ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน 57 ขโมย + บทที่ 58 ภัยมาเยือน

Now you are reading ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน Chapter 57 ขโมย + บทที่ 58 ภัยมาเยือน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 57 ขโมย

รอหลังจากหนิงเมิ่งเหยาแจกแจงงานเสร็จแล้ว หนึ่งในคนงานก็ออกไปซื้อกระเบื้อง หนิงเมิ่งเหยาให้เงินกับเขาไป และหยางอี้ที่เข่าหายดีแล้วก็วางแผนว่าจะตามไปทีหลัง

“แม่หนู เมื่อการก่อสร้างเสร็จสิ้น เจ้าวางแผนจะทำอะไรหรือ?” เมื่อเห็นว่าคนงานเริ่มลงมือกันทำงานของตน หยางจู้ก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างสงสัย

“ข้าจะเพาะพันธุ์ไก่และปลา” หนิงเมิ่งเหยาไม่ปกปิดสิ่งใด และตอบคำถามด้วยสิ่งที่นางวางแผนจะทำ

หยางจู้ลองนึกดูก็รู้สึกว่ามันน่าจะไปได้สวย “เข้าใจแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นพวกข้าจะมาช่วย”

“ข้าตั้งใจไว้ว่าจะให้พี่หยางช่วยข้าอยู่แล้ว” นางคงไม่สามารถทำทุกสิ่งได้ด้วยตัวคนเดียว ดังนั้นนางจึงกะจะหาคนสักสองสามคนเพื่อมาช่วยงานที่นั่นในระหว่างที่นางจัดการเรื่องข้างนอก

“ได้เลย”

ข่าวคราวเรื่องมีคนเข้ามาทำงานในบ้านของหนิงเมิ่งเหยากระจายออกไป แต่ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจ ถึงนางอยากจะก่อกำแพงล้อมที่ดินของนางทั้งหมด นั่นก็เป็นเรื่องของนาง ไม่เพียงเท่านั้น คนไม่น้อยที่อยากจะเห็นหนิงเมิ่งหยาพลาดท่าเป็นตัวตลกเสียเอง

เมื่อพูดถึงเรื่องนั้น หนิงเมิ่งเหยาไม่ได้ให้ความสนใจกับมันเลยแม้แต่น้อย นางใช้เวลาราวๆ หนึ่งเดือนสร้างบ่อปลาและโรงเลี้ยงไก่จนเสร็จสิ้น

ระหว่างที่กำลังง่วนอยู่ การเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงก็มาถึง หนิงเมิ่งเหยาไม่อยากจะเริ่มเก็บเกี่ยวในเดี๋ยวนั้น นางทำเพียงมองทุ่งสีเหลืองทองผืนแรกอยู่เช่นนั้น

ข้าวสาลีถูกหว่านลงตรงนั้นแล้วก็กำลังออกรวงสวยงาม แปลงสีทองขนาดใหญ่ส่ายไหวอยู่ภายใต้สายลมเบาๆ ทำให้เห็นเป็นระลอกคลื่นสีทอง ช่างเป็นทิวทัศน์ที่น่าดู และสวยงามยิ่งนัก

หนิงเมิ่งเหยาแย้มยิ้ม และหันกลับไป

เมื่อการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน เด็กๆ ต่างก็กลับบ้านเพื่อไปช่วยครอบครัวของตน ดังนั้นนางจึงมีเวลาว่างแทนการสอน

มองใบไม้สีแดง สีเขียว และสีเหลืองบนภูเขา หนิงเมิ่งเหยาตาเป็นประกาย ผลไม้ป่าบนภูเขาก็น่าจะสุกแล้วเหมือนกันสินะ?

คิดได้ดังนั้น หนิงเมิ่งเหยาหยิบตะกร้าขึ้นมา ลงกลอนปิดประตูก่อนจะเดินทางขึ้นเขาไป

แต่สิ่งที่หนิงเมิ่งเหยาไม่อาจทราบได้ก็คือการปรากฏตัวของคนผู้หนึ่งซึ่งโผล่มาหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านของนางอย่างเงียบเชียบหลังจากนางออกไป ร่างนั้นมองดูรอบๆ บ้านของนาง เมื่อดูจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่ นางก็สะเดาะกุญแจเข้าไปข้างใน

หลังจากนางเข้ามา นางค้นหาทั่วทุกห้องหับภายในบ้าน เมื่อไม่เจอสิ่งใด นางก็สิ้นหวังจนต้องสบถออกมาเบาๆ

นางพบอาหารมากมายภายในห้องครัว ข้าวขาว เส้นหมี่ขาว เนื้อปลา และเนื้อสัตว์ป่า

เมื่อเห็นสิ่งที่วางอยู่ นางก็กลืนนำลายลงคอ ก่อนคว้าทุกอย่าง และวิ่งออกมาข้างนอก

เมื่อหนิงเมิ่งเหยาเห็นผลไม้ป่าหลากหลายชนิดบนภูเขาแล้วก็อารมณ์ดีขึ้นมา พอนางพบอะไรที่สามารถกินได้ นางก็จะเด็ดใส่ตะกร้าที่หลังของตนไว้ เห็นแม้กระทั่งว่าบนภูเขานี้มีองุ่นป่าขึ้นอยู่อีกด้วย

เมื่อเห็นองุ่น ดวงตาของหนิงเมิ่งเหยาก็ยิ่งเป็นประกาย นี่มันของดีทั้งนั้น

นางวางตะกร้าลงและพบว่าตะกร้าเต็มไปครึ่งหนึ่งแล้ว หนิงเมิ่งเหยาเด็ดพวงองุ่นและวางพวกมันลงจนเต็มตะกร้า

สะพายตะกร้าขึ้นหลัง หนิงเมิ่งเหยากลับบ้านด้วยฝีเท้าว่องไว ก่อนที่อารมณ์ดีๆ ในตอนต้นของนางจะพังลงเมื่อพบกุญแจบ้านซึ่งถูกสะเดาะกลอนออก สีหน้าของนางน่ากลัวขึ้นในพริบตา

นางหยิบกุญแจที่ถูกสะเดาะขึ้นมา ดวงตาของหนิงเมิ่งเหยาจมดิ่งสู่ความเยียบเย็น ดูเหมือนว่าช่วงนี้นางจะตกเป็นเป้าหมายอยู่ แต่ว่าของของนางนั้นสามารถเอาไปได้ง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ?

หนิงเมิ่งเหยาเดินเข้าไปข้างในและมองไปรอบๆ สังเกตเห็นว่าห้องของนางและห้องอื่นๆ ต่างก็อยู่ในสภาพเละเทะราวกับทุกอย่างในนั้นถูกจับพลิก ข้าวของในห้องของนางนั้นไม่ได้ถูกขโมยไป แต่ที่ห้องครัวนั้นดูราวกับว่าเพิ่งเกิดหายนะขึ้น

ผลไม้ป่าของนางหายไป ข้าวขาวของนางก็เช่นนั้น ขนาดขวดน้ำมันก็ยังถูกขโมยไปด้วย

ดูเหมือนว่าคนผู้นั้นจะพยายามค้นหาเงิน แต่เมื่อหาไม่เจอ ก็เลยเปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นสิ่งที่ดีที่สุดอย่างอื่นแทนด้วยการขโมยข้าวของนาง เส้นหมี่ น้ำมัน และผลไม้ป่าไป

หนิงเมิ่งเหยายิ้มเย็น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลน ขโมยของของนางไปได้ง่ายๆ เลย? นางล่ะอยากจะทำให้คนที่เอาข้าวของของนางไปต้องกระอักเลือดออกมาต่อหน้าเสียเหลือเกิน

เมื่อวางตะกร้าลงในห้องตัวเอง หนิงเมิ่งเหยาก็หันร่างกลับและมุ่งตรงไปยังบ้านของหยางจู้

เมื่อเขาได้ยินว่ามีคนบุกเข้าไปในบ้านของหนิงเมิ่งเหยา หยางจู้ก็ไม่สามารถรักษาความสงบเยือกเย็นไว้ได้

ไม่เพียงเท่านั้น เขายังพาผู้เฒ่าสองสามคนมาด้วย หนิงเมิ่งเหยาพาพวกเขาไปดูห้องอันเละเทะและครัวของนาง ใบหน้าของชาวบ้านเหล่านั้นล้วนดำคล้ำและน่ากลัว พวกเขากำลังหวั่นใจว่าหมู่บ้านไป๋ซานของพวกเขานั้นจะมีขโมย

บทที่ 58 ภัยมาเยือน

เมื่อหยางจู้และผู้เฒ่าคนอื่นเห็นบ้านของหนิงเมิ่งเหยาซึ่งอยู่ในสภาพใกล้เคียงกับพื้นที่ซึ่งถูกฝูงตั๊กแตนบุกเข้าทำลายแล้ว ใบหน้าของพวกเขาก็น่าเกลียดน่ากลัวขึ้นมา

พวกเขาต่างอยู่ในหมู่บ้านไป๋ซานมาหลายปี แต่ก็ไม่เคยเจอกับคดีลักขโมยมาก่อน แต่ตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้ว และยังเกิดขึ้นกับหญิงกำพร้าผู้หนึ่ง การกระทำของหนิงเมิ่งเหยาที่ให้ชาวบ้านเช่าที่ดินนั้นต่างก็ทำให้ชาวบ้านซาบซึ้งบุญคุณกันเป็นอย่างยิ่ง

ที่ดินซึ่งนางเช่าไว้นั้นเล็กเพียงแค่สิบกับอีกไม่กี่หมู่ แต่ถึงแม้นางจะไม่เช่า แค่นั่งกินกำไรจากชาวบ้านที่เช่าที่ดินของนางไปในระยะยาวก็ยังดีกว่าการไปเช่าที่ตรงนั้นเอง

แต่บัดนี้? กลับมีคนกล้าจะกลั่นแกล้งนาง? การกระทำนี้เหมือนกับการมาตบหน้าพวกเขาตรงๆ

“หยางจู้ เราต้องสืบสวนเรื่องนี้ให้ละเอียดถี่ถ้วน ผู้กระทำผิดจะต้องถูกลงโทษอย่างไม่ปรานี” ชาวบ้านที่อายุมากที่สุดในกลุ่มทุบโต๊ะด้วยความโกรธเกรี้ยวและกล่าวอย่างเดือดดาล

“ท่านลุง ปล่อยให้ข้าจัดการเรื่องนี้เถิด” ใบหน้าของหยางจู้นั้นดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก แม้ว่าชาวบ้านบางคนจะมีนิสัยไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น

หากคดีนี้แพร่งพรายออกไป ผู้ใดกันเล่าจะอยากแต่งงานกับหนุ่มสาวในหมู่บ้านนี้? พวกเขาจะสามารถเงยหน้ามองหน้าผู้อื่นได้อย่างไร? เมื่อนึกถึงเรื่องนั้น หยางจู้ก็รู้สึกหัวเสีย

“ไปพาชาวบ้านมารวมกัน เราต้องสืบสวนเรื่องนี้ให้แน่ชัด” หยางจู้บอกคนที่อยู่ข้างๆ เขาอย่างฉุนเฉียว

“ไปกันเถอะ”

หนิงเมิ่งเหยาไม่รู้จะช่วยอย่างไร นางทำได้เพียงแค่เดินตามพวกเขาไปยังหมู่บ้าน และเห็นพวกเขาเรียกชาวบ้านออกมาทีละคน การกระทำนี้สร้างความสงสัยให้กับชาวบ้านหลายคนเป็นอย่างมาก ตอนนี้เป็นเวลาเก็บเกี่ยว แล้วจะมีเรื่องใดที่สำคัญยิ่งกว่านั้นกันเล่า?

เขารอจนกระทั่งให้ชาวบ้านมากันจนครบ หยางจู้พูดขึ้นเสียงเย็น “ข้ารู้ว่าพวกท่านสงสัยว่าเหตุใดพวกเราจึงมารวมตัวกันที่นี่ แต่มีบางสิ่งที่ข้าจะต้องแจ้งให้ทุกท่านทราบ”

ทำไมเหล่าผู้เฒ่าจึงมีท่าทีหัวฟัดหัวเหวี่ยงเช่นนั้นกัน? ฝูงชนมองหน้ากันไปมาด้วยเพราะทำอะไรไม่ถูก

“หัวหน้าหมู่บ้าน เกิดอะไรขึ้นหรือ”

“นั่นสิ เหตุใดเหล่าผู้เฒ่าจึงดูโมโหเช่นนี้?”

“ตั้งแต่หมู่บ้านไป๋ซานถูกก่อตั้งขึ้น มีหลายต่อหลายหนที่เกิดข้อพิพาทกันขึ้นระหว่างบ้านใกล้เรือนเคียง แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่รุนแรงนัก ทว่าในวันนี้ กลับมีการลักขโมยเกิดขึ้น!” หยางจู้กล่าวถึงตรงนี้และเงียบไป

ชาวบ้านได้ยินดังนั้นก็แตกตื่นวุ่นวาย

อะไรนะ? ในหมู่บ้านของพวกเขามีขโมยงั้นหรือ? เกิดอะไรขึ้น?

หนิงเมิ่งเหยายืนอยู่ด้านข้าง และเฝ้ามองชาวบ้านอย่างตั้งใจ ริมฝีปากของนางหยักเป็นเส้นโค้ง สีหน้าของคนคนหนึ่งในนั้นทำให้นางรู้สึกทั้งประหลาดใจและยินดี

“เอาล่ะ ทุกคนโปรดอยู่ในความสงบ วันนี้แม่หนูเมิ่งเหยากลับมาจากภูเขาแล้วจึงเห็นว่าบ้านของนางโดนสะเดาะกลอน สองถึงสามห้องอยู่ในสภาพดูไม่ได้ ผ้าห่มและฟูกนอนก็กระจัดกระจาย ภายในลิ้นชักนั้นก็เละเทะ ไม่เพียงเท่านั้น ข้าว เส้นหมี่ น้ำมัน และผลไม้ป่าที่ดองเอาไว้ก็หายไปเช่นกัน”

หลังจากหยางจู้เล่า ทุกคนต่างก็ยืนนิ่งด้วยความงุนงง การที่ห้องอยู่ในสภาพดูไม่ได้นั้นหมายความว่าอย่างไร? นั่นหมายความว่าคนที่เข้าไปพยายามจะหาเงินและของมีค่าอื่นๆ อย่างไรเล่า แต่เมื่อหัวขโมยหาของพวกนั้นไม่เจอ นางก็เลยเอาอาหารที่เก็บไว้ไปแทน

“พวกข้าไปดูมากับตา หลายห้องของเมิ่งเหยาอยู่ในสภาพอย่างกับโดนฝูงตั๊กแตนบุกมา นางไม่ได้เลี้ยงสัตว์เอาไว้ ถ้านางเลี้ยงไว้ ก็คงหนีไม่พ้นโดนขโมยไปเหมือนกันแน่?” เกี่ยวอะไรกับตั๊กแตน? ตั๊กแตนเป็นแมลงซึ่งผู้คนเกลียดกลัวที่สุด เนื่องด้วยสาเหตุที่ว่าไม่ว่าพวกมันจะไปที่ไหน ที่แห่งนั้นก็จะเละจนแทบไม่มีอะไรเหลือ การใช้สิ่งนี้มาเพื่ออธิบายถึงบ้านของหนิงเมิ่งเหยานั้นเป็นการบอกว่าสภาพที่เกิดขึ้นคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก

“ใช่แล้ว นี่ไม่ใช่ปัญหาเล็กน้อยของคนคนเดียว แต่หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกมา หมู่บ้านของเราจะสามารถมองหน้าใครติดได้? คนหนุ่มและหญิงสาวในหมู่บ้านเราจะแต่งงานได้อย่างไรกันเล่า?”

“ไม่เพียงเท่านั้น หากหัวขโมยผู้นี้กระทำการจนเป็นนิสัย ตอนนี้เป็นบ้านของหนิงเมิ่งเหยา แต่หลังจากนั้นไปเป็นบ้านของพวกเราเล่า”

ผู้เฒ่าหลายคนกล่าวความคิดเห็นของตนออกมา แรกเริ่มเดิมทีปัญหานี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเขา แต่บัดนี้พวกเขานั้นจะต้องรอบคอบ ใช่แล้ว พวกเขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน หากว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเพียงหนเดียวก็คงดี แต่ถ้าหากว่าหัวขโมยทำจนติดเป็นนิสัยแล้วเข้าไปขโมยข้าวของในบ้านพวกเขาต่อล่ะ?

เมื่อคิดได้ดังนั้น ทุกคนก็อยู่ไม่สุข ตระกูลไหนกันที่จะไม่มีคนหนุ่มและหญิงสาว? เรื่องนี้มันจะไม่ทำให้ชื่อเสียงหมู่บ้านของพวกเขาต้องมัวหมองหรือ?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด