ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ 1452 เวลาไหลผ่านดั่งสายน้ำ (9) / 1453 เวลาไหลผ่านดั่งสายน้ำ (10)

Now you are reading ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ Chapter 1452 เวลาไหลผ่านดั่งสายน้ำ (9) / 1453 เวลาไหลผ่านดั่งสายน้ำ (10) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1452 เวลาไหลผ่านดั่งสายน้ำ (9)

 

 

“แม่นาง นั่นเจ้าหรือ” ชายชรายืนขึ้นแล้วหัวเราะเบาๆ “ต้องใช่อยู่แล้ว เมื่อไม่นานมานี้ ข้าก็เห็นแม่นางอิงอิง นางร้องไห้กลับมาเกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ”

 

 

บ้านของชายชราคนนี้คือที่ที่อวิ๋นลั่วเฟิงแวะตอนที่นางมาถึงภูผาผู้ใช้เวท ซึ่งที่แห่งนี้เป็นที่ที่นางเจอหวงอิงอิงด้วย

 

 

หวงอิงอิงร้องไห้กลับมางั้นหรือ

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงงุนงงแล้วขมวดคิ้ว หรือว่ามีอะไรเกิดขึ้นตอนที่นางไม่อยู่

 

 

“ข้ามาที่นี่เพื่อรักษาสัญญา”

 

 

สัญญา?

 

 

ชายชราชะงักแล้วมองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างงุนงง

 

 

“ตอนนั้นข้าไม่ได้จ่ายค่าที่พัก” อวิ๋นลั่วเฟิงพูดช้าๆ “ดังนั้นก่อนที่ข้าจะไปเลยสัญญาว่าจะหาเพื่อนให้ท่าน”

 

 

ชายชราไม่เข้าใจความหมายเบื้องหลังคำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิง ขณะที่เขากำลังครุ่นคิด เขาก็เห็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ เดินออกมาจากด้านหลังเด็กสาว เด็กหญิงตัวน้อยมีหน้าตาน่ารัก อายุราวหกเจ็ดปี แต่ว่าใบหน้านุ่มนิ่มบอบบางของนางแสดงสีหน้าเฉยชาและดวงตานางก็เหม่อลอยเหมือนหุ่นเชิดที่โดยควบคุม

 

 

“ตั้งแต่นี้ไป นางเป็นของท่าน”

 

 

ชายชราชะงัก และตอนที่เขากำลังจะเอ่ยปากถามเพิ่มเติม เขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างหน้าเข้าเมื่อกี้ได้หายไปแล้วแบบไร้ร่องรอย เหลือไว้แต่เด็กหญิงตัวน้อย

 

 

“เด็กน้อย” ชายชรารู้สึกดีใจแต่ก็ยังไม่สบายใจอยู่ “ถ้าเจ้ายินดี ตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าจะอยู่ที่นี่ก็ได้”

 

 

เด็กหญิงตัวน้อยไม่ตอบสนอง อีกทั้งสีหน้ายังคงเฉยชาอยู่

 

 

“เจ้าพูดไม่ได้หรือ” ชายชราเข้าใจทันที “ไม่มีปัญหา แค่เจ้าอยู่เคียงข้างข้าก็พอแล้ว”

 

 

ชายชรากำลังจะพาเด็กหญิงตัวน้อยเข้าบ้านพร้อมรอยยิ้ม แต่นักเลงหลายคนก็พุ่งเข้ามาจากด้านหลัง

 

 

“ไอ้แก่ เจ้าติดหนี้ค่าคุ้มครองเดือนนี้กับพวกเราอยู่! ถ้าเดือนนี้เจ้าไม่จ่าย ข้าจะโยนเจ้าเข้าภูผาผู้ใช้เวทให้เป็นอาหารสัตว์อสูรวิญญาณ” ชายตัวใหญ่เดินเข้ามาด้วยท่าทางป่าเถื่อนแล้วข่มขู่เขาอย่างเย็นชา มีดในมือเขาปักลงที่พื้นอย่างแรง

 

 

ชายชราตัวสั่นด้วยความกลัว “ข้าจ่ายเดือนหน้าไม่ได้หรือ”

 

 

“ฮึ่ม!” ชายหนุ่มส่งเสียงขึ้นจมูก เขาใช้สายตาหื่นกามมองเด็กหญิงที่อยู่ข้างชายชรา “ถ้าเจ้าอยากจะยืดเวลาจ่ายไปอีกหนึ่งเดือนก็ใช่ว่าจะไม่ได้… ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ใช้เด็กหญิงตัวน้อยนี่มาจ่ายก่อนแล้วกัน เจ้าว่าอย่างไร”

 

 

เมื่อได้ยินว่าคนพวกนี้ต้องการเอาตัวเด็กหญิงไป ดวงตาของชายชราก็แดงก่ำด้วยความตระหนก “ไม่มีทาง! เด็กคนนี้เป็นหลานสาวข้า เจ้าเอานางไปไม่ได้”

 

 

“หลานสาว?” ชายหนุ่มระเบิดเสียงหัวเราะแล้วยกมือขึ้นเพื่อยื่นไปหาเด็กหญิง “มีใครไม่รู้บ้างว่าเจ้าเป็นชายแก่ตัวคนเดียว เจ้าไม่มีบุตรชายแล้วจะมีหลานสาวได้อย่างไร ไม่แน่เจ้าอาจจะลักพาตัวเด็กคนนี้มาก็ได้ ส่งนางมาข้าเดี๋ยวนี้!”

 

 

ตูม!

 

 

แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะเข้ามาดึงตัวเด็กหญิงไปได้ กำปั้นของเด็กหญิงก็พุ่งไปที่อกเขา ทันใดนั้นก็บังเกิดหลุมขึ้นบนหน้าจนเลือดทะลัก ดวงเขาเบิกกว้างแล้วล้มไปข้างหลังก่อนสิ้นชีพด้วยความเสียใจ สีหน้าของเด็กหญิงตัวน้อยยังคงเฉยชา ดวงตาของนางก็ยังเหม่อลอยขณะที่มองชายที่นอนอยู่ที่พื้นข้างหน้าอย่างเย็นชา

 

 

ถึงแม้ว่าหุ่นเชิดที่อวิ๋นลั่วเฟิงสร้างจะยังไม่มีสติปัญญาแต่ก็เชื่อฟังคำสั่งและปกป้องเจ้านายจนกว่าจะตาย! ทุกคนชะงักแล้วสติหลุด แม้แต่ชายชราเองก็ด้วย ไม่มีใครคิดว่าเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ดูบริสุทธิ์ไร้พิษสงจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ตอนนั้นเอง ชายชราก็เข้าใจว่าสมบัติที่อวิ๋นลั่วเฟิงยกให้เขาเป็นอย่างไร

 

 

“สมบัติแบบนี้อยู่กับข้าไปก็ไร้ประโยชน์ ค่าที่พักไม่ได้แพงขนาดนั้น” ชายชราถอนหายใจ ภายในจิตใจเขารู้สึกขอบคุณนาง เขารู้ว่าเขาติดหนี้นางครั้งใหญ่แล้ว

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1453 เวลาไหลผ่านดั่งสายน้ำ (10)

 

 

“เจ้าไปที่ไหนมา” จีจิ่วเทียนเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงเดินเข้ามาหาเขาจากที่ไกลๆ

 

 

“ใช้หนี้” อวิ๋นลั่วเฟิงยักไหล่ ดวงตาร้ายกาจของนางหยุดอยู่ที่ใบหน้ามีเสน่ห์ของจีจิ่วเทียน “เจ้ายังไม่ไปอีกหรือ”

 

 

รอยยิ้มของจีจิ่วเทียนดูน่าดึงดูดอย่างมาก “เจ้าไม่ต้องการให้ข้าติดตามเจ้าหรือ”

 

 

“ข้ากำลังไปหาคนรัก เจ้าอยากจะตามไปหรือ”

 

 

ทันทีที่นางพูดจบ สายตาของจีจิ่วเทียนก็เศร้าโศก “สาวน้อย นี่เจ้าจะทิ้งข้าทันทีที่เจ้าบรรลุเป้าหมายแล้วงั้นหรือ”

 

 

“หากเจ้าจะตามมา ข้าก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ข้าไม่คิดมาก” อวิ๋นลั่วเฟิงมองใบหน้าเสียใจของจีจิ่วเทียนด้วยรอยยิ้มสดใส ดวงตาสีดำสนิทของนางเป็นประกาย

 

 

จีจิ่วเทียนยิ้มร้าย “ช่างมันเถอะ ใต้เท้าผู้นี้จะไม่ยุ่งกับเจ้าแล้ว แต่ถ้าเจ้าตกอยู่ในอันตรายเมื่อไหร่ เจ้าสามารถไปหาใต้เท้าได้ที่เมืองบูรพา ข้าจะไม่ออกจากเมืองบูรพาสักพัก”

 

 

“ตกลง” สายตาของอวิ๋นลั่วเฟิงที่มองจีจิ่วเทียนเปลี่ยนจากหยอกล้อเป็นหวั่นไหว “ขอบคุณ”

 

 

จีจิ่วเทียนช่วยนางมาหลายครั้งหลายครา ถึงแม้เขาจะช่วยนางด้วยเหตุผลหลายอย่าง แต่นางก็ยังติดหนี้เขาอยู่ดี หลังจากพวกนางบอกลากัน ทั้งคู่ก็แยกย้าย

 

 

แต่ที่อวิ๋นลั่วเฟิงไม่รู้ก็คือหลังจากที่นางเดินออกมาสองสามก้าว จีจิ่วเทียนก็หันกลับมามองแผ่นหลังของนางจนกระทั่งร่างของนางหายลับไปจากสายตา

 

 

 

 

“นายหญิง ตอนนี้พวกเราจะไปที่ใด” เสี่ยวโม่พูดผ่านจิตนาง

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงเงียบไปสักพัก “ข้าหายตัวไปสามปี ดังนั้นใครจะรู้ว่าอวิ๋นเซียวยังอยู่ที่เมืองคูหลงอยู่หรือไม่ ข้าจะไปดูที่นั่นก่อน แล้วข้าก็ต้องเดินทางไปที่ตระกูลจวินแห่งเมืองวิญญาณด้วย”

 

 

นางเพิ่มความแข็งแกร่งจนถึงขั้นที่ยอมรับได้แล้ว ดังนั้นครั้งนี้นางจะไปตระกูลจวินเพื่อสืบเบื้องหลังของจวินเฟิ่งหลิง แต่ว่านางหายตัวไปสามปี นางจึงไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์ปัจจุบันของแคว้นนี้ นางจึงสุ่มคว้าใครสักคนมาถาม “สามปีที่ผ่านเกิดอะไรขึ้นในแคว้นนี้บ้าง”

 

 

เห็นได้ชัดว่าอวิ๋นลั่วเฟิงทำให้เขาตกใจ แต่เมื่อเขาหันมาเห็นสตรีงดงาม เขาก็ตอบคำถามอย่างกระตือรือร้น “ถ้าเจ้าหมายถึงเรื่องใหญ่ๆ ละก็ จวนเจ้าเมืองบูรพาร่วมมือกับสำนักศึกษาเมืองประจิมโจมตีหุบเขาพิษ อ้อ ใช่แล้ว ข้าได้ยินว่าผู้อาวุโสจวินจากตระกูลจวินก็ลงมือด้วยเหมือนกัน”

 

 

สองขั้วอำนาจใหญ่ร่วมมือกันโจมตีหุบเขาพิษงั้นหรือ หรือว่าตอนที่นางไม่อยู่ หุบเขาพิษจะไปยั่วโมโหใครเข้า

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของหุบเขาพิษ ที่จริงนางคิดว่าคนของหุบเขาพิษทั้งหมดตายแล้ว นางเองก็ไม่ได้ถูกหุบเขาพิษทำร้ายหรืออะไร เช่นนั้นแล้วทำไมขั้วอำนาจพวกนั้นถึงตามแก้แค้นหุบเขาพิษด้วยความหุนหันพลันแล่น

 

 

หลังจากเงียบไปสักพัก อวิ๋นลั่วเฟิงก็ถาม “เจ้ารู้เหตุผลหรือไม่”

 

 

ชายหนุ่มสะดุ้งตัวโยนแล้วตอบอย่างระมัดระวัง “เจ้าไม่ควรถามคำถามนี้ ทุกคนถูกสั่งห้ามไม่ให้พูดถึงเหตุการณ์นี้ภายในแคว้น ไม่อย่างนั้นหากเจ้าเกิดไปยั่วยุขั้วอำนาจทั้งสอง เจ้าจะเจอกับโชคร้าย”

 

 

ทุกคนคิดว่าอวิ๋นลั่วเฟิงตายจากไปแล้วจึงใจแตกสลายด้วยความโศกเศร้า คนทั่วไปต่างกลัวว่าจะไปเหยียบนิ้วเท้าพวกเขา เลยไม่กล้าเอ่ยชื่อ ‘อวิ๋นลั่วเฟิง’

 

 

เหตุผลก็เพราะตอนแรกมีคนพูดคุยกันเรื่องการตายของอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วหงหลวนมาได้ยิน หงหลวนจึงตีคนผู้นั้นจนเกือบตายด้วยความโกรธ แล้วออกคำสั่งว่านางจะไม่ปล่อยใครไปหากได้ยินพวกเขาพูดกันเรื่องการตายของเพื่อนนางอีก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด