ย้อนชีวิตพิชิตเซียน 46 : หนึ่งหมัด

Now you are reading ย้อนชีวิตพิชิตเซียน Chapter 46 : หนึ่งหมัด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 46 : หนึ่งหมัด

 

ผู้คนแต่งตัวหรูหราที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างก็หันไปมองซูอานด้วยสีหน้าดูถูก หญิงสาวหน้าตาสวยงามสวมแบรนด์ดิออร์ทั้งตัวคนหนึ่ง กับหญิงสาวที่หิ้วกระเป๋าหลุยส์อยู่ในมือต่างก็หันไปซุบซิบกัน

 

“น่าเบื่อจังเลยที่ต้องมาเจอคนแบบนี้ที่นี่!”

 

หญิงสาวอีกคนที่สวมชุดแบรนด์เวอซาเช่ก็หันไปยิ้มเยาะ พร้อมกับพูดด้วยน้ําเสียงเย้ยหยัน “นั่นสิ! งานเศรษฐีแบบนี้ คนจนๆมีสิทธิ์เข้าด้วยเหรอ?”

 

แต่จะตําหนิหญิงสาวเหล่านี้ก็ไม่ถูกนัก เพราะงานสําคัญเช่นนี้ ผู้ชายที่มาร่วมงานล้วนแต่งชุดสูทและขับรถคันหรูมากันทั้งสิ้น ในขณะที่ซูอานกลับนั่งแท็กซี่มา อีกทั้งยังสวมเสื้อผ้าอะไรมาก็ไม่รู้

 

ซูอานรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย เขาลืมเรื่องที่เหล่าฮั๋วพูดว่ามีปาร์ตี้สําคัญที่บ้านไปเสียสนิท แต่เรื่องสายตาและคําพูดดูถูกของผู้อื่นนั้น ซูอานไม่เคยใส่ใจเลยแม้แต่น้อย

 

ซูอานกําลังจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาเหล่าฮั๋ว เพื่อที่เขาจะได้สามารถเข้าไปพบเหล่าฮั่วในคฤหาสน์หลังใหญ่ได้ แต่หญิงสาวหน้าขาวคนหนึ่งก็จงใจเดินมาพูดกับเขาว่า

 

“แต่งตัวแบบนี้ คงจะเป็นคนยากคนจนสินะ!”

 

ซูอานไม่เคยสนใจหากผู้ใดจะซุบซิบนินทาเกี่ยวกับการแต่งตัวของเขา หรือว่าหัวเราะเยาะเขา แต่เขาไม่ชอบให้ผู้ใดมาสร้างความรําคาญใจให้กับตนเอง

 

“หุบปาก!”

 

หญิงสาวหน้าขาวคนนี้ชื่อว่าเสี่ยวไป๋เหลียน และทันทีที่เธอได้ยินซูอานตอบกลับด้วยน้ําเสียงเย็นชาและแววตาดุดันเช่นนี้ สีหน้าของเธอก็ถึงกับเปลี่ยนไปทันที

 

เธอคิดไม่ถึงว่าคําพูดเพียงแค่สั้นๆและน้ําเสียงห้วนๆของผู้ชายคนนี้ จะทําให้เธอตกอกตกใจและหวาดกลัวจนใจสั่นได้ถึงขนาดนี้ ในใจได้แต่คิดว่าเขาน่าจะเป็นพวกนักเลงหัวไม้

 

“อย่ามาทําท่าอวดเบ่งเป็นนักเลงหัวไม้แถวนี้นะ! คิดว่าฉันกลัวแกมากรึไง? ฉันจะเรียกคนมาจัดการกับแก!”

 

ต่อหน้าหญิงสาวคนอื่นๆ เสี่ยวไป๋เหลียนไม่ต้องการที่จะเสียหน้า จึงได้แต่ตอบโต้ซูอานกลับไปอย่างไม่ยอมลดละ เธอปรายตามองซูอานด้วยหางตาบ่งบอกถึงความดูถูกเหยียดหยัน

 

“หากเจ้าไม่อยากตาย รีบไปให้ห่างจากข้าเดี๋ยวนี้!”

 

ซูอานเริ่มหมดความอดทนกับคนเช่นนี้ และคําพูดของเขาประโยคที่สองนี้ก็นับเป็นประโยคสุดท้ายที่เขาจะเอ่ยกับผู้หญิงหน้าขาวคนนี้อีก

 

จากนั้นซูอานก็กดโทรศัพท์โทรหาเหล่าฮั๋ว และทันทีที่ เขารับสายซูอานก็พูดขึ้นด้วยน้ําเสียงที่ไม่พอใจนัก

 

“เหล่าฮั๋ว เจ้าให้ข้ามาหาเจ้า แต่กลับไม่ยอมให้ข้าเข้าไป เจ้าทําเช่นนี้ต้องการสิ่งใดกันแน่?”

 

“โอ้! เรื่องนี้เป็นความบกพร่องของฉันเอง ฉันมัวแต่ยุ่งๆ เดี๋ยวฉันจะโทรบอกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดี๋ยวนี้!”

 

หลังจากที่ได้รับสายจากผู้เฒ่าฮั๋ว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็รีบเดินเข้ามาขอโทษซูอานทันที จากนั้นจึงรีบเดินนําเขาเข้าไปในงานอย่างรวดเร็ว

 

เสี่ยวไป๋เหลียนได้ยินที่ซูอานคุยกับผู้เฒ่าชั่วอย่างชัดเจน สีหน้าของเธอถึงกับเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันที และได้แต่คิดในใจว่าทําไมคนฐานะเช่นซูอานถึงได้มาร่วมงานหรูหราแบบนี้ ได้?

 

และยิ่งประหลาดใจว่า เพราะเหตุใดซูอานจึงได้สนิทสนมกับคนที่อํานาจอิทธิพลเช่นผู้เฒ่าฮั๋วได้?

 

จากรถหรูที่มารวมกันอยู่ในบริเวณคฤหาสน์ของผู้เฒ่าฮั๋วนั้น บ่งบอกว่าแต่ละคนล้วนแล้วแต่มาจากตระกูลร่ํารวยระดับท็อปของประเทศนี้ทั้งสิ้น และแค่นี้ก็เพียงพอที่จะบ่งบอกถึงอํานาจบารมีของผู้เฒ่าฮั๋วในเมืองเจียงโจวได้แล้ว

 

ระหว่างทางที่เดินเข้าไปนั้น ซูอานพบเห็นผู้คนทั้งหญิงและชายต่างก็แต่งกายด้วยชุดหรูหราราคาแพง การแต่งตัวของซูอานจึงดึงดูดสายตาของผู้คนในงาน และตามด้วยคําพูดดูถูกเหยียดหยาม

 

“ดูเขาแต่งตัวอะไรมา?”

 

“ฮ่าๆๆ นั่นสิ! รองเท้าผ้าใบ Adidas ยังปลอมเลย ตัวอักษรภาษาอังกฤษพิมพ์เป็น Adiaas ด้วย”

 

“แล้วเข้ามาในงานแบบนี้ได้ยังไงกันนะ?”

 

ระหว่างทางที่ซูอานเดินผ่าน ก็มีเสียงซุบซิบเย้ยหยันให้ได้ยินไม่หยุด แต่ซูอานกลับเดินผ่านไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย ราวกับว่าคนเหล่านั้นไม่มีตัวตน

 

ภายในงานคืนนี้ล้วนแล้วแต่มีคนใหญ่คนโตมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักธุรกิจใหญ่ๆ และแม้แต่เลขาท่านเทศมนตรีแห่งเมืองเจียงโจวก็มาเป็นตัวแทนท่านเทศมนตรี ส่วนผู้ช่วยท่านเทศมนตรีก็มาด้วยตัวเอง และยังมีคนสําคัญอื่นๆอีกมากมาย

 

เย่หนานไคหนึ่งในนักธุรกิจใหญ่แห่งเจียงโจวก็มาพร้อมกับลูกๆหลานๆ ธุรกิจในมือของเขานั้นมีเป็นพันล้าน

 

ตระกูลเย่นับเป็นตระกูลใหญ่อีกตระกูลหนึ่งในเจียงโจว ธุรกิจของเขานั้นเรียกได้ว่าครอบคลุมวิถีชีวิตของชาวเจียงโจวแทบทุกอย่างเลยทีเดียว

 

นอกเหนือจากนักธุรกิจและนักการเมืองแล้ว ก็ยังมีทหารด้วย และนายทหารที่มาในงานคืนนี้ก็ล้วนแล้วแต่ยศพันเอกขึ้นไปทั้งสิ้น

 

 

ฮั๋วว่านว่านทําหน้าที่รับแขกและรับของขวัญด้วยใบหน้าที่มีความสุข และวันสําคัญวันนี้ก็คือวันครอบรอบอายุแปดสิบปีของผู้เฒ่าฮั๋วนั่นเอง เรียกได้ว่าคนใหญ่คนโตทุกวงการทั่วทั้งเจียงโจวต่างก็มาร่วมงานกันเกือบหมด ผู้ที่มาไม่ได้ก็ส่งของขวัญมาแทน

 

นักร้องที่โด่งดังถูกเชิญมาร้องเพลงในงานนี้ และเหล่าฮั๋วกับฮั๋วว่านว่านก็เป็นผู้เต้นเปิดฟอร์เต้นรําในงานคืนนี้ บรรยากาศต่างเต็มไปด้วยความครึกครื้น

 

ซูอานแอบไปนั่งอยู่ในมุมเงียบๆมุมหนึ่ง เขาไม่ต้องการเป็นที่สนอกสนใจของผู้คนในงานมากนักเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้น ระหว่างนั้นซูอานก็ได้นั่งปล่อยใจให้เคลิบเคลิ้มไปกับเสียงเพลง จนลืมไปว่าตนเองเป็นชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งที่ข้ามมาจากอีกโลกหนึ่ง และเป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่กําลังหลงใหลไปกับเสียงดนตรีเท่านั้น

 

ระหว่างนั้นซูอานก็หันไปเห็นฮั๋วว่านว่านที่ม้วนผมยามเป็นลอน และแต่งชุดราตรีราวกับเจ้าหญิงในราชวงศ์อังกฤษ ดูสง่างามและสวยงามยิ่งนัก ชายหนุ่มในงานต่างก็จ้องมองกันด้วยความตกตะลึง

 

แม้ทุกคนในงานจะพากันชื่นชมชุดที่งดงามของฮั๋วว่านว่าน แต่ซูอานกลับจ้องมองด้วยความรู้สึกเฉยชา และพูดขึ้นด้วยน้ําเสียงที่ราบเรียบ

 

“สําหรับข้า การแต่งตัวเช่นนี้ข้าให้เพียงแค่หกคะแนน!”

 

และนั่นก็นับว่าเป็นคะแนนที่สูงมากแล้วสําหรับซูอาน แต่คําพูดของเขาดันดังไปเข้าหูใครบางคนเข้า

 

“ทุกคน ไอ้หมอนี่ตาไม่ถึง แต่กลับบังอาจให้คะแนนความสวยของคุณหนูฮั๋วแค่หกคะแนน!”

 

ชายหนุ่มคนนั้นร้องตะโกนเสียงดังเพื่อให้ทุกคนในงานได้ยิน และนับว่าประสบความสําเร็จเพราะเวลานี้ทุกคนกําลังจ้องมองมาทางเขาเป็นตาเดียว

 

คนใหญ่คนโตหลายคนในงานเห็นชายหนุ่มคนนั้นร้องตะโกนเสียงดังในงานเช่นนี้ ต่างก็จ้องมองด้วยสายตาตําหนิที่เขาทําตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจไม่รู้กาละเทศะ

 

เสี่ยวไป๋เหลียนที่อยู่ในบริเวณนั้นรีบร้องตะโกนอธิบายทันที “ไม่ใช่นะคะ เป็นเขาคนนี้ที่บังอาจให้วิจารณ์คุณหนูฮั๋ว แล้วยังให้คะแนนการแต่งตัวของเธอแค่หกคะแนนด้วยค่ะ!”

 

หลังจากได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็ถึงกลับสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที และหันไปมองซูอานด้วยความไม่พอใจแทน

 

ทุกคนต่างในงานต่างก็ต้องการเอาอกเอาใจคนผู้เฒ่าฮั๋ว และนี่นับเป็นโอกาสที่พวกเขาจะได้แสดงออกเพื่อปกป้องฮั๋วว่านว่าน ทุกคนจึงพากันต่อว่าซูอานทันที

“แล้วนี่เธอแต่งตัวแบบนี้มางานได้ยังไง? ไม่แปลกเลยถึงได้พูดจาแบบนั้นออกมาได้”

 

“นั่นสิ! เธอรู้มั้ยว่าเฉพาะรองเท้าของคุณหนูฮั๋วก็ราคามากกว่าสองแสนหยวนแล้ว ซื้อชุดแบบที่เธอใส่อยู่ได้เป็นพันชุดทีเดียว!”

 

“อย่าเสียเวลาพูดกับเขาดีกว่า! ไปเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาจัดการลากตัวออกไปดีกว่า!”

 

“แบบนั้นมันง่ายไป! ต้องให้ตระกูลฮั๋วจับไปลงโทษให้

สาสม!”

 

ยิ่งพูดคนเหล่านั้นก็ยิ่งทําเหมือนซูอานเป็นศัตรูของตระกูลฮั๋ว เสี่ยวไป๋เหลียนและเพื่อนๆของเธอเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่แอบยิ้มด้วยความพอใจ

 

“ฉันจะไปเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยให้เองค่ะ!” เสี่ยวไป๋เหลียนรีบร้องบอกทุกคนทันที

 

ส่วนซูอานยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางไม่เดือดร้อนอะไร..

 

เขาได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจเงียบๆว่า นี่คือช่องว่างระหว่างชนชั้น และจิตใจด้านมืดของมนุษย์บนโลกใบนี้

 

นั่นเพราะคําพูดดูถูกเหยียดหยาม เสียงหัวเราะเยาะ หรือคําพูดถากถาง ล้วนเป็นการทําร้ายคนอื่นด้วยคําพูด ซึ่งบางครั้งอาจรุนแรงกว่าการทําร้ายร่างกายเสียอีก!

 

แม้คําพูดจะทําร้ายร่างกายภายนอกไม่ได้ แต่มันได้ทําลายจิตวิญญาณของคนผู้นั้นโดยตรง ซึ่งจะส่งผลต่อการเคารพตัวเองของคนผู้นั้นเลยทีเดียว

 

เพราะหากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ซูอาน คงต้องรู้สึกอับอายขายหน้า และรู้สึกอัปยศกับคําดูถูกเหยียดหยามเหล่านั้นจนถึงขั้นคิดฆ่าตัวตายก็เป็นได้ หรือไม่ก็ต้องโกรธแค้นอย่างที่สุด แต่ซูอานกลับยังคงสงบนิ่งไม่ได้รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย..

 

เขามีชีวิตที่ยืนยาวมานาน ผ่านเรื่องราวมามากมาย พบเห็นความเลวร้ายมาไม่น้อย จิตใจจึงค่อนข้างสงบนิ่งต่อเรื่องราวต่างๆได้มากกว่าคนปกติทั่วไป

 

ในชีวิตของเขาก่อนหน้านี้นั้น ไม่เคยมีเรื่องดูถูกเหยียดหยามรูปลักษณ์ หรือวัตถุภายนอกเช่นนี้ มีเพียงความแข็งแกร่งกับความอ่อนแอ มีเพียงการมีชีวิตอยู่และความตายเท่านั้น!

 

ด้วยความเข้าใจโลก ทําให้ซูอานยังคงสงบนิ่งอยู่ได้ และจ้องมองคนเหล่านี้ด้วยความรู้สึกนึกขัน!

 

แต่เมื่อคนเหล่านี้เห็นสายตาของซูอาน พวกเขากลับยิ่งไม่พอใจ เพราะคิดว่าคนฐานะต่ําต้อยอย่างซูอานไม่ควรใช้สายตา เช่นนี้มองพวกเขา

 

“นี่.. อย่ามามองฉันด้วยสายตาแบบนี้นะ คนอย่างแกมันละชั้นกับพวกฉัน!” ชายหนุ่มคนหนึ่งร้องตะโกนบอกซูอาน

 

ซูอานจ้องมองกลับไปด้วยแววตาเฉยชาเช่นเคย ในขณะเดียวกันก็ตอบกลับไปว่า “เจ้าพวกมดปลวก เจ้าต่างหากที่คนละชั้นกับข้า!”

 

แต่ในระหว่างนั้นเสี่ยวไป๋เหลียนก็พาชายสวมสูทดํารูปร่างกํายําเข้ามาสองคน

 

“ พวกเจ้าสองคนเข้ามาทําไมกัน?” ซูอานเอ่ยถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนทันที

 

แต่ทั้งสองตอบกลับมาด้วยความโมโห “ยังจะต้องถามอีกเหรอ? ก็มาลากตัวแกออกไปน่ะสิ! ใส่เสื้อผ้าไม่เกินห้าร้อยหยวนแต่กลับกล้าเข้ามาในงาน!”

 

“เจ้าผิดแล้ว! เสื้อผ้าที่ข้าใส่ไม่น่าจะถึงสองร้อยหยวนด้วยซ้ําไป!”

 

“ในเมื่อไม่ออกแกไม่ออกไปดีๆ ก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน!”

 

พนักงานรักษาความปลอดภัยพูดจบก็พุ่งตรงเข้าไปหาซูอาน พร้อมกับใช้กระบองไฟฟ้าจี้ไปที่แขนของเขาทันที แต่ซูอานกลับยื่นมือออกไปจับกระบองไฟฟ้าไว้ด้วยอาการนิ่งเฉย

 

ทุกคนต่างก็ตกตะลึงเพราะคิดไม่ถึงว่าซูอานจะไม่หลบ.. ทําให้ทุกคนต่างก็จ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความสนอกสนใจ

 

ซูอานจ้องมองเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้วยสายตา เย็นชา ต่อให้เขาเข้าใจโลก และอารมณ์ดีมากเพียงใด ก็คงไม่ทนให้คนอื่นทําร้ายตนเพียงฝ่ายเดียวได้

 

“เจ้าทําร้ายข้า สมควรที่ข้าต้องตอบแทบเจ้าคืนบ้าง!” 

 

พูดจบซูอานก็ชกหมัดเข้าที่หน้าอกของเจ้าหน้าที่ รักษาความปลอดภัยคนนั้น และร่างของเขาก็กระเด็นลอยออกไปไกลเกือบหกเมตร เมื่อร่างของเขาร่วงลงพื้น เขาก็ร้องคร่ําครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะอย่างน้อยกระดูกซี่โครงของเขาก็ต้องหัก และคงต้องนอนพักรักษาตัวอยู่อีกสักสองสามเดือน

 

ซูอานคํานวณไว้เป็นอย่างดีแล้วว่า ต้องการหักซี่โครงของคนผู้นี้เพียงแค่สองสามท่อนเท่านั้น และไม่ให้เป็นอันตรายต่ออวัยวะภายในส่วนอื่น เพื่อไม่ให้ถึงกับเสียชีวิต

 

เขาไม่ต้องการฆ่าคนที่นี่ เพราะอย่างน้อยที่นี่ก็เป็นบ้านของเหล่าฮั๋ว เขายังต้องพึ่งพาเหล่าฮั่วเรื่องค้นหาดินแดนพลังชีวิต!

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนชีวิตพิชิตเซียน 46 : หนึ่งหมัด

Now you are reading ย้อนชีวิตพิชิตเซียน Chapter 46 : หนึ่งหมัด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 46 : หนึ่งหมัด

 

ผู้คนแต่งตัวหรูหราที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างก็หันไปมองซูอานด้วยสีหน้าดูถูก หญิงสาวหน้าตาสวยงามสวมแบรนด์ดิออร์ทั้งตัวคนหนึ่ง กับหญิงสาวที่หิ้วกระเป๋าหลุยส์อยู่ในมือต่างก็หันไปซุบซิบกัน

 

“น่าเบื่อจังเลยที่ต้องมาเจอคนแบบนี้ที่นี่!”

 

หญิงสาวอีกคนที่สวมชุดแบรนด์เวอซาเช่ก็หันไปยิ้มเยาะ พร้อมกับพูดด้วยน้ําเสียงเย้ยหยัน “นั่นสิ! งานเศรษฐีแบบนี้ คนจนๆมีสิทธิ์เข้าด้วยเหรอ?”

 

แต่จะตําหนิหญิงสาวเหล่านี้ก็ไม่ถูกนัก เพราะงานสําคัญเช่นนี้ ผู้ชายที่มาร่วมงานล้วนแต่งชุดสูทและขับรถคันหรูมากันทั้งสิ้น ในขณะที่ซูอานกลับนั่งแท็กซี่มา อีกทั้งยังสวมเสื้อผ้าอะไรมาก็ไม่รู้

 

ซูอานรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย เขาลืมเรื่องที่เหล่าฮั๋วพูดว่ามีปาร์ตี้สําคัญที่บ้านไปเสียสนิท แต่เรื่องสายตาและคําพูดดูถูกของผู้อื่นนั้น ซูอานไม่เคยใส่ใจเลยแม้แต่น้อย

 

ซูอานกําลังจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาเหล่าฮั๋ว เพื่อที่เขาจะได้สามารถเข้าไปพบเหล่าฮั่วในคฤหาสน์หลังใหญ่ได้ แต่หญิงสาวหน้าขาวคนหนึ่งก็จงใจเดินมาพูดกับเขาว่า

 

“แต่งตัวแบบนี้ คงจะเป็นคนยากคนจนสินะ!”

 

ซูอานไม่เคยสนใจหากผู้ใดจะซุบซิบนินทาเกี่ยวกับการแต่งตัวของเขา หรือว่าหัวเราะเยาะเขา แต่เขาไม่ชอบให้ผู้ใดมาสร้างความรําคาญใจให้กับตนเอง

 

“หุบปาก!”

 

หญิงสาวหน้าขาวคนนี้ชื่อว่าเสี่ยวไป๋เหลียน และทันทีที่เธอได้ยินซูอานตอบกลับด้วยน้ําเสียงเย็นชาและแววตาดุดันเช่นนี้ สีหน้าของเธอก็ถึงกับเปลี่ยนไปทันที

 

เธอคิดไม่ถึงว่าคําพูดเพียงแค่สั้นๆและน้ําเสียงห้วนๆของผู้ชายคนนี้ จะทําให้เธอตกอกตกใจและหวาดกลัวจนใจสั่นได้ถึงขนาดนี้ ในใจได้แต่คิดว่าเขาน่าจะเป็นพวกนักเลงหัวไม้

 

“อย่ามาทําท่าอวดเบ่งเป็นนักเลงหัวไม้แถวนี้นะ! คิดว่าฉันกลัวแกมากรึไง? ฉันจะเรียกคนมาจัดการกับแก!”

 

ต่อหน้าหญิงสาวคนอื่นๆ เสี่ยวไป๋เหลียนไม่ต้องการที่จะเสียหน้า จึงได้แต่ตอบโต้ซูอานกลับไปอย่างไม่ยอมลดละ เธอปรายตามองซูอานด้วยหางตาบ่งบอกถึงความดูถูกเหยียดหยัน

 

“หากเจ้าไม่อยากตาย รีบไปให้ห่างจากข้าเดี๋ยวนี้!”

 

ซูอานเริ่มหมดความอดทนกับคนเช่นนี้ และคําพูดของเขาประโยคที่สองนี้ก็นับเป็นประโยคสุดท้ายที่เขาจะเอ่ยกับผู้หญิงหน้าขาวคนนี้อีก

 

จากนั้นซูอานก็กดโทรศัพท์โทรหาเหล่าฮั๋ว และทันทีที่ เขารับสายซูอานก็พูดขึ้นด้วยน้ําเสียงที่ไม่พอใจนัก

 

“เหล่าฮั๋ว เจ้าให้ข้ามาหาเจ้า แต่กลับไม่ยอมให้ข้าเข้าไป เจ้าทําเช่นนี้ต้องการสิ่งใดกันแน่?”

 

“โอ้! เรื่องนี้เป็นความบกพร่องของฉันเอง ฉันมัวแต่ยุ่งๆ เดี๋ยวฉันจะโทรบอกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดี๋ยวนี้!”

 

หลังจากที่ได้รับสายจากผู้เฒ่าฮั๋ว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็รีบเดินเข้ามาขอโทษซูอานทันที จากนั้นจึงรีบเดินนําเขาเข้าไปในงานอย่างรวดเร็ว

 

เสี่ยวไป๋เหลียนได้ยินที่ซูอานคุยกับผู้เฒ่าชั่วอย่างชัดเจน สีหน้าของเธอถึงกับเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันที และได้แต่คิดในใจว่าทําไมคนฐานะเช่นซูอานถึงได้มาร่วมงานหรูหราแบบนี้ ได้?

 

และยิ่งประหลาดใจว่า เพราะเหตุใดซูอานจึงได้สนิทสนมกับคนที่อํานาจอิทธิพลเช่นผู้เฒ่าฮั๋วได้?

 

จากรถหรูที่มารวมกันอยู่ในบริเวณคฤหาสน์ของผู้เฒ่าฮั๋วนั้น บ่งบอกว่าแต่ละคนล้วนแล้วแต่มาจากตระกูลร่ํารวยระดับท็อปของประเทศนี้ทั้งสิ้น และแค่นี้ก็เพียงพอที่จะบ่งบอกถึงอํานาจบารมีของผู้เฒ่าฮั๋วในเมืองเจียงโจวได้แล้ว

 

ระหว่างทางที่เดินเข้าไปนั้น ซูอานพบเห็นผู้คนทั้งหญิงและชายต่างก็แต่งกายด้วยชุดหรูหราราคาแพง การแต่งตัวของซูอานจึงดึงดูดสายตาของผู้คนในงาน และตามด้วยคําพูดดูถูกเหยียดหยาม

 

“ดูเขาแต่งตัวอะไรมา?”

 

“ฮ่าๆๆ นั่นสิ! รองเท้าผ้าใบ Adidas ยังปลอมเลย ตัวอักษรภาษาอังกฤษพิมพ์เป็น Adiaas ด้วย”

 

“แล้วเข้ามาในงานแบบนี้ได้ยังไงกันนะ?”

 

ระหว่างทางที่ซูอานเดินผ่าน ก็มีเสียงซุบซิบเย้ยหยันให้ได้ยินไม่หยุด แต่ซูอานกลับเดินผ่านไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย ราวกับว่าคนเหล่านั้นไม่มีตัวตน

 

ภายในงานคืนนี้ล้วนแล้วแต่มีคนใหญ่คนโตมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักธุรกิจใหญ่ๆ และแม้แต่เลขาท่านเทศมนตรีแห่งเมืองเจียงโจวก็มาเป็นตัวแทนท่านเทศมนตรี ส่วนผู้ช่วยท่านเทศมนตรีก็มาด้วยตัวเอง และยังมีคนสําคัญอื่นๆอีกมากมาย

 

เย่หนานไคหนึ่งในนักธุรกิจใหญ่แห่งเจียงโจวก็มาพร้อมกับลูกๆหลานๆ ธุรกิจในมือของเขานั้นมีเป็นพันล้าน

 

ตระกูลเย่นับเป็นตระกูลใหญ่อีกตระกูลหนึ่งในเจียงโจว ธุรกิจของเขานั้นเรียกได้ว่าครอบคลุมวิถีชีวิตของชาวเจียงโจวแทบทุกอย่างเลยทีเดียว

 

นอกเหนือจากนักธุรกิจและนักการเมืองแล้ว ก็ยังมีทหารด้วย และนายทหารที่มาในงานคืนนี้ก็ล้วนแล้วแต่ยศพันเอกขึ้นไปทั้งสิ้น

 

 

ฮั๋วว่านว่านทําหน้าที่รับแขกและรับของขวัญด้วยใบหน้าที่มีความสุข และวันสําคัญวันนี้ก็คือวันครอบรอบอายุแปดสิบปีของผู้เฒ่าฮั๋วนั่นเอง เรียกได้ว่าคนใหญ่คนโตทุกวงการทั่วทั้งเจียงโจวต่างก็มาร่วมงานกันเกือบหมด ผู้ที่มาไม่ได้ก็ส่งของขวัญมาแทน

 

นักร้องที่โด่งดังถูกเชิญมาร้องเพลงในงานนี้ และเหล่าฮั๋วกับฮั๋วว่านว่านก็เป็นผู้เต้นเปิดฟอร์เต้นรําในงานคืนนี้ บรรยากาศต่างเต็มไปด้วยความครึกครื้น

 

ซูอานแอบไปนั่งอยู่ในมุมเงียบๆมุมหนึ่ง เขาไม่ต้องการเป็นที่สนอกสนใจของผู้คนในงานมากนักเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้น ระหว่างนั้นซูอานก็ได้นั่งปล่อยใจให้เคลิบเคลิ้มไปกับเสียงเพลง จนลืมไปว่าตนเองเป็นชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งที่ข้ามมาจากอีกโลกหนึ่ง และเป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่กําลังหลงใหลไปกับเสียงดนตรีเท่านั้น

 

ระหว่างนั้นซูอานก็หันไปเห็นฮั๋วว่านว่านที่ม้วนผมยามเป็นลอน และแต่งชุดราตรีราวกับเจ้าหญิงในราชวงศ์อังกฤษ ดูสง่างามและสวยงามยิ่งนัก ชายหนุ่มในงานต่างก็จ้องมองกันด้วยความตกตะลึง

 

แม้ทุกคนในงานจะพากันชื่นชมชุดที่งดงามของฮั๋วว่านว่าน แต่ซูอานกลับจ้องมองด้วยความรู้สึกเฉยชา และพูดขึ้นด้วยน้ําเสียงที่ราบเรียบ

 

“สําหรับข้า การแต่งตัวเช่นนี้ข้าให้เพียงแค่หกคะแนน!”

 

และนั่นก็นับว่าเป็นคะแนนที่สูงมากแล้วสําหรับซูอาน แต่คําพูดของเขาดันดังไปเข้าหูใครบางคนเข้า

 

“ทุกคน ไอ้หมอนี่ตาไม่ถึง แต่กลับบังอาจให้คะแนนความสวยของคุณหนูฮั๋วแค่หกคะแนน!”

 

ชายหนุ่มคนนั้นร้องตะโกนเสียงดังเพื่อให้ทุกคนในงานได้ยิน และนับว่าประสบความสําเร็จเพราะเวลานี้ทุกคนกําลังจ้องมองมาทางเขาเป็นตาเดียว

 

คนใหญ่คนโตหลายคนในงานเห็นชายหนุ่มคนนั้นร้องตะโกนเสียงดังในงานเช่นนี้ ต่างก็จ้องมองด้วยสายตาตําหนิที่เขาทําตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจไม่รู้กาละเทศะ

 

เสี่ยวไป๋เหลียนที่อยู่ในบริเวณนั้นรีบร้องตะโกนอธิบายทันที “ไม่ใช่นะคะ เป็นเขาคนนี้ที่บังอาจให้วิจารณ์คุณหนูฮั๋ว แล้วยังให้คะแนนการแต่งตัวของเธอแค่หกคะแนนด้วยค่ะ!”

 

หลังจากได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็ถึงกลับสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที และหันไปมองซูอานด้วยความไม่พอใจแทน

 

ทุกคนต่างในงานต่างก็ต้องการเอาอกเอาใจคนผู้เฒ่าฮั๋ว และนี่นับเป็นโอกาสที่พวกเขาจะได้แสดงออกเพื่อปกป้องฮั๋วว่านว่าน ทุกคนจึงพากันต่อว่าซูอานทันที

“แล้วนี่เธอแต่งตัวแบบนี้มางานได้ยังไง? ไม่แปลกเลยถึงได้พูดจาแบบนั้นออกมาได้”

 

“นั่นสิ! เธอรู้มั้ยว่าเฉพาะรองเท้าของคุณหนูฮั๋วก็ราคามากกว่าสองแสนหยวนแล้ว ซื้อชุดแบบที่เธอใส่อยู่ได้เป็นพันชุดทีเดียว!”

 

“อย่าเสียเวลาพูดกับเขาดีกว่า! ไปเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาจัดการลากตัวออกไปดีกว่า!”

 

“แบบนั้นมันง่ายไป! ต้องให้ตระกูลฮั๋วจับไปลงโทษให้

สาสม!”

 

ยิ่งพูดคนเหล่านั้นก็ยิ่งทําเหมือนซูอานเป็นศัตรูของตระกูลฮั๋ว เสี่ยวไป๋เหลียนและเพื่อนๆของเธอเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่แอบยิ้มด้วยความพอใจ

 

“ฉันจะไปเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยให้เองค่ะ!” เสี่ยวไป๋เหลียนรีบร้องบอกทุกคนทันที

 

ส่วนซูอานยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางไม่เดือดร้อนอะไร..

 

เขาได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจเงียบๆว่า นี่คือช่องว่างระหว่างชนชั้น และจิตใจด้านมืดของมนุษย์บนโลกใบนี้

 

นั่นเพราะคําพูดดูถูกเหยียดหยาม เสียงหัวเราะเยาะ หรือคําพูดถากถาง ล้วนเป็นการทําร้ายคนอื่นด้วยคําพูด ซึ่งบางครั้งอาจรุนแรงกว่าการทําร้ายร่างกายเสียอีก!

 

แม้คําพูดจะทําร้ายร่างกายภายนอกไม่ได้ แต่มันได้ทําลายจิตวิญญาณของคนผู้นั้นโดยตรง ซึ่งจะส่งผลต่อการเคารพตัวเองของคนผู้นั้นเลยทีเดียว

 

เพราะหากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ซูอาน คงต้องรู้สึกอับอายขายหน้า และรู้สึกอัปยศกับคําดูถูกเหยียดหยามเหล่านั้นจนถึงขั้นคิดฆ่าตัวตายก็เป็นได้ หรือไม่ก็ต้องโกรธแค้นอย่างที่สุด แต่ซูอานกลับยังคงสงบนิ่งไม่ได้รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย..

 

เขามีชีวิตที่ยืนยาวมานาน ผ่านเรื่องราวมามากมาย พบเห็นความเลวร้ายมาไม่น้อย จิตใจจึงค่อนข้างสงบนิ่งต่อเรื่องราวต่างๆได้มากกว่าคนปกติทั่วไป

 

ในชีวิตของเขาก่อนหน้านี้นั้น ไม่เคยมีเรื่องดูถูกเหยียดหยามรูปลักษณ์ หรือวัตถุภายนอกเช่นนี้ มีเพียงความแข็งแกร่งกับความอ่อนแอ มีเพียงการมีชีวิตอยู่และความตายเท่านั้น!

 

ด้วยความเข้าใจโลก ทําให้ซูอานยังคงสงบนิ่งอยู่ได้ และจ้องมองคนเหล่านี้ด้วยความรู้สึกนึกขัน!

 

แต่เมื่อคนเหล่านี้เห็นสายตาของซูอาน พวกเขากลับยิ่งไม่พอใจ เพราะคิดว่าคนฐานะต่ําต้อยอย่างซูอานไม่ควรใช้สายตา เช่นนี้มองพวกเขา

 

“นี่.. อย่ามามองฉันด้วยสายตาแบบนี้นะ คนอย่างแกมันละชั้นกับพวกฉัน!” ชายหนุ่มคนหนึ่งร้องตะโกนบอกซูอาน

 

ซูอานจ้องมองกลับไปด้วยแววตาเฉยชาเช่นเคย ในขณะเดียวกันก็ตอบกลับไปว่า “เจ้าพวกมดปลวก เจ้าต่างหากที่คนละชั้นกับข้า!”

 

แต่ในระหว่างนั้นเสี่ยวไป๋เหลียนก็พาชายสวมสูทดํารูปร่างกํายําเข้ามาสองคน

 

“ พวกเจ้าสองคนเข้ามาทําไมกัน?” ซูอานเอ่ยถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนทันที

 

แต่ทั้งสองตอบกลับมาด้วยความโมโห “ยังจะต้องถามอีกเหรอ? ก็มาลากตัวแกออกไปน่ะสิ! ใส่เสื้อผ้าไม่เกินห้าร้อยหยวนแต่กลับกล้าเข้ามาในงาน!”

 

“เจ้าผิดแล้ว! เสื้อผ้าที่ข้าใส่ไม่น่าจะถึงสองร้อยหยวนด้วยซ้ําไป!”

 

“ในเมื่อไม่ออกแกไม่ออกไปดีๆ ก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน!”

 

พนักงานรักษาความปลอดภัยพูดจบก็พุ่งตรงเข้าไปหาซูอาน พร้อมกับใช้กระบองไฟฟ้าจี้ไปที่แขนของเขาทันที แต่ซูอานกลับยื่นมือออกไปจับกระบองไฟฟ้าไว้ด้วยอาการนิ่งเฉย

 

ทุกคนต่างก็ตกตะลึงเพราะคิดไม่ถึงว่าซูอานจะไม่หลบ.. ทําให้ทุกคนต่างก็จ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความสนอกสนใจ

 

ซูอานจ้องมองเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้วยสายตา เย็นชา ต่อให้เขาเข้าใจโลก และอารมณ์ดีมากเพียงใด ก็คงไม่ทนให้คนอื่นทําร้ายตนเพียงฝ่ายเดียวได้

 

“เจ้าทําร้ายข้า สมควรที่ข้าต้องตอบแทบเจ้าคืนบ้าง!” 

 

พูดจบซูอานก็ชกหมัดเข้าที่หน้าอกของเจ้าหน้าที่ รักษาความปลอดภัยคนนั้น และร่างของเขาก็กระเด็นลอยออกไปไกลเกือบหกเมตร เมื่อร่างของเขาร่วงลงพื้น เขาก็ร้องคร่ําครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะอย่างน้อยกระดูกซี่โครงของเขาก็ต้องหัก และคงต้องนอนพักรักษาตัวอยู่อีกสักสองสามเดือน

 

ซูอานคํานวณไว้เป็นอย่างดีแล้วว่า ต้องการหักซี่โครงของคนผู้นี้เพียงแค่สองสามท่อนเท่านั้น และไม่ให้เป็นอันตรายต่ออวัยวะภายในส่วนอื่น เพื่อไม่ให้ถึงกับเสียชีวิต

 

เขาไม่ต้องการฆ่าคนที่นี่ เพราะอย่างน้อยที่นี่ก็เป็นบ้านของเหล่าฮั๋ว เขายังต้องพึ่งพาเหล่าฮั่วเรื่องค้นหาดินแดนพลังชีวิต!

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+