ยอดคุณหมอสกุลเฉิน 40 ต่อคิวในห้องสอบสวน

Now you are reading ยอดคุณหมอสกุลเฉิน Chapter 40 ต่อคิวในห้องสอบสวน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 40 ต่อคิวในห้องสอบสวน

หวังเทียนดังขึ้นรถไปด้วยหัวใจที่รุ่นร้อนกระวนกระวาย

เขารู้ดีว่าที่สถานีตํารวจนั้นมีสภาพเช่นไร ต่อให้คนแข็งแรงๆเข้าไป กลับออกมาก็ต้องมีสภาพที่บาดเจ็บไม่น้อย

เขาร้องสั่งคนขับรถให้เร่งความเร็วให้มากขึ้น เวลานี้ สิ่งที่เขากังวลมากที่สุด ไม่ใช่ทัศนคติที่ฉีเลยมีต่อเขา แต่เขากําลังเป็นห่วงสภาพของตนเอง หลังจากกลับไปรายงานเรื่องนี้หลิวชิงเฟิงต่างหาก เขาคงจะหวาดกลัวจนอุจจาระราดแน่

 

เมื่อครู่ หวังเทียนทั้งเพิ่งจะขอให้เนี่ยจิงหัวหน้าสํานักงานรักษาความมั่นคง เดินทางไปที่สถานีตํารวจหลงซินด้วยตัวเอง และจุดประสงค์ที่เขาทําแบบนั้นก็เพราะว่า ต้องการให้นี่เลยเห็นถึงความจริงใจ และจริงจังในการแก้ไขปัญหาของเขานั่นเอง

 

ระหว่างนั้น หวังเทียนหังก็นึกหาหนทางที่จะปลอบโยนฉีเลย เพื่อให้ชายหนุ่มหายจากอาการตกอกตกใจ และสงบลงได้

ส่วนทางด้านเนี่ยจิงนั้น หลังจากวางสายไปแล้ว ก็ได้แต่นั่งครุ่นคิดด้วยความงุนงง..

“น่าแปลก! ถ้าเป็นแค่เพื่อนธรรมดา ทําไมเลขานุการใหญ่ต้องไปด้วยตัวเอง? มิหนําซ้ํายังสั่งให้ฉันไปที่นั่นด้วย! ดูท่าสถานะของคนคนนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่?”

หลังจากคิดได้แบบนั้น เนี่ยจิงก็รีบลุกเดินออกมาจากห้องทํางาน พร้อมกับสั่งลูกน้องว่า “เตรียมรถ.. ฉันจะไปสถานีตํารวจหลงซิน!”

 

ในขณะที่เกาว่านฮุยนั้น หลังจากหวังเทียนดังกดตัดสายทิ้งไปแล้ว เขาก็ได้แต่นั่งฟังเสียง “ตุ๊ดๆ” ที่ตั้งอยู่ปลายสายแน่นิ่ง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดขาวราวกระดาษ

คําพูดของหวังเทียนทั้งที่บอกให้เขาสวดมนต์ภาวนารอไว้นั้น ย่อมหมายความว่า เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องราวใหญ่โตอย่างแน่นอน และนั่นทําให้เกาว่านฮุยแทบหัวใจวาย

 

“นี่หัวหน้าเกา ขนาดเลขาหวังยังอยู่เรื่องนี้ รับรองว่าอนาคตของคุณต้องรุ่งเรืองก้าวหน้าอย่างแน่นอน!”

 

หลู่เฉีเว่ยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว และไม่ทันสังเกตเห็นใบหน้าซีดเผือดของเกาว่านฮุย รีบยกแก้วไวน์ในมือขึ้น พร้อมกับพูดแสดงความยินดีออกมา เมื่อรู้ว่าปลายสายนั้นคือใคร

 

“รุ่งเรืองบ้าบออะไรกัน?”

 

เกาว่านฮุยตอบกลับด้วยน้ําเสียงโกรธเกรี้ยวไม่พอใจ เขากระแทกแก้วไวน์ลงกับโต๊ะเสียงดัง และหันไปร้องเตือนหลู่ฉีเว่ยด้วยใบหน้าทิ้งตึงว่า

“คุณหลู่! เมื่อครู่คุณเป็นตัวตั้งตัวตีขัดขวางการรายงานตัวของแพทย์พิเศษ มิหนําซ้ํายังกล่าวหาเขาปลอมแปลงเอกสาร แล้วยังสั่งให้น้องเขยตัวเองไปทําร้ายร่างกายเขาซ้ํา หึ! ตอนนี้คุณเตรียมตัวหาคําอธิบายให้กับหัวหน้าหลิวได้เลย!”

 

หลังจากพูดจบ เกาว่านฮุยก็เดินพับแขนเสื้อออกจากห้องอาหารไปด้วยใบหน้าทิ้งตึง และได้แต่คิดในใจอย่างเดือดดาล

 

“ตลกสิ้นดี! ฉันอุตส่าห์เลี้ยงขอบคุณหลู่ฉีเว่ย ที่เตือนให้รู้ว่ามีมิจฉาชีพมาอวดอ้างเป็นแพทย์พิเศษ แล้วนี่มันอะไรกัน?!?

 

หลังจากได้เห็นสีหน้าท่าทาง และได้ยินคําเตือนของเกาว่านฮุย หลู่ฉีเว่ยจึงได้สติขึ้นมาทันที และเริ่มตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทําให้ไวน์ที่ดื่มเข้าไปก่อนหน้านี้กลายเป็นเหงื่อไหลเปียกโชกไปทั้งตัวในทันที!

 

เพียงแค่คิดว่าตนเองได้ทําอะไรลงไป และสร้างความไม่พอใจให้กับหลิวเฟิงหยางอย่างไรบ้าง หมู่ฉีเว่ยก็ถึงกับแข้งขาอ่อนแรง และแทบทรุดลงไปกองกับพื้นทันที เขาหันมองไปตามแผ่นหลังของเกาว่านฮุยที่เดินออกไปด้วยความโมโห พร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า

 

“นี่หัวหน้าเกา แต่ทั้งหมดที่ผมทําลงไปก็เพราะหวังดีกับ คุณนะ..”

 

แต่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ เพราะเวลานี้ เกาว่านฮุยได้เดินออกไปไกลแล้ว และไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามอง

หลู่ว่านีวิ่งตามออกมาเพื่อที่จะอธิบาย แต่เมื่อเขาวิ่งมาถึงหน้าประตูภัตตาคาร กลับพบว่าเกาว่านฮุยได้ขับรถออกไปแล้ว

 

และเวลานี้ เกาว่านฮุยก็กําลังขับรถมุ่งหน้าไปยังสถานีตํารวจหลงซิน!

เนี่ยจิงซึ่งอยู่ในรถของสํานักงานรักษาความมั่นคงเวลานี้ รถได้แล่นเข้าไปภายในสถานีตํารวจหลงซินด้วยความเร็วสูงสุด และเป็นเวลาเดียวกับที่รถของหวังเทียนทั้งได้แล่นเข้าประตูมาเช่นกัน

เนี่ยจิงถึงกับตกใจไม่น้อย เพราะที่ทํางานของหวังเทียนหังห่างจากสถานีตํารวจหลงซินมากกว่าเขาถึงสองเท่า แต่หวังเทียนทั้งกลับมาถึงในเวลาไล่เลี่ยกันกับเขา แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า หวังเทียนหังมีความร้อนใจในเรื่องนี้มากเพียงใด!

และนั่นทําให้เนี่ยจิงยิ่งอยากจะรู้ว่า เจ้าหน้าที่ตํารวจจับใครมากันแน่ ถึงได้ทําให้ท่านเลขาใหญ่ร้อนใจได้มากขนาดนี้ จนต้องรีบรุดมาจัดการด้วยตัวเองแบบนี้?

 

ทันทีที่เดินลงจากรถ เนี่ยจิงก็ตรงเข้าไปหาหวังเทียนดังอย่างรวดเร็ว พร้อมกับร้องตะโกนทักทายเสียงดัง

 

“ท่านเลขาใหญ่ ผมเนี่ยจิงมาปฏิบัติหน้าที่ตามคําสั่งของท่านแล้วนะครับ!”

“พี่เนี่ยจิง เลิกล้อผมเล่นได้แล้ว! ตอนนี้ไม่มีเวลาอธิบายอะไรมาก เอาเป็นว่าคนที่ถูกตํารวจจับตัวมานั้นสําคัญมากๆ!”

 

หวังเทียนทั้งเดินน้ําอ้าวโดยไม่หยุด เขาเดินกึ่งวิ่งเข้าไปภายในสถานีตํารวจ พร้อมกับตอบเนี่ยจิงไปด้วยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา

 

จากสีหน้าท่าทางของหวังเทียนฟัง ทําให้เนี่ยจิงยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่า คนที่เขาจะมาช่วยในวันนี้ ต้องเป็นคนที่มีสถานะไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ระหว่างที่เดินตามหลังหวังเทียนดังไปนั้น เนี่ยจิงก็ได้แต่คิดในใจว่า ดูท่าวันนี้เขาคงต้องจัดการขั้นเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นคงยากที่จะแก้ไขสถานการณ์ต่างๆได้

ทันทีที่เดินเข้าไปในอาคารได้ หวังเทียนฟังก็หันมองไปรอบๆ ก่อนจะร้องตะโกนบอกนายตํารวจชั้นผู้น้อยคนหนึ่งที่นั่งอยู่

 

“ผมมาจากสํานักงานเลขาประจํามณฑล ไปเรียกผู้กํากับมาพบผมเดี๋ยวนี้!”

 

“ผมขอดูบัตรประจําตัว ที่แสดงว่าคุณเป็นเจ้าหน้าที่สํานักงานเลขาด้วยครับ!” เจ้าหน้าที่ตํารวจชั้นผู้น้อยไม่กล้าประมาท และจําเป็นต้องตรวจสอบอย่างละเอียด

“นี่ถึงกับต้องขอตรวจสอบบัตรประจําตัวของเลขาหวังเชียวเหรอ?”

เนี่ยจิงที่เดินตามมาข้างหลังร้องตะโกนถามกลับไปทันที พร้อมกับแนะนําตัวเองเสียงดัง “ผมเนี่ยจิง.. คิดว่าพวกคุณคงจะเคยได้ยินชื่อผมแล้วสินะ?”

 

ทันทีที่เจ้าหน้าที่ตํารวจนายนั้นได้ยินชื่อของเนี่ยจิง ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นตกอกตกใจทันที และรีบเงยหน้าขึ้นมองเนี่ยจิงด้วยใบหน้าซีดเผือด แล้วเหงื่อเม็ดโตก็เริ่มผุดขึ้นตามใบหน้า

นั่นเพราะเนี่ยจิงเป็นหัวหน้า ที่รับผิดชอบดูแลสํานักงานรักษาความมั่นคงของเมืองหนานหยาง ย่อมเท่ากับเป็นหัวหน้าของเขาด้วย!

เจ้าหน้าที่ตํารวจนายนั้นรีบลุกขึ้นยืนทําความเคารพ พร้อมกับร้องบอกไปด้วยน้ําเสียงสั่นเทิ้ม..

 

“ทะ.. ท่านหัวหน้า กรุณานั่งลงก่อนครับ ผมจะรีบไปตามผู้กํากับมาให้เดี๋ยวนี้ครับ!”

 

หลังจากพูดจบ เจ้าหน้าที่ตํารวจนายนั้นก็รีบวิ่งหายไปทันที

 

ไม่ถึงครึ่งนาที ดังผินก็วิ่งออกมาพร้อมกับรายงานตัวต่อเนี่ยจิงอย่างเป็นทางการ “ผู้กํากับตั้งผนแห่งสถานีตํารวจหลงซิน รายงานตัวต่อหัวหน้าครับผม!”

 

“ไม่ทราบว่าหัวหน้ามาถึงที่นี่ มีอะไรให้รับใช้หรือครับ?”

แม้ปากของตั้งผนจะร้องตะโกนออกไปด้วยน้ําเสียงหนักแน่น แต่ขาทั้งสองข้างของเขาที่ซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงขายาวนั้น กลับกําลังสั่นสะท้าน

 

ปกติแล้ว ยากนักที่ตั้งผนจะมีโอกาสได้พบเจอกับหัวหน้าสํานักงานรักษาความมั่นคงของเมืองหนานหยางแบบนี้ แต่จู่ๆหัวหน้าเนี่ยก็ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่บอกไม่กล่าวแบบนี้ แสดงให้เห็นว่า ต้องมีเรื่องใหญ่โตเกิดขึ้นแน่ๆ!

 

“ตอนนี้แพทย์พิเศษฉีอยู่ที่ไหน?” หวังเทียนทั้งไม่สนใจเรื่องอื่น เขารีบร้องตะโกนถามเรื่องสําคัญออกไปในทันที

 

ตั้งผนถึงกับเหงื่อตก และรีบตอบหวังเทียนทั้งกลับไปทันที “รายงานท่านเลขา ตอนนี้แพทย์พิเศษนี่อยู่ในห้องสอบสวนหมายเลขสองครับ!”

 

ภายในใจของตั้งผนเวลานี้ได้แต่แอบคิดว่า เขาไม่น่าไปรับเผือกร้อนนี้มาจากสํานักงานสุขภาพเลยจริงๆ

“ยังจะยืนนิ่งเฉยทําไมอยู่อีก? รีบๆนําทางไปสิ!”

 

เนี่ยจิงตวาดเสียงดัง พร้อมกับจ้องมองผู้กํากับตั้งด้วยใบหน้าบึงตึง ทําให้เขาถึงกับต้องลากขาสั่นสะท้านทั้งสองข้างเดินนําออกไปอย่างรวดเร็ว ปากก็ร้องบอกไปว่า

 

“เชิญตามผมมาทางนี้ครับ!”

 

เมื่อทุกคนขึ้นไปชั้นสองก็ได้พบว่า ที่หน้าห้องสอบสวนหมายเลขสองนั้น มีเจ้าหน้าที่ตํารวจยืนออกันอยู่เต็มไปหมด เรียกได้ว่า เจ้าหน้าที่ตํารวจทั้งสถานีได้มารวมตัวกันอยู่ตรงนี้จนหมด!

หลังจากที่ได้เห็นภาพทั้งหมดตรงหน้า หวังเทียนฟังก็ถึงกับกลั้นหายใจ และได้แต่พิมพ์ออกมาด้วยความท้อแท้สิ้นหวัง

“พระเจ้า! นี่ตํารวจทั้ง ส.น. ถึงกับรอคิวสอบสวนหมอฉีที่อยู่ข้างในเหรอนี่?”

 

“แย่แล้ว! ปานนี้หมอฉีจะมีสภาพเละเทะไปถึงไหนแล้ว?”

“นี่! พวกคุณมายืนอออะไรกันอยู่ตรงนี้? ไม่ไปทํางานทําการกันหรือยังไง?” ผู้กํากับทั้งร้องตะโกนออกเสียงดัง

 

“ทุกคนฟังคําสั่ง! นั่งยองๆลงกับพื้นให้หมด!”

เนี่ยจิงร้องตะโกนสั่งเจ้าหน้าที่ตํารวจทั้งหมดด้วยน้ําเสียงเกรี้ยวกราด ก่อนจะหันไปสั่งตั้งผนด้วยใบหน้าทิ้งตึง

“คุณไปจัดการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาคุกเข่าลงให้หมดเดี๋ยวนี้!”

 

เนี่ยจิงเองก็รู้สึกไม่ดีนักที่ได้เห็นภาพเช่นนี้ปรากฏต่อหน้า และเขาเองก็คิดเช่นเดียวกับหวังเทียนฟังว่า ปานนี้คนที่ถูกสอบสวนอยู่ในห้อง คงจะต้องถูกซ้อมจนน่วมไปแล้วแน่ๆ

หวังเทียนฟังวิ่งตรงไปที่ห้องสอบสวนหมายเลขสองทันที ปากก็ร้องตะโกนถามออกไปด้วยความเป็นห่วง

 

“คุณหมอฉีครับ คุณหมอฉี! คุณเป็นยังไงบ้างครับ?

“เลขาหวังเหรอครับ? ในที่สุดคุณก็มาจนได้!” เสียงฉีเล่ยร้องตะโกนตอบออกมาจากห้องสอบสวนหมายเลขสอง

และทันทีที่ได้ยินเสียงของฉีเลย หวังเทียนฟังก็ถึงกับต้องถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาผลักเจ้าหน้าที่ตํารวจที่ออกันอยู่หน้าประตูออกไปอย่างแรง ส่วนตัวเองนั้นก็รีบผลักประตูห้องสอบสวนเข้าไปด้านในทันที

แต่ภาพที่เห็นนั้น ก็ทําให้หวังเทียนดังถึงกับยืนตัวแข็งที่อ..

นั่นเพราะภาพที่อยู่ในหัวของเขานั้น ฉีเล่ยคงจะต้องมีสภาพถูกซ้อมจนน่วมไปทั้งตัว ถึงแม้ไม่ตาย ก็คงต้องนําส่งโรงพยาบาล แต่เขาก็เตรียมใจไว้ล่วงหน้าแล้ว เพราะขอแค่ฉีเล่ยยังมีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว!

แต่เมื่อเห็นภาพที่ปรากฏต่อหน้าเวลานี้ หวังเทียนทั้งกลับรู้สึกราวกับว่า ตนเองนั้นกําลังฝันอยู่หรือไม่?

นั่นเพราะภายในห้องสอบสวนเวลานี้ ฉีเล่ยกลับนั่งอยู่บนเก้าอี้ในสภาพที่ปลอดภัย โดยมีเจ้าหน้าที่ตํารวจของสถานียืนเรียงกัน เป็นแถวยาวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ด้านหน้า

 

ในระหว่างนั้น เสียงพูดของฉีเลยก็ดังมาเข้าหูของหวังเทียนฟัง..

“ธาตุไฟในร่างกายของคุณรุนแรงมาก และโทสะก็จะยิ่งไปเพิ่มให้ธาตุไฟในตัวทวีความรุนแรงมากขึ้น ถ้าคุณยังขึ้นเป็นคนขี้โมโหแบบนี้ ธาตุไฟก็จะค่อยๆทําลายตับของคุณให้เสียหาย

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดคุณหมอสกุลเฉิน 40 ต่อคิวในห้องสอบสวน

Now you are reading ยอดคุณหมอสกุลเฉิน Chapter 40 ต่อคิวในห้องสอบสวน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 40 ต่อคิวในห้องสอบสวน

หวังเทียนดังขึ้นรถไปด้วยหัวใจที่รุ่นร้อนกระวนกระวาย

เขารู้ดีว่าที่สถานีตํารวจนั้นมีสภาพเช่นไร ต่อให้คนแข็งแรงๆเข้าไป กลับออกมาก็ต้องมีสภาพที่บาดเจ็บไม่น้อย

เขาร้องสั่งคนขับรถให้เร่งความเร็วให้มากขึ้น เวลานี้ สิ่งที่เขากังวลมากที่สุด ไม่ใช่ทัศนคติที่ฉีเลยมีต่อเขา แต่เขากําลังเป็นห่วงสภาพของตนเอง หลังจากกลับไปรายงานเรื่องนี้หลิวชิงเฟิงต่างหาก เขาคงจะหวาดกลัวจนอุจจาระราดแน่

 

เมื่อครู่ หวังเทียนทั้งเพิ่งจะขอให้เนี่ยจิงหัวหน้าสํานักงานรักษาความมั่นคง เดินทางไปที่สถานีตํารวจหลงซินด้วยตัวเอง และจุดประสงค์ที่เขาทําแบบนั้นก็เพราะว่า ต้องการให้นี่เลยเห็นถึงความจริงใจ และจริงจังในการแก้ไขปัญหาของเขานั่นเอง

 

ระหว่างนั้น หวังเทียนหังก็นึกหาหนทางที่จะปลอบโยนฉีเลย เพื่อให้ชายหนุ่มหายจากอาการตกอกตกใจ และสงบลงได้

ส่วนทางด้านเนี่ยจิงนั้น หลังจากวางสายไปแล้ว ก็ได้แต่นั่งครุ่นคิดด้วยความงุนงง..

“น่าแปลก! ถ้าเป็นแค่เพื่อนธรรมดา ทําไมเลขานุการใหญ่ต้องไปด้วยตัวเอง? มิหนําซ้ํายังสั่งให้ฉันไปที่นั่นด้วย! ดูท่าสถานะของคนคนนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่?”

หลังจากคิดได้แบบนั้น เนี่ยจิงก็รีบลุกเดินออกมาจากห้องทํางาน พร้อมกับสั่งลูกน้องว่า “เตรียมรถ.. ฉันจะไปสถานีตํารวจหลงซิน!”

 

ในขณะที่เกาว่านฮุยนั้น หลังจากหวังเทียนดังกดตัดสายทิ้งไปแล้ว เขาก็ได้แต่นั่งฟังเสียง “ตุ๊ดๆ” ที่ตั้งอยู่ปลายสายแน่นิ่ง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดขาวราวกระดาษ

คําพูดของหวังเทียนทั้งที่บอกให้เขาสวดมนต์ภาวนารอไว้นั้น ย่อมหมายความว่า เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องราวใหญ่โตอย่างแน่นอน และนั่นทําให้เกาว่านฮุยแทบหัวใจวาย

 

“นี่หัวหน้าเกา ขนาดเลขาหวังยังอยู่เรื่องนี้ รับรองว่าอนาคตของคุณต้องรุ่งเรืองก้าวหน้าอย่างแน่นอน!”

 

หลู่เฉีเว่ยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว และไม่ทันสังเกตเห็นใบหน้าซีดเผือดของเกาว่านฮุย รีบยกแก้วไวน์ในมือขึ้น พร้อมกับพูดแสดงความยินดีออกมา เมื่อรู้ว่าปลายสายนั้นคือใคร

 

“รุ่งเรืองบ้าบออะไรกัน?”

 

เกาว่านฮุยตอบกลับด้วยน้ําเสียงโกรธเกรี้ยวไม่พอใจ เขากระแทกแก้วไวน์ลงกับโต๊ะเสียงดัง และหันไปร้องเตือนหลู่ฉีเว่ยด้วยใบหน้าทิ้งตึงว่า

“คุณหลู่! เมื่อครู่คุณเป็นตัวตั้งตัวตีขัดขวางการรายงานตัวของแพทย์พิเศษ มิหนําซ้ํายังกล่าวหาเขาปลอมแปลงเอกสาร แล้วยังสั่งให้น้องเขยตัวเองไปทําร้ายร่างกายเขาซ้ํา หึ! ตอนนี้คุณเตรียมตัวหาคําอธิบายให้กับหัวหน้าหลิวได้เลย!”

 

หลังจากพูดจบ เกาว่านฮุยก็เดินพับแขนเสื้อออกจากห้องอาหารไปด้วยใบหน้าทิ้งตึง และได้แต่คิดในใจอย่างเดือดดาล

 

“ตลกสิ้นดี! ฉันอุตส่าห์เลี้ยงขอบคุณหลู่ฉีเว่ย ที่เตือนให้รู้ว่ามีมิจฉาชีพมาอวดอ้างเป็นแพทย์พิเศษ แล้วนี่มันอะไรกัน?!?

 

หลังจากได้เห็นสีหน้าท่าทาง และได้ยินคําเตือนของเกาว่านฮุย หลู่ฉีเว่ยจึงได้สติขึ้นมาทันที และเริ่มตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทําให้ไวน์ที่ดื่มเข้าไปก่อนหน้านี้กลายเป็นเหงื่อไหลเปียกโชกไปทั้งตัวในทันที!

 

เพียงแค่คิดว่าตนเองได้ทําอะไรลงไป และสร้างความไม่พอใจให้กับหลิวเฟิงหยางอย่างไรบ้าง หมู่ฉีเว่ยก็ถึงกับแข้งขาอ่อนแรง และแทบทรุดลงไปกองกับพื้นทันที เขาหันมองไปตามแผ่นหลังของเกาว่านฮุยที่เดินออกไปด้วยความโมโห พร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า

 

“นี่หัวหน้าเกา แต่ทั้งหมดที่ผมทําลงไปก็เพราะหวังดีกับ คุณนะ..”

 

แต่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ เพราะเวลานี้ เกาว่านฮุยได้เดินออกไปไกลแล้ว และไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามอง

หลู่ว่านีวิ่งตามออกมาเพื่อที่จะอธิบาย แต่เมื่อเขาวิ่งมาถึงหน้าประตูภัตตาคาร กลับพบว่าเกาว่านฮุยได้ขับรถออกไปแล้ว

 

และเวลานี้ เกาว่านฮุยก็กําลังขับรถมุ่งหน้าไปยังสถานีตํารวจหลงซิน!

เนี่ยจิงซึ่งอยู่ในรถของสํานักงานรักษาความมั่นคงเวลานี้ รถได้แล่นเข้าไปภายในสถานีตํารวจหลงซินด้วยความเร็วสูงสุด และเป็นเวลาเดียวกับที่รถของหวังเทียนทั้งได้แล่นเข้าประตูมาเช่นกัน

เนี่ยจิงถึงกับตกใจไม่น้อย เพราะที่ทํางานของหวังเทียนหังห่างจากสถานีตํารวจหลงซินมากกว่าเขาถึงสองเท่า แต่หวังเทียนทั้งกลับมาถึงในเวลาไล่เลี่ยกันกับเขา แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า หวังเทียนหังมีความร้อนใจในเรื่องนี้มากเพียงใด!

และนั่นทําให้เนี่ยจิงยิ่งอยากจะรู้ว่า เจ้าหน้าที่ตํารวจจับใครมากันแน่ ถึงได้ทําให้ท่านเลขาใหญ่ร้อนใจได้มากขนาดนี้ จนต้องรีบรุดมาจัดการด้วยตัวเองแบบนี้?

 

ทันทีที่เดินลงจากรถ เนี่ยจิงก็ตรงเข้าไปหาหวังเทียนดังอย่างรวดเร็ว พร้อมกับร้องตะโกนทักทายเสียงดัง

 

“ท่านเลขาใหญ่ ผมเนี่ยจิงมาปฏิบัติหน้าที่ตามคําสั่งของท่านแล้วนะครับ!”

“พี่เนี่ยจิง เลิกล้อผมเล่นได้แล้ว! ตอนนี้ไม่มีเวลาอธิบายอะไรมาก เอาเป็นว่าคนที่ถูกตํารวจจับตัวมานั้นสําคัญมากๆ!”

 

หวังเทียนทั้งเดินน้ําอ้าวโดยไม่หยุด เขาเดินกึ่งวิ่งเข้าไปภายในสถานีตํารวจ พร้อมกับตอบเนี่ยจิงไปด้วยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา

 

จากสีหน้าท่าทางของหวังเทียนฟัง ทําให้เนี่ยจิงยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่า คนที่เขาจะมาช่วยในวันนี้ ต้องเป็นคนที่มีสถานะไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ระหว่างที่เดินตามหลังหวังเทียนดังไปนั้น เนี่ยจิงก็ได้แต่คิดในใจว่า ดูท่าวันนี้เขาคงต้องจัดการขั้นเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นคงยากที่จะแก้ไขสถานการณ์ต่างๆได้

ทันทีที่เดินเข้าไปในอาคารได้ หวังเทียนฟังก็หันมองไปรอบๆ ก่อนจะร้องตะโกนบอกนายตํารวจชั้นผู้น้อยคนหนึ่งที่นั่งอยู่

 

“ผมมาจากสํานักงานเลขาประจํามณฑล ไปเรียกผู้กํากับมาพบผมเดี๋ยวนี้!”

 

“ผมขอดูบัตรประจําตัว ที่แสดงว่าคุณเป็นเจ้าหน้าที่สํานักงานเลขาด้วยครับ!” เจ้าหน้าที่ตํารวจชั้นผู้น้อยไม่กล้าประมาท และจําเป็นต้องตรวจสอบอย่างละเอียด

“นี่ถึงกับต้องขอตรวจสอบบัตรประจําตัวของเลขาหวังเชียวเหรอ?”

เนี่ยจิงที่เดินตามมาข้างหลังร้องตะโกนถามกลับไปทันที พร้อมกับแนะนําตัวเองเสียงดัง “ผมเนี่ยจิง.. คิดว่าพวกคุณคงจะเคยได้ยินชื่อผมแล้วสินะ?”

 

ทันทีที่เจ้าหน้าที่ตํารวจนายนั้นได้ยินชื่อของเนี่ยจิง ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นตกอกตกใจทันที และรีบเงยหน้าขึ้นมองเนี่ยจิงด้วยใบหน้าซีดเผือด แล้วเหงื่อเม็ดโตก็เริ่มผุดขึ้นตามใบหน้า

นั่นเพราะเนี่ยจิงเป็นหัวหน้า ที่รับผิดชอบดูแลสํานักงานรักษาความมั่นคงของเมืองหนานหยาง ย่อมเท่ากับเป็นหัวหน้าของเขาด้วย!

เจ้าหน้าที่ตํารวจนายนั้นรีบลุกขึ้นยืนทําความเคารพ พร้อมกับร้องบอกไปด้วยน้ําเสียงสั่นเทิ้ม..

 

“ทะ.. ท่านหัวหน้า กรุณานั่งลงก่อนครับ ผมจะรีบไปตามผู้กํากับมาให้เดี๋ยวนี้ครับ!”

 

หลังจากพูดจบ เจ้าหน้าที่ตํารวจนายนั้นก็รีบวิ่งหายไปทันที

 

ไม่ถึงครึ่งนาที ดังผินก็วิ่งออกมาพร้อมกับรายงานตัวต่อเนี่ยจิงอย่างเป็นทางการ “ผู้กํากับตั้งผนแห่งสถานีตํารวจหลงซิน รายงานตัวต่อหัวหน้าครับผม!”

 

“ไม่ทราบว่าหัวหน้ามาถึงที่นี่ มีอะไรให้รับใช้หรือครับ?”

แม้ปากของตั้งผนจะร้องตะโกนออกไปด้วยน้ําเสียงหนักแน่น แต่ขาทั้งสองข้างของเขาที่ซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงขายาวนั้น กลับกําลังสั่นสะท้าน

 

ปกติแล้ว ยากนักที่ตั้งผนจะมีโอกาสได้พบเจอกับหัวหน้าสํานักงานรักษาความมั่นคงของเมืองหนานหยางแบบนี้ แต่จู่ๆหัวหน้าเนี่ยก็ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่บอกไม่กล่าวแบบนี้ แสดงให้เห็นว่า ต้องมีเรื่องใหญ่โตเกิดขึ้นแน่ๆ!

 

“ตอนนี้แพทย์พิเศษฉีอยู่ที่ไหน?” หวังเทียนทั้งไม่สนใจเรื่องอื่น เขารีบร้องตะโกนถามเรื่องสําคัญออกไปในทันที

 

ตั้งผนถึงกับเหงื่อตก และรีบตอบหวังเทียนทั้งกลับไปทันที “รายงานท่านเลขา ตอนนี้แพทย์พิเศษนี่อยู่ในห้องสอบสวนหมายเลขสองครับ!”

 

ภายในใจของตั้งผนเวลานี้ได้แต่แอบคิดว่า เขาไม่น่าไปรับเผือกร้อนนี้มาจากสํานักงานสุขภาพเลยจริงๆ

“ยังจะยืนนิ่งเฉยทําไมอยู่อีก? รีบๆนําทางไปสิ!”

 

เนี่ยจิงตวาดเสียงดัง พร้อมกับจ้องมองผู้กํากับตั้งด้วยใบหน้าบึงตึง ทําให้เขาถึงกับต้องลากขาสั่นสะท้านทั้งสองข้างเดินนําออกไปอย่างรวดเร็ว ปากก็ร้องบอกไปว่า

 

“เชิญตามผมมาทางนี้ครับ!”

 

เมื่อทุกคนขึ้นไปชั้นสองก็ได้พบว่า ที่หน้าห้องสอบสวนหมายเลขสองนั้น มีเจ้าหน้าที่ตํารวจยืนออกันอยู่เต็มไปหมด เรียกได้ว่า เจ้าหน้าที่ตํารวจทั้งสถานีได้มารวมตัวกันอยู่ตรงนี้จนหมด!

หลังจากที่ได้เห็นภาพทั้งหมดตรงหน้า หวังเทียนฟังก็ถึงกับกลั้นหายใจ และได้แต่พิมพ์ออกมาด้วยความท้อแท้สิ้นหวัง

“พระเจ้า! นี่ตํารวจทั้ง ส.น. ถึงกับรอคิวสอบสวนหมอฉีที่อยู่ข้างในเหรอนี่?”

 

“แย่แล้ว! ปานนี้หมอฉีจะมีสภาพเละเทะไปถึงไหนแล้ว?”

“นี่! พวกคุณมายืนอออะไรกันอยู่ตรงนี้? ไม่ไปทํางานทําการกันหรือยังไง?” ผู้กํากับทั้งร้องตะโกนออกเสียงดัง

 

“ทุกคนฟังคําสั่ง! นั่งยองๆลงกับพื้นให้หมด!”

เนี่ยจิงร้องตะโกนสั่งเจ้าหน้าที่ตํารวจทั้งหมดด้วยน้ําเสียงเกรี้ยวกราด ก่อนจะหันไปสั่งตั้งผนด้วยใบหน้าทิ้งตึง

“คุณไปจัดการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาคุกเข่าลงให้หมดเดี๋ยวนี้!”

 

เนี่ยจิงเองก็รู้สึกไม่ดีนักที่ได้เห็นภาพเช่นนี้ปรากฏต่อหน้า และเขาเองก็คิดเช่นเดียวกับหวังเทียนฟังว่า ปานนี้คนที่ถูกสอบสวนอยู่ในห้อง คงจะต้องถูกซ้อมจนน่วมไปแล้วแน่ๆ

หวังเทียนฟังวิ่งตรงไปที่ห้องสอบสวนหมายเลขสองทันที ปากก็ร้องตะโกนถามออกไปด้วยความเป็นห่วง

 

“คุณหมอฉีครับ คุณหมอฉี! คุณเป็นยังไงบ้างครับ?

“เลขาหวังเหรอครับ? ในที่สุดคุณก็มาจนได้!” เสียงฉีเล่ยร้องตะโกนตอบออกมาจากห้องสอบสวนหมายเลขสอง

และทันทีที่ได้ยินเสียงของฉีเลย หวังเทียนฟังก็ถึงกับต้องถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาผลักเจ้าหน้าที่ตํารวจที่ออกันอยู่หน้าประตูออกไปอย่างแรง ส่วนตัวเองนั้นก็รีบผลักประตูห้องสอบสวนเข้าไปด้านในทันที

แต่ภาพที่เห็นนั้น ก็ทําให้หวังเทียนดังถึงกับยืนตัวแข็งที่อ..

นั่นเพราะภาพที่อยู่ในหัวของเขานั้น ฉีเล่ยคงจะต้องมีสภาพถูกซ้อมจนน่วมไปทั้งตัว ถึงแม้ไม่ตาย ก็คงต้องนําส่งโรงพยาบาล แต่เขาก็เตรียมใจไว้ล่วงหน้าแล้ว เพราะขอแค่ฉีเล่ยยังมีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว!

แต่เมื่อเห็นภาพที่ปรากฏต่อหน้าเวลานี้ หวังเทียนทั้งกลับรู้สึกราวกับว่า ตนเองนั้นกําลังฝันอยู่หรือไม่?

นั่นเพราะภายในห้องสอบสวนเวลานี้ ฉีเล่ยกลับนั่งอยู่บนเก้าอี้ในสภาพที่ปลอดภัย โดยมีเจ้าหน้าที่ตํารวจของสถานียืนเรียงกัน เป็นแถวยาวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ด้านหน้า

 

ในระหว่างนั้น เสียงพูดของฉีเลยก็ดังมาเข้าหูของหวังเทียนฟัง..

“ธาตุไฟในร่างกายของคุณรุนแรงมาก และโทสะก็จะยิ่งไปเพิ่มให้ธาตุไฟในตัวทวีความรุนแรงมากขึ้น ถ้าคุณยังขึ้นเป็นคนขี้โมโหแบบนี้ ธาตุไฟก็จะค่อยๆทําลายตับของคุณให้เสียหาย

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+