ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ 162

Now you are reading ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ Chapter 162 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
หนึ่งกระบี่

จิวโมไป๋นั่งลงบนพื้น ทำให้ดอกไม้สูงเกินหัว เขาลอบมองไปรอบโดยไม่ใช้จิตสัมผัส เขาไม่พบร่องรอยของวิญญาณฆาตกรแม้แต่น้อย หรือว่ามันกำลังทดสอบความแข็งแกร่งของเขาอยู่ จิวโมไป๋นิ่งคิด ถึงความเป็นไปได้

ห้าคนที่อยู่ในเขาวงกต อาจทำอะไรบางอย่าง ที่ทำให้วิญญาณฆาตกรรู้สึกถึงอันตราย

นิสัยของวิญญาณฆาตกรนั้นขี้ระแวงมาก แม้มันจะชอบเล่นสนุกกับเหยื่อ แต่มันจะเลือกเล่นกับเหยื่อที่อ่อนแอ เหยื่อที่แข็งแกร่งมันจะทำให้อ่อนแรงให้มากที่สุด จนแน่ใจว่าเหยื่อจะไม่สามารถทำอะไรมันได้ มันถึงจะลงมือ

ในตอนนี้ความเป็นไปได้ที่ว่า วิญญาณฆาตกรกำลังระวังสูงมาก เขาไม่รู้ว่าใครทำให้วิญญาณฆาตกรรู้สึกอันตราย

แต่เขาก็มีวิธีที่จะเรียกวิญญาณฆาตกรออกมา

จิวโมไป๋มองดูดอกไม้ที่ถูกปลูกในสวนดอกไม้ ในฐานะนักปรุงยาชั้นสูง เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าดอกไม้ที่นี่ เกือบทั้งหมดเป็นดอกไม้ประเภทหลอนประสาท ผู้บ่มเพาะธรรมดา แค่ยืนอยู่ที่นี่ไม่กี่นาที ก็เกิดคลุ้มคลั่งแล้ว นอกจากที่สวนดอกไม้ ทางเดินในเขาวงกตก็มีดอกไม้พวกนี้ ถูกปลูกกระจายไปตามส่วนต่างๆ

จิวโมไป๋ตั้งสมาธิมองเข้าไปในทะเลสติ ท้องฟ้าสีทองอ่อนมีสีเข้มขึ้นเล็กน้อย ระยะจิตสัมผัสของเขามีขนาด 1.05 ก.ม.

จิวโมไป๋ถอดสมาธิจากทะเลสติ เขารอเวลา เพื่อเริ่มแผนดึงความสนใจจาก วิญญาณฆาตกร

อีกด้านของเขาวงกต

จ้าวลู่เฟินได้ยินเสียงห้าวของจี้หยางเฟย แต่เธอหยุดไม่ทัน แส้ของเธอฟาดใส่เงาดำเบื้องหน้า แต่เงาดำก็ไม่ได้อ่อนแอ แม้จะตกอยู่ในสภาวะไม่ได้สติ เขาก็สามารถป้องกันการโจมตีที่รุนแรงเอาไว้ได้ แต่ก็แลกมาด้วยกระดูดซี่โครงหักถึง 2 ท่อน

จี้หยางเฟยเข้ามาหาจ้าวลู่เฟิน และยกกระบี่ชี้ไปทางเงาดำทั้งสองให้หยุดลง จากนั้นเขาก็ฟันกระบี่ ไปที่พื้นเป็นประโยคคำพูด

‘ถ้าเป็นคน ยกมือขวาขึ้น’

เงาดำทั้งสองชะงัก สติเริ่มกับมา พวกเขาเป็นถึงอัจฉริยะของกลุ่มที่ถูกคัดเลือกมาอย่างยากลำบาก เพื่อเป็นผู้ติดตามใกล้ชิดของนายน้อยของตระกูล สติปัญญาของพวกเขาไม่ได้อ่อนแอจนไม่เข้าใจสถานการณ์

เมื่อตั้งสติได้ พวกเขาก็ยกมือขวา

จ้าวลู่เฟินหันมาสบตาจี้หยางเฟย ก่อนจะทดสอบใช้สัญญาณมือ ถามว่าใช้สัญญาณมือได้ไหม

เงาดำทั้งสองพยักหน้า แล้วก็เปลี่ยนเป็นส่งสัญญาณมือ

ในที่สุดพวกเขาก็รู้ตัว ว่าพวกเขากำลังมองคนอื่นเป็นเงาดำ

ผู้บ่มเพาะวัยกลางคนส่งสัญญาณมือ เพื่อถามถึงข้อมูลของเขาวงกต

แต่ยังไม่ทันที่จะได้แลกเปลี่ยนข้อมูล ผู้บ่มเพาะพลังชาย คนที่ถูกจ้าวลู่เฟินทำร้าย จนซี่โครงหัก เขาอาศัยจังหวะที่ทุกคนกำลังไม่ทันตั้งตัว เขาชกไปที่จ้าวลู่เฟินอย่างรุนแรง

จ้าวลู่เฟินก็ไม่ประมาท เธอเอียงตัวหลบได้อย่างรวดเร็ว

ผู้บ่มเพาะพลังชายส่งสัญญาณมือ บอกผู้บ่มเพาะวัยกลางคน ว่าในกลุ่มคนที่เข้าสวนสนุกมีแค่กลุ่มของพวกเขา สองคนนี้เป็นใครมาจากไหน ทำไมอยู่ๆถึงปรากฏตัวที่นี่ พวกเขาอาจเป็นพวกเดียวกับคนที่ทำให้พวกเขาเป็นแบบนี้ก็ได้

เมื่อผู้บ่มเพาะชายวัยกลางคนได้ยิน เขาก็คิดตามมีความเป็นไปได้มาก ที่จะเป็นอย่างที่ผู้บ่มเพาะชายพูด ผู้บ่มเพาะชายวัยกลางคนรู้สึกเสียหน้า เหมือนถูกหลอก เขาตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้

“ไม่ต้องร่วมมือกัน ในตอนนี้ ถ้ายังฝืนร่วมมือกันต่อไป มันจะได้ผลเสียมากกว่าผลดี”จี้หยางเฟยส่งหันมาพูดกับจ้าวลู่เฟิน พร้อมกับชักกระบี่หิมะบินออกมา

วิญญาณฆาตกรยืนอยู่บนกำแพงเขาวงกต เขามองทุกอย่างด้วยความหัวเสีย มันตรวจสอบคนที่เข้ามาอย่างร้อนรน เพราะมันไม่คิดเลยว่าจะมีผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งเข้ามามากขนาดนี้

มันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจ รีบจับคนที่อ่อนแอให้ได้สัก 2 หรือ 3 คน ถ้าที่นี่ถูกทำลายจริงๆ มันยังจะสามารถพาตัวเหยื่อหนีออกไปได้ มันสามารถนำเหยื่อมาสร้างสวนสนุกขึ้นมาใหม่

สายตาก็มองไปยังหุ่นตงมอเทียน มันก็ละความสนใจ และมองไปที่จิวโมไป๋ที่สวนดอกไม้ ใบหน้าของมันกลายเป็นจริงจังขึ้นมา ในตอนแรกมันเห็นจิวโมไป๋ถืออาวุธและเข้ามา ในเวลาไล่เลี่ยกับคนในชุดคลุม และยังสวมชุดคลุมเหมือนกันอีก แม้ระดับการบ่มเพาะพลังจะอ่อนแอที่สุด แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย คิดว่าจิวโมไป๋เป็นกลุ่มเดียวกัน

มันจึงต้องทดสอบความแข็งแกร่งของจิวโมไป๋ก่อน

ตอนนี้จิวโมไป๋กำลังวิ่งงุนงงอย่างไร้สติ บางครั้งก็ล้มลงไปในดงดอกไม้ ก่อนจะยืนขึ้นมาวิ่งต่อ ในมือไม่ได้ถืออาวุธแล้ว วิญญาณฆาตกรมองนิ่ง เขาลังเลเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองฉินซื่อหลัน ที่กำลังหมดสภาพ ไร้เรี่ยวแรง วิญญาณกำลังพังทะลาย วิญญาณฆาตกรเผลอตัวแลบลิ้นยาวออกมาเลียรอบปาก ก่อนจะตัดสินใจ ไปจับฉินซื่อหลันก่อน

ร่างของมันกลายเป็นพายุพุ่งไปทางนั้นทันที

ฉินซื่อหลันนั่งพิงผนังอย่างเหนื่อยอ่อน เธอหาทางออกอยู่นานก็ไม่พบ เหมือนกับว่าที่นี่ไม่มีทางออก

ยิ่งเธอเดินผ่านทางแยก หรือ ทางเลี้ยว จิตใจของเธอก็หดหู่สิ้นหวัง เธออย่างจะล้มตัวลงไม่ฟื้นขึ้นมาอีก เธอนั่งมองไปรอบๆอย่างสิ้นหวัง เธอเฝ้ารอตอนเช้า เมื่อมีแสงดวงอาทิตย์ขึ้น เธออาจจะหาทางออกจากเขาวงกตก็ได้

แต่ในตอนนั้นเอง สายตาเธอก็ไปสะดุด ที่หุ่นไม้ตั้งอยู่เบื้องหน้า เหมือนอยู่ๆก็ปรากฏขึ้น เธอชะงักด้วยความตกใจ แต่สุดท้ายเธอเหมือนถูกอะไรดลใจ ให้ลุกขึ้นไปตรวจสอบหุ้นไม้ เธอมองสำรวจสอบๆหุ่นไม้ ก่อนจะยกมือขึ้นทุบหุ่นไม้จนแตก มีดสั้นเต็มไปด้วยสนิมปรากฏขึ้น

เธอหยิบขึ้นมาด้วยความงุนงง เหมือนสติไม่อยู่กับตัว

“ฮิฮิ มาเริ่มเล่นเกมส์กันเถอะ”เสี่ยงแหบแห้งดังขึ้นข้างหูของฉินซื่อหลัน เธอกรีดร้องตกใจล้มลงไปนั่งบนพื้น สายตากวาดไปรอบๆ

“เกมส์นี้เป็นเกมส์ง่ายๆ ฉันจะถามคำถาม 3 ข้อ คำตอบมีแค่ใช่หรือไม่ แต่แกต้องตอบ ใช่ เท่านั้น ถ้าตอบครบ 3 ข้อ ฉันจะปล่อยแกไป”เสี่ยงแหบแห้งดังขึ้นรอบๆ เหมือนไม่อยู่ในจุดเดิม

ฉินซื่อหลันตั้งสติได้เล็กน้อย เธอได้ยินว่าถ้าเธอตอบถูก มันจะปล่อยเธอไป ทำให้เธอพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว

“ข้อที่หนึ่ง แกเป็นผู้หญิงใช่หรือไม่”เสียงแหบแห้งถามก่อนจะหัวเราะเบาๆ

“ใช่”ฉินซื่อหลันตอบ

“ข้อที่สอง แกไม่ชอบเลือดใช่หรือไม่”เสียงแหบแห้งถาม

“ใช่”

“ข้อสุดท้าย แกอยากเป็นหุ่นใช่หรือไม่”เสียงแหบแห้งถาม บรรยากาศรอบข้างพลันเย็นยะเยือก

“ฉัน…”ฉินซื่อหลันในตอนนี้ได้สติแล้ว เธออ้าปากค้างไม่รู้จะพูดอะไร ตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่? ใครกำลังพูดกับเธอ? ผีหรือปีศาจ?

“ตอบมา ถ้าไม่ตอบก็ตาย”เสียงแหบแห้งดังขึ้น กดดันให้ฉินซื่อหลันต้องกลืนน้ำลายด้วยความกลัว สุดท้ายเธอก็ต้องจำใจตอบ

“ใช่”

“ดีๆ ฉันจะปล่อยแกไป”เสียงแหบแห้งดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

“แต่เพราะแกอยากเป็นหุ่น ฉันจะทำตามความปรารถนาของแก ให้เป็นจริงเอง ฮิฮิ”วิญญาณฆาตกรปรากฏเบื้องหน้าฉินซื่อหลัน พื้นดินใต้เท้าของเธออยู่ๆก็กลายเป็นโคลน ค่อยๆไล่ขึ้นจากขา ขึ้นมาเรื่อยๆ

“อย่า! ปล่อยฉัน!”ฉินซื่อหลันพยายามดิ้นให้หลุดแต่ก็ทำไม่ได้ วิญญาณฆาตกรในชุดสูทหัวเราะเสียงดัง ก่อนเอื้อมมือมาหยิบมีดสั้นที่เต็มไปด้วยสนิม ในมือของฉินซื่อหลัน

มันเลียไปรอบๆใบมีด แววตาดำมืดจ้องมองทั่วร่างของฉินซื่อหลัน ราวกับว่าเขากำลังเลือกอาหาร

“ฮาาา ดูเหมือนว่า ฉันจะติดใจเลือดของผู้บ่มเพาะแล้วสิ”วิญญาณฆาตกรค่อยๆเอามีดขึ้นสนิมลากเบาๆ ไปตามผิวขาวของฉินซื่อหลัน

“ฉันจะเริ่มจากตรงไหนดีนะ…”

ฉินซื่อหลันพยายามดิ้นรน แต่เธอที่เป็นผู้บ่มเพาะขั้นที่ 3 ปลายก็ไม่สามารถดิ้นหลุด ในขณะที่เธอสิ้นหวังมากที่สุด

“หยุด!”เสียงร้องตะโกนดังขึ้น วิญญาณฆาตกรและฉินซื่อหลัน ชะงักเงยหน้ามองไปด้านบน เห็นร่างของมู่คังกำลังตกลงมา ในมือของเขามีแท่งเหล็ก กำลังฟาดลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก ใส่ร่างของวิญญาณฆาตกรอย่างแรง

ปัง!

วิญญาณฆาตกรล้มลงไปกระแทกกับพื้นอย่างแรง

“แก”วิญญาณฆาตกรลุกขึ้นมาร้องเสียงดัง ก่อนจะสลายร่างหายไป

มู่คังร่วงลงพื้นแล้วกลิ้งไปสามตลบ ก่อนจะพยายามลุกขึ้นยืน แต่ข้อเท้าซ้ายของเขาร้าว เลือดไหลอาบขา แม้จะเป็นผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 4 ต้น แต่การตกจากความสูงขนาดนี้ ไม่ตายก็ถือว่าแข็งแกร่งมากแล้ว

มู่คังลุกขึ้นมามองไปรอบๆ บรรยากาศเย็นยะเยือกมาจากด้านขวา เขาหันไปฟาดแท่งเหล็ก ใส่วิญญาณฆาตกรอย่างแรง จนมันกระเด็นออกไป

“แกตีฉันได้ยังไง”วิญญาณฆาตกรลุกขึ้นมาจ้องมู่คังอย่างดุร้าย

“มีคนสอนฉันว่า ให้ตีเข้าไปที่ส่วนที่มืดที่สุดในร่างของพวกแก หึ…แต่กับแกฉันไม่ต้องเล็งให้ยุ่งยากเลย”มู่คังยักคิ้วท้าทาย

“ดีดี แม้ว่าฉันจะไม่ชอบพวกใจกล้า แต่ฉันก็ไม่รังเกียจ ที่จะเก็บแกไว้เป็นคอลเลคชั่นของฉัน”วิญญาณฆาตกรกลายเป็นพายุ พุุ่งเข้าใส่มู่คัง

แต่มู่คังยิ้มออกมา เขาโยนแผ่นยันต์ออกไปใส่พายุ ทันทีที่แผ่นยันต์กระทบกับพายุ

ตูม! แผ่นยันต์ระเบิดอย่างรุนแรง

มู่คังถูกแรงระเบิดพันไปด้านหลัง มันยิ่งทำให้เท้าซ้ายปวดร้าวไปมากกว่าเดิม

“อ๊าาากก แกไอ้สารเลว ฉันจะฆ่าแก”เสียงกรีดร้องดังขึ้น ก่อนที่หมอกสีเทารอบๆจะค่อยๆลดลง

เมื่อเห็นว่าวิญญาณฆาตกรหายไป มู่คังก็ลุกขึ้นยืน เขาเดินขากะเผลกไปช่วยฉินซื่อหลัน

“นาย”ฉินซื่อหลันเห็นหน้ามู่คัง เธอจะพูดอะไรบางอย่าง

“ฉันรู้ว่าเธอจะพูดอะไร ฉันขอโทษที่ตบหน้าเธอ ตอนนั้นฉันกำลังช่วยตงมอเทียนจีบเธอ…”มู่คังพูดขอโทษและอธิบายขณะเดินลากขา ไปช่วยฉินซื่อหลันดึงขาออกจากโคลน

อยู่ๆเขาวงกตก็สั่นไหวอย่างรุนแรง แต่ไม่นานก็สงบลง

จิวโมไป๋หยุดแกล้งทำเป็นว่า เขากำลังถูกดอกไม้กล่อมประสาท เขาสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณ ที่ควบคุมอาณาเขตวิญญาณสวนสนุกฆาตกร อยู่ๆก็อ่อนแรงลง

“มีใครทำร้ายวิญญาณฆาตกรได้?”จิวโมไป๋ไม่รอช้า เขาใช้จิตสัมผสทันที

เพราะเมื่อวิญญาณถูกทำลายจนบาดเจ็บ อาณาเขตวิญญาณจะอ่อนแอลงอย่างมาก ทำให้การควบคุมอาณาเขตมีขนาดเล็กลง

ในช่วงเวลานี้วิญญาณฆาตกรจะกำลังหนีหาที่ซ่อนตัว มันเป็นโอกาสที่จะตามหาร่องรอยของวิญญาณฆาตกร

เมื่อพบที่ซ่อน เขาก็แปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมา เพราะเป็นที่วิญญาณฆาตกรถูกเขากำจัดเมื่อในอดีต

จิวโมไป๋ส่งสัญญาณให้เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมย กำจัดพนักงานผี ก่อนที่เขาจะใช้จิตสัมผัสหาคนอื่นที่เข้ามาในเขาวงกต เขาก็ต้องตกใจ

“ทำไมพวกเขาถึงมาอยู่ที่นี่?”

ทางด้านจี้หยางเฟย เมื่อเขาวงกตสั่นไหว เงาดำที่ปกคลุมคู่ต่อสู้ร่างกายของพวกเขา ก็หายไป

“ฉันเป็นคนของหน่วยงานตรวจสอบความปลอดภัยของประเทศ พวกนายรู้ไหมว่า พวกนายกำลังขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเราอยู่”จ้าวลู่เฟิน หยิบตรารูปกิเลนสีดำออกมาให้ทั้งสองดู

เพราะเธอเชื่อว่า ผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังอย่างพวกเขา ไม่ได้เป็นคนไร้ที่มา พวกเขาต้องรู้จักตรานี้แน่

เมื่อทั้งสองเห็นตราสีดำใบหน้าก็ซีดทันที

“ขอโทษที่ฉันก่อเรื่องให้พวกคุณต้องลำบาก”ผู้บ่มเพาะชายวัยกลางคนรีบร้อนพูดขอโทษ เพราะคนของหน่วยงานตรวจสอบความปลอดภัยของประเทศ ถือว่าเป็นหน่วยงานระดับสูงของประเทศ ที่มีอำนาจเด็ดขาดที่จะจัดการกับผู้บ่มเพาะพลังที่ออกนอกกฎ เขาไม่อยากผิดใจกับคนของหน่วยนี้

ผู้บ่มเพาะชายยังคงไม่ยินยอมที่จะขอโทษเขาถาม”ช่วยบอกตำแหน่งของพวกคุณได้ไหม ผมจะแจ้งหัวหน้าตระกูล เพื่อส่งข้อความขออภัยไปให้”

จ้าวลู่เฟินยิ้มเย็นชาเธอหันไปก้มหัวให้จี้หยางเฟย

“เขาเป็นหัวหน้าหน่วยของเรา ถ้ามีอะไรนายสามารถถามเขาได้”

ผู่บ่มเพาะชายนิ่งเงียบ เขารู้ดีถึงความหมายของจ้าวลู่เฟิน คนที่สามารถเป็นหัวหน้าของหน่วยลับ ได้จะต้องเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ที่โดดเด่น และความแข็งแกร่งที่เหนือกว้าคนที่ไป เมื่อดูจากอายุของจี้หยางเฟย เป็นหัวหน้าหน่วยในวัยแค่นี้…

ผู้บ่มเพาะพลังชายก้มหน้าไม่พูดอะไรอีก

“เกิดอะไรขึ้นพื้นที่แปลกๆ ถูกทำลายแล้วเหรอ”ผู้บ่มเพาะพลังชายวัยกลางคนพูดเปลี่ยนเรื่อง เขาไม่อยากถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

เขาชกหมัดใส่ผนังไม้เลื้อย ก็พบว่าพวกมันสั่นไหวอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่ฉีกขาด ยังคงไม่สามารถทำลายพวกมันได้เหมือนเดิม

“ไม่ว่าที่นี่จะถูกสร้างจากอะไร ฉันมั่นใจว่าในตอนนี้ พลังของมันอ่อนแอลง”ผู้บ่มเพาะพลังชายวัยกลางคนพูด

“ฉันขอแยกตัวไปหานายน้อยก่อน”ผู้บ่มเพาะพลังชายรีบพูด และวิ่งจากไป ไม่รอให้คนอื่นพูด

ผู้บ่มเพาะพลังชายกลางคนยิ้มให้จี้หยางเฟยและจ้าวลู่เฟิน ก่อนที่เขาจะวิ่งไปอีกทาง อยู่ใกล้คนของหน่วยงานตรวจสอบความปลอดภัยของประเทศ มากเกินไปเรื่องยุ่งๆจะตามมา ยอมเสี่ยงหลงทางในเขาวงกตดีกว่าอยู่ใกล้พวกเขา

จี้หยางเฟยและจ้าวลู่เฟินหันมาสบตากันก่อนจะเดินไปอีกทาง

วิญญาณฆาตกรรีบไปที่กึ่งกลางเขาวงกต มีต้นไม้ขนาดใหญ่ที่แห้งตาย เหลือแต่กิ่งไม้ เขารีบร้อนไปที่ประตูลับด้านหลังต้นไม้ แต่ในตอนนั้นเอง พื้นที่มันเหยียบพลันเรืองแสงสีทองอ่อน

“ผู้ใช้พลังวิญญาณ!”วิญญาณฆาตกรกรีดร้องเสียงดัง มันพยายามจะสะบัดให้หลุด แต่…

คมกระบี่สีเทาวาดผ่านคอของมันจากด้านหลัง

หัวของมันหลุดลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ภาพสุดท้ายก่อนที่มันจะกลับไปยังโลกวิญญาณ คือชายในชุดคลุมที่ถือกระบี่สีเทา

ตายง่ายมากฮ่าๆ ไม่ต้องแปลกใจครับ ถ้าวิญญาณฆาตกรมันไม่ปลอดแหก ยอมสู้ตรงๆ จิวโมไป๋สามารถกำจัดมันได้ง่ายๆอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงตอนที่มันกำลังอ่อนแอแบบนี้ด้วย

ขอโทษที่ช้าครับ จะเขียนให้จบในตอนเดียว ดันยาวไปหน่อย ฮ่าๆ ฝันดีครับทุกคน^^

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด