ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ 1352-1353

Now you are reading ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ Chapter 1352-1353 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1352 การตื่นขึ้นของเสี่ยวไป๋ (2)

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงมีความสามารถในการระบุอาการของเซี่ยชู นั่นก็หมายความว่านางเป็นแพทย์และของที่ทำให้แพทย์สนใจมากที่สุดก็คือสมุนไพร

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงเงียบไปสักพัก “ท่านต้องการให้ข้าช่วยอะไร”

 

 

“คือ…” หงหลิงแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วน “ข้ารู้ว่าหลวนเอ๋อร์ตัดสินใจจะติดตามเจ้าออกไป! ข้าขอร้องให้เจ้าดูแลหลวนเอ๋อร์แทนข้าหน่อย เด็กคนนี้อารมณ์หุนหันพลันและไม่ยอมปิดตากับอะไรก็ตาม แล้วตอนนางออกไป ข้าจะไม่กังวลเรื่องนางได้อย่างไร”

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงจ้องหน้าหงหลิงตาไม่กะพริบ ไม่นานนางก็พูดขึ้น “ข้าจะไม่เอาสมุนไพรของท่าน”

 

 

“แม่นางอวิ๋น!”

 

 

สีหน้าของหงหลิงเปลี่ยนไปและต้องการจะโน้มน้าวนางต่อ แต่หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงจืดชืดเหมือนค้อนทุบลงในหัวใจของเขา

 

 

“ท่านต้องเชื่อในตัวหงหลวน ด้วยความแข็งแกร่งของนาง นางไม่จำเป็นต้องมีคนช่วยเหลือ!”

 

 

ท่านต้องเชื่อในตัวหงหลวน…

 

 

ตอนนั้นเอง หงหลิงก็เหมือนจะเข้าใจแล้ว จิตใจของเขาสงบและเจิดจ้า

 

 

“แม่นางอวิ๋น ข้าเข้าใจความหมายของเจ้าแล้ว หลวนเอ๋อร์เป็นบุตรสาวของข้า ดังนั้นข้าต้องเชื่อในความสามารถของนาง” หงหลิงประสานหมัดเคารพ “ขอบคุณเจ้ามาก” พูดจบเขาก็หันหลังจากไป

 

 

หลังจากหงหลิงออกไป อวิ๋นลั่วเฟิงก็กลับไปฝึกพลังฌานอีกครั้ง นางรู้สึกดีใจเมื่อสัมผัสได้ถึงเส้นกั้นบางๆ ที่จะผ่านด่านอีกครั้ง นางรีบเข้าไปในมิติคัมภีร์เซียนทันที

 

 

ตลอดเวลาที่ความแข็งแกร่งของอวิ๋นลั่วเฟิงเพิ่มขึ้น สมุนไพรในมิติคัมภีร์เซียนก็เติบโตขึ้นหลายครั้งขณะที่ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าสดใส

 

 

“ยินดีด้วยนายหญิง ท่านกำลังจะผ่านด่านเลื่อนระดับอีกครั้งแล้ว” เสี่ยวโม่มองอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วยิ้มยินดีให้นางอย่างจริงใจ

 

 

“เสี่ยวโม่ ตอนนี้ข้ากำลังจะผ่านด่าน ป้องกันไม่ให้ใครรบกวนข้าด้วย!” พูดจบนางก็นั่งขัดสมาธิขณะที่พลังฌานล้อมรอบตัวนาง

 

 

ตูม!

 

 

แรงมหาศาลผลักดันที่กั้นบางๆ ในร่างกายนาง ถึงแม้ว่าที่กั้นนี้จะบางเหมือนกระดาษแต่มันก็ยากที่ทะลุไปได้ ทุกครั้งที่อวิ๋นลั่วเฟิงใช้พลังดันที่กั้นก็สั่นไหวเล็กน้อย

 

 

“พังลงซะ!” อวิ๋นลั่วเฟิงตะโกนอย่างเย็นชาแล้วพลังฌานในร่างก็เปลี่ยนเป็นพลังผลักดันชั้นกั้นบางๆ

 

 

พลังฌานหมุนวนไปทั่วท้องฟ้า บางทีเพราะการที่พลังฌานมากเกินไปทำให้พลังที่หมุนวนอยู่บนฟ้าดูน่าตื่นตาตื่นใจ โชคไม่ดีที่อวิ๋นลั่วเฟิงต้องผ่านด่านภายในมิติคัมภีร์เซียนดังนั้นนอกจากสัตว์อสูรวิญญาณแล้วก็ไม่สิ่งอื่นเห็นปรากฏการณ์นี้

 

 

ตูม!

 

 

ตูม ตูม ตูม!

 

 

เสียงฟ้าและอัสนีก็ปรากฏขึ้นโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าทำให้เกิดเสียงระเบิดดังก้องไปทั่วแล้วดูเหมือนว่ากำลังจะฟาดลงมา

 

 

สีหน้าของเสี่ยวโม่ดูวิตก เขากำมือแน่นแล้วมองอวิ๋นลั่วเฟิงตาไม่กะพริบอย่างเป็นกังวล “นายหญิงต้องสำเร็จแน่! นางไม่มีทางล้มเหลว!”

 

 

หั่วหั่วยืนอยู่ตรงข้ามเสี่ยวโม่ นางไม่ได้เอ่ยอะไรและดวงตาโตสดใสของนางก็จ้องอวิ๋นลั่วเฟิงโดยไม่กะพริบตา สีหน้าของนางแสดงความเชื่อใจเหมือนว่าโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่อวิ๋นลั่วเฟิงจะทำไม่สำเร็จ

 

 

“คิกๆ” เสี่ยวซู่ยิ้มแล้วหัวเราะเบาๆ เขาโบกแขนไปมาด้วยตั้งใจจะไปหาอวิ๋นลั่วเฟิง

 

 

โชคดีที่หั่วหั่วดึงเขาไว้ทันแล้วพูดเบาๆ “อย่ารบกวนการผ่านด่านของนายหญิง”

 

 

เสี่ยวซู่ทำปากขมุบขมิบอย่างไม่พอใจ “หนูอยากให้แม่จ๋ากอด กอด” จากนั้น…

 

 

เสี่ยวซู่ดิ้นออกจากอ้อมกอดของหั่วหั่วแล้วเดินโซเซไปอยู่ข้างอวิ๋นลั่วเฟิง

 

 

เขาค่อยๆ อ้าปากแล้วทันใดนั้นพลังฌานที่หมุนวนอยู่ด้านบนศีรษะอวิ๋นลั่วเฟิงก็ถูกดูดเขาไปในปากเขา

 

 

ตูม!

 

 

ในที่สุดอวิ๋นลั่วเฟิงก็ผ่านด่านเลื่อนเข้าสู่อีกระดับหนึ่ง

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1353 การตื่นขึ้นของเสี่ยวไป๋ (3)

 

 

“ในที่สุดข้าก็เป็นผู้ฝึกฌานขั้นราชันปราชญ์ระดับต่ำ!”

 

 

เมื่อผ่านด่านเป็นขั้นราชันปราชญ์แล้วเท่านั้น นางถึงจะถูกจัดว่าก้าวเข้าสู่โลกของยอดฝีมืออย่างแท้จริง

 

 

“เสี่ยวซู่ เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ตรงนี้” อวิ๋นลั่วเฟิงสังเกตเห็นเด็กตัวอวบอ้วนยืนอยู่ข้างนาง นางมองเขาอย่างตกใจ “เจ้าดูเหมือนจะโตขึ้นเยอะเลยนะ”

 

 

เสี่ยวซู่ส่งเสียงเรอออกมาอย่างมีความสุขแล้วรีบพุ่งเข้าสู่อ้อมกอดของอวิ๋นลั่วเฟิง เขาเผยรอยยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์บนใบหน้าอ่อนเยาว์ของเขา “ท่านแม่ ข้ากินอิ่มแล้ว ข้าปวดฉี่”

 

 

สีหน้าของอวิ๋นลั่วเฟิงมืดครึ้ม “ให้เสี่ยวโม่พาเจ้าไปแล้วกัน”

 

 

พูดจบนางก็เงยหน้าขึ้นเห็นร่างของเสี่ยวโม่ถูกรัศมีบางอย่างบดบังขณะที่ร่างกายเขาค่อยๆ โตขึ้น

 

 

“เสี่ยวโม่” อวิ๋นลั่วเฟิงมองด้วยสายตาว่างเปล่า นางปล่อยเสี่ยวซู่จากอ้อมกอดแล้วเดินเข้าไปหาเสี่ยวโม่ช้าๆ

 

 

ทันใดนั้นรัศมีรอบตัวเสี่ยวโม่ก็หายไป แล้วร่างที่แต่เดิมเป็นเด็กชายวัยหกเจ็ดปีก็หายไปก่อนปรากฏเป็นร่างสูงของชายหนุ่มหล่อเหลาที่ดูเยาว์วัยและไร้ประสบการณ์ ชายหนุ่มเส้นผมดกดำเงางามแย้มยิ้มไร้เดียงสา เขาก้มมองนิ้วเรียวยาวของตัวเองด้วยสายตามีความสุข

 

 

“เจ้าคือเสี่ยวโม่งั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงถามอย่างงุนงงเหมือนไม่เชื่อว่าคนตรงหน้าคือเด็กชายที่น่าเอ็นดูและคอยสร้างปัญหาให้นาง แต่กลิ่นอายของชายหนุ่มเบื้องหน้าเป็นของเสี่ยวโม่แน่ๆ

 

 

“นายหญิง” ชายหนุ่มมองอวิ๋นลั่วเฟิง “ข้าอธิบายเรื่องนี้ได้ ก่อนที่นายหญิงจะผ่านด่านเลื่อนขั้นเป็นราชันปราชญ์ ข้าใช้ได้เพียงแต่ร่างของเด็กเพื่อพบท่านเท่านั้นและไม่สามารถช่วยท่านต่อสู้ได้ ยิ่งกว่านั้นข้ายังไม่สามารถอยู่ในโลกภายนอกได้นาน”

 

 

“แต่ว่า…” เด็กหนุ่มหยุดก่อนพูดต่อ “เมื่อท่านผ่านด่านสู่ขั้นราชันเซียน ตัวข้าก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้น ไม่ใช่แค่ร่างกายที่เปลี่ยนไป แต่ที่สำคัญข้าสามารถอยู่ข้างท่านได้ตลอดไปแล้วยังร่วมต่อสู้กับท่านได้ด้วย!”

 

 

“โอ้…” อวิ๋นลั่วเฟิงลูบคางแล้วเลิกคิ้วพร้อมยิ้มบาง “ทำไมข้าถึงคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเจ้าคือจะได้แต่งงานกับเสี่ยวไป๋เล่า”

 

 

“นายหญิง!” เด็กหนุ่มแสดงสีหน้าไม่พอใจเหมือนว่าโดยทารุณจากความอับอาย

 

 

“นายหญิง ดูนั่นเจ้าค่ะ!” ทันใดนั้นเสียงของหั่วหั่วก็ดังขึ้นทำให้อวิ๋นลั่วเฟิงเงยหน้าไปมอง

 

 

เด็กสาวน่ารักน่าเอ็นดูที่ตอนแรกนอนอยู่บนพื้นหญ้าข้างหน้าพวกตาตอนนี้เด็กสาวที่ควรจะหลับใหลไม่ได้สติกลับเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างงุนงงเหมือนแกะที่หลงทาง

 

 

“เสี่ยวโม่ เจ้าตื่นแล้วหรือ” สีหน้าของอวิ๋นลั่วเฟิงเปลี่ยนไปทันที สายตาของนางไม่ได้แสดงความดีใจเลยแม้แต่น้อย “เป็นไปไม่ได้ วิญญาณของเสี่ยวไป๋ยังฟื้นฟูไม่สมบูรณ์แล้วพวกเรายังไม่รู้ที่อยู่ของผลไม้วิญญาณเลย เหตุใดอนนี้นางถึงตื่นแล้ว เสี่ยวโม่อะไรที่ทำให้นางได้สติก่อนเวลา”

 

 

ก่อนหน้านี้อวิ๋นลั่วเฟิงฝังเข็มเพื่อผนึกจิตวิญญาณของเด็กสาวแล้วทำไมตอนนี้นางถึงได้สติกลับมา

 

 

สีหน้าของเสี่ยวโม่ดูไม่ได้เหมือนกัน “เหตุผลที่ตื่นก่อนเวลาคือ…ปัญหาที่ไม่สมบูรณ์!”

 

 

“อะไรที่ทำให้เกิดขึ้น”

 

 

“ข้าไม่แน่ใจ! แต่ข้าสงสัยว่าน่าจะเป็นเพราะการผ่านด่านของท่านทำให้เกิดการรบกวนรุนแรง ส่งผลต่อสติของนาง ทำให้นางฟื้นขึ้นมา!”

 

 

พายุพลังฌานจากการผ่านด่านเลื่อนขั้นราชันเซียนรุนแรงเกินไป ขนาดเสี่ยวซู่ยังอดไม่ได้ที่จะซึมซับพลังฌานที่เกินมาเพื่อไม่ให้เสียเปล่า ดังนั้นการที่เสี่ยวไป๋จะได้รับผลกระทบก็ไม่แปลกอะไร

 

 

“ทำไมเจ้าไม่บอกข้าก่อน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด