ฉิง เมื่อเห็นเช่นนี้เขาก็ตะคอกขึ้นเช่นกัน “ในเมื่อเจ้าไม่ฟังคำข้า งั้นข้าจะทำลายดวงใจจักรพรรดิที่เจ้าบ่มเพาะอยู่ซะ! ลั่วหยุนถึงตาเจ้าแล้ว!”

บทที่ 460 ทำลายวิถีเต๋า

ภายในรถม้า หลิงตู้ฉิงเห็นว่าในที่สุดหยูไท่ฉวนก็มาถึง เขาสั่งคนอื่น ๆ ทันที “อย่าก้าวออกจากขอบเขตของค่ายกลกระบี่เหินเมฆาเด็ดขาด”

มีคนจำนวนมากเกินไป หากพวกเขาทั้งหมดก้าวออกจากขอบเขตของค่ายกลกระบี่เหินเมฆา มันก็ยากที่หลิงตู้ฉิงจะปกป้องพวกเขาได้ทั้งหมด

จากนั้น หลิงตู้ฉิงก็ก้าวเท้าออกจากค่ายกลกระบี่เหินเมฆา

เย่ชิงเฉิง ซึ่งอยู่ด้านข้างมองไปที่หลิงตู้ฉิง ก่อนที่จะจ้องมองไปที่เย่หยูหลัน

เย่หยูหลันถอนหายใจกับตัวเอง นางยืนขึ้นและเดินออกจากค่ายกลกระบี่เหินเมฆา และไปยืนอยู่ข้าง ๆ หลิงตู้ฉิง

ในอีกด้านหนึ่ง หยูไท่ฉวนและคนอื่น ๆ ก็จริงจังมากขึ้นเมื่อพวกเขาเห็นการปรากฏตัวของเย่หยูหลัน

หลิงตู้ฉิงกวาดสายตามองไปที่กลุ่มคน และเมื่อเขามองไม่เห็นหยูเฉิงฮุย เขาก็มองไปที่หยูไท่ฉวน และถามขึ้นว่า “หยูเฉิงฮุยอยู่ที่ไหน?”

ในขณะนี้ หยูเฉิงฮุยซ่อนตัวอยู่หลังกลุ่มคน ไม่กล้าที่จะส่งเสียงใด ๆ

แม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรมังกรทะยาน และเขาก็มีคนมากมายที่คอยปกป้องเขา แต่เขาก็ยังไม่กล้าที่จะแสดงตัว

เขารู้สึกหวาดกลัวหลิงตู้ฉิงอย่างแท้จริง จากเรื่องที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพี่ชายของเขาให้เขาได้ยิน

วิธีการแบบใดกันที่สามารถทำให้คนกลายเป็นผีไปจริง ๆ เมื่อคิดได้เช่นนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เขาจะกล้าออกไปได้อย่างไร?

เว้นแต่ทุกอย่างจะจบสิ้นลงและผู้คนทั้งหมดจากอาณาจักรจันทราถูกจับ จากนั้นเขาถึงจะกล้าออกมาเสนอหน้า

ในขณะนี้เมื่อได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงกำลังมองหาเขา คอของเขาก็หดกลับทันที

อีกด้านหนึ่ง หยูไท่ฉวนถามตอบกลับเช่นกัน หลังจากที่ได้ยินคำถามของหลิงตู้ฉิง “เจ้าต้องการที่จะทำอะไร?”

หลิงตู้ฉิงจ้องไปที่หยูไท่ฉวน และพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “มอบหยูเฉิงฮุยมา ข้ามีปัญหาบางอย่างที่ต้องจัดการกับเขา!”

หยูไท่ฉวนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น “ถ้าอย่างนั้นข้าขอถามเจ้าก่อนว่าเป็นเจ้าใช่ไหมที่สังหารลูกชายคนโตของข้า หยูเจิ้งหมิง? และตอนนี้เจ้าได้นำกองกำลังของเจ้ามายังเมืองหลวงของข้า พร้อมกับดูหมิ่นคนของข้า เจ้าได้คำนึงถึงผลที่ตามมาดีแล้วใช่ไหม?”

“ถ้าเจ้าไม่ส่งหยูเฉิงฮุยมาให้ข้า ผลลัพธ์ที่เจ้าจะได้เผชิญมันจะน่ากลัวยิ่งกว่าที่ลูกชายของเจ้าได้เจอเป็นร้อยเท่า!” หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา

หยูไท่ฉวนหัวเราะเยาะ และไม่สนใจคำขู่ของหลิงตู้ฉิง เขาหันไปหาเย่หยูหลันและถามขึ้น “ข้ารู้ว่าเจ้าคือคนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ ข้าอยากรู้ว่าสำนักของเจ้าต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้จริง ๆ ใช่ไหม?”

เมื่อได้ยินคำถามนี้ เย่หยูหลันลังเลเล็กน้อย เพราะนางเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร

ภารกิจของนางคือการปกป้องเย่ชิงเฉิง นอกเหนือจากความปลอดภัยของเย่ชิงเฉิงแล้ว อันที่จริงนางก็ไม่สนใจอะไรอย่างอื่นอีก อย่างมากที่สุด นางก็แค่ต้องดูแลความปลอดภัยของหลิงตู้ฉิงอีกคนด้วยเท่านั้น ส่วนอย่างอื่นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับนางเลย

เมื่อเห็นว่าเย่หยูหลันไม่ตอบอะไรออกไป เย่ชิงเฉิงก็เดินออกมาทันทีและพูดว่า “ข้าคือ เย่ชิงเฉิง จากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ หลิงตู้ฉิงเป็นสามีของข้า หลิงว่านถิงที่ถูกหยูเฉิงฮุยหลอกก็เป็นลูกสาวของข้า เจ้าคิดว่าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของข้าควรเข้ามายุ่งหรือไม่?”

“สรุปแล้วเจ้ากำลังจะหมายถึงสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า ต้องการทำสงครามกับตำหนักมังกรและภูเขาเอ้อหลงของเรางั้นเหรอ?” หยูไท่ฉวนถามขึ้นกลับ

เย่หยูหลันพูดอย่างรวดเร็วว่า “คุณหนู…”

สำนักมหาอำนาจทั้งสองจะกลายเป็นศัตรูกันโดยเรื่องแบบนี้ได้ยังไง? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสถานการณ์ปัจจุบันของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ยังระส่ำระส่ายจากปัญหาภายในอยู่แบบนี้ การสร้างศัตรูเพิ่มมันจะยิ่งทำให้สำนักของนางตกอยู่ในสถานการณ์ที่แย่มากไปกว่าเดิม

เย่ชิงเฉิงโบกมือหยุดเย่หยูหลันไม่ให้พูดอะไรต่อ นางจ้องไปที่หยูไท่ฉวนและพูดว่า “เจ้าไม่สามารถเป็นตัวแทนของตำหนักมังกรได้ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเป็นตัวแทนของภูเขาเอ้อหลง และจงอย่าลืมว่าลูกชายของเจ้าได้ทำเรื่องสกปรกเอาไว้ต่อพวกข้าก่อน ดังนั้นหากตำหนักมังกรล่วงรู้ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่ยืนหยัดเพื่อเจ้า พวกเขาอาจจะล้างบางพวกเจ้าซะมากกว่า”

หยูไท่ฉวนเย้ยหยัน “แล้วการที่เจ้าดูหมิ่นเผ่ามังกรโดยการบังคับให้หลงเฉิน มาลากรถม้าให้กับพวกเจ้าเช่นนี้ พวกเจ้าคิดว่าตำหนักมังกรและภูเขาเอ้อหลงจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อได้ทราบเรื่องแล้ว?”

เมื่อพูดถึงประเด็นนี้ เย่ชิงเฉิงก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี

จากมุมมองของนาง การที่สามีของนางได้ให้หลงเฉินมาลากรถม้าให้นั้นถือเป็นการให้ค่าหลงเฉินมากเกินไปด้วยซ้ำ นางไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้ไม่เห็นหรือไงว่า แม้แต่สารถีของสามีนางก็เป็นคนที่จากภูเขาฟีนิกซ์เช่นกัน อย่างไรก็ตามนางไม่สามารถยกเรื่องนี้ออกมาพูดดัง ๆ ได้ เพราะมันก็อาจจะมีปัญหาของประเด็นอื่น ๆ ตามมาอีก

หลิงตู้ฉิงที่ในตอนนี้ทนฟังมาได้สักพักแล้วก็เริ่มขมวดคิ้ว และพูดว่า “ข้าแค่อยากถามเจ้าว่า หยูเฉิงฮุย อยู่ที่ไหน? ส่วนเรื่องการลากรถม้า หากเผ่ามังกรไม่พอใจ เจ้าก็จงไปบอกให้พวกเขามาหาข้า”

หยูไท่ฉวนมองเย่หยูหลันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และพูดว่า “ถ้าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า และตำหนักมังกรของเราไม่ต้องการทำให้เกิดความเข้าใจผิดโดยไม่จำเป็น เจ้าก็จงอยู่เฉย ๆ ไว้ มิฉะนั้นข้าจะคิดว่าสำนักของเจ้าต้องการเป็นศัตรูกับพวกเราเผ่ามังกร!”

เมื่อหยูไท่ฉวนเห็นว่าแผนการกีดกันเย่ชิงเฉิงและเย่หยูหลันด้วยคำพูดน่าจะได้ผล เขาก็มองไปที่หลิงตู้ฉิง และพูดว่า “สำหรับเจ้า เจ้าเป็นใครถึงกล้ามาสั่งให้ข้ามอบลูกชายข้าให้กับเจ้า? และอีกอย่างในเมื่อเจ้าเป็นคนที่ฆ่าลูกชายของข้า ดังนั้นเจ้าต้องจ่ายค่าตอบแทนนั้นมาด้วยชีวิตของเจ้า! ปรมาจารย์หลู กำจัดไอ้คนผู้นี้ซะ!”

“น้อมรับบัญชา ฝ่าบาท!” หลูตงหมิงพยักหน้า

จากนั้น หลูตงหมิงก็เดินไปหาเย่หยูหลันและพูดว่า “ถ้าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าไม่ต้องการที่จะมีส่วนร่วมก็อยู่เฉย ๆ”

“ป้าหลัน…” เย่ชิงเฉิงรีบพูด

เย่หยูหลันเงียบไม่ตอบอะไร เพราะนางเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อดี

หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปที่เย่หยูหลันและเย่ชิงเฉิง จากนั้นเขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ชิงเฉิง พวกเจ้าทุกคนถอยไปก่อน!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่ชิงเฉิงก็พยักหน้าเบา ๆ และเดินกลับเข้าไปที่ค่ายกลกระบี่เหินเมฆาอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่เย่หยูหลันยังคงยืนอยู่ด้านข้างหลิงตู้ฉิงไม่ขยับไปไหน

หลูตงหมิงยิ้ม “เจ้าเห็นไหมว่าการที่เจ้าจะได้เข้าเฝ้าองค์ชายมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย แต่ไม่ต้องเป็นห่วง เมื่อข้าจับพวกเจ้าได้ทั้งหมดเรียบร้อย ข้าแน่ใจว่าเจ้าและคนของเจ้าจะได้พบกับองค์ชายของข้าแน่นอน”

หลังจากพูดจบ หลูตงหมิงก็โบกไม้เท้าสีทอง ก่อรูปพลังวิญญาณเป็นมือขนาดใหญ่หมายจะคว้าไปที่ตัวของหลิงตู้ฉิง

ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เมื่อเห็นเช่นนี้เขาเองก็โบกมือขึ้น สั่งกระบี่บิน 3 เล่มพุ่งออกมาจากค่ายกลกระบี่เหินเมฆา เข้าปะทะกับมือยักษ์ของหลูตงหมิง

“เจ้านี่ไม่เลวเลยทีเดียว!” หลูตงหมิงพูดด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “แต่ถ้าเจ้าจะหวังพึ่งแค่ค่ายกลกระบี่กระจอก ๆ ของเจ้าเพียงอย่างเดียวเพื่อมาสร้างความวุ่นวายให้กับอาณาจักรมังกรทะยานของเราแล้วล่ะก็ เจ้าคิดผิดแล้ว!”

เมื่อพูดจบ หลูตงหมิงก็ยิ่งเร่งโคจรพลังวิญญาณของเขาใส่เข้าไปในไม้เท้าในมือมากขึ้นไปอีก หวังที่จะเผด็จศึกหลิงตู้ฉิงให้ได้ในคราวเดียว

แต่ยังไงซะ หลิงตู้ฉิงเองก็โบกมือขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้าเย็นชา ส่งผลให้กระบี่บินอีก 7 เล่มบินออกมาจากค่ายกลกระบี่ พุ่งไปหมุนรอบหลูตงหมิง

กระบี่บินทั้งเจ็ดนี้ตัดการรับรู้ของหลูตงหมิงที่มีต่อพลังแห่งกฎของโลกรอบกายเขาโดยตรง จากนั้นกระบี่ก็เริ่มผนึกพื้นที่หลบหนีของหลูตงหมิง และโอกาสในการโจมตีของเขา

“เฮ้ย!” ภายในรถม้า ลั่วหยุนอุทาน “กระบวนท่าที่สองของวิชาดาราโลหิตประสานกระบี่?”

สีเป่ยเซียะที่อยู่ข้าง ๆ ถามด้วยความประหลาดใจ “ผู้อาวุโสลั่ว นั่นมันใช่จริง ๆ งั้นเหรอ?”

“ถูกต้อง แต่พลังของมันน้อยเกินไป!” ลั่วหยุนส่ายหัวและพูดว่า “กระบวนท่าที่สองนี้คือ ‘กระบี่คลุมนภาสังหาร’ กระบวนท่ากระบี่นี้คือการใช้กระบี่จำกัดการเคลื่อนไหวก่อน และจากนั้นค่อยสังหารศัตรูด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว อย่างไรก็ตามปัญหาของกระบวนท่านี้ในตอนนี้คือพลังที่ใช้สำแดงมันออกมานั้นอ่อนแอมาก ซึ่งข้าไม่แน่ใจว่าการโจมตีที่กำลังจะเกิดมันจะเพียงพอที่จะสังหารฝั่งตรงข้ามหรือไม่ แต่ที่ข้าแน่ใจก็คือฝั่งตรงข้ามได้ถูกจำกัดความเคลื่อนไหวอย่างสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว”

ในขณะนี้กระบี่บินทั้งเจ็ดได้สานเป็นกรง และขังหลูตงหมิงไว้ข้างใน

หลูตงหมิงที่อยู่ด้านในกรงก็พยายามใช้อำนาจของไม้เท้าที่อยู่ในมือเพื่อทำลายกรงที่ห้อมล้อมเขาอย่างสุดฤทธิ์ แต่น่าเสียดายที่การกระทำของเขามันเหมือนว่าจะไร้ประโยชน์เพราะกรงที่ขังเขาไว้นั้นไม่มีร่องรอยของความเสียหายแม้แต่น้อย

“ให้ข้าถามเจ้าอีกครั้ง หยูเฉิงฮุยอยู่ที่ไหน?” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นพลางมองไปที่หยูไท่ฉวน “ถ้าเจ้าไม่มอบหยูเฉิงฮุยมาให้ข้า เจ้าจะต้องรับผลที่ตามมาในภายหลัง!”

หยูไท่ฉวนมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้ามืดหม่น หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตะโกนขึ้น “ข้าอยากเห็นจริง ๆ ว่าเจ้าจะมีกระบี่สักกี่เล่ม! ทุกคนทำลายค่ายกลของมันและจับพวกมันทั้งหมดให้มาคุกเข่าตรงหน้าข้า!”

เมื่อได้ยินคำสั่ง บรรดาผู้เชี่ยวชาญของหยูไท่ฉวนทั้งหมดก็บินขึ้นไปบนอากาศ และกระโจนเข้าหาค่ายกลกระบี่เหินเมฆาพร้อมกับพุ่งเข้าหาหลิงตู้ฉิง

หลิงตู้ฉิง เมื่อเห็นเช่นนี้เขาก็ตะคอกขึ้นเช่นกัน “ในเมื่อเจ้าไม่ฟังคำข้า งั้นข้าจะทำลายดวงใจจักรพรรดิที่เจ้าบ่มเพาะอยู่ซะ! ลั่วหยุนถึงตาเจ้าแล้ว!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) 460 ทำลายวิถีเต๋า

Now you are reading พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) Chapter 460 ทำลายวิถีเต๋า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 460 ทำลายวิถีเต๋า ภายในรถม้า หลิงตู้ฉิงเห็นว่าในที่สุดหยูไท่ฉวนก็มาถึง เขาสั่งคนอื่น ๆ ทันที “อย่าก้าวออกจากขอบเขตของค่ายกลกระบี่เหินเมฆาเด็ดขาด” มีคนจำนวนมากเกินไป หากพวกเขาทั้งหมดก้าวออกจากขอบเขตของค่ายกลกระบี่เหินเมฆา มันก็ยากที่หลิงตู้ฉิงจะปกป้องพวกเขาได้ทั้งหมด จากนั้น หลิงตู้ฉิงก็ก้าวเท้าออกจากค่ายกลกระบี่เหินเมฆา เย่ชิงเฉิง ซึ่งอยู่ด้านข้างมองไปที่หลิงตู้ฉิง ก่อนที่จะจ้องมองไปที่เย่หยูหลัน เย่หยูหลันถอนหายใจกับตัวเอง นางยืนขึ้นและเดินออกจากค่ายกลกระบี่เหินเมฆา และไปยืนอยู่ข้าง ๆ หลิงตู้ฉิง ในอีกด้านหนึ่ง หยูไท่ฉวนและคนอื่น ๆ ก็จริงจังมากขึ้นเมื่อพวกเขาเห็นการปรากฏตัวของเย่หยูหลัน หลิงตู้ฉิงกวาดสายตามองไปที่กลุ่มคน และเมื่อเขามองไม่เห็นหยูเฉิงฮุย เขาก็มองไปที่หยูไท่ฉวน และถามขึ้นว่า “หยูเฉิงฮุยอยู่ที่ไหน?” ในขณะนี้ หยูเฉิงฮุยซ่อนตัวอยู่หลังกลุ่มคน ไม่กล้าที่จะส่งเสียงใด ๆ แม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรมังกรทะยาน และเขาก็มีคนมากมายที่คอยปกป้องเขา แต่เขาก็ยังไม่กล้าที่จะแสดงตัว เขารู้สึกหวาดกลัวหลิงตู้ฉิงอย่างแท้จริง จากเรื่องที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพี่ชายของเขาให้เขาได้ยิน วิธีการแบบใดกันที่สามารถทำให้คนกลายเป็นผีไปจริง ๆ เมื่อคิดได้เช่นนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เขาจะกล้าออกไปได้อย่างไร? เว้นแต่ทุกอย่างจะจบสิ้นลงและผู้คนทั้งหมดจากอาณาจักรจันทราถูกจับ จากนั้นเขาถึงจะกล้าออกมาเสนอหน้า ในขณะนี้เมื่อได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงกำลังมองหาเขา คอของเขาก็หดกลับทันที อีกด้านหนึ่ง หยูไท่ฉวนถามตอบกลับเช่นกัน หลังจากที่ได้ยินคำถามของหลิงตู้ฉิง “เจ้าต้องการที่จะทำอะไร?” หลิงตู้ฉิงจ้องไปที่หยูไท่ฉวน และพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “มอบหยูเฉิงฮุยมา ข้ามีปัญหาบางอย่างที่ต้องจัดการกับเขา!” หยูไท่ฉวนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น “ถ้าอย่างนั้นข้าขอถามเจ้าก่อนว่าเป็นเจ้าใช่ไหมที่สังหารลูกชายคนโตของข้า หยูเจิ้งหมิง? และตอนนี้เจ้าได้นำกองกำลังของเจ้ามายังเมืองหลวงของข้า พร้อมกับดูหมิ่นคนของข้า เจ้าได้คำนึงถึงผลที่ตามมาดีแล้วใช่ไหม?” “ถ้าเจ้าไม่ส่งหยูเฉิงฮุยมาให้ข้า ผลลัพธ์ที่เจ้าจะได้เผชิญมันจะน่ากลัวยิ่งกว่าที่ลูกชายของเจ้าได้เจอเป็นร้อยเท่า!” หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา หยูไท่ฉวนหัวเราะเยาะ และไม่สนใจคำขู่ของหลิงตู้ฉิง เขาหันไปหาเย่หยูหลันและถามขึ้น “ข้ารู้ว่าเจ้าคือคนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ ข้าอยากรู้ว่าสำนักของเจ้าต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้จริง ๆ ใช่ไหม?” เมื่อได้ยินคำถามนี้ เย่หยูหลันลังเลเล็กน้อย เพราะนางเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ภารกิจของนางคือการปกป้องเย่ชิงเฉิง นอกเหนือจากความปลอดภัยของเย่ชิงเฉิงแล้ว อันที่จริงนางก็ไม่สนใจอะไรอย่างอื่นอีก อย่างมากที่สุด นางก็แค่ต้องดูแลความปลอดภัยของหลิงตู้ฉิงอีกคนด้วยเท่านั้น ส่วนอย่างอื่นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับนางเลย เมื่อเห็นว่าเย่หยูหลันไม่ตอบอะไรออกไป เย่ชิงเฉิงก็เดินออกมาทันทีและพูดว่า “ข้าคือ เย่ชิงเฉิง จากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ หลิงตู้ฉิงเป็นสามีของข้า หลิงว่านถิงที่ถูกหยูเฉิงฮุยหลอกก็เป็นลูกสาวของข้า เจ้าคิดว่าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของข้าควรเข้ามายุ่งหรือไม่?” “สรุปแล้วเจ้ากำลังจะหมายถึงสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า ต้องการทำสงครามกับตำหนักมังกรและภูเขาเอ้อหลงของเรางั้นเหรอ?” หยูไท่ฉวนถามขึ้นกลับ เย่หยูหลันพูดอย่างรวดเร็วว่า “คุณหนู…” สำนักมหาอำนาจทั้งสองจะกลายเป็นศัตรูกันโดยเรื่องแบบนี้ได้ยังไง? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสถานการณ์ปัจจุบันของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ยังระส่ำระส่ายจากปัญหาภายในอยู่แบบนี้ การสร้างศัตรูเพิ่มมันจะยิ่งทำให้สำนักของนางตกอยู่ในสถานการณ์ที่แย่มากไปกว่าเดิม เย่ชิงเฉิงโบกมือหยุดเย่หยูหลันไม่ให้พูดอะไรต่อ นางจ้องไปที่หยูไท่ฉวนและพูดว่า “เจ้าไม่สามารถเป็นตัวแทนของตำหนักมังกรได้ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเป็นตัวแทนของภูเขาเอ้อหลง และจงอย่าลืมว่าลูกชายของเจ้าได้ทำเรื่องสกปรกเอาไว้ต่อพวกข้าก่อน ดังนั้นหากตำหนักมังกรล่วงรู้ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่ยืนหยัดเพื่อเจ้า พวกเขาอาจจะล้างบางพวกเจ้าซะมากกว่า” หยูไท่ฉวนเย้ยหยัน “แล้วการที่เจ้าดูหมิ่นเผ่ามังกรโดยการบังคับให้หลงเฉิน มาลากรถม้าให้กับพวกเจ้าเช่นนี้ พวกเจ้าคิดว่าตำหนักมังกรและภูเขาเอ้อหลงจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อได้ทราบเรื่องแล้ว?” เมื่อพูดถึงประเด็นนี้ เย่ชิงเฉิงก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี จากมุมมองของนาง การที่สามีของนางได้ให้หลงเฉินมาลากรถม้าให้นั้นถือเป็นการให้ค่าหลงเฉินมากเกินไปด้วยซ้ำ นางไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้ไม่เห็นหรือไงว่า แม้แต่สารถีของสามีนางก็เป็นคนที่จากภูเขาฟีนิกซ์เช่นกัน อย่างไรก็ตามนางไม่สามารถยกเรื่องนี้ออกมาพูดดัง ๆ ได้ เพราะมันก็อาจจะมีปัญหาของประเด็นอื่น ๆ ตามมาอีก หลิงตู้ฉิงที่ในตอนนี้ทนฟังมาได้สักพักแล้วก็เริ่มขมวดคิ้ว และพูดว่า “ข้าแค่อยากถามเจ้าว่า หยูเฉิงฮุย อยู่ที่ไหน? ส่วนเรื่องการลากรถม้า หากเผ่ามังกรไม่พอใจ เจ้าก็จงไปบอกให้พวกเขามาหาข้า” หยูไท่ฉวนมองเย่หยูหลันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และพูดว่า “ถ้าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า และตำหนักมังกรของเราไม่ต้องการทำให้เกิดความเข้าใจผิดโดยไม่จำเป็น เจ้าก็จงอยู่เฉย ๆ ไว้ มิฉะนั้นข้าจะคิดว่าสำนักของเจ้าต้องการเป็นศัตรูกับพวกเราเผ่ามังกร!” เมื่อหยูไท่ฉวนเห็นว่าแผนการกีดกันเย่ชิงเฉิงและเย่หยูหลันด้วยคำพูดน่าจะได้ผล เขาก็มองไปที่หลิงตู้ฉิง และพูดว่า “สำหรับเจ้า เจ้าเป็นใครถึงกล้ามาสั่งให้ข้ามอบลูกชายข้าให้กับเจ้า? และอีกอย่างในเมื่อเจ้าเป็นคนที่ฆ่าลูกชายของข้า ดังนั้นเจ้าต้องจ่ายค่าตอบแทนนั้นมาด้วยชีวิตของเจ้า! ปรมาจารย์หลู กำจัดไอ้คนผู้นี้ซะ!” “น้อมรับบัญชา ฝ่าบาท!” หลูตงหมิงพยักหน้า จากนั้น หลูตงหมิงก็เดินไปหาเย่หยูหลันและพูดว่า “ถ้าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าไม่ต้องการที่จะมีส่วนร่วมก็อยู่เฉย ๆ” “ป้าหลัน…” เย่ชิงเฉิงรีบพูด เย่หยูหลันเงียบไม่ตอบอะไร เพราะนางเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อดี หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปที่เย่หยูหลันและเย่ชิงเฉิง จากนั้นเขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ชิงเฉิง พวกเจ้าทุกคนถอยไปก่อน!” เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่ชิงเฉิงก็พยักหน้าเบา ๆ และเดินกลับเข้าไปที่ค่ายกลกระบี่เหินเมฆาอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่เย่หยูหลันยังคงยืนอยู่ด้านข้างหลิงตู้ฉิงไม่ขยับไปไหน หลูตงหมิงยิ้ม “เจ้าเห็นไหมว่าการที่เจ้าจะได้เข้าเฝ้าองค์ชายมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย แต่ไม่ต้องเป็นห่วง เมื่อข้าจับพวกเจ้าได้ทั้งหมดเรียบร้อย ข้าแน่ใจว่าเจ้าและคนของเจ้าจะได้พบกับองค์ชายของข้าแน่นอน” หลังจากพูดจบ หลูตงหมิงก็โบกไม้เท้าสีทอง ก่อรูปพลังวิญญาณเป็นมือขนาดใหญ่หมายจะคว้าไปที่ตัวของหลิงตู้ฉิง ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เมื่อเห็นเช่นนี้เขาเองก็โบกมือขึ้น สั่งกระบี่บิน 3 เล่มพุ่งออกมาจากค่ายกลกระบี่เหินเมฆา เข้าปะทะกับมือยักษ์ของหลูตงหมิง “เจ้านี่ไม่เลวเลยทีเดียว!” หลูตงหมิงพูดด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “แต่ถ้าเจ้าจะหวังพึ่งแค่ค่ายกลกระบี่กระจอก ๆ ของเจ้าเพียงอย่างเดียวเพื่อมาสร้างความวุ่นวายให้กับอาณาจักรมังกรทะยานของเราแล้วล่ะก็ เจ้าคิดผิดแล้ว!” เมื่อพูดจบ หลูตงหมิงก็ยิ่งเร่งโคจรพลังวิญญาณของเขาใส่เข้าไปในไม้เท้าในมือมากขึ้นไปอีก หวังที่จะเผด็จศึกหลิงตู้ฉิงให้ได้ในคราวเดียว แต่ยังไงซะ หลิงตู้ฉิงเองก็โบกมือขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้าเย็นชา ส่งผลให้กระบี่บินอีก 7 เล่มบินออกมาจากค่ายกลกระบี่ พุ่งไปหมุนรอบหลูตงหมิง กระบี่บินทั้งเจ็ดนี้ตัดการรับรู้ของหลูตงหมิงที่มีต่อพลังแห่งกฎของโลกรอบกายเขาโดยตรง จากนั้นกระบี่ก็เริ่มผนึกพื้นที่หลบหนีของหลูตงหมิง และโอกาสในการโจมตีของเขา “เฮ้ย!” ภายในรถม้า ลั่วหยุนอุทาน “กระบวนท่าที่สองของวิชาดาราโลหิตประสานกระบี่?” สีเป่ยเซียะที่อยู่ข้าง ๆ ถามด้วยความประหลาดใจ “ผู้อาวุโสลั่ว นั่นมันใช่จริง ๆ งั้นเหรอ?” “ถูกต้อง แต่พลังของมันน้อยเกินไป!” ลั่วหยุนส่ายหัวและพูดว่า “กระบวนท่าที่สองนี้คือ ‘กระบี่คลุมนภาสังหาร’ กระบวนท่ากระบี่นี้คือการใช้กระบี่จำกัดการเคลื่อนไหวก่อน และจากนั้นค่อยสังหารศัตรูด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว อย่างไรก็ตามปัญหาของกระบวนท่านี้ในตอนนี้คือพลังที่ใช้สำแดงมันออกมานั้นอ่อนแอมาก ซึ่งข้าไม่แน่ใจว่าการโจมตีที่กำลังจะเกิดมันจะเพียงพอที่จะสังหารฝั่งตรงข้ามหรือไม่ แต่ที่ข้าแน่ใจก็คือฝั่งตรงข้ามได้ถูกจำกัดความเคลื่อนไหวอย่างสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว” ในขณะนี้กระบี่บินทั้งเจ็ดได้สานเป็นกรง และขังหลูตงหมิงไว้ข้างใน หลูตงหมิงที่อยู่ด้านในกรงก็พยายามใช้อำนาจของไม้เท้าที่อยู่ในมือเพื่อทำลายกรงที่ห้อมล้อมเขาอย่างสุดฤทธิ์ แต่น่าเสียดายที่การกระทำของเขามันเหมือนว่าจะไร้ประโยชน์เพราะกรงที่ขังเขาไว้นั้นไม่มีร่องรอยของความเสียหายแม้แต่น้อย “ให้ข้าถามเจ้าอีกครั้ง หยูเฉิงฮุยอยู่ที่ไหน?” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นพลางมองไปที่หยูไท่ฉวน “ถ้าเจ้าไม่มอบหยูเฉิงฮุยมาให้ข้า เจ้าจะต้องรับผลที่ตามมาในภายหลัง!” หยูไท่ฉวนมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้ามืดหม่น หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตะโกนขึ้น “ข้าอยากเห็นจริง ๆ ว่าเจ้าจะมีกระบี่สักกี่เล่ม! ทุกคนทำลายค่ายกลของมันและจับพวกมันทั้งหมดให้มาคุกเข่าตรงหน้าข้า!” เมื่อได้ยินคำสั่ง บรรดาผู้เชี่ยวชาญของหยูไท่ฉวนทั้งหมดก็บินขึ้นไปบนอากาศ และกระโจนเข้าหาค่ายกลกระบี่เหินเมฆาพร้อมกับพุ่งเข้าหาหลิงตู้ฉิง หลิงตู้ฉิง เมื่อเห็นเช่นนี้เขาก็ตะคอกขึ้นเช่นกัน “ในเมื่อเจ้าไม่ฟังคำข้า งั้นข้าจะทำลายดวงใจจักรพรรดิที่เจ้าบ่มเพาะอยู่ซะ! ลั่วหยุนถึงตาเจ้าแล้ว!”

บทที่ 460 ทำลายวิถีเต๋า

ภายในรถม้า หลิงตู้ฉิงเห็นว่าในที่สุดหยูไท่ฉวนก็มาถึง เขาสั่งคนอื่น ๆ ทันที “อย่าก้าวออกจากขอบเขตของค่ายกลกระบี่เหินเมฆาเด็ดขาด”

มีคนจำนวนมากเกินไป หากพวกเขาทั้งหมดก้าวออกจากขอบเขตของค่ายกลกระบี่เหินเมฆา มันก็ยากที่หลิงตู้ฉิงจะปกป้องพวกเขาได้ทั้งหมด

จากนั้น หลิงตู้ฉิงก็ก้าวเท้าออกจากค่ายกลกระบี่เหินเมฆา

เย่ชิงเฉิง ซึ่งอยู่ด้านข้างมองไปที่หลิงตู้ฉิง ก่อนที่จะจ้องมองไปที่เย่หยูหลัน

เย่หยูหลันถอนหายใจกับตัวเอง นางยืนขึ้นและเดินออกจากค่ายกลกระบี่เหินเมฆา และไปยืนอยู่ข้าง ๆ หลิงตู้ฉิง

ในอีกด้านหนึ่ง หยูไท่ฉวนและคนอื่น ๆ ก็จริงจังมากขึ้นเมื่อพวกเขาเห็นการปรากฏตัวของเย่หยูหลัน

หลิงตู้ฉิงกวาดสายตามองไปที่กลุ่มคน และเมื่อเขามองไม่เห็นหยูเฉิงฮุย เขาก็มองไปที่หยูไท่ฉวน และถามขึ้นว่า “หยูเฉิงฮุยอยู่ที่ไหน?”

ในขณะนี้ หยูเฉิงฮุยซ่อนตัวอยู่หลังกลุ่มคน ไม่กล้าที่จะส่งเสียงใด ๆ

แม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรมังกรทะยาน และเขาก็มีคนมากมายที่คอยปกป้องเขา แต่เขาก็ยังไม่กล้าที่จะแสดงตัว

เขารู้สึกหวาดกลัวหลิงตู้ฉิงอย่างแท้จริง จากเรื่องที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพี่ชายของเขาให้เขาได้ยิน

วิธีการแบบใดกันที่สามารถทำให้คนกลายเป็นผีไปจริง ๆ เมื่อคิดได้เช่นนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เขาจะกล้าออกไปได้อย่างไร?

เว้นแต่ทุกอย่างจะจบสิ้นลงและผู้คนทั้งหมดจากอาณาจักรจันทราถูกจับ จากนั้นเขาถึงจะกล้าออกมาเสนอหน้า

ในขณะนี้เมื่อได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงกำลังมองหาเขา คอของเขาก็หดกลับทันที

อีกด้านหนึ่ง หยูไท่ฉวนถามตอบกลับเช่นกัน หลังจากที่ได้ยินคำถามของหลิงตู้ฉิง “เจ้าต้องการที่จะทำอะไร?”

หลิงตู้ฉิงจ้องไปที่หยูไท่ฉวน และพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “มอบหยูเฉิงฮุยมา ข้ามีปัญหาบางอย่างที่ต้องจัดการกับเขา!”

หยูไท่ฉวนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น “ถ้าอย่างนั้นข้าขอถามเจ้าก่อนว่าเป็นเจ้าใช่ไหมที่สังหารลูกชายคนโตของข้า หยูเจิ้งหมิง? และตอนนี้เจ้าได้นำกองกำลังของเจ้ามายังเมืองหลวงของข้า พร้อมกับดูหมิ่นคนของข้า เจ้าได้คำนึงถึงผลที่ตามมาดีแล้วใช่ไหม?”

“ถ้าเจ้าไม่ส่งหยูเฉิงฮุยมาให้ข้า ผลลัพธ์ที่เจ้าจะได้เผชิญมันจะน่ากลัวยิ่งกว่าที่ลูกชายของเจ้าได้เจอเป็นร้อยเท่า!” หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา

หยูไท่ฉวนหัวเราะเยาะ และไม่สนใจคำขู่ของหลิงตู้ฉิง เขาหันไปหาเย่หยูหลันและถามขึ้น “ข้ารู้ว่าเจ้าคือคนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ ข้าอยากรู้ว่าสำนักของเจ้าต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้จริง ๆ ใช่ไหม?”

เมื่อได้ยินคำถามนี้ เย่หยูหลันลังเลเล็กน้อย เพราะนางเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร

ภารกิจของนางคือการปกป้องเย่ชิงเฉิง นอกเหนือจากความปลอดภัยของเย่ชิงเฉิงแล้ว อันที่จริงนางก็ไม่สนใจอะไรอย่างอื่นอีก อย่างมากที่สุด นางก็แค่ต้องดูแลความปลอดภัยของหลิงตู้ฉิงอีกคนด้วยเท่านั้น ส่วนอย่างอื่นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับนางเลย

เมื่อเห็นว่าเย่หยูหลันไม่ตอบอะไรออกไป เย่ชิงเฉิงก็เดินออกมาทันทีและพูดว่า “ข้าคือ เย่ชิงเฉิง จากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ หลิงตู้ฉิงเป็นสามีของข้า หลิงว่านถิงที่ถูกหยูเฉิงฮุยหลอกก็เป็นลูกสาวของข้า เจ้าคิดว่าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของข้าควรเข้ามายุ่งหรือไม่?”

“สรุปแล้วเจ้ากำลังจะหมายถึงสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า ต้องการทำสงครามกับตำหนักมังกรและภูเขาเอ้อหลงของเรางั้นเหรอ?” หยูไท่ฉวนถามขึ้นกลับ

เย่หยูหลันพูดอย่างรวดเร็วว่า “คุณหนู…”

สำนักมหาอำนาจทั้งสองจะกลายเป็นศัตรูกันโดยเรื่องแบบนี้ได้ยังไง? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสถานการณ์ปัจจุบันของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ยังระส่ำระส่ายจากปัญหาภายในอยู่แบบนี้ การสร้างศัตรูเพิ่มมันจะยิ่งทำให้สำนักของนางตกอยู่ในสถานการณ์ที่แย่มากไปกว่าเดิม

เย่ชิงเฉิงโบกมือหยุดเย่หยูหลันไม่ให้พูดอะไรต่อ นางจ้องไปที่หยูไท่ฉวนและพูดว่า “เจ้าไม่สามารถเป็นตัวแทนของตำหนักมังกรได้ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเป็นตัวแทนของภูเขาเอ้อหลง และจงอย่าลืมว่าลูกชายของเจ้าได้ทำเรื่องสกปรกเอาไว้ต่อพวกข้าก่อน ดังนั้นหากตำหนักมังกรล่วงรู้ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่ยืนหยัดเพื่อเจ้า พวกเขาอาจจะล้างบางพวกเจ้าซะมากกว่า”

หยูไท่ฉวนเย้ยหยัน “แล้วการที่เจ้าดูหมิ่นเผ่ามังกรโดยการบังคับให้หลงเฉิน มาลากรถม้าให้กับพวกเจ้าเช่นนี้ พวกเจ้าคิดว่าตำหนักมังกรและภูเขาเอ้อหลงจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อได้ทราบเรื่องแล้ว?”

เมื่อพูดถึงประเด็นนี้ เย่ชิงเฉิงก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี

จากมุมมองของนาง การที่สามีของนางได้ให้หลงเฉินมาลากรถม้าให้นั้นถือเป็นการให้ค่าหลงเฉินมากเกินไปด้วยซ้ำ นางไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้ไม่เห็นหรือไงว่า แม้แต่สารถีของสามีนางก็เป็นคนที่จากภูเขาฟีนิกซ์เช่นกัน อย่างไรก็ตามนางไม่สามารถยกเรื่องนี้ออกมาพูดดัง ๆ ได้ เพราะมันก็อาจจะมีปัญหาของประเด็นอื่น ๆ ตามมาอีก

หลิงตู้ฉิงที่ในตอนนี้ทนฟังมาได้สักพักแล้วก็เริ่มขมวดคิ้ว และพูดว่า “ข้าแค่อยากถามเจ้าว่า หยูเฉิงฮุย อยู่ที่ไหน? ส่วนเรื่องการลากรถม้า หากเผ่ามังกรไม่พอใจ เจ้าก็จงไปบอกให้พวกเขามาหาข้า”

หยูไท่ฉวนมองเย่หยูหลันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และพูดว่า “ถ้าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า และตำหนักมังกรของเราไม่ต้องการทำให้เกิดความเข้าใจผิดโดยไม่จำเป็น เจ้าก็จงอยู่เฉย ๆ ไว้ มิฉะนั้นข้าจะคิดว่าสำนักของเจ้าต้องการเป็นศัตรูกับพวกเราเผ่ามังกร!”

เมื่อหยูไท่ฉวนเห็นว่าแผนการกีดกันเย่ชิงเฉิงและเย่หยูหลันด้วยคำพูดน่าจะได้ผล เขาก็มองไปที่หลิงตู้ฉิง และพูดว่า “สำหรับเจ้า เจ้าเป็นใครถึงกล้ามาสั่งให้ข้ามอบลูกชายข้าให้กับเจ้า? และอีกอย่างในเมื่อเจ้าเป็นคนที่ฆ่าลูกชายของข้า ดังนั้นเจ้าต้องจ่ายค่าตอบแทนนั้นมาด้วยชีวิตของเจ้า! ปรมาจารย์หลู กำจัดไอ้คนผู้นี้ซะ!”

“น้อมรับบัญชา ฝ่าบาท!” หลูตงหมิงพยักหน้า

จากนั้น หลูตงหมิงก็เดินไปหาเย่หยูหลันและพูดว่า “ถ้าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าไม่ต้องการที่จะมีส่วนร่วมก็อยู่เฉย ๆ”

“ป้าหลัน…” เย่ชิงเฉิงรีบพูด

เย่หยูหลันเงียบไม่ตอบอะไร เพราะนางเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อดี

หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปที่เย่หยูหลันและเย่ชิงเฉิง จากนั้นเขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ชิงเฉิง พวกเจ้าทุกคนถอยไปก่อน!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่ชิงเฉิงก็พยักหน้าเบา ๆ และเดินกลับเข้าไปที่ค่ายกลกระบี่เหินเมฆาอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่เย่หยูหลันยังคงยืนอยู่ด้านข้างหลิงตู้ฉิงไม่ขยับไปไหน

หลูตงหมิงยิ้ม “เจ้าเห็นไหมว่าการที่เจ้าจะได้เข้าเฝ้าองค์ชายมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย แต่ไม่ต้องเป็นห่วง เมื่อข้าจับพวกเจ้าได้ทั้งหมดเรียบร้อย ข้าแน่ใจว่าเจ้าและคนของเจ้าจะได้พบกับองค์ชายของข้าแน่นอน”

หลังจากพูดจบ หลูตงหมิงก็โบกไม้เท้าสีทอง ก่อรูปพลังวิญญาณเป็นมือขนาดใหญ่หมายจะคว้าไปที่ตัวของหลิงตู้ฉิง

ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เมื่อเห็นเช่นนี้เขาเองก็โบกมือขึ้น สั่งกระบี่บิน 3 เล่มพุ่งออกมาจากค่ายกลกระบี่เหินเมฆา เข้าปะทะกับมือยักษ์ของหลูตงหมิง

“เจ้านี่ไม่เลวเลยทีเดียว!” หลูตงหมิงพูดด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “แต่ถ้าเจ้าจะหวังพึ่งแค่ค่ายกลกระบี่กระจอก ๆ ของเจ้าเพียงอย่างเดียวเพื่อมาสร้างความวุ่นวายให้กับอาณาจักรมังกรทะยานของเราแล้วล่ะก็ เจ้าคิดผิดแล้ว!”

เมื่อพูดจบ หลูตงหมิงก็ยิ่งเร่งโคจรพลังวิญญาณของเขาใส่เข้าไปในไม้เท้าในมือมากขึ้นไปอีก หวังที่จะเผด็จศึกหลิงตู้ฉิงให้ได้ในคราวเดียว

แต่ยังไงซะ หลิงตู้ฉิงเองก็โบกมือขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้าเย็นชา ส่งผลให้กระบี่บินอีก 7 เล่มบินออกมาจากค่ายกลกระบี่ พุ่งไปหมุนรอบหลูตงหมิง

กระบี่บินทั้งเจ็ดนี้ตัดการรับรู้ของหลูตงหมิงที่มีต่อพลังแห่งกฎของโลกรอบกายเขาโดยตรง จากนั้นกระบี่ก็เริ่มผนึกพื้นที่หลบหนีของหลูตงหมิง และโอกาสในการโจมตีของเขา

“เฮ้ย!” ภายในรถม้า ลั่วหยุนอุทาน “กระบวนท่าที่สองของวิชาดาราโลหิตประสานกระบี่?”

สีเป่ยเซียะที่อยู่ข้าง ๆ ถามด้วยความประหลาดใจ “ผู้อาวุโสลั่ว นั่นมันใช่จริง ๆ งั้นเหรอ?”

“ถูกต้อง แต่พลังของมันน้อยเกินไป!” ลั่วหยุนส่ายหัวและพูดว่า “กระบวนท่าที่สองนี้คือ ‘กระบี่คลุมนภาสังหาร’ กระบวนท่ากระบี่นี้คือการใช้กระบี่จำกัดการเคลื่อนไหวก่อน และจากนั้นค่อยสังหารศัตรูด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว อย่างไรก็ตามปัญหาของกระบวนท่านี้ในตอนนี้คือพลังที่ใช้สำแดงมันออกมานั้นอ่อนแอมาก ซึ่งข้าไม่แน่ใจว่าการโจมตีที่กำลังจะเกิดมันจะเพียงพอที่จะสังหารฝั่งตรงข้ามหรือไม่ แต่ที่ข้าแน่ใจก็คือฝั่งตรงข้ามได้ถูกจำกัดความเคลื่อนไหวอย่างสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว”

ในขณะนี้กระบี่บินทั้งเจ็ดได้สานเป็นกรง และขังหลูตงหมิงไว้ข้างใน

หลูตงหมิงที่อยู่ด้านในกรงก็พยายามใช้อำนาจของไม้เท้าที่อยู่ในมือเพื่อทำลายกรงที่ห้อมล้อมเขาอย่างสุดฤทธิ์ แต่น่าเสียดายที่การกระทำของเขามันเหมือนว่าจะไร้ประโยชน์เพราะกรงที่ขังเขาไว้นั้นไม่มีร่องรอยของความเสียหายแม้แต่น้อย

“ให้ข้าถามเจ้าอีกครั้ง หยูเฉิงฮุยอยู่ที่ไหน?” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นพลางมองไปที่หยูไท่ฉวน “ถ้าเจ้าไม่มอบหยูเฉิงฮุยมาให้ข้า เจ้าจะต้องรับผลที่ตามมาในภายหลัง!”

หยูไท่ฉวนมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้ามืดหม่น หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตะโกนขึ้น “ข้าอยากเห็นจริง ๆ ว่าเจ้าจะมีกระบี่สักกี่เล่ม! ทุกคนทำลายค่ายกลของมันและจับพวกมันทั้งหมดให้มาคุกเข่าตรงหน้าข้า!”

เมื่อได้ยินคำสั่ง บรรดาผู้เชี่ยวชาญของหยูไท่ฉวนทั้งหมดก็บินขึ้นไปบนอากาศ และกระโจนเข้าหาค่ายกลกระบี่เหินเมฆาพร้อมกับพุ่งเข้าหาหลิงตู้ฉิง

หลิงตู้ฉิง เมื่อเห็นเช่นนี้เขาก็ตะคอกขึ้นเช่นกัน “ในเมื่อเจ้าไม่ฟังคำข้า งั้นข้าจะทำลายดวงใจจักรพรรดิที่เจ้าบ่มเพาะอยู่ซะ! ลั่วหยุนถึงตาเจ้าแล้ว!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+