ย้อนชีวิตพิชิตเซียน 54 : ฉายาของข้าคือป่าเซียน

Now you are reading ย้อนชีวิตพิชิตเซียน Chapter 54 : ฉายาของข้าคือป่าเซียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 54 : ฉายาของข้าคือป่าเซียน

เมื่อเห็นหลิวเหลียงพูดเหมือนจะปล่อยซูอานไปเช่นนั้น ซือเหวินเจียนก็รีบหันไปมองหลิวเหลียงพร้อมกับกับพูดออกมาด้วยสีหน้ากังวลใจ

 

“พี่เหลียง แต่พี่สัญญากับฉันแล้วนะ!”

 

หลิวเหลียงยิ้มกว้างพร้อมตอบซือเหวินเจียนกลับไปว่า “ไม่ต้องห่วง ลูกผู้ชายพูดคําไหนคํานั้น!”

ซือเหวินเจียนไม่สนใจสายตาของผู้คนในนั้นเวลานี้เธอต้องการ เพียงแค่ให้ซูอานคุกเข่าร้องขอความเตตาจากเธอเท่านั้น!

“แกชื่ออะไร?”

หลิวเหลียงหันไปมองซูอานด้วยแววตาเหยียดหยัน พร้อมกับเอ่ย ถามออกไปอย่างไม่ใส่ใจนัก

แต่ซูอานไม่ตอบ และถามกลับไปว่า “เจ้ารู้วรยุทธด้วยงั้นรึ?”

 

“แกเองก็เหมือนกันนี่! ดูจากเมื่อครู่ แกเองก็เก่งไม่ใช่ย่อย..”

แม้จะพูดออกไปเช่นนั้น แต่แววตาและน้ําเสียงของหลิวเหลียงกลับดูเหมือนเยาะเย้ยถากถางเสียมากกว่า เพราะมั่นอกมั่นใจในวรยุทธของตนเองมาก

 

“ในยุทธภพข้ามีชื่อว่า “ป่าเซียน!”

เสียงประกาศของซูอานดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้อง ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่ภายในห้องน้ํา หรือนอกห้องน้ําล้วนได้ยินกันอย่างชัดเจน

ในชีวิตก่อนหน้านี้ เขาเป็นถึงจักรพรรดิเสียนอู่ และเหล่าเซียนต่างก็เรียกขานเขาว่าซูป่าเซียน!

 

“ในอดีตมีจักรพรรดินามว่าเฉินป่าเซียน และตอนนี้ก็มีข้าซูป่าเซียน!”

“เชอะ! แกกล้าอวดอ้างตัวเองเทียบเท่าจักรพรรดิเฉินป่าเซียนเชียวเหรอ?”

หลิวเหลียงทําเสียงเย้ยหยันเมื่อได้ยินซูอานเปรียบตัวเองเทียบเท่าจักรพรรดิองค์แรกของราชวงศ์เฉิน ผู้ซึ่งมีอํานาจบารมีเหนี อคนทั้งโลกเช่นนี้

 

เด็กหนุ่มผู้มีกําลังภายในอยู่เพียงแค่เล็กน้อย แต่กลับพูดจา โอ้อวดถึงเพียงนี้ หลิวเหลียงคิดว่าซูอานตั้งใจพูดให้ตัวเองดูดีต่อหน้าซือเหวินเจียน

“พูดจาเพ้อเจ้อ.. ฉันเองก็อยากทดสอบฝีมือของแกเหมือนกัน!”

หลิวเหลียงจัดการถอดเสื้อของตนเองออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งตามร่างกาย และตอนนี้ผู้คนที่มุงดูอยู่ต่างก็พากันตื่นตระหนกตกใจ

ซือเหวินเจียนถึงกับหน้าแดงก่ําขึ้นมาทันทีเมื่อได้เห็นร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อของหลิวเหลียงอย่างใกล้ชิดอีกครั้ง และนั่นทําให้เธอนึกถึงความเจ็บปวดที่ได้รับจากเขาก่อนหน้านี้ขึ้นมา

ใบหน้าของหลิวเหลียงเต็มไปด้วยความโมโห เพราะคําพูดโอ้อวดของซูอานเมื่อครู่นั้นทําให้เขาเดือดดาลอย่างที่สุด ในฐานะที่เป็นทายาทรุ่นสองของตระกูลผู้ฝึกยุทธ เขาไม่เคยพบเจอผู้ใดที่กล้าพูดจายกตนข่มท่านเหมือนอย่างซูอานมาก่อน ตรงกันข้ามไม่ว่าเขาไปที่ไหนเขาก็มักได้รับแต่คําสรรเสริญเยินยอ.

“คืนนี้ไม่เพียงฉันจะให้แกคุกเข่าต่อหน้าซือเหวินเจียน แต่ยังจะให้แกตายอีกด้วย!”

 

น้ําเสียงของหลิวเหลียงนั้นเย็นยะเยือกราวกับมีดแหลมคม เขาเป็นคนที่พูดคําไหนคํานั้นและจะทําอย่างที่พูดเสมอ!

ซูอานเองก็คร้านที่จะพล่ามไร้สาระกับมดปลวกเหล่านี้เช่นกัน สําหรับเขาแล้วคนพวกนี้ไม่ควรค่าเลยแม้แต่น้อย

 

ผู้คนที่อยู่โดยรอบต่างก็พากันก้าวถอยหลังออกไป เพราะรู้ดีว่าทั้งคู่จะต้องปะทะกันอย่างแน่นอนแม้พวกเขาจะรู้ว่าหลิวเหลียงเก่งกล้ามากเพียงใด แต่ทุกคนก็ได้เห็นความแข็งแกร่งของซูอานแล้วเช่นกัน!

 

“เสือสองตัวกําลังจะสู้กัน ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบาดเจ็บสาหัสแน่ๆ!”

 

“ฉันว่าหลิวเหลียงชนะแน่ๆ ใครๆในเจียงโจวต่างก็รู้ว่าพ่อเขามีวรยุทธล้ําเลิศแค่ไหน!”

“นั่นสิ!”

“แต่ก็น่าชื่นชมเด็กนั่นเหมือนกันนะ ดูไม่มีท่าที่หวาดกลัวหลิวเหลี่ยงเลยสักนิด!”

 

“เป็นเพราะใครๆก็รู้ว่าหลิวเหลียงเป็นลูกใคร คนอื่นๆก็เลยไม่กล้ามีเรื่องด้วยน่ะสิ! แต่เด็กนี่กลับดูไม่หวาดกลัวคนที่มีกําลังภายในเลยแม้แต่น้อย!”

ผู้คนต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าซูอานจะเป็นฝ่ายชนะเลยสักคน

“ข้าสามารถเอาชนะเจ้าได้เพียงแค่สามกระบวนเท่านั้น!”

ซูอานเอ่ยออกไปด้วยสีหน้าท่าทางสงบนิ่ง ไม่มีท่าทีหวาดกลัว หลิวเหลียงเลยแม้แต่น้อยเขายืนนิ่งราวกับผู้ที่กําลังรอกุมชัยชนะ

 

หลิวเหลียงได้ฟังคําพูดเย้ยหยันของซูอานก็ยิ่งโกรธมากกว่าเดิม เพราะการที่ซูอานกล้าพูดว่าสามารถเอาชนะเขาได้ภายในสามก ระบวนนั้น เท่ากับเป็นการดูถูกและสร้างความอับอายให้เขาต่อหน้าทุกคนในที่นี้อย่างมาก

“แกตาย!”

 

หลิวเหลียงชกหมัดตรงเข้าใส่ร่างของซูอานอย่างรวดเร็ว หมัด ที่ทรงพลังและแข็งแกร่งราวกับค้อนคู่ของเขา นั้นพุ่งออกไปด้วยพละกําลังที่น่ากลัวยิ่ง

หมัดทั้งสองที่พุ่งเข้าจู่โจมใส่ร่างของซูอานนั้น ปรากฏคล้ายแสง สีขาวเป็นเส้นขึ้น และนั่นบ่งบอกถึงกําลังภายในที่แข็งแกร่งของค

นผู้นั้น

สีหน้าของซูอานมีแววเย้ยหยันปรากฏขึ้น พร้อมกับตอบโต้หลิวเหลียงกลับไปด้วยสีหน้าท่าทางที่ยังคงสงบนิ่ง ราวกับว่าการจู่โจมของหลิวเหลียงนั้นไม่ได้มีความหมายใดๆต่อเขาเลยแม้แต่น้อย

เวลานี้หลิวเหลียงไม่ต่างจากสิงห์โตที่คลุ้มคลั่ง เพราะพลังหมัดของเขานั้นไม่สามารถทําอันตรายคู่ต่อสู้ได้เลยแม้แต่น้อย เพราะคู่ต่อสู้ของเขาสามารถรับมือได้อย่างง่ายดาย เช่นนี้แล้วจะให้เขาทนต่อไปได้อย่างไรกัน?

 

หลิวเหลียงถอยหลังกลับมา และซัดกําปั้นทั้งสองเข้าใส่ร่างของซูอานอีกครั้ง ครั้งนี้เขาได้ถ่ายเทพลังทั้งหมดไปที่หมัดทั้งสองอย่างสมบูรณ์ และมั่นใจอย่างยิ่งว่าซูอานจะไม่สามารถต้านทานพลังหมัดของตนได้อีก

 

“ไปลงนรกซะ!”

พลังหมัดของหลิวเหลียงในครั้งนี้ รุนแรงหนักแน่นไม่ต่างจากช้างทั้งตัวเลยทีเดียว!

แต่ครั้งนี้ซูอานก้าวเท้าถอยหลังหลบมาหนึ่งก้าว จากนั้นจึงได้ปล่อยหมัดของตนเข้าปะทะกับหมัดของหลิวเหลียงอีกครั้งเช่นกัน และครั้งนี้มือทั้งมือของหลิวเหลียงถึงกับสั่นสะท้านจากพลังหมัดที่รุนแรงเกินต้านของซูอาน

ในขณะที่สีหน้าของหลิวเหลียงปรากฏร่องรอยของความสะพรึงกลัว แต่สีหน้าท่าทางของซูอานกลับยังคงสงบนิ่ง และดูผ่อนคลายยิ่งนัก

และนี่ย่อมหมายความว่า เขาประเมินซูอานผิดพลาดไปมาก จากเดิมเขาประเมินว่าซูอานน่าจะเป็นเพียงแค่ผู้ฝึกยุทธระดับกลางเท่านั้น แต่เหตุใดกําลังภายในของเขาจึงแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้ฝึกยุทธระดับสูง

จากการเพิ่มพลังเข้าสู่หมัดในครั้งที่สองนี้ ทําให้กําปั้นของหลิวเหลียงถึงกับกระดูกแตกแต่ซูอานไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านั้น เวลานี้กําปั้นของซูอานเปลี่ยนเป็นฝ่ามือที่กําลังทํากําปั้นของหลิวเหลียงไว้แน่นและกําลังบิดข้อมือไปอีกฝังอย่างแรง

และนี่แสดงให้เห็นว่าซูอานสามารถเอาชนะหลิวเหลียงได้อย่างง่ายดาย และตอนนี้ต่อให้หลิวเหลียงต้องการจะเปลี่ยนใจก็คงยากแล้ว

หลิวเหลียงแทบไม่อยากยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนเองจึงไม่สามารถเอาชนะซูอานได้เขาคิดไม่ถึงว่าเด็กยากจนคนหนึ่งจะสามารถแข็งแกร่งได้มากมายถึงเพียงนี้

ก่อนที่หลิวเหลียงจะทันได้คิดอะไร ความแข็งแกร่งของซูอานก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและเวลานี้แขนของหลิวเหลียงก็มีเสียงคล้ายกระดูกแตกดังออกมา

 

เหงื่อเม็ดโตเริ่มผุดขึ้นเต็มหน้าผากของหลิวเหลียง นี่ไม่ใช่เหงื่อที่เกิดขึ้นจากความเจ็บปวดเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นเหงื่อที่เกิดขึ้นเพราะความหวาดกลัวและรู้สึกผิดอีกด้วยเพราะขั้นกําลังของซูอานนั้นเหนือกว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก ที่สําคัญเหนือกว่าเขามากด้วย!

 

เขาไม่ควรมีเรื่องกับเด็กหนุ่มคนนี้ หรือเป็นศัตรูกับเด็กหนุ่มคนนี้เลยจริงๆ ต่อให้เขาอยากเป็นศัตรูด้วยก็ไม่ควรลงมือด้วยตัวเอง แต่ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อเขามากกว่า!

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้หลิวเหลียงจึงรีบระส่ําระลักพูดขึ้นว่า “ถ้าแกปล่อยมือฉัน ฉันจะถือว่าพวกเราสองคนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน!”

สําหรับหลิวเหลียงแล้วการต่อรองเช่นนี้นับว่าเป็นความอับอายขายหน้าอย่างที่สุดแล้ว!

 

และแน่นอนว่าหลิวเหลียงจะไม่ยอมหยุดอยู่เพียงแค่นี้แน่! หากซูอานปล่อยเขาไปในวันนี้เขาก็จะขอให้พ่อของเขาเป็นคนจัดการกับซูอานแทน เขาเชื่อว่าพ่อของเขาจะต้องจัดการซูอานได้อย่างแน่

นอน!

แต่ซูอานแสร้งทําเป็นหูหนวกไม่ได้ยินคําพูดต่อรองของหลิวเหลียง เขาไม่เพียงไม่ลดแรงบิดลง แต่กลับเพิ่มแรงบิดให้รุนแรงขึ้นอีก

“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าจะสังหารข้าไม่ใช่รึ? เหตุใดจึงเอ่ยราวกับคนรักตัวกลัวตายเช่นนั้นเล่า?”

“นี่แก!”

 

หลิวเหลียงยกมืออีกข้างขึ้นชี้หน้าซูอาน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นใจ!

ซูอานไม่ตอบโต้ด้วยวาจา แต่กลับยกมือขึ้นจับมือหลิวเหลียงข้างที่ชี้หน้าเขาไว้พร้อมกับบิดอย่างแรง และเวลานี้มือทั้งสองข้างของหลิวเหลียงก็ถูกซูอานจับหักทั้งคู่

ตอนนี้หลิวเหลียงเหมือนคนไร้ประโยชน์ที่ไม่สามารถทําอะไรได้ แม้เขาจะมีกําลังภายในแต่ก็ไม่สามารถออกแรงเหมือนก่อนหน้านี้

ซูอานจ้องมองหลิวเหลียงด้วยสีหน้าเย็นชา แววตาของเขาไร้ซึ่งอารมณ์อื่นใด มีเพียงความดุดันที่กําลังสร้างความกดดันภายในใจให้กับหลิวเหลียงอย่างมาก

 

นี่เป็นครั้งแรกที่หลิวเหลียงรู้สึกหวาดกลัวอย่างแท้จริง เขาได้แต่คิดว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆอาจจะเป็นปีศาจ หรือไม่ก็น่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจ!

“ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันยินดีจ่ายเงินให้กับนาย!”

หลิวเหลียงเริ่มการต่อรองอย่างจริงจัง เขาแทบไม่สงสัยเลยว่าเวลานี้ซูอานต้องการที่จะฆ่าเขาจริงๆคนประเภทนี้น่ากลัวเสียงยิ่งกว่าสุนัขจนตรอก และสายตาของซูอานเวลานี้ก็ทําให้เขาสั่นสะท้านไปทั้งใจ..

“เงินรึ?! ข้าไม่ได้ต้องการเงินทอง..”

 

คําตอบของซูอานทําให้หลิวเหลียงรู้สึกหมดสิ้นหนทาง หากแม้แต่เงินยังไม่อยากได้ เขายังจะหาสิ่งใดมาต่อรองกับซูอานได้อีกเล่า?

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนชีวิตพิชิตเซียน 54 : ฉายาของข้าคือป่าเซียน

Now you are reading ย้อนชีวิตพิชิตเซียน Chapter 54 : ฉายาของข้าคือป่าเซียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 54 : ฉายาของข้าคือป่าเซียน

เมื่อเห็นหลิวเหลียงพูดเหมือนจะปล่อยซูอานไปเช่นนั้น ซือเหวินเจียนก็รีบหันไปมองหลิวเหลียงพร้อมกับกับพูดออกมาด้วยสีหน้ากังวลใจ

 

“พี่เหลียง แต่พี่สัญญากับฉันแล้วนะ!”

 

หลิวเหลียงยิ้มกว้างพร้อมตอบซือเหวินเจียนกลับไปว่า “ไม่ต้องห่วง ลูกผู้ชายพูดคําไหนคํานั้น!”

ซือเหวินเจียนไม่สนใจสายตาของผู้คนในนั้นเวลานี้เธอต้องการ เพียงแค่ให้ซูอานคุกเข่าร้องขอความเตตาจากเธอเท่านั้น!

“แกชื่ออะไร?”

หลิวเหลียงหันไปมองซูอานด้วยแววตาเหยียดหยัน พร้อมกับเอ่ย ถามออกไปอย่างไม่ใส่ใจนัก

แต่ซูอานไม่ตอบ และถามกลับไปว่า “เจ้ารู้วรยุทธด้วยงั้นรึ?”

 

“แกเองก็เหมือนกันนี่! ดูจากเมื่อครู่ แกเองก็เก่งไม่ใช่ย่อย..”

แม้จะพูดออกไปเช่นนั้น แต่แววตาและน้ําเสียงของหลิวเหลียงกลับดูเหมือนเยาะเย้ยถากถางเสียมากกว่า เพราะมั่นอกมั่นใจในวรยุทธของตนเองมาก

 

“ในยุทธภพข้ามีชื่อว่า “ป่าเซียน!”

เสียงประกาศของซูอานดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้อง ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่ภายในห้องน้ํา หรือนอกห้องน้ําล้วนได้ยินกันอย่างชัดเจน

ในชีวิตก่อนหน้านี้ เขาเป็นถึงจักรพรรดิเสียนอู่ และเหล่าเซียนต่างก็เรียกขานเขาว่าซูป่าเซียน!

 

“ในอดีตมีจักรพรรดินามว่าเฉินป่าเซียน และตอนนี้ก็มีข้าซูป่าเซียน!”

“เชอะ! แกกล้าอวดอ้างตัวเองเทียบเท่าจักรพรรดิเฉินป่าเซียนเชียวเหรอ?”

หลิวเหลียงทําเสียงเย้ยหยันเมื่อได้ยินซูอานเปรียบตัวเองเทียบเท่าจักรพรรดิองค์แรกของราชวงศ์เฉิน ผู้ซึ่งมีอํานาจบารมีเหนี อคนทั้งโลกเช่นนี้

 

เด็กหนุ่มผู้มีกําลังภายในอยู่เพียงแค่เล็กน้อย แต่กลับพูดจา โอ้อวดถึงเพียงนี้ หลิวเหลียงคิดว่าซูอานตั้งใจพูดให้ตัวเองดูดีต่อหน้าซือเหวินเจียน

“พูดจาเพ้อเจ้อ.. ฉันเองก็อยากทดสอบฝีมือของแกเหมือนกัน!”

หลิวเหลียงจัดการถอดเสื้อของตนเองออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งตามร่างกาย และตอนนี้ผู้คนที่มุงดูอยู่ต่างก็พากันตื่นตระหนกตกใจ

ซือเหวินเจียนถึงกับหน้าแดงก่ําขึ้นมาทันทีเมื่อได้เห็นร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อของหลิวเหลียงอย่างใกล้ชิดอีกครั้ง และนั่นทําให้เธอนึกถึงความเจ็บปวดที่ได้รับจากเขาก่อนหน้านี้ขึ้นมา

ใบหน้าของหลิวเหลียงเต็มไปด้วยความโมโห เพราะคําพูดโอ้อวดของซูอานเมื่อครู่นั้นทําให้เขาเดือดดาลอย่างที่สุด ในฐานะที่เป็นทายาทรุ่นสองของตระกูลผู้ฝึกยุทธ เขาไม่เคยพบเจอผู้ใดที่กล้าพูดจายกตนข่มท่านเหมือนอย่างซูอานมาก่อน ตรงกันข้ามไม่ว่าเขาไปที่ไหนเขาก็มักได้รับแต่คําสรรเสริญเยินยอ.

“คืนนี้ไม่เพียงฉันจะให้แกคุกเข่าต่อหน้าซือเหวินเจียน แต่ยังจะให้แกตายอีกด้วย!”

 

น้ําเสียงของหลิวเหลียงนั้นเย็นยะเยือกราวกับมีดแหลมคม เขาเป็นคนที่พูดคําไหนคํานั้นและจะทําอย่างที่พูดเสมอ!

ซูอานเองก็คร้านที่จะพล่ามไร้สาระกับมดปลวกเหล่านี้เช่นกัน สําหรับเขาแล้วคนพวกนี้ไม่ควรค่าเลยแม้แต่น้อย

 

ผู้คนที่อยู่โดยรอบต่างก็พากันก้าวถอยหลังออกไป เพราะรู้ดีว่าทั้งคู่จะต้องปะทะกันอย่างแน่นอนแม้พวกเขาจะรู้ว่าหลิวเหลียงเก่งกล้ามากเพียงใด แต่ทุกคนก็ได้เห็นความแข็งแกร่งของซูอานแล้วเช่นกัน!

 

“เสือสองตัวกําลังจะสู้กัน ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบาดเจ็บสาหัสแน่ๆ!”

 

“ฉันว่าหลิวเหลียงชนะแน่ๆ ใครๆในเจียงโจวต่างก็รู้ว่าพ่อเขามีวรยุทธล้ําเลิศแค่ไหน!”

“นั่นสิ!”

“แต่ก็น่าชื่นชมเด็กนั่นเหมือนกันนะ ดูไม่มีท่าที่หวาดกลัวหลิวเหลี่ยงเลยสักนิด!”

 

“เป็นเพราะใครๆก็รู้ว่าหลิวเหลียงเป็นลูกใคร คนอื่นๆก็เลยไม่กล้ามีเรื่องด้วยน่ะสิ! แต่เด็กนี่กลับดูไม่หวาดกลัวคนที่มีกําลังภายในเลยแม้แต่น้อย!”

ผู้คนต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าซูอานจะเป็นฝ่ายชนะเลยสักคน

“ข้าสามารถเอาชนะเจ้าได้เพียงแค่สามกระบวนเท่านั้น!”

ซูอานเอ่ยออกไปด้วยสีหน้าท่าทางสงบนิ่ง ไม่มีท่าทีหวาดกลัว หลิวเหลียงเลยแม้แต่น้อยเขายืนนิ่งราวกับผู้ที่กําลังรอกุมชัยชนะ

 

หลิวเหลียงได้ฟังคําพูดเย้ยหยันของซูอานก็ยิ่งโกรธมากกว่าเดิม เพราะการที่ซูอานกล้าพูดว่าสามารถเอาชนะเขาได้ภายในสามก ระบวนนั้น เท่ากับเป็นการดูถูกและสร้างความอับอายให้เขาต่อหน้าทุกคนในที่นี้อย่างมาก

“แกตาย!”

 

หลิวเหลียงชกหมัดตรงเข้าใส่ร่างของซูอานอย่างรวดเร็ว หมัด ที่ทรงพลังและแข็งแกร่งราวกับค้อนคู่ของเขา นั้นพุ่งออกไปด้วยพละกําลังที่น่ากลัวยิ่ง

หมัดทั้งสองที่พุ่งเข้าจู่โจมใส่ร่างของซูอานนั้น ปรากฏคล้ายแสง สีขาวเป็นเส้นขึ้น และนั่นบ่งบอกถึงกําลังภายในที่แข็งแกร่งของค

นผู้นั้น

สีหน้าของซูอานมีแววเย้ยหยันปรากฏขึ้น พร้อมกับตอบโต้หลิวเหลียงกลับไปด้วยสีหน้าท่าทางที่ยังคงสงบนิ่ง ราวกับว่าการจู่โจมของหลิวเหลียงนั้นไม่ได้มีความหมายใดๆต่อเขาเลยแม้แต่น้อย

เวลานี้หลิวเหลียงไม่ต่างจากสิงห์โตที่คลุ้มคลั่ง เพราะพลังหมัดของเขานั้นไม่สามารถทําอันตรายคู่ต่อสู้ได้เลยแม้แต่น้อย เพราะคู่ต่อสู้ของเขาสามารถรับมือได้อย่างง่ายดาย เช่นนี้แล้วจะให้เขาทนต่อไปได้อย่างไรกัน?

 

หลิวเหลียงถอยหลังกลับมา และซัดกําปั้นทั้งสองเข้าใส่ร่างของซูอานอีกครั้ง ครั้งนี้เขาได้ถ่ายเทพลังทั้งหมดไปที่หมัดทั้งสองอย่างสมบูรณ์ และมั่นใจอย่างยิ่งว่าซูอานจะไม่สามารถต้านทานพลังหมัดของตนได้อีก

 

“ไปลงนรกซะ!”

พลังหมัดของหลิวเหลียงในครั้งนี้ รุนแรงหนักแน่นไม่ต่างจากช้างทั้งตัวเลยทีเดียว!

แต่ครั้งนี้ซูอานก้าวเท้าถอยหลังหลบมาหนึ่งก้าว จากนั้นจึงได้ปล่อยหมัดของตนเข้าปะทะกับหมัดของหลิวเหลียงอีกครั้งเช่นกัน และครั้งนี้มือทั้งมือของหลิวเหลียงถึงกับสั่นสะท้านจากพลังหมัดที่รุนแรงเกินต้านของซูอาน

ในขณะที่สีหน้าของหลิวเหลียงปรากฏร่องรอยของความสะพรึงกลัว แต่สีหน้าท่าทางของซูอานกลับยังคงสงบนิ่ง และดูผ่อนคลายยิ่งนัก

และนี่ย่อมหมายความว่า เขาประเมินซูอานผิดพลาดไปมาก จากเดิมเขาประเมินว่าซูอานน่าจะเป็นเพียงแค่ผู้ฝึกยุทธระดับกลางเท่านั้น แต่เหตุใดกําลังภายในของเขาจึงแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้ฝึกยุทธระดับสูง

จากการเพิ่มพลังเข้าสู่หมัดในครั้งที่สองนี้ ทําให้กําปั้นของหลิวเหลียงถึงกับกระดูกแตกแต่ซูอานไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านั้น เวลานี้กําปั้นของซูอานเปลี่ยนเป็นฝ่ามือที่กําลังทํากําปั้นของหลิวเหลียงไว้แน่นและกําลังบิดข้อมือไปอีกฝังอย่างแรง

และนี่แสดงให้เห็นว่าซูอานสามารถเอาชนะหลิวเหลียงได้อย่างง่ายดาย และตอนนี้ต่อให้หลิวเหลียงต้องการจะเปลี่ยนใจก็คงยากแล้ว

หลิวเหลียงแทบไม่อยากยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนเองจึงไม่สามารถเอาชนะซูอานได้เขาคิดไม่ถึงว่าเด็กยากจนคนหนึ่งจะสามารถแข็งแกร่งได้มากมายถึงเพียงนี้

ก่อนที่หลิวเหลียงจะทันได้คิดอะไร ความแข็งแกร่งของซูอานก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและเวลานี้แขนของหลิวเหลียงก็มีเสียงคล้ายกระดูกแตกดังออกมา

 

เหงื่อเม็ดโตเริ่มผุดขึ้นเต็มหน้าผากของหลิวเหลียง นี่ไม่ใช่เหงื่อที่เกิดขึ้นจากความเจ็บปวดเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นเหงื่อที่เกิดขึ้นเพราะความหวาดกลัวและรู้สึกผิดอีกด้วยเพราะขั้นกําลังของซูอานนั้นเหนือกว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก ที่สําคัญเหนือกว่าเขามากด้วย!

 

เขาไม่ควรมีเรื่องกับเด็กหนุ่มคนนี้ หรือเป็นศัตรูกับเด็กหนุ่มคนนี้เลยจริงๆ ต่อให้เขาอยากเป็นศัตรูด้วยก็ไม่ควรลงมือด้วยตัวเอง แต่ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อเขามากกว่า!

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้หลิวเหลียงจึงรีบระส่ําระลักพูดขึ้นว่า “ถ้าแกปล่อยมือฉัน ฉันจะถือว่าพวกเราสองคนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน!”

สําหรับหลิวเหลียงแล้วการต่อรองเช่นนี้นับว่าเป็นความอับอายขายหน้าอย่างที่สุดแล้ว!

 

และแน่นอนว่าหลิวเหลียงจะไม่ยอมหยุดอยู่เพียงแค่นี้แน่! หากซูอานปล่อยเขาไปในวันนี้เขาก็จะขอให้พ่อของเขาเป็นคนจัดการกับซูอานแทน เขาเชื่อว่าพ่อของเขาจะต้องจัดการซูอานได้อย่างแน่

นอน!

แต่ซูอานแสร้งทําเป็นหูหนวกไม่ได้ยินคําพูดต่อรองของหลิวเหลียง เขาไม่เพียงไม่ลดแรงบิดลง แต่กลับเพิ่มแรงบิดให้รุนแรงขึ้นอีก

“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าจะสังหารข้าไม่ใช่รึ? เหตุใดจึงเอ่ยราวกับคนรักตัวกลัวตายเช่นนั้นเล่า?”

“นี่แก!”

 

หลิวเหลียงยกมืออีกข้างขึ้นชี้หน้าซูอาน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นใจ!

ซูอานไม่ตอบโต้ด้วยวาจา แต่กลับยกมือขึ้นจับมือหลิวเหลียงข้างที่ชี้หน้าเขาไว้พร้อมกับบิดอย่างแรง และเวลานี้มือทั้งสองข้างของหลิวเหลียงก็ถูกซูอานจับหักทั้งคู่

ตอนนี้หลิวเหลียงเหมือนคนไร้ประโยชน์ที่ไม่สามารถทําอะไรได้ แม้เขาจะมีกําลังภายในแต่ก็ไม่สามารถออกแรงเหมือนก่อนหน้านี้

ซูอานจ้องมองหลิวเหลียงด้วยสีหน้าเย็นชา แววตาของเขาไร้ซึ่งอารมณ์อื่นใด มีเพียงความดุดันที่กําลังสร้างความกดดันภายในใจให้กับหลิวเหลียงอย่างมาก

 

นี่เป็นครั้งแรกที่หลิวเหลียงรู้สึกหวาดกลัวอย่างแท้จริง เขาได้แต่คิดว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆอาจจะเป็นปีศาจ หรือไม่ก็น่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจ!

“ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันยินดีจ่ายเงินให้กับนาย!”

หลิวเหลียงเริ่มการต่อรองอย่างจริงจัง เขาแทบไม่สงสัยเลยว่าเวลานี้ซูอานต้องการที่จะฆ่าเขาจริงๆคนประเภทนี้น่ากลัวเสียงยิ่งกว่าสุนัขจนตรอก และสายตาของซูอานเวลานี้ก็ทําให้เขาสั่นสะท้านไปทั้งใจ..

“เงินรึ?! ข้าไม่ได้ต้องการเงินทอง..”

 

คําตอบของซูอานทําให้หลิวเหลียงรู้สึกหมดสิ้นหนทาง หากแม้แต่เงินยังไม่อยากได้ เขายังจะหาสิ่งใดมาต่อรองกับซูอานได้อีกเล่า?

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+