ยอดคุณหมอสกุลเฉิน 15 ทุกอาชญากรรมเริ่มต้นจากความโลภ

Now you are reading ยอดคุณหมอสกุลเฉิน Chapter 15 ทุกอาชญากรรมเริ่มต้นจากความโลภ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่  1 5  ทุกอาชญากรรมเริ่มต้นจากความโลภ

ฉีเล่ยลากกวนไห่ผิงวิ่งกลับไปยังหมู่บ้านเฟิงจื่อการ์เดน และตรงไปยังห้องควบคุมกล้องวงจรปิดของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในหมู่บ้านทันที

ระหว่างทาง ฉีเล่ยก็ครุ่นคิด และวิเคราะห์เรื่องนี้ไปด้วย ..

ครอบครัวของเขาไม่ได้ร่ำรวยอะไร ฉะนั้นแล้ว คนลักพาตัวต้องไม่ได้ประสงค์เงินทองแน่ๆ แต่น่าจะต้องการสิ่งอื่น

และในเมื่อไม่ต้องการเงิน เหตุผลที่ฉีเล่ยคิดได้ในเวลานี้ก็คือ น่าจะทำไปเพราะมีความแค้นเป็นแรงขับเคลื่อน แต่ว่า .. เฉินอวี้หลัวไปมีเรื่องกับใครกัน ?

‘เอ๊ะ ?!  หรือจะเป็นไอ้ลุงชั่วช้าของเธอ ? ’

‘หรือป้าสะใภ้ที่ไม่ค่อยฉลาดกันแน่ ? ’

‘ยังมีไอ้ลูกพี่ลูกน้องตัวแสบนั่นอีกคน ? ’

‘ไม่สิ !  ไม่น่าจะเป็นไปได้ .. ’

ต่อให้พวกเขาจะโกรธเคืองกัน หรือมีเรื่องกระทบกระทั่งกันแค่ไหน สายสัมพันธ์ของพวกเขาก็ยังคงเป็นเครือญาติกัน แม้ว่าครอบครัวผู้เป็นลุงจะอิจฉา และอยากจะได้บ้านหลังนี้ไปครอบครอง จนต้องใช้วิธีก่อกวนถึงขั้นพังบ้านแบบนั้น แต่ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็ยังนับเป็นญาติที่ใกล้ชิดกัน

แม้ว่าลุงของเฉินอวี้หลัวจะทำงานให้กับเฉินเทียนกรุ๊ปก็ตาม แต่เมื่อครั้งที่พวกเขามาสร้างปัญหานั้น อาวุโสหวู่ก็ได้เตือนพวกเขาทุกคนไม่ให้มายุ่งเกี่ยวอีก ต่อให้คนพวกนั้นไม่นับเฉินอวี้หลัวเป็นญาติ ก็ไม่น่าจะกล้าขัดคำสั่ง หรือทำอะไรที่เป็นการไม่ไว้หน้าอาวุโสหวู่แน่

‘แล้วเป็นฝีมือใครกันนะ ? ’

‘น อกเหนือจากครอบครัวของลุงเฉินอวี้หลัวแล้ว อวี้หลัวไปมีเรื่องกับใครอีกนะ ?’

ในระหว่างที่ฉีเล่ยกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น แต่แล้วจู่ๆเขาก็ถึงกับหยุดชะงักไป นั่นเพราะภาพของใครคนหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของเขาอย่างกะทันหัน

‘หลิวไห่หยาง !’

‘หมอที่โรงพยาบาล !’

‘ใช่แล้ว ! ต้องเป็นเขาแน่ๆ เขาน่าสงสัยที่สุด !’

ความจริงแล้ว อาชีพการงานและอนาคตของหลิวไห่หยางนั้นค่อนข้างสดใส แต่เป็นเพราะเฉินอวี้หลัวกับเขา ทำให้อนาคตอันสดใสของหลิวไห่หยางต้องพังทลายลง

‘ใช่แล้ว ! นี่น่าจะเป็นการลักพาตัวเพราะความแค้นที่มีเหตุมีผลที่สุดแล้ว !’

หลังจากที่คิดได้เช่นนี้ ฉีเล่ยก็ถึงกับใจสั่นขึ้นมาทันที ..

หากหลิวไห่หยางลักพาตัวเฉินอวี้หลัวเพื่อต้องการเรียกค่าไถ่ เขาก็ยินดีที่จะจ่าย แต่ถ้าหลิวไห่หยางเรียกร้องเงินจำนวนมากเกินกว่าที่เขาจะสามารถจ่ายได้ล่ะ ? แล้วถ้าหลิวไห่หยางเป็นฝ่ายติดต่อไปหาซูชางฉินโดยตรงล่ะ ?

แต่หากหลิวไห่หยางลักพาตัวเฉินอวี้หลัวไปเพราะความแค้นแล้วล่ะก็ อีกฝ่ายก็อาจจะคลุ้มคลั่งถึงขั้นทำเรื่องที่เขานึกไม่ถึงก็เป็นได้ ..

และเมื่อไปถึงห้องทำงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในหมู่บ้าน ฉีเล่ยก็ตรงเข้าไปร้องตะโกนเสียงดังอยู่ที่หน้าประตู

“เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ..”

เวลานั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่ง กำลังนั่งดื่มชาอยู่ภายในห้อง หลังจากที่ได้ยินเสียงร้องตะโกนเรียก ก็ได้หันไปมองฉีเล่ยหน้านิ่วคิ้วขมวด ก่อนจะถามออกไปว่า

“คุณเป็นใคร ? แล้วนี่มาหาใครไม่ทราบ ?”

ฉีเล่ยไม่รีรอ เขาตรงเข้าไปคว้าคอเสื้อของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นทันที พร้อมกับจ้องหน้า และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก

“ฟังนะ ! ภรรยาของฉันถูกคนลักพาตัวไป ทุกวินาทีหมายถึงความเป็นความตายของเธอ แล้วถ้าภรรยาของฉันเป็นอะไรไป ฉันจะฝังร่างแกลงไปในหลุมพร้อมกับเธอด้วย !”

น้ำเสียงของฉีเล่ยนั้นทั้งดุดัน แล้วก็เย็นชาจนน่าขนลุก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นถึงกับเหงื่อแต่พลั่กเปียกชุ่มไปทั้งตัว

จากนั้นฉีเล่ยจึงร้องตะโกนสั่งว่า “พาฉันไปดูกล้องวงจรปิดที่ทางเข้าหมู่บ้านเดี๋ยวนี้ !”

ด้วยสีหน้าท่าทางดุดัน และเอาจริงของฉีเล่ย ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว และรีบพาฉีเล่ยไปที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดทันที จากนั้นจึงได้เปิดภาพที่บันทึกไว้ตั้งแต่เวลา  8.30  ถึง  9.00  นาฬิกาให้ฉีเล่ยดู

จากภาพของกล้องวงจรปิดนั้น เฉินอวี้หลัวได้เดินออกจากประตูหมู่บ้านไปเวลาในเวลา  8.40  นาฬิกา และได้ไปยืนรอรถประจำทางอยู่ที่ป้ายตรง หน้า หมู่บ้าน แต่แล้วจู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งพุ่งมาจอดตรงหน้าเฉินอวี้หลัว จากนั้นชายสองคนก็วิ่งลงมาจากรถ แล้วฉุดกระชากลากหญิงสาวเข้าไปในรถอย่างรวดเร็ว ก่อนจะขับหนีออกไปในที่สุด

แต่น่าเสียดายที่กล้องวงจรปิดไม่สามารถจับเลขทะเบียนของรถมินิแวนคันนั้นไว้ได้ แล้วก็ไม่เห็นหน้าของผู้ชายสองคนที่ลงมาลากเฉินอวี้หลัวเข้าไปในรถอีกด้วย

แต่ก่อนที่จะถูกลากเข้าไปในรถมินิแวน สีหน้าของเฉินอวี้หลัวเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก และเมื่อฉีเล่ยได้เห็นใบหน้าของภรรยา เขาก็ยิ่งกระวนกระวายใจมากขึ้น

‘คุณคงจะตกใจ แล้วก็หวาดกลัวมากสินะอวี้หลัว ? ’

‘ตอนนั้น คุณคงอยากให้ผมอยู่ใกล้ๆ แล้วก็ช่วยคุณไว้สินะ ? ’

“ไอ้ชาติชั่ว ! ”

ฉีเล่ยสบถออกมาเสียงดัง พร้อมกับยกเท้าขึ้นถีบประตูด้วยความโมโห ก่อนจะหันไปชี้หน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนเดิม พร้อมกับตวาดถามด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว

“แล้วตอนนั้นพวกแกทำอะไรอยู่ ?  คนทั้งคนถูกลักพาตัวไป ที่หน้าทางเข้าหมู่บ้านแบบนั้น  พวก แกตาบอดหรือยังไงถึงได้มองไม่เห็น ? ”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถึงกับคอตก และได้อธิบายให้ฉีเล่ยฟังว่า ช่วงนั้นเพื่อนร่วมงานของเขาที่อยู่เวรยาม ได้ออกไปซื้ออาหารเช้าพอดี จึงไม่ทันได้เห็นเหตุการณ์ลักพาตัวนี้เข้า ..

‘ใครจะไปคิดว่าช่วงเวลาแค่ประเดี๋ยวเดียว จะเกิดเรื่องราวใหญ่โตแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ ?’ เจ้าหน้าที่รักษาความปล่อยภัยได้แต่แอบบ่นอยู่ในใจ

หลังจากที่ได้ระบายอารมณ์โกรธออกไปพอควรแล้ว ฉีเล่ยจึงได้สติและรู้ว่า ถึงจะกร่นด่าออกไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร เขาจึงได้แต่ต้องระงับความโกรธภายในใจลง และเริ่มคิดหาทางแก้ไขต่อไป

กวนไห่ผิงที่ยืนนิ่งเงียบมานาน ในที่สุดก็รีบแนะนำฉีเล่ยว่า “ท่านหมอ รีบโทรแจ้งตำรวจจะดีกว่าครับ !”

“ไม่ได้ !”

ฉีเล่ยคัดค้านขึ้นทันที พร้อมกับอธิบายไปว่า “ตอนนี้เบาะแสเพียงชิ้นเดียวที่มีอยู่คือกล้องวงจรปิด ซึ่งก็ไม่ได้บอกร่องรอยของผู้ร้ายมากนัก ขั้นตอนการทำงานของตำรวจค่อนข้างวุ่นวาย แล้วก็ล่าช้ามาก ผมเกรงว่าจะไม่ทันการ นาทีนี้ผมจำเป็นต้องทำทุกอย่างแข่งกับเวลา .. ”

กวนไห่ผิงเองก็เห็นด้วยว่า ขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นล่าช้าจริงๆ หลังจากรับเรื่องแล้ว ก็ต้องสอบสวนหาข้อมูล สืบหาพยานที่รู้เห็น กว่าจะถึงขั้นตอนการส่งเจ้าหน้าที่ออกสืบหา ก็คงต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน

ในขณะที่เหยื่อซึ่งถูกลักพาตัวไปนั้น อยู่ในช่วงเวลาที่อันตรายอย่างมาก เพราะสามารถถูกฆ่าตายได้ทุกวินาที ..

กวนไห่ผิงจ้องมองฉีเล่ยด้วยสีหน้าท่าทางมั่นอกมั่นใจ เขาเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวชายหนุ่มผู้นี้มาก และเขาเชื่อว่า ตราบใดที่ชายหนุ่มคนนี้เอาจริง เขาจะทำงานได้ว่องไวยิ่งกว่าตำรวจเสียอีก

ไม่มีเหตุผลสำหรับความรู้สึกเชื่อมั่นศรัทธาในตัวฉีเล่ย เพราะมันได้ฝังแน่นอยู่ในก้นบึ้งของจิตใจกวนไห่ผิงไปแล้ว !

ฉีเล่ยเดินวนกลับไปกลับมาอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุด เขาก็คิดออกว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี ..

ในเมื่อหลิวไห่หยางเคยทำงานที่โรงพยาบาลประจำเมืองมาก่อน ทางโรงพยาบาลย่อมต้องมีประวัติของเขาอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หรือว่าข้อมูลอื่นๆ แต่ดูเหมือนข้อมูลเหล่านี้ไม่น่าจะมีประโยชน์อะไรในเวลานี้ เพราะในเมื่ออีกฝ่ายตั้งใจที่จะลักพาตัวเฉินอวี้หลัว เขาย่อมไม่พาไปที่บ้านของตนเองแน่

จากพฤติกรรมของคนที่เคยก่ออาชญากรรมต่างๆนั้น พวกเขาจะไม่อยู่ในจุดที่ตัวเองเคยอยู่ อีกทั้งยังจะใช้ป้ายทะเบียนรถปลอมด้วย หลังจากหนีออกจากเมืองได้ ก็ไม่ต่างจากการงมเข็มในมหาสมุทร

แต่ก็ใช่ว่า ข้อมูลต่างๆจะไม่เป็นประโยชน์เลยเสียทีเดียว อย่างน้อย ตำรวจก็จะสามารถใช้ข้อมูลเหล่านั้น ในการตามสืบหาร่องรอยคนร้ายต่อไป ..

แต่ปัญหาคือ .. ฉีเล่ยไม่มีเวลามากขนาดนั้น !

เขาต้องการวิธีที่ได้ผลเร็วที่สุด ไม่ใช่การงมเข็มในมหาสมุทรแบบนี้ !

แล้วเขาควรทำอย่างไรดี ?

ในระหว่างที่ครุ่นคิดอยู่นั้น เท้าที่ก้าวเดินของฉีเล่ยก็ค่อยๆ ช้าลงไปเรื่อย ก่อนจะหยุดนิ่ง และหันไปจับไหล่กวนไห่ผิง พร้อมกับร้องตะโกนออกมาว่า

“ใช่แล้ว ! ความโลภ ! ทุกอาชญากรรมล้วนเริ่มต้นขึ้นเพราะความโลภของมนุษย์ แม้จะทำไปเพราะแค้นก็เช่นกัน !”

ฉีเล่ยปล่อยมือออกจากไหล่ของกวนไห่ผิง ซึ่งมีสีหน้างุนงงไม่เข้าใจ พร้อมกับพึมพำเบาๆ

“ใช่แล้ว ! เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับอวี้หลัวเลยสักนิด ! คนที่หลิวไห่หยางแค้นคือฉันต่างหากล่ะ ! มันถึงได้มาลักพาตัวอวี้หลัวไป เพราะนอกจากจะได้แก้แค้นฉันแล้ว มันยังจะได้เงินไปใช้อีกด้วย .. นี่เป็นการยิงปืนนัดเดียวแต่ได้นกถึงสองตัว !”

จากนั้น ฉีเล่ยก็หยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองออกมาถือไว้ เขาจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์แน่นิ่ง พร้อมกับพึมพำเสียงเบา

“ฉันจะรอให้แกโทรมา ..”

ฉีเล่ยยังคงนั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือ อยู่ในห้องควบคุมกล้องวงจรปิด จนกระทั่งผ่านไปครึ่งชั่วโมง ในที่สุดโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น

ฉีเล่ยเหลือบมองกวนไห่ผิง ก่อนจะเอื้อมมือไปกดรับสาย ..

ดูเหมือนคนที่โทรมานั้นจะระมัดระวังตัวอย่างมาก มีการซ่อนหมายเลขของตนเองด้วยวิธีการบางอย่าง และน้ำเสียงที่พูดนั้น ก็ดูเหมือนว่าจะผ่านเครื่องปรับเสียงอีกที

“นั่นฉีเล่ยใช่มั๊ย ? ”

“ใช่ ! ”

“ภรรยาของแกอยู่ในเงื้อมือของฉันแล้ว !”

“ถ้าอย่างนั้น ก็ให้เธอมาพูดสายกับฉัน !”

“…”

โจรลักพาตัวถึงกับนิ่งอึ้งไป ที่เห็นฉีเล่ยตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่สงบเยือกเย็น ไม่มีอาการตกอกตกใจแสดงออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย จนคนที่โทรมาอดที่จะคิดไม่ได้ว่า

‘ครอบครัวนี้มันยังไงกันแน่นะ ?’

‘ภรรยาถูกลักพาตัวไปทั้งคน ทำไมถึงดูไม่เดือดเนื้อร้อนใจเลยสักนิด !’

แต่ไม่นานนัก เสียงของเฉินอวี้หลัวก็ดังขึ้นจากปลายสาย “ฉีเล่ย ! อย่ามานะ ! พวกมันต้องการฆ่านาย ! อย่าเข้าใกล้ตัวฉันเด็ดขาดจำไว้ ..”

เสียงร้องตะโกนของเฉินอวี้หลัวค่อยๆเบาลง และดูเหมือนจะห่างจากโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่า เธอได้ถูกพาตัวออกไปแล้ว

“แกคงได้ยินเสียงภรรยาของแกแล้วสินะฉีเล่ย ? แต่ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ภรรยาของแกยังคงปลอดภัยดี แต่ฉันก็ไม่รับปากหรอกนะว่า หลังจากนี้เธอจะมีสภาพยังไง ถ้าแกไม่ทำตามที่ฉันสั่ง ! ไม่แน่ว่า .. ฉันอาจจะจับเธอถลกหนัง แล้วก็ควักลูกตาทั้งสองข้างออกมาก็ได้ เพราะฉะนั้น จงทำตามคำสั่งของฉันอย่างไม่มีเงื่อนไข ถ้าแกไม่อยากเห็นภรรยามีสภาพที่น่าเวทนาแบบนั้น ..”

เวลานี้ ฉีเล่ยถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งร่าง แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากต้องพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง ให้อยู่ในสภาพที่สงบนิ่ง และมีสติมากที่สุด !

“ถ้าอย่างนั้นก็บอกมาว่า แกต้องการเงินเท่าไหร่ ? และต้องการให้ฉันนำเงินไปให้ที่ไหน ?”

โจรลักพาตัวถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง “ฮ่าๆๆ นับว่าแกเป็นคนเฉลียวฉลาด แล้วก็มีเหตุมีผลมากทีเดียว !”

“แต่ฉันจะยังไม่บอกรายละเอียดกับแกตอนนี้ แล้วฉันก็ขอเตือนแกไว้ก่อนว่า อย่าบอกเรื่องนี้กับตำรวจเด็ดขาด เพราะถ้าตำรวจรู้เรื่องนี้เมื่อไหร่ รับรองได้ว่า ภรรยาของแกจะเหลือแค่ร่างไร้วิญญาณแน่ !”

ตู๊ดๆๆ

หลังจากพูดจบ โจรเรียกค่าไถ่ก็กดตัดสายทิ้งไปทันที !

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด