ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ 207

Now you are reading ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ Chapter 207 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
หลิงหวงเทียน

หลิงหวงเทียนถือดาบไม้เดินอย่างช้าๆไปยังสนามประลอง ผู้ชมบนที่นั่งคนดูต่างก็หันไปพูดคุยกันเอง พวกเขาไม่สนใจการประลองที่กำลังจะเริ่ม เพราะพวกเขาคิดว่าคู่ต่อสู้ของหลิงหวงเทียนจะต้องประกาศยอมแพ้ เหมือนอย่างคนก่อนหน้า

เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนประกาศยอมแพ้ เมื่อเริ่มต้นการประลองกับหลิงหวงเทียน การประลองครั้งก่อนๆ ก็มีคนจำนวนมากที่ได้ประลองกับหลิงหวงเทียนและประกาศยอมแพ้ตั้งแต่เริ่ม ถ้าไม่มีอิทธิพลเบื้องหลังที่แข็งแกร่ง พวกเขาก็ไม่กล้าท้าทายหลิงหวงเทียน เพราะกลัวความแข็งแกร่งของตระกูลหลิง

จิวโมไป๋ถือหอกไม้เดินมาจากอีกฝั่งของสนามประลอง เขามาหยุดยืนนิ่งกลางสนามประลอง ตั้งท่าพร้อมต่อสู้ เขาไม่ประกาศยอมแพ้เหมือนที่ทุกคนคาดเอาไว้

หลิงหวงเทียนมองสบตาจิวโมไป๋ด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะกลับมาเรียบเฉยเช่นเดิม

ทั้งสองยืนเผชิญหน้ากัน จิวโมไป๋ได้มีโอกาสสำรวจหลิงหวงเทียน ใบหน้าหล่อเหลาดูมีความสุขุม บรรยากาศรอบตัวแฝงไว้อ้างว้างทุกข์ตรม เหมือนกับว่าเขากำลังแบกรับอะไรบางอย่างที่หนักหนาเอาไว้อยู่

จิวโมไป๋มองสบนัยน์ตาที่มืดมน แฝงความต้องความต้องการได้รับการยอมรับ

แววตาแบบนั้น มันหมายความว่ายัง?

ในขณะที่จิวโมไป๋กำลังครุ่นคิดอยู่ สัญญาณการประลองก็ดังขึ้น จิวโมไป๋ตั้งสติหมุนพลองไม้ในมือและเป็นฝ่ายบุกเข้าหาหลิงหวงเทียน

ในทันทีที่สัญญาณเริ่มการประลองดังขึ้น หลิงหวงเทียนก็เคลื่อนไหวพร้อมกัน

ทั้งสองพุ่งเข้ามาปะทะกันกลางสนามประลอง

จิวโมไป๋หมุนพลองไม้ฟาดกวาดข้าง เงาพลองหมุนควงเป็นคลื่นพลองฟาดไปอย่างรุนแรง

หลิงหวงเทียนสัมผัสได้ถึง พลังอันรุนแรงของพลองไม้ที่ฟาดมา เขาใช้ท่าร่างเหินตัวลอยขึ้นหลบพลองไม้ ดาบไม้ในมือฟันตรงลงกลางหัวของจิวโมไป๋

จิวโมไป๋เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะใช้ท่าร่างย่างก้าวประกายภูต หมุนตัวหลบทิ้่งเงาไว้เบื้องหลัง

หลิงหวงเทียนฟันลงไปที่เงา ทันทีที่ดาบไม้สัมผัสเงาที่จิวโมไป๋ทิ้งไว้ เขาก็รู้ตัวทันทีว่าเป็นภาพติดตา เขาบิดดาบไม้พร้อมหมุนร่าง และแทงดาบไม้พุ่งตามร่างจริงของจิวโมไป๋ ที่ไปปรากฏตัวอยู่อีกด้าน

จิวโมไป๋หมุนตัวกลับมาใช้พลองตั้งรับ

ปัก! ดาบไม้และพลองไม้ปะทะกัน หลิงหวงเทียนกดดาบไม้ลง จิวโมไป๋ยันพื้นสนามประลอง เขาถือพลองไม้ต้านทานเอาไว้ เขารู้ได้ทันทีว่าหลิงหวงเทียนกำลังทดสอบกำลังของเขาอยู่ จิวโมไป๋ตามน้ำแสร้งลดกำลังตัวเองลง

จิวโมไป๋ก็ตรวจสอบกำลังของหลิงหวงเทียน เขาลดความแข็งแกร่งของตัวเองให้เท่าหลิงหวงเทียน เขาจะใช้แต่ทักษะการต่อสู้มาประลองกับหลิงหวงเทียน เพื่อไม่ให้การประลองผิดสังเกตจนเกินไป

หลิงหวงเทียนขมวดคิ้ว เพราะเขาสัมผัสได้ว่ากำลังของจิวโมไป๋ไม่ต่างกับเขาเลย เขาผ่อนแรงกดปล่อยให้จิวโมไป๋สะบัดพลองไม้ขึ้นเพื่อปัดดาบ หลิงหวงเทียนกวาดเท้าไปด้านหลัง ทำให้เขาตั้งหลักได้อย่างมั่นคง ดาบไม้ชี้ไปยังจิวโมไป๋ และแทงตรงอย่างรุนแรง

จิวโมไป๋เห็นดังนั้น เขาก็เลื่อนมือจับพลองไม้ที่ปลายพลอง ก่อนจะพลิกข้อมือบิดพลองไม้ลงไปกระแทกพื้น ร่างของจิวโมไป๋หมุนตัวหลบดาบไม้ที่แทงเข้ามา ลอยผ่านเหนือร่างของหลิงหวงเทียน พลองไม้ในมือหมุนเป็นวงกลมฟาดไปที่กลางหลังที่ว่างเปล่าของหลิงหวงเทียน

ปัง!

หลิงหวงเทียน 950/1000

แรงกระแทกอันรุนแรง ทำให้พลังชีวิตของหลิงหวงเทียน ลดลงก่อนเป็นคนแรก

หลิงหวงเทียนเซไปข้างหน้าเล็กน้อย เขาไม่ตกใจลนลาน เขาบิดเท้าหมุนตัวสองรอบสลายแรงปะทะ ดาบไม้ในมือยกขึ้นมาป้องกัน

จิวโมไป๋เหยียบเท้าลงพื้น เขาก็ไม่รอช้าพุ่งตามมา เขายกพลองไม้สูงและฟาดลงมาอย่างรุนแรง พลังกดดันอันรุนแรงแผ่ขยายออกมาพลองไม้ เหมือนภูเขาหนักกำลังตกลงมา

สีหน้าของหลิงหวงเทียนเรียบเฉย ไม่แตกตื่นตกใจเขาเกร็งกล้ามเหนือทั่วร่างพลังกดดันระเบิดออกจากร่างกาย โหมกระหน่ำไปด้านหน้า ดาบไม้ฟันปะทะตรงๆไม่หลบหลีก

ปั้ง! เสียงดาบไม้และพลองไม้ปะทะกันเสียงดังลั้น คลื่นพลังของทั้งสองกระจายออกไปโดยรอบจนเกิดภาพสั่นไหว สามารถมองเห็นได้ตรวจตาเปล่า

ผู้ชมบนที่นั่งคนดูต่างก็หันมามองด้วยความตื่นเต้น

หลิงหวงเทียนยิ้มออกมาอย่างแผ่วเบาเป็นครั้งแรก นัยน์ตาฉายแววตื่นเต้นเต็มไปด้วยความต้องการที่จะต่อสู้

จิวโมไป๋ถอยเท้าไปสองก้าว พลองไม้หมุนควงไปด้านหลังพร้อมฟาดออกไปได้ทุกเวลา เขามองหลิงหวงเทียนด้วยความแปลกใจ

แม้ว่าภายในร่างกายของหลิงหวงเทียน จะเต็มไปด้วยสิ่งสกปรกตกค้างจากโอสถ แต่ร่างการของเขาก็ผ่านการฝึกฝนมาอย่างยอดเยี่ยม ร่างกายของหลิงหวงเทียนเขาอ่อนแอกว่าอูเหวินแค่เพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น

อูเหวินเป็นคนที่มีร่างกายอ่อนแอที่สุดในสี่พี่น้อง

ทั้งสี่คนฝึกร่างกายจนแข็งแกร่งกว่า ผู้บ่มเพาะพลังสายร่างกายไปมาก หลิงหวงเทียนที่สามารถฝึกฝนร่างกาย จนเกือบเทียบเท่าอูเหวินได้ ถ้าไม่ใช้ความพยายามมหาศาล ด้วยร่างกายแบบนี้ได้ เขาไม่มีทางเลยที่จะฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งได้

และที่น่าแปลกใจอีกอย่างก็คือ หลิงหวงเทียนฝึกวิชาดาบพื้นฐาน เขาไม่ได้ฝึกกระบวนท่าวิชาดาบอื่นๆอีก พูดได้ว่าเขาเป็นผู้ฝึกวิชาพื้นฐานบริสุทธิ์เหมือนกับเซี่ยลี่เยว่

กระบวนท่าของหลิงหวงเทียนก็เฉียบคมและแม่นยำ จิวโมไป๋สามารถดูออกได้ว่าหลิงหวงเทียนไม่ได้มีพรสวรรค์ในกระบวนมากนัก แต่ตอนนี้วิชาดาบพื้นฐานที่หลิงหวงเทียนฝึกถึงระดับเข้าใจ อีกเพียงก้าวเดียวก็จะถึงระดับตระหนักรู้

สำหรับคนที่ไม่พรสวรรค์ในความเข้าใจเคล็ดวิชา หลิงหวงเทียนสามารภฝึกถึงขั้นนี้ และด้วยร่างกายแบบนี้ ไม่มีใครรู้ได้เลยว่าหลิงหวงเทียน จะต้องใช้ความพยายามมากมายขนาดไหน

มันยิ่งทำให้จิวโมไป๋แปลกใจ เพราะคนที่มีความพยายามฝึกฝนอย่างหนักอย่างหลิงหวงเทียน ไม่มีทางเลยที่เขาจะใช้โอสถเพื่อเร่งการบ่มเพาะพลังจน ภายในร่างกายเกิดสิ่งตกค้างได้

บนห้องพิเศษ

“ผู้อาวุโสสาม ว่าที่ผู้สืบทอดตระกูลหลิงของท่าน ฝีมือของเขาไม่เลวเลย”ชายวัยกลางคนร่างกำยำหันมาเอยชมกับชายวัยกลางคนร่างสูง

“นายน้อยคนโต เขาเป็นคนประเภท บ้าฝึกฝน ถ้าไม่นับเวลาท่านอาหาร เข้าห้องน้ำ หรือต้องทำธุระที่จำเป็น เวลาที่เหลือ นายน้อยจะใช้ในการบ่มเพาะทั้งหมด”หลิงตงหมิงกล่าวเหมือนยกย่อง แต่แววตาของเขาไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเลย

“อ่อ น่าชื่นชม น่าชื่นชม ยากนักที่คนในวัยเพียงแค่นี้ จะบ่มเพาะพลังแบบนั้นได้”ชายวัยกลางคนร่างกำยำพยักหน้าเบาๆ เขาไม่ได้สังเกตสีหน้าผู้อาวุโสสาม

บนสนามประลอง

จิวโมไป๋และหลิงหวงเทียนต่อสู้กันอย่างดุเดือด รุนแรง พลังกดดันของทั้งสองพุ่งปะทะกันจนเดินคลื่นพลังกวาดไปทั่วสนามประลอง ทั้งสองใช้กระบวนท่าและท่าร่างเข้าต่อสู้กัน ทั่วสนามประลองอย่างไม่มีใครยอมใคร ทั้งสองมีพละกำลังใกล้เคียงกัน แต่จิวโมไป๋ไม่ได้ฝึกวิชาพลองพื้นฐาน วิชาพลองผ่านฟ้าของเขาอยู่ในระดับเข้าใจเช่นกัน

วิชาพลองผ่านฟ้าที่จิวโมไป๋สร้าง เป็นวิชาพลองที่พัฒนามาจากวิชาพลองพื้นฐาน แม้เคล็ดวิชาจะถูกปรับเปลี่ยนเพิ่มพลังโจมตีอันรุนแรงมากขึ้น แต่เคล็ดวิชาส่วนใหญ่ก็ยังคงอ้างอิงจากวิชาพลองพื้นฐาน

วิชาพลองผ่านฟ้าจึงเหนือกว่าวิชา พลองพื้นฐานเพียงแค่หนึ่งหรือสองขั้นเท่านั้น

ที่จิวโมไป๋ทำแบบนี้เป็นเพราะ เขายังไม่อยากตัดเส้นการฝึกวิชาพลองไปโดยสมบูรณ์

ทำให้จิวโมไป๋ได้เปรียบหลิงหวงเทียน เรื่องกระบวนท่าเพียงเล็กน้อย

ปัง!

พลองไม้กระแทกดาบยาวอย่างแรง หลิงหวงเทียนถอยไปสามก้าว เขาประคองตัวเอาไว้ได้ หลิงหวงเทียนสูดลมหายใจตั้งสมาธิ มือกำดาบไม้แน่น จากการปะทะกันหลายครั้ง มันทำให้เขารู้ว่ากระบวนท่าด้อยกว่า พลังชีวิตของเขาก็น้อยกว่าของจิวโมไป๋ การต่อสู้ครั้งนี้ เขามีโอกาสแพ้เก้าในสิบส่วน

แม้จะคิดอย่างนั้น แต่สายตาของหลิงหวงเทียน ยังคงเต็มไปด้วยความต้องการต่อสู้ ไม่ยอมแพ้

จิวโมไป๋ถีบร่างทะยานเข้าหาหลิงหวงเทียน พลองไม้หมุนวนเป็นคลื่นพลองนับไม้ถ้วนก่อนจะกระแทกออกไปอย่างรุนแรง

หลิงหวงเทียนถอยเท้าไปหลายก้าว เมื่อพลังของพลองไม้ลดลง ดาบไม้ในมือก็ฟันออกไป คลื่นพลังกระแทกเข้าใส่ปลายพลอง

ปัก! พลองไม้ในมือสั่นระริก จิวโมไป๋กำแน่นไม่ปล่อย ดึงพลองไม้กลับก่อนจะควงพลองไม้ขึ้นตั้งรับ อีกดาบที่ฟันลงมา

ปัก! เสียงปะทะกันดังขึ้น จิวโมไป๋เอียงพลองไม้เล็กน้อย ผลักพลองไม้ไปอีกด้าน ก่อนจะยกเท้าเตะใส่ร่างหลิงหวงเทียน

แต่หลิงหวงเทียนเหมือนจะรู้เป้าหมายของจิวโมไป๋ เขาไม่ตั้งรับแต่พุ่งตัวไปอีกด้านพร้อมหมุนตัวฟันใส่ร่างของจิวโมไป๋ที่เปิดโล่ง

จิวโมไป๋ดึงพลองไม้กลับมาอย่างรวดเร็ว

ปัง! เพราะยังทรงตัวไม่ดี ดาบไม้ฟันกระแทกพลองไม้อย่างแรง ทำให้จิวโมไป๋กระเด็นไปถึงสี่ก้าว

หลิงหวงเทียนพุ่งร่างตาม พร้อมแทงดาบไม้เสียบไปที่อกของจิวโมไป๋

คลื่นดาบพุ่งเข้าหาอย่างน่ากลัว จิวโมไป๋ยกพลองไม้ฟาดต้านรับอย่างเต็มกำลัง

เปรี้ยง! ดาบไม้ในมือของหลิงหวงเทียนถูกฟาดอย่างแรงจน แขนของหลิงหวงเทียน ถูกโยกตามไป

จิวโมไป๋ไม่ปล่อยโอกาสให้เสียไป พลองไม้ควงฟาดไปที่ร่างของหลิงหวงเทียนอย่างแรง

หลิงหวงเทียนเห็นพลองไม้ฟาดเข้ามา เขาใช้ท่าร่างหลบ แต่เพราะตั้งตัวไม่ดี ทำให้ร่างของหลิงหวงเทียนเสียหลักไปเล็กน้อย จิวโมไป๋ใช้ย่างก้าวประกายภูตแยกร่างสามร่าง ทั้งสามร่างฟาดพลองไม้จากสามทิศทาง

หลิงหวงเทียนเห็นดังนั้น เขาก็ยังไม่วอกแวก เขามองไปยังสองร่างทางขวาสุดที่ดูเหมือนจะเคลื่อนที่ช้าเล็กน้อย เขาตัดสินใจพุ่งไปที่ร่างทางซ้ายที่เขาคิดว่าเป็นร่างจริง ดาบไม้ฟันฉับลงไปอย่างแรง

ดาบไม้ฟังลงไปถึงส่วนหัวของจิวโมไป๋

หลิงหวงเทียนรู้ได้ทันทีว่าเป็นร่างเงา แต่เขาไม่หยุดเท้า พุ่งไปต่อเพราะร่างจริงอาจอยู่ด้านหลัง ถ้าเขาช้า เขาอาจถูกโจมตีด้านหลังได้ หลิงหวงเทียนพุ่งผ่านร่างเงา พร้อมกับหันกลับไปมองเงาทั้งสอง

ร่างจิวโมไป๋ที่ถูกฟันสลายไป แต่จิวโมไป๋ตัวจริงซ้อนอยู่ด้านหลัง

ในเวลาที่หลิงหวงเทียนหันไปมองด้านหลัง จิวโมไป๋ก็ยกพลองไม้ฟาดหลิงหวงเทียนอย่างแรง

ปัง! เสียงกระแทกอย่างแรงดังขึ้น ร่างของหลิงหวงเทียนกระเด็นหน้าทิ้มลงไปอย่างแรง

พลังชีวิตของหลิงหวงเทียน ลดลง 300 เหลือ 400/1000

จิวโมไป๋ยังเหลือพลังชีวิตอยู่ 800/1000

หลิงหวงเทียนถูกฟาดกระเด็นออกไปอย่างแรง กลิ้งไปหลายตลบบนพื้น พลังโจมตีของจิวโมไป๋รุนแรงจริงๆ

คนดูอึ้งด้วยความตกใจ พวกเขาไม่คิดว่าจิวโมไป๋จะกล้าต่อสู้กับหลายตลบแบบนี้

หลิงหวงเทียนลุกขึ้นมา แววตายังคงฉายแววตื่นเต้น ไม่ยอมแพ้

จิวโมไป๋อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาเปลี่ยนแผนไม่ผลักหลิงหวงเทียนตกจากสนามประลอง เมื่อพลังชีวิตลดลงเยอะอีกแล้ว

เพราะมันเป็นการไม่ให้เกียรติคู่ต่อสู้ ที่เต็มไปด้วยวิญญาณแห่งการต่อสู้

จิวโมไป๋ตัดสินใจที่จะเอาชนะหลิงหวงเทียนบนสนามประลอง

หลิงหวงเทียนบิดตัวเล็กน้อยขับไล่ความเจ็บปวดที่หลัง ก่อนจะตั้งท่ายกดาบไม้ขึ้น

จิวโมไป๋ใช้ท่าร่างย่างก้าวประกายภูตอีกครั้ง

เงาสามร่างพุ่งเข้าหาหลิงหวงเทียนจากสามทิศทาง คลื่นพลังกดดันแผ่โหมเข้ามาจากทั้งสามร่าง

หลิงหวงเทียนสูดลมหายใจช้าๆ ควงดาบก่อนจะตัดสินใจปะทะตรงๆ!

ดาบไม้ในมือฟันออกไป ดาบไม้เกิดพลังงานบนดาบอย่างบางเบาผสานรวมกับคลื่นพลังกดดัน

จิวโมไป๋ชะงักเล็กน้อยด้วยความตกใจ เขาไม่คิดว่าหลิงหวงเทียนจะเข้าสู่ระดับตระหนักรู้ในวิชาดาบพื้นฐานในเวลานี้!

ฉัวะ เงาทั้งสามขาดกระจายหายไป

หลิงหวงเทียนหรี่ตามอง ก็ไม่พบร่างของจิวโมไป๋

“ระวัง!”เสียงร้องเตือนดังขึ้น หลิงหวงเทียนชะงักหันไปมองด้านบน พลองไม้ก็ตกลงมากลางหัวของเขา พลังกดดันอันมหาศาลเกินขึ้นฉับพลัน ทำให้หลิงหวงเทียนรู้สึกเหมือนถูกกดทับ ไม่สามารถหลบได้ จึงรีบยกดาบไม้ขึ้นป้องกัน แต่ก็ช้าไปพลองไม้กระแทกดาบไม้ ลงไปที่กลางหัวของหลิงหวงเทียนอย่างแรง

ปัง! พลังชีวิตของหลิงหวงเทียนลดลงไปเหลือ 100/1000

จิวโมไป๋ม้วนตัวลง เท้ากระแทกพื้นพุ่งทะยานเข้าหาหลิงหวงเทียน มือแทงพลองไม้ออกไปอย่างแรง หลิงหวงเทียนที่ถูกฟาดเข้าที่กลางหัวอยู่ในอาการมึนงง แต่มือยังกำดาบไม้แน่น ประสาทสัมผัสของเขารู้สึกถึงอันตราย เขาหันไปมองพลองไม้ที่พุ่งเข้ามา ดาบไม้จะยกขึ้นป้องกัน แต่พลองไม้กระแทกถึงร่างของหลิงหวงเทียนก่อน

ปัง! พลังโจมตีกระแทกร่างของหลิงหวงเทียนจนกระเด็นไปด้านหลัง พลังชีวิตลดลงเหลือ 0 ทันที

“จบการประลอง ผู้ชนะจิวโมไป๋ ปี 1”

เสียงประกาศดังขึ้น ผู้ชมบนที่นั่งคนดู เหมือนพึ่งได้สติ พวกเขาร้องตะโกนด้วยความตกใจ ที่หลิงหวงเทียนแพ้ตั้งแต่รอบสอง บางคนคาดเดาว่าอาจเกิดเรื่องอะไรขึ้นหลังจากนี้ด้วยซ้ำ

จิวโมไป๋เดินไปหาหลิงหวงเทียน พร้อมยื่นมือไปให้ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาวัดใจ ถ้าหลิงหวงเทียนไม่จับมือ ในภายหลังเขาอาจถูกคนตระกูลหลิงตามรังควานอย่างแน่นอน

เขาหวังว่าจะไม่มองคนผิด

และหลิงหวงเทียนก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง

หลิงหวงเทียนมองสบตาจิวโมไป๋ เหมือนจะพยายามอ่านใจ ก่อนจะยื่นมือมาจับมือจิวโมไป๋และลุกขึ้น จิวโมไป๋โน้มตัวไปอย่างหน้าเล็กน้อย และกระซิบบอกอะไรบางอย่างกับหลิงหวงเทียน

ใบหน้าของหลิงหวงเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย แววตาฉายแววตื่นเต้น ก่อนจะหายไป เขามองจิวโมไป๋ด้วยความสงสัย

จิวโมไป๋ไม่สนใจ เขาหันหลังเดินลงจากสนามประลอง กลับไปยังห้องรอปี 1

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด