ยอดหญิงสกุลเสิ่น 228-2 ความซื่อตรงของท่านเล่า

Now you are reading ยอดหญิงสกุลเสิ่น Chapter 228-2 ความซื่อตรงของท่านเล่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

จิ้นอ๋องมองด้วยสายตาเย็นชา เห็นนางร้องไห้อย่างปวดใจ ในใจก็อ่อนลงอย่างอดไม่ได้ นึกถึงโย่วเอ๋อร์ตอนเด็กๆ พระชายาก็ดูแลเขาดีจริงๆ มีครั้งหนึ่งโย่วเอ๋อร์ไข้ขึ้นสูง พระชายาตั้งท้องอยู่ก็ไปเฝ้าเขาสองวันหนึ่งคืน ด้วยเหตุนี้จึงเจ็บท้องคลอด และเพราะว่าดูแลโย่วเอ๋อร์ที่ป่วย พระชายาจึงละเลยเยี่ยเอ๋อร์และเหยียนเอ๋อร์ กระทั่งเด็กซนสองคนนี้ตกลงไปในสระน้ำ หากไม่ใช่ว่าคนรับใช้พบเห็นก็คงจะเสียชีวิตไปนานแล้ว

 

 

เรื่องราวแต่ละเรื่องๆ แวบผ่านเบื้องหน้าเขา จิ้นอ๋องก็ลังเลแล้ว แต่นึกถึงคำตักเตือนของเสด็จพี่ หัวใจของเขาก็แข็งขึ้นมาอีกครั้ง ซ้ำเขายังไม่กล้าเชื่อซ่งซื่อทั้งหมด เขาแยกแยะไม่ได้ว่าประโยคไหนของนางเป็นจริง ประโยคไหนเป็นเท็จ

 

 

“หลังจากนี้เรื่องในเรือนโย่วเอ๋อร์สองสามีภรรยาเจ้าก็ไม่ต้องยุ่งแล้ว” จิ้นอ๋องพูดการตัดสินใจของเขาออกมา ฝั่งหนึ่งเป็นภรรยา ฝั่งหนึ่งเป็นลูกชาย เขาเองก็ลำบากใจอย่างยิ่งเช่นกัน!

 

 

หัวใจของพระชายาจิ้นอ๋องดิ่งลึก แต่กลับได้ยินจิ้นอ๋องพูดต่อ “สำหรับครัวใหญ่ ในเมื่อเจ้าดูแลได้ไม่ดีเช่นนั้นก็ให้ภรรยาโย่วเอ๋อร์มาดูแลแทนแล้วกัน ไม่มีธุระเจ้าก็ไม่ต้องออกจากเรือนแล้ว” พูดจบ ไม่แม้แต่จะมองพระชายาสักปราดเดียว ก้าวยาวเดินออกไปแล้ว

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องล้มนั่งลงบนพื้นทันที หัวใจหนึ่งดวงจมดิ่งถึงก้นเหว แม้จิ้นอ๋องจะไม่ได้พูดตรงๆ แต่นางก็รู้ว่าท่านอ๋องกักบริเวณนางแล้ว สำหรับนายหญิงผู้หนึ่งแล้วนี่เป็นเรื่องอัปยศอดสูงมากเพียงใด! นางยังจะมีหน้าไปเจอลูกสะใภ้กับคนรับใช้ในจวนอีกหรือ หากข่าวดังออกไป จวนเสนาบดีฉินจะถอนหมั้นด้วยเหตุนี้หรือไม่ นางไม่กล้าคิดต่อไปแล้ว

 

 

ยังมีครัวใหญ่ ใครไม่รู้บ้างว่าครัวใหญ่มีกำไรที่สุด หลายปีมานี้เพราะว่านางดูแลครัวใหญ่ ทรัพย์สินส่วนตัวในมือจึงเพิ่มขึ้นทีละน้อยๆ

 

 

ตอนแรก นางพูดจาน่าฟังว่าเป็นบุตรสาวอธิการบดีสำนักราชบัณฑิต อันที่จริงกลับตัวเปล่าเข้าจวนจิ้นอ๋อง ไม่มีสินเดิมแม้แต่นิดเดียว นางเองก็เคยวางแผนจะแย่งสินเดิมของต้วนซื่อ แต่สินเดิมของต้วนซื่อถูกฮ่องเต้องค์ก่อนเก็บกลับไปนางจึงทำไม่ได้ หมดหนทางนางจึงวางแผนส่วนงานบ้านในจวน ดูแลจวนอ๋องมาหลายปีเพียงนี้นางสะสมทรัพย์สินส่วนตัวได้เป็นกอบเป็นกำ

 

 

ทว่าตอนนี้กลับเอาครัวใหญ่ที่มีรายรับมากที่สุดไป มิหนำซ้ำคนที่ให้ยังเป็นหนามยอกอกของนาง นี่จะให้นางยอมได้อย่างไร

 

 

“ท่านอ๋อง เหตุใดจิตใจของท่านถึงได้เ**้ยมโหดเพียงนี้” พระชายาจิ้นอ๋องหัวเราะเหอๆ ขึ้นมา แววตาเต็มไปด้วยความเหน็บแนม ความรักไม่ทำให้คนทั้งสองหวาดระแวงบ้าอะไร หลอกลวง หลอกลวงทั้งนั้น

 

 

เห็นพระชายาที่ราวกับถูกผีสิง เหล่าคนรับใช้ก็ตกใจแทบแย่ ยังคงเป็นแม่นมซือกับหวาเยียนหวา

 

 

อวิ๋นที่กล้าหาญเข้าไปพยุง “พระชายา ท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ท่านอ๋อง เอ่อท่านอ๋องจะต้องถูกคนชั่วลวงหลอกแน่นอน ท่านอย่าได้ท้อใจ อีกไม่กี่วันท่านอ๋องหายโกรธ ท่านก็ค่อยอธิบายกับเขาใหม่”

 

 

ทว่าพระชายาจิ้นอ๋องกลับหัวเราะเหอๆ เพียงเท่านั้น ราวกับว่าไม่ได้ยิน นางโซเซลุกขึ้นยืน เพิ่งจะเดินไปได้ก้าวเดียวก็โผล้มลงบนพื้นหมดสติไปแล้ว

 

 

แม่นมซือและคนอื่นๆ ตื่นตกใจ “พระชายา พระชายา พระชายาท่านเป็นอะไรไป เร็ว รีบไปเชิญหมอมา!” ทั่วทั้งเรือนแตกตื่นวุ่นวาย

 

 

จิ้นอ๋องที่กลับไปถึงเรือนนอกในใจก็รู้สึกไม่ดี เดิมเขาไม่อยากเป็นคนเด็ดขาด วันนี้ลงโทษพระชายาแล้ว ในใจเขาก็หนักอึ้ง อย่างไรเสียนั่นก็คือพระชายาของเขา มารดาของลูกทั้งสามของเขา คนที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ! พวกเขาอยู่เป็นคู่ครองกันมายี่สิบกว่าปี ยี่สิบกว่าปี!

 

 

ชั่วพริบตาใบหน้างามเคล้าน้ำตาใบหน้าของพระชายากับอาหารที่จืดชืดหลายอย่างนั้นก็วนเวียนปรากฎอยู่ตรงหน้าเขา ก่อกวนจนจิตใจของเขาไม่อาจสงบนิ่งได้ในชั่วขณะ เขากระทั่งคิดว่า เหตุใดโย่วเอ๋อร์ถึงต้องกลับมา หากเขาไม่กลับมา พระชายาจะยังเป็นพระชายาทรงคุณธรรมผู้นั้น เขาเองก็ไม่อาจมีเรื่องวุ่นวายใจมากเพียงนี้ได้ แต่สติปัญญาก็บอกเขาว่าเขาคิดเช่นนี้ผิดแล้ว ไม่ถูกต้อง โย่วเอ๋อร์เป็นบุตรคนโตของเขา เหตุใดเขาถึงจะกลับมาไม่ได้

 

 

ข่าวพระชายาจิ้นอ๋องหมดสติดังมาถึงเรือนของจิ้นอ๋องแล้ว คนรับใช้ย่อมไม่กล้าเมินเฉย รายงานไปข้างในทันที จิ้นอ๋องได้ยินแล้ว ก็ลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก เดินไปได้สองก้าวก็ชะงักฝีเท้า กล่าวอย่างอารมณ์ไม่ดี “หมดสติก็ตามหมอ มาตามข้าได้ประโยชน์อันใด”

 

 

เดินกลับมาอย่างฉุนเฉียว ชนขอบโต๊ะในชั่วขณะ โมโหจนถีบโต๊ะอย่างแรงหลายครั้ง ไม่รู้เหมือนกันว่าระบายความโกรธใคร

 

 

บ่าวภายในห้องต่างก็ห่อไหล่ พยายามลดการมีอยู่ของตัวเอง ไม่กล้าไปเป็นตัวโชคร้ายของท่านอ๋อง

 

 

หัวใจของจิ้นอ๋องเสมือนมีหญ้าขึ้น รำคาญสุดขีด “เสี่ยวเฉวียน เอาสุรามา เอาสุรามาให้ข้า!” เขาตะโกนเสียงดัง

 

 

บ่าวรับใช้ลังเลเล็กน้อย ท้ายที่สุดก็ยังคงนำสุราไปให้จิ้นอ๋อง

 

 

ใช้สุราดับทุกข์ความทุกข์ก็ยิ่งเพิ่ม ที่หมายถึงก็คืออย่างจิ้นอ๋องนี้ เขาดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า ไม่รู้ว่าดื่มไปมากน้อยเพียงใด แต่จิตใจกลับยิ่งกระจ่าง ไม่เมาแม้แต่นิดเดียว โมโหจนเขาอยากจะขว้างแก้วสุรา

 

 

บ่าวรับใช้ยืนมองอยู่ข้างๆ อย่างอกสั่นขวัญแขวน ท่านอ๋องดื่มสุราไปสองไหแล้ว หากดื่มต่อไปอีก…

 

 

“ท่านอ๋อง หากท่านไม่วางใจพวกเราไปดูที่เรือนพระชายาก็ย่อมได้” บ่าวรับใช้กล่าวด้วยความระมัดระวัง

 

 

ทว่าจิ้นอ๋องกลับถลึงตาใส่เขา “ดูอะไรกัน มีอะไรให้น่าดู ไม่วางใจหรือ ข้ามีอะไรให้ไม่วางใจ ดื่มสุรา ข้าจะดื่มสุรา”

 

 

บ่าวรับใช้ไม่กล้าพูดต่อแล้ว แต่ก็ไม่กล้าปล่อยท่านอ๋องดื่มต่อไป หากท่านอ๋องดื่มจนเป็นอะไรไป ต่อให้เขามีสิบชีวิตก็รับผิดชอบไม่ไหว!

 

 

ซื่อจื่อกับคุณชายสามต่างก็ไปทำงานที่ที่ว่าการ คุณชายสี่ชอบเที่ยวเล่น ไม่อยู่ในจวนเช่นกัน มีเพียงคุณชายใหญ่ที่อยู่ในจวน ได้ ไปหาคุณชายใหญ่มาโน้มน้าวแล้วกัน

 

 

ฝั่งสวีโย่วได้ข่าวก็ไม่อยากไปอย่างยิ่ง โน้มน้าวอะไรกัน ดื่มให้ตายไปเลยสิ! ดื่มตายแล้วจะได้รีบแยกบ้าน!

 

 

เสิ่นเวยอ่านความคิดสวีโย่วได้ทันที แอบกลอกตาขาวให้เขา โน้มน้าวบ่าวรับใช้พูดนั้น “คุณชายใหญ่นิสัยดื้อรั้นเล็กน้อย ข้าจะลองเกลี้ยกล่อมเขา พ่อบ้านเสี่ยวเฉวียนกลับไปก่อน อีกประเดี๋ยวคุณชายใหญ่จะตามไป”

 

 

บ่าวรับใช้ไหนเลยจะไม่รู้นิสัยของคุณชายใหญ่ ตอนนี้ฮูหยินใหญ่ยอมโน้มน้าว เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก กลับไปด้วยความซาบซึ้งขอบคุณ

 

 

เมื่อบ่าวรับใช้ไปแล้ว เสิ่นเวยก็จิ้มหัวสวีโย่วอย่างไม่เกรงใจ “ท่านโง่หรือไ พ่อท่านดื่มสุราตายแล้วท่านก็แยกบ้านไม่ได้แล้ว มีพ่อท่านค้ำยันอยู่ พระชายาจึงไม่กล้าทำอะไร หากพ่อท่านไม่อยู่ พระชายาก็จะเป็นใหญ่เพียงผู้เดียวในจวนจิ้นอ๋อง ไม่แน่ว่าอาจจะเล่นลูกไม้อะไรอีก นางถือความชอบธรรมในการเป็นผู้อาวุโส แม้ว่าพวกเราจะไม่กลัว แต่ก็ยุ่งยากที่สุดน่าเบื่อที่สุด!”

 

 

“ไม่ไป!” สวีโย่วนั่งนิ่งไม่ขยับ “เขายังมีลูกกตัญญูอีกหลายคนมิใช่หรือ มาหาลูกอกตัญญูเช่นข้าทำไม”

 

 

“โอ้โห ท่านกล้าแล้วใช่หรือไม่ ใครกันที่บอกว่าหลังจากนี้จะเชื่อฟังข้า ข้าเพิ่งจะแต่งเข้ามาได้ไม่กี่วันท่านก็เปลี่ยนไปแล้วหรือ หรือว่าจะหลอกคนมาอยู่ในกำมือหรือ ความซื่อตรงและการรักษาสัตย์ของท่านเล่า” เสิ่นเวยกอดอกชายตามองเขา “ไม่ไปก็ต้องไป มิเช่นนั้นตั้งแต่วันนี้ไปท่านไปนอนในห้องหนังสือ” เสิ่นเวยข่มขู่

 

 

สวีโย่วได้รับความไม่ธรรมอย่างยิ่ง “คาดไม่ถึงว่าฮูหยินปฏิบัติเช่นนี้กับข้าเพียงเพื่อคนนอกคนหนึ่ง”

 

 

เสิ่นเวยถลึงตาใส่เขาอย่างอารมณ์ไม่ดี “คนนอกอะไร นั่นคือพ่อเจ้าไม่ใช่หรือ”

 

 

“ไม่ใช่ นั่นคือพ่อเรา!” สวีโย่วแก้ไขด้วยสีหน้าจริงจัง ฟังเด็กคนนี้พูดคำก็พ่อท่านสองคำก็พ่อท่าน เขารู้สึกไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก!

 

 

เสิ่นเวยแค่นเสียงหนึ่งคราไม่ได้พูดอะไร จิ้นอ๋องไม่ใช่พ่อนางเสียหน่อย นางมีพ่อกากๆ คนหนึ่งแล้ว นั่นก็คือพ่อแท้ๆ หมดหนทาง ไม่รับไว้ไม่ได้ แต่นางไม่อยากมีอีกคน วาสนานี้เก็บไว้ให้มารแซ่สวีใช้ดีกว่า

 

 

“ไปเถอะ ไปเถอะ พ่อท่านเป็นคนหูเบา อ่อนไหว ท่านไม่ไปแสดงความกตัญญูแล้วจะให้คนอื่นไปหรือ ท่านไม่ต้องพูดอะไร ท่านไปนั่งตรงนั้นพ่อท่านก็รู้สึกได้ว่าในใจท่านมีเขาแล้ว มีการอยู่เป็นเพื่อนแบบหนึ่งเรียกว่าอยู่ด้วยเงียบๆ รู้หรือไม่ ตอนนี้พ่อท่านกระวนกระวายใจ กำลังต้องการอยู่ ท่านหลอกให้เขาดีใจ เมื่อเขาเปิดใจไม่แน่ว่าอาจจะให้พวกเราย้ายไปจวนจวิ้นอ๋องเลย คิดถึงชีวิตที่เป็นอิสระหลังออกไปสิ ไปเถอะ ไปเถอะ” เสิ่นเวยพูดหลอกล่อ

 

 

ครั้งก่อนหลังเจียงไป๋กลับมาก็รายงานสถานการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ นางประหลาดใจมาก แท้จริงแล้วทุกคนก็มองผิดไป คุณชายใหญ่ของนางไหนเลยจะสงวนท่าที เห็นชัดๆ ว่าเป็นคนเจ้าเล่ห์พูดจาเป็น ดูสิ ดูสิ พูดแต่ละประโยคล้วนทำให้คนสำลักตายได้ แต่พ่อเขาคาดไม่ถึงว่ายังตกหลุมพรางเขา ไม่เพียงแต่ไม่ไล่เขาออกไป ยังสั่งคนไปสืบครัวใหญ่ด้วยตัวเอง ไอหยา ท่านพี่มีสามารถยิ่งนัก! หลังจากนั้นก็สามารถหลบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ตากอากาศได้แล้ว เสิ่นเวยมีความสุขนัก!

 

 

“หรือว่า ท่านก็พูดจายั่วโมโหคนเยอะๆ เหมือนครั้งที่แล้วให้เขาเอือมระอา ตอนนี้เขากำลังตกอยู่ในช่วงเสียอกเสียใจ ท่านไม่ไปดูหน่อยหรือ ถือโอกาสซ้ำเติมต่างๆ นานา” ดวงตาของเสิ่นเวยมีประกายกะพริบวาบ กะพริบแสงชั่วร้าย

 

 

สวีโย่วมองเด็กน้อยที่พยายามโน้มน้าว ในใจก็อยากหัวเราะ แต่ใบหน้ากลับแน่นตึง “อยากให้ข้าไปเพียงนี้เลยหรือ เช่นนั้นเจ้าก็ต้องมีรางวัลหน่อยแล้วกระมัง” ดวงตาที่เป็นประกายกวาดมองริมฝีปากแดงสวยของนาง

 

 

เสิ่นเวยย่อมสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเขาแล้ว ถลึงตามองเขาอย่างแรง ก่นด่าคนผีทะเลในใจ ริมฝีปากนางเพิ่งจะหายบวม ไม่อาจถูกเขาทำให้เสียหายได้อีก

 

 

แต่เห็นท่าทางไม่ยินดีประหนึ่งท่านชายนั่นของสวีโย่ว เสิ่นเวยก็ทำได้เพียงเขย่งปลายเท้าจูบลงบนริมฝีปากของเขาเล็กน้อย “เอ้า รางวัล! ไปได้แล้ว ไปได้แล้ว”

 

 

สวีโย่วจะพอใจได้อย่างไร กำลังจะจับเด็กน้อยมาจูบใหม่อีกครั้ง เสิ่นเวยก็บิดตัววิ่งหนีไปก่อนแล้ว สวีโย่วกระทืบเท้าอย่างเคียดแค้น เจตนานั้นชัดเจน  เด็กแสบ รอก่อนเถอะ ค่อยกลับมาจัดการเจ้าทีหลัง

 

 

เสิ่นเวยแลบลิ้นใส่เขา ยิ้มอย่างเบิกบานใจ เหอะ ไม่กลัวเจ้าหรอก! มาสิ มาสิ! มากัดข้าสิ!

 

 

ท่าทางพึงพอใจนั้นทำให้สวีโย่วอยากจะกดนางไว้ใต้ร่างแล้วลงโทษเสียทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด