ยอดนักรบจอมราชัน 57 การลักพาตัว

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 57 การลักพาตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เย่เชียนมองไปที่หยางเหว่ยและเจ้าหน้าที่เฝ้าเวรที่ซึ่งนอนนิ่งหมดสติอยู่บนพื้นเขาก็ฉีกยิ้มขึ้นมา เหล่านักโทษในห้องขังมองดูเย่เชียนด้วยความตกตะลึงพวกเขาอดไม่ได้ที่จะชูนิ้วชมเชยอย่างกระตือรือร้นและพูดว่า “ลูกพี่นี่ยอดเยี่ยมจริงๆ กล้าสู้แม้แต่กับตำรวจ!”

เย่เชียนยักไหล่อย่างเฉยเมยและพูดว่า “พวกนายอยากออกไปหรือเปล่า? ถ้าไม่ก็..ฉันจะไปละนะ!”

นักโทษเหล่านั้นเงียบไปชั่วครู่จากนั้นหนึ่งในนั้นก็พูดว่า “ลูกพี่ไปเถอะ โทษของพวกเราไม่ได้หนักหนาอะไรหากเราอยู่ต่อไปอีกสองสามปีเราก็จะถูกปล่อยตัวในที่สุด ถ้าหากเราหนีออกจากคุกมันจะไม่คุ้มค่าเลย”

เย่เชียนยิ้มอย่างเฉยเมย เขาเข้าใจความรู้สึกของนักโทษเหล่านี้ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเคยพวกเขาเคยใช้ชีวิตเยี่ยงมาเฟียมาก่อน แต่ตอนนี้พวกเขาก็อยู่ในสถานกักกันเพื่อรอการพิจารณาคดีในศาล สิ่งที่พวกเขาทำได้ก็แค่รออย่างเดียวเท่านั้น พวกเขาไม่ใช่เด็กๆที่เพิ่งจะเดินเข้าสู่เส้นทางอาชญากรรม และพวกเขาก็เข้าใจความหมายของคนรุ่นใหม่ที่มาแทนคนรุ่นเก่าได้ดีว่ามันหมายถึงอะไรพวกเขาไม่คิดว่าการหนีออกจากคุกจะทำให้พวกเขายังคงยิ่งใหญ่ และลูกน้องหรือผู้หนุนหลังก็จะไม่ช่วยพวกเขาในกรณีเช่นนี้ พวกเขาไม่ได้เป็นจ้าวแห่งโลกอาชญากรรมอีกต่อไป หากพวกเขาต้องหนีออกจากคุกแล้วก็จะไม่มีใครช่วยเหลือพวกเขามิหนำซ้ำผู้ใต้บังคับบัญชาก็อาจจะฆ่าพวกเขาเพื่อแทนที่เขาดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะรอการพิจารณาคดีตามกฏหมายและรอการปล่อยอย่างชอบธรรมจากนั้นก็ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างเงียบๆ

เมื่อเย่เชียนกำลังหนีออกจากสถานีตำรวจแล้วเขาก็โทรศัพท์ไปหาหลี่เหว่ย เด็กหนุ่มคนนี้กำลังงีบหลับอยู่หลังต้นไม้นอกบ้านของจ้าวหยา และทันทีที่เขาได้รับสายของเย่เชียนเขาก็ไม่สบอารมณ์เล็กน้อย การเป็นผู้คุ้มกันนั้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำกันได้ และหลี่เหว่ยอยากจะเข้าไปเฝ้าระวังในป่าเพื่อรอให้ศัตรูเผยตัวและรอสุ่มโจมตีศัตรูจากระยะไกลมากกว่า

“นายคอยตามสอดส่องฉันมาสักพักหนึ่งแล้วใช่มั้ย? ถ้างั้นนายก็ต้องรู้จักผู้หญิงที่ชื่อซูย่าหยิงสินะ! ฉันอยากเจอเธอ!” เย่เชียนพูดอย่างดุดัน

เมื่อได้ยินเย่เชียนพูดแบบนั้นหลี่เหว่ยก็ฉีกยิ้มและหัวเราะอย่างซุกซนจากนั้นก็พูดว่า “ไม่มีปัญหาบอส..เดี๋ยวผมโทรกลับไป” ตราบเท่าที่เขาสามารถออกจากที่แห่งนี้ได้ ต่อให้เขาต้องบุกเข้าไปในกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติเพื่อสังหารประธานNSBแล้วเขาก็จะทำโดยไม่ลังเลใดๆ

หลังจากนั้นไม่นานหยางเหว่ยและเจ้าหน้าที่เฝ้าเวรก็ตื่นขึ้น พวกเขาเห็นว่าเย่เชียนหายไปอย่างที่คาดเอาไว้และอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างชั่วร้าย หยางเหว่ยหันไปหานักโทษที่เหลือและพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “มันดีที่สุดถ้าพวกแกแสร้งทำเป็นว่าพวกแกไม่ได้เห็นอะไรเลยในคืนนี้ และอย่าพูดถึงมัน เพราะเมื่อการพิจารณาคดีของพวกแกมาถึง สิ่งนี้จะถูกนำมาพิจารณาเพื่อลดหย่อนโทษของพวกแก่ แต่ถ้าพวกแกไม่ใส่ใจคำพูดของฉันล่ะก็…แกก็รู้ว่าผลที่ตามมามันจะเป็นยังไง?”

นักโทษเหล่านี้เคยมีชื่อเสียงอันโด่งดังในโลกอาชญากรรมอย่างมากในประเทศนี้พวกเขาไม่เคยถูกเย้ยหยันและกดดันเช่นนี้มาก่อน เฉกเช่นเสือเมื่อต่างถิ่นก็อาจถูกสุนัขข่มขวัญได้เหมือนกัน ตอนนี้พวกเขาถูกขังอยู่ในคุกและต้องเผชิญหน้ากับพวกตำรวจคอรัปชั่นพวกนี้ และถึงแม้ว่าจะมีความขุ่นเคืองและโกรธเกรี้ยวอยู่ในใจพวกเขาก็ทำได้เพียงแค่กลืนมันลงไป

หลังจากล็อคประตูห้องขังแล้วหยางเหว่ยและเจ้าหน้าที่เฝ้าเวรก็ออกจากศูนย์กักกัน “ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมตอนนี้ได้หลบหนีออกจากคุกไปแล้ว แม้ว่าเดิมทีเขาจะเป็นผู้บริสุทธิ์แต่ตอนนี้มันก็ยากที่เขาจะล้างมลทินทั้งหมดนี้ออกไปได้” เจ้าหน้าที่เฝ้าเวรพูดอย่างพึงพอใจ

หยางเหว่ยยิ้มอย่างชั่วร้ายและพูดว่า “ฉันไม่ได้ต้องการให้มันได้รับโทษ!..ฉันต้องการชีวิตของมัน เช้าวันพรุ่งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนในเมืองจะออกตามล่ามันและเมื่อใดที่พวกเขาพบมันก็จะยิงมันในทันที ต่อให้มันมีปีกมันก็ไม่มีปัญญาจะหนีไปไหนพ้น!”

หลังจากที่ออกจากศูนย์กักกันหยางเหว่ยก็ใช้โทรศัพท์และรายงานเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นโดยละเอียด แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือเย่เชียนนั้นยังไม่ได้ออกจากสถานีตำรวจ แต่ซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่งและดักฟังการสนทนาในโทรศัพท์ และหลังจากได้ยินแผนการทั้งหมดของพวกเขาแล้วเย่เชียนก็ฉีกยิ้มขึ้นมา เย่เชียนไม่ใช่คนประเภทที่ปล่อยให้ตัวเองต้องถูกเหยียบย่ำ ตอนนี้เขาต้องการที่จะรู้ว่าสถานการณ์มันจะบานปลายและจะเดินหน้าต่อไปในรูปแบบใด

จากนั้นเย่เชียนก็หลบหนีออกจากสถานีตำรวจและโทรหาหลี่เหว่ยและหลังจากหลี่เหว่ยบอกตำแหน่งปัจจุบันให้เขาอย่างชัดเจนแล้วเย่เชียนก็วางสายโทรศัพท์

เย่เชียนมั่นใจในความสามารถของหลี่เหว่ยมากแต่ถึงกระนั้นเขาก็ค่อนข้างประหลาดใจที่หลี่เหว่ยพบที่อยู่ของซู่หยาหยิงได้เร็วขนาดนี้ เย่เชียนก็ตรงไปยังที่อยู่ที่หลี่เหว่ยให้เขา ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนที่ไม่มีใครอยู่บนท้องถนนและรถก็มีน้อยมาก เสมือนโลกทั้งใบถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด มันเป็นช่วงเวลามืดที่สุดก่อนจะรุ่งสางหากเวลานี้ผ่านไปดวงอาทิตย์ก็จะสาดแสงและส่องสว่างไปทั่วโลก

เย่เชียนมาถึงโรงงานร้างเก่าในเขตผู่ตง แผนการบูรณะเมืองของรัฐบาลยังไม่ได้เริ่มต้นดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงถูกทิ้งร้าง เขาขึ้นไปที่ชั้นสองของโรงงานร้างและพบว่าซูหยาหยิงอยู่ที่มุมหนึ่งและมือของเธอถูกมัดเอาไว้ และหลี่เหว่ยที่นั่งอยู่บนพื้นกำลังแทะแตงโมและเปลือกแตงโมก็กระจัดกระจายอยู่ข้างๆเขา

หลี่เหว่ยต้อนรับเย่เชียนด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นเย่เชียนเข้ามาเขาก็พูดว่า “ผมไม่ได้คาดหวังว่าประเทศจีนจะร้อนขนาดนี้เลยบอส เอาแตงโมสักหน่อยมั้ย?” หลี่เหว่ยเป็นชาวจีนที่อพยพไปในต่างแดนและเติบโตที่นั่น เขาไม่ค่อยรู้เรื่องประเทศจีนที่เป็นประเทศบ้านเกิดของเขามากนัก

เย่เชียนมองเขาอย่างหมดหนทางและหยิบแตงโมจากมือเขาและแทะมันในทันที เขาไม่ได้มองไปที่ซูย่าหยิงราวกับว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นั่น ในด้านของซูย่าหยิงเองก็มองไปที่ทั้งคู่อย่างกระวนกระวายขณะที่เธอกำลังคิดหาทางหนีทีไร่ เธอกำลังอาบน้ำอยู่ในบ้านของเธอและจากนั้นหลี่เหว่ยก็พุ่งชาร์ทใส่เธอ การดิ้นรนและเสียงกรีดร้องของเธอไร้ประโยชน์ สิ่งสุดท้ายที่เธอจำได้คือเธอกำลังล้มลงและพอเธอรู้ตัวอีกทีเธอก็พบว่าตัวเองถูกมัดอยู่ที่นี่เสียแล้ว เดิมทีเธอไม่รู้ว่าทำไมหลี่เหว่ยถึงลักพาตัวเธอมา แต่หลังจากได้เห็นเย่เชียนทุกอย่างก็ชัดเจน ความกลัวคลืบคลานเข้ามาในใจของเธอตั้งแต่เย่เชียนเข้ามาในสถานที่แห่งนี้และไม่แยแสเธอเลยแม้แต่น้อย เขาได้แต่ยืนกินแตงโมอยู่กับคนที่ลักพาตัวเธอมาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

เย่เชียนมองไปที่ซูย่าหยิงและเห็นว่าร่างของเธอถูกคลุมด้วยผ้าขนหนู แต่เพราะเธอนั่งยองๆอยู่บนพื้นจึงทำให้ของลับของเธอเผยออกมาอย่างลางๆเพราะความมืด “นี่!..ไอ้หนูนายไม่ได้ทำอะไรที่มันผิดศีลธรรมใช่มั้ย?” เย่เชียนถามอย่างเกรี้ยวกราด

หลี่เหว่ยมองไปที่ซูย่าหยิงและหันกลับมาและหัวเราะเบาๆจากนั้นก็ตอบว่า “ไม่ๆ..เธอบังเอิญอาบน้ำอยู่ตอนที่ผมไปถึงน่ะ ผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างเกรี้ยวกราดผมจึงไม่มีทางเลือกเลยทุบท้ายทอยเธอและพาเธอมาเนี่ยแหละ!”

“นายไม่ได้ฉวยโอกาสและลวมลามเธอใช่มั้ย?” เย่เชียนถามอย่างเกรี้ยวกราด

“ไม่มีทาง!..บอสคิดว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน? ผู้หญิงคนนี้ไม่มีทั้งหน้าอกไม่มีทั้งสะโพกหรือบั้นท้ายและเธอก็ไม่สวยด้วย ผมจะไปฉวยโอกาสจะเธอเพื่ออะไร?” หลี่เหว่ยอธิบายราวกับว่าเขากำลังพูดอะไรบางอย่างที่สมเหตุสมผล แต่เย่เชียนเข้าใจถึงตัวตนของเขาดีและไม่เชื่อเขาเพราะถ้าหลี่เหว่ยไม่ได้ฉวยโอกาสจากหญิงสาวที่เปลือยเปล่าต่อหน้าของเขาเลยสักนิดมันก็คงเป็นเรื่องที่แปลกมาก เพราะเย่เชียนจำคำพูดของหลี่เหว่ยได้อย่างชัดเจนที่ว่า ‘ตราบใดที่ใครคนนั้นเป็นผู้หญิงและถึงแม้ว่าเธอจะไม่สวยหรือน่าเกลียดเหมือนพวกไดโนเสาร์ก็ตามแต่ถึงยังไงแล้วพวกเธอก็มีสิ่งที่ให้ผู้ชายได้ใช้ประโยชน์จากพวกเธอ!’

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดนักรบจอมราชัน 57 การลักพาตัว

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 57 การลักพาตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เย่เชียนมองไปที่หยางเหว่ยและเจ้าหน้าที่เฝ้าเวรที่ซึ่งนอนนิ่งหมดสติอยู่บนพื้นเขาก็ฉีกยิ้มขึ้นมา เหล่านักโทษในห้องขังมองดูเย่เชียนด้วยความตกตะลึงพวกเขาอดไม่ได้ที่จะชูนิ้วชมเชยอย่างกระตือรือร้นและพูดว่า “ลูกพี่นี่ยอดเยี่ยมจริงๆ กล้าสู้แม้แต่กับตำรวจ!”

เย่เชียนยักไหล่อย่างเฉยเมยและพูดว่า “พวกนายอยากออกไปหรือเปล่า? ถ้าไม่ก็..ฉันจะไปละนะ!”

นักโทษเหล่านั้นเงียบไปชั่วครู่จากนั้นหนึ่งในนั้นก็พูดว่า “ลูกพี่ไปเถอะ โทษของพวกเราไม่ได้หนักหนาอะไรหากเราอยู่ต่อไปอีกสองสามปีเราก็จะถูกปล่อยตัวในที่สุด ถ้าหากเราหนีออกจากคุกมันจะไม่คุ้มค่าเลย”

เย่เชียนยิ้มอย่างเฉยเมย เขาเข้าใจความรู้สึกของนักโทษเหล่านี้ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเคยพวกเขาเคยใช้ชีวิตเยี่ยงมาเฟียมาก่อน แต่ตอนนี้พวกเขาก็อยู่ในสถานกักกันเพื่อรอการพิจารณาคดีในศาล สิ่งที่พวกเขาทำได้ก็แค่รออย่างเดียวเท่านั้น พวกเขาไม่ใช่เด็กๆที่เพิ่งจะเดินเข้าสู่เส้นทางอาชญากรรม และพวกเขาก็เข้าใจความหมายของคนรุ่นใหม่ที่มาแทนคนรุ่นเก่าได้ดีว่ามันหมายถึงอะไรพวกเขาไม่คิดว่าการหนีออกจากคุกจะทำให้พวกเขายังคงยิ่งใหญ่ และลูกน้องหรือผู้หนุนหลังก็จะไม่ช่วยพวกเขาในกรณีเช่นนี้ พวกเขาไม่ได้เป็นจ้าวแห่งโลกอาชญากรรมอีกต่อไป หากพวกเขาต้องหนีออกจากคุกแล้วก็จะไม่มีใครช่วยเหลือพวกเขามิหนำซ้ำผู้ใต้บังคับบัญชาก็อาจจะฆ่าพวกเขาเพื่อแทนที่เขาดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะรอการพิจารณาคดีตามกฏหมายและรอการปล่อยอย่างชอบธรรมจากนั้นก็ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างเงียบๆ

เมื่อเย่เชียนกำลังหนีออกจากสถานีตำรวจแล้วเขาก็โทรศัพท์ไปหาหลี่เหว่ย เด็กหนุ่มคนนี้กำลังงีบหลับอยู่หลังต้นไม้นอกบ้านของจ้าวหยา และทันทีที่เขาได้รับสายของเย่เชียนเขาก็ไม่สบอารมณ์เล็กน้อย การเป็นผู้คุ้มกันนั้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำกันได้ และหลี่เหว่ยอยากจะเข้าไปเฝ้าระวังในป่าเพื่อรอให้ศัตรูเผยตัวและรอสุ่มโจมตีศัตรูจากระยะไกลมากกว่า

“นายคอยตามสอดส่องฉันมาสักพักหนึ่งแล้วใช่มั้ย? ถ้างั้นนายก็ต้องรู้จักผู้หญิงที่ชื่อซูย่าหยิงสินะ! ฉันอยากเจอเธอ!” เย่เชียนพูดอย่างดุดัน

เมื่อได้ยินเย่เชียนพูดแบบนั้นหลี่เหว่ยก็ฉีกยิ้มและหัวเราะอย่างซุกซนจากนั้นก็พูดว่า “ไม่มีปัญหาบอส..เดี๋ยวผมโทรกลับไป” ตราบเท่าที่เขาสามารถออกจากที่แห่งนี้ได้ ต่อให้เขาต้องบุกเข้าไปในกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติเพื่อสังหารประธานNSBแล้วเขาก็จะทำโดยไม่ลังเลใดๆ

หลังจากนั้นไม่นานหยางเหว่ยและเจ้าหน้าที่เฝ้าเวรก็ตื่นขึ้น พวกเขาเห็นว่าเย่เชียนหายไปอย่างที่คาดเอาไว้และอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างชั่วร้าย หยางเหว่ยหันไปหานักโทษที่เหลือและพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “มันดีที่สุดถ้าพวกแกแสร้งทำเป็นว่าพวกแกไม่ได้เห็นอะไรเลยในคืนนี้ และอย่าพูดถึงมัน เพราะเมื่อการพิจารณาคดีของพวกแกมาถึง สิ่งนี้จะถูกนำมาพิจารณาเพื่อลดหย่อนโทษของพวกแก่ แต่ถ้าพวกแกไม่ใส่ใจคำพูดของฉันล่ะก็…แกก็รู้ว่าผลที่ตามมามันจะเป็นยังไง?”

นักโทษเหล่านี้เคยมีชื่อเสียงอันโด่งดังในโลกอาชญากรรมอย่างมากในประเทศนี้พวกเขาไม่เคยถูกเย้ยหยันและกดดันเช่นนี้มาก่อน เฉกเช่นเสือเมื่อต่างถิ่นก็อาจถูกสุนัขข่มขวัญได้เหมือนกัน ตอนนี้พวกเขาถูกขังอยู่ในคุกและต้องเผชิญหน้ากับพวกตำรวจคอรัปชั่นพวกนี้ และถึงแม้ว่าจะมีความขุ่นเคืองและโกรธเกรี้ยวอยู่ในใจพวกเขาก็ทำได้เพียงแค่กลืนมันลงไป

หลังจากล็อคประตูห้องขังแล้วหยางเหว่ยและเจ้าหน้าที่เฝ้าเวรก็ออกจากศูนย์กักกัน “ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมตอนนี้ได้หลบหนีออกจากคุกไปแล้ว แม้ว่าเดิมทีเขาจะเป็นผู้บริสุทธิ์แต่ตอนนี้มันก็ยากที่เขาจะล้างมลทินทั้งหมดนี้ออกไปได้” เจ้าหน้าที่เฝ้าเวรพูดอย่างพึงพอใจ

หยางเหว่ยยิ้มอย่างชั่วร้ายและพูดว่า “ฉันไม่ได้ต้องการให้มันได้รับโทษ!..ฉันต้องการชีวิตของมัน เช้าวันพรุ่งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนในเมืองจะออกตามล่ามันและเมื่อใดที่พวกเขาพบมันก็จะยิงมันในทันที ต่อให้มันมีปีกมันก็ไม่มีปัญญาจะหนีไปไหนพ้น!”

หลังจากที่ออกจากศูนย์กักกันหยางเหว่ยก็ใช้โทรศัพท์และรายงานเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นโดยละเอียด แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือเย่เชียนนั้นยังไม่ได้ออกจากสถานีตำรวจ แต่ซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่งและดักฟังการสนทนาในโทรศัพท์ และหลังจากได้ยินแผนการทั้งหมดของพวกเขาแล้วเย่เชียนก็ฉีกยิ้มขึ้นมา เย่เชียนไม่ใช่คนประเภทที่ปล่อยให้ตัวเองต้องถูกเหยียบย่ำ ตอนนี้เขาต้องการที่จะรู้ว่าสถานการณ์มันจะบานปลายและจะเดินหน้าต่อไปในรูปแบบใด

จากนั้นเย่เชียนก็หลบหนีออกจากสถานีตำรวจและโทรหาหลี่เหว่ยและหลังจากหลี่เหว่ยบอกตำแหน่งปัจจุบันให้เขาอย่างชัดเจนแล้วเย่เชียนก็วางสายโทรศัพท์

เย่เชียนมั่นใจในความสามารถของหลี่เหว่ยมากแต่ถึงกระนั้นเขาก็ค่อนข้างประหลาดใจที่หลี่เหว่ยพบที่อยู่ของซู่หยาหยิงได้เร็วขนาดนี้ เย่เชียนก็ตรงไปยังที่อยู่ที่หลี่เหว่ยให้เขา ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนที่ไม่มีใครอยู่บนท้องถนนและรถก็มีน้อยมาก เสมือนโลกทั้งใบถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด มันเป็นช่วงเวลามืดที่สุดก่อนจะรุ่งสางหากเวลานี้ผ่านไปดวงอาทิตย์ก็จะสาดแสงและส่องสว่างไปทั่วโลก

เย่เชียนมาถึงโรงงานร้างเก่าในเขตผู่ตง แผนการบูรณะเมืองของรัฐบาลยังไม่ได้เริ่มต้นดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงถูกทิ้งร้าง เขาขึ้นไปที่ชั้นสองของโรงงานร้างและพบว่าซูหยาหยิงอยู่ที่มุมหนึ่งและมือของเธอถูกมัดเอาไว้ และหลี่เหว่ยที่นั่งอยู่บนพื้นกำลังแทะแตงโมและเปลือกแตงโมก็กระจัดกระจายอยู่ข้างๆเขา

หลี่เหว่ยต้อนรับเย่เชียนด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นเย่เชียนเข้ามาเขาก็พูดว่า “ผมไม่ได้คาดหวังว่าประเทศจีนจะร้อนขนาดนี้เลยบอส เอาแตงโมสักหน่อยมั้ย?” หลี่เหว่ยเป็นชาวจีนที่อพยพไปในต่างแดนและเติบโตที่นั่น เขาไม่ค่อยรู้เรื่องประเทศจีนที่เป็นประเทศบ้านเกิดของเขามากนัก

เย่เชียนมองเขาอย่างหมดหนทางและหยิบแตงโมจากมือเขาและแทะมันในทันที เขาไม่ได้มองไปที่ซูย่าหยิงราวกับว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นั่น ในด้านของซูย่าหยิงเองก็มองไปที่ทั้งคู่อย่างกระวนกระวายขณะที่เธอกำลังคิดหาทางหนีทีไร่ เธอกำลังอาบน้ำอยู่ในบ้านของเธอและจากนั้นหลี่เหว่ยก็พุ่งชาร์ทใส่เธอ การดิ้นรนและเสียงกรีดร้องของเธอไร้ประโยชน์ สิ่งสุดท้ายที่เธอจำได้คือเธอกำลังล้มลงและพอเธอรู้ตัวอีกทีเธอก็พบว่าตัวเองถูกมัดอยู่ที่นี่เสียแล้ว เดิมทีเธอไม่รู้ว่าทำไมหลี่เหว่ยถึงลักพาตัวเธอมา แต่หลังจากได้เห็นเย่เชียนทุกอย่างก็ชัดเจน ความกลัวคลืบคลานเข้ามาในใจของเธอตั้งแต่เย่เชียนเข้ามาในสถานที่แห่งนี้และไม่แยแสเธอเลยแม้แต่น้อย เขาได้แต่ยืนกินแตงโมอยู่กับคนที่ลักพาตัวเธอมาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

เย่เชียนมองไปที่ซูย่าหยิงและเห็นว่าร่างของเธอถูกคลุมด้วยผ้าขนหนู แต่เพราะเธอนั่งยองๆอยู่บนพื้นจึงทำให้ของลับของเธอเผยออกมาอย่างลางๆเพราะความมืด “นี่!..ไอ้หนูนายไม่ได้ทำอะไรที่มันผิดศีลธรรมใช่มั้ย?” เย่เชียนถามอย่างเกรี้ยวกราด

หลี่เหว่ยมองไปที่ซูย่าหยิงและหันกลับมาและหัวเราะเบาๆจากนั้นก็ตอบว่า “ไม่ๆ..เธอบังเอิญอาบน้ำอยู่ตอนที่ผมไปถึงน่ะ ผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างเกรี้ยวกราดผมจึงไม่มีทางเลือกเลยทุบท้ายทอยเธอและพาเธอมาเนี่ยแหละ!”

“นายไม่ได้ฉวยโอกาสและลวมลามเธอใช่มั้ย?” เย่เชียนถามอย่างเกรี้ยวกราด

“ไม่มีทาง!..บอสคิดว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน? ผู้หญิงคนนี้ไม่มีทั้งหน้าอกไม่มีทั้งสะโพกหรือบั้นท้ายและเธอก็ไม่สวยด้วย ผมจะไปฉวยโอกาสจะเธอเพื่ออะไร?” หลี่เหว่ยอธิบายราวกับว่าเขากำลังพูดอะไรบางอย่างที่สมเหตุสมผล แต่เย่เชียนเข้าใจถึงตัวตนของเขาดีและไม่เชื่อเขาเพราะถ้าหลี่เหว่ยไม่ได้ฉวยโอกาสจากหญิงสาวที่เปลือยเปล่าต่อหน้าของเขาเลยสักนิดมันก็คงเป็นเรื่องที่แปลกมาก เพราะเย่เชียนจำคำพูดของหลี่เหว่ยได้อย่างชัดเจนที่ว่า ‘ตราบใดที่ใครคนนั้นเป็นผู้หญิงและถึงแม้ว่าเธอจะไม่สวยหรือน่าเกลียดเหมือนพวกไดโนเสาร์ก็ตามแต่ถึงยังไงแล้วพวกเธอก็มีสิ่งที่ให้ผู้ชายได้ใช้ประโยชน์จากพวกเธอ!’

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+