ยอดหญิงสกุลเสิ่น 255-2 ตอบโต้กลับไป

Now you are reading ยอดหญิงสกุลเสิ่น Chapter 255-2 ตอบโต้กลับไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เสิ่นเวยกับสวีโย่วกลับจวนจวิ้นอ๋องตามลำดับ “เกิดอะไรขึ้น” สวีโย่วเดินเข้ามาหาเสิ่นเวยด้วยสีหน้าเป็นห่วง

 

 

อารมณ์ที่ไม่ดีของเสิ่นเวยก็ดีขึ้นเล็กน้อยทันที มองสวีโย่วแล้วกล่าวด้วยความน้อยใจ “วันนี้ข้าผิดใจเสด็จพ่อแม่เลี้ยงท่านทั้งคู่”

 

 

สวีโย่วได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกในชั่วขณะ “ไม่เป็นไร พวกเราไม่ต้องใช้ชีวิตที่นั่น ผิดใจก็ผิดใจเถอะ” เขายังคิดว่าเสิ่นเวยได้รับความไม่เป็นธรรมเสียอีก ขอเพียงแค่ไม่ได้รับความไม่เป็นธรรม ไม่ว่าอะไรก็ดีทั้งสิ้น

 

 

เสียงของเสิ่นเวยยังคงอัดอั้น “พระชายาจะส่งซ่งอี๋จยามาเป็นอนุภรรยาของท่าน ข้าเลยส่งไปให้เสด็จพ่อท่านแทน”

 

 

“ส่งก็ส่งเถอะ ข้างกายเสด็จพ่อก็ไม่มีคนใหม่เข้ามาหลายปีแล้ว ได้มาเพิ่มบ้างก็ดีเหมือนกัน” สวีโย่วยังคงไม่ใส่ใจ

 

 

“ข้ายังบอกว่าท่านเป็นอี๋ปิน” เสิ่นเวยเงยหน้ามองดวงตาของสวีโย่วแล้วกล่าว

 

 

สวีโย่วนิ่งงัน จากนั้นก็เข้าใจความหมายของเสิ่นเวยทันที ยกมุมปากขึ้นเบาๆ ยิ้มแล้ว หันหน้าออกคำสั่ง “เจียงไป๋ ไปเชิญอาจารย์ซูมาช่วยข้าร่างสาส์นหนึ่งฉบับ ทูลถามฝ่าบาทว่าสามารถเปลี่ยนจวนจวิ้นอ๋องเป็นจวนจวิ้นจู่ได้หรือไม่” อี๋ปินก็อี๋ปิน ขอเพียงแค่ภรรยาเขามีความสุข เขาจะเป็นจวิ้นอ๋องหรืออี๋ปินก็ไม่ได้แตกต่างอะไร

 

 

เสิ่นเวยจ้องมองสวีโย่วอย่างไม่ละสายตา “ชอบข้าขนาดนี้เลยหรือ” ในน้ำเสียงมีความไม่แน่ใจเ ล็กน้อย

 

 

สวีโย่วลูบผมของเสิ่นเวย พยักหน้าอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย กล่าวอย่างตั้งใจ “เจ้าไม่ใช่ไม่รู้ ตั้งแต่เล็กจนโตเสด็จพ่อก็ไม่เคยเห็นข้าอยู่ในสายตา ทิ้งไว้ในเรือนเล็กปล่อยให้ข้าเอาตัวรอดเอง พอเห็นหน้าก็ตำหนิดุด่า ส่วนพระชายาน่ะหรือ นางไม่ทำร้ายข้าต่อหน้าเสด็จพ่อก็ดีเท่าไรแล้ว ใครๆ ก็บอกว่าฝ่าบาทให้ความสำคัญกับข้า อันที่จริงเหตุผลส่วนใหญ่ก็ยังเป็นเพราะว่าข้ามีประโยชน์ เวยเวย ข้าตัวคนเดียวไม่มีญาติมิตรให้พึ่งพา มีเพียงเวยเวยที่เป็นของข้า และมีเพียงเจ้าที่ดีต่อข้าอย่างไม่มีข้อแม้ ปกป้องข้า ออกหน้าเพื่อข้า เวยเวย ข้ารับรู้ทั้งหมดแล้ว” เพื่อที่จะเก็บความอบอุ่นนี้ ไว้เขายอมแลกทุกอย่าง

 

 

เสิ่นเวยย่นจมูก ไม่กลัวคนอื่นบอกว่าท่านกลัวภรรยาหรือ ไม่กลัวเสียศักดิ์ศรีหรือ” ผู้ชายไม่ใช่ต้องรักษาศักดิ์ศรีอย่างยิ่งหรือ

 

 

สวีโย่วหัวเราะเสียงเบาออกมา บีบจมูกเสิ่นเวยเล็กน้อยแล้วกล่าว “ตั้งแต่วันที่แต่งงานกับเจ้าข้าก็กลัวภรรยามาโดยตลอดมิใช่หรือ ส่วนศักดิ์ศรี มีเพียงคนที่ไม่มีความมั่นใจมากพอจึงจะต้องการศักดิ์ศรี ข้า รู้อยู่แก่ใจก็พอแล้ว” ยังมีอีกเล็กน้อยที่สวีโย่วไม่ได้พูด ก็คือเขาโหยหาความอบอุ่นบนร่างนาง มลทินนั้นที่เขาลากนางเข้ามาในจวนจิ้นอ๋อง ทำให้เขาติดหนี้นาง

 

 

เสิ่นเวยคลี่ยิ้ม มือทั้งคู่เกี่ยวลำคอของสวีโย่ว แนบหน้าลงบนแผงอกของเขา “สวีโย่ว ข้าว่าข้าชอบท่านมากกว่าเดิมอีก!” ชีวิตนี้มีสวีโย่วผู้รับความรักของนางเช่นนี้ได้ ดูท่าแล้ววาสนาของนางจะดีจริงๆ

 

 

สวีโย่วใจวาบหวิว กระชับแขนทั้งคู่กอดเสิ่นเวยแนบแน่น กล่าวในใจ ข้าต่างหากที่เป็นคนโชคดีที่สุด เวยเวย ขอบคุณที่เจ้าเข้ามา ชีวิตนี้ข้าไม่ต้องเดียวดายอีกต่อไปแล้ว

 

 

“อ้อจริงสิ ข้ายังบอกว่าจะส่งหญิงงามไปให้เสด็จพ่อและน้องชายของท่านด้วย” เสิ่นเวยกล่าวเสริม

 

 

คางของสวีโย่วถูกไถอยู่บนศีรษะของเสิ่นเวย “อืม ความคิดนี้ไม่เลว เจ้าพักอยู่ในจวนเถอะ เรื่องนี้ข้าจัดการเอง ข้าเป็นบุตรคนโตและพี่ชายคนโต ต้องดูแลพวกเขาให้มากหน่อย”

 

 

ไอหยา คุณชายใหญ่เฉียบแหลมจริงๆ! เสิ่นเวยอารมณ์ดีแล้ว!

 

 

หลังเสิ่นเวยไป จิ้นอ๋องก็บันดาลโทสะใส่พระชายาจิ้นอ๋อง พระชายาจิ้นอ๋องปาดน้ำตาร้องทุกข์ “ข้าทำเพื่อใคร ไม่ใช่ทำเพื่อคุณชายใหญ่หรอกหรือ ข้างกายเขามีเสิ่นซื่อเพียงคนเดียว ทั้งยังมีนิสัยแบบนั้น ไหนเลยจะดูแลคุณชายใหญ่ให้ดีได้ อี๋ฮุ่ยกับอี๋จยาต่างก็เป็นหลานที่ข้าเห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต นิสัยอ่อนโยน สุขุมหนักแน่น หากไม่ใช่คุณชายใหญ่ ข้าก็คงจะตัดใจให้ไม่ได้หรอก”

 

 

จิ้นอ๋องฟังนางร้องไห้จนรำคาญ “พอแล้ว พอแล้ว พวกเขาไม่ชอบเจ้าก็ยุ่งให้น้อยหน่อย ตามใจพวกเขาเถอะ เจ้าทุกข์ใจเรื่องการสมรสของฉั่งเอ๋อร์กับลูกในท้องของภรรยาเหยียนเอ๋อร์ให้มากจะดีกว่า” วันทั้งวันมีแต่เรื่องจุกๆ จิกๆ เหล่านี้ น่ารำคาญจะตายชัก!

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องยังคิดจะพูดต่อ แต่จิ้นอ๋องเดินมือไพล่หลังออกไปอย่างหงุดหงิดแล้ว พระชายาจิ้นอ๋องเอ่ยปากไม่ทันการ สีหน้าก็แย่อย่างยิ่ง

 

 

สำหรับซ่งอี๋จยาย่อมไม่อาจอยู่ใจห้องหนังสือของจิ้นอ๋องต่อได้ ถูกพระชายาจิ้นอ๋องพากลับเรือนในแล้ว

 

 

“ท่านอา!” ซ่งอี๋จยาน้ำตานองหน้า ทั้งน้อยใจทั้งอัดอั้น

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องนึกถึงภาพที่นางล้มลงในอ้อมอกของจิ้นอ๋อง ชั่วขณะหัวใจก็ร้อนรนทันที แม้รู้ว่าจะโทษหลานสาวไม่ได้ แต่ในใจกลับไม่อาจยอม “พอแล้ว กลับไปค่อยว่ากัน”

 

 

ซ่งอี๋จยาใจเต้นรัว ในดวงตามีความกลัวแวบผ่าน ไม่ นางไม่อยากตาย ไม่อยากเดียวดายไปตลอดชีวิต ไม่อยากแม้แต่นิดเดียว!

 

 

จะจัดการหลานสาวคนนี้อย่างไร พระชายาจิ้นอ๋องก็ปวดหัวอย่างถึงที่สุด อย่างไรเสียเรื่องในวันนี้ก็วุ่นวายจนบ่าวจำนวนมากในจวนเห็นหมดแล้ว นางออกคำสั่งปิดปากได้ แต่คนในเหตุการณ์ไม่ได้มีเพียงบ่าวของจวนอ๋อง ยังมีเสิ่นซื่อนายบ่าวอยู่ด้วย หากรั่วไหลออกไปแม้แต่นิดเดียว จวนอ๋องกับตระกูลซ่งก็คงไม่เหลือศักดิ์ศรีแล้ว

 

 

ไม่รอให้พระชายาจิ้นอ๋องคิดแผนการ ก็เกิดเรื่องแล้ว

 

 

เช้าวันรุ่งขึ้น สะใภ้สามหูซื่อเจ็บครรภ์อีกแล้ว ตอนที่พระชายาจิ้นอ๋องมาถึง หูซื่อก็ร้องโอดโอยไปพลาง ร้องไห้ขอให้นางตัดสินไปพลาง ลูกสามสวีเหยียนหน้าดำคร่ำเครียดยืนอยู่ข้างๆ ทว่าบนพื้นข้างเท้ากลับมีอี๋จยาหลานสาวของนางคุกเข่าอยู่

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องตกใจใหญ่ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ อี๋จยายาโถ่วอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” หัวใจของนางมีลางสังหรณ์ไม่ดีกลุ่มหนึ่งปรากฎขึ้นมา

 

 

ซ่งอี๋จยาโผเข้าไปกอดขาของนางทันที เงยหน้าข้อร้อง “ท่านอา ท่านต้องตัดสินให้หลาน เมื่อคืน เมื่อคืนญาติผู้พี่สามจะครอบครองร่างกายของหลาน”

 

 

ตอนนี้ซ่งอี๋จยายอมสู้สุดชีวิตแล้ว นางรู้ดีว่าตนไม่อาจเป็นอนุภรรยาของอาเขยได้แล้ว เพื่อรักษาหน้าของจวนทั้งสองเกรงว่าท่านอาจะเอาชีวิตของนางแล้วจริงๆ แม้นางจะไม่รู้ว่าตนอยู่บนเตียงญาติผู้พี่สามได้อย่างไร แต่ตอนนี้ลูกพี่สามก็เป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวของนาง นางจะต้องคว้าไว้ให้ได้ จะต้องทำให้ได้

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องตกใจอีกครั้ง ส่วนหูซื่อฝั่งนั้นก็ร้องโอดโอยก่นด่าแล้ว “เจ้ามันหญิงชั่วหน้าไม่อาย นังจิ้งจอกที่เอาแต่ยั่วยวนคน คิดจะเข้าประตูจวนจิ้นอ๋อง ฝันไปเถอะ โอ๊ย โอ๊ย เสด็จแม่ ท่านต้องตัดสินให้ลูกนะเพคะ!”

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องทั้งเป็นห่วงลูกในท้องของหูซื่อ ทั้งโมโหเรื่องที่หลานสาวทำ ได้ยินหูซื่อยิ่งพูดก็ยิ่งเหลวไหล ตะโกนกล่าวทันที “เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้ หากเด็กเป็นอะไรไป ข้าจะให้เจ้ารับผิดชอบ”

 

 

หูซื่อกำแหงเช่นนี้ได้ล้วนแต่อาศัยก้อนเนื้อนั้นในท้อง ถูกพระชายาจิ้นอ๋องดุด่าเช่นนี้ ก็ไม่กล้าโวยวายอีก เพียงแค่สะอึกสะอื้นไห้ร้องโอดโอย

 

 

“เหยียนเอ๋อร์ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” ไม่ว่าอย่างไรพระชายาจิ้นอ๋องก็คิดไม่ออกว่าหลานสาวขึ้นมาบนเตียงลูกสามได้อย่างไร เรือนที่หลานสาวพักอยู่ไกลจากที่นี่มาก หลานสาวเข้ามาในเรือนของลูกสามทั้งยังขึ้นมาบนเตียงลูกสามได้อย่างไร

 

 

สีหน้าของเหยียนเอ๋อร์ไม่ดีเลยแม้แต่นิดเดียว “เสด็จแม่ ลูกก็ไม่รู้เช่นกัน เมื่อคืนลูกดื่มสุราเล็กน้อย ตื่นเช้ามาก็พบว่าญาติผู้น้องอยู่บนเตียงลูกแล้ว”

 

 

เมื่อคืนเขานอนหลับด้วยความสะลึมสะลือ รู้สึกว่ามีร่างกายนุ่มๆ ซุกเข้ามาในอ้อมอกเขา เขาคิดว่าเป็นสาวใช้อนุภรรยา ไหนเลยจะคิดว่าเป็นญาติผู้น้องอี๋จยา

 

 

“อี๋จยาเจ้าบอกมา เจ้าเข้ามาในเรือนของญาติผู้พี่สามเจ้าได้อย่างไร” พระชายาจิ้นอ๋องมองหลานสาวที่คุกเข่าอยู่บนพื้นอีกครั้ง” บนใบหน้าเต็มไปด้วยความดุร้าย

 

 

ซ่งอี๋จยายังไม่ทันเอ่ยปาก ก็ได้ยินหูซื่อตะโกนลั่นแล้ว “จะเข้ามาได้อย่างไรเล่า ย่อมต้องติดสินบนคนใช้จึงจะเข้ามาได้ คนหน้าด้าน เจ้ารอข้าก่อน”

 

 

“เจ้าเองก็พูดให้น้อยหน่อย” พระชายาจิ้นอ๋องมองหูซื่อบนเตียงด้วยความไม่พอใจ จากนั้นก็ละสายตากลับมา “อี๋จยาเจ้าว่ามา”

 

 

ซ่งอี๋จยาที่คุกเข่าอยู่ตัวสั่นระริกทันที น้ำตาไหลส่ายหน้า “ท่านอา หลานเองก็ไม่รู้เหมือนกัน! เมื่อคืนหลานจำได้แม่นว่าตัวเองอยู่ที่เรือนชิงอู๋ ไหนเลยจะรู้ว่าตื่นมากลับอยู่บนเตียงของญาติผู้พี่สาม”

 

 

“เจ้าโกหก” เสียงที่แหลมเปรียวของหูซื่อดังขึ้นมาก่อน “กล้าทำก็ต้องกล้ารับ โกหกเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ไม่รู้งั้นหรือ หรือว่าผีหลอกงั้นหรือ”

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องเองก็ไม่เชื่อ “อี๋จยาเจ้าพูดมาตามตรงๆ เจ้าเข้ามาในเรือนได้อย่างไร “ใครเปิดประตูเรือนให้เจ้า”

 

 

ซ่งอี๋จยาร้องไห้ไม่หยุด ส่ายหน้าถี่ๆ “ท่านอา หลานไม่ได้โกหกจริงๆ เจ้าค่ะ หลานตื่นมาก็พบว่าอยู่ที่นี่แล้วจริงๆ หากหลานโกหกของให้หลานถูกฟ้าฝ่าไม่ตายดี” นางสาบานอย่างมั่นใจ ในใจน้อยใจอย่างถึงที่สุด ที่นางพูดเป็นความจริง เหตุใดถึงไม่มีใครเชื่อนางเล่า

 

 

“เสด็จแม่ ลูกคิดว่าญาติผู้น้องอี๋จยาน่าจะพูดความจริง ก่อนหน้านี้ลูกไต่สวนบ่าวรับใช้แล้ว ประตูเรือนนั่นไม่ได้เปิดออก” สวีเหยียนกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

 

 

“คาดไม่ถึงว่านายท่านจะปกป้องนังจิ้งจอกผู้นี้ ข้าจะยังมีชีวิตอยู่ไปทำไม ข้าไม่อยู่แล้ว ให้ข้าตายเถอะ” เมื่อหูซื่อได้ยินคำพูดของสวีเหยียนก็ไม่ยอมทันที กุมท้องร้องตะโกนอยากตาย เสียงแหลมจนทำให้มือของหมอหลวงที่ช่วยนางดูแลครรภ์อยู่สั่นระริก

 

 

ใบหน้าของพระชายาจิ้นอ๋องโมโหเป็นอย่างยิ่ง “หูซื่อ หูซื่อเจ้ารีบสงบอารมณ์เดี๋ยวนี้ได้ยินหรือไม่ เด็ก เด็กสำคัญที่สุด” นางมองเหงื่อท่วมศีรษะของหมอหลวง อยากจะฉีกหูซื่อยิ่งนัก หญิงล้างผลาญครอบครัวสมควรตายผู้นี้ ไม่หัดดูตาม้าตาเรือเสียบ้าง เอาแต่หึงหวง ยั่วโมโหนางแทบตายจริงๆ!

 

 

สวีเหยียนเองก็ตื่นตระหนกทั้งใบหน้า “หมอหลวง ครรภ์ไม่เป็นไรใช่หรือไม่” นี่เป็นลูกภรรยาเอกคนแรกของเขา เขาย่อมต้องใส่ใจ

 

 

หมอหลวงตอบกลับหนึ่งประโยคด้วยความลำบากใจ “คุณชายสาม ฮูหยินสามอารมณ์รุนแรงเกินไป ไม่สะดวกต่อการรักษา” ต่อให้เขามีความสามารถดังเทพก็ช่วยฮูหยินสามที่ทำเช่นนี้ไม่ได้!

 

 

เมื่อสวีเหยียนได้ยิน ใบหน้าก็ดำคร่ำเครียดจนแทบบีบน้ำออกมาได้ ทั้งกังวลทั้งโมโห “หูซื่อ หากเจ้าลองดีอีก หากลูกเป็นอะไรไปอย่าหาว่าข้าไม่ไว้หน้าเจ้า”

 

 

ฝั่งสวีเหยียนยังไม่ทันสงบ ในเรือนของท่านซื่อจื่อสวีเยี่ยก็เกิดเรื่องแล้วเช่นกัน สาวใช้ใหญ่ที่เข้ามาเชิญคนกล่าว “เชิญพระชายาไปตัดสินความยุติธรรมให้ฮูหยินของพวกเราด้วยเพคะ เมื่อคืนคุณหนูอี๋ฮุ่ยขึ้นมาบนเตียงของท่านซื่อจื่อ”

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องได้ยินดังนั้นร่างก็โซเซ แทบจะล้มลงไปกับพื้น เวรกรรม นี่มันเรื่องอะไรกันแน่!

 

 

เช้าตรู่วันเดียวกัน เกิดเหตุการณ์หลานสาวสองคนของพระชายาจิ้นอ๋องปีนขึ้นเตียงลูกสองคนของนาง ซ้ำหลานทั้งสองยังยืนกรานว่าก่อนนอนพวกนางยังอยู่ในเรือนตัวเอง ทว่าตื่นขึ้นมากลับพบว่าอยู่บนเตียงของญาติผู้พี่ ร้องขอความเป็นธรรมให้นางตัดสิน นางสืบอยู่ครึ่งวันก็สืบหาเงื่อนงำใดๆ ไม่พบ

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องนึกถึงความกำเริบเสิบสานของเสิ่นซื่อเมื่อกลางวันเมื่อวาน ยังมีอะไรที่ไม่เข้าใจอีก ในใจก็เกลียดแค้น แต่กลับอับจนปัญญา ทำได้เพียงกัดฟันกรอดกลืนเลือดลงไปในท้อง

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องคิดไม่ถึงอย่างสิ้นเชิงว่านี่เพิ่งจะเริ่มต้น ฝีมือของสวีโย่วเพิ่งจะแสดงออกมา นี่เป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อย อาหารจานหลังยังมาไม่ถึง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด