มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen) 49 : บทสนทนาแบบลับๆ

Now you are reading มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen) Chapter 49 : บทสนทนาแบบลับๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์

ตอนที่ 49 : บทสนทนาแบบลับๆ

 

เวลา 19.01 นาฬิกา – ห้างสรรพสินค้าบาคัวร์, ทางเดินพนักงาน, ชั้นหนึ่ง

 

หลังจากที่ฆ่าฝูงซอมบี้ทั้งหมดภายในทางบันไดเรียบร้อย มาร์คก็เรียกเฟอร์นานและพนักงานหญิงอีกคนซึ่งมีชื่อเอลลา พวกเขาปิดประตูซึ่งเป็นประตูที่นําเข้าไปสู่ชั้นสองและอยู่เฝ้าป้องกันประตูที่ชั้นแรกเอาไว้

 

มาร์คและพอลลาเดินลอบเข้าไปในทางเดินพนักงานของชั้นหนึ่ง มาร์คคาดว่ายังมีฝูงซอมบี้ภายในทางเดิน แต่บริเวณนั้นก็มีพวกซอมบี้น้อยกว่าหากเทียบกับส่วนในบริเวณอื่นๆของห้าง ทางเดินนี้ให้แค่พนักงานเท่านั้นที่สามารถเข้ามาได้และยังมีผู้คนจํานวนมากที่ไม่รู้ว่าทางเดินนี้มีอยู่ในห้างสรรพสินค้า หลักฐานชิ้นสําคัญที่ทําให้มาร์คนั้นคิดแบบนั้นก็เพราะพวกซอมบี้ส่วนใหญ่ที่มีอยู่ตามทางเดินนั้นใส่ชุดทํางานของห้างสรรพสินค้า

 

ทั้งสองคนนั้นก็ได้เว้นระยะห่างจากพวกฝูงซอมบี้และค่อยๆใช้คันธนูและหน้าไม้ของพวกเขาอย่างเงียบเชียบที่สุด มาร์ครู้สึกดีอย่างมากกับการที่ได้เห็นพอลลานั้นฆ่าพวกซอมบี้โดยไม่มีความลังเล เธอเก่งกว่าแองเจในเรื่องนี้

 

เมื่อมาร์คไม่สามารถทําให้พวกซอมบี้ล้มเอนไปกับผนังได้ มันได้ตายลงไปกับพื้น มาร์คคาดคิดเอาไว้ว่าเสียงพวกนั้นมันจะทําให้ดึงดูดพวกฝูงซอมบี้เข้ามาทางเขาแม้ว่าจะเป็นจํานวนเล็กน้อยก็ตามระหว่างเวลาแบบนั้น โดยเฉพาะตัวที่เข้ามาจู่โจมจะเป็นซอมบี้นัก มาร์คจะเป็นคนนําและจัดการต่อสู้ปะลองกับมัน และพอลลาจะเป็นคนที่คอยช่วยเหลือจากข้างหลัง มาร์คปลาบปลื้มในความแม่นธนูของพอลลาอย่างมากเมื่อเธอนั้นเล็งลูกธนูทะลุเข้าหัวของพวกมันโดยไม่พลาดไปโดนเขาเลยสักครั้ง

 

ขณะที่พวกเขากําลังเคลียพื้นที่และเก็บลูกธนูและลูกศรจากซากร่างศพของพวกซอมบี้ พอลลาก็ได้เริ่มบทสนทนาอย่างเป็นทางการโดยใช้เสียงให้เบาให้มากที่สุด

 

“นายชอบเหมยหรอ”

 

“ทําไมอยู่ๆก็ถามอะไรแบบนี้ออกมา?”

 

“นายก็รู้ว่านายกับเหมยทําตัวเหมือนเป็นคู่รักกัน”

 

มาร์คถอนหายใจและยิงหน้าไม้เข้าไปที่ลูกตาด้านขวาของซอมบี้นักกระหายที่กําลังจะเข้ามา

 

“ฉันไม่สามารถพูดได้หรอกว่าฉันชอบเธอ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการรู้จักความทุกข์ทรมานของกันและกัน และการให้ไปและการรับมาซึ่งเป็นสิ่งที่เราสองคนต่างต้องการจากกัน”

 

“แต่ฉันว่าเธอชอบนายนะ แล้วนายไม่คิดว่าเธอสวยหรอ? นายดูไม่ได้โดนเธอดึงดูดเลย”

 

พอลลาดึงสายธนูของเธอและยิงทะลุขมับด้านซ้ายของซอมบี้นักกัดที่กําลังโซเซเข้ามา

 

“ก็ใช่ เธอมีความรู้สึกชอบให้กับฉัน ฉันไม่ปฏิเสธเรื่องนี้ แต่ความรู้สึกเหล่านั้นส่วนใหญ่มันเป็นความรู้สึกมากกว่าคําว่าชอบและเธอก็สวยจริงๆ ใครๆก็ตามที่ไม่ตาบอดก็จะบอกแบบนั้น แต่อย่างไรก็ตามรสนิยมผู้หญิงของฉันไม่ได้ขึ้นอยู่ลักษณะภายนอกแต่เป็นภายในจิตใจต่างหาก ฉันยังต้องใครบางคนที่สามารถทําอาหาร ให้ฉันได้และทําความสะอาดบ้านให้ฉัน ฉันจะถามเธอนะ เจ้าหญิงน่ะทําอะไรแบบนั้นได้มั้ยล่ะ?”

 

พอลลานั้นได้สําลักจึงทําให้พลาดเป้าต่อไป โชคดีที่เสียงลูกธนูของเธอนั้นกระเด็นใส่กําแพงพอดี ทําให้ดึงความสนใจของพวกซอมบี้ออกไปจากพวกเขา

 

“ระวังหน่อยสิ”

 

“ความผิดใครกันล่ะ? เหมยกําลังจะมีเวลาที่ยากลําบากถ้าเธอตกหลุมรักนายนะ”

 

“ถ้าหากว่ามันเกิดขึ้นจริงๆมันก็จะเป็นประโยชน์ต่อเธออย่างมาก ถ้าเธอรู้สิ่งเหล่านั้นในสถานการณ์ที่เรากําลังเจออยู่”

 

พอลลายิ้มออกมาอย่างขมขึ้นภายใต้หมวกป้องกันของเธอเพราะเธอรู้สึกโต้แย้งในสิ่งที่มาร์คพูดออกมา

 

“ฉันนั้นไม่ได้เป็นคนที่มีเสน่ห์อะไร ฉันไม่ใช่คนช่างเลือก ถ้าเธอตกหลุมรักฉัน ถ้าอย่างนั้นฉันจะสองสิ่งที่เธอจําเป็นต้องรู้ให้กับเธอ”

 

พอลลามองไปที่เขาอย่างประหลาดใจ จริงๆแล้วเขายอมรับรักจากสาวสวยๆโดยการบอกว่า “ไม่ช่างเลือก” งั้นหรอ?

 

“อีกอย่างหนึ่ง นายสังเกตุอย่างไรว่าฉันสามารถบอกได้ว่าคนไหนโกหกหรือพูดความจริงอยู่?”

 

มาร์คมองไปที่พอลลาและตอบกลับไปป

 

“ก็… ฉันสังเกตได้ในเวลที่ฉันกําลังพูดโกหกนะ อารมณ์ของเธอจะแปรปรวนทุกๆครั้งที่ฉันโกหก เธอก็รู้ใช่มั้ย? ฉันก็พอสัมผัสได้นิดหน่อยและสรุปได้ว่าเธอมีความสามารถในการจับโกหกคนได้งั้นเธอจะเฉลยเรื่องนี้ให้มั้ยล่ะ? ”

 

พอลลาพยักหน้าพร้อมกับเล็งลูกธนูเข้าไปที่หัวของซอมบี้

 

“ฉันได้รับความมาสามารถนี้เป็นมรดกมาจากแม่ของฉัน ความสามารถเดียวที่ฉันมีคือการตรวจสอบได้ว่าคนตรงหน้าฉันนั้นโกหกฉันอยู่หรือไม่ ก็อย่างที่นายได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ ฉันคือเครื่องจับเท็จไงล่ะ เหมือนกับแม่ของฉัน แม่ของฉันทํางานเป็นนักสืบเอกชน และเธอก็สําเร็จในหน้าที่การงานด้านนี้สะด้วย”

 

“นักสืบที่มาพร้อมกับความสามารถแบบนั้นจะประสบความเร็จเลยหรอ?”

 

“ฉันเดาว่านายคิดถูกสําหรับเรื่องนี้”

 

“แล้วก็ที่ฉันอยากรู้มากที่สุดก็คือเรื่องแองเจไลน์ เธอรู้จักศิลปะการต่อสู้และเห็นได้ชัดว่าเธอมีความสนใจเรื่องของปืน อาวุธและสิ่งต่างๆที่เป็นการปะลองการต่อสู้ นั่นไม่ใช่สิ่งที่พบได้จากเด็กสาวปกติทั่วไป”

 

“เธอได้รับงานอดิเรกพวกนี้มาจากพ่อของเธอ พ่อของเธอทํางานอยู่ในกองทัพทหาร”

 

“นั่นก็สามารถเข้าใจได้ แล้วพ่อของเธอมีตําแหน่งอะไรล่ะ?”

 

“พ่อของเธอเป็นทหารยศพลโทเลยล่ะ”

 

“เรื่องจริงหรอเนี่ย?”

 

พอลลาพยักหน้า

 

ทั้งสองคนนั้นก็ได้มาถึงจุดสิ้นสุดของมุมทางเดิน มาร์คมองไปที่สถานการณ์ผ่านมุมทางเดินโดยใช้กระจกขนาดกะทัดรัด ตรงนั้นยังมีฝูงซอมบี้อยู่แต่จํานวนของพวกมันก็ไม่น่ากลัวมากตราบใดที่ไม่ได้ดึงดูดพวกมันทั้งหมดมารวมตัวกัน

 

เขาหมอบอยู่ที่มุมทางเดินและยิงลูกศรเข้าไปยังหัวของซอมบี้ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดและฆ่ามันโดยทันที

 

“เมื่อมาคิดว่าเธอคือลูกสาวของทหารยศพลโท เราสามารถเรียกให้กองทัพทหารส่งผู้ช่วยว่าเร็วกว่านี้ก็ได้นะ”

 

“เธอหมายความว่าไง?”

 

สําหรับคําถามของพอลลา มาร์คก็ได้อธิบายวิธีการที่เขาติดต่อไปยังกองทัพและสถานการณ์ของการกู้ภัยในตอนนี้

 

“เมื่อรู้ว่านายได้ทําแบบนั้นไปแล้ว แต่นายก็ยังไม่ยอมบอกพวก เรา”

 

“ฉันขอโทษด้วย มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นจนฉันลืมไป”

 

“ถ้าเราสามารถติดต่อพ่อของแองเจได้ พวกเขาจะเข้ามาช่วยเราเร็วกว่านี้จริงๆ”

 

เมื่อมาร์คได้ยินเธอพูดออกมาว่า “พวกเรา” เขาก็ตัวแข็งที่อและยิ้มออกมาอย่างขบขันภายใต้หมวกรักษาความปลอดภัยของเขา

 

แน่นอนว่าพอลลาสังเกตได้ถึงการเปลี่ยนไปของท่าทางเขาจึงถามออกมา

 

“มีอะไรผิดงั้นหรอ?”

 

“ป่าว”

 

พอลลาขมวดคิ้วของเธอ เขากําลังโกหกอีกแล้ว เช่นกัน มาร์คก็ได้สังเกตุเห็นว่าอารมณ์ของเธอแปรปรวน

 

“เธอไม่จําเป็นต้องเป็นแบบนี้ มันไม่มีประโยชน์อะไรสําหรับตอนนี้ ก็ได้ ฉันจะถามเธอและขอความช่วยเหลือจากแองเจไลน์ในภายหลัง”

 

“นายจะไม่บอกฉันตอนนี้งั้นหรอ?”

 

“ไว้ทีหลัง เข้าใจนะ? ทีหลัง”

 

ทั้งสองคนก็ได้ดําเนินฆ่าฝูงซอมบี้ต่อไปและเดินอย่างระมัดระวังผ่านทางเดิน ร้านสินค้าที่ขายยาน่าจะเจอเจอได้ผ่านประตูสักบานตรงปลายทางสุดของทางเดิน

 

พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอีกครั้ง เมื่อซอมบี้ที่พอลลายิงนั้นพลาดทําให้เกิดอุบัติเหตุลูกธนูกระแทกเข้ากับพื้นจนทําให้เกิดเสียงดังและดึงดูดซอมบี้นักกัดมาเป็นจํานวนที่เยอะพอสมควร มาร์คเกือบจะโดนพวกมันกัด แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ใช้สกิลทั้งหมดที่มีกั้นปากของมันไว้ด้วยแขนของเขาที่มีที่ป้องกันอยู่แล้ว

 

เหตุการณ์นี้ทําให้พอลลารู้สึกหผิดอย่างมากสําหรับความวุ่นวายที่เธอก่อขึ้น

 

แต่จากนั้นมาร์คก็ส่งสัญญานให้พอลลาหยุดทําแบบนั้น

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

“ฉันรู้สึกได้ว่ามีคนอยู่สองคน”

 

“ว้าว นายนี่ช่างเหมือนได้ทํางานเป็นนักสืบเลยรู้มั้ย? นายเคยคิดที่จะเป็นอาสาสําหรับภารกิจการช่วยเหลืออย่างเช่นพวกแผ่นดินไหวอะไรแบบนี้มั่งมั้ย?”

 

“ไม่หรอก ฉันอาจจะตายไปกับสภาพจิตที่ห่อเหี่ยวและเหนื่อยหน่าย ถ้าฉันต้องอยู่ในสถานที่ที่น่าเศร้าแบบนั้น”

 

“ไหนล่ะคนที่นายรู้สึกว่ามีอยู่”

 

“อยู่ประตูถัดไปนะ”

 

พอลลามองไปที่มาร์ค

 

“นายอยากช่วยพวกเขามั้ย?”

 

“เธอคิดว่าฉันอยากหรอ?”

 

พอลลาก็ได้แต่ส่ายหัว เธอรู้ว่าในใจของชายคนนี้นั้นกําลังคิดอะไรอยู่ แต่เธอก็ต้องประหลาดใจกับคําถามต่อไปของเขา

 

“ก็ได้ เธอต้องการทําอะไรล่ะ ต้องการจะช่วยพวกเขาใช่มั้ย?”

 

“ฉันอยากช่วย แต่นายก็มีคําตอบในใจอยู่แล้ว”

 

“หืมมม ฉันจะยอมช่วยพวกเขา แต่เธอห้ามปฏิเสธการขอความช่วยเหลือจากฉันในครั้งหน้าละกัน ถ้าฉันขอไว้”

 

“นั่น…”

 

“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ขอให้เธอทําอะไรที่เป็นไปไม่ได้ แล้วก็ถ้าพวกเขาสองคนที่เธออยากช่วยนั้นมันมีจุดมุ่งหมายที่ไม่ดีหรือคิดจะฆ่าพวกเรา ฉันจะฆ่าพวกเขาโอเคมั้ย?”

 

เมื่อรู้ว่ามาร์คสามารถทําแบบนั้นได้จริงๆ พอลลาก็พยักหน้า

 

เมื่อถึงด้านหน้าของประตู มาร์คก็เคาะประตูบานนั้นอย่างระมัดระวัง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen) 49 : บทสนทนาแบบลับๆ

Now you are reading มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen) Chapter 49 : บทสนทนาแบบลับๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์

ตอนที่ 49 : บทสนทนาแบบลับๆ

 

เวลา 19.01 นาฬิกา – ห้างสรรพสินค้าบาคัวร์, ทางเดินพนักงาน, ชั้นหนึ่ง

 

หลังจากที่ฆ่าฝูงซอมบี้ทั้งหมดภายในทางบันไดเรียบร้อย มาร์คก็เรียกเฟอร์นานและพนักงานหญิงอีกคนซึ่งมีชื่อเอลลา พวกเขาปิดประตูซึ่งเป็นประตูที่นําเข้าไปสู่ชั้นสองและอยู่เฝ้าป้องกันประตูที่ชั้นแรกเอาไว้

 

มาร์คและพอลลาเดินลอบเข้าไปในทางเดินพนักงานของชั้นหนึ่ง มาร์คคาดว่ายังมีฝูงซอมบี้ภายในทางเดิน แต่บริเวณนั้นก็มีพวกซอมบี้น้อยกว่าหากเทียบกับส่วนในบริเวณอื่นๆของห้าง ทางเดินนี้ให้แค่พนักงานเท่านั้นที่สามารถเข้ามาได้และยังมีผู้คนจํานวนมากที่ไม่รู้ว่าทางเดินนี้มีอยู่ในห้างสรรพสินค้า หลักฐานชิ้นสําคัญที่ทําให้มาร์คนั้นคิดแบบนั้นก็เพราะพวกซอมบี้ส่วนใหญ่ที่มีอยู่ตามทางเดินนั้นใส่ชุดทํางานของห้างสรรพสินค้า

 

ทั้งสองคนนั้นก็ได้เว้นระยะห่างจากพวกฝูงซอมบี้และค่อยๆใช้คันธนูและหน้าไม้ของพวกเขาอย่างเงียบเชียบที่สุด มาร์ครู้สึกดีอย่างมากกับการที่ได้เห็นพอลลานั้นฆ่าพวกซอมบี้โดยไม่มีความลังเล เธอเก่งกว่าแองเจในเรื่องนี้

 

เมื่อมาร์คไม่สามารถทําให้พวกซอมบี้ล้มเอนไปกับผนังได้ มันได้ตายลงไปกับพื้น มาร์คคาดคิดเอาไว้ว่าเสียงพวกนั้นมันจะทําให้ดึงดูดพวกฝูงซอมบี้เข้ามาทางเขาแม้ว่าจะเป็นจํานวนเล็กน้อยก็ตามระหว่างเวลาแบบนั้น โดยเฉพาะตัวที่เข้ามาจู่โจมจะเป็นซอมบี้นัก มาร์คจะเป็นคนนําและจัดการต่อสู้ปะลองกับมัน และพอลลาจะเป็นคนที่คอยช่วยเหลือจากข้างหลัง มาร์คปลาบปลื้มในความแม่นธนูของพอลลาอย่างมากเมื่อเธอนั้นเล็งลูกธนูทะลุเข้าหัวของพวกมันโดยไม่พลาดไปโดนเขาเลยสักครั้ง

 

ขณะที่พวกเขากําลังเคลียพื้นที่และเก็บลูกธนูและลูกศรจากซากร่างศพของพวกซอมบี้ พอลลาก็ได้เริ่มบทสนทนาอย่างเป็นทางการโดยใช้เสียงให้เบาให้มากที่สุด

 

“นายชอบเหมยหรอ”

 

“ทําไมอยู่ๆก็ถามอะไรแบบนี้ออกมา?”

 

“นายก็รู้ว่านายกับเหมยทําตัวเหมือนเป็นคู่รักกัน”

 

มาร์คถอนหายใจและยิงหน้าไม้เข้าไปที่ลูกตาด้านขวาของซอมบี้นักกระหายที่กําลังจะเข้ามา

 

“ฉันไม่สามารถพูดได้หรอกว่าฉันชอบเธอ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการรู้จักความทุกข์ทรมานของกันและกัน และการให้ไปและการรับมาซึ่งเป็นสิ่งที่เราสองคนต่างต้องการจากกัน”

 

“แต่ฉันว่าเธอชอบนายนะ แล้วนายไม่คิดว่าเธอสวยหรอ? นายดูไม่ได้โดนเธอดึงดูดเลย”

 

พอลลาดึงสายธนูของเธอและยิงทะลุขมับด้านซ้ายของซอมบี้นักกัดที่กําลังโซเซเข้ามา

 

“ก็ใช่ เธอมีความรู้สึกชอบให้กับฉัน ฉันไม่ปฏิเสธเรื่องนี้ แต่ความรู้สึกเหล่านั้นส่วนใหญ่มันเป็นความรู้สึกมากกว่าคําว่าชอบและเธอก็สวยจริงๆ ใครๆก็ตามที่ไม่ตาบอดก็จะบอกแบบนั้น แต่อย่างไรก็ตามรสนิยมผู้หญิงของฉันไม่ได้ขึ้นอยู่ลักษณะภายนอกแต่เป็นภายในจิตใจต่างหาก ฉันยังต้องใครบางคนที่สามารถทําอาหาร ให้ฉันได้และทําความสะอาดบ้านให้ฉัน ฉันจะถามเธอนะ เจ้าหญิงน่ะทําอะไรแบบนั้นได้มั้ยล่ะ?”

 

พอลลานั้นได้สําลักจึงทําให้พลาดเป้าต่อไป โชคดีที่เสียงลูกธนูของเธอนั้นกระเด็นใส่กําแพงพอดี ทําให้ดึงความสนใจของพวกซอมบี้ออกไปจากพวกเขา

 

“ระวังหน่อยสิ”

 

“ความผิดใครกันล่ะ? เหมยกําลังจะมีเวลาที่ยากลําบากถ้าเธอตกหลุมรักนายนะ”

 

“ถ้าหากว่ามันเกิดขึ้นจริงๆมันก็จะเป็นประโยชน์ต่อเธออย่างมาก ถ้าเธอรู้สิ่งเหล่านั้นในสถานการณ์ที่เรากําลังเจออยู่”

 

พอลลายิ้มออกมาอย่างขมขึ้นภายใต้หมวกป้องกันของเธอเพราะเธอรู้สึกโต้แย้งในสิ่งที่มาร์คพูดออกมา

 

“ฉันนั้นไม่ได้เป็นคนที่มีเสน่ห์อะไร ฉันไม่ใช่คนช่างเลือก ถ้าเธอตกหลุมรักฉัน ถ้าอย่างนั้นฉันจะสองสิ่งที่เธอจําเป็นต้องรู้ให้กับเธอ”

 

พอลลามองไปที่เขาอย่างประหลาดใจ จริงๆแล้วเขายอมรับรักจากสาวสวยๆโดยการบอกว่า “ไม่ช่างเลือก” งั้นหรอ?

 

“อีกอย่างหนึ่ง นายสังเกตุอย่างไรว่าฉันสามารถบอกได้ว่าคนไหนโกหกหรือพูดความจริงอยู่?”

 

มาร์คมองไปที่พอลลาและตอบกลับไปป

 

“ก็… ฉันสังเกตได้ในเวลที่ฉันกําลังพูดโกหกนะ อารมณ์ของเธอจะแปรปรวนทุกๆครั้งที่ฉันโกหก เธอก็รู้ใช่มั้ย? ฉันก็พอสัมผัสได้นิดหน่อยและสรุปได้ว่าเธอมีความสามารถในการจับโกหกคนได้งั้นเธอจะเฉลยเรื่องนี้ให้มั้ยล่ะ? ”

 

พอลลาพยักหน้าพร้อมกับเล็งลูกธนูเข้าไปที่หัวของซอมบี้

 

“ฉันได้รับความมาสามารถนี้เป็นมรดกมาจากแม่ของฉัน ความสามารถเดียวที่ฉันมีคือการตรวจสอบได้ว่าคนตรงหน้าฉันนั้นโกหกฉันอยู่หรือไม่ ก็อย่างที่นายได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ ฉันคือเครื่องจับเท็จไงล่ะ เหมือนกับแม่ของฉัน แม่ของฉันทํางานเป็นนักสืบเอกชน และเธอก็สําเร็จในหน้าที่การงานด้านนี้สะด้วย”

 

“นักสืบที่มาพร้อมกับความสามารถแบบนั้นจะประสบความเร็จเลยหรอ?”

 

“ฉันเดาว่านายคิดถูกสําหรับเรื่องนี้”

 

“แล้วก็ที่ฉันอยากรู้มากที่สุดก็คือเรื่องแองเจไลน์ เธอรู้จักศิลปะการต่อสู้และเห็นได้ชัดว่าเธอมีความสนใจเรื่องของปืน อาวุธและสิ่งต่างๆที่เป็นการปะลองการต่อสู้ นั่นไม่ใช่สิ่งที่พบได้จากเด็กสาวปกติทั่วไป”

 

“เธอได้รับงานอดิเรกพวกนี้มาจากพ่อของเธอ พ่อของเธอทํางานอยู่ในกองทัพทหาร”

 

“นั่นก็สามารถเข้าใจได้ แล้วพ่อของเธอมีตําแหน่งอะไรล่ะ?”

 

“พ่อของเธอเป็นทหารยศพลโทเลยล่ะ”

 

“เรื่องจริงหรอเนี่ย?”

 

พอลลาพยักหน้า

 

ทั้งสองคนนั้นก็ได้มาถึงจุดสิ้นสุดของมุมทางเดิน มาร์คมองไปที่สถานการณ์ผ่านมุมทางเดินโดยใช้กระจกขนาดกะทัดรัด ตรงนั้นยังมีฝูงซอมบี้อยู่แต่จํานวนของพวกมันก็ไม่น่ากลัวมากตราบใดที่ไม่ได้ดึงดูดพวกมันทั้งหมดมารวมตัวกัน

 

เขาหมอบอยู่ที่มุมทางเดินและยิงลูกศรเข้าไปยังหัวของซอมบี้ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดและฆ่ามันโดยทันที

 

“เมื่อมาคิดว่าเธอคือลูกสาวของทหารยศพลโท เราสามารถเรียกให้กองทัพทหารส่งผู้ช่วยว่าเร็วกว่านี้ก็ได้นะ”

 

“เธอหมายความว่าไง?”

 

สําหรับคําถามของพอลลา มาร์คก็ได้อธิบายวิธีการที่เขาติดต่อไปยังกองทัพและสถานการณ์ของการกู้ภัยในตอนนี้

 

“เมื่อรู้ว่านายได้ทําแบบนั้นไปแล้ว แต่นายก็ยังไม่ยอมบอกพวก เรา”

 

“ฉันขอโทษด้วย มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นจนฉันลืมไป”

 

“ถ้าเราสามารถติดต่อพ่อของแองเจได้ พวกเขาจะเข้ามาช่วยเราเร็วกว่านี้จริงๆ”

 

เมื่อมาร์คได้ยินเธอพูดออกมาว่า “พวกเรา” เขาก็ตัวแข็งที่อและยิ้มออกมาอย่างขบขันภายใต้หมวกรักษาความปลอดภัยของเขา

 

แน่นอนว่าพอลลาสังเกตได้ถึงการเปลี่ยนไปของท่าทางเขาจึงถามออกมา

 

“มีอะไรผิดงั้นหรอ?”

 

“ป่าว”

 

พอลลาขมวดคิ้วของเธอ เขากําลังโกหกอีกแล้ว เช่นกัน มาร์คก็ได้สังเกตุเห็นว่าอารมณ์ของเธอแปรปรวน

 

“เธอไม่จําเป็นต้องเป็นแบบนี้ มันไม่มีประโยชน์อะไรสําหรับตอนนี้ ก็ได้ ฉันจะถามเธอและขอความช่วยเหลือจากแองเจไลน์ในภายหลัง”

 

“นายจะไม่บอกฉันตอนนี้งั้นหรอ?”

 

“ไว้ทีหลัง เข้าใจนะ? ทีหลัง”

 

ทั้งสองคนก็ได้ดําเนินฆ่าฝูงซอมบี้ต่อไปและเดินอย่างระมัดระวังผ่านทางเดิน ร้านสินค้าที่ขายยาน่าจะเจอเจอได้ผ่านประตูสักบานตรงปลายทางสุดของทางเดิน

 

พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอีกครั้ง เมื่อซอมบี้ที่พอลลายิงนั้นพลาดทําให้เกิดอุบัติเหตุลูกธนูกระแทกเข้ากับพื้นจนทําให้เกิดเสียงดังและดึงดูดซอมบี้นักกัดมาเป็นจํานวนที่เยอะพอสมควร มาร์คเกือบจะโดนพวกมันกัด แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ใช้สกิลทั้งหมดที่มีกั้นปากของมันไว้ด้วยแขนของเขาที่มีที่ป้องกันอยู่แล้ว

 

เหตุการณ์นี้ทําให้พอลลารู้สึกหผิดอย่างมากสําหรับความวุ่นวายที่เธอก่อขึ้น

 

แต่จากนั้นมาร์คก็ส่งสัญญานให้พอลลาหยุดทําแบบนั้น

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

“ฉันรู้สึกได้ว่ามีคนอยู่สองคน”

 

“ว้าว นายนี่ช่างเหมือนได้ทํางานเป็นนักสืบเลยรู้มั้ย? นายเคยคิดที่จะเป็นอาสาสําหรับภารกิจการช่วยเหลืออย่างเช่นพวกแผ่นดินไหวอะไรแบบนี้มั่งมั้ย?”

 

“ไม่หรอก ฉันอาจจะตายไปกับสภาพจิตที่ห่อเหี่ยวและเหนื่อยหน่าย ถ้าฉันต้องอยู่ในสถานที่ที่น่าเศร้าแบบนั้น”

 

“ไหนล่ะคนที่นายรู้สึกว่ามีอยู่”

 

“อยู่ประตูถัดไปนะ”

 

พอลลามองไปที่มาร์ค

 

“นายอยากช่วยพวกเขามั้ย?”

 

“เธอคิดว่าฉันอยากหรอ?”

 

พอลลาก็ได้แต่ส่ายหัว เธอรู้ว่าในใจของชายคนนี้นั้นกําลังคิดอะไรอยู่ แต่เธอก็ต้องประหลาดใจกับคําถามต่อไปของเขา

 

“ก็ได้ เธอต้องการทําอะไรล่ะ ต้องการจะช่วยพวกเขาใช่มั้ย?”

 

“ฉันอยากช่วย แต่นายก็มีคําตอบในใจอยู่แล้ว”

 

“หืมมม ฉันจะยอมช่วยพวกเขา แต่เธอห้ามปฏิเสธการขอความช่วยเหลือจากฉันในครั้งหน้าละกัน ถ้าฉันขอไว้”

 

“นั่น…”

 

“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ขอให้เธอทําอะไรที่เป็นไปไม่ได้ แล้วก็ถ้าพวกเขาสองคนที่เธออยากช่วยนั้นมันมีจุดมุ่งหมายที่ไม่ดีหรือคิดจะฆ่าพวกเรา ฉันจะฆ่าพวกเขาโอเคมั้ย?”

 

เมื่อรู้ว่ามาร์คสามารถทําแบบนั้นได้จริงๆ พอลลาก็พยักหน้า

 

เมื่อถึงด้านหน้าของประตู มาร์คก็เคาะประตูบานนั้นอย่างระมัดระวัง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+