ยอดคุณหมอสกุลเฉิน 57 เหน็บแนม

Now you are reading ยอดคุณหมอสกุลเฉิน Chapter 57 เหน็บแนม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่57 เหน็บแนม

พนักงานสาวรีบเดินไปหยิบสูทตามที่เธออธิบายมาทันที และเพียงครู่เดียวก็หยิบมาพร้อมจัดเต็ม มองแค่แวบเดียวก็รู้เลยว่ามันโมเดิร์นขนาดไหน ถึงจะให้ความรู้สึกเฉกเช่นชุดสูทสไตล์ดังเดิมและด้วยองค์ประกอบลูกเล่นการตัดเย็บ มันชูให้สูทชุดนี้ดูโดดเด่นและทันสมัย เนื้อผ้านิ่มใส่สบายดูหรูหร่า กางเกงเป็นทรงกระบอกขาลอย ทั้งยังรอยเย็บทุกด้านที่แสนจะประณีตเก็บทุกรายละเอียด โดยรวมแล้วนี่เป็นชุดสูทเกรดสูงมาก

ฉีเล่ยคลี่ยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจอย่างยิ่ง และขอให้พนักงานนำชุดดังกล่าวไปห้องลองก่อนที่ตัวเขาจะเข้าไปลองสวมใส่ดู พอออกจากห้องชุด พนักงานสาวทุกคนภายในร้านถึงกับตื่นตะลึง แม้แต่หลี่ถงซีเองก็เช่นกัน ราวกับว่าเหล่าสาวๆ ตกอยู่ในภวังค์ความหล่อเหลาของฉีเล่ยไปชั่วขณะ

“คุณผู้หญิง แฟนของคุณผู้หญิงเหมาะกับการใส่สูทมากเลยค่ะ! คุณผู้ชายที่สวมชุดนี้ให้อารมณ์เพลย์บอยขี้เล่น แต่ก็แฝงไปด้วยความสมบูรณ์แบบ…ดูลงตัวไปหมดเลยค่ะ!”

พนักงานหญิงคนนั้นที่บริการฉีเล่ยถึงกับเอ่ยปากชมเจืออิจฉาในตัวหลี่ถงซีเล็กน้อย

“เขาไม่ใช่แฟนฉัน”

หลี่ถงซีเหลือบมองพนักงานสาวแวบหนึ่ง

“เอ่อ…ขอโทษค่ะคุณผู้หญิง เขาเป็นน้องชายของคุณงั้นเหรอคะ? รู้อะไรไหมคะ…น้องชายของคุณผู้หญิงหล่อมากเลย คุณผู้หญิงเองก็สวยโดดเด่นมาแต่ไกลเลยค่ะ สงสัยน่าจะหล่อสวยกันทั้งบ้าน”

“เขาก็ไม่ใช่น้องชายฉันเหมือนกัน”

“…..”

พนักงานปั้นหน้าประหม่าขึ้นทันทีพลางคิดไปว่า นี่ฉันควรสื่อสารยังไงกับเธอดี? พูดไปสองประโยคก็แล้วแต่กลับไม่ใช่สักอย่าง เธอถึงกับยกมือเกาหัวด้วยความงุนงง ก่อนจะหันไปเห็นลูกค้าคนอื่นที่เดินเข้าประตูมา ได้จังหวะดีจึงรีบโค้งศีรษะให้และเดินหนีไป

พนักงานหญิงอีกครั้งกำลังหาเนกไทให้เข้าคู่กับสูทของฉีเล่ยอยู่ หลังจากเลือกอันที่เหมาะสมได้แล้วก็ขออนุญาตอีกฝ่ายโอบคอเพื่อผูกเนกไทให้ พนักงานสาวถอยหลังกลับเพื่อมองภาพรวมก็ถึงกับแววตาเปล่งประกายขึ้นทันที พร้อมเอ่ยชมเสียงหวานว่า

“คุณผู้ชายค่ะ ดิฉันเคยเห็นลูกค้าคนอื่นลองสูทสไตล์เดียวกับคุณหลายคนเลยนะคะ แต่ไม่เคยเห็นคนไหนดูดีเท่าคุณมาก่อนเลย หล่อมาเลยค่ะ”

“ขอบคุณมากเลยครับ”

ฉีเล่ยมองดูตัวเองพลางจัดปกเสื้อเล็กน้อยในกระจก ขนาดตัวเขาเองยังสัมผัสได้ว่า สูทชุดนี้ช่างเหมาะกับเขาจริงๆ รีบหันหน้าไปหาพนักงานสาวคนนั้นด้วยความพึงพอใจและเอ่ยถามขึ้นว่า

“ราคาเท่าไหร่ครับ”

“คุณผู้ชายโชคดีมากเลยนะคะที่มาเลือกซื้อสูทตอนที่จัดโปรส่วนลดพอดี ราคาสูทชุดนี้ลดเหลือ126,000หยวนค่ะ”

“เท่าไหร่นะครับ?”

“126,000หยวนค่ะ”

“ส่วนลดเท่าไหร่เหรอครับ?”

“ส่วนลด15%ค่ะ”

“มีโปรลดเพิ่มไหมครับ?”

“ไม่มีเลยค่ะ…”

“ครับผม งั้นเอาตัวนี้แหละครับ ช่วยใส่ถุงให้ด้วย”

พนักงานสาวเลิกคิ้วถามขึ้นทันที

“ได้ค่ะคุณผู้ชาย จ่ายด้วยเงินสดหรือบัตรดีค่ะ?”

“รูดบัตร”

ระหว่างที่ฉีเล่ยกำลังคุยกับพนักงานสาวคนนั้น จู่ๆ หลี่ถงซีก็พูดแทรกขึ้นมาเสียงดังฟังชัด จากนั้นก็หยิบบัตรเครดิตจากกระเป๋าถือของเธอออกมาและยื่นให้

“ไม่เอา ผมไม่อยากรบกวนคุณ”

ฉีเล่ยผลักมือเธอกลับไปทันทีและหยิบบัตรเดบิตของตัวเองขึ้นมาแทน ก่อนที่จะมาปักกิ่ง หวู่เฉินเทียนได้มอบบัตรเดดิตมูลค่า3ล้านหยวนแก่เขาจำนวนหนึ่งใบ และเขายังไม่เคยใช้เงินจากในบัตรนี้เลย ดังนั้นในเมื่อตัวเขาเองก็มีเงิน เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะให้ผู้หญิงออกหน้าแทนแบบนี้

อย่างไรก็ตาม หลี่ถงซีกลับหัวรั้นผลักมือสวนกลับไป ไม่ว่ายังไงเธอก็ยืนกรานว่า

“นี่ถือเป็นค่ารักษาพยาบาล”

“ไม่เอา”

“เอาไป”

“บอกว่าไม่เอา”

“ก็บอกว่าเอาไป”

“นี่ถือว่าทำให้ผมเสียหน้ามากเลยนะ ผมไม่ต้องการเงินของคุณ”

“บอกให้เอาไปไง”

“เอ่อ…คุณผู้หญิงค่ะ อีกฝ่ายเป็นผู้ชายนะคะการที่เขาออกเงินเองถือเป็นเรื่องสมควรแล้วนะคะ คุณผู้หญิงคงไม่อยากหักหน้าคุณผู้ชายทั้งแบบนี้จริงไหมล่ะค่ะ?”

“บอกให้เอาไป”

“…”

พอเห็นว่าหลี่ถงซียังคงยืนกรานเช่นนี้หนักแน่น ฉีเล่ยกับพนักงานสาวคนนั้นถึงกับหันมามองหน้ากันโดยมิได้นัดหมาย พลางลอบถอนหายใจคนละที จากนั้นก็เป็นฉีเล่ยที่โบกมือยอมแพ้และสั่งให้พนักงานสาวนำบัตรของเธอไปรูด

ทั้งสองเพิ่งออกจากร้านสูทได้ไม่นาน ชายวัยกลางคนในเชิ้ลายสก๊อตก็เดินตรงเข้ามาหาโดยมีสาวสวยอีกคนในอ้อมกอด พอเห็นหลี่ถงซีในที่แบบนี้ก็ถึงกับเอ่ยทักด้วยความประหลาดใจว่า

“คุณหลี่ มาซื้อของเหรอครับ?”

“ใช่”

หลี่ถงซีกล่าวตอบเพียงสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงเย็นชา สีหน้าการแสดงออกบนใบหน้าของเธอปราศจากอารมณ์ใดๆ

ฉีเล่ยถอนหายใจอีกคราเมื่อได้เห็น ดูท่าอาการป่วยของเธอยังคงต้องใช้เวลารักษาอีกนานเลยกว่าจะกลับมาเป็นปกติ อยู่กับเขาหรือหลี่ฮั่วเฉินยังพอทำเนา แต่พอเจอคนอื่นก็ปฏิบัติตัวราวกับยืนห่างจากอีกฝ่ายหลายพันลี้เชียว

ชายวัยกลางคนเหลือบมองมาทางฉีเล่ยและเอ่ยถามขึ้นว่า

“แฟนเหรอ?”

“เพื่อน”

หลี่ถงซีกล่าวตอบ

“เพื่อน? ดูจากหน้าตายังเด็กอยู่เลย พ่อหนุ่มคนนี้คงจะเป็นนักศึกษาในมหาลัยเราล่ะสิ?”

สาวสวยที่กอดแขนชายวัยกลางคนอยู่หันมาจับจ้องหลี่ถงซี พร้อมกล่าวน้ำเสียงเหน็บแนมใส่ทันที

ผู้หญิงคนนี้มีหน้าตาและรูปร่างที่งดงามอย่างมาก เทียบชั้นสาวงามอย่างหลี่ถงซีได้เลยด้วยซ้ำ แต่เมื่อเธอเอ่ยปากพูดอะไรสักอย่างออกมา ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงความร้ายกาจที่ออกมาจากตัวเธอได้อย่างชัดเจน

“ฉันไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพล่ามอะไรอยู่”

หลี่ถงซีเหลือบหางตามองสาวสวยคนนั้นก่อนจะรีบฉุดแขนเสื้อของฉีเล่ยออกไป

“คุณหลี่”

สาวสวยคนนั้นตะโกนไล่หลังเธอสวนกลับไป

“โดยปกติคุณไม่ค่อยมีมนุษยสัมพันธ์กับใครในมหาลัยมากเท่าไหร่ ไม่สิ…แทบจะเป็นใบ้ต่อหน้าทุกคนเลยมากกว่า เหอะ คงคิดว่าตัวเองเป็นนางฟ้าในสายตาคนอื่นจริงๆ ใช่ไหม? นับแต่วันนี้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป ฉันเห็นธาตุแท้ของคุณแล้ว! ที่แท้ก็แค่วัวแก่กินหญ้าอ่อน เข้าไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกศิษย์ตัวเอง หน้าไม่อาย! ถ้าใครรู้เข้า พวกเขายังจะมองอาจารย์หลี่เป็นนางฟ้าคนดีเหมือนเดิมไหมนะ?”

หลี่ถงซีชะงักฝีเท้ายืนนิ่ง ฉีเลยพลันสังเกตเห็นว่า แม้ใบหน้าของเธอยังคงปราศจากอารมณ์ใด แต่มือข้างหนึ่งของเธอกลับกำลังกำแน่นจนสั่นเทาเล็กน้อย

อันที่จริงมันก็ไม่น่าแปลกใจที่คนอื่นจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องอายุ เดิมทีฉีเล่ยก็มีอายุใกล้เคียงกับหลี่ถงซีนั่นแหละ เพียงว่าอายุน้อยกว่าเธอแค่ปีเดียว แต่เนื่องด้วยการรับสืบทอดมรดกของบรรพบุรุษสกุลเฉิน จึงทำให้ใบหน้าของเขาดูอ่อนกว่าวัยตามความเป็นจริงมาก คนภายนอกร้อยทั้งร้อยที่มาเห็นเขาต่างต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ฉีเล่ยคนนี้คือหนุ่มอายุยี่สิบ

แต่เพราะเรื่องดังกล่าวทำให้ต้องเกิดความเข้าใจผิด และดูเหมือนว่าสาวสวยคนนี้เองก็ไม่ค่อยกินเส้นกับหลี่ถงซีเท่าไหร่

สาวสวยคนนี้ชื่อว่า ซูเสี่ยวหยาน เธอกับหลี่ถงซีเป็นเพื่อนร่วมงานกัน พวกเขาต่างสอนวิชาแพทย์สาขาเดียวกันในมหาลัย เนื่องจากทั้งสองมีรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นอย่างมากจึงถูกขนานนามว่า ‘บุปษางามแห่งวิทยาลัยแพทย์’ แม้แต่พวกอาจารย์ด้วยกันเองก็ยังเรียกเธอทั้งคู่ด้วยฉายานี้

ถึงแม้พวกเธอจะสวยเหมือนกันทั้งคู่ แต่นิสัยกลับต่างกันคนละขั้ว ซูเสี่ยวหยานมักจะชอบเข้าถึงเนื้อถึงตัว สามารถคลุกคลีตีสนิทได้กับทุกคน ในขณะที่หลี่ถงซีเป็นพวกนิสัยด้านชาปราศจากความรู้สึก ชอบตีตัวออกจากคนหมู่มาก

และด้วยเหตุผลนี้ ซูเสี่ยวหยานเป็นฝ่ายที่สมควรได้รับความนิยมมากกว่าทั้งจากเพื่อนฝูงและลูกศิษย์ ทว่าในความเป็นจริงกลับตรงกันข้ามเลย แม้ว่าทุกคนจะเข้ากับเธอได้ แต่พวกเขาเหล่านั้นกลับรักษาระยะห่างกับเธอประมาณหนึ่งเสมอ เพราะหลายคนสัมผัสได้ว่า เธอเข้าถึงเนื้อถึงตัวเกินไป จนทำให้ผู้คนต่างรู้สึกไม่สนิทใจที่จะคบด้วยเท่าไหร่

และอย่าคิดว่าการที่หลี่ถงซีจะไม่พูดจะทำให้เธอไร้ซึ่งความนิยม ซึ่งนี่ก็ตรงกันข้ามเลยเช่นกัน ยิ่งเธอพยายามปลีกตัวออกห่างจากสังคมเท่าไหร่ แต่ด้วยลักษณะนิสัยที่ทำตัวลึกลับแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ทุกคนอยากทำความรู้จัก

เป็นผลให้ ‘อาจารย์ปิง’ ผู้เปรียบเสมือนเจ้าหญิงน้ำแข็งอย่างหลี่ถงซีได้รับความนิยมจากทุกคนมากกว่าซูเสี่ยวหลาน บ้างถึงกับเอาไปเปรียบเทียบ จนถึงขนาดมีการล้อกันว่า อาจารย์ซูตอบหนึ่งประโยคยังไม่สุขใจเท่าอาจารย์หลี่เพียงเหลือบมอง

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวจึงทำให้ซูเสี่ยวหยานรู้สึกเกลียดหลี่ถงซีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามแต่ สิ่งที่เธอเกลียดยิ่งกว่าคือ ชายวัยกลางคนที่เธอกำลังกอดแขนอยู่

ชายคนนี้มีชื่อว่าหานหมิงต้า เขาเป็นถึงประธานบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ อาศัยความสัมพันธ์ทางครอบครัวกับอุตสาหกรรมอุปกรณ์ทางการแพทย์นี้ เขาสามารถทำเงินได้เป็นมหาศาลต่อปี

เมื่อหานหมิงต้าเข้ามาร่วมมือกับโรงพยาบาลในเครือมหาลัยแพทย์ เขาก็ได้พบกับหลี่ถงซี เจ้าหญิงน้ำแข็งคนนี้ และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็เริ่มตามจีบชนิดตื้อไม่หยุด

แน่นอนว่าตลอดเส้นทางการตามจีบที่ผ่านมาช่างไม่รานรื่นเอาสักนิด พอส่งช่อดอกไม้ให้ก็โดนโยนทิ้ง พอมอบเครื่องประดับเพชรพลอยก็โดนส่งคืนทันที หรือแม้แต่…ซื้อBMWให้สักคันยังโดนจอดทิ้งไว้อยู่ในมหาลัย จนตอนนี้กลายไปเป็นอนุสรณ์สถานคนอกหักประจำมหาลัยไปแล้ว

ครึ่งปีต่อมาหานหมิงต้าขอยอมแพ้โดยสมบูรณ์ แต่สิ่งหนึ่งที่เขายังได้ติดมือมาก็คือ ซูเสี่ยวหยานเพื่อนร่วมงานของหลี่ถงซี

โชคยังดีที่ตอนนั้นเขาตัดสินใจไปไม่สูญเปล่า ในเมื่อหลี่ถงซีปฏิเสธตัวเขา หานหมิงต้าจึงกลับลำไปคบหากับซูเสี่ยวหยานแทน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดคุณหมอสกุลเฉิน 57 เหน็บแนม

Now you are reading ยอดคุณหมอสกุลเฉิน Chapter 57 เหน็บแนม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่57 เหน็บแนม

พนักงานสาวรีบเดินไปหยิบสูทตามที่เธออธิบายมาทันที และเพียงครู่เดียวก็หยิบมาพร้อมจัดเต็ม มองแค่แวบเดียวก็รู้เลยว่ามันโมเดิร์นขนาดไหน ถึงจะให้ความรู้สึกเฉกเช่นชุดสูทสไตล์ดังเดิมและด้วยองค์ประกอบลูกเล่นการตัดเย็บ มันชูให้สูทชุดนี้ดูโดดเด่นและทันสมัย เนื้อผ้านิ่มใส่สบายดูหรูหร่า กางเกงเป็นทรงกระบอกขาลอย ทั้งยังรอยเย็บทุกด้านที่แสนจะประณีตเก็บทุกรายละเอียด โดยรวมแล้วนี่เป็นชุดสูทเกรดสูงมาก

ฉีเล่ยคลี่ยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจอย่างยิ่ง และขอให้พนักงานนำชุดดังกล่าวไปห้องลองก่อนที่ตัวเขาจะเข้าไปลองสวมใส่ดู พอออกจากห้องชุด พนักงานสาวทุกคนภายในร้านถึงกับตื่นตะลึง แม้แต่หลี่ถงซีเองก็เช่นกัน ราวกับว่าเหล่าสาวๆ ตกอยู่ในภวังค์ความหล่อเหลาของฉีเล่ยไปชั่วขณะ

“คุณผู้หญิง แฟนของคุณผู้หญิงเหมาะกับการใส่สูทมากเลยค่ะ! คุณผู้ชายที่สวมชุดนี้ให้อารมณ์เพลย์บอยขี้เล่น แต่ก็แฝงไปด้วยความสมบูรณ์แบบ…ดูลงตัวไปหมดเลยค่ะ!”

พนักงานหญิงคนนั้นที่บริการฉีเล่ยถึงกับเอ่ยปากชมเจืออิจฉาในตัวหลี่ถงซีเล็กน้อย

“เขาไม่ใช่แฟนฉัน”

หลี่ถงซีเหลือบมองพนักงานสาวแวบหนึ่ง

“เอ่อ…ขอโทษค่ะคุณผู้หญิง เขาเป็นน้องชายของคุณงั้นเหรอคะ? รู้อะไรไหมคะ…น้องชายของคุณผู้หญิงหล่อมากเลย คุณผู้หญิงเองก็สวยโดดเด่นมาแต่ไกลเลยค่ะ สงสัยน่าจะหล่อสวยกันทั้งบ้าน”

“เขาก็ไม่ใช่น้องชายฉันเหมือนกัน”

“…..”

พนักงานปั้นหน้าประหม่าขึ้นทันทีพลางคิดไปว่า นี่ฉันควรสื่อสารยังไงกับเธอดี? พูดไปสองประโยคก็แล้วแต่กลับไม่ใช่สักอย่าง เธอถึงกับยกมือเกาหัวด้วยความงุนงง ก่อนจะหันไปเห็นลูกค้าคนอื่นที่เดินเข้าประตูมา ได้จังหวะดีจึงรีบโค้งศีรษะให้และเดินหนีไป

พนักงานหญิงอีกครั้งกำลังหาเนกไทให้เข้าคู่กับสูทของฉีเล่ยอยู่ หลังจากเลือกอันที่เหมาะสมได้แล้วก็ขออนุญาตอีกฝ่ายโอบคอเพื่อผูกเนกไทให้ พนักงานสาวถอยหลังกลับเพื่อมองภาพรวมก็ถึงกับแววตาเปล่งประกายขึ้นทันที พร้อมเอ่ยชมเสียงหวานว่า

“คุณผู้ชายค่ะ ดิฉันเคยเห็นลูกค้าคนอื่นลองสูทสไตล์เดียวกับคุณหลายคนเลยนะคะ แต่ไม่เคยเห็นคนไหนดูดีเท่าคุณมาก่อนเลย หล่อมาเลยค่ะ”

“ขอบคุณมากเลยครับ”

ฉีเล่ยมองดูตัวเองพลางจัดปกเสื้อเล็กน้อยในกระจก ขนาดตัวเขาเองยังสัมผัสได้ว่า สูทชุดนี้ช่างเหมาะกับเขาจริงๆ รีบหันหน้าไปหาพนักงานสาวคนนั้นด้วยความพึงพอใจและเอ่ยถามขึ้นว่า

“ราคาเท่าไหร่ครับ”

“คุณผู้ชายโชคดีมากเลยนะคะที่มาเลือกซื้อสูทตอนที่จัดโปรส่วนลดพอดี ราคาสูทชุดนี้ลดเหลือ126,000หยวนค่ะ”

“เท่าไหร่นะครับ?”

“126,000หยวนค่ะ”

“ส่วนลดเท่าไหร่เหรอครับ?”

“ส่วนลด15%ค่ะ”

“มีโปรลดเพิ่มไหมครับ?”

“ไม่มีเลยค่ะ…”

“ครับผม งั้นเอาตัวนี้แหละครับ ช่วยใส่ถุงให้ด้วย”

พนักงานสาวเลิกคิ้วถามขึ้นทันที

“ได้ค่ะคุณผู้ชาย จ่ายด้วยเงินสดหรือบัตรดีค่ะ?”

“รูดบัตร”

ระหว่างที่ฉีเล่ยกำลังคุยกับพนักงานสาวคนนั้น จู่ๆ หลี่ถงซีก็พูดแทรกขึ้นมาเสียงดังฟังชัด จากนั้นก็หยิบบัตรเครดิตจากกระเป๋าถือของเธอออกมาและยื่นให้

“ไม่เอา ผมไม่อยากรบกวนคุณ”

ฉีเล่ยผลักมือเธอกลับไปทันทีและหยิบบัตรเดบิตของตัวเองขึ้นมาแทน ก่อนที่จะมาปักกิ่ง หวู่เฉินเทียนได้มอบบัตรเดดิตมูลค่า3ล้านหยวนแก่เขาจำนวนหนึ่งใบ และเขายังไม่เคยใช้เงินจากในบัตรนี้เลย ดังนั้นในเมื่อตัวเขาเองก็มีเงิน เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะให้ผู้หญิงออกหน้าแทนแบบนี้

อย่างไรก็ตาม หลี่ถงซีกลับหัวรั้นผลักมือสวนกลับไป ไม่ว่ายังไงเธอก็ยืนกรานว่า

“นี่ถือเป็นค่ารักษาพยาบาล”

“ไม่เอา”

“เอาไป”

“บอกว่าไม่เอา”

“ก็บอกว่าเอาไป”

“นี่ถือว่าทำให้ผมเสียหน้ามากเลยนะ ผมไม่ต้องการเงินของคุณ”

“บอกให้เอาไปไง”

“เอ่อ…คุณผู้หญิงค่ะ อีกฝ่ายเป็นผู้ชายนะคะการที่เขาออกเงินเองถือเป็นเรื่องสมควรแล้วนะคะ คุณผู้หญิงคงไม่อยากหักหน้าคุณผู้ชายทั้งแบบนี้จริงไหมล่ะค่ะ?”

“บอกให้เอาไป”

“…”

พอเห็นว่าหลี่ถงซียังคงยืนกรานเช่นนี้หนักแน่น ฉีเล่ยกับพนักงานสาวคนนั้นถึงกับหันมามองหน้ากันโดยมิได้นัดหมาย พลางลอบถอนหายใจคนละที จากนั้นก็เป็นฉีเล่ยที่โบกมือยอมแพ้และสั่งให้พนักงานสาวนำบัตรของเธอไปรูด

ทั้งสองเพิ่งออกจากร้านสูทได้ไม่นาน ชายวัยกลางคนในเชิ้ลายสก๊อตก็เดินตรงเข้ามาหาโดยมีสาวสวยอีกคนในอ้อมกอด พอเห็นหลี่ถงซีในที่แบบนี้ก็ถึงกับเอ่ยทักด้วยความประหลาดใจว่า

“คุณหลี่ มาซื้อของเหรอครับ?”

“ใช่”

หลี่ถงซีกล่าวตอบเพียงสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงเย็นชา สีหน้าการแสดงออกบนใบหน้าของเธอปราศจากอารมณ์ใดๆ

ฉีเล่ยถอนหายใจอีกคราเมื่อได้เห็น ดูท่าอาการป่วยของเธอยังคงต้องใช้เวลารักษาอีกนานเลยกว่าจะกลับมาเป็นปกติ อยู่กับเขาหรือหลี่ฮั่วเฉินยังพอทำเนา แต่พอเจอคนอื่นก็ปฏิบัติตัวราวกับยืนห่างจากอีกฝ่ายหลายพันลี้เชียว

ชายวัยกลางคนเหลือบมองมาทางฉีเล่ยและเอ่ยถามขึ้นว่า

“แฟนเหรอ?”

“เพื่อน”

หลี่ถงซีกล่าวตอบ

“เพื่อน? ดูจากหน้าตายังเด็กอยู่เลย พ่อหนุ่มคนนี้คงจะเป็นนักศึกษาในมหาลัยเราล่ะสิ?”

สาวสวยที่กอดแขนชายวัยกลางคนอยู่หันมาจับจ้องหลี่ถงซี พร้อมกล่าวน้ำเสียงเหน็บแนมใส่ทันที

ผู้หญิงคนนี้มีหน้าตาและรูปร่างที่งดงามอย่างมาก เทียบชั้นสาวงามอย่างหลี่ถงซีได้เลยด้วยซ้ำ แต่เมื่อเธอเอ่ยปากพูดอะไรสักอย่างออกมา ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงความร้ายกาจที่ออกมาจากตัวเธอได้อย่างชัดเจน

“ฉันไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพล่ามอะไรอยู่”

หลี่ถงซีเหลือบหางตามองสาวสวยคนนั้นก่อนจะรีบฉุดแขนเสื้อของฉีเล่ยออกไป

“คุณหลี่”

สาวสวยคนนั้นตะโกนไล่หลังเธอสวนกลับไป

“โดยปกติคุณไม่ค่อยมีมนุษยสัมพันธ์กับใครในมหาลัยมากเท่าไหร่ ไม่สิ…แทบจะเป็นใบ้ต่อหน้าทุกคนเลยมากกว่า เหอะ คงคิดว่าตัวเองเป็นนางฟ้าในสายตาคนอื่นจริงๆ ใช่ไหม? นับแต่วันนี้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป ฉันเห็นธาตุแท้ของคุณแล้ว! ที่แท้ก็แค่วัวแก่กินหญ้าอ่อน เข้าไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกศิษย์ตัวเอง หน้าไม่อาย! ถ้าใครรู้เข้า พวกเขายังจะมองอาจารย์หลี่เป็นนางฟ้าคนดีเหมือนเดิมไหมนะ?”

หลี่ถงซีชะงักฝีเท้ายืนนิ่ง ฉีเลยพลันสังเกตเห็นว่า แม้ใบหน้าของเธอยังคงปราศจากอารมณ์ใด แต่มือข้างหนึ่งของเธอกลับกำลังกำแน่นจนสั่นเทาเล็กน้อย

อันที่จริงมันก็ไม่น่าแปลกใจที่คนอื่นจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องอายุ เดิมทีฉีเล่ยก็มีอายุใกล้เคียงกับหลี่ถงซีนั่นแหละ เพียงว่าอายุน้อยกว่าเธอแค่ปีเดียว แต่เนื่องด้วยการรับสืบทอดมรดกของบรรพบุรุษสกุลเฉิน จึงทำให้ใบหน้าของเขาดูอ่อนกว่าวัยตามความเป็นจริงมาก คนภายนอกร้อยทั้งร้อยที่มาเห็นเขาต่างต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ฉีเล่ยคนนี้คือหนุ่มอายุยี่สิบ

แต่เพราะเรื่องดังกล่าวทำให้ต้องเกิดความเข้าใจผิด และดูเหมือนว่าสาวสวยคนนี้เองก็ไม่ค่อยกินเส้นกับหลี่ถงซีเท่าไหร่

สาวสวยคนนี้ชื่อว่า ซูเสี่ยวหยาน เธอกับหลี่ถงซีเป็นเพื่อนร่วมงานกัน พวกเขาต่างสอนวิชาแพทย์สาขาเดียวกันในมหาลัย เนื่องจากทั้งสองมีรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นอย่างมากจึงถูกขนานนามว่า ‘บุปษางามแห่งวิทยาลัยแพทย์’ แม้แต่พวกอาจารย์ด้วยกันเองก็ยังเรียกเธอทั้งคู่ด้วยฉายานี้

ถึงแม้พวกเธอจะสวยเหมือนกันทั้งคู่ แต่นิสัยกลับต่างกันคนละขั้ว ซูเสี่ยวหยานมักจะชอบเข้าถึงเนื้อถึงตัว สามารถคลุกคลีตีสนิทได้กับทุกคน ในขณะที่หลี่ถงซีเป็นพวกนิสัยด้านชาปราศจากความรู้สึก ชอบตีตัวออกจากคนหมู่มาก

และด้วยเหตุผลนี้ ซูเสี่ยวหยานเป็นฝ่ายที่สมควรได้รับความนิยมมากกว่าทั้งจากเพื่อนฝูงและลูกศิษย์ ทว่าในความเป็นจริงกลับตรงกันข้ามเลย แม้ว่าทุกคนจะเข้ากับเธอได้ แต่พวกเขาเหล่านั้นกลับรักษาระยะห่างกับเธอประมาณหนึ่งเสมอ เพราะหลายคนสัมผัสได้ว่า เธอเข้าถึงเนื้อถึงตัวเกินไป จนทำให้ผู้คนต่างรู้สึกไม่สนิทใจที่จะคบด้วยเท่าไหร่

และอย่าคิดว่าการที่หลี่ถงซีจะไม่พูดจะทำให้เธอไร้ซึ่งความนิยม ซึ่งนี่ก็ตรงกันข้ามเลยเช่นกัน ยิ่งเธอพยายามปลีกตัวออกห่างจากสังคมเท่าไหร่ แต่ด้วยลักษณะนิสัยที่ทำตัวลึกลับแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ทุกคนอยากทำความรู้จัก

เป็นผลให้ ‘อาจารย์ปิง’ ผู้เปรียบเสมือนเจ้าหญิงน้ำแข็งอย่างหลี่ถงซีได้รับความนิยมจากทุกคนมากกว่าซูเสี่ยวหลาน บ้างถึงกับเอาไปเปรียบเทียบ จนถึงขนาดมีการล้อกันว่า อาจารย์ซูตอบหนึ่งประโยคยังไม่สุขใจเท่าอาจารย์หลี่เพียงเหลือบมอง

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวจึงทำให้ซูเสี่ยวหยานรู้สึกเกลียดหลี่ถงซีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามแต่ สิ่งที่เธอเกลียดยิ่งกว่าคือ ชายวัยกลางคนที่เธอกำลังกอดแขนอยู่

ชายคนนี้มีชื่อว่าหานหมิงต้า เขาเป็นถึงประธานบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ อาศัยความสัมพันธ์ทางครอบครัวกับอุตสาหกรรมอุปกรณ์ทางการแพทย์นี้ เขาสามารถทำเงินได้เป็นมหาศาลต่อปี

เมื่อหานหมิงต้าเข้ามาร่วมมือกับโรงพยาบาลในเครือมหาลัยแพทย์ เขาก็ได้พบกับหลี่ถงซี เจ้าหญิงน้ำแข็งคนนี้ และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็เริ่มตามจีบชนิดตื้อไม่หยุด

แน่นอนว่าตลอดเส้นทางการตามจีบที่ผ่านมาช่างไม่รานรื่นเอาสักนิด พอส่งช่อดอกไม้ให้ก็โดนโยนทิ้ง พอมอบเครื่องประดับเพชรพลอยก็โดนส่งคืนทันที หรือแม้แต่…ซื้อBMWให้สักคันยังโดนจอดทิ้งไว้อยู่ในมหาลัย จนตอนนี้กลายไปเป็นอนุสรณ์สถานคนอกหักประจำมหาลัยไปแล้ว

ครึ่งปีต่อมาหานหมิงต้าขอยอมแพ้โดยสมบูรณ์ แต่สิ่งหนึ่งที่เขายังได้ติดมือมาก็คือ ซูเสี่ยวหยานเพื่อนร่วมงานของหลี่ถงซี

โชคยังดีที่ตอนนั้นเขาตัดสินใจไปไม่สูญเปล่า ในเมื่อหลี่ถงซีปฏิเสธตัวเขา หานหมิงต้าจึงกลับลำไปคบหากับซูเสี่ยวหยานแทน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+