ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ 125

Now you are reading ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ Chapter 125 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
หลิวยี่อิง

เกาะโดดเดี่ยว

คนในชุดคลุมสีม่วง สีเทาและสีเขียวเข้มค่อยๆเดินไปตามสะพานหินอย่างช้าๆ

หมอกสีขาวบางเบา แทบจะมองไม่เห็นลอยอย่างช้าๆรอบเกาะ ชั้นแสงที่กระทบหมอกสีขาวเบี่ยงเบนไปเล็กน้อย ถ้าไม่สังเกตดีๆ อาจทำให้จับตำแหน่งที่ตั้งของเกาะคาดเคลื่อนไปบาง

“เกาะนี้มีอะไรแปลกๆ”คนในชุดคลุมสีเขียวเข้มที่เดินรั้งท้าย พูดกระซิบกับคนในชุดคลุมสีเทาที่เดินอยู่ข้างๆ

คนในชุดคลุมสีเทามองไปรอบๆและกล่าวว่า”มีอาณาเขตลวงตาอยู่ที่นี่ ตามประวัติเกาะแห่งนี้ มีพลังธรรมชาติที่หนาแน่น แต่เพราะมีอะไรแปลกๆ ที่ทำให้พลังชีวิตของสิ่งมีชีวิตค่อยๆลดลง ทำให้พลังธรรมชาติที่หนาแน่น กลายเป็นไร้ประโยชน์ ราคาของเหาะก็ลดลงเรื่อยๆไม่มีคนซื้อ จนกระทั้งเมื่อเกือบ 2 เดือนก่อน จิวโมไป๋ คนที่เราต้องคุ้มครองซื้อเกาะแห่งนี้ไป”คนในชุดคลุมสีเทาหยุดพูดเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ”ในช่วงเวลาก่อนที่เกาะจะถูกซื้อไม่เคยมีบันทึก ว่าบนเกาะมีสภาพแวดล้อม ที่สามารภทำให้เกิดอาณาเขตลวงตาได้ ถ้าไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ ก็ต้องมีคนสร้างขึ้น”

“ผู้ใช้ค่ายกลสินะ หน่วยลับของเรามีผู้เชี่ยวชาญค่ายกลแค่ไม่กี่คน และคนพวกนั้นก็เป็นคนในสำนักยุทธดั้งเดิมทั้งนั้น”คนในชุดคลุมสีเขียวเข้มพูดอย่างแปลกใจปนอิจฉา เพราะผู้ใช้ค่ายกลถือว่าเป็นกำลังสำคัญของหน่วยลับ คนเหล่านั้นแม้จะไม่สร้างปัญหา แต่ก็แสดงท่าทางสูงกว่าอยู่เสมอ ทำให้เขารู้สึกอึดอัด

คนในชุดคลุมสีเทานิ่งเงียบไม่พูดอะไรต่อ เพราะตั้งแต่ที่จี้หยางเฟยให้เธอมาสืบสวนชายชุดดำ เธอก็ตรวจสอบจิวโมไป๋ ที่เป็นเหยื่อด้วยเช่นกัน เมื่อเธอตรวจสอบจิวโมไป๋ เธอก็ตกใจ ที่จิวโมไป๋สามารถชนะเงินเดิมพันจำนวนมหาศาล แต่เมื่อเธอย้อนดูเงินก้อนแรกที่จิวโมไป๋ได้รับ เธอก็เอะใจ เพราะมันใกล้เคียงกับเงินรายได้ของหนักปรุงยาลึกลับ เตาหลอม 9 สุริยัน

เมื่อครู่ที่จี้หยางเฟยสั่งงาน ให้เธอคุ้มครองจิวโมไป๋ เธอก็วิเคราะห์ได้ทันทีว่าจิวโมไป๋มีโอกาส 95% ที่จะจิวโมไป๋จะเป็นนักปรุงยาเตา 9 สุริยัน

คนในชุดคลุมสีม่วงที่เดินนำอยู่ หันมามองคนในชุดคลุมทั้งสองด้วยหางตา

“มัวแต่พูดอะไรกันอยู่ รีบไปได้แล้ว”พูดจบคนในชุดคลุมสีม่วงหันกลับไปอย่าง และเร่งความเร็วทิ้งทั้งสองไป

“ทำไมคนน่ารังเกียจนั้นต้องมากลับเราด้วย”คนในชุดคลุมสีเขียวเข้มพูดพึมพำไม่พอใจ

คนในชุดคลุมสีเทาพูดเบาๆ”อย่าลืมว่าเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งเป็นอันดับ 2 ของทีม เมื่อแยกกลุ่มกันทำภารกิจ เขาต้องมาคุมทีม”

คนในชุดคลุมสีเขียวเข้มเงียบ เขาเดินตามห่างๆไม่เพิ่มความเร็ว

บนหน้าผาเกาะโดดเดี่ยว จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบคนในชุดคลุมที่กำลังใกล้เข้ามา เขารู้ได้ทันทีว่าทั้งสามเป็นคนขององค์กรลับของประเทศมังกร เพราะชุดคลุมเป็นเอกลักษณะขององค์กรลับที่กำลังทำหน้าที่ ตรงคอเสื้อด้านขวาของชุดคลุม จะสลักด้วยลายมังกรนูนขึ้นแค่ 0.2 มิลลิเมตร ตามสีชุดคลุม ทำให้สังเกตได้ยาก

คนในชุดคลุมสีม่วงพุ่งมาตามสะพานยาวอย่างรวดเร็ว มือของเขาถือดาบยาวอยู่ในฝัก ไม่กลัวคนอื่นสังเกตเห็น แม้หน่วยลับจะอนุญาติให้ใช้อาวุธได้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นปืนหรืออาวุธมีคม แต่ต้องปกปิดให้มิดชิด เพราะมันจะทำให้ผู้คนธรรมดาหวาดกลัว

ตำรวจที่เป็นเจ้าหน้าที่ีของรัฐ อนุญาติให้พกปืนและกระบองตำรวจเท่านั้น ไม่ให้พกอาวุธมีคม เพราะตำรวจต้องใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด แม้ปืนจะอันตราย แต่ถ้าไม่ยกขึ้นมายิง มันก็เป็นแค่เครื่องประดับ แต่ของมีคมแม้จะไม่ชักมันออกมา ก็สามารถสร้างหวาดกลัวให้แก่คนธรรมดาได้

ทำให้มีกฏห้ามคนธรรมดาพกอาวุธโดยไม่ได้รับการลงทะเบียน และมีกฏห้ามนำอาวุธมีคม เข้าไปยังสถานที่สาธารณะผู้คนพลุกพล่าน

แม้จะมีข้อยกเว้นการพกอาวุธสำหรับหน่วยลับ แต่คนในชุดคลุมสีม่วงถือดาบ โดยไม่ปิดบังอะไรเลยถือว่าทำผิดกฏ

จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบใบหน้าใต้ชุดคลุม เป็นชายนุ่มอายุประมาณ 22 ปี ใบหน้าหล่อเหลา แววตาเย่อหยิ่งทะนงตน

คนในชุดคลุมสีเขียวเข้ม เป็นชายอายุ 22 ปี ใบหน้าอ่อนเยาว์เหมือนชายหนุ่มขี้เล่น

และคนสุดท้าย ทำให้จิวโมไป๋ตกใจเล็กน้อยปนแปลกใจ เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงอายุ 22 ปี ใบหน้างดงามแต่ท่าทางจริงจัง เธอใส่กรอบแว่นสีน้ำตาลอ่อนทรงกลม ทำให้แปลกตาเล็กน้อย เมื่อเข้าสู่ยุคแห่งการบ่มเพาะพลัง สายตาของมนุษย์ก็ค่อยๆได้รับการปรับปรุง คนที่สายตาสั่นหรือยาว สายตาจะค่อยๆกลับมาเป็นปกติและอาจจะชัดเจน แหลมคมขึ้น ทำให้มีน้อยมาที่จะมีคนใส่แว่นตา

คนที่ใส่แว่นในยุคนี้ส่วนมากจะมีอาการผิดปกติของดวงตาด้วยเหตุผลบางอย่าง

แต่ที่ทำให้จิวโมไป๋ตกใจก็คือ หญิงสาวในอนาคต เป็นผู้ที่รับเขาเข้าหน่วยลับ พูดได้ว่า เธอเป็นผู้ช่วยชีวิตของเขา ที่กำลังถูกตระกูลเซียวไล่ล่าอย่างนัก ถ้าในเวลานั้นเขาไม่ได้เข้าหน่วยลับ เขาอาจตายอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้

ผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ หลิวยี่อิง

แม้ว่าในอนาคตเธอจะไม่ได้สร้างเรื่องรางมากมาย จนกลายตำนานเหมือนจี้หยางเฟย แต่เธอก็เป็นผู้ที่สามารถ เข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการเขตที่อายุน้อยที่สุดรองจากจี้หยางเฟย

ภายหลังเธอก็กลายเป็นผู้บัญชาการข่าวกองแห่งชาติ ตำแหน่งวุฒิสภาระดับสูงของประเทศมังกร มีคนไม่ถึง 5 คนเท่านั้นที่มีอำนาจเทียบเท่าหรือมากกว่าเธอ

ในตอนนั้นจี้หยางเฟยออกเดินทางไปยังมิติที่สูงขึ้น และสร้างสำนักของตัวเอง ทำให้ตำแหน่งของเขาเป็นแค่ผู้บัญชาเขต ไม่เพิ่มขึ้นอีกเลย

มีคนพูดกันว่าถ้าเปรียบเทียบความแข็งแกร่งระหว่างจี้หยางเฟยและหลิวยี่อิง คนจำนวนมากเชื่อว่าจี้หยางเฟยแข็งแกร่งกว่าหลิวยี่อิง แต่ก็ไม่มากนัก เพราะหลิวยี่อิงเป็นผู้ปัญชาการเขตหลังจี้หยางเฟย 1 ปีครึ่ง เท่านั้น จากนั้นเธอก็ใช้เวลาไม่ถึง 10 ปี กลายเป็นผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ ตำแหน่งที่เก็บความลับทุกอย่างของชาติเอาไว้

ทำให้คนที่มีสิทธิ์เข้ารับการทอสอบ เพื่อตำแหน่งนี้ ต้องเป็นคนที่มีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมในทุกๆด้าน การทดสอบนั้นอยู่ในระดับที่ยากลำบากและเข้มงวดที่สุด กว่าตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยแห่งชาติหน่วยอื่นหลายเท่า

ในเวลานั้นมีคนที่เหมาะสมที่จะรับตำแหน่ง 12 คน หลิวยี่อิงและจี้หยางเฟย เป็น 2 คนที่อายุน้อยที่สุด จี้หยางเฟยสละสิทธิ์ไม่มาทดสอบ ทำให้เหลือแค่ 11 คนที่เข้าคัดเลือก ในการแข่งขัน หลิวยี่อิงได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์แบบทุกด้าน ทำให้เธอได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ อย่างไร้ข้อกังขา และเธอกลายเป็นผู้ที่นั่งตำแหน่งวุฒิสภาระดับสูงอายุน้อยที่สุด ของประวัติศาสตร์ของประเทศมังกร

ทำให้มีคนจำนวนมากคิดว่า แม้หลิวยี่อิงจะไม่แข็งแกร่งเท่าจี้หยางเฟย แต่เธอเป็นผู้ทำงานช่วยเหลือประเทศ มากกว่าจี้หยางเฟยอย่างเทียบไม่ติด

และที่จิวโมไป๋ตกใจเพราะเขาเดาได้ว่าจี้หยางเฟย จะส่งคนของหน่วยลับมา แต่ไม่คิดว่าหลิวยี่อิงจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจี้หยางเฟย

เมื่อคิดไปถึงข่าวลือ ว่าทั้งสองต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่น เขาก็ถอนหายใจ ข่าวลือก็เป็นแค่ข่าวลือจริงๆ

จิวโมไป๋เห็นหลิวยี่อิง เขาก็ถอนหายใจเล็กน้อย ถ้าไม่มีหลิวยี่อิง เขาไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง แม้ว่าหลังจากที่เขาเข้าหน่วยลับ เขาจะไม่ได้พบกับหลิวยี่อิงบ่อยนัก แต่เธอก็ส่งคนมาช่วยเหลือเขา แม้ว่าจะเป็นเพราะความสามารถของเขาก็ตาม แต่บุญคุณก็คือบุญคุณ

ในอดีตเขาไม่มีความสามารถในการชดใช้ให้ได้ เพราะเขาและหลิวยี่อิงแตกต่างกันมากเกินไป แต่ตอนนี้เขาสามารถชดใช้หนี้บุญคุณได้ เขาต้องทำให้ถึงที่สุด

เมื่อคิดได้ จิวโมไป๋เปลี่ยนแผนอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้เขาต้องแสดงความสามารถให้หลิวยี่อิงเห็นให้มากที่สุด ในอนาคตเมื่อเขาเข้าหน่วยลับ อย่างน้อยก็มีคนที่เห็นถึงคุณค่าของเขา

จิวโมไป๋ซ่อนตัวอยู่บนหน้าผา ชายชุดคลุมม่วงพุ่งมาใกล้ถึงตีนเขา เขาหันไปมองด้านหลัง ห็นว่าอีกสองคนที่อยู่ไกลออกไป เขาก็เค้นเสียงไม่พอใจออกมาเบาๆ หันกลับไปกระโดดไต่หน้าผาด้วยความว่องไว พริบตาเดียวก็ขึ้นไปถึงขอบกำแพง

“เฮ้!”เสียงร้องดังขึ้น ชายชุดคลุมสีม่วงชะงักตกใจ และในเวลาเดียวกันเขาสัมผัสได้ถึง สายลมที่แหวกอากาศมาจากด้านหลัง ที่ตรงเข้ามาหาจากด้านข้าง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด