ยอดหญิงสกุลเสิ่น 218-2 ตื่นเช้าไปเคารพ

Now you are reading ยอดหญิงสกุลเสิ่น Chapter 218-2 ตื่นเช้าไปเคารพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังแม่นมมั่วกลับไป สีหน้าบนใบหน้าของพระชายาจิ้นอ๋องก็เก็บจนหมดจด นางพิงลงบนเก้าอี้ ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง คิ้วขมวดมุ่น ดูดุดันขึ้นหลานส่วน

 

 

“แม่นมคิดว่าฮูหยินผู้นี้ของพวกเราเป็นคนอย่างไร” แม่นมซือกำลังตกตะลึง ก็ได้ยินพระชายาถาม

 

 

แม่นมซือรีบตั้งสติก้าวขึ้นมา ในใจนางเข้าใจว่าพระชายาถามอะไร “ทูลพระชายา บ่าวคิดว่าฮูหยินใหญ่น่าจะไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น ฐานะอยู่ที่นั่น จะรู้ประสีประสาอะไรได้ ยิ่งไปว่านั้นคุณชายใหญ่…” นางลอบมองสีหน้าของพระชายาไม่ได้พูดต่อ

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องพยักหน้า เข้าใจเจตนาของนาง หลุบตาลงคล้ายกำลังครุ่นคิด อันที่จริงนางเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน เสิ่นซื่อเป็นบุตรสาวที่เติบโตในชนบท ไม่เคยเรียนกฎมารยาทมาก่อน ช่วงเวลาที่แม่นมมั่วมาอยู่ข้างกายนางก็มีจำกัด ต่อให้นางจะฉลาดมีความรู้ก็ไม่อาจเก่งขึ้นมาในภายในช่วงเวลาสั้นๆ ยิ่งไปกว่านั้นนางก็ไม่ใช่คนฉลาด เพียงแค่หน้าตาสละสลวยก็เท่านั้นเอง

 

 

อีกทั้งคุณชายใหญ่คนชั่วผู้นั้นก็ไม่รู้จักเคารพคนที่เด็กกว่า เขาพูดหนึ่งประโยคนางจะไม่ฟังได้หรือ คาดว่าเขาคงจะห้ามไม่ให้มา

 

 

คนเป็นภรรยาย่อมต้องไปเคารพแม่สามี เสิ่นเวยเองก็ไม่คิดจะท้าทายประเพณี นางใช้ชีวิตในจวนจงอู่โหวอย่างสุขสบาย นั้นล้วนเป็นเพราะใครบางคนทำออกมาด้วยตัวเอง อันที่จริงนางยังเคารพผู้อาวุโสรักเด็กมีใจกตัญญูรู้จักกฎระเบียบมีมารยาทอย่างยิ่ง…เป็นคนดีต่างๆ นานา

 

 

ช่วงเวลาเคารพจิ้นหวังเวยเป็นยามเฉิน นี่เป็นข่าวที่เหอฮวาไปสืบถามกลับมา เพราะว่านอนเร็วแต่หัววัน วันรุ่งขึ้นเสิ่นเวยจึงตื่นเช้าอย่างยิ่ง เมื่อนางหวีผมล้างหน้าแต่งตัวเสร็จเดินออกมาจากห้อง บนโต๊ะข้างนอกก็มีอาหารเช้าวางอยู่เรียบร้อยแล้ว สวีโย่วนั่งไขว่ห้างรอนางอยู่

 

 

เสิ่นเวยประหลาดใจอย่างยิ่ง ลูกสะใภ้ในยุคโบราณเคารพแม่สามีต่างก็ท้องว่างมิใช่หรือ หลังจากนั้นก็มีแม่สามีใจร้ายเหล่านั้นก็ตั้งใจถ่วงเวลาเพื่อที่จะทรมานลูกสะใภ้ ให้ลูกสะใภ้ปรนนิบัติตัวเองทานอาหารเช้าขณะที่ท้องหิวอยู่

 

 

สวีโย่วย่อมมองความคิดของเสิ่นเวยออก กล่าวด้วยท่าทีจริงจัง “รีบเข้ามาทานข้าวเถอะ พระชายาเมตตา ไม่อาจทารุณสะใภ้หรอก” เขาไม่ใช่คนโง่ จะให้ภรรยาของตัวเองท้องหิวไปเคารพพระชายาจิ้นอ๋องได้

 

 

อย่างไร เขาบอกว่าจะดูแลภรรยาให้ดีไม่ใช่คำพูดส่งเดช

 

 

เสิ่นเวยก้าวฝีเท้าที่เบาเร็วเดินเข้าไป ในเมื่อนายท่านผู้ดูแลบ้านก็พูดแล้ว เสิ่นเวยย่อมไม่อยากหิวแต่เช้า กินอิ่มแล้วจึงจะมีพลังไปเคารพมิใช่หรือ ตอนแรกที่เพิ่งกลับจวนไปเคารพท่านย่าและหลิวซื่อนางเองก็กินจนท้องอิ่ม คนโง่เท่านั้นที่จะทำให้ตัวเองหิวท้องร้อง

 

 

เพราะว่าอารมณ์ดี ดังนั้นความอยากอาหารของเสิ่นเวยก็ดีเช่นกัน เช้าตรู่มีน้ำแกงหนึ่งถ้วยเพิ่มขึ้นมาจากเมื่อคืน

 

 

“ไปเถอะ” สวีโย่วเห็นเสิ่นเวยวางตะเกียบลงจึงกล่าว

 

 

เสิ่นเวยประหลาดใจอีกครั้ง “ท่านจะไปกับข้าหรือ ไม่ต้องหรอก ท่านไปทำธุระของท่านเถอะ ข้าไปคนเดียวได้” ก็แค่เคารพไม่ใช่หรือ ไม่ได้จะไปบุกถ้ำเสือมังกร ใช้เวลาไม่นานนางก็จัดการได้แล้ว

 

 

สีหน้าบนใบหน้าสวีโย่วจริงจัง “ฮูหยินพูดผิดแล้ว แคว้นต้ายงของเราให้ความสำคัญกับความกตัญญูที่สุด คนเป็นลูกจะไม่ไปเคารพผู้อาวุโสได้อย่างไร ฮูหยิน พวกเราไปกันเถอะ”

 

 

เห็นท่าทางเด็ดเดี่ยวแน่วแน่เช่นนั้นของสวีโย่ว เสิ่นเวยก็แสยะปากอย่างไม่เห็นด้วย หมอนี่ก็แค่พูดจาน่าฟังใช่หรือไม่ เมื่อวานนางเห็นชัดเจนแจ่มแจ้ง เขาไม่มีจิตใจกตัญญูต่อพ่อของเขาเลย แล้วนับประสาอะไรกับแม่เลี้ยง เขาจะไปสร้างความรำคาญใจให้แม่เลี้ยงมากกว่ากระมัง

 

 

นอกจากนี้เสิ่นเวยยังไม่แน่ใจว่าผู้ชายยุคโบราณใช่ต้องเคารพผู้อาวุโสหรือไม่ ตอนที่นางอยู่ที่จวนโหวก็ไปเคารพท่านย่าเพียงไม่กี่ครั้ง บางครั้งก็บังเอิญเจอเหล่าพี่ชายน้องชาย ส่วนพ่อนางและท่านลุงทั้งหลายของนาง ก็ไม่เคยเห็นมาก่อน หรือว่าช่วงเวลาเคารพของผู้ชายเช้ากว่า เสิ่นเวยไม่แน่ใจจริงๆ

 

 

แต่ว่าในเมื่อสวีโย่วยินดีไปเป็นเพื่อนนางเช่นนั้นก็ยิ่งดี พระชายาจิ้นอ๋องคงจะไม่ทำให้นางลำบากใจต่อหน้าลูกเลี้ยงหรอกกระมัง

 

 

เช้าตรู่ในต้นฤดูร้อนยังคงเย็นสบายอย่างยิ่ง เสิ่นเวยรับลมเย็นสบายใจยิ่งนัก ตอนที่เดินไปได้ครึ่งทางก็พบฮูหยินซื่อจื่ออู๋ซื่อที่ไปเคารพเหมือนกันพอดี ทั้งสองคนหยุดทักทาย

 

 

อันที่จริงอู๋ซื่อเห็นพี่ใหญ่สามีข้างกายพี่สะใภ้ใหญ่มาแต่ไกลแล้ว ในแววตาก็มีความประหลาดใจแวบผ่าน ในจวนอ๋องใครบ้างไม่รู้ว่าพี่ใหญ่สามีไม่เคยเคารพพระชายามาก่อน คราวนี้กลับไปเป็นเพื่อนภรรยาที่เพิ่งแต่งงาน ดูท่าแล้วพี่สะใภ้ใหญ่จะกุมหัวใจของพี่ใหญ่สามีได้ดีอย่างยิ่ง! กลัวว่าพี่สะใภ้ใหญ่จะได้รับความไม่เป็นธรรมที่เรือนพระชายา เมื่อคิดอีกมุม พี่สะใภ้ใหญ่น่าตาดีเพียงนั้น นิสัยก็อ่อนโยน อายุยังน้อยกว่าพี่ใหญ่สามีเจ็ดแปดปี หากเป็นนางก็คงไม่วางใจเช่นกัน

 

 

อู๋ซื่อกล่าวอย่างเป็นมิตร “บังเอิญจริงๆ พบพี่สะใภ้พี่ใหญ่แล้ว พี่ใหญ่ยังมาเคารพเสด็จแม่เป็นเพื่อนพี่สะใภ้ใหญ่ด้วย ความรักใคร่นี้ช่างน่าอิจฉาจริงๆ” นางปิดปากหัวเราะหยอกเล่น

 

 

“น้องสะใภ้รองอย่าหยอกล้อเลย” เสิ่นเวยหน้าแดงเหลือบมองสวีโย่วปราดหนึ่งอย่างรวดเร็ว หลุบตาลงด้วยใบหน้าหวานเยิ้มทั้งใบ ท่าทางเขินอายอย่างถึงที่สุด

 

 

เดิมหน้าตาก็ดีอย่างถึงที่สุด จู่ๆ ก็ดูดีขึ้นสามส่วนอย่างไม่มีเหตุผล อู๋ซื่อมองจนละสายตาไม่ได้ ถอนหายใจในใจ อายุน้อยดียิ่งนัก! พี่สะใภ้ใหญ่อ่อนหวานราวกับดอกไม้งามบนกิ่งไม้ ใบหน้าเล็กๆ นั้นหวานจนแทบจะบีบน้ำออกมาได้แล้ว ยิ่งเป็นหญิงงามที่ไม่รู้ประสานัก พี่ใหญ่สามีจะไม่รักไม่หลงแย่เลยหรือ

 

 

หลังจากนั้นมือของนางก็ลูบหน้าตัวเองอย่างไม่รู้ตัว ซื่อจื่ออายุเท่าพี่ใหญ่สามี เพียงแต่เด็กกว่าสามเดือน ตนก็อายุน้อยกว่าซื่อจื่อหนึ่งปี โตกว่าพี่สะใภ้ใหญ่น้อยตรงหน้าหกเจ็ดปีเต็มๆ ไม่ต้องตบแป้งทาชาดใบหน้านั้นก็มองไม่ได้แล้ว ไหนเลยจะเหมือนพี่สะใภ้ใหญ่น้อย เพียงแค่เขียนคิ้วลวกๆ แต้มชาดที่ปากก็งดงามจนทำให้คนตกตะลึงแล้ว

 

 

แก่แล้ว แก่แล้ว! แม้ว่าซื่อจื่อจะปฏิบัติต่อนางด้วยความเคารพ แต่อย่างไรเสียก็ยังเทียบไม่ได้กับคนตรงหน้า

 

 

อู๋ซื่อถอนหายใจอย่างเจ็บปวด ประคองแขนของเสิ่นเวยเดินไปที่เรือนของพระชายาจิ้นอ๋องด้วยกัน

 

 

ตอนที่พวกนางเข้าไปพระชายาจิ้นอ๋องกำลังหวีผมอยู่ แม่นมซือถามเสียงเบาว่าวันนี้นางจะใช้เครื่องประดับชิ้นไหน เสิ่นเวยกับอู๋ซื่อย่อตัวเคารพนาง นางยังยิ้มถามหนึ่งประโยค “พวกเจ้าพี่สะใภ้น้องสะใภ้มาด้วยกันได้อย่างไร”

 

 

ฟังว่าพวกนางเจอกันระหว่างทาง พระชายาจิ้นอ๋องก็พยักหน้า กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “พวกเจ้าพี่สะใภ้น้องสะใภ้เข้ากันได้ดีข้าก็วางใจ ภรรยาเยี่ยเอ๋อร์เจ้าเข้าเรือนมาเร็วกว่าหน่อย ทั้งยังช่วยข้าจัดการเรื่องครัวในจวน ต้องช่วยพี่สะใภ้เจ้าให้มากหน่อย นางอายุยังน้อย แต่อย่างไรเสียก็เป็นพี่สะใภ้ เจ้ากับภรรยาของสิงเอ๋อร์ต้องเคารพนาง ครอบครัวพวกเรารักใคร่ปรองดอง ข้ากับเสด็จพ่อของพวกเจ้าก็ไม่มีความปรารถนาอื่นแล้ว”

 

 

เสิ่นเวยกับอู๋ซื่อย่อมขานรับพร้อมกัน

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องเหลือบมองตัวเองในกระจกปราดหนึ่ง เปลี่ยนเรื่องกล่าว “ภรรยาโย่วเอ๋อร์มานี่ ช่วยแม่เลือกเครื่องประดับสักชิ้น”

 

 

เสิ่นเวยจับต้นชนปลายไม่ถูกเล็กน้อย ยังคงเป็นอู๋ซื่อที่ผลักนางเล็กน้อยนางจึงได้สติกลับมา ใบหน้างามแดงระเรื่อก่อน “เสด็จแม่ ลูกไม่มีความรู้ หากเลือกชิ้นที่ท่านไม่ชอบ ท่านอย่าได้โกรธลูกนะเพคะ!”

 

 

ท่าทางเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่ไร้เดียงสาทำให้พระชายาจิ้นอ๋องหัวเราะออกมาในชั่วพริบตา “ไม่โกรธ ไม่โกรธ นี่เป็นชิ้นที่ลูกสะใภ้ใหญ่ของข้าเลือกให้กับมือ ต่อให้เจ้าเลือกไม้มาแม่ก็มีความสุข”

 

 

ใบหน้าของเสิ่นเวยแดงก่ำกว่าเดิม อู๋ซื่อเองก็หยอกล้อ โวยวายบอกว่าเสด็จแม่ลำเอียง มีลูกสะใภ้ใหม่แล้วไม่ต้องการลูกสะใภ้เก่าเช่นนางแล้ว พระชายารีบปลอบนาง “ต้องการสิ สะใภ้ที่เก่งเช่นนี้จะไม่ต้องการได้อย่างไร” แม่สามีลูกสะใภ้เล่นลูกไม้คารมกันพักหนึ่ง

 

 

เสิ่นเวยก้าวขึ้นไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ เลือกอยู่ใน**บเครื่องประดับของพระชายาจิ้นอ๋องอยู่นาน จึงเลือกปิ่นระย้าทองที่หนักอย่างถึงที่สุดออกมาหนึ่งอัน ยกไปตรงหน้าพระชายาจิ้นอ๋องราวกับมอบสิ่งของล้ำค่า “เสด็จแม่ ลูกเลือกได้แล้ว ท่านว่าอันนี้เป็นอย่างไร ลูกคิดว่ามีเพียงปิ่นระย้าที่หรูหราอันนี้จึงจะเหมาะสมกับฐานะที่สูงส่งของท่าน ชิ้นอื่นเหล่านั้นต่างก็จืดชืดเกินไป”

 

 

บนใบหน้าของพระชายาจิ้นอ๋องมีบางอย่างแวบผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็ยกยิ้ม “ดี ดี ภรรยาโย่วเอ๋อร์ตาดี เร็ว ช่วยเสียบไว้บนผมแม่เร็ว”

 

 

อู๋ซื่อที่ยืนอยู่ข้างหน้าแทบจะปากอ้าตาค้างแล้ว เครื่องประดับเต็ม**บแต่กลับเลือกปิ่นระย้าทองชิ้นนี้ที่ไม่มีรสนิยมงั้นหรือ พี่สะใภ้ใหญ่เป็นคนอย่างไร แต่เมื่อคิดถึงฐานะเดิมของนางก็เข้าใจแล้ว จวนจงอู่โหวเป็นตระกูลเศรษฐีใหม่มิใช่หรือ มุมปากแสยะ ในใจก็เหยียดหยามขึ้นมา

 

 

เสิ่นเวยปักปิ่นระย้าทองไว้ในผมของพระชายาจิ้นอ๋องด้วยความเคารพนอบน้อม มองพระชายาจิ้นอ๋องในกระจกที่มีเสน่ห์ลดลงสองเท่าในชั่วขณะ อารมณ์ของเสิ่นเวยก็ดีอย่างยิ่ง กล่าวชม “เสด็จแม่สง่าผ่าเผยจริงๆ!”

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องเป็นทุกข์จนไม่อาจพูด เพราะว่าเอ่ยปากไว้ก่อนแล้ว ต่อให้ไม่พอใจก็ไม่อาจว่าอะไรได้ ยังคงฝืนใจชมเสิ่นเวยว่าตาดี นางอัดอั้นจะตายอยู่แล้ว

 

 

ไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้ นางถือโอกาสเบนหน้าหนีไม่มองตัวเองในกระจกเสีย

 

 

เสิ่นเวยไม่สนว่าความรู้สึกของพระชายาจิ้นอ๋องจะเป็นเช่นไร ตามหลักการเจ้าไม่พอใจข้าจึงจะพอใจ เสิ่นเวยตัดสินใจว่าจะทำงานสร้างความรำคาญใจให้พระชายาจิ้นอ๋องไปจนถึงที่สุด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด